เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

กระทู้นี้ เพื่อนักศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่ 16

ผมขอเปิดกระทู้ใหม่ครับ เนื่องจากกระทู้ที่ 15 ต้องใช้เวลา search หาข้อมูลนาน สวัสดีครับ
การเวก (กรวิก) - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
ผมวินาศน์ครับ ข้อมูล ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๗

๘ ๓๐ กรุงเทพ ครับ ตามมาจากกระทู้ ๑๕ ครับผม

ตามการผูกดวงที่อาจารย์ผูกให้ผมดาว ๔ ผมอยู่ตุลย์หรือครับ แล้ว ดาว ๖ ผมเป็นนิจอยู่ราศีกันย์ถูกต้องไม๊ครับ ทำไมผมผูกแบบสุริยาสตร์ที่เวบพยากรณ์ ดาว ๔ ผมถึงอยู่กันย์ครับ เข้าใจว่าอาจารย์คงผูกไม่เหมือนกัน

ช่วงนี้อายุเต็มของผม ๓๒ ครับ

ทักษาจริงๆแล้ว ดาว ๔ กาลกิณีเดิม เป็นมนตรีจร

ชันษาจรเมถุน ถ้าเราเอาความหมายของทักษามาขยาย จะอ่านได้ประมาณนี้หรือไม่ครับอาจารย์ช่วยชี้แนะ

ดาว ๔ เป็นมนตรีจร

ดาว ๔ เจ้าเรือนตนุ ( ศุภะเดิม ) ปุตตะ(จร )

วินาสน์ (จร )

หมายถึงตัวของเจ้าชะตามองหาความมั่นคง

ทางด้านทำเลที่ตั้ง เป็นงานที่มาจากต่างประเทศ (ศุภะ ) โดยการแสวงหารายได้หรือการลงทุนใหม่ๆ(ปุตตะ ) (ดาว ๑ เป็นศรี )ในช่วงสั้นๆ แต่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันเกี่ยวกับทางด้าน การเงินและหุ้นส่วนทางด้านการเงิน( ดาว ๓ การเงิน และปัตนิ เดิม) อย่างฉับพลันต้องแก้ไขอย่างไม่คาดคิด แต่เจ้าชะตาจะได้ผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือ( มนตรีจร ) จากอุปสรรคที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ (กาลกิณีเดิม) มั่วไม๊ครับอาจารย์ครับ

การแบ่งน้ำหนักทางทักษา เมื่อดาว ๔ เป็นมนตรีจร เราจะแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่

เช่น มนตรีจรตอนนี้ ๗๐เปอร์เซ็นต์ และเรายังไม่ทิ้งกาลีเดิม อีก ๓๐ เปอร์เซ็นต์

หรือทว่า เมื่อเป็นมนตรีจรปีนี้แล้ว จะไม่มีน้ำหนักของกาลี สิ่งที่เป็นอุปสรรคหลงเหลืออยู่เลย

ตัวอย่างคนที่ลัคน์อยู่กรกฎ

มีดาว ๖ ได้ตำแหน่งเกษตร และในเรือนเกษตรทั้งสองเรือนของดาว ๖ ไม่มีดาวอืนสัมพันธ์ และร่วมเรือนเกษตรและเล็งดาว๖เกษตร

เราจะใช้ดาวอะไรเป็นดาวตรีเทพครับอาจารย์ขอบคุณครับ


วินาศน์ - 13 ธันวาคม พ.ศ.2549 17:42น. (IP: 58.64.126.43)

ความคิดเห็นที่ 2
ตอบ คุณวินาศน์

ตามที่คุณถามมา คำตอบมีดังนี้

** เรื่องการผูกดวง ขึ้นอยู่กับว่านักพยากรณ์จะใช้ในระบบ สุริยยาตร์ หรือ นิรายนะ (ลาหิรี) ถนัดเช่นไรก็ใช้เช่นนั้น ส่วนทีผมใช้อยู่ก็เป็นส่วนตัวสำหรับการพยากรณ์ของผมเอง ตรงนี้ผมคงอธิบายไม่ได้ เนื่องจากได้รับปากจากท่านอาจารย์ผมมาว่า วิธีการใช้จะไม่เผยแพร่ในที่สาธารณชน (ตรงนี้ต้องขออภัยด้วยครับ) แต่ยืนยันได้ว่าดาวพุธในดวงชะตาคุณอยู่ในราศีตุลย์ สำหรับเรื่องตำแหน่งดาวเมื่อผูกดวงชะตาขึ้นมาให้ทดสอบถึงภพ ตำแหน่งดาวที่มีอยู่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไปตามดวงดาวครับ

** ส่วนเรื่องภูมิทางทักษาจร กับ ทักษาเดิม เวลาจะพยาการณ์จะต้องใช้ทักษาจรก่อน สำหรับทักษาเดิมถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ใช้สักเท่าไร ส่วนความหมายที่ คุณวินาศน์ฯ แสดงให้ทราบนั้น ใช้ได้ครับ ลองเปรียบเทียบกับชีวิตจริงของคุณดูว่าเป็นไปดังความหมายนั้นหรือเปล่า

** เรื่องของดาวตรีเทพ ในเบื้องต้น คงต้องดูว่ามีดาวตรีเทพร่วมราศีหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ดูในจุดต่อไปว่าเล็งกันหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ดูในจุดต่อไปคือเป็นตรีโกณฑ์กับดาวตรีเทพหรือเปล่า ถ้ายังไม่มีก็ดูในจุดที่เป็นจตุโกณหรือภพจอมฟ้ากันหรือเปล่า ถ้ายังไม่ถึงกันอีกก็ดูในจุดที่เป็นโยคหน้าโยคหลังแก่กันหรือเปล่า ถ้ายังไม่มีอีกก็ดูจุดสุดท้ายคือเป็นศูนย์พาหะหน้า ศูนย์พาหะหลังต่อกับหรือเปล่า ตรงนี้ผมคิดว่าแค่จุดหรือสองจุดแรกก็ถึงกันแล้วละครับ

ยังมีอีกกรณีหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของดาวตรีเทพ สมมุติว่าดาวที่เราต้องการทราบอยู่ร่วมกับดาวตรีเทพ สองดวงหรือสามดวง เราจะพิจารณาว่าดาวที่เราต้องการทราบควรจะใช้ดาวตรีเทพใด ต้องเริ่มจากการดูว่า ดาวตรีเทพนั้น ๆ เป็น คู่ธาตุ คู่มิตร คู่สมพล หรือคู่ศัตรู กับดาวที่เราต้องการอาศัยดาวตรีเทพในการพยากรณ์ โดยเรียงตามลำดับความสำคัญที่ผมเรียงไว้ให้

ผมคงจบคำอธิบายไว้เพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 08:43น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 3
สวัสดีค่ะอาจารย์

ขอบคุณสำหรับคำตอบในกระทู้ที่ 15 นะคะ

อาจารย์คะการดูดาวดีดาวเสียดูจากคุณภาพดาวที่เป็นเกษตรเป็นประเป็นหลักหรือเปล่าคะ แต่ถ้าดาวเป็นเกษตรแต่อยู่เรือนเสียล่ะคะ แล้วยังมีการอ่านที่อ่านเฉพาะดาวสถิตราศีนั้น ๆ อีก บางครั้งมันขัดแย้งกันเราจะใช้อันไหนเป็นหลักคะ

เช่นเสาร์เจ้าเรือนลาภะอยู่เรือนวินาศน์(ราศีกุมภ์)แต่เสาร์ได้เกษตร

การที่เรามีดาวในอริมรณะวินาศน์นั้นจะถือว่าเราไม่ถูกกับดาวที่สถิตในภพนั้น ๆ ได้หรือไม่คะ หรือว่าจะต้องดูคุณภาพและการให้คุณให้โทษก่อน

อ้ออีกหนึ่งคำถามค่ะ การเปรียบเทียบความร่ำรวยหรือความสุขในชีวิตของคนสองคนเราสามารถมองจากดวงเขาแล้วรู้เลยหรือไม่คะ


แมว - 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:35น. (IP: 124.157.200.252)

ความคิดเห็นที่ 5
ตอบ คุณแมว

ที่จริงแล้วในวิชาโหราศาสตร์ยังมีสิ่งที่ต้องศึกษาอีกมากพอสมควรเลยทีเดียว อย่างเช่นที่คุณถามมานั้น ถ้าจะตอบคงต้องตอบกันแบบยาว ๆ พอสมควร และต้องใช้เวลาในการไขปริศนาให้ผู้ถามได้เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา มาว่ากันตามที่คุณถามเป็นข้อ ๆ ดีกว่า

** เรื่องคุณภาพของดวงดาว การที่เจ้าชะตามีดวงดาวมีตำแหน่งมาตรฐาน คือ เป็น เกษตร อุจจ์ มหาจักร ราชาโชค (ถ้าเป็นภพเสียก็แย่หน่อย หรือเป็นภูมิกาลีก็แย่หน่อย) หากอยู่ในภพที่ดีก็จะมีความหมายของตำแหน่งดาว แต่หากเป็นประ เป็นนิจจ์ ก็แย่ตามตำแหน่งมาตรฐานของดาว

สำหรับการอ่านเรื่องเฉพาะของดวงดาว เช่น ดาวนี้อยู่ราศีนี้จะเป็นเช่นนี้ ตรงนี้เป็นสถิติที่ครูบาอาจารย์ ครูโหร สมัยก่อนท่านได้บันทึกสถิติเอาไว้ แล้วนำมาสั่งสอนศิษย์กัน ซึ่งจะเป็นในแนวทางของใครของคน ๆ นั้น หากเราจะนำมาใช้เป็นหลักพยากรณ์ก็จะต้องดูและจดเป็นสถิติเอาไว้ว่าเป็นไปตามที่ครูโหรสอนเอาไว้หรือไม่ หากไม่เพราะเหตุไร หากใช่เพราะเหตุไร แล้วเราก็ต้องบันทึกเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นสถิติของตนเอง

** สำหรับเรามีดาวในภพ อริ มรณะ วินาศน์ มิใช่ว่าเราไม่ถูกกับภพนั้น ๆ ต้องดูว่าดาวที่มาอยู่ในภพอริ มรณะ วินาศน์ เป็นเจ้าเรือนภพอะไร ก็จะมีความหมายว่าภพนั้น ๆ จะมีปัญหาตามภพที่ไปสถิตย์ว่าเป็นเช่นไร

** สำหรับการเปรียบเทียวเรื่องของความสุข ความร่ำรวย ในชีวิตของคนทั่วไป ที่เราได้เห็นดวงชะตา ในเบื้องต้นสามารถรู้ได้เมื่อนักพยากรณ์ท่านนั้นมีความแม่นยำในหลักการณ์ มีประสบการณ์ในการพยากรณ์มาอย่างช่ำชอง

หมายเหตุ การเริ่มต้นพยากรณ์ หรือการฝึกการพยากรณ์ดวงชะตา ควรจะพยากรณ์ไปตามหลักการก่อน คือไล่ไปตั้งแต่ภพตนุ-วินาศน์ ดูว่าดาวไปอยู่ในภพใด ดูความสัมพันธ์ของดวงดาว ดูตามที่ครูบาอาจารย์สอน จนชำนาญ สำหรับตำหรับตำราที่เป็นเคล็ด เป็นเกร็ด ในการพยากรณ์ เมื่อเราแม่นในหลักการแล้ว เรื่องเคล็ด และเกร็ดในการพยากรณ์จะซึมซาบเข้าไปโดยเราไม่รู้ตัวหลังจากเราได้อ่านและทำความเข้าใจ ในการเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยก็เหมือนกับเรียนวิชาเลขคณิต คือต้องเข้าใจว่า 1+1 = 2 10+20 = 30 มิใช่ต้องมานั่งนับนิ้วทีละนิ้วจนครบจำนวนที่บวก มิใช่เป็นการท่องแบบนกแก้นกขุนทอง เพราะเวลาจะหยิบเคล็ด เกร็ด มาใช้ มันจะติดขัด ใช้ไม่คล่อง

ผมคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:22น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 4
ตอบ คุณแมว

ที่จริงแล้วในวิชาโหราศาสตร์ยังมีสิ่งที่ต้องศึกษาอีกมากพอสมควรเลยทีเดียว อย่างเช่นที่คุณถามมานั้น ถ้าจะตอบคงต้องตอบกันแบบยาว ๆ พอสมควร และต้องใช้เวลาในการไขปริศนาให้ผู้ถามได้เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา มาว่ากันตามที่คุณถามเป็นข้อ ๆ ดีกว่า

** เรื่องคุณภาพของดวงดาว การที่เจ้าชะตามีดวงดาวมีตำแหน่งมาตรฐาน คือ เป็น เกษตร อุจจ์ มหาจักร ราชาโชค (ถ้าเป็นภพเสียก็แย่หน่อย หรือเป็นภูมิกาลีก็แย่หน่อย) หากอยู่ในภพที่ดีก็จะมีความหมายของตำแหน่งดาว แต่หากเป็นประ เป็นนิจจ์ ก็แย่ตามตำแหน่งมาตรฐานของดาว

สำหรับการอ่านเรื่องเฉพาะของดวงดาว เช่น ดาวนี้อยู่ราศีนี้จะเป็นเช่นนี้ ตรงนี้เป็นสถิติที่ครูบาอาจารย์ ครูโหร สมัยก่อนท่านได้บันทึกสถิติเอาไว้ แล้วนำมาสั่งสอนศิษย์กัน ซึ่งจะเป็นในแนวทางของใครของคน ๆ นั้น หากเราจะนำมาใช้เป็นหลักพยากรณ์ก็จะต้องดูและจดเป็นสถิติเอาไว้ว่าเป็นไปตามที่ครูโหรสอนเอาไว้หรือไม่ หากไม่เพราะเหตุไร หากใช่เพราะเหตุไร แล้วเราก็ต้องบันทึกเอาไว้ด้วยเพื่อเป็นสถิติของตนเอง

** สำหรับเรามีดาวในภพ อริ มรณะ วินาศน์ มิใช่ว่าเราไม่ถูกกับภพนั้น ๆ ต้องดูว่าดาวที่มาอยู่ในภพอริ มรณะ วินาศน์ เป็นเจ้าเรือนภพอะไร ก็จะมีความหมายว่าภพนั้น ๆ จะมีปัญหาตามภพที่ไปสถิตย์ว่าเป็นเช่นไร

** สำหรับการเปรียบเทียวเรื่องของความสุข ความร่ำรวย ในชีวิตของคนทั่วไป ที่เราได้เห็นดวงชะตา ในเบื้องต้นสามารถรู้ได้เมื่อนักพยากรณ์ท่านนั้นมีความแม่นยำในหลักการณ์ มีประสบการณ์ในการพยากรณ์มาอย่างช่ำชอง

หมายเหตุ การเริ่มต้นพยากรณ์ หรือการฝึกการพยากรณ์ดวงชะตา ควรจะพยากรณ์ไปตามหลักการก่อน คือไล่ไปตั้งแต่ภพตนุ-วินาศน์ ดูว่าดาวไปอยู่ในภพใด ดูความสัมพันธ์ของดวงดาว ดูตามที่ครูบาอาจารย์สอน จนชำนาญ สำหรับตำหรับตำราที่เป็นเคล็ด เป็นเกร็ด ในการพยากรณ์ เมื่อเราแม่นในหลักการแล้ว เรื่องเคล็ด และเกร็ดในการพยากรณ์จะซึมซาบเข้าไปโดยเราไม่รู้ตัวหลังจากเราได้อ่านและทำความเข้าใจ ในการเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยก็เหมือนกับเรียนวิชาเลขคณิต คือต้องเข้าใจว่า 1+1 = 2 10+20 = 30 มิใช่ต้องมานั่งนับนิ้วทีละนิ้วจนครบจำนวนที่บวก มิใช่เป็นการท่องแบบนกแก้นกขุนทอง เพราะเวลาจะหยิบเคล็ด เกร็ด มาใช้ มันจะติดขัด ใช้ไม่คล่อง

ผมคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:22น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 6
สวัสดีค่ะอาจารย์

ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ หากมีข้อสงสัยจะมารบกวนใหม่ค่ะ ตอนนี้ขอกลับไปฝึกอ่านภพสองขั้นก่อน


แมว - 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 20:37น. (IP: 124.157.200.252)

ความคิดเห็นที่ 7
สวัสดีค่ะอาจารย์

ว่าจะถามอีกเรื่องลืมไปค่ะ

ดวงของคนหนึ่งเขาอยู่ลัคนาเมษ มีเสาร์(อุจจ์)อยู่เรือนปัตนิ จันทร์ไปอยู่อริ ตามพื้นดวงก็ต้องบอกว่าเสาร์ไม่เสียแต่บางตำราว่าเสาร์อยู่ปัตนิจะแต่งงานช้า ก็ตรงกับเจ้าชะตาเพราะแต่งงานอายุสามสิบกว่า ทีนี้ถ้าเราดูว่าพื้นดวงเค้าเสาร์ไม่เสีย เมื่อเวลาเสาร์จรทับดาวอื่นในภพอื่นหรือเข้าภพที่ไม่มีดาว ก็ควรจะทำนายว่าไม่เสียด้วยหรือเปล่าคะ อย่างเช่นจรเข้าภพปุตตะ(ไม่มีดาว) จะต้องทำนายว่าอย่างไรคะ


แมว - 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 21:42น. (IP: 124.157.200.252)

ความคิดเห็นที่ 8
ตอบ คุณแมว

เรื่องที่ถามมีรายละเอียดดังนี้

** คนที่มีดาวเสาร์เล็งลัคน์ เวลาพยากรณ์มี 4 ประเด็นคือ

1. คนอายุมากกว่า ไม่ชอบ 2. คนฐานะด้อยกว่าก็ไม่ชอบ 3. คนที่มีการศึกษาด้อยกว่าก็ไม่ชอบ (เว้นเสียแต่ว่ามีดาวพฤหัสร่วมกับเสาร์ ก็จะเข้ากับคำกลอน "พฤหัสเสาร์ เสาร์ราหูได้คู่ชิด มักแผกผิดพรากคู่ดูน่าขัน กลับเอาข้าชาติชู้ขึ้นชูชัน ถ้าอยู่สิงห์กุมภ์กันย์ กักขฬะ (กักขฬา)" 4. คนที่มีฐานะเท่ากัน แต่การศึกษาด้อยกว่าก็ไม่ชอบ หรือ คนที่มีการศึกษาเท่ากัน แต่ฐานะด้อยกว่าก็ไม่ชอบ

