เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

องค์บารมีประจำสังขาร

http://www.saisanya.net/main/

มนุษย์เกิดมามีองค์บารมีคุ้มครองสังขารกันทุกคน จะเป็น องค์เทพ องค์พรหม หรือ สัมภเวสี ก็แล้วแต่กุศลมูลเดิมหรือสัญญาที่ได้ทำเอาไว้ในอดีต เราไม่สามารถที่จะเลือกองค์บารมีประจำสังขารได้

บุคคลใดที่พูดว่าเทพองค์นั้นองค์นี้เสด็จมาประทับในร่างของตนนั้น เป็นการพูดเพื่อยกตนให้สูงขึ้นโดยไม่รู้จริง องค์เทพที่เจ้าตัวได้คุยเอาไว้นั้น แม้แต่ช่วยตัวร่างเองก็ไม่ได้แล้ว จะมีฤทธิ์ช่วยเหลือมนุษย์อื่นได้หรือ?

การเชิญองค์บารมีของตนเองมาประทับร่าง หรือเรียกว่า “การเปิดพระโอษฐ์” ใช่ว่าเมื่อเปิดแล้วจะเป็น “คนทรง” หรือ “ร่างทรง” กันทุกคน

เพราะว่าเทพแต่ละองค์ท่านจะทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน บางองค์ลงมาเพื่อสร้างบารมีโดยการช่วยเหลือมนุษย์ เช่น รักษาโรคภัยไข้เจ็บ เปิดพระโอษฐ์ ไล่ผีปราบมาร ปราบคุณไสย หรือชี้แนะในโชคชะตาราศี

เทพส่วนมากจะลงมาคุ้มครองร่างของตนเองเท่านั้นโดยจะไม่ยอมช่วยเหลือใคร

มีสำนักทรงจำนวนมากที่เทพของตนไม่มีหน้าที่ หรือว่าร่างทรงไม่มี “บารมี”พอที่จะเปิดพระโอษฐ์ได้ แต่จะใช้คำพูดเพื่อที่จะให้พ้นๆ ตัวไปว่า “ยังไม่ถึงเวลา” คือถ้าหากจะพูดว่าตัวเองเปิดไม่ได้ก็จะทำให้คุณค่าของตนเองตกต่ำลง ทำให้ศิษย์เกิดการหลงทางโดยบอกว่าองค์ของศิษย์เป็นเทพองค์ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเชิญท่านลงมาประทับ ท่านจะสื่อสังขารเข้ามาหาภายในจิตเอง อย่างนี้เป็นต้น

ซึ่งจะเป็นการยกย่องศิษย์คนนั้นไปในตัวเพื่อที่จะผูกมัดใจให้ศิษย์คนนั้นให้หลงอยู่กับเจ้าสำนัก จะได้พาญาติสนิทมิตรสหายมาเพื่อหวังลาภสักการะ

องค์บารมีประจำสังขาร ถ้าเปรียบกับพระไตรปิฎก คือคนมีไว้แต่ไม่เปิดอ่าน หรือเปิดอ่านแต่ไม่เข้าใจ หากว่าเข้าใจก็คงไม่ต้องมีพระสงฆ์มาแปลถ่ายทอดอีกถึงแม้ว่าจะได้เรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ตกทอดกันมา ๒๕๔๗ ปีแล้วก็ตาม หากไม่ได้ปฏิบัติตาม ก็คงจะไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านพระไตรปิฎก

องค์บารมีก็เช่นเดียวกัน เมื่อไม่ได้เปิดองค์ลงประทับร่าง ก็มีไว้เพียงคุ้มครองเจ้าของร่างได้บางคนเท่านั้น (ไม่ทุกคน)

หากองค์บารมีคุ้มครองสังขารได้ทุกคน คนเราก็คงจะไม่ประสบกับเคราะห์กรรม เจ็บป่วย ไม่ประสบอุบัติเหตุ ไม่ถูกผีเข้า หรือถูกคุณไสย

และอีกประการหนึ่ง องค์บารมีไม่สามารถป้องกันร่างจากเจ้ากรรมนายเวร จากอดีตชาติตามมาทวงหนี้ในชาตินี้ได้

การเปิดพระโอษฐ์ หรือการเปิดให้พูดภาษาเทพนั้น จะทำให้เทพที่คุ้มครองร่างเราสามารถลงมาประทับร่างเราได้ บางคนได้สร้างสมบารมีไว้ในอดีตชาติมามาก มีกุศลมูลเดิมมาก เมื่อเปิดแล้วจะพูดภาษาได้คล่องแคล่วภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่นานก็จะสามารถสื่อกับองค์ในเป็นภาษามนุษย์ได้

