เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

คุยกันสบายๆ..........ตามประสาโหราศาสตร์ไทย ( 21)

(..เนื่องจากกระทู้ ที่ 20 เดิมมีความยาวมากเรียกได้ช้า จึงขอเปิดเป็นกระทู้ที่ 21 ครับ)

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อต้องการใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ในแวดวงวิชาโหราศาสตร์ไทย สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ และปรารภปัญหาที่มีอยู่ จะได้ช่วยกันอธิบายแก้ไข เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อวิชาโหราศาสตร์
วรกุล - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 203.107.207.18)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
อาเศียรวาท อวยพรปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๐ แด่อาจารย์วรกุล

(กาพย์ฉบัง ๑๖)

..’ข้าขอประนบน้อมสักการ’*1...วรกุลอาจารย์

พระเอื้อเกื้อ***ลการุณ

..โหราฯ วิชาพุทธิคุณ..........มอบให้เป็นบุญ

มิเลือกมิเว้นผู้ใด

..ตอบสิ้นปุจฉาสงสัย...........อรรถาธิบาย

ประสิทธิ์ประสาทปรัชญา

..ชี้แจงแจ้งสิ้นปริศนา..........ศิษย์กราบศรัทธา

ระลึกพระคุณอนันต์

..ขอสงบนบจิตอภิวันท์.........มิแสร้งเสกสรร

มโนทัยอาราธนา

..คุณพระศรีรัตย์ พระศาสดา...ทั่วทั้งโลกา

ทรงโปรดประชุมอวยชัย

..บันดาลจตุรพิธพรชัย… ……..ทั้งสี่อดิศัย

มลายวิโยคโรคา

..ประสบสุขเกษมศรีปรีดา.......สราญหรรษา

เป็นร่มฉัตรแก้วแคล้วภัย

..สำเริงสำราญเปรมัย............ศิริสวัสดิ์สมัย

ตลอดศกศักราชใหม่เทอญ ......(กราบ)

ขอแสดงความเคารพอย่างสูง

“นักเรียน” – ผู้ประพันธ์

หมายเหตุ : *1 วรรคแรกบทไหว้ครู


นักเรียน - 16 ธันวาคม พ.ศ.2549 08:15น. (IP: 210.246.80.86)

ความคิดเห็นที่ 2
ตอบคุณ นักเรียน (ความเห็นที่ 1)............ขอบคุณที่อวยพรปีใหม่ให้ผมครับ ความจริงผมยังไม่ได้เป็นครูอาจารย์ที่นี่ เป็นแต่เพียงมาช่วยแนะนำอะไรที่เห็นว่าพอจะชี้นำให้เกิดความเข้าใจบางแง่มุมเท่านั้น คำใดที่คุณตั้งใจจะแสดงความเคารพบูชาครูบาอาจารย์ ขอแต่งเป็นเครื่องสักการะบูชาแด่ครูอาจารย์ทั้งหมดที่สั่งสอนพวกเรามา และเป็นแหล่งวิชาความรู้ที่เรานำมาศึกษาอยู่ในปัจจุบัน ขอพระคุณของครูบาอาจารย์จงประสิทธิประสาทให้คุณมีปัญญาแตกฉานเชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์ตลอดไป

ใกล้ปีใหม่แล้ว เลยมีผู้อวยพรปีใหม่กันเนิ่นๆ จึงขอตั้งความปรารถนาให้ทุกท่านมีความสุข หลุดพ้นจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ได้ดวงตาเห็นธรรม มีจิตเบิกบานสบายกายสบายใจตลอดปีใหม่ที่จะมาถึงนี้


วรกุล - 17 ธันวาคม พ.ศ.2549 05:07น. (IP: 203.107.204.69)

ความคิดเห็นที่ 3
สวัสดีครับ อ. วรกุล ช่วงหลังๆ ยุ่งมากๆครับ เลยได้เข้ามาอ่านไม่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังติดตามอยู่เสมอครับขอบคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่ครับ ผมก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยดลบันดาลให้อ.วรกุลประสบแต่ความสุขความเจริญ สุขกายสบายใจในปีใหม่ครับ


โกวเล้ง - 18 ธันวาคม พ.ศ.2549 20:53น. (IP: 134.28.141.5)

ความคิดเห็นที่ 5
สวัสดีครับ คุณหนูน้อย

กราบขออภัย อ.วรกุล ก่อนครับ ที่ใช้กระทู้ของอาจารย์ สนทนากับผู้ที่อ่านกระทู้นี้

บทความที่คุณหนูน้อยคัดสรรมานั้น อ่านแล้วได้ปัญญาจริงๆ

ความรู้โหราศาสตร์อยู่ไม่ไกลเกินคว้า แต่สติ-ปัญญา ของเรา

ต่างหากจะตกผลึก เห็นได้อย่างครูบาอาจารย์หรือไม่

ขอบคุณความเอื้อเฟื้อครับ


รังสรรค์ - 20 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:12น. (IP: 203.155.115.238)

ความคิดเห็นที่ 6


เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

อาจารย์คะ เวลาเราอ่านดาวแฝงเรือนเกษตรไปหาเจ้าเรือน เราต้องมอง(มองเงียบๆในใจ)ด้วยหรือเปล่าค่ะว่า พอแฝงเรือนเกษตรตามเจ้าเรือนไปแล้วดาวนั้นมีคู่มิตร คู่ธาตุ หรือ เป็นเกษตร เป็นอุจจ์ ฯลฯ แล้วเอามาอ่านด้วยหรือไม่คะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ


มะเหมี่ยว - 21 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:37น. (IP: 210.246.80.106)

ความคิดเห็นที่ 7
ตอบคุณ มะเหมี่ยว (ความเห็นที่ 6)............ผมไม่ค่อยจะว่างอยู่เหมือนกัน ทำให้ไม่ได้เขียนเรื่องโหราศาสตร์ แต่ยังไม่อยากปิดพักกระทู้นี้เหมือนอาจารย์ศุภกร

เมื่อดาวดวงหนึ่งไปอยู่ในเรือนของดาวอีกดวงหนึ่ง เรียกว่า เจ้าเรือน เมื่อเจ้าเรือนไปอยู่ที่ไหน ดาวดวงแรกก็จะแฝงธาตุตามเจ้าเรือนไป เรามักเรียกว่า “แฝงตามเจ้าเรือน” สิ่งที่เจ้าเรือนพาไปนั้น มีทั้งธาตุ ความดีเลวและเรื่องราว ที่สัมพันธ์กันได้ แต่ไม่ได้อ่านว่าไปเป็น อุจ เกษตร นิจ ประ คู่มิตร คู่สมพล คู่ธาตุ คู่ศัตรู ฯลฯในเรือนที่พาไปนั้น ส่วนใหญ่เรื่องราวที่สัมพันธ์ถึงก็เป็นเรื่องทางเรือน หากสัมพันธ์ทางดีเลว เป็นเรื่องทางดาวได้ แต่ไม่ใช่พิจารณาว่าเหมือนดาวสถิตร่วมกัน


วรกุล - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 05:02น. (IP: 203.107.202.70)

ความคิดเห็นที่ 8
<img src=" http://bp3.blogger.com/_kzn3px4waw4/rytltsv9yzi/aaaaaaaaabc/ssakuwrwh2a/s200/jak3.jpg">ขฮโทษนะคะ ขอลองใส่ภาพ ไม่แน่ใจว่าใส่ได้ไหมค่ะถ้าได้จะสดวกมากเลยนะคะ


ชญาดา - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:54น. (IP: 202.5.87.128)

ความคิดเห็นที่ 9
ว้า...สรุปว่าใส่ไม่ได้ใช่ไหมคะ


ชญาดา - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 11:56น. (IP: 202.5.87.128)

ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าเช่นนั้นเป็นลิงค์ก็ได้ค่ะ

http://bp3.blogger.com/_kzn3px4waw4/rytltsv9yzi/aaaaaaaaabc/ssakuwrwh2a/s200/jak3.jpg

คือ จะรบกวนถามคุณวรกุลสักเล็กน้อยค่ะ

จากดวงที่ลิงก์ไว้นี้น่ะค่ะ สงสัยว่า อังคาร กับ ราหู ที่เล็งกันนั้น โดยเฉพาะ อังคารทับราหูเดิมอีกด้วย อย่างนี้คือมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นหรือไม่คะ ช่วงเวลานั้น(11พค 2551)จะเป็นช่วงที่ลูกสาวจะเข้าเรียนปี1 มหาวิทยาลัยน่ะค่ะ คือจะรู้ผลเอ็นทรานค่ะ

ในปีนั้น ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะซื้อบ้านหลังที่สองค่ะ(หลังแรกอยู่อีกจังหวัด แต่สามีย้ายไปทำงานอีกจังหวัดจึงพาเด็กๆไปเรียนจังหวัดนั้นด้วยและทิ้งบ้านหลังแรกไว้ให้ยายของเด็กอยู่ ) จากดาว มองดูแล้วดูไม่ออกค่ะ ว่า จะมีเกณฑ์ได้บ้านใหม่หรือไม่ ปัจจุบันอยู่บ้านหลวง ไกลตัวเมืองเหมือนกันค่ะ

เราควรซื้อบ้านในปีนั้นไหมคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ


ชญาดา - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 12:06น. (IP: 202.5.87.128)

ความคิดเห็นที่ 11
แก้ตัวเลขวันที่นะคะ 11 พค.เป็น 22 พค.ค่ะ

ยังมีอีกดวงคือ 0 กับ 7 ที่เล็งกันอยู่ มีผลร้ายด้านไหนหรือไม่คะ

มองดูจาก 14 ในเรือนสหัชชะ และสัมพันธ์ถึงราหู ผ่านทาง 1 เรือนในซึ่ง 7 กำลังจรเข้าเรือนอาทิตย์ นั้น เราจะมีปัญหาเรื่องสัญญาใช่ไหมคะ เช่น จะเสียรู้เค้าอะไรอย่างนี้หรือไม่คะ เพราะเห็นมี 8 มาเกาะ 5 จรทั้งคู่ และทับ 5 เดิมอยู่ด้วยค่ะ 5 เป็นนิจ ค่อนข้างอ่อนแออยู่ด้วยค่ะ มีทางแก้ไข ควรระวังเรื่องไหนจุดไหนไหมคะ หากตัดสินใจจะซื้อ


ชญาดา - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 12:14น. (IP: 202.5.87.128)

ความคิดเห็นที่ 12


กราบเรียนอาจารย์วรกุล

อาจารย์อย่าเพิ่งปิดกระทู้เลยนะคะ อย่าปิดเลยค่ะ เอาไว้อาจารย์มีเวลาค่อยเขียนก็ได้ค่ะ หนูติดตามอ่านตลอดค่ะ อาจารย์ศุภกรก็ปิดกระทู้ไปคนหนึ่งแล้วเมื่อไหร่จะมาอีกก็ไม่ทราบ

กราบขอบพระคุณค่ะ สำหรับคำอธิบาย


มะเหมี่ยว - 22 ธันวาคม พ.ศ.2549 13:43น. (IP: 210.246.80.25)

ความคิดเห็นที่ 13
ตอบคุณ ชญาดา (ความเห็นที่ 8)............คุณถามดวงชะตา ผสมกับถามผลทางดาวจรด้วย แต่วิธีที่คุณถามทำให้อ่านเข้าใจยาก พยายามจะแกะแล้วพอเข้าใจคำถามแต่ไม่อยากวินิจฉัยเพราะไม่มีเวลาครับ การดูดวงชะตาแต่ละดวงต้องดูรอบด้าน ทั้งองศา และคุณสมบัติของดาวทุกดวง ไม่ใช่มาตอบคำถามแบบที่ผูกดวงมาเอง หาดาวจรเอง แล้ววินิจฉัยจุดทำนายให้เอง ลงท้ายด้วยคำถามที่ให้ตอบตามแนวที่คิด บังเอิญอาจารย์ศุภกรปิดกระทู้ไปแล้ว ผมก็จึงไม่รู้ว่าจะแนะนำให้คุณไปถามใคร หากถามคนอื่น แม้เราจะเป็นนักโหราศาสตร์ รู้เรื่องมาบ้างก็ไม่ควรถามในลักษณะนี้ เพราะวิธีผูกดวงชะตาและวางดาวแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากดูดวงชะตาควรบอกรายละเอียดวันเดือนปีเกิด และคุณสมบัติส่วนตัวให้ผู้ทำนายเขาไปผูกดวงเอง แต่ถ้าหากจะถามประเด็นในดวงชะตา จะบรรยายดวงชะตาพร้อมวันเดือนปีเกิดก็ได้ แล้วยกข้อปัญหามาขอให้อธิบาย ผมเองไม่สะดวกที่จะทำทั้งสองอย่าง จึงต้องขออภัยด้วย

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ มะเหมี่ยว (ความเห็นที่ 12)............ผมไม่มีเวลามากน่ะครับ ได้นอนน้อย ยังต้องบริหารร่างกายและปฏิบัติธรรม ไปด้วยทุกเช้า เพื่อยืดอายุสังขารตัวเอง อายุมากแล้ว ถูกอากาศหนาวมากก็ไม่ค่อยแข็งแรง ปรับตัวช้า ไม่เจ็บป่วยก็เหมือนป่วย และก็บังเอิญมีกิจส่วนตัว ทำให้ไม่มีเวลา ที่ผมเขียนหรือตอบทุกวันนี้ ใช้เพียงความจำในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว ยังคิดอะไรมากไม่ได้ทำให้เหนื่อย อะไรเขียนได้ก็จะใช้เวลาเขียนตอบทีละนิดหน่อยครับ หากสนใจ นานๆค่อยคลิ้กมาอ่านสักทีแบบคุณโกวเล้ง นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด


วรกุล - 23 ธันวาคม พ.ศ.2549 04:58น. (IP: 203.107.203.232)

ความคิดเห็นที่ 14


เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

หนูอยากให้อาจารย์เขียนวิชาโหราศาสตร์ให้อ่านกันอีกเพราะมีประโยชน์มากต่อผู้ที่สนใจศึกษาวิชานี้ และก็เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์บอกกล่าวใน คคห.13 เป็นอย่างดีค่ะ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาจารย์จะสบายดีนะคะ อาจารย์จะมาเขียนให้พวกเราอ่านกันอีกเมื่อใดก็สุดแล้วแต่อาจารย์ค่ะ หนูผู้ที่คอยรับวิทยาทาน จะคอยอ่านค่ะ ไม่ได้ตื้อค่ะ นานๆ คลิกมาทีอย่างที่อาจารย์บอกก็ได้ค่ะ

ขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายในสากล ขอจงดลบันดาลให้อาจารย์มีสุขภาพที่แข็งแรง มีจิตใจที่เบิกบานแจ่มใส ทำการสิ่งใดได้สำเร็จสมดังตั้งใจค่ะ


มะเหมี่ยว - 23 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:41น. (IP: 210.246.80.125)

ความคิดเห็นที่ 15
ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอบคุณมากนะคะที่กรุณาแนะนำ พักผ่อนเยอะๆนะคะ


ชญาดา - 24 ธันวาคม พ.ศ.2549 07:42น. (IP: 202.5.87.136)

ความคิดเห็นที่ 16
เข้ามากราบสวัสดีอาจารย์ค่ะ วันนี้ไม่มีคำถามค่ะ เพราะอยากให้อาจารย์ใช้เวลาพักผ่อนมากกว่า ค่ะ ช่วงนี้อากาศเย็นลงอีกแล้ว อาจารย์รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

เห็นอาจารย์ศุภกรปิดกระทู้ ถึงจะชั่วคราว แต่ก็เหมือนขาดอะไรไปนะคะ เพราะความรู้สึกคล้ายกับว่า กระทู้ของท่าน เป็นกระทู้ฝาแฝดของอาจารย์น่ะค่ะ เปิด webboard horathai ทีไร ก็ต้องเห็นสองกระทู้เรียงกันอยู่เป็นประจำ

อาจารย์อย่าเพิ่งปิดกระทู้ตามฝาแฝดเลยนะคะ นานๆ เข้ามาตอบสักทีก็ได้ค่ะ พวกหนูจะได้อุ่นใจว่า ยามใดมีปัญหาคับข้องใจ ก็ยังได้พึ่งบารมีอาจารย์ค่ะ

นับตั้งแต่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗ วันแรกที่อาจารย์เริ่มเข้าสืบสานเจตนารมณ์ต่อจากท่านอาจารย์ สส. นี่ก็สองปีเต็ม กับอีกหนึ่งสัปดาห์ แล้วนะคะ ที่อาจารย์ได้ให้ความเมตตากรุณากับพวกเรา นอกจากการระลึกถึงพระคุณของอาจารย์อยู่เสมอแล้ว ใจจริงอยากทดแทนพระคุณอาจารย์แบบเป็นรูปธรรมบ้าง แต่ก็ไม่ทราบว่าจะทำได้อย่างไรและจะมีโอกาสเมื่อใดค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง


สุธาวาส - 25 ธันวาคม พ.ศ.2549 18:11น. (IP: 203.146.116.101)

ความคิดเห็นที่ 17
ตอบคุณ สุธาวาส (ความเห็นที่ 16)............ผมเกรงใจผู้อื่นอยู่เหมือนกันที่คลิ้กเข้ามาแล้วกลายเป็นการคุยเรื่องส่วนตัว ผมคิดจะเขียนเรื่องปลายสัปดาห์นี้แหละครับ กำลังเรียบเรียงความคิดอยู่ เพราะเรื่องที่จะเขียน จะต้องเป็นเรื่องอ้างอิงพื้นฐานมาก่อน ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะการเขียนเรื่องในโหราศาสตร์ไม่ใช่เรื่องอ่านเล่น เพ้อฝันเอาเอง หรือ มาแต่งเรื่องให้คนหลงทาง ควรจะต้องมีเหตุผลมาประกอบตามสมควร ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องเลื่อนลอยไป แต่ละตอนจึงไม่สามารถจะเขียนได้จนจบตลอดสาย ต้องกระโดดข้ามเรื่องหลายเรื่อง เพื่อนำเหตุผลความรู้ในแต่ละเรื่องมาใช้ในตอนต่อๆไป เหมือนเส้นเชือกหลายสีที่พันกันเป็นเกลียวไป และต้องเวียนกลับไปตั้งต้นซ้ำใหม่อีกหลายรอบ จนกว่าเราจะเข้าใจทั้งหมดได้

ผมเกรงใจผู้ที่ print ออกมาอ่าน ซึ่งจะยาว เพราะต้องใช้การอธิบายมากกว่าการเขียนแบบสั้นๆ ดังนั้นจะต้องสร้างนำให้สร้างความคิดขึ้นเอง มากกว่าจะมาเขียนอะไรให้ท่องจำ หากใครอยากอ่านแบบนั้นก็ไปอ่านในห้องสมุดจะดีกว่า สำหรับ อาจารย์ศุภกร เข้าใจว่าปีหน้าคงกลับมาอีก เพราะคนที่เป็นนักดูดวง ก็คงจะดูดวงตนเองว่าจะทำต่อได้เมื่อไร จึงไม่ปิดกระทู้ตายไปเลยทีเดียว การดูดวงชะตาเป็นงานหนักเหนื่อย ใช้เวลาแต่ละรายไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง หากวันหนึ่งมีสัก 3 – 4 รายก็คงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ดังนั้น หากไม่มีเวลาส่วนตัวสัก 3 – 4 ชั่วโมงก็ดูดวงและพิมพ์ตอบให้ไม่ได้แน่


วรกุล - 26 ธันวาคม พ.ศ.2549 16:51น. (IP: 203.107.204.11)

ความคิดเห็นที่ 18
สวัดดีครับ

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ของให้อาจารย์วรกุลและอาจารย์สส.มีความสุขตลอดปี2550 และสุขภาพแข็งแรงนะครับ


หมอโฮจุน - 27 ธันวาคม พ.ศ.2549 22:17น. (IP: 124.120.166.121)

ความคิดเห็นที่ 20
กราบขอบคุณอาจารย์ผู้การุณ

อารีมีคุณกอบเกื้อ

เอื้อวิทยาสอนศิษย์

รู้ถูกผิดชีวิต-โหรา ......