ที่ว่าแต่งงานช้าก็เพราะสาเหตุเหล่านี้ คือเลือกมาก ช่างเลือก กว่าจะเจอไม้งามก็ขวานบิ่นซะแล้ว (ผมล้อเล่นนะครับ) สำหรับเรื่องเสาร์จร หรือ ดาวอื่นจร เข้ากระทบกับดาวอะไร ลองไปอ่านตำนานชาติเวรดู ในเรื่องของตำนานชาติเวรจะมีบอกเอาไว้ว่า ดาวอะไรกระทบกับดาวอะไร จะเกิดเหตุการณ์อะไร ที่ผมยกเอาตำนานชาติเวรมากล่าวเพื่อมิให้ท่านทั้งหลายมองข้ามจุดนี้ไป เพราะจุดนี้เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่ใช้ในการพยากรณ์จร

ผมคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 15 ธันวาคม พ.ศ.2549 09:01น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 9
ตอบ คุณแมว

ต้องขอโทษที ที่ในคำกลอนพิมพ์ผิดไป ตรงที่ว่า กลับเอาข้าชาติชู้ขึ้นชูชัน ที่จริงต้องเป็น" กลับเอาทาสชาติชู้ ขึ้นชูชัน"



การเวก (กรวิก) - 15 ธันวาคม พ.ศ.2549 09:03น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 10
สวัสดีค่ะอาจารย์

ค่ะขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะลองหาอ่านดูค่ะ แล้วที่ว่าดาวจรเข้าเรือนที่ไม่มีดาวกำเนิดสถิตล่ะคะ


แมว - 15 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:20น. (IP: 124.157.200.252)

ความคิดเห็นที่ 11
สวัสดีครับอาจารย์ ผมวินาศน์ครับ

ถามอาจารย์เรื่องทักษาครับ

ปัจจุบัน ดาวเสาร์ เป็นกาลกิณีจรในดวงผม

เสาร์เดิมอยุ่ในเรือนศุภะ ของดาว ๔ ( เป็นมนตรี จร ปี )

ความแรงของเสาร์ตลอดระยะอายุจร ๑ ปีของผม

ถือว่าร้ายหรือไม่ ครับอาจารย์

ถามอีกมุมนึง

สมมุติ เสาร์ ( กาลกิณีจร ) โคจรเข้าราศีสิงห์ ของดาว ๑

ดาว ๑ เป็นศรีจรของผมในปีนี้

ความราบรื่น หรือความดีงาม ในความหมายของศรี

จะเสียไปหมดหรือไม่ครับ ตรงนี้เราต้องอ่านความหมายเช่นไรครับ ขอบคุณครับ


วินาศน์ - 15 ธันวาคม พ.ศ.2549 15:57น. (IP: 58.10.93.44)

ความคิดเห็นที่ 12
ตอบ คุณแมว

ในกรณีดาวจรที่จรเข้าราศีที่ไม่มีดาวอยู่ ลองดูว่าดาวจรนั้นตรีโกณฑ์กับดาวดวงใดบ้าง ก็จะส่งกระแสร์ถึง หากไม่มีตรีโกณก็ดูจตุโกณและภพจอมฟ้า และหากไม่มีดาวในจตุโกณกับภพจอมฟ้า ก็ดูที่โยคหน้าโยคหลัง ลองใช้ดูนะครับ

ตอบ คุณวินาศน์

คำตอบมีดังนี้นะครับ

** เรื่องเสาร์เป็นกาลกิณีจร เสาร์เดิมไม่มีตำแหน่ง ปีนี้เสาร์เป็นกาลกิณีจรก็ต้องระวังพอสมควร ให้ระวังช่วงที่ดาวอังคารเล็งดาวเสาร์เดิม ทับเสาร์เดิม เป็นตรีโกณฑ์กับเสาร์เดิม ช่วงนั้นการเดินทางโดยทางรถต้องระวังเช่น เวลาขับรถลงจากเขา เวลาขับรถลงจากที่สูง หรือเวลาเดินเหิรก็ต้องระวังจะตกจากที่สูง หากไม่ระวังก็คงต้องมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกระดูกแตก กระดูกหัก

** สำหรับเรื่องดาวเสาร์ที่จรเข้าราศีสิงห์ มีอาทิตย์เป็นศรี คงทำให้การหารายได้ของเราคงต้องเหนื่อยหน่อยเท่านั้นเอง

ที่จริงผมอยากให้คุณวินาศน์ ลองเข้าไปอ่านในกระทู้ของท่านอาจารย์วรกุลฯ บ้าง ตั้งแต่กระทู้แรก ๆ ค่อย ๆ อ่าน แล้วนำไปปฏิบัติ แล้วคุณจะไม่สับสน การที่จะใช้ทักษาเข้ามาขยายความหมายในราศีจักรต้องใช้ความเข้าใจ และความชำนาญ หากเร่งใช้ก็จะทำให้สับสน เดี๋ยวจะหลงทางเปล่า ๆ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป อย่าเดินเร็วเดี๋ยวจะหกล้ม ผมอยากจะให้ทุกท่านที่เข้ามาท่องในเวปนี้ได้รับประโยชน์ไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้รับความเข้าใจ มิใช่นำไปท่องเพื่อจำ มันจะไม่ได้ผลสักเท่าใด

ผมคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 15 ธันวาคม พ.ศ.2549 16:38น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 13
รบกวนสอบถามอาจารย์การเวกต่อครับ

ในเรื่องของการแลกเรือน ผมพอเข้าใจตามที่อาจารย์อธิบายแล้วครับ

แถมได้ข้อสังเกตเรื่องธาตุมาด้วย

ขอเรียนถามเพิ่มเติมในกรณีอย่างดาวอังคารและเสาร์ แลกเรือน (อังคารอยู่ราศีมังกรเป็นอุจน์ ส่วนเสาร์อยู่ราศีเมษ เป็นนิจ)

ในกรณีนี้ คุณภาพดาวต่างกันมาก ดวงหนึ่งเป็นถึงอุจน์ ่ส่วนอีกดวงเป็นนิจ

ในกรณีนี้น่าจะต่างกับดาวประสลับเรือน หรือดาวสลับเรือนปกติด้วยใช่ไหมครับ

สำหรับคนที่ลัคนาราศีธนู

ดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนวินาศน์และปุตตะ

ส่วนเสาร์เป็นเจ้าเรือนกดุมภะ

อังคารน่าจะทำหน้าที่ วินาศน์/ปุตตะ ประมาณ 30/70 แต่อย่างไรก็ดี เมื่ออังคารเป็นเจ้าเรือนวินาศน์ เมื่อไปอยู่ในเรือนกดุมภะ และเสาร์เจ้าเรือนอ่อนแอ(เป็นนิจ) ย่อมน่าจะหมายถึงเจ้าของดวงมักจะได้รับความลำบากทางการเงินอยู่เสมอ(เจ้าเรือนกดุมภะเป็นนิจ ตัวเงินมีน้อยอยู่แล้ว แถมยังถูกเบียนไปอีก)

อ่านอย่างนี้พอได้ไหมครับ

ยิ่งเมื่อดาวเสาร์เป็นกาลกิณีจรในปีนี้ เมื่ออังคารมาตรีโกณ เล็งหรือทับ ก็จะให้ผลกระทบเรื่องการเงิน (หรืออุบัติเหตุอะไรสักอย่าง)

ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกไหมครับ..


มือใหม่ทักษา - 16 ธันวาคม พ.ศ.2549 03:27น. (IP: 210.4.139.129)

ความคิดเห็นที่ 14
ขอบคุณครับ อาจารย์ครับ

ที่ว่าเสาร์เป็นกาลีในปีนี้ เสาร์เดิมเป็นเจ้าเรือนพันธุ

เป็นเจ้าเรือนมรณะชันษาปี อาจารย์บอกว่า ระวังช่วง

อังคารจร เล็งเสาร์เดิม ตรีโกรณ เสาร์เดิม ทับเสาร์เดิม

เอ่อไม่ทราบว่า ช่วงที่ดาวอังคาร จตุโกณ กับเสาร์เดิม

หรืออังคาร ทับ เล็ง ตรีโกรณ กับเสาร์ จร จะเกิดเรื่องได้เหมือนกับที่เกิดกับเสาร์ เดิม ด้วยหรือไม่

ระบบที่อาจารย์ใช้อยู่ในสายอาจารย์อรุณ ใช้โยคเกณฑ์มาทำนายด้วยหรือครับ ถามประดับความรู้นะครับ

ไม่ทราบว่าอาจารย์การเวก เรียนกับอาจารย์ท่านใดมาครับ

เผื่อในอนาคตผมจะได้ไปเรียนบ้างครับ


วินาศน์ - 16 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:02น. (IP: 58.64.126.254)

ความคิดเห็นที่ 15
ตอบ คุณมือใหม่ทักษา

ที่คุณกล่าวมาก็เข้าใจถูกกึ่งหนึ่ง ในกรณีกดุมภะเป็นนิจจ์ ต้องดูว่าอยู่ในภพอะไร ซึ่งเสาร์เดิมอยู่ในภพปุตตะ เป็นเรือนอังคาร แถมสลับเรือนกับเสาร์ อังคารเป็นอุจจ์อีก อันภพปุตตะนั้นหมายถึง การเสี่ยงในการพนัน, บริวารคนรอบข้างของเจ้าชะตา (ที่มีอายุน้อยกว่า แต่ตรงนี้ผมคงเหมารวมว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทั้งหมด รวมทั้งคนใกล้ชิด อาจจะมีอายุมากกว่าก็ได้) ซึ่งเหตุผลนี้ก็คงเพียงพอแก่การพยากรณ์ และลองดูทักษาสักนิดว่าถ้านำมาขยายแล้วคำพยากรณ์จะดูดีกว่านี้หรือไม่ หากดีก็นำมาเสริม หากขยายแล้วปกติก็ไม่ต้องขยาย

ตอบ คุณวินาศน์

จริง ๆ แล้วหากเรียนมาทางสายท่านอาจารย์อรุณฯ จะมีจตุโกณ กับภพจอมฟ้า เรื่องโยค ตรีโกณฑ์ ศูนย์พาหะ จะไม่นำมาเกี่ยวข้อง แต่หากไม่เป็นจตุโกณหรือภพจอมฟ้า ถ้าเป็นตรีโกณฑ์ หรือ โยค ก็คงต้องกันไว้ ดังที่ผมเรียนไว้แต่ต้นว่า การเรียนวิชาโหราศาสตร์ ต้องเปิดใจให้กว้าง หากมีเกณฑ์ใดเกิดขึ้นก้อลองบันทึกดูว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นหรือไม่ หากเกิดก็สามารถจะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาผสมผสานใช้ดู อย่าไปยึดติดกับบทบัญญัติว่าต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ถึงจะ ok

สำหรับเรื่องของอังคารเป็น โยค ตรีโกณฑ์ หรือเล็ง หรือจตุโกณฑ์กับภพจอมฟ้า ตรงนี้ก็คงต้องดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นแล้วก็บันทึกไว้เพื่อเป็นสถิติ อันที่จริงในวิชานี้ของท่านอาจารย์อรุณฯ ท่านได้กล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องของดาวจรที่จรไปในราศีต่าง ๆ แล้วสามารถไปอยู่ในราศีใดได้บ้าง ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องของดาวแฝงแสง ลองอ่านให้ละเอียดดูนะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 18 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:18น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 16
สวัสดีค่ะอาจารย์

สงสัยเรื่องเรือนค่ะ คือว่าถ้าจะดูฐานะว่าเจ้าชะตาฐานะดีหรือไม่ ต้องแยกดูกดุมภะกับพันธุและศุภะไหมคะ หมายความว่าหากเจ้าชะตามีอสังหาริมทรัพย์มากแต่ไม่ค่อยมีเงินสดเนี่ย จะเป็นไปได้ไหมว่าดาวเจ้าเรือนกดุมภะเป็นประหรือนิจ แต่เจ้าเรือนพันธุได้มาตรฐานดีน่ะค่ะ


แมว - 19 ธันวาคม พ.ศ.2549 20:16น. (IP: 222.123.30.123)

ความคิดเห็นที่ 17
มาตราฐานดาวเป็น เกษตร อุจจ์ แต่อยู่ภพเสียเช่น วินาศ มรณะ จะทำให้ความหมายหรือผลดีกลายเป็นไม่ดี หรือ กรณี ที่มาตราฐานดาวเป็น ประ นิจ ไปอยู่ในภพที่เสียเช่นภพ วินาศ จะทำให้ผลกลับกัน จากเสียกลายเป็นดี ได้ไหมครับ


ตุ๊ - 20 ธันวาคม พ.ศ.2549 03:27น. (IP: 202.29.60.42)

ความคิดเห็นที่ 18
ตอบ คุณแมว

ตามที่คุณแมวถามมา เกี่ยวกับเรื่องดูฐานะของเจ้าชะตา ภพศุภะตัดทิ้งไปได้ (เพราะภพนี้โดยส่วนใหญ่จะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เช่น ประสบความสำเร็จ ผู้ใหญ่ พระ เจ้า ฯลฯ) ส่วนที่เกี่ยวกับภพกดุมภะและพันธุนั้นถูกต้องครับ แต่ยังมีส่วนเพิ่มเติมที่ว่า กดุมภะเป็นประนั้นต้องดูว่าเสียเพราะอะไร สำหรับพันธุยังมีดาวอีก 1 ดวงที่สามารถตีความหมายถึงที่ดินได้ คือ ดาวเสาร์ ถ้าเป็นอุจจ์หรือเกษตร และแถมเป็นภพพันธุด้วยจะดีมาก ๆ

ตอบ คุณตุ๊

คำถามที่คุณถามมาตอบได้ดังนี้

** ดาวที่มีตำแหน่งอุจจ์ เมื่อไปอยู่ในภพเสีย เสียเพียงเล็กน้อย (เพราะตำแหน่งของดาวอุจจ์มิใช่เจ้าเรือนภพนั้น ๆ เช่น ดาวศุกร์เป็นอุจจ์ในราศีมีน ดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนราศีพฤษภ และ ราศีตุลย์) ในวิชาโหราศาสตร์ไทยเรา ดาวที่มีตำแหน่งเกษตร อุจจ์ เมื่อมีดาวที่มาจากภพเสียอยู่ร่วมราศีก็ไม่สามารถทำลายดาวอุจจ์หรือเกษตรได้ แม้จะเสียก็เสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือจะเสียเมื่อปีจร หรือภูมิจร ของดาวอุจจ์เป็นภพเสีย ภูมิเสีย

สำหรับดาวเกษตรถ้าเป็นภพเสีย เสียหนัก เป็นภพอะไรก็เกี่ยวกับเรื่องนั้น

** ส่วนดาวที่ไปตกภพเสีย แล้วมีตำแหน่งประตำแหน่งนิจจ์ เวลาเสียก็เสียเป็นสองเท่า คือตัวเองเสียแล้วหนึ่ง ไปตกในภพเสียอีกหนึ่ง เป็นต้น สำหรับดาวที่มีตำแหน่งเป็นนิจจ์ เป็นประ ไปอยู่ในภพใดแล้วมีดาวจากภพ อริ มรณะ วินาศน์ มาร่วมด้วย ก็จะเสียมากกว่าเดิม

คำตอบคงมีเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 20 ธันวาคม พ.ศ.2549 08:32น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 19
สวัสดีค่ะอาจารย์

อ่านที่อาจารย์ตอบคุณตุ๊แล้ว เรื่องหากดาวเป็นอุจจ์แล้วถึงแม้อยู่เรือนที่เสียก็จะไม่เสียเท่าไหร่ ขอทำความเข้าใจหน่อยนะคะ สมมุติว่าลัคนาอยู่กุมภ์ แต่มีพฤหัสอยู่เรือนอริ (กรกฏ) ส่วนดาวเจ้าเรือนอริ(จันทร์)อยู่ลาภะ พฤหัสก็เท่ากับเป็นอุจจ์

1 อาจารย์บอกว่าจะไม่เสียมาก คือดีหรือคะ

2 หมายความว่าการเงิน และลาภผล(พฤหัสเจ้าเรือนการเงินและลาภะ)+อริ +ลาภะ คือการเงินที่จะได้มาต้องต่อสู้และจะกลายเป็นลาภหรือไงคะ

3 หากเจ้าเรือนอริ ไม่อยู่ลาภะ เราจะอ่านคุณสมบัติของอุจจ์ให้ไม่เสียมากยังไงคะ อ่านชั้นเดียวได้ไหมคะ เช่น กดุมภะ+อริ แต่ดาวได้อุจจ์ ก็จะเป็นว่าการเงินจะได้มาต้องต่อสู้แต่ไม่เหนื่อยมากหรือไงคะ


แมว - 20 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:41น. (IP: 222.123.65.86)

ความคิดเห็นที่ 20
ตอบ คุณแมว

สิ่งที่คุณแมวฯ ถามมาสิ่งนี้แหละที่ผมเคยได้กล่าวไว้ว่า ในการเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยต้องเรียนกันหน้าชั้น ถามกันสด ๆ ตอบกันสด ๆ เรียนกันแบบเข้าใจกันถึงจะดี การมาถามตอบในเวป บางครั้งก็ตอบลำบาก เพราะต้องยกตัวอย่างเปรียบเทียบ บางทีตัวอย่างที่ยกมาเปรียบเทียบก็ยาว บางทียกมานิดเดียวก้อเข้าใจแล้ว เป็นต้น สำหรับคำถามที่ถามมานั้นตอบได้ดังนี้

1. ที่ผมเคยกล่าวไว้ว่าการจะดูว่าดาวที่ได้ตำแหน่งอุจจ์ เกษตร นั้นจะเสียหรือไม่ให้ดูภาพรวม โดยดูที่ภพ และที่ว่าไม่เสียขึ้นอยู่กับความหมายที่เราจะให้ในการพยากรณ์

2. ตามตัวอย่างที่คุณแมวฯ ยกมา พฤหัสฯ เป็นเจ้าเรือนภพกดุมภะ และภพลาภะ ไปอยู่ในราศีกรกฎ (มีดาวจันทร์เป็นเจ้าเรือนภพ) และดาวจันทร์ไปอยู่ในราศีธนู (ภพลาภะ) ที่คุณแมวฯ ให้ความหมายมาก้อถูก แต่ดูแล้วความหมายที่ให้มาค่อนข้างจะกระด้างไปหน่อย ผมจะยกความหมายนี้มาให้ดู คือ "ทรัพย์สินที่เจ้าชะตามีอยู่ (ภพกดุมภะ) มาจากการขวนขวาย ดิ้นรน ในการหารายได้ของตัวเจ้าชะตาเอง (พูดง่าย ๆ ก้อคือ มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเจ้าชะตาเอง) บางท่านเมื่ออ่านภพกดุมภะก็จะหมายถึงเงินทอง รายรับ อันภพกดุมภะนี้ยังมีความหมายอีกกว้างพอสมควร แต่โดยรวมที่ผมใช้อยู่มักจะใช้ในความหมายว่า เป็นทรัพย์สินที่เจ้าชะตามีอยู่ บางคนมีเจ้าเรือนกดุมภะอยู่ในภพมรณะ สิ่งนี้บางท่านก็จะแปลความหมายไม่ค่อยจะได้ ซึ่งถ้าแปลความหมายทั่ว ๆ ไป ก็คือ "ทรัพย์สินที่เจ้าชะตามีอยู่มาจากการสูญเสีย การตาย หรือมาจากต่างถิ่นแดนไกล" อันคำว่าการสูญเสีย การตาย ถ้าแปลความหมายให้สละสลวยก็คือ มรดก นั่นเอง เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วผมคิดว่าคุณแมวฯ และท่านที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจได้ในอีกระดับหนึ่ง

3. ตามข้อนี้ ที่คุณแมวฯ อ่านมาก็คืออ่านมาในทางที่ดีที่คุณแมวฯ คิดว่าจะเป็นฯ แต่ถ้าอ่านเอาว่า "ทรัพย์สินที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของเจ้าชะตา หรือ ทรัพย์สินที่เจ้าชะตาครองอยู่ มีคดีความกันอยู่" ถ้าใช้ความหมายนี้จะดูดีกว่า แบบที่ผมว่าเอาไว้นั่นแหละครับว่า ภพแต่ละภพที่ว่า ตนุ-วินาศน์ จะมีความหมายกว้างขวางพอสมควร การจะให้ความหมายในการพยากรณ์จึงต้องดูภาพรวมก่อนว่าในภาพรวมของชะตาชีวิตเป็นเช่นไร แล้วค่อยมาพยากรณ์กันเป็นภพ ๆ เพื่อมิให้เสียความหมายในภาพรวมของชีวิต

ผมคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 20 ธันวาคม พ.ศ.2549 13:07น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 21
สวัสดีค่ะอาจารย์

ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ ที่อาจารย์ว่าจะต้องถามหน้ากระดานน่ะค่ะ ก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ แต่พอดีอยู่ต่างจังหวัดจะไปลงเรียนเหมือนชาวบ้านเค้าก็ไม่ได้ เลยได้แต่อ่าน ๆ เอา ผสมนั่นผสมนี่เอง

ส่วนที่ยากก็คือการดูภาพรวมของชะตาชีวิตน่ะแหละค่ะ ที่พวกนักเรียนใหม่ไม่สามารถจะดูออก ฝึกอ่านดาวเจ้าเรือนก็แล้ว อ่านคุณภาพดาวก็แล้ว แต่พอจะดูภาพรวมกลับไม่รู้จะจับอะไรมาดู มองไปมองไปเหมือนคลุมเคลือไปหมด จะดูว่าดีก็ดี จะดูว่าเสียก็เสีย ยิ่งถ้าคิดแบบตรง ๆ คือ เรือนที่เสียก็มีสามเรือนแล้ว สมมุติมีดาวไปอยู่เรือนเสียอีก ก็เสียไปหกแล้ว ไหนจะเจอประ เจอนิจ อีก สรุปแล้วดูเหมือนดวงจริง ๆ ก็เสียไปเกือบครึ่งน่ะค่ะ พองงไปงงมาเลยไม่ไปถึงไหนซะที


แมว - 20 ธันวาคม พ.ศ.2549 18:13น. (IP: 222.123.128.151)

ความคิดเห็นที่ 22
เรียน อาจารย์การเวก(กรวิก)

ขอรบกวนเรียนถามครับ ผมยังไม่ค่อยเก่งครับ ไม่แน่ใจในบางเรื่องครับ

1. ดาวกาลกิณีวันเกิดตามทักษา เมื่อมาเป็นนิจในดวงกำเนิด ดาวกาลกิณีนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไรครับ และเมื่อดาวกาลกิณีนั้นกุมกับดาวศรีกำเนิด จะให้ทายอย่างไรครับ

2. ความหมายของภพปุตตะ ยังหมายถึง รายได้ รายรับ ด้วยหรือครับ รบกวนอาจารย์บอกความหมายของ ปุตตะ ในทัศนะของอาจารย์ด้วยครับ ผมเห็นบางตำราเขาก็ให้ความหมายของ ปุตตะว่าเป็น รายได้ รายรับ ด้วยนอกเหนือจาก บุตร บริวาร สิ่งใหม่ๆเล็กๆ ฯลฯ


หมึก - 21 ธันวาคม พ.ศ.2549 07:40น. (IP: 210.246.80.106)

ความคิดเห็นที่ 23
ตอบ คุณแมวฯ

ใจเย็น ๆ ครับ อย่าเพิ่งท้อใจ ผมเองเมื่อเรียนใหม่ ๆ ก็เหมือนกับคุณนั่นและ เพียงแต่ใจกล้าหน่อยที่พอเรียนรู้แบบงู ๆ ปลา ๆ แล้ว ก้อกล้าที่จะพยากรณ์ให้กับคนที่ต้องการดู แล้วเก็บเป็นสถิติเอาไว้สำหรับตนเอง เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นแล้วย้อนกลับไปดูตอนที่เรายังเรียนใหม่ ๆ รู้สึกว่า "จากวันนั้น มาถึงวันนี้ ต่างกันราวฟ้ากับดิน" ถามว่าผิดหรือเปล่าที่เราพยากรณ์ให้เขาในขณะที่ยังเรียนใหม่ ๆ อยู่ คงตอบว่าไม่ผิด เพราะที่พยากรณ์ไปถูกประมาณ 50% เท่านั้น แต่ขณะนี้ก็ชดเชยความผิดพลาดให้กับเจ้าของชะตาเหล่านั้นแล้ว

เรื่องการดูชะตาภาพรวมที่ผมพูดถึงก้อหมายถึง ดูว่าภพตนุเขาเป็นเช่นไร ภพกดุมภะเขาเป็นเช่นไร ไล่ไปจนถึงภพวินาศน์ แล้วดูว่ามีดาวอะไรเป็นมาตรฐานคือ อุจจ์ เกษตร มหาจักร ราชาโชค ปร นิจจ์ ดูว่ามีดาวอะไรเป็นภูมิศรีกับกาลี ดูว่าลัคนาได้เกณฑ์อะไร ดาวที่อยู่ในราศีต่าง ๆ เข้าเกณฑ์อะไร เมื่อทราบแล้วก็สามารถปะติดปะต่อเกี่ยวกับภาพรวมของชะตาชีวิตได้ แล้วเวลาพยากรณ์แยกตามที่เจ้าชะตาถามเราจะสามารถตอบได้อย่างไม่ติดขัด ลองดูนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝนทักษะ และผู้ชี้แนะ สวัสดีครับ

ตอบ คุณหมึก

คำถามที่ถามมาคงตอบได้ดังนี้

1. ถ้าตอบตามที่ถามก็ต้องบอกว่า ดาวกาลกิณีตกต่ำ ไม่ส่งผลเท่าไร (โดยมิได้ดูภาพรวม) สำหรับดาวกาลกิณีกุมกับดาวศรี ตรงนี้คงต้องพิจารณาถึง ดาวได้ตำแหน่งมาตรฐานอะไร ถ้าดาวกาลกิณีมีตำแหน่ง อุจจ์ เกษตร มหาจักร ราชาโชค ก็แย่หน่อย ถ้าเป็นปร เป็นนิจจ์ ก็ไม่ค่อยมีอะไร รวมทั้งต้องดูด้วยว่าดาวศรีกับดาวกาลกิณี เป็นคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู กันอย่างไร เป็นดาวที่ส่งเสริมกัน หรือเบียนกัน หรือกลาง ๆ อยู่ในราศีธาตุอะไร ต้องดูด้วยว่าราศีที่อยู่นั้นเป็นธาตุที่ส่งเสริมกัน หรือเบียนกัน หรือกลาง ๆ และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือ ต้องดูด้วยว่า "ดาวเจ้าเรือนที่ดาวกาลกิณีและดาวศีไปสถิตอยู่นั้น จะเข้าข้างดาวกาลกิณี หรือเข้าข้างดาวศรี ถ้าเข้าข้างใครดาวนั้นก็สบายหน่อย ถ้าไม่เข้าข้างใครดาวนั้นก็เหนื่อยหน่อย (ตรงนี้ผมอธิบายแบบลูกทุ่งนะครับ)

2. สำหรับภพปุตตะ ในความหมายค่อนข้างกว้าง เวลาคุณอ่านภพนี้ต้องกำหนดว่า ถ้าหมายถึงบุคคลจะหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงสถานที่จะหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงสิ่งของจะหมายถึงอะไร เช่น ถ้าหมายถึงบุคคลก็หมายถึง เด็ก คนรอบข้าง บริวารที่มีอายุน้อยกว่า ฯลฯ ถ้าหมายถึงสถานที่ก็จะหมายถึง โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนสำหรับเด็กเล็กสถานที่สำหรับเด็ก ๆ ได้เล่น วงสังคมคือสถานที่คนมาชุมนุมเพื่อพูดคุยกัน ถ้าหมายถึงสิ่งของก็จะหมายถึง การเสี่ยง(เสี่ยงทั้งการพนันก็ได้คือ ซื้อหวยทั้งบนดินและใต้ดิน หรือเสี่ยงเล่นบอลล์ เสี่ยงเล่นมวย) โดยนำเงินทองไปเสี่ยงแทงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนกลับมาก็ได้ ถ้าเป็นเกี่ยวกับเรื่องงานก็หมายถึงการลงทุนเพื่อให้มีรายรับรายได้ เป็นต้น สำหรับตำราที่คุณอ่านนั้น อาจารย์ผู้แต่งต้องการจะเน้นให้คุณได้ทราบว่าจะมีความหมายเช่นนั้นก็ได มิใช่ว่าต้องแปลเป็นความหมายเช่นนั้นอย่างเดียว

คำตอบคงมีเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 21 ธันวาคม พ.ศ.2549 14:58น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 24
สวัสดึค่ะอาจารย์

ขอบคุณค่ะที่อาจารย์กรุณาให้กำลังใจนักเรียนหัดใหม่อย่างพวกเรา บางครั้งก็ท้อเหมือนที่อาจารย์ว่านะคะ แต่พอเหลือบไปมองตำราก็อดจะหยิบมาอ่าน มาศึกษาต่อไม่ได้ ไปไหนไม่รอดซะที ก็คงพยายามศึกษาไปเรื่อย ๆ น่ะค่ะ ยิ่งได้อาจารย์ดี ๆ คอยอธิบายอย่างใจเย็น ๆ ไม่ไล่กลับบ้านเพราะรำคาญอย่างนี้คงยิ่งทำให้ฮึดขึ้นมาค่ะ

ถามหน่อยค่ะ การใช้ทักษาจรนั้น นับเวลาเกิดของเจ้าชะตาชนปีใช่ไหมคะ แล้วเวลาดาวจรเปลี่ยนราศีทำไงคะ เช่นราศีเมษ เจ้าชะตาเกิดต้นปี ปีนั้นพฤหัสเป็นกาลกิณีอยู่ราศีตุลย์ พอปลายปีพฤหัสจรไปราศีพิจิก อย่างนี้ก็ต้องทายเรื่องกาลกิณีเปลี่ยนไปเป็นเกี่ยวกับศุภะหรือคะ


แมว - 21 ธันวาคม พ.ศ.2549 16:20น. (IP: 222.123.66.150)

ความคิดเห็นที่ 25


ขอบคุณอาจารย์การเวก(กรวิก)ครับ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ


หมึก - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 09:12น. (IP: 210.246.80.99)

ความคิดเห็นที่ 26
ตอบ คุณแมวฯ

เรื่องการนับอายุจร หากใช้ทักษาจะต้องใช้อายุย่าง และต้องเข้าตากลางด้วย เมื่อได้ดาวที่เป็นเดช ศรี กาลี จรแล้ว เวลานับอายุจรในทักษาก้อขึ้นอยู่กับการสอนของอาจารย์แต่ละท่านว่าจะนับในลักษณะไหน ส่วนสำหรับดาวกาลีจรที่เปลี่ยนราศีในช่วงกลางปีหรือช่วงปลายปี เราก็ดูว่าเข้าภพอะไร ทับดาวอะไร เล็งกับดาวอะไร ก็ต้องใช้ความหมายของกาลีเข้าไปด้วย

คำตอบคงมีเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 25 ธันวาคม พ.ศ.2549 07:55น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 27
ขอแทรกหน่อยได้มั้ยฮะ ผมมีคำถาม และก็ความคิดอยากให้ช่วยพิจาณากันหน่อยอ่ะคับ

คือว่า .... อย่างสิ่งหนึ่งที่ผมอยากถามคุณที่เรียนโหรราศาสตร์ทุกท่านน่ะครับ เอาแบบวิทยาศาสตร์ ว่า เชื่อจริงๆเหรอครับ ว่าดาวทั้ง 10 ดวง มันทำให้เกิดบุคลิคนิสัย และอนาคต ตามหลักความจริง

โดยส่วนตัวผมเองก็ศึกษาโหรราศาสตร์ ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับอาจารย์ที่ดังๆ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า ดาวเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องหมายในการถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอิทธิพลตามดาวจริงๆ

หากถ้าเราลองจินตนาการไปเมื่อสัก 7-8พันปี หรือมากกว่านั้น ลองคิดดูสิครับว่าสิ่งไหนที่มันยั่งยืนและไม่เปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติของมันเลย และพอที่จะเป็นเครือ่งหมายที่แน่นอนพอที่จะส่งต่อข้อความบางอย่างถึงคนรุ่นหลังได้ แน่นอนมันมีอยู่อย่างเดียว ........นั้นก็คือ ดาวบนท้องฟ้า

ผมจะเล่าต่อในความคิดความเข้าใจของผมว่า หากไม่กี่ปีมานี่กำเนิดอัจฉริยะผู้เป็นสุดยอดของมนุษย์ขึ้นมาด้วยกันหลายๆคน ต่างคนต่างค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่คนทั่วไปไม่อาจรู้ได้ ทั้งจากค่าสถิติ ความเข้าใจ ตรรกศาสตร์ฯลฯ (วิทยาศาสตร์ที่เราเห็นกันแล้วในปัจจุบันว่ามันเป็นเชื่อถือได้ ก็มาจากการทดลอง หรือค่าสถิตินั่นเอง แต่ต้องมีข้อสมมติมาก่อน)

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกอัจฉริยะเหล่านี้ค้นพบมาได้ แล้วคุณๆทั้งหลายจะเชื่อมั้ยฮะ ว่า เมื่อหลายพันปีก่อน ในยุคที่มนุษย์ไม่มีอะไรเลย ไม่มีปากกาดินสอ ไม่มีเครือ่งมือสื่อสารสักอย่าง เรื่องบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกค้นพบขึ้นมา จากบุคคลเหล่านี้ แน่นอนมันอาจมีแค่เพียงคนเดียวก็ได้ หรืออาจมีมากกว่านั้น

คนเหล่านี้รู้ว่าสิ่งที่เข้าค้นพบมานี้มันทรงคุณค่ามากๆ แต่จะทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้มันอยู่ยืนยงคู่กับมนุษย์ไปนานเท่านานไม่มีการสูญหาย เขานั่งคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำอย่างไร แล้วก็คงได้พบเข้าให้เมื่อได้เงยหน้าขึ้นมามองท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นนานปีจนพบจุดสังเกตบางอย่าง ก็คือดาวบนท้องฟ้านั่นเอง

คนเหล่านี้เฝ้าสังเกตด้วยมันสมองที่สูงส่งกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก รู้กันใช่มั้ยฮะ ว่า iq 300 มันต่างกับ 100 ยังไง คือ อายุแค่ 20 แต่มันสมองเท่ากับคนอายุ 60 หากอายุ 60 มันสมองจะเท่ากับคนอายุ 180ปี มันก็เป็นหยั่งงี้แหละฮะ เพียงแค่เฝ้าสังเกตได้ไม่นานความคิดมันก็ตกผลึกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในปัจจุเราก็เห็นกันแล้วว่ามีเกิดขึ้นมาจริงๆ เพียงแค่เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบ iq เกือบๆ300 เรียนจบปริญญาเอกไปแล้ว นี่แหละฮะความแตกต่างกันของยอดมนุษย์กับคนธรรมดา แล้วเชื่อกันมั้ยฮะ ว่าหลายพันปีก่อนต้องมีคนแบบนี้เกิดขึ้นมาแน่ๆ