จิตศิษย์น้อมคุณพระศักดิ์สิทธิ์

อัญเชิญมาสถิตย์เป็นศรี

ค้ำคูณอาจารย์ผู้อารี

ให้เปรมปรีดิ์มีสวัสดิ์พิพัฒน์ชัย.....

จากใจ ศ.fa200


ศ.fa200 - 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 10:32น. (IP: 202.69.143.90)

ความคิดเห็นที่ 21
ขอบคุณคุณ หมอโฮจุน และ คุณ ศ. fa200 ที่อวยพรครับ ขอให้คุณประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป


วรกุล - 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 16:44น. (IP: 203.107.204.30)

ความคิดเห็นที่ 22
เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2550 นี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิในสากลโลก ได้ปกปัก คุ้มครอง ท่านอาจารย์วรกุล มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ พบแต่สิ่งดีดีในชีวิต คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาทุกประการเทอญ.

ด้วยความเคารพและนับถือ

การเวก (กรวิก)


การเวก (กรวิก) - 29 ธันวาคม พ.ศ.2549 08:30น. (IP: 203.152.57.5)

ความคิดเห็นที่ 23
สวัสดีครับ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทุกสถาน ได้โปรดอำนวยพรให้อาจารย์การเวก (กรวิก) กระทำการงานใดสำเร็จสมหวังดังปรารถนา เจริญด้วยศิริมงคล สมบูรณ์พูนผลด้วยโชคลาภธนสารสมบัติ มีร่างกายและจิตใจสบาย ปราศจากภยันตราย ภัยพาลและโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดปีใหม่นี้ครับ


วรกุล - 29 ธันวาคม พ.ศ.2549 16:51น. (IP: 203.107.206.247)

ความคิดเห็นที่ 24
กราบสวัสดีปีใหม่ท่านอาจารย์วรกุลครับขออาราธนาคุณพระศรีรัตนะตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนวยพรให้ท่านอาจารย์วรกุลเป็นผู้มีสุขภาพกายใจแข็งแรง ปราศจากโรคภัย สมบูรณ์ด้วยพลานามัย และเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปผมได้ติดตามข้อเขียนของท่านอาจารย์มาตลอดได้ทั้งเปิดความคิดและโลกในกะลาของตนเองมากมายผมนับถือท่านเป็นอาจารย์ผู้ประสิทธิวิชาของผมท่านหนึ่งครับถึงจะไม่เคยได้พบ ได้มีโอกาสกราบตัวจริงท่านแต่เพียงข้อเขียนต่างๆที่ได้รับนั้นก็มีค่ามากมหาศาลสำหรับผมด้วยความนับถืออย่างสูง ขอให้บุญรักษาครับมือใหม่ทักษา


มือใหม่ทักษา - 30 ธันวาคม พ.ศ.2549 15:29น. (IP: 210.4.139.129)

ความคิดเห็นที่ 25
กราบสวัสดีปีใหม่ ท่านอาจารย์วรกุล ปีที่ผ่านมา อาจารย์มีความเมตตา อารี ต่อพวกเรามากคะ ขอพรสิ่งศักสิทธิ์ อำนวยพรให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขตลอดปีนะคะ


moon - 1 มกราคม พ.ศ.2550 10:53น. (IP: 124.121.125.111)

ความคิดเห็นที่ 26
ขอกราบสวัสดีปีใหม่ อ.วรกุล ด้วยครับ


นพ - 1 มกราคม พ.ศ.2550 15:14น. (IP: 203.146.63.187)

ความคิดเห็นที่ 27
กราบสวัสดีปีใหม่ 2550 แด่ อ.วรกุล...

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้ อ.วรกุลและครอบครัว มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคภัย มีความสุข สงบ ในทางโลกและทางธรรม รวมถึงดลบันดาลให้ อ.วรกุล ช่วยให้ความรู้ชี้นำปัญญาในศาสตร์แห่งธรรมชาติแก่เหล่าศิษย์ในเวปบอร์ดนี้ไปนานๆ

ขอน้อมรับคำอวยพรจาก อ.วรกุล ในความเห็นที่ 2 ครับ

และ ...

ขอสวัสดีปีใหม่ 2550 แด่ ทุกๆ ท่าน ผู้ที่มีอาวุโสกว่า พี่ๆ เพื่อนๆ รวมถึงผู้อ่อนเยาว์กว่า ที่มาร่วมสังสรรค์ในกระทู้เวปบอร์ดนี้ ขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เงินทองไหลมาเทมา ปราศจากเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง และ สุขสมตามแต่ละความปรารถนาของแต่ละบุคคล ด้วยธรรมะในจิตใจ และพอเพียง

และ ขอให้ แผ่นดิน ที่ข้าพเจ้าได้อยู่อาศัยมีความสงบสุข สันติ มีความสมัครสมานสามัคคี เห็นแก่ความสุขสงบของชุมชนแต่ละส่วน ปราศจากภัยอันตรายจากการแสวงหาจากแดนไกลด้วยเทอญ...


หนูน้อย - 1 มกราคม พ.ศ.2550 17:37น. (IP: 58.10.155.173)

ความคิดเห็นที่ 28
ฮือๆ หนูพิมพ์ไปตั้งย๊าววว ยาวววววนั่งอ่าน กรองเกือบ ชม. หายยยย หมดเลย

ศักราชใหม่นี้ ปีหมู

ขอสิ่งใดมุ่งหวัง ง่ายล้วน

คิดสมดั่งตั้งใจ ตามชื่อ นักษัตร

ทุกอย่างสำเร็จได้ เช่นคล้าย กำมือ

ศักราชใหม่นี้ เวียนมาที่ปีหมูอ้วน

ทุกข์ผ่านสุขอบอวล ทุกวันล้วนเป็นวันดี

ศักราชเปลี่ยนพ.ศ. จิตจดจ่อเฝ้ารอปี

ราบรื่นชื่นฤดีสุขทวีปีหมูเอย...........

กาพย์ห่อโคลง by angelkey อนุบาลนิดหน่อย

ขอกราบสวัสดีปีใหม่ อ.วรกุล และ อ.ศุภกร ด้วยค่ะ สมาชิกกระทู้ใหม่เอี่ยม แต่อ่านกระทู้มาได้เกือบ 2 เดือนแล้วค่ะ

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ดลบันดาลให้อ.วรกุล และ อ.ศุภกร และครอบครัว ปราศจากโรคภัย ภยันตรายใดๆ ไม่มากล้ำกลาย ขอให้เจริญ ด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ นะค่ะ

ฮือๆ สำหรับวันนี้ หนูคงไม่สามารถพิมพ์อะไรใหม่ได้ ที่หายไปแล้วก็ให้หายไป ((ท่องไว้ๆ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ)) สงสัยว่า คงเขียนไม่ได้เรื่อง คุณเวปถึงใจร้าย หายเกลี้ยง ซะอย่างนั้น

ไว้พรุ่งนี้ จะเข้ามาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะค่ะ กระซิกๆ


angelkey - 1 มกราคม พ.ศ.2550 22:07น. (IP: 58.10.93.80)

ความคิดเห็นที่ 29
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณมือใหม่ทักษา คุณ moon คุณหนูน้อย และคุณ angelkey

ขออธิษฐานจิตอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์ให้คุณมีความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในชีวิตการงาน ขอให้ได้รับสิ่งอันเป็นมงคล และความสำเร็จ ศึกษาวิชาใดขอให้แตกฉาน มีสติปัญญาแจ่มใส แคล้วคลาดจากภยันตรายใดๆ ขอผลบุญปกป้องรักษาทั้งคุณและครอบครัวตลอดไป


วรกุล - 2 มกราคม พ.ศ.2550 05:15น. (IP: 203.107.204.106)

ความคิดเห็นที่ 30
กราบสวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๐ ค่ะ อาจารย์ กราบพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์เจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโปรดประทานพรให้อาจารย์ และบุคคลอันเป็นที่รัก มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความสุข คิดสิ่งใดให้สำเร็จทุกประการเทอญ

กราบขอบารมีพระสยามเทวาธิราช ได้โปรดปกปักรักษาพระผู้ครองแผ่นดิน พระราชวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และปกปักรักษาประชาชนชาวสยาม ให้ปลอดภัยจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

ด้วยความเคารพอย่างสูง


สุธาวาส - 2 มกราคม พ.ศ.2550 08:56น. (IP: 203.146.116.101)

ความคิดเห็นที่ 31


สวัสดีปีใหม่ครับ คุณสุธาวาส ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณธรรมอันประเสริฐในสากลโลกทุกสถาน ดลบันดาล ให้คุณมีความสุข ความเจริญ ความสำเร็จทั้งในทางส่วนตัวและชีวิตครอบครัว การงาน หวังสิ่งใดขอให้สำเร็จสมดังความตั้งใจทุกสิ่ง มีความสุขกายสบายใจตลอดปีนี้


วรกุล - 3 มกราคม พ.ศ.2550 05:16น. (IP: 203.107.204.200)

ความคิดเห็นที่ 32
กราบสวัสดีปีใหม่ค่ะ

ดิฉันขออัญเชิญอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยปกปักษ์รักษาคุ้มครองให้ท่านอาจารย์และครอบครัวเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า สุขภาพแข็งแรง คิดหวังสิ่งใดขอให้สมมาตรปรารถนาทุกสิ่งทุกประการค่ะ


เอวิตรา - 3 มกราคม พ.ศ.2550 10:16น. (IP: 58.136.210.26)

ความคิดเห็นที่ 33


กราบเรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

หลังจากปีเก่าผ่านไป โพสต์คำถามในปีที่แล้วอยู่หลายคำถาม ได้รับความกรุณาจากอาจารย์ทุกครั้ง ถูกดุ อยู่หลายครั้ง และได้รับคำสั่งสอนที่มีเมตตา และให้สัจจะธรรมของการศึกษาว่า การเรียนใดๆก็แล้วแต่ ต้องรู้จักค้นคว้าด้วยตัวเองจึงจะเป็นการเรียนที่ประเสริฐ แต่คำถามที่จะเรียนถามต่อไปนี้ หนูพยายามหาเหตุผลมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยไปซื้อหนังสือโหราศาสตร์มาอ่านเพิ่มเติม ทั้งค้นกระทู้เก่าๆ ทั้งเว็บนี้และเว็บอื่นก็ไม่พบคำตอบ จึงต้องนำมาเรียนถามอาจารย์ค่ะ

คือว่า 1) หลายตำราและผู้รู้หลายท่านในกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างพูด(เขียน)เหมือนกันว่า คนราศีพิจิก ที่มีราหู(๘) และ/หรืออังคาร(๓)เล็งลัคน์ (อยู่เรือนปัตนิ) ดาวที่เล็งนั้น (๓ และหรือ ๘) ได้ตำแหน่งองค์เกณฑ์

2) คนราศีพิจิกอีก ที่ดูจะมีอภิสิทธิ์กว่าคนราศีอื่นเขา (หนูแอบอิจฉาค่ะ เพราะหนูราศีตุลย์) คือ นอกจาก priviledge ข้อ 1 แล้ว...เมื่อมีดาวอะไรก็แล้วแต่มาอยู่ภพวินาสน์ ดาวนั้นไม่เสีย

สิ่งที่หนูพยายามหาคือ เหตุผลประกอบหลักการณ์ที่บอกในข้อ 1 และ 2 ค่ะ ไม่มีตำราหรือใครให้เหตุผลประกอบเลย ดูเหมือนทุกท่านพูดเหมือนกัน แต่ไม่บอกว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หนูมีน้องสาวแท้ๆ คนหนึ่ง ราศีพิจิก และมี ๘ เล็งลัคน์ และมี ๑ อยู่วินาสน์ ตรงกับหลักการณ์ข้างต้นเปี๊ยบ...แต่ดูชีวิตน้องสาวก็ยังคงมีเรื่องทะเลาะหงุงหงิงกับสามีตลอดค่ะ ไม่เห็นจะยกเว้น ๘ เล็งลัคน์เลยค่ะ เมื่อสองวันก่อน น้องยังโทรฯมาร้องไห้ ฟูมฟายว่าทะเลาะกับสามี เป็นอย่างนี้ตลอดค่ะ แล้วจะยกเว้นว่าเป็น องค์เกณฑ์ ได้อย่างไรคะ

หนูกราบเรียนอาจารย์กรุณาอธิบายตามแต่อาจารย์จะเห็นสมควรด้วยค่ะ


หนู - 3 มกราคม พ.ศ.2550 12:38น. (IP: 210.246.80.70)

ความคิดเห็นที่ 34
กราบสวัสดีปีใหม่ครับ ท่านอาจารย์ วรกุล

ผมเคยได้รับความกรุณาชี้แนะบางเรื่องจากท่าน อ. ผมก็ได้น้อมนำมาใส่ใจไว้เสมอ ตอนนี้ผมประกอบอาชีพเป็น กุ๊ก อยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ผมได้ทุกอย่างตามต้องการตามที่ท่าน อ. เคยชี้แนวทางให้เมื่อปีที่แล้ว(2548)ครับ

แต่ตอนนี้ผมกำลังมีปัญหาเรื่องครอบครัว งานกำลังไปได้ดี แต่มีคู่แข่ง มีเรื่องภายในมากมายเหลือเกิน ผมกำลังท้อใจครับ เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาได้ขึ้นเงินเดือน แต่ก็มีปัญหากับเพื่อร่วมงาน และแฟนก็เลิกกันไปอีก

มีหมอดูท่านหนึ่งทายว่าเดือน ส.ค. ผมมีเกณฑ์เกิดอุบัติเหตุหรือถูกทำร้าย ให้ระวังตัว ผมก็กังวลใจหลาย ๆ เรื่อง ผมจะถอยออกจากงานตรงนี้ลงกรุเทพดี หรืออยู่สู้กับหัวหน้าผมดีครับ ขอกราบท่านอาจารย์ช่วยกรุณาแนะแนวชีวิตสักเล็กน้อย ตามแต่จะกรุณาด้วยครับ

ผมเกิด 8 ก.ค. 2519 พฤหัสฯ เดือน8 ปีมะโรง เวลา 15.39น จ. จันทบุรี ครับ

รู้สึกละอายใจที่พอมีเรื่องเดือนร้อนถึงจะมา กราบขอความเมตตาท่าน อ. แต่ผมมันอึดอัดใจจริง ๆครับ การงานก็รัดตัวมากเหลือเกินครับ

ขอกราบคารวะ

อมรเทพ พรหมคุณาวัตร


อมรเทพ พรหมคุณาวัตร - 5 มกราคม พ.ศ.2550 00:33น. (IP: 203.156.10.75)

ความคิดเห็นที่ 35
ขอแทรกหน่ยอครับ ขอแทรกหน่ยอค้าบบ

แนะนำตัวก่อน ผมชื่อแบงค์ครับ เมื่อครู่ได้ไปลองอ่านกระทู้แรกๆของอาจารยืวรกุลมาน่ะครับ

ขอเรียนถามอาจารย์วรกุลหน่อยคับ

ผมเพิ่งเริ่มศึกษาโหราศาสตร์ มีความรู้ความเข้าใจอะไรน้อย โดยก่อนนี้ศึกษาจิตวิทยามาก่อน รู้สึกชอบใจโหราศาสตร์เหลือเกินครับ

ไปตามอ่าน ที่อาจารย์ตอบกระทู้ไว้หลังๆ แล้วตะลึงมากครับ กับคำอธิบาย ว่าโหรราศาสตร์ จริงๆมาจาก สัจจะ นี่เอง ไม่ทราบว่าผมเข้าใจคือหยั่งงี้มั้ยครับ อาจารยืบอกว่า ธรรมชาติก็คือธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ถ้าสมมติ เปลี่ยนจากดาวบนท้องฟ้า เปลี่ยนมาเป็น วัฐจักรของ ต้นไม้ที่เติบโตแทน ต้นไม้งอกได้ต้องมีเมล็ดได้น้ำรดเข้าไป ทุกวิถีทางทุกกระบวนการ ของ "ต้นไม"นั่น คือ โหรราศาสตรืใช่มั้ยครับ น้ำที่รดเป็น ธาตุ เมล็ดที่ปลุกก็เป็นธาตุ ทุกสิ่งที่อย่างที่นำมาเปลี่ยนให้เป็นธาตุเดียวกัน ทุกๆธรรมชาติ จะมีธาตุเดียวกันอยู่ มนุษย์ หนึ่งคนที่เจริยเติบโตเจอนู้นเจอนี้ ก็เพราะมี "ธาตุ" ที่เหมือนๆกัน หยั่งงี้ใช่รึเปล่าครับ

ผมไม่เคยคิดเลยว่า โหราศาสตร์จะมีหลักการแบบนี้นี่เอง ปกติแค่หาอ่านจากเว็บเรือยมา เคยคิดๆว่า มันคงเป็น เครือ่งหมายหลักการจำอย่างนึง ที่ยืนยงมั่นคงยาวนาน ที่ผู้ค้นพบคนแรกใช้เป็นหลัก และสืบทอดมาเพื่อให้อยุ่อย่างถาวร มีกระบวนวิธีที่"คนๆนั้น"คิดไว้ เป็นหลักเรียบร้อย แต่ผมก็ยังคิดไม่ตกว่า "กระบวนการ"นั้นมันคืออะไร ทั้งๆที่พอเข้าใจว่า มันจะต้องเป็นอะไรที่ "เรียบง่าย" แน่ๆ แต่ผมก็คิดไม่ออก ไม่เคย ปิ๊ง ขึ้นมาสักที

แต่ทันทีที่เข้าไปอ่านย้อนหลังเมื่อกี้ ผมแทบตกเก้าอี้ รุ้สึกอึ้งกับสิ่งที่อาจารย์อธิบายมากครับ แต่ มีคำถามอย่างนึงเลยครับ ที่สงสัย แต่ไม่ได้ขัดน่ะครับคือว่า ค่อนข้างจะเป็นปัญหาโลกแตกแน่ๆครับ ผมขอยืนยันว่า ไม่ได้มีความตั้งใจจะโอ้อวดหรือ ฯลฯ อะไรอาจารย์วรกุลแน่ครับ เพียงแต่สงสัย ถ้าอาจารย์ทราบอยากให้ช่วยอธิบายให้ผมหน่อย