ในสมัยก่อนนั้นอย่างที่รู้กันว่า นักปราช นั้นยิ่งใหญ่มาก มีคนนับถือเป็นหมื่นๆ( เหมือนดั่งอริสโตเติล ฯลฯ) แน่นอน คนที่เป็นต้นกำเนิดการใช้ดาวในการจดจำนี่ก็คงไม่ต่างกัน เมื่อมีคนนับถือมากมาย ตัวเขาจึงมีโอกาศพบกับคนมากอยางแน่นอน และได้สอบถามอะไรหลายอย่างจนในที่สุดก็สามารถประมวลผลหลักการในการที่จะใช้ดาวเป็นตัวบ่งบอกสิ่งที่เขาค้นพบได้อย่างแน่นอนแล้ว ผมไม่ทราบหรอกว่าเค้าใช้อะไรในการกำหนดหลักการ แต่พอเข้าใจว่า มันคือเวลาเกิดฯลฯ หรืออะไรในทางโหรศาสตร์ในปัจจุบันนี่แหละครับ อย่างเช่น ดาว ๑ อยู่ที่นี้ ดาว๒ อยุ่ที่นี้ บอกถึงอะไร เอาตำแหน่งทั้งหลายที่ยืนยงมาเป็นตัวบ่งบอกถึงความรู้ที่เขาค้นพบ

พอที่นี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า หรือ คิดว่าตัวเองเข้าใจแล้วว่าเรื่องเหล่านี้มันคืออะไร ทำไมถึงต้องเป็นดาวในโหราศาสตร์ จึงถึงบางอ้อขึ้นอย่างหนึ่ง นั่นคือ นพลักษณ์ ซึ่ง"ตัวผมเอง" ผมคนเดียวน่ะฮะ คนอื่นไม่เกี่ยวอันนี้เป็นแค่ความคิดของผมคนเดียว ไม่มีบรรทัดฐานแต่อย่างใด มันอาจจะเป็นแค่ความคิดเพ้อๆก็ได้ นพลักษณ์หรือเอนเนียแกรม นั้นเชื่อกันว่ามีจุดกำเนิดทางความคิดมาจากศาสนาอิสลาม หรือ พราห์ณ ผมไม่แน่ใจถ้าผิดพลาดต้องขออภัยโดยพื้นฐานแล้ว สองศาสนานี้มีแหล่งกำเนิด หรือสถานที่เกิดใกล้เคียงกัน พราห์ณ นั้น โดยที่รู้ๆแล้วว่า อยู่ที่ประเทศ แถวเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งคนนับถือเยอะ ในหลายพันปีก่อน อิสลามก็เหมือนกัน คงเกิดขึ้นไม่ไกลกันเท่าไหร และอย่างที่ทราบว่า ศาสดาในแต่ละศาสนานั้น จะเป็นผุ้ซึ่งมีคนนับถือมากมายหลากหลาย ซึ่งก้สอดคล้องกับที่ผมว่าไว้พอดี

นพลักษณ์( enneagram ) นั้น เป็นศาสตร์ที่ศึกษาถึงบุคลิกภาพโดยใช้ทฤษฎีทางจิตวิทยาประกอปในภายหลัง แต่มีการเล่ากันสู่ปากต่อปากมาเนิ่นนานแล้ว โดยนพลักษณ์แบ่งลักษณะนิสัยผู้คนเอาไว้เป็น 9 แบบ คือ

1. คนเนี้ยบ นักปฎิรูป ซึ่งมีลักษณะ คล้ายกันกับคำนิยามของ ดวงอาทิตย์(๑)

2.นักบุญ หรือ ผู้ให้ ซึ่งก็เหมือนกับ ดาวจันทร์(๒)

3 ผู้ชนะ เหมือนกันกับดาวอังคาร (๓)

4.ศิลปิน คล้ายกับดาว(๔)

5.นักปราช หรือ นักคิด ก็คล้ายกับดาว(๕)

6.เพื่อนยาก หรือ นักปุจฉา คล้ายกับดาว(๖)

7.เจ้าสำราญ หรือ ผู้พิถิพิถันในการเสพ ดาวนี้ต่างกันในนิดหน่อย เพราะในทางประเทศตะวันตกนั้น เชื่อว่าการพจญภัยเป็นสิ่งที่ดี แต่บ้านเรา คิดว่าไม่ดี เป็นเพราะวัฒนธรรม แต่ตามความหมายแล้ว คล้ายกับดาว(๗)

8 ผู้นำ มีลักษณะ ขอบควบคุม สั่งการ นิสัยรุนแรง โมโหร้าย นักเลง เหมือนเด็ก ก็คล้ายกับ ราหู อีก

9.ผุ้สงบ ประสารไมตรี มีนิสัยคล้ายกันกับดาว(๙) คือ อยู่กับใครก็ช่วยเหลือ ส่งเสริมคนนั้น

ตามทฤษฎีบุคลิกภาพ 9 แบบแล้ว แต่ล่ะคนจะมีบุคลิกภาพทั้ง 9 อยู่ในตัว แต่จะเด่น อันไหนมากกว่ากันเท่านั้น เช่น ผู้นำ อาจจะมีบุคลิกนักบุญรวมอยู่ด้วย ฯลฯเห็นมั้ยฮะ ว่ามันคล้ายคลึงกันมากๆ เพราะในดวงชาตา ต่างก็มี ดาวต่างๆอยู่ทั้งหมด แต่ส่งผลถึงลัคนาต่างกันเท่านั้นเอง

และอย่างที่ผมว่ามานี้ คุณๆรู้สึกมั้ยครับว่ามันคล้ายคลึงกันมาก ระหว่าง นพลักษณ์และโหรราศาสตร์

แล้วผมจะย้อมถามหน่อยน่ะครับ ว่า หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสนใจศึกษามนุษย์ด้วยกันจะเลือกศึกษา ความคิด หรือ อิทธิพลของดาวอย่างในโหรราศาสตร์ เป็นอันดับแรก

แน่นอน ต้องเริ่มจาก นพลักษณ์ หรือเอนเนียแกรมก่อน ซึ่งผมเองเชื่อแน่นอนว่า นพลักษณ์ คือ ศาสตร์ความรู้ที่ถูกค้นพบเป็นอย่างแรก เพราะคงไม่มีใครที่จะนำเอาดาวบนท้องฟ้าที่มีมากมายมาใช้ในการศึกษาแล้วมาเปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองอีก มันคงยุ่งยากจนแทบคลั่งทีเดียว พอค้นพบแล้วจึงเกิดการนำดาวต่างๆมาใช้ในการจดจำ ตามที่ผมคิดมาน่ะฮะ

แล้วคราวนี้ เรามาพูดในเรือ่างโหรราศาสตร์กันมั่ง อย่างในราศีจักร ในราศีจักรนี่ คุณทั้งหลายที่คุ้นเคยในการอ่านดวง จะพอทราบใช่มั้ยฮะ ว่ามันเหมือนแผนที่ทางความคิดของคนๆหนึ่ง หรือ พูดง่ายๆก็คือ คิดอย่างไรได้อย่างนั้น ถ้าไม่เชื่อนะฮะ ลองพิสูจน์จากตัวเองดีกว่านะฮะ ว่ามันเป็นแบบที่ผมพูดจริงรึเปล่า ตัวคุณมีความคิดความชอบอะไรอย่างไร มันจะถูกบ่งบอกออกมาทาง ราศีจักรและนวางค์จักรทั้งนั้น น่าแปลกน่ะฮะ ที่มันบอกได้ หากคนเราคิดว่าเราไม่รวย ผมเจอมาแล้วที่ตัวเค้าเองคิดว่าคงไม่มีทางรวย ก็ไม่รวยจริงๆ นั่นแหละฮะ ที่เป็นผลต่อเนื่องจากความศรัทธาในเรื่องนั้นๆ มันก็เหมือนกับ นพลักษณ์ ที่เชื่อว่าเราจะต้องเป็นผู้นำ นิสัย บุคลิกภาพเราก็จะออกมาเป็นอย่างนั้น ต่างกันตรงที่ โหรราศาสตร์ มันละเอียด เหมือนเป็นแผนที่ที่ละเอียดมากกว่าเท่านั้น นพลักษณ์เป็นมุมมองกว้างๆ

ในด้านนี้อาจจะมีคนไม่เห็นด้วย หรือ ทราบกันอยุ่แล้วในเรื่องที่ผมว่ามานี้ หรือความรู้ทางด้านโหรศาสตร์ผมยังน้อยไปอาจพูดอะไรแล้วผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยน่ะฮะ ที่ผมเอามาบอก ก็เพราะผมอยากจะบอกจริงๆ ว่าอย่าปักใจเชื่อในเรือ่ง อิทธิพลดวงดาวให้มากซึ่งจริงๆแล้วผมคิดเอาเองว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ มันเป็นเพียงเครื่องมือในการสื่อสารเท่านั้น คนเราน่ะฮะ คิดอะไรยังไงก็จะเป็นบ่อเกิดให้เกิดพลังในการทำสิ่งนั้นๆ ไม่เกี่ยวข้องกันหรอกฮะกับดวงดาว บางคนนั้นพอได้ยินว่า เราดวงไม่ดีตำแหน่งดาวไม่ดี หรือ สถิตภพไม่ดีฯลฯ ก็ท้อแท้หมดกำลังใจ น้อยใจในชีวิต แต่ผมอยากจะบอกน่ะฮะ ว่าเรื่องเหล่านี้คุณเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดมันทั้งหมด ดวงดาว ดวงชาตานั้นมันส่งผลถึงตัวคุณไม่ได้หรอกครับถ้านอกเสียจากคุณจะศรัทธาและทำตามแบบนั้นมันเอง แต่โหรศาสตร์ นั้นแม่นยำจริงๆผมยอมรับ เพราะมันเป็นแผนที่ทางความคิดของเราดีๆนี่เองฮะ ส่วนคำแนะนำอื่นๆหรือคำต่อว่า ผมยอมรับฮะ สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

ผมเองแวะเวียนมาที่เว็บนี้บ่อยๆ อยากจะฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วยครับ เพราะผมชอบศึกษาด้านโหรศาสตร์เหมือนกัน ขอบคุณครับ


แบงค์ - 25 ธันวาคม พ.ศ.2549 19:35น. (IP: 124.121.7.125)

ความคิดเห็นที่ 28
สวัสดีค่ะอาจารย์

ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ

ปีใหม่กำลังจะมาถึง จากความเมตตาตอบข้อข้องใจให้บรรดานักเรียนใหม่โดยไม่รำคาญ ขอให้ความดีที่อาจารย์ทำนี้ส่งผลให้อาจารย์และครอบครัว สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมปรารถนานะคะ


แมว - 26 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:08น. (IP: 203.188.8.167)

ความคิดเห็นที่ 29
ตอบ คุณแมวฯ

ขอบคุณมากครับสำหรับคำอวยพร และในปี พ.ศ.2550 นี้ ผมขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์ในสากลโลกนี้ ดลบันดาลให้คุณแมวฯ มีสุขภาพและพลานามัยแข็งแรง ประสบความสำเร็จในชีวิต ได้พบแต่สิ่งที่ดีดีตลอดปี 2550 นี้ด้วยเทอญฯ

ตอบ คุณ bank

ความคิดเห็นของคุณbank นั้นถูกต้องครับ วิชาโหราศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นของไทยหรือของต่างประเทศ กำเนิดขึ้นมาเมื่อหลายพันปีมาแล้ว การกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการบันทึกของครูโหรในแต่ละรุ่นที่ได้จดบันทึกไว้ ต้องไม่ลืมว่าในเวลาหนึ่งพันปี จะกำเนิดครูโหรหลาย ๆ รุ่น และแต่ละรุ่นก็ใช้กฎเกณฑ์ในรุ่นก่อนในการพยากรณ์ รวมทั้งได้จดบันทึกสิ่งที่ได้ประสบเองในการพยากรณ์ของตนเองเอาไว้ด้วย ในขณะเดียวกันก็ได้แต่งตำราหรือสอนลูกศิษย์ลูกหาที่มีอยู่โดยตรง ซึ่งลูกศิษย์ของครูโหรแต่ละรุ่นก็ได้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อ ๆ กันมา เช่นเดียวกับที่คุณbank ยกตัวอย่างผู้มีชื่อเสียงในโลกให้ทราบ ทุกท่านที่คุณกล่าวถึงต้องใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ พิสูจน์ สืบค้นหาความเป็นจริงในวิชาหรือสาขาที่ตนเองมีความชำนาญ เมื่อทราบผลก็แสดงให้ชาวโลกได้ทราบ แล้วก็เป็นตำราและตำนานให้ศึกษากันต่อ ๆ กันมา ฉันใดก็ฉันนั้น วิชาโหราศาสตร์ก็สืบสานกันต่อ ๆ กันมา มีการจดสถิติ มีการบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในขณะที่ดาวในท้องฟ้าจรมากระทบกับดาวในดวงชะตาของแต่ละท่าน ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นสถิติให้แก่ผู้พยากรณ์ได้จดบันทึกไว้ และท่านใดเป็นอาจารย์ผู้สอนก็จะนำผลการพยากรณ์และเหตุการที่เกิดขึ้นมาสอนแก่ลูกศิษย์ได้พบได้เห็น

ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณbank แสดงความคิดเห็นมานั้นก็ถูกต้องในระดับหนึ่ง แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือกำเนิดขึ้น อันเนื่องมาจากการโคจรของดวงดาวก็ยังคงต้องจดบันทึกกันต่อไป ที่ผมกล่าวเช่นนี้เพราะ การกระทบกันของดวงดาวแต่ละครั้งจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำกันบ้าง ไม่ซ้ำกันบ้าง แล้วแต่ว่าในช่วงเวลานั้นดวงดาวกระทบกันเช่นไร ผมเองเปิดกว้างเสมอในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ยินดีที่จะรับความคิดเห็นและข้อคิดจากทุกท่าน สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 08:31น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 30


เรียน อาจารย์การเวก(กรวิก)

ขอปรึกษาครับเพราะไม่แน่ใจครับ คือในพื้นดวงกำเนิดที่มี ทั้ง ๗๘ เล็งลัคน์ที่เข้าตำราว่าเป็นพินทุบาทว์นั้น ผมเคยให้ท่านหนึ่งในเว็บบอร์ดอธิบายให้ ท่านว่าดวงเป็นพินทุบาทว์ซ้อน 2 เด้งอย่างนี้ไม่มีคู่แน่นอนและไม่ได้แต่งงานแน่นอน แต่เจ้าชะตาเขาแต่งงานนะครับ ผมอยากเรียนปรึกษาว่าทั้ง ๗๘ เล็งลัคน์อย่างนี้ไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวแน่หรือครับ หรือว่าวางลัคนาผิดครับ ( ๗ มาจากกัมมะ และ ๘ มาจาก ศุภะ ครับ)


นนท์ - 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 09:17น. (IP: 210.246.80.100)

ความคิดเห็นที่ 31


แก้ไขครับ พิมพ์ผิดครับ ๗ มาจาก ศุภะ ๘ มาจาก กัมมะ ผมวางลัคน์ไว้ที่พฤษภครับ


นนท์ - 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 09:19น. (IP: 210.246.80.100)

ความคิดเห็นที่ 32
ตอบ คุณนนท์

เรื่องที่คุณนนท์ฯ ถามมานั้นคงตอบได้ดังนี้

** ดาวเสาร์และราหูเล็งลัคน์นั้น ต้องดูที่มาที่ไปด้วยว่า ดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนภพอะไร ดาวราหูเป็นเจ้าเรือนภพอะไร เรื่องของพินทุบาทว์ ก็จะเกิดตามความหมายของภพนั้น ๆ ถ้าถามว่าได้แต่งงานหรือไม่ ได้ครับ แต่จะมีอุปสรรคตามความหมายของภพของดาวที่เข้ามาเป็นพินทุบาทย์ ตามที่คุณกำหนดมาว่า ดาวเสาร์มาจากภพกัมมะ ดาวราหูมาจากภพศุภะ ตรงนี้ก็ผิดแล้ว เพราะภพศุภะจะมาก่อนภพกัมมะ ที่ถูกดาวเสาร์ควรเป็นเจ้าเรือนภพศุภะ ดาวราหูควรเป็นเจ้าเรือนภพกัมมะ และหากเป็นไปตามที่คุณว่าจริง ดาวเสาร์+ดาวราหู เป็นคู่มิตรใหญ่ ถ้าอยู่ในราศีธาตุลมหรือธาตุไฟ และอยู่กันเพียงสองดวงด้วยแล้วก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เพราะคู่มิตรเทียบเท่าราชาโชค

คำอธิบายคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 09:25น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 33
กราบสวัสดีปีใหม่ท่านอาจารย์การเวก (กรวิก) ครับ

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนะตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนวยพร

ให้ท่านอาจารย์การเวก(กรวิก)เป็นผู้มีสุขภาพกายใจแข็งแรง

ปราศจากโรคภัย สมบูรณ์ด้วยพลานามัย

และมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปครับ

ผมได้ติดตามข้อเขียนของท่านอาจารย์มาตลอด

ได้ถามและได้คำตอบที่สงสัยมากมายจากที่อาจารย์กรุณาสละเวลามาตอบให้

ทั้งได้อ่าน ได้เปรียบเทียบ ได้ศึกษาจากกระทู้ของท่านอาจารย์มากมาย

ด้วยความนับถืออย่างสูง

ขอให้บุญรักษาครับ

มือใหม่ทักษา


มือใหม่ทักษา - 30 ธันวาคม พ.ศ.2549 15:36น. (IP: 203.155.94.129)

ความคิดเห็นที่ 35
สวัสดีปีใหม่ครับ อ.กรวิก

ผมเข้าไปตามอ่านกระทู้หลังๆของ อ.กรวิก แล้วรู้สึกชอบใจมากเรยฮะ เห็นอาจารย์ตอบคำถามได้แบบเต็มที่จริงๆ