"ทำไมมันเป็นธาตุเดียวกันได้ครับ"

แล้วก็อีกนิดครับ ถ้าเป็นแบบนี้ ไอ่สิ่งที่เราเห็นว่ามันเป็นดาว แท้ที่จริงนั่นก็คือ "สิ่งมีชีวิต" ที่ ไม่ใช่"สิ่งมีชีวิต" แบบพวกเราน่ะสิครับ ไม่จำเป็นต้องหายใจ ไม่จำเป็นต้องกินข้าว หรือทำอะไรแบบเรา แต่ ถ้าเราเรียกตัวเราเองว่า "สิ่งมีชีวิต" งั้นมันก็พูดเป็นภาษาดาว ว่ามันก็คือ "สิ่งมีชีวิต"ใช่มั้ยครับ

โอ ..... อึ้งมากครับ เมือ่ก่อนตอน ม.ปลายเคยนั่งคุยเล่นๆกับเพื่อนเรื่องนี้ แต่ไม่ชัดเจน แจ่มแจ้งเท่านี้มาก่อน วันนี้ถ้าผมนอนเร็ว สงสัยผมคงอดตะลึงแบบนี้แล้วครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 03:27น. (IP: 124.121.10.109)

ความคิดเห็นที่ 36
ขอโทษครับ ๆ ขออีกเรื่องครับ คราวนี้ ตะลึงกว่าเดิมอีกครับ ต่อยอดมาจากเมื่อกี้

ธาตุ ทุกสิ่งทุกอย่างคือสิ่งเดียวกัน ถ้าไปผนวกเข้ากันกับ อะตอม อะตอมก็จะเป็นมี ธาตุ เหมือนกัน อย่างนี้ อะตอมก็"มีชีวิต" ของมันใช้มั้ยครับ อะตอมเป็นส่วนประกอปของทุกๆสิ่ง ถ้าอย่างนั้น ........ อะตอมก็ไม่ต่างกับดาว แล้วคราวนี้ ...โอ้โห ไม่อยากจะคิดเลยครับ ว่ามันจะสุดยอด ขนาดไหน นี่ผมไม่ได้พูดขัดหรือก่อกวน หรือฯลฯ อะไรแต่ประการใดครับ

ถ้าอย่างนั้น ก็ยิ่งสอดคล้องกับโหราศาสตร์เข้าไปอีก สุดยอดความคิดจริงๆ ผมอยากทราบเหลือเกินว่าใครเป็นคน ค้นพบ สัจจะ ตรงนี้ มันครอบจักรวาลจริงๆเลยน่ะครับ สงสัยคืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่ๆ ขอบคุณอาจารย์วรกุลมากๆเลยครับที่ชี้ทางสว่างๆโปร่งโล่งสุดๆแบบนี้ให้ ขอบคุณสุดหัวใจเรยคับ

คำพูดบางคำ มารยาทบางอย่างของผมอาจไม่เหมาะสม ต้องขอประทารโทษอาจารย์ด้วยน่ะครับ ผมยังเด็กก็รู้ตัวว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร

ด้วยความเคารพอย่างสูง


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 03:59น. (IP: 124.121.10.109)

ความคิดเห็นที่ 37
อ่านด้านบนที่มีคนถามๆอาจารย์วรกุลหลายคนมากครับ ไม่ได้ถือตัวว่ามีอะไรดีมากมาย อยากขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ

เห็นบางคน น้อยเนื้อต่ำใจ ที่ ดาวในดวงไม่ดี หรือ อะไรๆ ไม่ดี ตามการแปลรหัสของดวงดาว หรือหลักโหราศาสตร์ อยากแนะนำหน่อยครับ ไม่ทราบว่าจะรังเกียจหรือเปล่า

หากไปว่าจากจุดกำเนิดของโหรราศาสตรืแล้ว มันมาจากการแปลรหัสที่บรรจุอยุ่ใน ธาตุ แล้ว นั่นก็ความหมายว่า สิ่งที่น้อยเนื้อต่ำใจนั่นคือ ตัว"คุณ"นั่นเอง ไม่ใช่อิทธิพลของดวงดาวทำให้น้อยเนื้อต่ำใจไม่ใช่เพราะอิทธิของราศีหรือเรือนชะตาแต่อย่างใด ซึ่งจริงๆดวงดาวที่เห็นนั่น มันก็คงน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนกันที่ "คุณ" เป็นเช่นนี้เพราะทั้งสองต่างมี"รหัส" ตัวเดียวกันคุณคิดเช่นไร ดวงดาวก็คิดเช่นนั้น

ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่า โหรราศาสตร์มีไว้เพื่ออะไร ไม่ต่างกับ ศาสนาแม้ซักนิด แฝงไว้ด้วยความรู้ความเข้าใจที่สุดบรรเจิดทั้งนั้น อยากขอเรียนคนอื่นๆที่กำลังน้อยเนื้อต่ำใจใน ดวงชาตาว่า อย่าไปคิดเช่นนั้นเลยครับ ( ซึ่งจริงๆอาจเป็นไปได้ยาก ) ใช้สติ เข้าช่วยตามหลักศาสนาเวลาเกิดปัญหาอะไร ถ้าโทษดาว ก็เหมือนกับโทษตัวคุณเองนั่นแหละครับ ศาสนาพุทธ มีพระพุทธเจ้าที่เข้าถึง สัจจะ คนแรก ท่านนำมันมาใช้แล้วครับ พร้อมๆกับ คำว่า สติ ตัวเราก็มี ธาตุเดียวกันถึงจะเรียงตัวต่างกันแต่ก็เป็นสิ่งเดียวกันครับ

ขอโทษที่รบกวนถ้าผมสร้างความรำคาญ ขอโทษจริงๆครับ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 04:17น. (IP: 124.121.10.109)

ความคิดเห็นที่ 38
ถ้าพูดถึงรูปธรรม นามธรรมพวกเราอาจจะฟังเป็นเรื่องสูงๆยากๆ ไม่ค่อยอยากเอามาใส่ใจ แต่การเรียนโหราศาสตร์นั้นหนีไม่พ้นการที่ต้องมาศึกษารูปธรรมและนามธรรม เพราะเป็นสิ่งที่ต้องคิดตลอดเวลาที่เรียนรู้โหราศาสตร์ เรารู้โดยทั่วไปแล้วว่า รูปธรรมนั้น คือสิ่งที่แสดงออกและรู้ได้ด้วยอวัยวะรับสัมผัส เป็นวัตถุ สิ่งของ แสงสีเสียงให้แตะต้องได้ เช่น มนุษย์ รถยนต์ หมา แมว ต้นไม้ ส่วนนามธรรมนั้นเป็นสมมุติบัญญัติ มองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้ มักรู้ด้วยใจ หรือ เป็นสิ่งที่ต้องจินตนาการ เช่น ความรัก ความเกลียด เราไม่เคยเห็นหน้าตาของเจ้าความรัก และความเกลียดเลย ยกเว้นแต่จะรู้สึกด้วย “ใจ”

ผมเคยกล่าวถึงในกระทู้แรกๆมาบ้างแล้ว หากใครจะเคยอ่านเจอหนังสือตำรา แล้วสังเกตดูสักหน่อยก็จะเห็นว่า หนังสือมักจะกล่าวไว้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น สมมุติว่าเจ้าชะตาคนหนึ่ง มีดาวศุกร์อยู่ราศีมีน เรารู้ว่าศุกร์ในราศีนี้เป็นมหาอุจ ศุกร์เป็นมหาอุจนั้น หากทำนายโดยยังไม่ดูดาวดวงอื่น เราทายว่า เจ้าชะตาเป็นคนหน้าตาดี หล่อสวย มีเสน่ห์ คบกับคนง่าย มีอารมณ์รื่นเริง นุ่มนวล และความรู้ความสามารถไปในทางศิลปะ ความงามและดนตรี หากดูคำทำนายเช่นนี้ เราจะเห็นว่ามีสิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่แตกต่างกันอยู่ถึง 3 อย่างในคำทำนาย หนึ่ง คือรูปร่างหน้าตา นี่คือ รูปธรรม สองคือ ความรู้ความสามารถ นี่เป็นนามธรรม และสาม คือ จิตใจ นี่ก็เป็นนามธรรม

สิ่งที่ทำนายตามตำรานั้น คิดๆดูก็ถูก แต่เรามักจะพบความจริงว่า คนที่มีศุกร์กุมลัคน์จริงๆ ต่อให้เป็นมหาอุจมหาจักร บางคนไม่สวยแถมยังขี้เหร่ก็มี บางคนเล่นดนตรีไม่เป็น ไม่อ่อนหวานนุ่มนวล จนถึงกับบางคนหยาบคาย เข้ากับคนอื่นไม่ได้ และยังไม่มีอารมณ์สุนทรียทางด้านศิลปะอีกด้วย เราอาจจะอธิบายในกรณีเช่นนี้ไปในทางอื่น เช่น ศุกร์เป็นกาลกิณีหรือกุมกาลกิณี อริ มรณะ วินาสน์หรือเปล่า ศุกร์เป็นนิจ ประ หรือว่ามีดาวอื่นมาบ่อนเบียน ก็นับว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่หากเราคิดย้อนไปอีกทีว่า ทำไมศุกร์จึงเปลี่ยนคุณสมบัติไปจากที่มันควรเป็นตามธรรมชาติตามสิ่งที่มากระทบมันเล่า และเราจะเอาอะไรมาชี้การเปลี่ยนแปลงนั้นได้ หากเราไม่รู้สาเหตุแล้ว เราก็จะไม่สามารถระบุว่า ศุกร์นั้นจะเปลี่ยนไปในทางใด หรือ กำลังมีสถานะใด เราจะทำนายว่าเขาขี้เหร่ แล้วเกิดเขาสวยขึ้นมา ทำนายว่าเขาเล่นดนตรีไม่ได้ แล้วถ้าเขาเก่งดนตรีเล่า มิอายเขาแย่หรือ เรื่องทำนายผิดนั้นเราคงจะอายจนเลิกอายแล้ว หากเราเป็น “โหน” ไม่ใช่โหร ก็คงอธิบายว่าเป็นสถิติ หากผิดก็เป็นส่วนน้อย อย่างนั้นใช่ไหม

นี่เป็นตุ้กตาที่จะชี้ให้เห็นองคประกอบของ “ธาตุ” ในตอนนี้ อันที่จริงองคประกอบพื้นฐานทั่วไปของธาตุดาว มีธาตุเพียงชนิดเดียว เช่น ศุกร์ ก็มีแต่ธาตุของศุกร์ แต่สภาพที่มันอยู่ในภาวะปกตินั่นแหละทำให้มันอยู่ในสถานะหรือ ระดับที่แตกต่างกัน เรามักเรียกว่า “ภูมิ” ของธาตุ เราลองวาดแก้วน้ำใส่น้ำแข็งขึ้นสักแก้วหนึ่ง สมมุติเป็นธาตุศุกร์ ขีดเส้นคั่นตามขวางเป็น 3 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นน้ำแข็งที่ลอยอยู่เป็นรูปธรรมบนสุด ได้แก่ความสวยความงามที่เห็นได้ ส่วนกลางถัดมา คือ ส่วนที่เป็นความรู้สุนทรียในศิลปะเป็นนามธรรม ส่วนสุดท้ายก้นแก้วก็คือ อารมณ์ความคิดจิตใจที่เป็นนามธรรมเหมือนกัน

ธาตุดาวศุกร์ในที่ใดๆ จะประกอบด้วยสถานะทำนองนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าศุกร์ของใคร อยู่ที่ราศีไหน ศุกร์ของแต่ละคนจะมี***ส่วนขององคประกอบไม่เท่ากัน หากเราสมมุติว่าแต่ละคนมีธาตุศุกร์อยู่เท่ากัน 10 ส่วน คนที่หน้าตาไม่หล่อสวยเลยเท่ากับมีธาตุที่แสดงออกทางรูปธรรมน้อย ดังนั้น ก็จะแสดงออกทางนามธรรมมาก เช่น ศุกร์ของชายผู้หนึ่ง เป็นรูป 1 ส่วน ความสามารถทางศิลปะ 5 ส่วน จิตใจอ่อนไหว 4 ส่วน เมื่อเป็นดังนี้ เราก็อาจจะทำนายเขาได้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้นว่า คุณหน้าตาไม่หล่อ แต่เก่งศิลปะ และมีอารมณ์อ่อนไหว ต่างจาก หญิงสาวอีกคนหนึ่ง มีรูป 8 ส่วน ความสามารถ 1 ส่วน อารมณ์ 1 ส่วน เธออาจจะสวยระดับนางงาม แต่เรื่องศิลปะไม่เอาไหน แถมจิตใจยังหยาบกระด้างอีกด้วย

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องสมมุติเท่านั้น หากกำหนดใช้ตัวเลขคณิตศาสตร์แบบนี้ได้ เราเอาดวงชะตามาเข้าโปรแกรมคอมพิวเตอร์มันก็ง่าย แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า หนึ่ง ธาตุดาวนั้น แต่ละคนมีไม่เท่ากัน สอง สถานะในแต่ละธาตุดาวไม่เท่ากัน สาม ธาตุดาวยังแปรเปลี่ยนได้ตามปัจจัยอื่น สี่ พลังงานธาตุนั้นถ่ายเทเข้าออกจากธาตุดาวตลอดเวลา ซึ่งทำให้สถานะของธาตุเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงอาจจะทำให้องคประกอบเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันเมื่อเกิด “เหตุการณ์” ได้ เช่น นางงามเกิดอุบัติเหตุเสียโฉมอย่างรุนแรง รูปธรรม 8 ส่วนที่เคยมีอาจจะสูญเสียไปเลยจากดวงชะตาในขณะที่นามธรรมเดิมที่มีอยู่ก็เหมือนเดิม

ในสภาพปกติ การเปลี่ยนแปลงของธาตุมีสองทาง หนึ่งคือการเคลื่อนย้ายไปสู่แหล่งอื่น และสองคือการเปลี่ยนรูปในตัวเอง การเคลื่อนย้ายไปสู่แหล่งอื่นนั้น ธาตุจะเข้าทำปฏิกริยากับธาตุอื่น และดำรงอยู่ในองคประกอบต่างๆของดวงชะตา ซึ่งยังมีการจัดชั้น (ภูมิ) ของธาตุนอกเหนือไปจากนี้อีก ส่วนการเปลี่ยนรูปในตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะธาตุสามารถเปลี่ยนสถานะจากรูปธรรมเป็นนามธรรม และนามธรรมเป็นรูปธรรม และสามารถเดินทางเคลื่อนย้ายได้ทั้งสองรูป

เป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่รูปธรรมกับนามธรรมจะเปลี่ยนไปมาสู่กันได้ นี่เป็นข้อผิดอย่างรุนแรงทางปรัชญา ทำให้ทั้งข้อบัญญัติ (ปรัชญา) ฝ่ายโหราศาสตร์และไสยศาสตร์นี้ ไม่ถูกรวมเข้ากับความรู้ทางปรัชญาสากล แต่สังคมที่เคยอ้างอิงปรัชญาสากลเริ่มรวนเรต่อข้อบัญญัติที่น่ากระอักกระอ่วนใจนี้ เพราะ สิ่งเดิมๆที่เคยเชื่อกันมาถูกสั่นคลอนไปหลายอย่าง อย่างเช่น เดิมที่เคยเชื่อกันว่า มวลและพลังงาน เป็นสิ่งเอกเทศที่แตกต่างกันในเอกภพนี้ แต่ไอน์สไตน์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มวลและพลังงานสามารถเปลี่ยนไปมาหากันได้ เราอาจจะพูดได้ว่า มวลก็คือพลังงานที่ควบแน่น และพลังงานก็คือมวลที่แปรสภาพ แม้การเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดยากมาก แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้ อย่างระเบิดปรมาณูที่ทดลองมาแล้วหลายครั้ง

โดยปกติรูปธรรมและนามธรรม ก็เป็นคนละสิ่งในปรัชญาเช่นกัน ทั้งๆที่มีศาสนาโบราณแสดงให้เห็นนามธรรมที่แสดงออกเป็นรูปธรรมได้ แต่ถูกนักเทววิทยาสมัยหลังๆ แก้ไขแนวคิดออกไป เพราะไม่เชื่อในปรัชญานี้ แม้กระนั้นการเปลี่ยนแปลงรูปธรรมและนามธรรมเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ในโหราศาสตร์และไสยศาสตร์เองการเปลี่ยนแปลงรูปธรรมและนามธรรมกลับไม่ยาก โหราศาสตร์เชื่อว่าทั่วทั้งจักรวาลล้วนแต่มีความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางเดียวกันพร้อมกัน ธาตุทุกอย่างที่เป็นองคประกอบของธรรมชาติรอบตัวเรา รวมทั้งตัวเราด้วยนั้น ประกอบไปด้วยรูปธรรม และ นามธรรม ที่สามารถถ่ายเทสื่อสารได้และก็เปลี่ยนแปลงไปตามจักรวาลในส่วนรวม ดังนั้น การอ่านธรรมชาติในส่วนใดก็สามารถที่จะทราบธรรมชาติในส่วนอื่นได้ด้วย ทั้งชีวิตของคนเราประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้ จึงอ่านได้ในดวงชะตาเช่นกัน การถ่ายเทเคลื่อนย้ายของธาตุในสถานะต่างๆนี่เอง ที่เป็นผลให้เกิดเรื่องราวและปฏิกิริยาในชีวิตของเรา

เราอาจจะกล่าวอย่างง่ายๆว่า ทุกครั้งที่เราดูดาวดวงใดดวงหนึ่งในดวงชะตาอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ศุกร์ พุธ เสาร์ อังคาร พฤหัส หรือ อาทิตย์ จันทร์ อะไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นมีทั้งรูปธรรมที่มองเห็นได้ และก็มีนามธรรมอยู่ด้วย เป็นองคประกอบอยู่ทั้งสองอย่าง แต่ละอย่างนั้นยังมีรูปที่ละเอียดหยาบอยู่หลายรูป กลายเป็นหลายสิ่งได้อีกด้วย กล่าวเช่นนี้รับรองว่าไม่ผิด เพียงแต่เรายังบอกไม่ได้ว่า มันกำลังอยู่ในสถานะใด ***ส่วนเท่าไร กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางใด และมีอะไรเกิดขึ้นแก่มันบ้าง เท่านั้น

การพิจารณาดวงชะตาทั้งดวงจรและดวงเดิม บางครั้งเราจึงเห็นเรื่องที่บังเกิดขึ้นนั้น บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ปรากฏจริง แต่บางครั้งก็เป็นเพียงความคิด อารมณ์ ความรู้สึก นิสัยใจคอ สิ่งเหล่านี้เกิดจากสถานะของธาตุที่แสดงออกมานั่นเอง การศึกษาการแปรเปลี่ยนรูปของธาตุนั้นจึงช่วยให้เราทราบถึงเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นและระยะเวลาที่สิ้นสุดได้ รวมทั้งธาตุและปัจจัยต่างๆที่มากระทบชีวิตของคนเรา ซึ่งปัจจัยแต่ละชนิดมีลักษณะการเกิดเรื่องราวต่อชีวิตไม่เหมือนกัน กลไกของปัจจัยต่างๆเหล่านั้น จึงเป็นเนื้อหาสำคัญที่เราจะต้องรู้เพื่อความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาตินี้

บางครั้ง การที่เราเห็นบุคคลที่มียศตำแหน่งสูงในสังคม จึงไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมีจิตใจที่ดีงามตามไปด้วย เพราะหากเขามีธาตุที่แสดงออกเป็นยศศักดิ์สูงไปแล้ว จิตใจอาจจะต่ำหยาบกระด้างกักขฬะก็เป็นได้ นี่เป็นการแปรระหว่างนามธรรม กับนามธรรม หรือ หากบุคคลมีรูปร่างหน้าตาขี้เหร่จำนวนมาก แต่มีจิตใจเป็นบุญกุศล งดงามดี เพราะธาตุนั้นไม่แสดงออกทางรูปธรรมเลย ก็เป็นการแปรระหว่างรูปธรรมและนามธรรมได้เช่นกัน การพิจารณาให้รู้แน่ชัดถึงองคประกอบของธาตุแต่ละอย่างในดวงชะตาจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการดูดาวจร เพราะดาวจรที่มากระทบดาวที่เหมือนกันในแต่ละคน จะเกิดผลที่ไม่เหมือนกัน เช่น แตกต่างกันระหว่างคนที่หล่อสวยแต่เลว กับคนที่ขี้เหร่ อัปลักษณ์ แต่จิตใจดี และยังมีผลต่อชะตาชีวิตที่จะพัฒนาแตกต่างกันต่อไปด้วย นี่คือหลักการพิจารณาพื้นฐานของโหราศาสตร์ไทย

ถึงอย่างไรอย่าลืมว่าเรากำลังพิจารณาธาตุดาวดวงเดียว ที่จริงในดวงชะตานั้น ยังมีดาวอื่นๆที่มีสถานะแตกต่างกันและก็แสดงผลทั้งในทางรูปธรรมและ นามธรรมด้วยเช่นกัน ธาตุดาวเหล่านี้ต่างก็มีความสัมพันธ์และปฏิกิริยาต่อกันในดวงชะตา ซึ่งจะมีผลมากต่อชีวิตของเราด้วย ปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ก่อให้เกิดเป็นโครงสร้างที่อาจจะเข้มแข็งหรือ อ่อนแอ ซึ่งทำให้เหตุการณ์และเรื่องราวเปลี่ยนไปด้วยเสมอ เหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับรูปธรรมมักจะเป็นไปโดยมีกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ (เช่น ฟิสิกส์ เคมี) เป็นพื้นฐาน ในขณะที่นามธรรมมักมีผลทางจิตวิทยา รสนิยม นิสัยส่วนลึก กิเลส อารมณ์ ความรู้สึก ความฝัน และลางสังหรณ์ ที่เราอาจจะนำมันกลับมาแปลความถึงสถานะในดวงชะตา และคาดหมายสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อไปได้ การพิจารณาดวงชะตาในวิชาโหราศาสตร์ไทย จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องใช้เหตุผลรอบด้าน ไม่ใช่เป็นสถิติที่จับมาได้จากเพียงดาวดวงหนึ่งที่สถิตในราศีใดๆ ดังที่เราหลายคนกระทำอยู่


วรกุล - 5 มกราคม พ.ศ.2550 05:22น. (IP: 203.107.205.71)

ความคิดเห็นที่ 39
สวัสดีปีใหม่คุณเอวิตราครับ ขอให้คุณมีความสุขความเจริญ สบายกายสบายใจ มีความสำเร็จทั้งชีวิตการงานและครอบครัว มีความก้าวหน้าไปตลอดปีใหม่นี้นะครับ

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ หนู (ความเห็นที่ 33)............ผมจำไม่ได้ว่าเคยดุใคร ปกติไม่ใช่เป็นคนดุ แต่ค่อนข้างจะใจอ่อนไม่กล้าดุใคร อยากบอกจุดสังเกตการศึกษาดวงชะตาว่า หากพบคนไหนเป็นคนอย่างหนึ่ง แต่จริงๆเขาเป็นคนอีกอย่างหนึ่ง เราจะดูจากอะไรได้ ลองสังเกตไปก่อนนะครับ สำหรับคำถามของคุณจะทำคำตอบให้ราวพรุ่งนี้

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

สำหรับท่านอื่นยังไม่ได้อ่านคำถามละเอียด แล้วจะตอบตามมาครับ


วรกุล - 5 มกราคม พ.ศ.2550 05:24น. (IP: 203.107.205.71)

ความคิดเห็นที่ 40


เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

ขออนุญาติเรียนถามอาจารย์ว่า อาจารย์ผูกดวงแบบสุริยาตร์ อันโตนาทีท้องถิ่น ใช่ไหมคะ ขอแสดงความนับถือ


น่าน - 5 มกราคม พ.ศ.2550 14:25น. (IP: 210.246.80.72)

ความคิดเห็นที่ 41
เรียนอาจารย์วรกุลที่เคารพ

อาจารย์คะ หนูมาพร้อมปัญหาส่วนตัวที่คิดจะเรียนถามอาจารย์นานแล้ว แต่เกรงใจอาจารย์ และท่านอื่นที่ไม่ได้ประโยชน์จากคำถาม อีกอย่างรอดูเผื่อมีใครมีปัญหาแบบเดียวกันค่ะ... วันนี้ขออนุญาตนะคะ...

....ว่า...การที่เรารับรู้ถึงอาการไม่สบายทางกาย ของคนที่เราสนทนาด้วย เช่น คือถ้าเขาเป็นอะไรอยู่ อาการเหล่านั้นก็จะเกิดกับหนูด้วยเหมือนกัน เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บแขน เจ็บขา ความร้อน/เย็น ที่กระทบผิวกายฯลฯ ทั้งๆ ที่ตัวหนูเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องสุขภาพในขณะนั้น รวมไปถึงความรู้สึกไม่สบายใจของเขาด้วยนะคะ เหมือนกับมีอะไรสักอย่าง synchronize อาการเหล่านั้นจากตัวเขามาที่ตัวเราค่ะ ที่ทราบเพราะจะถามเขาว่าตอนนี้เขามีอาการเป็นอย่างนี้อยู่หรือเปล่า คำตอบคือ ใช่ทุกทีค่ะ ไม่กล้าเล่าให้เขาฟังว่าที่ทราบเพราะหนูก็เป็นเหมือนกัน เคยคิดว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพ แต่ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี ก็ไม่พบว่ามีปัญหาอะไรค่ะ

อาการที่เป็นนั้นจะค่อยๆ หายไปทีละน้อยเมื่อเราแยกตัวออกมาจากเขาแล้ว แต่บางครั้งกว่าจะหายก็เป็นวันๆนะคะ อันนี้ทรมานค่ะ (ได้ยินว่าพวกที่เป็นฝาแฝดบางคู่จะมีความรู้สึกร่วมแบบนี้กับคู่แฝดของตนเช่นกัน) เวลาหายแล้วเราจะเป็นปกติดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ

อย่างนี้เป็นเพราะธาตุในดวงชะตา หรือธาตุในตัวหนูไม่ปกติหรือเปล่าคะ เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วค่ะ แต่ไม่รู้สึกสบายใจที่จะถามคนอื่นเท่ากับเรียนถามอาจารย์ค่ะ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำวิธีป้องกัน/แก้ไขด้วยนะคะ ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เกิดอาการแบบนี้คะ หนูไม่อยากเป็นตลอดชีวิตค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ


สุธาวาส - 5 มกราคม พ.ศ.2550 16:00น. (IP: 203.146.116.101)

ความคิดเห็นที่ 42
ข้อเขียนของอาขารยืวรกุลนั้น สุดยอดจริงๆเลยครับ โดยเฉพาะ ข้อเขียนด้านบน ที่อธิบายเปรียบเสมือนกับว่า จักรวาลใหญ่นั้น แต่ไหนแต่ไร มันก็มีธรรมชาติของมันอยู่แล้ว เมื่อมันมีธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้นมาภายในจักรวาลใหญ่นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติของมันนั่นเอง

เพราะมีธรรมชาติของมันนั้น จึงเกิดดวงอาทิตย์ขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อเกิดดวงอาทิตย์ กระบวนการที่ต่อเนื่องมาก็ คือ ผลพลิตของดวงอาทิตย์ ทำให้เกิด ระบบสุริยะขึ้นมา ตามด้วยแรงดึงดุดหรืออะไรต่างๆ ส่งผลให้ สิ่งมีชีวิต ชนิดหนึ่งเกิดขึ้นโดยใช้ อิทธิพลจากดาวอาทิตย์ที่เป็นธรรมชาติของจักรวาล เพราะฉะนั้นแล้ว มนุษย์ที่เกิดขึ้นมานั้น จึง มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมนุษย์ก็เป็นหนึ่งในผลพลิตของธรรมชาติจักรวาลใหญ่

เมื่อนั่นแล้ว หาก กระบวนการณ์ต่างๆของมนุษย์มีต้นตอแบบนี้ เราจะสามารถโยงจากตัวเราเองไปจนถึง จักรวาลใหญ่ได้ โอ...แค่คิดเท่านี้ก็ขนลุกแล้วครับ มนุษย์เป็นเช่นไร มีความคิดเช่นไร เกิดเหตุการณ์เช่นไร คงไม่ใช่มนุษย์เองเป็นตัวกำหนดให้ มนุษย์ต้องคิดต้องทำเช่นนั้น แต่เป็นผลสืบเนื่องมาจาก ธรรมชาติ ที่มนุษย์จำเป็นต้องคล้อยตาม เพราะไม่เช่นนั้น มนุษย์ก็จะหายไปจากระบบธรรมชาติตรงนี้

ระบบตามธรรมชาติ ตรงนี้ มีเงื่อนไข ที่เป็นกฎนั่นก็ คือ เวลาใช่มั้ยครับ? เพราะมี "เวลา"เข้ามา ดังนั้น จึง เกิดธรรมชาติ ของจักรวาลใหญ่ขึ้น ลองถ้าไม่มีเวลาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไม่ใช่ธรรมชาติอีกต่อ หรือมันอาจจะเป็นธรรมชาติแบบใหม่ นั่นก็จะส่งผลสืบเนื่องมาถึง ระบบ ทั้งสี่ มนุษย์ก็จะเปลี่ยนเป็นมนุษย์อีกแบบ ที่ไม่มีเวลา

เมื่อมีธรรมชาติ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ต้องมีจุดรับธรรมชาตินั้นๆ เข้ามา ซึ่งตัวนั้นก็คือ ธาตุ ใช่มั้ยฮะ

แต่คิดไปคิดมา จากข้อเขียนของอาจารย์นี่ เป็นหลักของ จักรวาลใหญ่ แต่ ถ้ามันเป็นแบบนี้ล่ะครับ คือ จักรวาลใหญ่นั้น เป็นผลสืบเนื่อง มาจาก สิ่งมีชีวิต ถ้าเราไม่เอา พื้นฐานทางด้านเวลามาเกี่ยวข้อง ( เพราะ เวลา นั้น เกิดขึ้นหลังจากทุกสิ่ง "เกิด") ถ้าทุกสิ่งไม่เกิด ก็ไม่มีเวลา แล้วถ้าเรามองว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นพร้อมกัน จุดเริ่มต้นของเวลา พร้อมกัน เป็นธรรมชาติ ที่พร้อมกัน หยั่งงี้แล้ว เราก็จะบอกได้ว่า จักรวาล นั้น"จำเป็น" ต้องมี สิ่งมีชีวิต หรือ พูดอีกแบบก็คือ สิ่งมีชีวิตนั้น กำหนดให้จักรวาลใหญ่ ต้องเป็น ต้องมีธรรมชาติ อย่างนี้ได้รึเปล่าครับ

พิมพ์ไปพิมพ์มาก็เริ่มจางงๆ เพราะเริ่มเรียบเรียงไม่ค่อยถูก

แฮ่ๆ ถึงตรงนี้ ผมก็คิดเล่นๆน่ะครับ อ่านไปอ่านมาแล้วมันบังเอิญคิดออกมา ถ้าความคิดผม มีตรงไหน ที่ผิด ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ด้วยครับ


bank - 5 มกราคม พ.ศ.2550 16:41น. (IP: 124.121.3.125)

ความคิดเห็นที่ 43
ตอบคุณ หนู (ความเห็นที่ 34)............ข้อความตามคำถามของคุณเข้าใจผิดอยู่หลายเรื่อง ขอยกมาให้ดูก่อนคือ

1) คนราศีพิจิก ที่มีราหู(๘) และ/หรืออังคาร(๓)เล็งลัคน์ (อยู่เรือนปัตนิ) ดาวที่เล็งนั้น (๓ และหรือ ๘) ได้ตำแหน่งองค์เกณฑ์ 2) คนราศีพิจิกอีก...เมื่อมีดาวอะไรก็แล้วแต่มาอยู่ภพวินาสน์ ดาวนั้นไม่เสีย หนูมีน้องสาวแท้ๆ คนหนึ่ง ราศีพิจิก และมี ๘ เล็งลัคน์ และมี ๑ อยู่วินาสน์ ตรงกับหลักการณ์ข้างต้นเปี๊ยบ...แต่ดูชีวิตน้องสาวก็ยังคงมีเรื่องทะเลาะหงุงหงิงกับสามีตลอดค่ะ ไม่เห็นจะยกเว้น ๘ เล็งลัคน์เลย เมื่อสองวันก่อน น้องยังโทรฯมาร้องไห้ ฟูมฟายว่าทะเลาะกับสามี เป็นอย่างนี้ตลอดค่ะ แล้วจะยกเว้นว่าเป็น องค์เกณฑ์ ได้อย่างไรคะ

ที่คุณและคนทั่วไปมักเข้าใจผิด ต้องทำความเข้าใจใหม่ ก็คือ

1 / องคเกณฑ์ไม่ได้แปลว่าดี ดังนั้น แม้ราหู หรือ อังคารเป็นองคเกณฑ์ ก็ไม่จำเป็นต้องดี แต่องคเกณฑ์มีความดีอย่างน้อยก็ที่ดาว ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเจ้าชะตา หรือ อาจจะเป็นของคู่ครองได้ แต่ไม่ใช่คุณสมบัติของการครองคู่ เช่น อาจจะมีสามีเป็นนายพล แต่ถูกสามีทุบตีนั้นองคเกณฑ์ไม่ได้ช่วย และสามีจะดีจะเลวองคเกณฑ์ก็ไม่เกี่ยว

2 / ราหู หรือ อังคาร เล็งลัคน์ พิจิก ไม่จำเป็นต้องเป็นองคเกณฑ์ ราศีพิจิกนี้เป็นราศีพิเศษจริงอย่างคุณว่า แต่ก็มีจุดด้อย คือเป็นองคเกณฑ์ยากด้วย ยังไม่อยากชี้แจงในประเด็นนี้ เพียงขอให้ทราบเอาไว้ก่อนว่า ราหูและอังคารต้องมีคุณสมบัติเฉพาะบางอย่าง จึงจะเป็นองคเกณฑ์ จึงทำให้ราศีนี้มีจุดด้อยกว่าราศีอื่น แต่แม้เป็นองคเกณฑ์ ราหูเล็งลัคนา ก็ยังเป็นพินทุบาทว์ให้โทษได้อยู่ หรือราหูยังให้โทษต่อเรื่องครอบครัวคู่ครองได้ตามหลักเดิม โดยที่กฎพินทุบาทว์ และกฎองคเกณฑ์ ไม่เกี่ยว

3 / เรื่องที่ว่าดาวอะไรมาอยู่วินาสน์ลัคนาราศีพิจิก ดาวนั้นไม่เสีย ก็ไม่ใช่ เพราะวินาสน์ไม่ได้แปลว่าเสีย เรื่องนี้มีความหมายหลายชั้น ดาวที่มาอยู่วินาสน์ หากจะไม่เสียก็เมื่อมันแข็งแรง แต่เสียเมื่อมันไม่แข็งแรง และราศีพิจิกนั้นก็มีคุณสมบัติที่จำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะราหูมักทำให้ผันผวนง่ายกว่าราศีอื่น นอกจากนั้น ราศีตุลย์ ศุกร์เจ้าเรือนเป็นวินาสน์ หมายถึงที่ลับๆ แต่อีกราศีคือพฤษภ จะเป็นปัตนิหมายถึงเปิดเผย ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ลับ (วินาสน์) นี่เป็นความหมายเบื้องต้นสำหรับผู้เรียนใหม่ๆ เรื่องอื่นยังมีอีก แต่ต้องรอให้เรียนรู้มากขึ้นกว่านี้

4 / มีอีกข้อที่ชอบพูดกันคือ “ราหูไม่เป็นนิจ เพราะเป็นกีฏะเกณฑ์ ” นี่ก็เข้าใจผิด “นิจ” ไม่ได้แปลว่าไม่ดี ปกติไม่ว่าจะเป็นองคเกณฑ์ หรือ ไม่เป็นองคเกณฑ์ ราหูก็มีฤทธิ์ตามปกติของมันอยู่แล้ว เพราะราหูมีคุณสมบัติพิเศษต่างจากธาตุดาวดวงอื่น ในบรรดาธาตุดาวที่มีคุณสมบัติพิเศษนอกจากราหูก็ยังมีดาวอีกบางดวง โดยเฉพาะราหูอาจจะเป็นองคเกณฑ์ในราศีอื่นได้ นี่เป็นหลักเฉพาะใช้เพียงผู้ที่เรียนเข้าใจแล้วเท่านั้น

ตำราที่เราเรียนบางครั้งก็เอาความรู้ในชั้นหนึ่งมาอธิบายในอีกชั้นหนึ่งแล้วพูดไม่หมด กลายเป็นความลับไป แต่ที่จริงการมาพูดให้หมดนั้นพูดไม่ได้ เหมือนเอาความรู้ชั้นมหาวิทยาลัยมาอธิบายให้ชั้นประถมฟัง หากเรียนมาก็ไม่เป็นความลับอะไร แต่จะให้เขียนจนหมดก็ต้องให้มาเรียนไปทีละขั้นนั่นเอง

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ อมรเทพ พรหมคุณาวัตร (ความเห็นที่ 35)............ดูเหมือนคุณเคยใช้ชื่อว่า “ขอคารวะ...” ใช่ไหม ผมยังไม่มีเวลาพิจารณาดวงชะตาตอนนี้จริงๆเลย ดวงช่วงนี้ยังคงไม่ค่อยดี อีกราว 6 – 7 เดือนจะลดความเครียดลง อาจจะได้งานใหม่ แต่การทำงานอยู่ห่างบ้านจะดีกว่า หากเป็นไปได้ก็พยายามอดทนอยู่ก่อน แม้จะหางานใหม่ก็ยังไม่มีโอกาสได้งานดี นอกจากคิดว่าอยู่ไม่ได้ อีกสัก 6 เดือนค่อยหางานใหม่ หรือไม่ช่วงนี้อาจจะตกงานได้ ปลายปีนี้ไปแล้วจะดีขึ้น แต่ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยเรื่องการงานและรับผิดชอบมากเหมือนกัน เรื่องแฟนอะไรก็ช่างมันก่อน เรื่องถูกทำร้ายอะไรไม่น่าจะเป็น เป็นแต่เพียงต้องระวังอุบัติเหตุเรื่องขับขี่รถรา ผ่าตัด เอาไว้บ้างเท่านั้น พยายามประคองตัวราว 2 – 3 ปีนี้ไปก่อน ปีหน้าราวก่อนกลางปีจะมีอาชีพการงานที่ดีขึ้น ปัญหาจะลดลงไปมาก แม้ยังไม่หมด