วันนี้ผมเข้ามาจริงๆคือมี เรื่องหนึ่งอยากถามและอยากขอความคิดเห็นของ อาจารย์หน่อยน่ะคับ

คือ ก่อนหน้าที่ผมจะมาศึกษาทางด้านโหราศาสตร์ ผมมั่กจะชอบอ่านบทความจิตวิทยาต่างๆมาก่อนแล้วบังเอิญมารู้จักโหราศาสตร์เพราะอยากดูดวงตัวเอง ว่ามันเป็นอย่างไร ผมค้นหาศึกษาหาอ่านตามเว็บเรื่อยมา เลยบังเอิญ เจอวิชาของโหราศาสตร์ที่ น่าสงสัยอยุ่สอง สามอย่าง ก็ คือ ราศีจักร สิบลัคนา แล้วก็นวางค์จักรน่ะฮะ

ราศีจักร กับนวางค์จักร นี่ผมพอจะเข้าใจเล็กน้อย เพราะพอที่จะหาอ่านได้ แต่ที่ไม่รู้จักเลย ก็คือ สิบลัคนา ว่ามันคืออะไรอะคับ ไม่ว่าตามเว็บผูกดวง หรือ โปรแกรมผูกดวงที่ลองโหลดมาใช้ดู ทุกๆโปรแกรม ก็จะมี การผูกดวงแบบสิบลัคนาอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีวิธีอ่านบอกมาด้วย ก็เลยอยากขอความกรุณาอาจารย์ช่วยบอกแนะนำให้ฟังหน่อยได้รึเปล่าครับว่ามันเป็นอย่างไร

จริงๆแล้วผมเองก็ได้ลองอ่านแบบปกติ แล้ว เปรียบเทียบทั้ง ราศีจักรและสิบลัคนา พร้อมๆกัน โดยใช้ประวตัส่วนตัว แล้วก็คนรอบข้างมาดูน่ะฮะ มันบังเอิญเห็นบางอย่างที่สอดคล้องกัน

ก็คือว่า ถ้าเราวางความคิดบนพื้นฐานทางจิตวิทยาว่า การกระทำมาจากพลังความคิดและความศรัทธานี่ การที่คนเราในสภาพชีวิตจิตใจที่เป็นปกติ หรือ สิ่งแวดล้อมเป็นปกติ ผมสังเกตุว่าเกือบทุกๆคน สามารถอ่านดวงชาตาได้จากลักษณะดาวในราศีจักรแทบทั้งนั้น คือดำเนินชีวิตแบบปกติตามภาพลักษณะดวงดาวต่างๆในเวลาเกิด ณ ตอนนั้น

แต่ถ้าเมื่อไหร (ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แน่นอนว่า มนุษย์ทุกคนต้องพบเหตุการณ์หลายๆอย่าง คงไม่ราบรื่นเป็นปกติตลอดเวลา) ที่ตัวเค้าเกิดความกดดันทางจิตใจอย่างรุนแรงไม่ว่าทางบวกหรือทางลบ สิ่งแวดล้อม มุมมอง ทัศนคติ "เปลี่ยนแปลง"ขึ้นมา(เปลี่ยนจากพื้นฐานเดิม ไม่ใช่เปลี่ยนไปเหมือนอีกคนน่ะฮะ) ผมกลับพบว่า ลักษณะการแสดงออก เหตุการ์ต่างๆ มันมักจะเกิดขึ้นตามดวงสิบลัคนา ทำให้ผมอยากทราบอยากขอความรู้จากอาจารย์ที่มีประสบการณ์มานานในเรื่องโหราศาสตร์มากเลยฮะ

อย่างเช่น ผมจะยกตัวอย่าง คนนึง ปกติแล้วตามดวงราศีจักร นี่ก็ ปกติธรรมดาๆ ดวงชาตาที่อ่านมาก็เป็นพื้นนิสัยที่ปรากฎให้เห็นทุกๆวันเหตุการณ์ต่างๆก็จะอ่านได้ตามราศีจักร

แต่พอมีครั้งนึงที่ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบรุนแรง เกิดความคาดหวังมีทัศนคติอะไรเปลี่ยนแปลง ผมเลยลองกลับมาอ่านดวงแบบสิบลัคนาดู ....ดวงตามสิบลัคนา ของเค้าเป็น ดวง จัน คุรุ สุริยา (ซึ่งผมไม่มั่นใจว่าจะอ่านได้หยั่งงี้รึเปล่า) คือ มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะ"ความศรัทธาบางอย่าง"เปลี่ยนแปลง ไม่ได้มีความคิดพื้นฐานที่เหมือนๆเดิม

เค้าประสบความสำเร็วอย่างรวดเร็วแล้วก็รุนแรง จากที่ต้องทำงานเลี้ยงตัวไปวันๆ กลับกลายเป็นมีรายรับต่อเดือนเกือบหลักล้านอยู่สักพักนึง พฤติกรรมนิสัยต่างๆก็เปลี่ยนไปสามารถอ่านได้ตามดวงสิบลัคนา ....พอทันทีที่รุ่งโรจน์มากๆ ก็กลับเป้นเหมือนเดิมแบบตุ๊กตาล้มลุก เพราะเจอเหตุการณ์สึนามิ เปลี่ยนกลับมาเป็นคนเดิมๆปกติความคิดพื้นฐานกลับมาเป็นเหมือนอย่างเดิม ชีวิตย้อนกลับมาเป็นลำบากเหมือนเดิม อาจเพราะทัศนคติเค้ากลับเป็นปกติ

ซึ่งตรงนี้ ผมก็เลยอยากถามความเห็นของอาจารย์ว่ามีความคิดเห็นเป็นเช่นไร กับเรื่องที่ผมบอกเล่ามาน่ะครับ เรื่องทั้งหมดนี่ผมไม่ได้หาอ่านจากที่ไหนเลย เพราะหาอ่านไม่ได้ ผมเพียงแค่คิดๆเล่นๆดูว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้รึเปล่า แต่ก็ไม่มั่นใจ เพราะไม่มีครูทางนี้เลยไม่ทราบจะถามกับใครดี ยังไงรบกวนอาจารย์กรวิกช่วยแนะนำชี้แจงข้อสงสัยให้ผมหน่อยนะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวน

ขอบพระคุณอย่างสูง


bank - 3 มกราคม พ.ศ.2550 18:06น. (IP: 124.121.7.66)

ความคิดเห็นที่ 36
อ่อ ลืมยกตัวอย่างให้ละเอียดไปหน่อยน่ะครับ ผมจะเอา ดวงทั้งหมดของ "เค้า" มาให้อาจารย์ช่วยดูน่ะครับ เผื่อที่ตามราศีจักรมันอาจบอกทั้งหมดไว้อยุ่แล้วแต่ผมอ่านไม่ออกเอง

เกิด วันที่ 1 กรกฎาคม 2520 เวลา 7.30น สุพรรณบุรี

ลัคนา สถิต ที่ กรกฎ มีดาว๗กุมลัคน์

ดาว ๑และ๔ อยุ่ที่ มิถุน / ดาว ๘อยู่กันย์ / ดาว 0 อยู่ตุล / ดาว ๒ อยู่ธนู /ดาว ๓และ ๖ อยุ่เมษ / ดาว ๕ และ ๙ อยู่ พฤกษ

ดวงสิบลัคนา

ลัคนาสถิต กรกฎ มีดาว ๑ ๔ ๕ กุมลัคน์

ดาว ๗ อยู่ สิงห์ / ดาว ๘ อยู่กันย์ / ดาว ๐ อยู่ตุลย์ / ดาว ๒ อยุ่มังกร /ดาว ๙ อยู่เมษ /ดาว ๓ และ ๖ อยุ่พฤกษ


bank - 3 มกราคม พ.ศ.2550 18:24น. (IP: 124.121.7.66)

ความคิดเห็นที่ 37
ตอบ คุณbank

สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ ว่ากันถึงเรื่องที่คุณถามกันดีกว่า เรื่องของวิชาโหราศาสตร์ในประเทศไทยเรานั้นมีหลายรูปแบบหรือหลายแขนง เช่น โหราศาสตร์ไทย (จักราศีหรือดวงอีแปะ), สิบลัคน์, โหรกรุงพาราณสี, เลขเจ็ดตัวสี่ฐาน เก้าฐาน สิบเอ็ดฐาน ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิชาก้อมีแนวทางการเรียนการสอนต่างกัน ขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอน รวมทั้งความชำนิชำนาญในการใช้ของนักพยากรณ์

สำหรับผมเองคงต้องยอมรับว่าเรื่องของ สิบลัคน์ ผมเองก็มีความรู้งู ๆ ปลา ๆ เพราะไม่สามารถเสาะหาอาจารย์ผู้สอนได้ อีกทั้งในวิชาสิบลัคน์มีกฎเกณฑ์มากมายพอสมควร กอร์ปกับมาเอาดีทางจักราศี (ดวงอีแปะ) ในแนวทางของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ เป็นหลัก แล้วใช้บทความ เกร็ด เคล็ดลับ ของอาจารย์วิชาอื่น ๆ เข้ามาลองผสมผสาน ทดลองใช้ ทดลองพยากรณ์ แล้วดูว่าเมื่อใช้แล้วได้ผลแม่นยำเพียงใด หลักการใดได้ผลก็เก็บไว้เป็นแม่แบบในการพยากรณ์ แนวทางไหนใช้แล้วไม่ได้ผลก้อเลิกใช้ แล้ววิธีการใช้หรือวิธีการผสมผสานหลักการต่าง ๆให้ใช้สติในการพิจารณา มิใช้ยึดหลักตัว*** ของ*** อาจารย์***ห้ามแตะ อาจารย์***ห้ามว่าหรือแซว (ต้องขออภัยที่ใช้คำในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช) วิชาของอาจารย์***แน่กว่าวิชาของท่านอื่น ๆ เป็นต้น

ทีนี้มาว่าถึงดวงราศีจักร์ของคุณที่ยกมาเป็นตัวอย่าง ลองผูกดาวตามแบบลาหิรีดู จะเห็นว่าดาวศุกร์จะอยู่ในราศีพฤษภ และดาวจันทร์จะอยู่ในราศีธนู ส่วนลัคนาและดาวอื่น ๆ นั้นอยู่ที่เดิมตามที่คุณแจ้งมา

ในเบื้องต้นคุณจะเห็นดาวเสาร์ (ตำแหน่งปร) กุมลัคนาอยู่ ดาวเสาร์แสดงถึงความเป็นคนละเอียดรอบคอบ เมื่อเป็นปรก็ควรจะหมายถึงเป็นคนรอบคอบเป็นครั้งคราว บางครั้งก็ไม่รอบครอง ในขณะเดียวกัน ดาวเสาร์กุมลัคน์ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้รับความรักความอบอุ่นจากบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก เผลอ ๆ อาจจะต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิดไปตั้งแต่เด็กเช่น ไปอยู่กับญาตพี่น้อง (ไม่ว่าจะเป็นทางมารดาหรือบิดา) จนเติบใหญ่ ความหมายที่เหมาะคือมีชีวิตพเนจรนั่นแหละ เราจะเห็นดาวจันทร์(ตนุลัคน์) ไปอยู่ในราศีธนู (ภพอริของเจ้าชะตา ภพศุภะของโลก) ซึ่งจะมีความหมายถึงการดิ้นรน แสดงหาความสำเร็จ ถ้าเป็นเด็กก็จากถิ่นฐานที่อยู่เพื่อไปศึกษา ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะหมายถึงเดินทางไกลไปแสวงหาความสำเร็จรวมทั้งตามดูดาวพฤหัสบดีว่าไปอยู่ที่ใด ปรากฎว่าดาวพฤหัสบดีไปอยู่ในราศีพฤษภ (ภพลาภะ มีดาวศุกร์เกษตร ดาวเกตุร่วมราศี) ซึ่งความหมายดังกล่าวจะหมายถึงว่า เจ้าชะตาจะแสวงหารายได้ ถ้าถามว่ารายได้รายรับที่เสาะแสวงหานั้นเป็นเช่นไร ให้ดูที่ดาวศุกร์เป็นเกษตร มั่นคงฐาวร ได้เรื่อย ๆ เราจะเห็นว่าดาวเกตุร่วมราศี ดาวเกตุนี้แสดงถึงเป็นคนมีความคิดหลายชั้น หรือเป็นคนหมุนเงินเก่งก็ได้ เรามาดูดาวตนุเศษที่จะใช้สอบลัคนาดู (เผอิญลัคนากับตนุเศษอยู่ในราศีเดียวกัน ก็ถือว่าดูดวงชั้นเดียวได้ดวงสองชั้นไปในตัว) จึงไม่ต้องสอบทางตนุเศษ ทีนี้เราไปดูดาวอังคารเป็นเกษตรและเป็นเจ้าเรือนกัมมะ (เป็นภพตนุของโลก) แสดงถึงเจ้าชะตาเป็นคนขยันขันแข็งเอาการเอางาน เป็นคนพูดจาเอาจริงเอาจังด้วย บางทีก็เจ้าอารมณ์ไม่ได้ดังใจก็จะมีอารมณ์ (เพราะอังคารเป็นเจ้าเรือนภพปุตตะของเจ้าชะตา (ภพมรณะของโลก) ที่ผมกล่าวมาคร่าว ๆ นี้ คุณbank ลองดูว่าเป็นไปดังที่ผมว่าไว้หรือไม่ หากใช่ คุณbank ก็ลองพิจารณาต่อไปว่าเป็นเช่นเดียวกับสิบลัคน์หรือไม่ แล้วถือดวงนี้เป็นครูไป

สิ่งที่คุณbank ระบุว่าตัวเจ้าชะตามีบางช่วงที่รุ่งโรจน์ ขึ้นอยู่กับดาวจรปีเข้ามากระทบ และขึ้นอยู่กับช่วงของดาวครองวัยด้วย เมื่อไรก็ตามดาวครองวัยดี เมื่อนั้นชีวิตของเขาจะรุ่งโรจน์อย่างคาดไม่ถึง ที่ว่ารุ่งโรจน์นั้นให้ดูดาวอาทิตย์ที่อยู่ร่วมกับดาวพุธในราศีเมถุน ช่วงอายุ22-27 เป็นช่วงที่ชีวิตของเขาคนนี้ค่อนข้างจะรุ่งโรจน์พอสมควรทีเดียว ได้เงินได้ทองแบบคาดไม่ถึงหลายครั้งหลายหน อาจจะเป็นช่วงอายุ 22, 23,ช่วงหนึ่ง ช่วง 25 ช่วงหนึ่ง ลองดูนะครับว่าตรงหรือไม่ ผมคงจบเพียงแค่นี้ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 4 มกราคม พ.ศ.2550 08:54น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 38
ขอบคุณ อาจารย์มากครับที่แนะนำ ผมเห็นอาจารย์ตอบได้อย่างกระจ่างจริงๆ ผมไม่ค่อยมีโอกาศได้สอบถามกับใครจึงมั่กจะต้องทดลองคิดอะไรแบบมั่วๆดู คงไม่ว่ากันน่ะคับ

คราวนี้ผมก็อยากขอคำแนะนำต่อน่ะคับ มีอีกดวงนึงครับ เป็นเพื่อนผมเอง เกิดวันที่ 22 ธันวาคม 2528 6.30 น สุราษฎร์ธานี

คนนี้เพิ่งอายุ 21 ครับ ยังไม่เริ่มทำงานจริงๆจงัๆ แต่ ก็มีนิดๆหน่อยๆ กำลังเรียนอยู่ครับ ค่อนข้างจะเป็นคนที่หัวแข็งเหมือนจะไม่สนใจคำแนะนำของเพื่อนๆ แต่เพราะเป็นเพื่อนสนิท ผมจึงรู้ว่าตัวเค้าจริงๆมักจะเก็บไปคิดตลอด(เพราะชอบเอามาคุยครั้งหลัง) ผมผูกดวงของเค้า แล้วได้แบบนี้ครับ

ลัคนา สถิตราศี ธนู มีดาว๑ กุมลัคน์

ดาว ๕ อยุ่มังกร / ดาว ๒และ ๘ อยู่ เมษ / ดาว ๓และ ดาว ๙ อยู่ ตุลย์/ ดาว ๐ ๔ ๖ ๗ อยู่ พิจิก

จะขอลองอ่านดู แล้วให้อาจารย์ ช่วยชี้แนะหน่อยน่ะครับ

จากที่ ดาว ๑ กุมลัคน์ ดาว๑ แทนได้ว่า คือ ผู้มีอำนาจเหนือกว่าเช่นผู้ชาย หรืออะไรทำนองที่เป็นแบบดาว ๑ เพราะฉะนั้นแล้ว เจ้าชะตาคนนี้มักจะมี บิดา หรือ ญาติๆ หรือ ผู้ที่มีลักษณะที่เหนือกว่าตัวเอง แล้วเป็นผู้ชายเข้ามาพัวพัน ยุ่งเกี่ยว กับเจ้าชะตาอย่างแน่นแฟ้น ดาว ๑ เป็น ยาจกโชค (อันนี้ไม่ทราบว่าเรียกแบบนี้ได้รึเปล่าน่ะครับ ผมอ่านมาจากหนังสือ ) บางครั้งจึงมักจะขัดขวางบางสิ่งบางอย่างของเจ้าชะตา ที่สมควรได้กลับไม่ได้ ที่ไม่อยากได้กลับได้มา ( เพราะเค้าชอบมาบ่นให้ฟังบ่อยๆ ) จากที่ผมสังเกตุ เจ้าชะตา มีนิสัยใจร้อน ขี้โมโห อารมณ์ร้ายไม่ค่อยยอมก้มหัวให้ใคร แล้วก็ทะเยอทะยามมากก มีเวลาว่างเมื่อไหรก็มักจะชอบชวนคุยในเรื่องต่างๆ ก็คือ พูดมาก ...........ซึ่งที่ผมอ่านมานี้ไม่ทราบว่าตรงกับ ลักษณะดาว ๑ กุมลัคน์ เป็นยาจกโชคมั้ยครับ?