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ bank (ความเห็นที่ 36 37 38 43)............คุณยังอ่านที่ผมเขียนมาไม่หมด และยังถามในสิ่งที่ยังไม่ได้เขียน กำลังจะเขียนต่อ อ่านความเห็นของคุณแล้ว เรื่องที่นำมาเป็นประเด็นน่าสนใจดี แต่ก็ยังไม่มีโอกาสอธิบายตอนนี้ ที่จริงการเรียนวิชาใด อยากแนะนำให้คุณลองอ่านดูความเห็นและค้นคว้าความรู้ให้ทั่วถึงก่อน แล้วลองเรียบเรียงความคิดดูให้เป็นระเบียบ อะไรที่เป็นประเด็นหลัก ประเด็นรอง โครงสร้าง แนวคิดของวิชา ก็ควรมองให้กระจ่างก่อน แล้วควรฝึกให้มีสมาธิในการศึกษา คือไม่วอกแวกออกไปนอกประเด็นที่เราต้องการทำความเข้าใจ เหมือนตั้งใจจะเดินขึ้นภูเขาเพื่อเรียนโหราศาสตร์ ก็ไม่หยุดแวะสนใจมด แมลง ดอกไม้ ต้นไม้ แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะดูน่าวิเคราะห์วิจัย แต่หากเราขาดสมาธิ มัวแต่มาแวะเวียนจับเอาสิ่งที่เห็นว่าน่าจะเอามาส่องกล้องเอ็กซเรย์ มากเกินไปจนเต็มสมอง ก็จะทำให้เสียเวลาเนิ่นช้าออกไป และอาจจะเดินออกนอกทาง ไม่ตรงตามเข็มทิศที่ตั้งไว้ เผื่อว่าบังเอิญ หากเราเดินขึ้นสู่ปลายทางออกไปจากตรงนั้นเพียงสักเล็กน้อย ก็อาจจะมีคำตอบทั้งหมดอยู่ใกล้ๆแล้วก็ได้ ดังนั้น อะไรที่เรามามัวพะวงหลงคิดอยู่ ก็จะสูญเปล่า

บังเอิญผมไม่มีเวลามากน่ะครับ หากมีเวลาจะขอย้อนมาอธิบายปัญหาที่คุณข้องใจอีกที

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ น่าน (ความเห็นที่ 41)............ผมผูกดวงปฏิทินแบบสุริยาตร (ปรับเกณฑ์บางอย่างใช้เอง) อันโตนาทีสามัญ ตัดเวลาเกิดตามตำบลที่เกิด ได้ลัคนาแล้วก็ขยับเลื่อนหาลัคนาโหราศาสตร์ ตามข้อเท็จจริงทุกอย่างที่มี แล้วต้องสอบลัคนาครับ สอบทุกครั้งที่มีข้อมูลเข้ามาเพิ่ม

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ สุธาวาส (ความเห็นที่ 42)............คำถามต้องคิดครับ และต้องไปค้นดวงชะตาดูว่ามีผูกไว้ไหม จำไม่ได้ เพราะมีดวงชะตาจะอ่านเรื่องลึกๆได้ดีกว่า แต่ถ้าจะเอาเป็นเรื่องทั่วไปก็คงไม่ตรงกับคำถามของคุณ วันนี้คิดจนหมดเวลาอีกแล้ว


วรกุล - 6 มกราคม พ.ศ.2550 05:05น. (IP: 203.107.204.124)

ความคิดเห็นที่ 44
ตอบคุณ สุธาวาส (ความเห็นที่ 42)............ค้นดวงเจอแล้ว คุณเกิดจากธาตุภายในปกติจริง แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดจากการกระตุ้นธาตุที่เกิดลึกๆ มีผลเรื่องทางจิตด้วย ไม่ได้หมายถึงจิตป่วย แต่จิตจะถูกกระทบง่ายโดยเฉพาะจะกลัวผลจากราหูในรอบอายุนี้ ต่อไปก็ไม่ค่อยแรง ราหูเพิ่งทับลัคนาและพฤหัส แล้วออก แต่ไม่พ้นทีเดียว ทำให้ธาตุในกายป่วน อีกราว 2 ปี มฤตยูจะทับลัคน์ คนราศีมีน คุณจะได้ทั้งดีและเสีย ที่ดี คือจะมีโชค มีความคิดอ่านและสติปัญญาก้าวหน้าดี แต่ที่เสีย คืออาจจะเจ็บป่วยแบบไม่ค่อยรู้สาเหตุ วิญญาณธาตุถูกกระทบบ่อย ระหว่างมฤตยูอยู่ราศีมีน จะมีอาการเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้แหละบ่อย คล้ายกับคนทรง คือสื่อถึงสิ่งที่เป็นวิญญาณธาตุอื่นได้

ที่จริงก็ไม่ต้องแก้อะไร รู้เอาไว้ หากจะป้องกันจริงๆ ก็ไปไหว้พระพุทธ ขอน้ำมนต์ในโบสถ์มาพรมศีรษะบ่อย สวดมนต์ ทำใจสงบๆ แล้วก็ออกกำลังกายให้แข็งแรง เพราะวิญญาณธาตุมักทำให้ร่างกายรวนเรไปด้วย หลีกเลี่ยงอย่าไปร่วมงานพิธีกรรมพวกไสยศาสตร์ หรือ งานศพ การทรงเจ้า บ่อยเกินไป โหรจีนเรียกว่าเป็นระยะ “ชง” เป็นปฏิปักษ์ต่อธาตุ ธาตุจะอ่อน สิ่งไม่ดีแทรกได้ง่าย มฤตยูอยู่ มีน 7 ปี เมื่อพ้นมีนแล้วอีกนานกว่าจะมาซ้ำเติมได้อีก ดูทั่วๆไปก็ไม่เป็นอะไร เพราะเมื่อใดมีอะไรไม่ดีก็อาจจะมีโชค ทำนองผี วิญญาณให้ลาภ ได้เช่นกัน


วรกุล - 7 มกราคม พ.ศ.2550 05:03น. (IP: 203.107.203.195)

ความคิดเห็นที่ 45


เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

กราบขอบพระคุณสำหรับคำตอบค่ะ แต่สารภาพว่าไม่ค่อยเข้าใจนัก คงจะเป็นอย่างที่อาจารย์บอกคือยังเรียนไม่ถึงไหนค่ะ

อ่านที่อาจารย์ตอบคุณสุธาวาส "คำถามต้องคิดครับ และต้องไปค้นดวงชะตาดูว่ามีผูกไว้ไหม จำไม่ได้ เพราะมีดวงชะตาจะอ่านเรื่องลึกๆได้ดีกว่า แต่ถ้าจะเอาเป็นเรื่องทั่วไปก็คงไม่ตรงกับคำถามของคุณ วันนี้คิดจนหมดเวลาอีกแล้ว"

อาจารย์มีวินัยต่อการทำงาน ต่อตัวเองน่าดูเลย


หนู - 7 มกราคม พ.ศ.2550 05:36น. (IP: 210.246.80.44)

ความคิดเห็นที่ 46
ตอบคุณ หนู (ความเห็นที่ 47)............คำตอบของผมคราวก่อนทำให้งงเพราะว่า เรื่องดวงมาตรฐาน เกณฑ์ หรือ ดาวดี ดาวเสียที่เราเรียนกันเบื้องต้น มักไม่ได้บอกรายละเอียดว่าอะไรดีอะไรเสีย หรืออะไรไม่ดีไม่เสียบ้าง อันที่จริงคุณสมบัติดาวที่อยู่ในราศีหนึ่งๆ ผมเคยเขียนมาบ้างแล้ว พอมาถึงตอนนี้ก็ยังมีผู้เข้ามาใหม่เสมอเลยไม่เข้าใจ หากเรียนมัธยมขึ้นไป เขาจะสอนให้แยกแยะใหม่ เช่น

สมมุติเวลากล่าวถึงตำแหน่งดาวดี มีหลายอย่างที่ต้องดู เช่น 1 / ดีที่ดาว ดาวนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรกี่อย่าง แต่ละอย่างอาจจะดี หรือ เสีย หรือ เฉยๆ 2 / ดีที่เรือน เรือนอาจจะดี แต่ดาวอาจจะไม่เกี่ยว 3 / ดีที่คนอื่น เช่น ญาติพี่น้อง คู่ครองรวยเก่ง แต่เจ้าชะตาอาจจะดีไม่ดี หรือ เฉยๆ ไม่เกี่ยว 4 / ดีที่ตัวเอง คนอื่นอาจจะไม่ดีด้วย หรือ กลับกัน ตัวเราไปอยู่ในที่โอ่อ่าดี แต่ต้องทนรับใช้เลือดตากระเด็น 5 / ดีเมื่อไร บางทีตอนนี้อาจจะดี วันหลังไม่ดี หรือ ตอนนี้ธรรมดา วันหลังจึงจะดี 6 / ดีอย่างไร บางทีอยู่ที่สบายกายดี แต่ไม่สบายใจ 7 / ดีเท่าไร บางทีดีนิดเดียว แบบว่าได้ทองสลึงเดียว แต่คิดว่าทำให้ชีวิตร่ำรวยไปตลอด นี่เข้าใจผิด 8 / ดีแล้วทำไม บางทีได้สามีหล่อ แต่ชีวิตได้เป็นขอทานตลอดไป อะไรแบบนี้ นี่ยังไม่หมด หากเรียนขึ้นสูงไปอีก เราจะรู้เรื่องลึก เกี่ยวกับดาว องศา ราศี ธาตุ สมดุล เกณฑ์ต่อดาวที่เกี่ยวข้องอีกมาก ความดี ไม่ดี ก็จะพลิกไป พลิกมา ต่อไป หากจะบอกว่าดาวใดดี ไม่ดี ต้องบอกมาให้หมดว่า “อะไรดี”


ศุภกร - 8 มกราคม พ.ศ.2550 05:05น. (IP: 203.107.204.134)

ความคิดเห็นที่ 47
ตอบคุณ หนู (ความเห็นที่ 47)............คำตอบของผมคราวก่อนทำให้งงเพราะว่า เรื่องดวงมาตรฐาน เกณฑ์ หรือ ดาวดี ดาวเสียที่เราเรียนกันเบื้องต้น มักไม่ได้บอกรายละเอียดว่าอะไรดีอะไรเสีย หรืออะไรไม่ดีไม่เสียบ้าง อันที่จริงคุณสมบัติดาวที่อยู่ในราศีหนึ่งๆ ผมเคยเขียนมาบ้างแล้ว พอมาถึงตอนนี้ก็ยังมีผู้เข้ามาใหม่เสมอเลยไม่เข้าใจ หากเรียนมัธยมขึ้นไป เขาจะสอนให้แยกแยะใหม่ เช่น

สมมุติเวลากล่าวถึงตำแหน่งดาวดี มีหลายอย่างที่ต้องดู เช่น 1 / ดีที่ดาว ดาวนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรกี่อย่าง แต่ละอย่างอาจจะดี หรือ เสีย หรือ เฉยๆ 2 / ดีที่เรือน เรือนอาจจะดี แต่ดาวอาจจะไม่เกี่ยว 3 / ดีที่คนอื่น เช่น ญาติพี่น้อง คู่ครองรวยเก่ง แต่เจ้าชะตาอาจจะดีไม่ดี หรือ เฉยๆ ไม่เกี่ยว 4 / ดีที่ตัวเอง คนอื่นอาจจะไม่ดีด้วย หรือ กลับกัน ตัวเราไปอยู่ในที่โอ่อ่าดี แต่ต้องทนรับใช้เลือดตากระเด็น 5 / ดีเมื่อไร บางทีตอนนี้อาจจะดี วันหลังไม่ดี หรือ ตอนนี้ธรรมดา วันหลังจึงจะดี 6 / ดีอย่างไร บางทีอยู่ที่สบายกายดี แต่ไม่สบายใจ 7 / ดีเท่าไร บางทีดีนิดเดียว แบบว่าได้ทองสลึงเดียว แต่คิดว่าทำให้ชีวิตร่ำรวยไปตลอด นี่เข้าใจผิด 8 / ดีแล้วทำไม บางทีได้สามีหล่อ แต่ชีวิตได้เป็นขอทานตลอดไป อะไรแบบนี้ นี่ยังไม่หมด หากเรียนขึ้นสูงไปอีก เราจะรู้เรื่องลึก เกี่ยวกับดาว องศา ราศี ธาตุ สมดุล เกณฑ์ต่อดาวที่เกี่ยวข้องอีกมาก ความดี ไม่ดี ก็จะพลิกไป พลิกมา ต่อไป หากจะบอกว่าดาวใดดี ไม่ดี ต้องบอกมาให้หมดว่า “อะไรดี”

พอดีโหลดเซฟไฟล์ อจ.ศุภกร ผิดไฟล์ โพสต์ใหม่ครับ


วรกุล - 8 มกราคม พ.ศ.2550 05:07น. (IP: 203.107.204.134)

ความคิดเห็นที่ 48
กราบขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ จะปฏิบัติตามวิธีป้องกันที่อาจารย์กรุณาแนะนำเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ตอนมฤตยูย้ายเข้ามีนค่ะ ตอนนี้หนูสวดมนต์ไหว้พระ อาราธนาศีล ๕ ทุกวัน เจริญภาวนาบ้าง แต่ออกกำลังกายน้อยไปค่ะ ... ค่อยสบายใจขึ้นหน่อยค่ะว่าไม่ต้องเป็นแบบนี้ไปตลอด และในเสียก็ยังมีดีให้เป็นกำลังใจบ้าง

ด้วยความเคารพอย่างสูง


สุธาวาส - 8 มกราคม พ.ศ.2550 11:36น. (IP: 203.146.116.101)

ความคิดเห็นที่ 49


ขอบพระคุณอาจารย์วรกุลอีกครั้งที่กรุณามาอธิบายเพิ่มเติม ปัญหาในการอ่านตำราโหราศาสตร์ของหนูคือ มักจะพบว่าในตำรานั้นไม่บอกเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น อันนี้เองที่ทำให้หนูสงสัยอยู่ตลอด และเรื่อง ๘๓ เล็งลัคน์ และดาวอยู่ตำแหน่งวินาสน์ไม่เสีย ของชาวราศีพิจิกนี้ หนูอ่านจากตำราชั้นอนุบาลเลยด้วยซ้ำค่ะ (หนังสือก็ดังมากด้วยค่ะ ขายดีมาก) ไม่ได้เรียนอนุบาลแล้วไปเอาตำรามหาวิทยาลัยมาอ่าน

ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งค่ะ


หนู - 9 มกราคม พ.ศ.2550 05:42น. (IP: 210.246.80.61)

ความคิดเห็นที่ 50
เรียน อ.วรกุล

สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์ ขอให้อาจารย์และครอบครัวมีความสุขกาย สบายใจ มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวงนะค่ะ

เนื่องจากดิฉันได้อ่านคำตอบที่อาจารย์ได้ตอบไว้ให้กับคุณหนูที่ความเห็น 45 ทำให้ดิฉันได้ไขข้อสงสัยหลายอย่าง(สงสัยเหมือนคำถามของคุณหนูเลยค่ะ) แต่ดิฉันก็มีข้อสงสัยต่อเนื่องอีกค่ะ แหะ แหะ เพราะดิฉันเองเป็นคนราศีพิจิกเช่นกัน ดิฉันขอถามจากดวงของดิฉันเองแล้วกันนะค่ะ จะได้เข้าใจได้ง่ายหน่อย ดิฉันเกิดวันพฤหัสที่ 9 พฤศจิกายน 2521 เวลา 9.22 น. ที่กรุงเทพฯ เขตบางรักค่ะ

1.ตามที่อาจารย์ตอบไว้ว่าดาวอะไรอยู่ภพวินาสน์จะเสียเมื่อมันไม่แข็งแรง อย่างของดิฉันเอง มีดาวอาทิตย์อยู่ราศีตุลย์ภพวินาสน์ เป็นนิจ ก็เสียใช่ไหมค่ะ เพราะไม่แข็งแรง (เป็นนิจ) แล้วทำให้ส่งผลกระทบถึงภพกัมมะเจ้าเรือน ของอาทิตย์ด้วยหรือเปล่าค่ะ

2. จากที่อาจารย์ว่า "ราศีพิจิกนั้นก็มีคุณสมบัติที่จำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะราหูมักทำให้ผันผวนง่ายกว่าราศีอื่น" คือมันผันผวนยังไงหรือค่ะ ตามดวงของดิฉันมีดาวเสาร์ร่วมราหูและ เกตุอยู่ราศีสิงห์ ภพกัมมะ ดิฉันสังเกตจากตัวเองคือเรื่องการงานนี่มันขึ้นๆ ลงๆ จริงค่ะ (ทำธุรกิจส่วนตัว นำเข้าส่งออกค่ะ) เพราะราหูส่งผลกระทบต่อภพกัมมะใช่ไหมค่ะ

3. จากที่อาจารย์บอกว่า “นอกจากนั้น ราศีตุลย์ ศุกร์เจ้าเรือนเป็นวินาสน์ หมายถึงที่ลับๆ แต่อีกราศีคือพฤษภ จะเป็นปัตนิหมายถึงเปิดเผย ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ลับ (วินาสน์) “ ขอคำอธิบายเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้ไหมค่ะ ดิฉันไม่เข้าใจจริงๆค่ะ

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

ด้วยความนับถือ


มาณวิกา - 9 มกราคม พ.ศ.2550 18:40น. (IP: 210.246.73.25)

ความคิดเห็นที่ 51


อาจารย์วรกุลที่เคารพ..........ผมพบปัญหาสงสัย......................ใคร่ขอาจารย์จาระไน...........แถลงไขชี้แจงแถลงความ.............อันว่าดาวคู่แปดห้า(๘๕)......ยินมามากมายคำถาม.................ที่จริงที่แท้แน่ความ..............หมายตามอย่างใดครับครู...........ยังมีอีกคู่ครับผม...................เป็นปมปัญหาคาอยู่....................จันทร์ศุกร์(๒๖)สุดสาวพธู....ทั้งคู่อยู่ด้วยกุมกัน......................ใจผมใคร่รู้ความหมาย..........ความนัยตามแนวทางท่าน..........ควรแปลเรียบเรียงจำนรรจ์.....ว่ากันตามหลักโหราฯ...............ขออาจารย์อย่าว่าผม..............นั่งซมมิสู้เสาะหา......................เพราะผมเที่ยวสืบเสาะมา.......หลายครามิพบจึงเซ็ง...............ใช่ว่าจะเอาแต่ถาม..................แต่ความแล้วมานอนเขลง.........เกรงใจไหวหวั่นพรั่นเกรง.......อาจารย์บรรเลงไม้เรียว.............ขอถามอาจารย์เป็นกลอน..........ใช่ยอกใช่ย้อนคดเคี้ยว..............เพราะผมรักกลอนกลมเกลียว....อยากเหลียวแลหลังกลอนไทย...อาจารย์ตอบเป็นกลอนเปล่า.......ฤาเล่าความเรียงใสใส..............น้อมรับคำตอบทุกนัย...............ผมรักกลอนไทยครับอาจารย์