ส่วนตัวคนของเจ้าชะตา คือ ดาว ๕ อยุ่กดุมพะ เป็น นิจ ด้วยความที่เป็นดาว ๕ ทำให้เจ้าชะตามักจะเป็นนักคิด คิดเยอะ คิดมาก คิดเรื่อยเปื่อยด้วยด้วยความเป็นนิจ หมายถึงความต่ำต้อยไร้วาสนา เจ้าชะตาคนนี้ มักจะหงุดหงิดใจในเรื่องที่ตัวเองต่ำต้อย มีคนดูถูกบ่อย เอามาบ่นประจำ ด้วยความที่ดาว ๕ เป็น อุตสาหะ ทางทักษา และอยุ่ใน ศูนย์พาหะด้วย ทำให้เจ้าชะตามักจะเป็นคนอดทนทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองต้องการจนสำเร็จ เจ้าชะตาคนนี้ชอบหาเงินมากๆๆๆ คือ ว่างเมื่อไหนจะเอาแต่นั่งคิดว่าจะทำอะไรดี ที่ทำให้เค้ารวยกว่าทักษิณ (ประมาณนี้เลยฮะ เพ้อมาก (- -") ดูตามที่ดาว ๗ เจ้าเรือนกดุมพะของเค้า ปรากฎว่า อยุ่ในเรือน วินาศน์ เจ้าเรือวินาศน์อยุ่ที่เรือนลาภะ เจ้าเรือนลาภะก็มาอยุ่ที่ เรือนวินาศย์อีก เป็น เกษตรแลกเรือนกัน พอจะหมายความแบบนี้ได้รึเปล่าครับ ว่า ทรัพสิน เงินทอง ที่เจ้าชะตามี มักจะ ปกปิดเป็นความลับ หรือ ทำให้หายไป หมดสิ้นไปเพราะเพื่อให้เกิด ความเป็นลาภะ คือ รายได้ฯลฯ

ดาว ๓ เจ้าเรือน ปุตตะและวินาศน์ มาสถิตที่ ลาภะ มี ดาวเกตุร่วมอยุ่ด้วย แบบนี้ หมายความว่า บุตร และความปิดบัง ความลับ การลงทุนจนหมดตัว ทำให้เกิด ลาภะ ดาวเกตุคอยเชียร์เรื่องลาภะอยู่ด้วย

คือผมไมม่แน่ใจมากว่าจะอ่านถูกรึเปล่า รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำหรือต่อเติมให้หน่อยน่ะครับ ดวงเพื่อนผมคนนี้ผมศึกษาค่อนข้างจะนานคือ ตั้งแต่เริ่มแรกเลยหร้อมๆกับดวงผมเอง

จะบอกนิสัยส่วนตัว แล้วก็ชีวิตประจำวันของเค้าอีกหน่อยน่ะครับ นอกจาก ด้านบนที่ว่ามา แล้ว คนนี้ค่อนข้างจะลำบาก หรือ ยากจน พ่อแม่ มีหนี้สินทั้งบ้าน เรียนมหาลัยก็ มี ลุง 2 คน แล้วก็อาก๋ง ส่งเสริม พ่อด้วยแต่นิดหน่อย เป็นคนมี ทิฐิสูง คำพูดคำจาน่าเชื่อถือ ฉลาด เรียนเก่งด้วยน่ะฮะ แต่มันขี้เกียจไม่ค่อยสนเรื่องเรียน มักจะสนเรื่องอื่น เจ้าชุ้ มีแฟนสองคน ในกลุ่มเพื่อนฝูงจะไม่ค่อยมีใครกล้าแหย่ หรือทำให้โมโห แต่ไม่ได้มีนิสัยหาเรื่องกับใคร นิสัยดีฮะ เพื่อนสนิทผมเอง ^ ^ตามนิสัยชอบเรื่องดวงเหมือนกันแต่ไม่ได้ศึกษาเรย ชอบแอบไปดูคนเดียวเงียบๆแล้วค่อยมาบอกให้ผมฟัง

เดือนที่ผ่านมา เค้าเพิ่งเริ่มทำงานค่อนข้างจะเครียดมาก ลุกลี้ลุกลน อาทิตย์จร เข้าทับ ลัคนา กับอาทิตย์เดิม อยู่ไม่ติดที่เลยฮะเดี่ยวไปนู้นไปนี่ ก็เลยห่วงๆว่าเค้าอาจจะทำเหนื่อยเปล่ารึเปล่า พอไปบอก มันก็ไม่ฟัง เลยอยากถามว่างานที่เค้าทำจะสำเร็จรึเปล่าครับ (มันบอกขอเวลา 5 ปี) สังเกตุจาก พฤษจิการยนปีนี้ ดาว ๕ จะย้ายเข้าทับลัคน์ ทับดาว อาทิตเดิม ดาว ๗ จะย้ายเข้า ศุภะ แล้วเรียงต่อกัน มาในภพ กัมมะ ลาภะ เรื่อยๆ--- ดาว สอง ดวงนี้ สามารถบอกในเรื่อง ทรัพสิน และ ความสำเร็จของตัวเค้าได้มั้ยฮะ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องดาวจร ว่า ดาวที่ จรอยู่จะเอามาใช้แทนดาวเจ้าเรือนในดวงเดิมได้รึเปล่าน่ะฮะ ซึ่งถึงตรงนี้ รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำชี้แจงให้หน่ยอน่ะครับ

ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูง

อ้อ ขออีกนิดน่ะครับ คือ ดาวอีกคู่นึงที่ผมสงสัยอยู่มาก ก็คือ ดาว ๒ กับ ๘ ในภพ ปุตตะ ราศีเมษ สองตัวนี้ ผมบังเอิญอ่านเจอ มาว่า เป็นดาวคู่หนี้สิน บางที่ก็บอกว่า เป็น ดาว คู่สมพล น่ะครับไม่ทราบสมควรใช้อันไหนการทายดีครับ


bank - 4 มกราคม พ.ศ.2550 15:15น. (IP: 124.121.7.119)

ความคิดเห็นที่ 39
ตอบ คุณ bank

ผมได้อ่านคำถามที่คุณbank ได้ถามมา เผอิญบอกมาหมดซะทุกอย่างแล้ว ผมคงไม่ต้องตอบกระมังครับ แต่ไม่เป็นไร ที่คุณกล่าวมาก็ถูกซะส่วนใหญ่ เอาเป็นว่าผมจะชี้ให้ดูเป็นจุด ๆ ไปดีกว่า

** ตามที่คุณได้ผูกดวงชะตาของเพื่อนมานั้นถูกต้อง ก่อนอื่นควรจะหาว่าดาวอะไรเป็นตนุเศษ วิธีหาตนุเศษมีดังนี้คือ เอาลัคนาเป็นตัวตั้ง นับจากลัคนาไปหาตนุลัคน์ (แต่ละช่องราศีนับเป็นหนึ่ง สอง สาม ไปจนถึงตนุลัคน์) ได้เท่าไรให้ทดไว้ (จากลัคนาถึงตนุลัคน์ ได้เท่ากับ 2) และนับจากดาวตนุลัคน์ไปถึงเจ้าเรือนที่ตนุลัคน์อาศัยอยู่ ซึ่งดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนที่ตนุลัคน์อาศัยอยู่ (นับจากพฤหัสบดี ถึง เสาร์ ได้เท่ากับ 11) เอา 2 x 11 = 22, นำ 22 หารด้วย 7 เหลือเศษ 1 ดังนั้นดาวอาทิตย์จึงเป็นตนุเศษ (ในการหาตนุเศษให้หาในแนวทางที่ผมชี้แนะ และในการใช้ 7 หาร เหลือเศษเท่าใด ตัวเศษนั้นเป็นดาวตนุเศษ ถ้าหารลงตัว ดาว 7 จะเป็นดาวตนุเศษ)

** เผอิญดาวตนุเศษกุมลัคนา ดาวตนุเศษนี้หมายถึงจิตใจของตัวเจ้าชะตา เมื่ออาทิตย์เป็นตนุเศษกุมลัคนา ดาวอาทิตย์มีความหมายถึงว่า เป็นคนหยิ่ง วางท่า ใจร้อน อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้ พูดจาคำไหนคำนั้นไม่มีกลับคำ เสียอย่างเดียวไม่ค่อยมีน้ำอดน้ำทนเท่าไร กอร์ปกับอาทิตย์เป็นดาวธาตุไฟมาอยู่ในราศีธาตุไฟด้วย แถมเป็นไฟชั้นสามคือเดี๋ยวลุกโชน เดี๋ยวลุกเฉย ๆ ดังนั้นคนคนนี้ดู ๆ ไปบางทีอยู่เฉย ๆ ก็โมโหโทโสขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้ง ๆ ที่เรื่องไม่เป็นเรื่องแต่ตนเองไม่พอใจ

** มาดูตนุลัคน์กัน ดาวตนุลัคน์คือดาวพฤหัสบดี มีตำแหน่งเป็นนิจจ์ อยู่เรือนเสาร์ ดาวพฤหัสเป็นดาวเจ้าเรือนสองราศี คือราศีธนู (ภพตนุ) และราศีมีน (ภพพันธุ) ดาวพฤหัสบดีตำแหน่งนิจจ์ แสดงถึงว่าตัวเจ้าชะตาเองและครอบครัวของเจ้าชะตาคือ มารดา รวมทั้งบิดาด้วย (อาทิตย์เป็นเจ้าเรือนภพศุภะมาอยู่เรือนพฤหัสบดี ไม่มีตำแหน่งใด แต่ดาวพฤหัสเป็นนิจจ์ ดาวอาทิตย์จึงรับผลนั้นด้วย คือมาอยู่เรือนคู่มิตรพฤหัสบดี แต่คู่มิตรจนตนเองก็เลยจนตามไปด้วย อยู่แบบกัดก้อนเกลือกินไปกับดาวพฤหัสบดี) อันดาวพฤหัสบดีมีตำแหน่งนิจจ์ ตามภูมิทักษาเป็นอุตสาหะ ไปอยู่ในภพกดุมภะ (ซึ่งมีดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือน แถมดาวเสาร์ได้ตำแหน่งราชาโชคอยู่ในราศีพิจิก อันเป็นภพมรณะโลก เป็นภพวินาศน์ของเจ้าชะตา) ถามว่าพฤหัสตัวนี้เสียหรือไม่ ตำแหน่งนิจจ์ก็เสียอยู่แล้ว แต่จะเสียแบบไหนกัน พฤหัสฯ เป็นดาวศุภเคราะห์ เป็นดาวนักบุญ เมื่อเป็นนิจจ์ในภพกดุมภะย่อมหมายถึงว่า ตัวเจ้าชะตาขยันหาเงินหาทองไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินได้ทองมาใช้จ่าย แม้กระทั่งขายของเถื่อนก็ตาม (ดาวพฤหัสกับดาวเสาร์ ในตำนานของพระเคราะห์คู่เขาเรียกกันว่าเนดาวคู่พระคู่โจร คือเป็นพระก็ได้ เป็นโจรก็ดี เป็นได้ทั้งสองอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าดาวพฤหัสได้ตำแหน่งดีหรือไม่ดีเท่านั้น ถ้าตำแหน่งดีก็เป็นพระ ถ้าตำแหน่งเสียก็เป็นโจร ตรงนี้ผมเปรีบเป็นอุปมาอุปไมยให้ดูนะครับ) เมื่อดูสามจังหวะ ก็จะเป็น ตนุ+กดุมภะ+วินาศ เจ้าชะตาขยันหาเงินหาทอง ไม่ว่าจะลงทุนหรือทำงานหาเงิน ไม่ว่าจะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยทำหมด แต่ถามว่าผลตอบแทนที่ได้นั้นดีหรือไม่ เราจะเห็นว่าดาวศุกร์กับดาวอังคารนั้นสลับเรือนกันอยู่ ต่างก็มีตำแหน่งปร ทั้งสองดวง ซึ่งแสดงถึงรายได้ที่ได้มานั้นไม่ถึงกับมาก และก็ไม่ถึงกับน้อยจนเกินไป เพียงแต่ได้มาเป็นเบี้ยหัวแตก (เพราะเป็นปร) ได้ผลตอบแทนมาไม่คุ้มกับที่ต้องเหนื่อยสักเท่าใด ตรงนี้เรามองในมุมมองของเจ้าชะตาที่ขยันหาเงิน ว่าขยันหาในลักษณะใด แล้วที่ได้คุ้มค่าสักเท่าใด ต้องใช้วิธีการอย่างใด

**มาดูในภพวินาศน์ กันก่อน มีดาวพุธ (เจ้าเรือนปัตตนิกับกัมมะ ดาวศุกร์เจ้าเรือนลาภะกับอริ ดาวเสาร์เจ้าเรือนกดุมภะ ดาวมฤตยูไม่มีเรือนอยู่เป็นดาวลอย) ดาวเสาร์ได้ตำแหน่งราชาโชค ดาวพุธกับเสาร์แม้เป็นดาวคู่สมพลแต่ไม่ปรากฎผลสักเท่าใดนัก เพราะดาวคู่สมพลจะช่วยเหลือกันเมื่อดาวทั้งสองต่างไม่เสียและมีตำแหน่งด้วยกันทั้งคู่ ส่วนดาวพุธกับดาวศุกร์แม้จะเป็นคู่อสีติธาตุก็จริงอยู่แต่ก็ให้คุณไม่มากนัก เพราะมีดาวอื่นอยู่ร่วมแจมด้วย หากดาวพุธกับศุกร์อยู่กันสองดวงจะให้คุณมากทีเดียว

ในภพวินาศน์มีดาวเสาร์มาอยู่ ดาวเสาร์ได้ตำแหน่งราชาโชค ดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนภพกดุมภะ แสดงถึงว่าเงินทองที่เขาเก็บได้นั้นต้องมาเสียหายอยู่บ่อย ๆ เสียหายแบบไม่มีใครทราบ เสียหายแบบที่ตัวเจ้าชะตาก้อค่อนข้างจะเซ็งพอสมควร (ศุกร์+เสาร์ คู่แห่งความเซ็ง คู่แห่งความทู่ซี้ ฯลฯ) ถามว่าเสียหายเพราะอะไร ก้อเสียหายเพราะดาวพุธ+ศุกร์ (พุธคือดาวเจ้าเรือนภพปัตนิและกัมมะ เป็นเจ้าเรือนภพสหัสชะและอริของโลก เป็นภูมิศรี) ในบทกลอนเกี่ยวกับพระเคราะห์คู่นั้นจะมีอยู่บทหนึ่งที่ว่า "พุธศุกร์อีกคู่ดูไม่ละ มักตะกละเสพสมชมคาวหวาน อยู่เรือนพุธ ศุกร์ จันทร์ แลอังคาร มักร้าวรานหมางเมินห่างเหินกัน" กลอนบทนี้ที่คุณว่าตัวเจ้าชะตามีภรรยาสองคน ปกปิดลับ ๆ ไม่มีใครทราบ เพราะอยู่ภพวินาศ การเงินการทองที่เนียหายก็เพราะต้องจับจ่ายเกี่ยวกับสุภาพสตรีทั้งสองคนที่คบอยู่ แม้บางทีตัวเจ้าชะตาจะบอกว่าสตรีช่วยเหลือตัวเจ้าชะตาบ้าง ผมเองก็ว่าไม่เท่าไร ถ้าช่วยเหลือจริง ๆ ตัวเจ้าชะตาไม่ต้องกระเสือกกระสนแสวงหาเงินทองจนตัวเป็นเกลียว ส่วนที่เป็นตัวบอกว่าไม่เท่าไรคือดาวพุธ+ศุกร์ ซึ่งเป็นคู่อสีติธาตุชั้นสอง ซึ่งไม่ค่อยให้คุณมากนักเนื่องจากม่ดาวอื่นแจมด้วย

**ส่วนดาวจันทร์กับราหูที่อยู่ในราศีเมษ เล็งกับดาวอังคารและดาวเกตุ จันทร์เป็นเจ้าเรือนภพมรณะ ราหูเป็นเจ้าเรือนภพสหัสชะ (จันทร์ได้ตำแหน่งมหาจักรมีตำแหน่งเป็นอายุ ราหูเป็นมนตรี) จันทร์มรณะมาอยู่ในภพปุตตะ สำหรับราหูผมไม่ได้เล่นว่าเป็นยาจกโชค (ทางภาคอีสานเขาเล่นกันอยู่) จึงไม่ได้ใช้ จันทร์ราหูเป็นคู่หนี้สิน เมื่อจันทร์เสียก็จะแสดงถึงว่าการเสี่ยงโชคของเจ้าชะตามักจะ***้หนี้ยืมสินมาเสี่ยงโชคซึ่งผลที่ได้ไม่ค่อยคุ้มค่า เราจะเห็นว่าอังคารเป็นประในลาภะ คือการเสี่ยงนั้นผลตอบแทนไม่คุ้มเพราะต้องเสียดอกในการหยิบยืม คือได้แต่ไม่ค่อยจะคุ้ม สำหรับในภพปุตตะมีดาวเกตุเล็งและร่วมกับอังคารในภพลาภะ ขณะเดียวกันจันทร์เจ้าเรือนภพมรณะมาร่วมในภพปุตตะก็แสดงถึงตัวเจ้าชะตานั้นมีบุตรยากพอสมควร และหากมีบุตรก็จะไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไรนัก

ผมคงขอจบเพียงเท่านี้ก่อน ไม่ค่อยจะมีเวลาสักเท่าไร เอาไว้มีเวลาแล้วผมจะมาบอกต่อจากตรงนี้ คุณค่อย ๆ แกะออกมาทีละข้อความ แล้วลองย้อนกลับไปดูอดีตของเขาหรือพฤติกรรมของเขาที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามดวงดาวหรือไม่ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 4 มกราคม พ.ศ.2550 16:52น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 40
โอ้ ยอดเยี่ยมมากครับ ขอบพระคุณอาจารย์กรวิกมากๆเลยครับ อ่านพื้นนิสัยได้อย่างแม่นยำน่าเหลือเชื่อจริงๆ หุหุ จริงๆแล้วไม่ค่อยจะอยากเผาเพื่อนตัวเองสักเท่าไหร แต่ ก็ มีอีกนิดหน่ยออะครับ มีสงสัย ยกตัวเองอย่างเช่นดวงเพื่อนผมคนนี้แหละครับ