หลายชื่อ - 10 มกราคม พ.ศ.2550 07:29น. (IP: 210.246.80.13)

ความคิดเห็นที่ 52


ว้า...อุตส่าห์พิมพ์จัดบรรทัด เป็นบรรทัดละ 2 วรรค วรรหน้า-วรรคหลังตั้งนาน พอโพสต์ ไหงเป็นอย่างข้างบนก็ไม่ทราบ...เว็บมาสเตอร์น่าจะปรับให้มี preview ก่อนโพสต์ก็จะดีมากเลย.......เอาใหม่

-------------------------------

..อาจารย์วรกุลที่เคารพ

ผมพบปัญหาสงสัย

ใคร่ขออาจารย์จาระไน

แถลงไขชี้แจงแถลงความ

อันว่าดาวคู่แปดห้า (๘๕)

ยินมามากมายคำถาม

ที่จริงที่แท้แน่ความ

หมายตามอย่างใดครับครู

ยังมีอีกคู่ครับผม

เป็นปมปัญหาคาอยู่

จันทร์ศุกร์(๒๖)สุดสาวพธู

ทั้งคู่อยู่ด้วยกุมกัน

ใจผมใคร่รู้ความหมาย

ความนัยตามแนวทางท่าน

ควรแปลเรียบเรียงจำนรรจ์

ว่ากันตามหลักโหราฯ

ขออาจารย์อย่าว่าผม

นั่งซมมิสู้เซาะหา

เพราะผมเที่ยวสืบเสาะมา

หลายครามิพบจึงเซ็ง

ใช่ว่าจะเอาแต่ถาม

แต่งความแล้วมานอนเขลง

เกรงใจไหวหวั่นพรั่นเกรง

อาจารย์บรรเลงไม้เรียว

ขอถามอาจารย์เป็นกลอน

ใช่ยอกใช่ย้อนคดเคี้ยว

เพราะผมรักกลอนกลมเกลียว

อยากเหลียวแลหลังกลอนไทย

อาจารย์ตอบเป็นกลอนเปล่า

ฤาเล่าความเรียงใสใส

น้อมรับคำตอบทุกนัย

ผมรักกลอนไทยครับอาจารย์


หลายชื่อ - 10 มกราคม พ.ศ.2550 07:37น. (IP: 210.246.80.13)

ความคิดเห็นที่ 53
สวัสดีค่ะอาจารย์วรกุล

หนูขอบคุณอาจารย์นะคะที่เปิดโลกทัศน์ในวิชาโหราศาสตร์ให้หนู ขอบคุณสำหรับวิธีคิด การมองปัญหา การแก้ปัญหา และการมองเข้าไปในตัวตนของตัวเองหนูขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงและมีเวลาตอบกระทู้ต่างๆต่อไป จะอธิฐานให้สักวันได้กราบอาจารย์ให้ได้ค่ะ

ขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคนค่ะ


bewitched - 10 มกราคม พ.ศ.2550 16:41น. (IP: 58.9.143.198)

ความคิดเห็นที่ 54
ตอบคุณ มาณวิกา (ความเห็นที่ 54)...........1 / .สมมุติ a คือ เป็น อุจ มหาจักร ราชาโชค ได้คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล b คือ เป็น นิจ ประ ได้ คู่ศัตรู คู่ขัดแย้ง

ดาวที่แข็งแรงดีมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วย

ดาวที่แข็งแรงดี คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วย

ดาวที่ไม่แข็งแรงมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วย

ดาวที่ไม่แข็งแรงเลย คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วย

ดาวไม่แข็งแรง มักไม่ดี ดาวแข็งแรงมักจะดี แต่ดี / ไม่ดี อยู่ที่ตัวดาว การวินิจฉัยว่าดีที่เจ้าชะตาหรือไม่ ต้องดูเหตุผลของเรื่อง เช่น ๕ เป็นมะเร็งหากแข็งแรงดี เจ้าชะตาย่อมไม่ดี แต่ ๕ คือปัญญาดี เจ้าชะตายังมีสิทธิ์เป็นมะเร็ง ดาวดีเมื่อเป็นเจ้าเรือนใด เรือนนั้นก็ดี ฯลฯ ทำให้เราต้องดูว่ากำลังพิจารณาอะไร หากดาวไม่แข็งแรง หรือ แข็งแรง ย่อมส่งผลถึงเรือนของมันด้วย ขอให้สังเกตว่า ทั้ง a และ b ไม่รวม อริ มรณะ วินาสน์ เพราะเป็นเรือนเหมือนเรือนทั่วไป

2 / ถูกแล้วครับ คือ เวลาราหูจรไปรอบจักรราศี หากส่งถึงลัคนาราศีอื่นก็เป็นธรรมดา หากส่งถึงลัคนาราศีพิจิก มักจะผันผวนแรงกว่า ทั้งทางดีและเสีย ที่อยู่กัมมะแล้วรุนแรงก็ถูก เพราะเป็นกีฏเกณฑ์ ราหูจะส่งผลแรงเพราะเป็นดาวฆาตราศีพิจิก

3 / ราศีพฤษภ และ ตุลย์ เป็นเรือนเกษตรของศุกร์เหมือนกัน เมื่อราศีหนึ่งแสดงผล อีกราศีหนึ่งก็จะแสดงผลตามมา ลัคน์พิจิก หากราศีตุลย์เกิดความเป็นวินาสน์ คือลึกลับ อีกสักหน่อยราศีพฤษภก็จะแสดงเป็นปัตนิ คือ เปิดเผย หรือ ในทางกลับกัน ดังนั้น ก็จะไม่มีอะไรที่เปิดเผย หรือ ลับๆถาวร นี่เป็นเหตุผลสำหรับอธิบายเด็กๆน่ะครับ จะอธิบายเรื่องลึกๆตอนนี้ ไม่มีใครยอมพูดเท่านั้นเอง

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ หลายชื่อ (ความเห็นที่ 56)...........ตอบเป็นกลอนไม่มีเวลาครับ เรื่องดาวคู่มีความหมายหลายมิติ ต้องลองรวบรวมจากหนังสือแล้วเอาไปแยกแยะเอาเอง อย่างเช่น ๕ พฤหัสหากดูว่าเป็นปัญญา ๘ ราหู จอมหลอกลวงเล่ห์กล เป็นตัวขยาย ๕๘ ก็หมายถึงปัญญาที่ไม่บริสุทธิ์ มักใช้อุบาย หรือ เล่ห์กลเสมอ อย่างดีก็มักจะมีเทคนิค หรือ วางแผนลวดลายซับซ้อน ไม่ซื่อตรง หรือ หากเอาราหูเป็นตัวตั้ง หมายถึง ความยึดหลงติดในสิ่งใด พฤหัสเป็นตัวขยาย ก็จะไม่ค่อยฉลาด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลงผิดเป็นชอบ อะไรประมาณนั้น ถ้าปะทะกันตรงๆ(เช่น ร่วม เล็ง แล้วไม่ดี) ๕๘ มักหมายถึงการผ่าตัด เฉือนทิ้ง ทำลายล้างก็ได้ แต่หากสอดคล้องกัน (อย่างเป็นโยค ตรีโกณกัน) ๕๘ ก็จะกลายเป็นอุบายตัดกิเลสได้

๒๖ จันทร์นั้น นุ่มนวลหรือ อ่อนไหว ศุกร์มักสะดวกสบาย ๒๖ ก็เลย สุขสำราญบานตะไท จิตใจเพ้อฝัน ขี้สงสาร โรแมนติก ใจน้อย ชอบสำรวย ลองหันไปดูมิติอื่นด้วย เช่น ๒ ขนม + ๖ หวาน = ขนมหวาน ๖ ดนตรี + ๒ อ่อนๆเบาๆ = ไล้ท์มิวสิค อะไรแบบนั้นแหละ ผสมความหมายได้เป็นพันๆเรื่อง

0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ bewitched (ความเห็นที่ 57)...........ยินดีครับที่ได้ประโยชน์บ้าง เพราะเขียนไปแล้วไม่รู้มีใครอ่าน และคิดอย่างไรบ้าง


วรกุล - 11 มกราคม พ.ศ.2550 05:16น. (IP: 203.107.203.202)

ความคิดเห็นที่ 55


กราบขอบพระคุณอาจารย์วรกุลครับ


หลายชื่อ - 12 มกราคม พ.ศ.2550 07:51น. (IP: 210.246.80.86)

ความคิดเห็นที่ 56
เรียนถามอาจารย์ครับ

ผมได้อ่านจากที่อาจารย์โพสต์

"สมมุติ a คือ เป็น อุจ มหาจักร ราชาโชค ได้คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล b คือ เป็น นิจ ประ ได้ คู่ศัตรู คู่ขัดแย้ง

ดาวที่แข็งแรงดีมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วย

ดาวที่แข็งแรงดี คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วย

ดาวที่ไม่แข็งแรงมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วย

ดาวที่ไม่แข็งแรงเลย คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วย"

ลองคิดตาม สมมุติดาว a เป็นนิจ อยู่ในเรือนดาว b ดาว b เป็นอุจหรือเกษตร

ย่อมแข็งแรงขึ้น

แต่เมื่อพิจารณาแล้ว กลับมีคำถามต่อครับ

1. ในกรณีที่ซับซ้อนขึ้นเช่น ดาวเสาร์กับอังคาร สมมุติว่าลัคนาอยู่ธนู

เสาร์อยู่ในราศีเมษ เป็นนิจ แต่อังคารเจ้าเรือนเป็นอุจจ์ในราศีมังกร

ดูแล้วเท่ากับ ดาวนิจอยู่ในเรือนดาวอุจจ์ ( เท่ากับ b ใน a) แต่มองอีกแง่ก็เท่ากับ b ใน b อยู่ในเรือนคู่ศัตรู เราจะสรุปว่าแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ หรือแยกแยะออกไปเป็น 2 เคส ที่ไม่เกี่ยวกับ คือทั้งกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 ครับ

2.ถ้าเราตั้งลัคนาอยู่ที่ราศีธนู เราจะเห็นว่า

ดาวอังคารนั้นนอกจะเป็นเจ้าเรือนปุตตะ แล้วยังเป็นเจ้าเรือนวินาศน์

เราจะอ่านเป็น 2 กรณี คือ ในฐานะที่เป็นเจ้าเรือนปุตตะทีหนึ่ง

แล้วอ่านในฐานะที่เป็นเจ้าเรือนวินาศน์อีกทีหนึ่ง

หรืออ่านทีเดียวเลยครับ

ในความคิดของผมนั้น คิดว่าการอ่านน่าจะยืดหยุ่นเป็นกรณีๆไป เหมือนตัวเล่นสวมคนละบทบาท ในแต่ละคราว แต่ถ้าคิดอย่างนี้ก็จะเกิดคำถามต่อไปว่า แล้วเราจะสังเกตอย่างไรว่าในแต่ละช่วงเวลา จะเล่นในบทบาทไหน

เรียนขออภัย ถ้าท่านอาจารย์เห็นว่าฟุ้งความคิดไปหน่อย แต่ผมมักจะอ่านข้อเขียนของอาจารย์แล้วคิดเปรียบเทียบตามข้อเขียนของอาจารย์อยู่เสมอจนเคยชินเวลาที่คิดแล้วเกิดคำถามก็อดไม่ได้ที่จะรบกวนถามครับ


มือใหม่ทักษา - 12 มกราคม พ.ศ.2550 10:03น. (IP: 124.121.189.227)

ความคิดเห็นที่ 57
สวัสดีค่ะอาจารย์วรกุล

ก่อนอื่นหนูต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ตอบข้อความหนูแม้ว่าไม่ได้เป็นคำถามทางโหราศาสตร์ใดๆเลย คือหนูเขียนความรู้สึกลงไปโดยไม่นึกว่าอาจารย์จะเมตตาตอบข้อความ หนูจึงต้องเล่าว่า หนูสนใจวิชาโหราศาสตร์นะคะ แต่ความรู้ทางวิชานี้ไม่มากพอที่จะมีคำถาม ถามได้เลย แต่ความสนใจทำให้หนูเข้ามาในwebนี้ค่ะ

หนูมีอาชีพเป็นคุณครูค่ะ สอนดนตรี และในขณะเดียวกันตอนนี้ก็ศึกษาต่อทางดนตรีแต่เป็นดนตรีอีกแนวจากที่เคยเรียนมา จึงเป็นครูด้วยลูกศิษย์ด้วยค่ะ เมื่อหนูได้อ่านบทความของอาจารย์ ทำให้หนูบอกตัวเองว่าวิธีสอนของหนู ยังต้องปรับปรุงอีก อาจารย์สอนให้ คิด คิดให้เยอะ มองให้รอบด้านและอาจารย์จะชี้ตรงประเด็นก่อนว่า ผู้ถามเข้าใจยังไม่ตรง หรือเข้าใจผิดตรงไหน แล้วจึงค่อยๆอธิบาย แม้ว่าคำถามนั้น จากที่หนูค่อยๆไล่อ่านมาแต่ต้น ถามซ้ำๆกัน ในปัญหาเดียวกันแต่ความเข้าใจคนละแง่มุมทำให้ แต่ละคำถาม ดูแตกต่างกันจากความเข้าใจของผู้ถามเอง และจากภูมิหลังความรู้พื้นฐานทีผู้ถามมีอยู่ ซึ่งหนูก็พบว่า อาจารย์ ตอบคำถาม ที่ผู้ถามถามโหราศาสตร์ไปกับความเข้าใจทึ่ตนมี ทั้งทางด้านดาราศาสตร์บ้าง วิทยาศาสตร์บ้างโหราศาสตร์ระบบอื่นบ้าง และ อื่นๆอีกมากมายตามแต่ผู้ถามจะประกอบอาชีพ หรือเข้าใจอะไรอยู่ ก็ตาม อาจารย์ก็ตอบให้เข้าใจได้ทุกครั้ง อธิบายมาทั้งหมดเพราะนอกจากจะขอบพระคุณอีกครั้งแล้ว ก็จะขออนุญาตเขียนข้อความถึงท่านอาจารย์บ้าง ทั้งๆที่ไม่มีคำถามเลย นะคะ

บทความทุกบทความคำตอบทุกคำตอบที่อาจารย์ตอบ ให้ประโยชน์กับวิธีคิด แก่หนูมากเลยค่ะ

กราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ


bewitched - 13 มกราคม พ.ศ.2550 11:12น. (IP: 58.9.147.97)

ความคิดเห็นที่ 58
ตอบคุณ มือใหม่ทักษา (ความเห็นที่ 60)...........1 / ความเห็นที่ 58 ในดวงเดิม การที่ดาวเป็นคู่มิตร คู่ธาตุ ฯลฯ แล้วแข็งแรงมีกำลัง หมายถึงดาวกับดาว ไม่ใช่ดาวกับเจ้าเรือน ถ้าเรียนกับครูอาจารย์อย่างเป็นรูปแบบเขาก็จะสอนตรงนี้ การที่ดาวเป็นอุจอยู่ในเรือนคู่ศัตรูมีตั้งหลายดาว เช่น อาทิตย์ เสาร์ เป็นต้น แล้วมันเป็นอุจได้อย่างไร เพราะความเป็นอุจนั้นไม่เกี่ยวกับการเป็นศัตรูกับเจ้าเรือน แต่เป็นตำแหน่งของมันเองที่มีกำลัง คล้ายๆกับว่า หน้าหนาว ดาวไปยืนตรงตำแหน่งนั้นแล้วได้รับแสงแดดอบอุ่นดี มีกำลัง แต่มีคนค้านว่า ตรงที่ยืนอยู่นั้นเป็นที่ดินไม่เสียภาษี แล้วจะมีกำลังได้อย่างไร จะเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน หากดาวอยู่ในราศี เมื่อสัมพันธ์กับธาตุเจ้าเรือน ก็จะดูลักษณะอาการ ของดาว เช่น เรือนอังคาร ก็จะรวดเร็วว่องไว เรือนศุกร์ก็จะละมุนละม่อม อะไรแบบนี้ แล้วแต่เรื่องที่อ่าน แต่ถ้าเป็นดาวจร อาจจะพิจารณากำลังดาวจากความเป็นคู่มิตร คู่ศัตรู ฯลฯ กับเจ้าเรือนได้ ยังมีคุณสมบัติของดาวอีกมาก (เช่น เป็น องคเกณฑ์ ศรี กาลกิณี เป็นต้น) แต่เป็นคนละเรื่อง เอามาปนกันไม่ได้

2 / อ่านทีละเรือนถูกแล้วครับ แล้วใช้อีกเรือนหนึ่งอ่านประกอบ เช่น อ่านปุตตะก็อ่านเรื่องของบุตร แล้วอ่านวินาสน์ประกอบ ก็ว่า ปุตตะ – วินาสน์ เป็นบตรเกิดความเสียหาย จะเห็นว่าปุตตะยังเป็นพระเอกอยู่ วินาสน์เป็นความหมายรอง แต่ถ้าเราย้ายไปอ่านวินาสน์ คือ วินาสน์ – ปุตตะ ก็คือ ความเสียหายอันเนื่องมาจาก ริเริ่มอะไรอย่างหนึ่ง (ปุตตะ) จะเห็นว่า วินาสน์เป็นพระเอก ปุตตะเป็นความหมายรอง แต่คำถามที่ว่าแต่ละช่วงเวลา จะเล่นบทบาทไหนก่อน นั่นเป็นเรื่องทางดาวจร ต้องดูหลายด้าน ดาวจรชี้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ดูเรือนนั้นแหละแสดงบทบาทก่อน การที่จะดูดาวจรแล้วรู้ว่าชี้เรื่องอะไรเป็นเรื่องยาวและยุ่งยากกว่าจะหาจุดทำนายได้ ดังนั้น พวกที่ทำนายแบบหวยออกแล้ว รู้ผลแล้ว ยกเหตุผลมาเป็นคุ้งเป็นแคว จึงง่ายกว่าทำนายแบบไม่รู้มาก่อนนั่นเอง


วรกุล - 13 มกราคม พ.ศ.2550 14:10น. (IP: 203.107.203.19)

ความคิดเห็นที่ 59
ตอบคุณ bewitched (ความเห็นที่ 61)...........ขอบคุณครับที่เป็นกระจกเงาสะท้อนกลับมา แต่ไม่ใช่เห็นว่าคุณชมมา ก็เลยตอบ อันที่จริง ความคิดที่คุณมองเห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงเป็นคุณสมบัติในตัวคุณเองต่างหาก มนุษย์เรามีพุทธิปัญญา หรือ ความเป็น “ผู้รู้” (พุทธะ) ซ่อนอยู่ หากมีใครมาเตือน ความสามารถเหล่านั้นก็จะแสดงออกมาได้เอง ถ้าเราศึกษาหรือฟังสิ่งใด แล้วน้อมนำเอามาพิจารณาให้เห็นธรรมชาติความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นอยุ่เสมอๆ เราก็จะมี “ครู” อยู่ทุกหนแห่ง ดีกว่าครูที่เป็นมนุษย์มีตัวตน ซึ่งสักวันหนึ่งก็จะจากเราไป เมื่อนั้นเราเองก็จะแข็งแรง เป็นครูของตนเองได้ในวันหนึ่งข้างหน้า และก็อาจจะทำหน้าที่เป็นผู้เตือนคนอื่นที่ยังมีเมฆหมอกบดบังตาอยู่

ชีวิตของคนเรานั้นน่าศึกษา แต่เครื่องมือในการศึกษาชีวิตนั้นช่างมีจำกัดเสียจริงๆ ดังนั้น เราจึงต้องจ่ายค่าบทเรียนราคาแพง ก่อนที่จะได้มันมา หากเรามองโลกด้วยตนเอง เราจะเรียนรู้ไม่ได้ทันกับช่วงชีวิตอันสั้นนี้ พุทธธรรมนั้นเป็นวิชาที่ดีที่จะทำให้เราเห็นโลกและชีวิตได้ แต่มีข้อเสียของเราอยู่ว่า พุทธธรรมนั้นเป็นของวิเศษเกินกว่าที่จะนำมาอ่านเล่นได้ นอกจากนั้น คำสอนที่ผู้ที่นำมาเผยแพร่สอนต่อ ก็เกิดจากการตีความ หรือ สรุป โดยไม่ตรงกับระดับปัญญาของเรา ดังนั้น เราจึงไม่สามารถดื่มด่ำในพุทธธรรมได้จนกว่าเราจะมีไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) ที่เจริญดีแล้ว

โหราศาสตร์นั้นเป็นเครื่องมือที่ดีในระดับสามัญสำนึกของเรา และทุกครั้งที่เราดึงเข้าหาธรรมชาติ เราจะพบว่า โหราศาสตร์เป็นล่ามแปลที่ดี โดยเฉพาะการอยู่ในสังคม เราจะได้เห็นความดี ความเลว ความเจริญ และความเสื่อมของชีวิตมากมาย ซึ่งจะกลายเป็นวัตถุดิบที่ดีในการเข้าใจโลกและธรรมชาติ เราก็อาจจะเห็นสัจจะในชีวิตได้ แม้ได้ยินบทเพลงในวิชาดนตรี หรือ บทกวีสั้นๆเพียงบทเดียว เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว แม้พุทธธรรม หรือ วิชาใดๆก็ทรงคุณค่าในการอ่านโลกและชีวิตได้เหมือนๆกัน


วรกุล - 14 มกราคม พ.ศ.2550 14:15น. (IP: 203.107.205.112)

ความคิดเห็นที่ 60


เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

อาจารย์คะ การที่อังคาร ๓ เป็นนิจ ทายว่า เป็นคนขี้เกียจเสมอเลยหรือคะทั้งๆ ที่ในดวงชะตาหนึ่งๆ อังคาร ๓ อาจจะไม่ได้เป็นตนุลัคน์ หนูจสงสัยว่า เวลาที่เห็น อังคาร เป็นนิจปุ๊บ เราทายว่าเจ้าชะตาเป็นคนขี้เกียจ (บางตำราใส่สร้อยคำต่ออีกด้วยว่า "ขี้เกียจสันหลังยาว" เสียด้วย) ไปเลยหรือคะ โดยไม่ว่าอังคารในดวงนั้นเป็นตนุลัคน์หรือไม่

เรียนสอบถามด้วยความสงสัยค่ะ รบกวนอาจารย์ด้วยค่ะ

อ่านที่อาจารย์เขียนใน คคห 63 แล้วซาบซึ้งจังค่ะ


ประวีร์ - 15 มกราคม พ.ศ.2550 05:39น. (IP: 210.246.80.101)

ความคิดเห็นที่ 61
เรียนขอบพระคุณอาจารย์มากครับที่กรุณาชี้แนะ

ผมขอทบทวนดังนี้ ตามโพสต์ของอาจารย์ตามความเข้าใจ

จากที่อาจารย์โพสต์ไว้

"สมมุติ a คือ เป็น อุจ มหาจักร ราชาโชค ได้คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล b คือ เป็น นิจ ประ ได้ คู่ศัตรู คู่ขัดแย้งดาวที่แข็งแรงดีมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วยดาวที่แข็งแรงดี คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วยดาวที่ไม่แข็งแรงมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วยดาวที่ไม่แข็งแรงเลย คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วย"ดาวที่แข็งแรงดี คือ ตัวมันเป็น b และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น a ด้วย

เพราะฉะนั้นดาวเสาร์ เป็น b(นิจ) อยู่ในเรือนอังคารที่เจ้าเรือนเป็น a (อุจจ)์

จึงถือว่าเป็นดาวที่แข็งแรงดี

และ

ดาวที่ไม่แข็งแรงมาก คือ ตัวมันเป็น a และอยู่เรือนที่เจ้าเรือนเป็น b ด้วย

ฉะนั้น อังคาร เป็น a(อุจจ์) อยู่เรือนเสาร์ที่เจ้าเรือนเสาร์เป็น b (นิจ) จึงถือว่าไม่แข็งแรงมาก

ถ้าผมคิดตามนี้ถือว่าถูกหรือผิดครับ

ขอบพระคุณมากครับ


มือใหม่ทักษา - 15 มกราคม พ.ศ.2550 16:28น. (IP: 124.121.191.106)

ความคิดเห็นที่ 62
ตอบคุณ ประวีร์ (ความเห็นที่ 64)...........ตำราเบื้องต้นมีไว้ให้เราเรียนครับ ไม่ได้มีไว้ให้เราเชื่อ การที่เขาสอนว่า “อังคารนิจเป็นคนขี้เกียจ” ก็เพราะไปทายว่า อังคารอุจเป็นคนขยัน มาจากอังคารคือขยันขันแข็งใช่ไหม หากเราทำความเข้าใจตรงนี้ว่าเขาจะสอนให้เรารู้จักอังคารว่า แทน “ความขยันขันแข็ง” เท่านั้น ข้อความนี้ก็สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว อย่าคิดต่อไปจนเชื่อเป็นจริงเป็นจัง จนไม่มองด้านอื่น

อังคารจะเป็นตนุลัคน์หรือไม่ไม่สำคัญอะไรต่อความขยัน เพราะอังคารอยู่ตรงไหนก็แสดงคุณสมบัติด้านขยันขันแข็งของเจ้าชะตาได้เสมอ แต่การเป็นตนุลัคน์นั้นมีความหมายอื่นๆด้วย เพราะอังคารก็จะแสดงวาสนา สุขภาพความเป็นไปของเจ้าชะตา หรือนิสัยอื่นๆได้มากมาย เช่น ระงับโทสะไว้ไม่ได้ เพราะนิจแสดงว่ามีความอดทนน้อย หรือ มักใฝ่ในทางนักเลง เพราะอังคารนิจ หมายถึง พวกที่ชอบอวดศักดาอำนาจ แต่ มักจะทำอะไรใจไม่ถึง ติดปัญหาอะไรสักหน่อยก็อาจจะเขวี้ยงทิ้งไปเลย เพราะอังคารนิจมีสมรรถภาพ ต่ำ ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่ผลดีก็มี คือ อาจจะเป็นคนที่ไม่ทำอะไรยืดเยื้อ อาจจะตรงไปตรงมาดี ได้ก็ว่าได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ เด็ดขาดไปเสียเลย เหมาะกับงานบางอย่างที่ไม่ต้องการเยิ่นเย้อ ตรงต่อหน้าที่ หรือร่างกายมักจะไม่อดทนต่อการทำงานงานๆ เพราะกล้ามเนื้ออ่อนแรง นี่ก็เป็นผลจากอังคารนิจด้วยเหมือนกัน จะเห็นได้ว่า การจะมองดาวดวงใดดวงหนึ่งต้องดูหลายๆมิติ และยังต้องวิเคราะห์กำลังของดาวที่สัมพันธ์กับดาวอื่นๆด้วย หากได้ดาวที่ดีๆ อังคารนิจก็ขยันได้สุดฤทธิ์ จนเกินเลยเถิดไปก็มี เช่น ตีหนึ่งตีสองก็ยังมาตรวจงานจับผิดลูกน้อง หรือเพราะขยันเกินเหตุ

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ มือใหม่ทักษา (ความเห็นที่ 65)...........ถูกต้องตามที่คิดทั้งสองข้อแล้วครับ แต่อย่าลืมที่เตือนไว้ว่า ดาวไม่แข็งแรง มักไม่ดี ดาวแข็งแรงมักจะดี แต่ดี / ไม่ดี อยู่ที่ตัวดาว การวินิจฉัยว่าดีที่เจ้าชะตาหรือไม่ ต้องดูเหตุผลของเรื่อง ด้วย ที่เขียนสูตรไว้ให้นั้นเป็นเพียงให้เป็นหลักพิจารณาเบื้องต้น พอชำนาญแล้วยังต้องดูความสัมพันธ์กับดาวอื่น ที่หากแข็งแรงเหมือนกัน แต่มาปะทะงัดข้อหักโค่นกัน อาจจะทำให้ดวงชะตาวูบวาบได้ อย่างบุคคลบางคนขึ้นสูงเด่นน่ายินดีแต่ก็ตกวูบลงจากอำนาจได้อย่างฉับพลันเช่นกัน นอกจากนั้น ดาวที่แข็งแรงหากแข็งไปในทางผิดที่ ในที่ควรจะต้องใช้ความอ่อนโยน กลับไปแข็งกระโดกกระเดก เช่นนี้ก็ก่อให้เกิดผลเสียได้เหมือนกัน ในที่นี้เขียนเรื่องความแข็งแรงของดาวในเรือนวินาสน์ต่อเนื่องมาถึงตรงนี้ เพื่อให้เข้าใจวิธีดูดาวที่แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังไม่จบเพราะยังมีเรื่องที่ต้องดูต่อไปอีก


วรกุล - 16 มกราคม พ.ศ.2550 05:01น. (IP: 203.107.201.101)

ความคิดเห็นที่ 63


เรียน อาจารย์วรกุล ที่นับถือ

ขอบพระคุณค่ะ หนูโล่งอกค่ะ (แฮ่ๆ) จะพยายามมุมานะเรียนต่อไปเพื่อหารหัสลับของดวงดาวต่างๆในดวงชาตาให้แตกให้ได้ค่ะ

วันนี้เป็นวันครู หนูผู้มาอ่านเพื่อเก็บเล็กเก็บน้อยความรู้ทางโหราศาสตร์ที่อาจารย์เขียนในเว็บนี้ได้ปีกว่าๆแล้ว หนูขอกราบอาจารย์อีกครั้งเนื่องในวันครูค่ะ ขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ขอจงดลบัลดาลให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่าได้มีสิ่งไม่มีมากล้ำกรายเลย ........ ด้วยความนับถืออย่างสูง


หนูนักเรียน - 16 มกราคม พ.ศ.2550 08:00น. (IP: 210.246.80.8)

ความคิดเห็นที่ 64
เรียน อ.วรกุล

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เนื่องในโอกาสวันครูครับ

ด้วยความเคารพ


นพ - 16 มกราคม พ.ศ.2550 09:09น. (IP: 203.147.36.35)

ความคิดเห็นที่ 65
กราบเรียน อ.วรกุลที่เคารพ

เนื่องในวันครู ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ความรู้ในวิชาโหราศาสตร์ มาณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ


ตุ๊ก - 16 มกราคม พ.ศ.2550 12:58น. (IP: 210.203.182.26)

ความคิดเห็นที่ 66
สวัสดีค่ะ อ.วรกุล

ขอบคุณมากนะค่ะ ที่ช่วยตอบข้อสงสัยของดิฉัน ต้องอ่านแล้วคิดเยอะๆหน่อยค่ะ ถึงจะเข้าใจ เพราะพื้นฐานด้านโหราศาสตร์น้อยเหลือเกิน

ขอบคุณค่ะ


มาณวิกา - 16 มกราคม พ.ศ.2550 20:40น. (IP: 210.246.69.146)

ความคิดเห็นที่ 67
เนื่องในโอกาสวันครู ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย อีกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปฐมบรมครู และพระคุณครูผู้ประสิทธิประสาทวิชาทั้งหลาย อันมีวิชาโหราศาสตร์ เป็นอาทิ อีกทั้งอำนาจบารมีของพระคุณเทพเทวดา ผู้ปกปักรักษาพระไตรปิฏก พระสยามเทวาธิราช ได้โปรดเสด็จมาประทานพรอันประเสริฐ ให้แก่คุณหนูนักเรียน คุณนพ คุณตุ๊ก และผู้เข้ามาอ่าน จะเพื่อการศึกษาหรือ เจตนาบริสุทธิ์ใดๆก็ดี ขอให้มีความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ ศึกษาเล่าเรียนวิชาใดขอให้มีสติปัญญาแตกฉาน ได้ดวงตาเห็นสัจจธรรม ทำสิ่งใดมีความสำเร็จดังประสงค์ อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวาราตรีตลอดจนกาลนานเทอญ


วรกุล - 17 มกราคม พ.ศ.2550 05:05น. (IP: 203.107.196.39)

ความคิดเห็นที่ 68
ในตอนก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงระบบธรรมชาติทั้งสี่ที่มีผลต่อโหราศาสตร์ไทย ได้แก่ หนึ่ง จักรวาลใหญ่ทั้งหมด (หรือ เอกภพ) สอง สุริยจักรวาล สาม โลกของเรา สี่ โลกส่วนตัวของเรา มาแล้ว โหราศาสตร์เชื่อว่าทั่วทั้งจักรวาลล้วนแต่มีความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางเดียวกันพร้อมกัน ธาตุทุกอย่างที่เป็นองคประกอบของธรรมชาติรอบตัวเรา รวมทั้งตัวเราด้วยนั้น ประกอบไปด้วยรูปธรรม และ นามธรรม ที่สามารถถ่ายเทสื่อสารได้และก็เปลี่ยนแปลงไปตามจักรวาลในส่วนรวม

โหราศาสตร์นั้นมีที่มาของการศึกษานามธรรมเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นความหมายของดาว หรือ ราศี ล้วนแปลจากความหมายที่เป็น “ปรัชญา” ซึ่งแม้จะใช้คำไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังไม่มีคำอื่นที่ดีกว่า ความหมายทางปรัชญาของธาตุในเอกภพที่เป็นส่วนรวมนี่เองซึ่งเราใช้กันในโหราศาสตร์และดวงชะตา ถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนไปได้หลายรูปทั้งนามธรรมและรูปธรรม ขณะที่ธาตุเป็นรูปธรรม มันจะเป็นไปตามกฎทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ เคมี หรือ กฎทางสสารและพลังงาน แต่ขณะที่มันเป็นนามธรรมนั้น เรากลับไม่เห็นกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ที่อธิบายมันได้ นอกจากการศึกษาพฤติกรรมทางจิตวิทยาเท่านั้น ทำให้ความรู้เรื่องของธาตุในทางนามธรรมและจิตใจก็ตาม ไปปรากฏในคัมภีร์ทางปรัชญา ศาสนา และศาสตร์วิชาลึกลับต่างๆ เช่น ไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ เป็นต้น

พวกเราเองอาจจะไม่ทราบ หรือ ไม่ทันคิดว่า ความจริงแล้วความหมายทางปรัชญาของธาตุที่เราเรียนทางโหราศาสตร์นั้น แท้ที่จริงมาจากปรัชญาโบราณ เพราะการที่สสารสามารถเปลี่ยนข้ามสถานะจากนามธรรมและรูปธรรม ซึ่งสามารถแสดงผลต่อสัญชานความรู้สึกได้นั้น เป็นพื้นฐานหลักวิชาต่างๆในปรัชญาโบราณมาแต่เดิม โดยทั่วไปนามธรรมของจักรวาลมีอยู่มากมาย แต่โหราศาสตร์เองศึกษาเพียงนามธรรมและรูปธรรมที่มีผลต่อชีวิตมนุษย์เท่านั้น ชีวิตมนุษย์นั้น เกิดจากจังหวะวงรอบธรรมชาติที่สอดคล้องกับการสร้างร่างกายและชีวิตของมนุษย์ขึ้นมาโดยตรง ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อย แต่บางท่านกลับไปเห็นว่านี่เองเป็นทั้งหมดของโหราศาสตร์แล้ว ดังนั้น จึงเชื่อกันนั่นคือสัจธรรม ที่เป็นบิดามารดาของโหราศาสตร์ทุกระบบในโลก ทั้งๆที่โดยข้อเท็จจริงสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความรู้ที่นักปรัชญาไสยศาสตร์ตะวันออกทราบกันอยู่นานแล้วในระบบความรู้อื่น

จักรวาลใหญ่ หรือ เอกภพนี้มีความเป็นอยู่โดยไม่มีผู้สร้างอื่น นอกจากมันสร้างผู้สร้างและผู้ทำลายขึ้นมาเอง จนดูเหมือนเป็นจักรกลที่มีชีวิต และกลไกของการดำรงอยู่ด้วยตนเองเป็นเวลานานนับกัลป์ หรือ ยาวนานนับไม่ได้นี่เอง ทำให้นามธรรมบางส่วน “มีอำนาจ” ในการทำหน้าที่ควบคุมตนเองและจักรวาลโดยส่วนรวมได้ ทั้งๆที่องค์เหล่านี้มีที่มาจากนามธรรมที่เป็นเพียงจักรกลไม่มี “ชีวิต” (ในความหมายของเรา) หรือ เป็นเพียงธรรมชาติเท่านั้นเอง นี่จึงเป็นที่มาของความหมายคำว่า “เทวดาเสวยอายุ” ที่นำมาใช้ในโหราศาสตร์ไทย “เทวดา” หรือ ธาตุในมหาทักษา จึงไม่ใช่เทวดาในความเชื่อตามวัฒนธรรมว่าเป็นเพียงวิญญาณของผู้ทำดีแล้วได้ขึ้นสวรรค์ แต่เป็นธรรมชาติ หรือ นามธรรม ที่แฝงอยู่ในตัวเราทุกอณูของร่างกายและจิตใจนั่นเอง

สิ่งที่จักรวาลใช้เป็นเครื่องมือควบคุมตนเองในระดับที่สูงกว่ากฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ โดยคร่าวๆ มีอยุ่ไม่กี่อย่างที่เราเรียกว่า ธาตุ หมายถึง ธรรมที่เป็นชิ้นส่วนของธรรมชาติ หรือ elements of nature ที่กร่อนลงมาเป็น element หรือ “ธาตุ” ในความหมายทางฟิสิกส์แต่เพียงอย่างเดียว แต่โหราศาสตร์ยังคงให้ความหมายของ “ธาตุ” ทั้งในทางรูปธรรมและนามธรรมตามอย่างแนวคิดโบราณเช่นเดิม ดังนั้น เมื่อเราต้องการที่จะเข้าใจโหราศาสตร์และข้อความในตำรา เราก็ต้องเข้าใจความหมายเครื่องมือพื้นฐานของธรรมชาติ ในกรอบของจักรวาลใหญ่ หรือ เอกภพ เสียก่อน