คือ จากดวงอีแปะนี่น่ะครับ สิ่งที่อ่านมันก็คือเรื่องปกติที่เราสามารถทราบได้ใช่มั้ยครับ แต่ผมลองดูเข้าไปที่ ดวงนวางค์จักร์ (ซึ่งได้ทราบมาว่าคือเนื้อในของดวงดาว) มันกลับสะท้อนความหมายออกมาอีกหน่อยน่ะฮะ อยากให้อาจารยืชี้แจงให้หน่อยน่ะคับ ดวงนวางค์จักรเป็นแบบนี้น่ะครับ

ลัคนา สถิต ราศี สิงห์ (อันนี้ไม่ทราบว่าถูกรึเปล่า เพราะผมไม่แน่ใจ เวลาที่ชัวร์ๆสุดๆเลยอ่ะครับ เขาบอกมาแค่คร่าวๆ)

ดาว ๗ อยู่กันย์ / ดาว ๔ และ ๐ อยู่ธนู / ดาว ๓ อยู่ มังกร / ดาว ๙ อยู่ กุมภ์/ ดาว ๖ อยู่มีน / ดาว ๑ อยุ่ พฤกษ / ดาว ๒ อยู่ มิถุน / ดาว ๕ และ ดาว๘ อยู่กรกฎ

ซึ่งความจริงผมก็ทราบว่า ยังอ่าน ดวงอีแปะไม่ชำนาญเท่าไหร ไม่ควรข้ามขั้นมา ดูดวงนวางค์จักร เพียงแต่ มันเผลอน่ะฮะ เพราะว่า พอทันทีที่ ลองดู คือ ในดวง นวางค์จักรมันมีดาว เป็น อุจน์ อยู่หลายตัวก็เลยสนใจขึ้นมาว่ามันเป็นเช่นไร ดวงอีแป่ะ ของเค้าไม่ค่อยมีดาวได้มาตรฐานที่ดีเท่าไหร แต่พอ ขับเข้านวางค์แล้ว มันกลายเป็น อุจน์อยู่ เต็มหมดเรยน่ะครับ

ซึ่งก็คือมีเรื่องอยากถามอาจารย์ครับว่า เราสามารถเอา ทั้งดวงอีแปะ แลว้ก็ดวงนวางค์จักรมาอ่านผสมผสานกันได้รีเปล่าครับ คืออ่านต่อเนื่องไปเลย ไม่ตั้ง ภพทั้ง 12 ใหม่ในดวงนวางค์ เช่น

ดาว ๕ ตนุลัคน์นั้น ราศีจักร์เป็น นิจ หมายถึงต่ำต้อยไร้วาสนา ยากจนข้นแค้น สถิตกดุมพะ ชอบหาเงิน ผสมกับที่อาจารย์บอกว่า เงินมักหายอย่างเซ็งๆเพราะเรือ่งคู่ ดังนั้น ( ซึ่งที่ผมทราบมาว่า ดวงนวางค์จักร นั้นใช้ในการทำนาย อนาคต ไม่ทราบว่าเป็นเช่นนี้รึเปล่าถ้าไม่ใช่ขออภัยครับ ) จึงเกิดความต้องการ ( ตามนวางค์จักร) ในส่วนลึกๆ ว่า จะต้องยิ่งใหญ่ กว่าใครๆ( เพราะ มันเป็นอุจน์ ) คือต้องการที่จะ หลุดพ้นจากการเป็น นิจ ตามเช่นความทะเยอะทะยานของเค้าน่ะครับ

แล้วคราวนี้ถ้าเรามาวิเคราะห์ตามหลักความจริงอีกสักหน่อยว่า คนที่มีลักษณะแบบนี้จะไม่ค่อยรู้จักพอดีในเรื่องเงินๆทองๆ ดังนั้นที่อาจารย์บอกว่า ลาภะได้ไม่คุ้มไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย(เพราะเป็นประ) เราอาจจะบอกได้รึเปล่าครับ ว่า จริงๆแล้วสำหรับคนอื่นๆอาจมองว่าเยอะ แต่สำหรับตัวเค้ากลับไม่เพียงพอทั้งๆที่มันเหลือกินเหลือใช้ไปแล้ว อะไรทำนองนี้น่ะฮะ

เพราะจากการที่ผมลองเข้าไปดูที่นวางค์จักรแหละครับ ถึงถามทำนองนี้ขึ้นมา ซึ่ง จากการที่ผมค้นหาข้อมูลตามเว็บและตามหนังสือเรื่อยๆมา เจอสิ่งหนึ่งที่บอกมาว่า " ดาวอุจน์ที่ปรากฎในราศีจักรนั้น ไม่ค่อยจะแสดงผลเท่าที่ควร (ไม่ทราบว่าจริงเท็จเพียงไร) แต่หากขับเข้านวางค์แล้วได้ตำแหน่งอุจน์นั้นย่อมแสดงผลเต็มที่ ยิ่งในดวงนวางค์ มีดาวอุจน์ ถึง 3ดวงด้วยแล้ว เจ้าชะตานั้นๆจะไม่มีวันตกต่ำ มีแต่จะดีขึ้นๆ" ซึ่งเป็นข้อความจากเว็บ horawej น่ะครับ ...

จากข้อความตรงนี้เอง ทำให้ผมสนใจดวงเพื่อนคนนี้ขึ้นมา แต่ผมยังไม่มีโอกาศได้ทดลองสถิติที่เค้าว่ามา เพราะเพื่อนผมมันยัง อายุน้อยยังไม่มีโอกาศให้ผมได้ทดสอบสมมุติฐานว่าเป็นเช่นไร จึงอยากถามอาจารย์ว่ามันมีอิทธิพลจริงแท้เช่นไรครับ เพราะในดวงเพื่อนผมคนนี้นี่มันน่าตกใจ คือ มี ดาวได้ตำแหน่ง อุจน์ ถึง 4 ดวง ก็คือ ดาว ๓ ๕ ๖ และ๙ ส่วนที่เหลือ ก็ได้ตำแหน่งใกล้ๆกับอุจเหมือนกัน คือ ๑ ๒ อุจจาภิมุข ๗ อุจจาวิลาส ( สามอันหลังนี่ไม่ทราบว่ามันมีผลจริงๆรึเปล่า แต่ ดูจากตำรามานะครับ )

อีกอย่างผมลองถามเค้าในด้านความคิดน่ะครับ ว่า ตัวเค้าเองมีความเห็นในเรื่อง รายรับ รายได้นี่เป็นอย่างไร ( ผมเน้นที่ลาภะน่ะครับ) เค้าตอบผมประมาณ ว่า เค้าเชื่อว่า ตอนนี้มันน้อย แต่ในอนาคตมันต้องเยอะแน่ๆเยอะมากด้วย -_-

ซึ่งคราวนี้ผมก็ลองกลับมาดูที่ ดาวเจ้าเรือลาภะ น่ะครับ ปรากฎว่า ในนวางค์จักรก็ได้ตำแหน่ง อุจน์ เหมือนกัน หรือเราอาจจะบอกได้รึเปล่าครับ ว่า ดวงราศีจักร คือ สิ่งที่เค้าคิด เค้าเป็น เค้าทำในปัจจุบัน นวางค์จักร คือ ความหวัง ความเชื่อ ในอนาคตน่ะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว หากในปัจจุบันไม่ว่าเค้าจะได้ รายรับ เท่าไหรๆ ( ราศีจักรและนวางค์จักร มันต้องไปด้วยกันควบคุ๋ใช่มั้ยคัรบ ไม่เกี่ยวกับเวลา ) เค้าก็ยังหวังอยุ่ตลอดว่า จะมี รายรับที่เยอะกว่าที่เป็น ซึ่งส่งผลให้เกิด ลักษณะการแสดงมาทาง ราศีจักร กลายเป็นคนไม่รู้จักพอ

หุหุ อาจารย์คงไม่รำคาญผมน่ะครับที่ผมถามเยอะแยะยืดยาว พอได้มีโอกาศพูดคุย ได้รับคำชี้แนะแล้ว มันพรั่งพรูออกมาเองอ่ะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณอาจารย์ล่วงหน้าครับ วันนี้เข้ามาโพสถาม อาจารย์เข้ามาตอบให้หายสงสัยห่างกันแค่ไม่นาน ดีใจมากๆเลยครับ

ด้วยความเคารพครับ


bank - 4 มกราคม พ.ศ.2550 19:59น. (IP: 124.121.10.109)

ความคิดเห็นที่ 41
แฮ่ๆ จริงๆหลังถามคำถามด้านบนเสร็จ ผมก็เข้าไปอ่านกระทู้หลังๆ กระทู้แรกๆ ต่อ ก็เลยได้ความเข้าใจอารัยมาอีกนิดหน่อยน่ะฮะ ผมไม่ทราบว่า อาจารย์การเวกจะเข้ามาตอบคำถามเมื่อไหน แต่ไหนๆผมกะลังคึกๆ อยากถาม อันนี้เป็ฯการขอข้อมูลจากอาจารย์น่ะฮะ ถ้าเป็นความลับผมต้องขออถัย

ผมเชื่อว่า อาจารย์น่าจะเคย ได้เห็น ดวงชาตาที่คล้ายๆกับเพื่อนผมคนนี้มาแล้ว คือ ( ผมจะเอาแค่ตำแหน่งมาตรฐานน่ะฮะ ) ดาวในราศีจักร นั้น ไม่มีตำแหน่งมาตรฐานที่ดีเท่าไหร เป็นทำนองชิวๆ แต่ใน ดาวนวางค์จักร กลับแตกต่างกันค่อนข้างมาก อย่างที่เห็น จากเป็น นิจกลับเป็นอุจน์ อะไรทำนองนี้น่ะฮะ เลยอยากถามอาจารย์หน่อยน่ะครับ ว่า บุคคลอื่นๆที่มีลักษณะเป็นแบบนี้ ในชีวิตจริงๆนั้น เค้าเป็นเช่นไรครับ มีการพลิกพันเปลี่ยนแปลงมั่งมั้ยครับ

ไม่ทราบว่าผมคิดเช่นนี้จะถูกรึเปล่า คือ ผมเชื่อว่า ดาวอุจน์ นั้นมีอิทธิพลพอๆกับมหาจักร แต่ ต่างกันตรงที่ คนที่มีดาวเป็นมหาจักรหลายดวงผมสังเกตุจะออกไปในทางที่เป็นคน ยืดหยุ่น ส่วน ดวงที่เป็นอุจน์เยอะๆนี่ จะออกไปในทางก้าวร้าว ยิ่งตนุลัคน์เป็นอุจในราศีจักรด้วยยิ่งขี้โม้มากครับสถิตภพไหน ก็มักจะเอาไปฝากในเรื่องนั้นๆด้วย คือ มั่กจะชอบการปะทะ เบ่งรัศมี หรืออะไรทำนองที่มันก้าวร้าวๆ น่ะครับ ไม่ทราบอาจารย์กรวิกคิดเห็นเป็นอย่างไร อยากขอข้อมูลจากอาจารย์หน่อยน่ะครับ ถามหลายอยางมากเลยครับ รบกวนอาจารย์มากจริงๆ

ด้วยความเคารพคับ


bank - 4 มกราคม พ.ศ.2550 23:49น. (IP: 124.121.10.109)

ความคิดเห็นที่ 42
แฮ่ๆ ขอโทษอาจารย์กรวิกด้วยน่ะครับที่ไม่ได้บอกความจริง ว่า เพือนผมคนนี้จริงๆก็คือผมเองอ่ะครับ ที่ไม่กล้าบอกก็เพราะว่าอาย ไม่อยากจาโฆษณาตัวเองเท่าไหร เพราะถ้าผมบอกว่านี่คือตัวผมเอง เรื่องบางเรืองผมอาจจะเขินอายที่จะต้องเปิดเผย พูดแล้วมันไม่เต็มปาก แล้วก็ไม่อยากจะใช้คำอ้อมๆเข้าใจยากด้วย ต้องขอประทานโทษอาจารย์จริงๆครับ

ด้วยไปนั่งอ่านกระทู้หลังๆเรื่อยมา จากกระทู้ของอาจารย์วรกุลบ้าง ก็ฉุกใจคิดได้ว่า "ถ้าอาจารย์คิดว่าเราเอาดวงคนอื่นมาพูดคงไม่ดีแน่ๆ" ผมก็เลยคิดว่าบอกเลยดีกว่า ขออาจารย์อย่าถือสาน่ะครับ คือ ผมยังเด็กอยู่หน่อย เรื่องบางเรื่องอาจทำไม่ถูกกาลละเทศะต้องขอโทษอาจารย์กรวิกด้วยน่ะครับ

ด้วยความเคารพ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 02:20น. (IP: 124.121.10.109)

ความคิดเห็นที่ 43


เรียน อาจารย์การเวก(กรวิก)

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับสำหรับคำตอบทุกคำตอบที่มีให้ผมทุกครั้งที่ถาม ในโอกาสเข้าปีใหม่นี้ ผมขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้อาจารย์และครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ทุกประการเทอญ

วันนี้ผมขออนุญาติขอความกรุณาอาจารย์สอนผมอ่าน 2 จังหวะดังต่อไปนี้ด้วยครับ คือผมไม่ทราบจะผสมความหมายอย่างใดครับ

1. สหัชชะ+อริ(๕)--ปุตตะ(๘)--กัมมะ(๒)

2. กัมมะ(๒)--กดุมภะ(๓)--กัมมะ(๒)

อังคาร(๓) เป็นกาลกิณีกำเนิดครับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์มากๆ ครับ

ผม save กระทู้ของอาจารย์ทั้งหมดมาไว้ใน file.doc โอ้โห แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเยอะขนาดนั้นครับ เดี๋ยวว่างๆผมจะค่อยๆ proof และ edit ให้เรียบร้อย ครับ สิ่งที่อาจารย์ตอบในกระทู้ของอาจารย์มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผมผู้ซึ่งด้อยวาสนาที่จะไปเรียนแบบมีครูบาอาจารย์จริงๆตามสถานที่ที่เขาเปิดสอนครับ มีเหตุผลหลายอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อการไปเรียนครับ จึงได้แต่เรียนโดยการอ่านจากตำรา และสอบถามอาจารย์ทางเว็บบอร์ดนี่แหละครับ ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งหนึ่งครับ


นนท์ - 5 มกราคม พ.ศ.2550 05:35น. (IP: 210.246.80.115)

ความคิดเห็นที่ 44
ตอบ คุณbank

ที่จริงตอนที่เห็น คุณbank โพสต์เข้ามาถาม ดูจากคำถามและข้อความก้อทราบอยู่แล้วว่ามีความรู้มากพอสมควร แต่ที่ตอบไปนั้นเพื่อให้นักศึกษาวิชาโหราศาสตร์ที่โพสต์เข้ามาดูได้ศึกษาหาความรู้ เป็นแนวทางมิให้หลงทางขวนขวายเสาะหาเคล็ดลับ เกร็ดวิชา เพื่อจะได้เป็นนักพยากรณ์ได้เร็ว อันวิชาโหราศาสตร์นั้นกว่าจะพยากรณ์ได้เป็นเรื่องเป็นราวต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เว้นแต่ท่านที่มีพรสวรรค์เท่านั้นที่จะพยากรณ์ได้เร็ว และก้ออีกนั่นแหละ อันวิชาโหราศาสตร์นั้นมีหลายแขนงวิชา ขึ้นอยู่กับว่าใครเหมาะที่เรียนในแขนงไหน

ที่คุณbank ถามมาเกี่ยวกับเรื่องดาวในราศีจักร์มีตำแหน่งประ นิจจ์ แต่ในนวางค์จักรนั้นได้ตำแหน่งอุจจ์ คุณbank เองก็คงทราบดีอยู่แล้วผมเองคงไม่ต้องตอบหรอกครับ เพราะหากตอบไปแล้วท่านที่เข้ามาศึกษา (ที่ยังไม่รู้) ก้อจะไปขวนขวายหาตำหรับตำราเพื่อศึกษา แค่ขับดาวเข้านวางค์จักร และตรียางจักร สำหรับนักศึกษาใหม่ ๆ นั้นควรจะมีผู้ชี้แนะ มิเช่นนั้นก้อจะเข้าใจกันผิดไปหมด (เหมือนดั่งผมที่เคยเป็น)

ผมเองได้เข้าไปอ่านบทความในกระทู้ของท่านอาจารย์วรกุลฯ เห็นคุณbank โพสต์เข้าไปถามในหลักการจากท่านอาจารย์วรกุลฯ ซึ่งผมคิดว่าท่านอาจารย์วรกุลฯ ท่านมีความรู้ความสามารถสูง เหมาะที่คุณbank จะสอบถาม จะได้ความรู้เพิ่มเติม และตัวผมเองจะได้อาศัยใบบุญจากคุณbank ได้รับความรู้เพิ่มเติมอีก ว่าง ๆ เข้ามาคุยกันได้นะครับ สวัสดีครับ

ตอบ คุณนนท์

ตามที่คุณนนท์ ถามมาเกี่ยวกับการอ่านแบบสองจังหวะมานั้น ที่จริงในการการภพสองจังหวะในเบื้องต้นขณะที่ยังศึกษาใหม่ ๆ ต้องไม่นำกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง (เหมือนนักเรียนใหม่นะครับ) เพราะหากนำเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะทำให้สับสน หยิบตรงนั้น นำตรงนี้ เข้ามาผสมผสาน ต้องรอให้ชำนาญก่อนถึงค่อยหยิบตรงนั้น นำตรงนี้เข้ามาผสมผสาน จะเปรียบไปก้อเหมือนกับการทำอาหาร เช่น เรามีเนื้อหมูอยู่ครึ่งกิโลกรัม เบื้องต้นเราก็นำเนื้อหมูมาต้มทานก่อน พอเบื่อก็ค่อยนำไปผัดซึ่งสามารถทำได้หลายอย่าง คือ หมูผัดเผ็ด หมูผัดกะเพรา หมูผัดคะน้า หมูผัดเปรี้ยวหวาน ฯลฯ การที่นำเรานำเนื้อหมูไปทำอาหารได้หลาย ๆ อย่างก็เปรียบเหมือนกับวิชาโหราศาสตร์ไทยเรา ที่นำกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เข้ามาผสมผสานเพื่อออกคำพยากรณ์ให้มีรสชาด ถูกใจผู้มาขอคำพยากรณ์

ว่ากันถึงคำถามของคุณนนท์ฯ กันดีกว่า คำถามคุณนนท์ฯ คงตอบได้ดังนี้

1. สหัสชะ + ปุตตะ + กัมมะ = การติดต่อพูดจาตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องของการงาน, มีการพูดจาอธิบายให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา (ลูกน้อง) เกี่ยวกับเรื่องการงาน ฯลฯ

อริ + ปุตตะ +กัมมะ = ปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวถึงเกี่ยวกับหน้าที่การงาน, อุปสรรคที่เกิดขึ้นจากบริวารในการทำงาน ฯลฯ

2. กัมมะ + กดุมภะ + กัมมะ (กัมมะมีดาวจันทร์เป็นเจ้าเรือน เข้าใจว่าตำแหน่งนิจจ์ กดุมภะ มีดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนเข้าใจว่าตำแหน่งนิจจ์เช่นกัน) = การงานที่ทำ ทำให้เจ้าชะตาสามารถที่จะมีทรัพย์สินของตนเอง หรือทรัพย์สินที่เจ้าชะตามีอยู่มาจากน้ำพักน้ำแรงในการทำงาน

ทั้งในข้อ 1 และ 2 เรายังมิได้นำความหมายของดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งความหมายของดวงดาวแต่ละดวงนั้นจะมีความหมายต่าง ๆ กัน และเมื่อดาวดวงหนึ่งผสมกับดาวอีกดวงหนึ่ง ในตำแหน่งที่ดีมีความหมายหนึ่ง ในตำแหน่งที่ไม่ดีก้อมีอีกความหมายหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าผู้พยากรณ์มีความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องของการผสมดวงดาวหรือไม่ ถ้ายังไม่ทราบก็ใช้ภพว่ากันไปก่อน ซึ่งก้อจะสามารถพยากรณ์ไปได้ถูกต้องประมาณ 40-50 % สำหรับ % ที่จะพยากรณ์ถูกต้องสูงขึ้นต้องขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลาย ๆ อย่าง ดังเช่นที่ผมยกตัวอย่างเรื่องของเนื้อหมูในเบื้องต้น เช่น 5+8 มีความหมายอะไร , 5ดี 8 เสีย ควรจะใช้ความหมายอะไร, 8 เสีย 5 ดี ควรจะใช้ความหมายเช่นไร, 2 เสีย 3 เสีย ควรจะใช้ความหมายเช่นไร เป็นต้น ตรงนี้ผมคิดว่ารอให้ทุกท่านทราบเรื่องของ พระเคราะห์คู่ หรือการผสมดาวพระเคราะห์ก่อน มิเช่นนั้นอธิบายไปก็จะจับทางกันไม่ถูก คุณนนท์ฯ จะเห็นว่า ทำไมผมจึงไม่นำเรื่องของนวางค์จักร มากล่าวเลย เนื่องจากว่าหากนำนวางค์จักร์มากล่าวในที่นี้ก้อจะสับสนกันไปใหญ่ เอาไว้ท่านทั้งหลายฝึกตรงนี้ชำนาญกันแล้ว เรื่องนวางค์จักร์ เมื่อท่านจะเรียนกันก็เรียนกันไม่ยากแล้ว เนื่องจากมีพื้นฐานแน่นกันมาก่อน และจะใช้เวลาไม่มากในการอธิบาย

ผมคงจบเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ




การเวก (กรวิก) - 5 มกราคม พ.ศ.2550 13:27น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 45


เรียน อาจารย์กาเวก(กรวิก)

ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำตอบ ผมพอจะเข้าใจที่อาจารย์อธบายครับ เพียงแต่ว่าผมตั้งคำถามไม่กระจ่างแจ้งครับ เลยได้คำตอบที่ไม่ค่อยตรงกับที่ผมสงสัย

คือว่าผมต้องการจะอ่านเรือนสหัชชะว่า พี่น้อง ครับ เรื่อนสหัชชะใช้แทนพี่น้องท้องกันด้วยได้ใช่ไหมครับ ผมแน่ใจว่าใช่ เพราะเห็นอาจารย์หลายๆคนเขาก็ใช้อ่านกัน พอ สหัชชะ ไป ปุตตะ ไป กัมมะ ผมก็งง ผสมความหมายไม่ออก เพราะ พี่น้อง-บุตรบริวาร-การงาน มันเลยไม่ทราบจะพูดออกมาเป็นประโยคได้อย่างไร

รบกวนอีกสักครั้งครับ อย่าเพิ่งรำคาญผมเลยนะครับ หัวไม่ค่อยไวครับ กราบขอบพระคุณครับ


นนท์ - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:04น. (IP: 210.246.80.72)

ความคิดเห็นที่ 46
อ่า คือ ขอโทษ น่ะครับที่ถามอะไรดูแล้วไม่ดี ไม่เหมาะ ผมสราภาพจริงๆว่า ผมไม่เคยดูดวงใครเลยนอกจากตัวเอง ไม่มีโอกาศเคยได้พูดคุยกับใครเลยนอกจากตัวเอง เพราะฉะนั้น ที่ผมได้เข้ามาเว็บนี้ครั้งแรกก็เลย รุ้สึกเหมือนได้เจอขุมทรัพย์ ที่ผมถาม ผมขอคำชี้แนะนั่น ไม่ใช่เพราะผมต้องการอวดตัว หรืออะไร ถ้าทำให้ใครรุ้สึกไม่ดีจริงๆ ผมต้องขอประทานอภัยจริงๆครับ

ผมถามอะไรไป เพราะผมเองใจร้อน อยากจะรู้ว่าสิ่งที่คิด สิ่งที่เข้าใจ กับของจริง มัน เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะผมเองไม่เคยเจอเลย ได้แค่ "คิด" เอาเองในหัว

ถึงตรงนี้ ถ้าที่ทำมามันไม่ดี ไม่ควร ผมต้องขออภัย อาจารยืกรวิกเป็นอย่างสูง

ด้วยความเคารพ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:05น. (IP: 124.121.3.125)

ความคิดเห็นที่ 47


เรียน อาจารย์การเวก(กรวิก) อีกครั้งครับ พอผมคลิ้กส่ง มานั่งอ่านอีกที มันเกิดปิ๊งขึ้นมาได้ว่า จะอ่านแบบนี้ได้ไหม คือ

สหัชชะ-ปุตต-กัมมะ ผมอ่านว่า

พี่น้องปรองดองช่วยเหลือ(ปุตตะ)ในเรื่องการงาน

อ่านอย่างนี้จะถูกไหมครับ ใช้ได้ไหมครับอาจารย์


นนท์ - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:20น. (IP: 210.246.80.72)

ความคิดเห็นที่ 48
ตอบ คุณนนท์ฯ

คำว่าปุตตะ อย่าได้ไปแปลเป็นความหมายเดียวซีครับ คำว่าปุตตะ ถ้าหมายถึงบุคคลก้อหมายถึง เด็ก ๆ, บริวารที่มีอายุน้อยกว่าตัวเจ้าชะตา, กลุ่มบุคคลในสังคมที่ตัวเจ้าชะตาเข้าไปสัมผัสด้วย,ฯลฯ ถ้าหมายถึงสถานที่ได้แก่ สถานที่ที่บุคคลมาเสวนากัน หรือเข้าสังคมเพื่อพบปะพูดคุยกัน เช่น สภากาแฟ สโมสรโรตารี่ หอประชุมมหาวิทยาลัย ถ้าหมายถึงสิ่งของเกี่ยวกับการลงทุน ได้แก่ การเสี่ยง เช่น การเสี่ยงซื้อหวยบนดิน การเสี่ยงในการลงทุนใหม่ ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ฯลฯ หรือถ้าจะหมายถึงคำพูดคำจา คำปรึกษาก็ได้ และหากคุณนนท์ เห็นว่าคำขยายเหล่านี้ยังไม่สมบูรณ์ ลองดูว่าทางทักษาดาวราหูหมายถึงอะไร ก็นำความหมายของภูมิทางทักษาเข้ามาขยายก้อได้เพื่อให้คำพยากรณ์ดูรื่นหูไม่ติดขัดและผู้ฟังเข้าใจได้ง่าย

ในการพยากรณ์ตามดวงดาวอย่าใช้ความหมายเพียงความหมายเดียวเป็นหลัก ภพแต่ละภพมีความหมายได้หลายอย่าง ดาวแต่ละดวงก็แสดงความหมายได้หลายอย่างเช่นกัน เช่น ดาวพฤหัสจะหมายถึงการศึกษาก็ปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย (ถ้าดาวพฤหัสบดีไม่เสีย) และถ้าได้ตำแหน่งเกษตร อุจจ์ ก็สามารถจบถึงปริญญาโท ปริญญาเอกได้ แต่ถ้าหมายถึงการค้าหรือการงานนั้นสามารถหมายถึง ครู ผู้พิพากษา อัยการ นักเศรษฐศาสตร์ นักธุรกิจ ที่ผมยกตัวอย่างให้ดูเพื่อให้คุณนนท์ฯ ลองฝึกแปลภพและดาวให้มีหลาย ๆ ความหมายดู และลองฝึกดูภาพรวมของดาวในจักราศีว่ามีความสัมพันธ์กันเช่นไร ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการฝึกฝน ค่อย ๆ เรียนอย่าใจร้อนครับ ผมคงจบเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ

ตอบ คุณbank

สิ่งที่คุณbank กล่าวมาเป็นการเข้าใจผิด ผมเองก้อเคยกล่าวไว้แล้วว่าผมเองเปิดกว้างเสมอ เพียงแต่เมื่อเห็นคว่าคำถามที่คุณถามมานั้นควรจะไปถามท่านผู้ใดจึงจะได้รับความรู้กระจ่างขึ้น ผมเองนั้นยอมรับอย่างหนึ่งว่า ถ้าจะให้ตอบแบบท่านอาจารย์วรกุลฯ คงตอบไม่ได้อย่างท่านตอบ ท่านเป็น "***รู" ซึ่งเป็นศัพท์แสงสมัยใหม่ที่หมายถึงผู้รอบรู้ ที่ทุกท่านที่ได้เข้ามาท่องในเวป "horathai.com" ต่างก็ให้ความยอมรับและนับถือ ตัวผมเองถ้ามีโชควาสนายังอยากที่จะกราบท่านเป็นอาจารย์ ขอให้ท่านรับผมเข้าเป็นศิษย์สักคน แม้จะต้องใช้เวลาเรียนเท่าไรก้อยินดี เพียงแต่ผมไร้วาสนาเท่านั้นเอง ผมหวังว่าคุณbank เข้าใจนะครับ ว่าง ๆ เข้ามาพูดคุยสอบถามกันได้ครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:38น. (IP: 203.144.211.51)

ความคิดเห็นที่ 49
คือ ถ้าไม่รังเกียจ ขอผมลองแนะนำด้วย จาได้มั้ยฮะ

ผมไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว การอ่านดาว สอง สามจังหวะนี่มันเป็นยังไง มีหลักการยังไง เพียงแต่ เวลาที่อ่านน่ะฮะ คุณนนท์ ลองที่งี้สิครับ ลองถามตัวเองดูว่า

สหัชชะ(สิ่งแวดล้อมทางด้านนี้ของเรา เราจินตนาการออกสิ่งไหนมั่ง ก็นึกภาพ มันดู) ไปอยู่ ในเจ้าสิ่ง แวดล้อมที่ ชื่อ ปุตตะ(ซึ่งตรงนี้ก็ลองนึกภาพดู) แล้วเจ้าตัว ปุตตะนี่แหละ ที่เป็นตัวสำคัญ เปรียบเสมือน สหัชชะ( ตัวเรา ) อยู่ปุตตะ ( ขึ้นรถเมล์ ) นี่สมมุติน่ะครับ เราอยากทราบว่ารถเมล์นั่นเป็นรถเมล์ประเภทไหน เราก็หาอีกตัวครับ คือ ตัวขยายความหมาย ของคำว่า ปุตตะ ก็คือไปดูเจ้าเรือน คือ ปุตตะ ไปอยู่ กัมมะ (ก็คือ ปุตตะไปอยุ่ในสิ่งแวดล้อมที่ ชื่อ กัมมะ )

กัมมะ นี่แหละครับ คือสิ่งที่เข้ามาขยาย ให้เราทราบว่า สหัชชะน่ะ มันปุตตะ แต่ เป็นปุตตะยังไง มันก็คือ ปุตตะที่เป็นกัมมะ

อย่างสมมุติ ผมแปลในความหมาย ดูดวงตัวผมเอง ก็คือ วงสังคม เพื่อนๆ มักจะ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่เสี่ยงๆในการทำงานหรือเรามักจะทำงานที่มันเสี่ยงๆงานที่เกี่ยวกับเด็ก ลุกน้องซึ่งงานเหล่านี้มักจะต้องอาศัยการสังคมเข้าด้วย

คือมันอ่านได้หลายแบบนะฮะ อย่าเพิ่งไป กำจัดตายตัว เพราะ ต่างคนต่างมีเหตุการณืที่ไม่เหมือนกัน เราอยากเอาตัวไหนให้เป็นประธาน เราก็ไปดูที่สิ่งประธานอยู่ แล้วดูสิ่งขยาย ให้ดีลอง วาดภาพ สหัชชะ ปุตตะ กัมมะ ไว้ในหัวว่ามันเป็นยังไง คราวนี้เราก็จะเข้าใจไปเองอ่ะฮะ

เชื่อว่า ถ้าไป จำกัดคำนิยาม สิ่งที่มันต่อยอด ขยายความได้หลายทางแบบนี้ มันคงยากน่ะครับ ไม่ทราบว่าผมแนะนำแล้ว งง รึเปล่า แต่ลองคิดเป็น สเต็ปๆดูน่ะครับ ว่ามันเช่นไร

อ่า คงไม่เป็นการรบกวนอะไรน่ะครับ ที่ขออธิบายด้วย ผมเช้ามาบ่อยๆเลยอยากบอกสิ่งที่รู้ด้วยอ่ะฮะ ไม่มีความต้องการไปเกทับ หรือ อะไร ถ้ายังไง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:52น. (IP: 124.121.3.125)

ความคิดเห็นที่ 50


เรียน อาจารย์การเวก(กรวิก) อีกครั้ง

พอดีผมยังมัวนั่งก๊อปปีกระทู้ของอาจารย์วรกุลอยู่ เปิดกระทู้ของอาจารย์การเวกทั้งไว้ พอรีเฟรชอีกทีเห็นอาจารย์มาตอบ จึงอยากตอบอาจารย์อีกทีหนึ่ง

ผมเข้าใจดีว่า อาจารย์ต้องการจะสอนแบบอธิบายให้ผมนำคำอธิบายไปคิดหาข้อสรุปหรือคำตอบเอาเองเพื่อที่ผมจะได้ความรู้ที่แน่นกว่าการที่อาจารย์จะตอบว่า ที่ผมอ่านมานั้นผิดหรือถูก แต่ผมหัวไม่ไวครับ เลยไม่แน่ใจว่าที่ผมอ่านนั้นถูกหรือไม อยากให้อาจารย์ช่วยกรุณาบอกผมด้วยว่าที่ผมอ่านนั้นถูกหรือไม่ครับ

ผมอ่านว่า "พี่น้องปรึกษาหารือกันหรือให้คำแนะนำในเรื่องของการงานเป็นอย่างดี ที่ใส่คำว่า "เป็นอย่างดี" เพราะ ราหูเป็นเจ้าเรือนปุตตะและเป็นศรีทางทักษา และสหัชชะคือ ดาว ๕ เป็นเดช ก็แปลว่าพี่น้องมีอำนาจบารมีเกี่ยวข้องกับเด็กๆ ในการทำงาน"

ผมอ่านถูกไหมครับ ขอบพระคุณครับ


นนท์ - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:57น. (IP: 210.246.80.72)

ความคิดเห็นที่ 51
อ่า กด send massage ช้าไปนิดนึง เลยอดอ่านของอาจารย์การเวกก่อนพิมพ์เลย

คือผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษจริงๆน่ะครับ ผมเข้าใจผิดไป หวังว่าอาจารย์คงไม่ติดใจเอาความ บางครั้งผมค่อนข้างจะห่วงมากว่า เราจะทำอะไรไม่ดีไปหรือเปล่า อะไรทำนองนี้น่ะฮะ ซึ่งจริงๆผมเคารพผู้อาวุโสกว่าทุกๆท่าน ไม่ได้มีความคิดจะล่วงเกินเลยจริง แต่ด้วยนิสัยผมเองที่คิดอะไรออกไปแล้วก็พูด ทำให้บางทีทำให้สื่อความหมายดูแล้วไม่เหมาะเท่าไหร

ถึงตรงนี้ก็ต้องขออภัยอาจารย์ด้วยครับ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:59น. (IP: 124.121.3.125)

ความคิดเห็นที่ 52
ตอบ คุณนนท์

ถูกต้องครับ สวัสดีครับ

เผอิญกระทู้นี้ค่อนข้างใช้เวลาในการค้นหาข้อมูล ผมขออนุญาตเปิดกระทู้ที่ 17 ขึ้นใหม่นะครับ


การเวก (กรวิก) - 5 มกราคม พ.ศ.2550 15:32น. (IP: 203.144.211.51)