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่า “ธาตุ” นั้นมีมาก่อนดาวเคราะห์ ถึงแม้ไม่มีดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ในจักรวาลเลยแม้แต่ดวงเดียว “ธาตุ” หรือ “ธรรม” นี้ก็มีอยู่ก่อนนานแล้วเป็นเวลานานนับกาลเวลาไม่ได้ โดยทั่วไปเมื่อ “ธรรม” เหล่านี้ดำรงอยู่ในจักรวาล มันจะอยู่ในสภาพของนามธรรม ต่อเมื่อมีเงื่อนไขและจังหวะธรรมชาติที่เหมาะสม นามธรรมแต่ละประเภทก็จะกลายเป็นรูปธรรมได้ นามธรรมเหล่านี้ไม่มีชื่อ แต่การบัญญัติชื่อนั้นบัญญัติตามหลังรูปธรรมที่เราพบเห็นและตั้งชื่อแล้ว เช่น ดาวเคราะห์ ซึ่งหากย้อนกลับไปดู เราจะกลับพบว่าชื่อดาวเคราะห์นั่นเองที่มักบัญญัติตามนามของเทพเทวดาในเทววิทยาของอารยธรรมโบราณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ชื่อเหล่านี้มีที่มาจากนามธรรมมาก่อน แต่เพราะความไม่เข้าใจเรื่องนี้ จึงทำให้คนรุ่นหลังอย่างเราเข้าใจผิดคิดว่า ดาวเคราะห์นั้นเองเป็นบ่อเกิดที่มาของนามธรรมชื่อเดียวกัน

สิ่งที่สำคัญควรจะต้องทราบมีอยู่ว่า นามธรรมนั้นมีอยู่มากมายทั่วจักรวาลหรือเอกภพนี้จนอาจจะนับไม่ได้ ที่เราเอามาศึกษาหรือใช้ในโหราศาสตร์เป็นเพียงส่วนน้อยนิดเดียวเท่านั้น เพียง 7 – 8 อย่าง เหมือนอย่างช่างไม้ที่มีเครื่องมืออุปกรณ์มากมาย แต่มีเพียงไม่กี่อย่างที่นำมาพกติดตัว ดังนั้น นามธรรมที่เราเอามาใช้นั้น จึงจำเป็นต้องตีความหมายอื่นๆที่พอใกล้เคียงอนุโลมรวมเข้าในชื่อธาตุหนึ่งๆ ทำให้ความหมายธาตุมันกว้างขวางออกไป การที่เรานำนามธรรมมาใช้ได้น้อยก็เพราะว่า นามธรรมจำนวนมากไม่ได้มีจังหวะธาตุประจวบเหมาะพอที่จะสอดคล้องกับธรรมชาติของสุริยจักรวาลและโลกที่เราอยู่ จึงกลายเป็นธาตุแฝง ส่วนที่แสดงเด่นมีเป็นส่วนน้อย

ธาตุแต่ละชนิดในเอกภพจะมีธรรมชาติไม่เหมือนกัน ธาตุที่สำคัญอันดับแรก ก็คือ พฤหัส พฤหัสมีธรรมชาติที่ขยายตัวออกไป ดังนั้น เราจึงมักทำนายพฤหัสว่าหมายถึง ความเจริญ แต่การตีความเช่นนี้ไม่ถูกต้องเพราะเป็นการลำเอียงไปในทางดีและน่าพอใจ เนื่องจากธาตุที่เป็นเครื่องมือพื้นฐานของธรรมชาตินั้นเป็นกลาง เหมือนอย่างมีดพร้า ที่อาจจะเป็นโทษหรือเป็นประโยชน์ได้ทั้งสองทางสุดแต่นำมันมาใช้ทางใด ดังนั้น หากพฤหัสเข้าร่วมพัฒนาในสิ่งไม่ดี เช่น โรคภัย เนื้องอก ความหยิ่ง ความโลภ หรือ ความเลว ก็จะขยายตัวกลายเป็นโทษและมีความไม่ดีตามสิ่งนั้นๆไปด้วย นี่เป็นอุทาหรณ์ในการพิจารณาธาตุทุกอย่าง จะต้องพิจารณา “หน้าที่” ตามธรรมชาติของธาตุมากกว่าจะจดจำที่ภาพลักษณ์ ที่ทำให้เกิดความลำเอียงในการพิจารณาทั้งดาวเดิมและดาวจร และการทำนายนั้นต้องมีเหตุผลของมันตามธรรมชาติ ไม่ใช่การทำนายแบบสำเร็จรูป

ธาตุที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ เสาร์ เสาร์มีธรรมชาติที่ลดขนาดบีบตัวควบแน่นมั่นคง แต่ก็เป็นกลางๆในฐานะเครื่องมือพื้นฐานในธรรมชาติ การที่เสาร์บีบตัวลงนั้น ทำให้เกิดความมั่นคงได้ เพราะอะไรที่มัดรัดแน่นไม่กลวงเป็นโพรง ก็จะมีความแข็งแกร่ง ทนทาน ตามไปด้วย แต่การที่เสาร์จะให้โทษ หรือ ให้คุณก็เกิดจากการทำหน้าที่ของมันในแต่ละสถานการณ์เช่นกัน เช่น หากเสาร์เป็นธาตุที่เจือปนอยู่ในโครงสร้างที่ต้องรับภาระ (load) เช่น สิ่งก่อสร้าง ก็จะทำให้อยู่คงทนได้ เสาร์มักจะให้ความแข็งแกร่งเพราะคุณสมบัติของมันข้อนี้ ทำให้ผู้ที่มีเสาร์เด่นดีจะมีความอดทน สิ่งที่ได้คุณจากเสาร์ก็จะมั่นคงไม่ผันแปรง่าย แต่เสาร์ก็สามารถให้โทษได้ในที่ๆซึ่งไม่ต้องการให้มั่นคงอยู่กับที่ เช่น ติดคุกตะราง ยศตำแหน่งความก้าวหน้า หรือ งานที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง

เสาร์ มักจะให้โทษทุกข์แก่พวกนามธรรมเช่นพวกจินตนาการ จิตใจ ศิลปะ หรือ ดนตรี เช่น จันทร์ หรือ ศุกร์ จึงเป็นสิ่งที่ฝืนกันเหมือนศัตรูตามธรรมชาติ เพราะนามธรรมที่เกิดจากจิตใจอารมณ์ความรู้สึกนั้น มีธรรมชาติต้องการความฟุ้งไปไม่อยู่นิ่งกับที่ หากมีอิทธิพลของเสาร์เจือปนอยู่ก็จะเกิดการบีบรัด ฝืนความต้องการของจิตใจ จนกลายเป็นนิสัยเจ้าทุกข์ แต่ทางกลับกัน หากจิตใจที่ต้องการสงบ สมาธิ รวมลงเป็นหนึ่ง จึงใช้จะประโยชน์จากเสาร์ได้ดีมาก หากมีปัญญาความเพียรดี มักจะเป็นผู้ทำภาวนาได้ผลดีในทางสมาธิวิปัสสนา จิตไม่ฟุ้งกระจายแส่ส่าย เพราะเสาร์นั่นเองควบคุมธาตุของใจและอารมณ์ให้รวมลงได้แข็งแกร่งและมีกำลังมาก

ธรรมชาติของ พฤหัส และ เสาร์นี้ จึงเป็นเครื่องมือใหญ่ในการควบคุมธรรมชาติเอง โบราณจึงถือเป็นประธานศุภเคราะห์และประธานบาปเคราะห์ เมื่อมีการขยายตัวแล้วก็บีบกลับเล็กลงแล้วขยายใหม่ ธรรมชาติโดยรอบจะเกิดขัดแย้งปั่นป่วนจากการขยายและหดตัวของธาตุทั้งสองซึ่งกินเวลายาวนาน จนถึงกับถือว่าเป็นยุคหนึ่งๆ ทั้งพฤหัส และเสาร์เป็นธาตุที่มีอยู่ในทุกสิ่งในธรรมชาติ จึงเป็นสิ่งที่ควบคุมธรรมชาติในทุกอณูของสรรพสิ่งด้วย เหตุที่กำหนดให้มันเป็นประธานของพระเคราะห์ เพราะมีนามธรรมที่แบ่งได้เป็นสองพวก ซึ่งมีธรรมชาติลักษณาการส่งเสริมการสร้างขยายและหดตัวของจักรวาล ทำให้เกิดสมดุลนั่นเอง ไม่ใช่เป็นประธานฝ่ายความดี และความชั่ว อย่างที่สอนกันมาผิดๆ

ธาตุที่สำคัญอย่างต่อมา คือ อาทิตย์ ซึ่งมีธรรมชาติรวมศูนย์ลงเป็นหนึ่งเดียว อาทิตย์นั้นต่างจากเสาร์ แต่ลักษณะคล้ายกันคือ รวบรวมเอาทั้งสิ่งที่แตกต่างหรือ เหมือนกันก็ตามรวมเข้าหาเป็นหนึ่งเดียวเสมอ ดังนั้น อาทิตย์จึงมีพลังงานสูงมาก และกลายเป็นสิ่งที่เป็นเอกอันเดียว เราจึงมักทำนายอาทิตย์ว่าเป็นเอก เป็นใหญ่ เป็นเลิศ เป็นหัวหน้า เป็นอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของชนหมู่มากเช่น พระราชา นอกจากนั้น อาทิตย์ยังเป็นที่มาของ “ชีวิต” และยังหล่อเลี้ยงชีวิตด้วย นักโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ จึงถือว่าอาทิตย์คือผู้ให้ชีวิต บางศาสนาที่สร้างอวัยวะเพศชาย หมายถึง อาทิตย์ เป็นรูปเคารพ จึงหมายถึง ผู้ที่สร้างชีวิต หรือ รวบรวมสรรพสิ่งไว้ในชีวิต ไม่ใช่เครื่องหมายทางเพศและกามารมณ์

ธาตุที่เป็นคู่ตรงกันข้ามก็คือ จันทร์ เนื่องจากจันทร์ทำสิ่งเดียวให้กลายเป็นหลายอย่าง ยิ่งธาตุจันทร์อยู่นานเท่าไร จำนวนก็จะเพิ่มปริมาณขึ้น เราจึงมักทำนายจันทร์ว่าเป็นประชาชน หรือ คนหมู่มาก ปลาฝูงใหญ่ๆ หรือสิ่งที่เป็นปริมาณมาก เช่น สายน้ำ แม่น้ำลำคลอง ที่น้ำแต่ละหยดไหลมารวมกัน หากจันทร์เป็นทรัพย์สมบัติก็จะทวีคูณขึ้นอย่างมีปริมาณและคุณภาพ จันทร์ จึงมีลักษณะขยายตัวกว้างออกไป เหมือนอารมณ์และจิตใจที่ไม่มีขอบเขตลิมิต การที่จันทร์เพิ่มจำนวนสรรพสิ่งได้นี่เอง นักปรัชญาและศาสนาโบราณจึงถือจันทร์เป็น “มารดา” และอวัยวะเพศสตรี หรือ สตรีเอง ในความหมายว่าเป็นผู้แพร่พันธ์ ความหมายนี่ยังติดมาแรงในดวงโลกด้วย

อยากให้สังเกตตรงนี้ว่า ลักษณาการตามธรรมชาติการหดตัวรวมศูนย์ ของ อาทิตย์ กับเสาร์ และการขยายตัวออกของ จันทร์ กับ พฤหัส นั้นเป็นลักษณะคล้ายกัน เหมือนกับที่มันทำงานเป็นคู่ธาตุ ในมหาทักษา แต่นี่ยังอยู่ในกรอบของจักรวาลใหญ่อยู่

ธาตุอีกธาตุหนึ่งที่จะกล่าวถึง คือ อังคาร ซึ่งมีธรรมชาติดูดซับเอาพลังงานเอาไว้แล้วปลดปล่อยออกไป เพราะคุณสมบัติข้อนี้จึงทำให้อังคารเป็นธาตุที่เป็น “ตัวทำงาน” ที่สำคัญ ทั้งในดวงเดิมและดวงจร โดยปกติ อังคารนั้นไม่สามารถสร้างพลังเอง แต่ตัวมันจะสะสมพลังงานเอาไว้ทีละเล็กทีละน้อยได้มาจากธรรมชาติรอบตัวและธาตุอื่นๆที่มาสัมพันธ์กับมัน ดังนั้น เมื่อมันมีจังหวะปลดปล่อยออกไปก็จะมีกำลังเหมือนพลังในตัวเอง เรามักพบอังคารในที่ๆยืดหยุ่นได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะมีการสะสมและคายพลังงานออกมาได้เกือบเท่ากัน เช่น เหล็กหรือ โลหะก็จะมีความยืดหดอยู่น้อยๆ นักกีฬาทั้งหลายก็มีพลังงานในกล้ามเนื้อที่สะสมไว้ทั้งจากสารอาหาร และการยืดดึงเหนียวแน่นของเส้นเอ็นที่เกิดจากการฝึกฝนสะสมเอาไว้เป็นเวลานาน อังคารเองจึงไม่ชอบธาตุศุภเคราะห์ที่มักขยายตัว และยังไม่ชอบเสาร์ เพราะความแข็งเกินไปทำให้มันเสียความยืดหยุ่น กลายเป็นเปราะและแตกหักได้

ธาตุพื้นฐานของธรรมชาติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ศุกร์ ศุกร์คือ ความสอดคล้องกลมกลืน และความสำเร็จ เมื่อใดธาตุที่ทำงานอยู่มีธาตุศุกร์อยู่ด้วย จะมีความสอดคล้องกลมกลืนกันได้ ดังนั้น ศุกร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสุริยจักรวาลและสรรพสิ่งที่จะรวมกันโดยไม่แตกทำลายไปเสียก่อน เพราะศุกร์นี่เองที่ทำให้เกิดจังหวะของธาตุที่รูปธรรมสอดคล้องตรงกัน ที่ก่อร่างสร้างขึ้นจากนามธรรม เราจึงพบศุกร์ในพวกดนตรี และศิลปะ ความรัก ความงาม และความสมส่วน เนื่องจากการสอดคล้องกลมกลืนนั้น เป็นความสำเร็จขั้นสุดท้าย จากความแปรปรวนรวนเร เราจึงแปลนามธรรมของศุกร์ว่าเป็น “ความสำเร็จ” ซึ่งหยุดนิ่งสงบด้วยฉันทะความพึงพอใจในธรรม ต่างจากนามธรรมอื่น เช่น พฤหัส จันทร์ พุธ อาทิตย์ เป็นต้น เพราะพวกนี้จะพัฒนาไม่หยุด

ธาตุตัวถัดไปคือ พุธ พุธคือ การส่งผ่าน เคลื่อนที่ หากขาดฟังชั่นนี้ ก็จะทำให้ธาตุทั้งหลายตลอดจนพลังงาน ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างเป็นระเบียบ พูธช่วยให้เกิดการลำเลียงของธาตุ การหดตัวและการขยายตัวของธาตุ ล้วนเป็นไปอย่างเป็นระเบียบสัมฤทธิผล ไม่มีอุปสรรค เราจึงเห็นพุธในพวกคลื่น การแพร่หลาย การส่งผ่าน คำพูดและภาษา รวมทั้ง การเรียนรู้ต่างๆ จะเห็นว่า พุธจะคล้ายพฤหัสในแง่การขยายตัวออกไป แต่พูธนั้นเป็นการขยายแพร่เคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง พุธเพิ่มปริมาณเหมือนจันทร์ ทำให้เป็นคู่มิตรแก่กันได้ดี พุธจูนคลื่นของสรรพสิ่งให้ตรงกันด้วยวิธีเคลื่อนย้ายไปสู่สมดุล มันจึงทำงานคล้ายกับศุกร์ คู่ธาตุของมัน

ธาตุตัวพื้นฐานสุดท้าย คือ ราหู ราหูของจักรวาลใหญ่ไม่ใช่คราส หรือ เงาของโลก แต่เป็นความยึดติดตรึงเหนียวแน่น ทำให้เราเรียกราหูว่า อวิชชา ที่ยึดเอาสิ่งต่างๆมาเป็นอัตตา เพราะราหูมักจะยึดเหนี่ยวสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่เสมอ ขาดไม่ได้ ราหูจึงมีประโยชน์ให้ธาตุยึดติดคุมตัวกันอยู่ได้นาน เช่นธาตุของเสาร์ที่หดตัวรัดแน่น หากมีราหูช่วยยึดติดไว้ก็จะแข็งแรงให้คุณมาก ราหูจึงเป็นภัยศัตรูใหญ่ของพฤหัส จันทร์ และพุธ เพราะการยึดเหนี่ยวของราหูทำให้ธาตุขยายตัวแพร่ไปได้ยาก ราหูทำให้จังหวะของศุกร์สะดุด และอาทิตย์รวมลงไม่ได้สนิท ราหูกับอังคารไปกันได้เพราะอังคารเหนียวแน่นดี ราหูยึดไว้ไม่ให้หลุด แต่ก็ทำให้อังคารเสียความยืดหยุ่นไปได้ด้วย เราจึงมักพบราหูในพวกสิ่งเสพติดและอบายมุข ราหูจึงเป็นศัตรูแรงกับธาตุศุภเคราะห์ทุกอย่าง เพราะมันเหนี่ยวรั้งไม่ให้เกิดการขยายตัวหรือเคลื่อนที่ออกไป

ขอย้ำว่า ธาตุพื้นฐานเหล่านี้ ยังเป็นของธรรมชาติโดยส่วนรวมที่ยังไม่ได้เข้าไปเกี่ยวกับสุริยจักรวาล และโลกเลย เมื่อธาตุเหล่านี้ทำงานอยู่ในจักรวาลและโลก จะถูกคุณสมบัติของระบบทำให้คุณสมบัติทางนามธรรมของมันแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นได้ ธาตุเหล่านี้เป็นนามธรรมที่ทำงานตามธรรมชาติของมัน จึงอาจจะเสริมกับธาตุอื่น หรือ ขัดแย้งกันก็ได้ไปจนกว่าจะไปสู่สมดุล ปฏิกริยาระหว่างธาตุทั้งหลายนี่แหละเป็นสิ่งที่แปรเปลี่ยนมาเป็นคำทำนายจำนวนมากในโหราศาสตร์


วรกุล - 17 มกราคม พ.ศ.2550 05:07น. (IP: 203.107.196.39)

ความคิดเห็นที่ 69
กระทู้นี้ยาวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เรียกขึ้นได้ช้า จึงขอปิดเพื่อขึ้นกระทู้ที่ 22....ครับ..........


วรกุล - 17 มกราคม พ.ศ.2550 05:09น. (IP: 203.107.196.39)