คนที่ไม่ได้มีบารมีมาตั้งแต่อดีตชาติ และในชาตินี้ไม่ได้สร้างตนโดยการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิกรรมฐาน ก็จะเปิดให้พูดภาษาเทพได้ยาก(ต้องทำพิธีหลายครั้ง)

ส่วนมากองค์เหล่านี้จะลงมาเพื่อคุ้มครองร่างเท่านั้น บางคนเปิดออกมาแทนที่จะเป็นองค์สังขารบารมี กลับกลายเป็นวิญญาณแฝงเข้ามา อาจจะเป็นวิญญาณทั่วไปหรือเป็นวิญญาณของเจ้ากรรมนายเวรก็ได้

ศิษย์ที่อาจารย์เปิดปากให้พูดภาษาเทพได้ โดยมาก “พูดภาษาเทพได้ แต่ว่าฟังไม่รู้เรื่อง” อยากแปลภาษาเทพได้

เทพเทวดานั้น มนุษย์จะสื่อกับท่านได้รู้เรื่อง จะต้อง

๑.

เป็นผู้ที่มีจิตใจสะอาดพอสมควร

๒.

มีบารมีสะสมมาจากอดีตชาติ

๓.

ศรัทธาในองค์บารมีประจำสังขารของตนเอง

๔.

ปฏิบัติตน สร้างบารมีเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม

หากไม่ปฏิบัติตน ในที่สุดก็จะห่างเหินจากองค์บารมีของตนเอง แล้วจะพูดภาษาเทพไม่ได้อีกเลย และในที่สุดก็จะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากองค์บารมี


ทิพยโลก - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 124.120.55.143)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
ทางพุทธสอนว่า เมื่อเทพองค์ใดหมดอายุขัยจากสวรรค์และจะจุติลงมายังโลกมนุษย์ เหล่าเทพทั้งหลายจะแสดงความยินดีกับเทพองค์นั้น เพราะว่าภพมนุษย์เป็นภพเดียวที่เอื้ออำนวยให้สามารถพัฒนาตนเองไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ เทพในสวรรค์เสียอีกที่ไม่สามารถประพฤติปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมได้เพราะหลงมัวเมาในโลกียสุข คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้เฉพาะเมื่อกำเนิดเป็นมนุษย์เท่านั้น

เพราะฉะนั้น พวกเราชาวพุทธ เมื่อกำเนิดเป็นมนุษย์แล้วในชาตินี้ก็จงภูมิใจและเร่งพัฒนาตนเองโดยเฉพาะทางจิตใจให้เจริญก้าวหน้าโดยเร็ว ไม่จำเป็นต้องไปหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกอื่นใด ขอเพียงยึดมั่นในพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เขมาเขมสรณทีปิกาคาถา

มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมาก อันภัยคุกคามแล้ว ย่อมถึงภูเขาทั้งหลายบ้าง ป่าทั้งหลายบ้าง อารามและต้นไม้ที่เป็นเจดีย์ทั้งหลายบ้าง ว่าเป็นสรณะ

นั่นแลมิใช่สรณะอันเกษม นั่นมิใช่สรณะอันอุดม

เขาอาศัยอันนั้นเป็นสรณะแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

ส่วนผู้ใดถึงพระพุทธเจ้าด้วย พระธรรมด้วย พระสงฆ์ด้วย ว่าเป็นสรณะแล้ว

มาเห็นอริยสัจทั้ง ๔ ด้วยปัญญาอันชอบ คือ ทุกข์ และตัณหา เป็นแดนเกิดขึ้นพร้อมแห่งทุกข์ (คือสมุทัย) และความก้าวล่วงทุกข์ (คือนิโรธ) และมรรค์มีองค์ ๘ อันไปจากข้าศึกให้ถึงพระนิพพาน เป็นที่เข้าไประงับทุกข์

นี่แหละเป็นสรณะอันเกษม นี่เป็นสรณะอันอุดม

เขาอาศัยอันนี้เป็นสรณะแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ดังนี้แล.


pallas - 19 กันยายน พ.ศ.2549 00:41น. (IP: 202.57.178.235)

ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเราไม่รู้ว่าองค์ใหนประจำเรา...เราควรปฎิบัติอย่างไร..ในเมื่อมีคนทักว่ามีองค์...เพราะเราได้มรดกตกทอดมาจากตา...ตาเป็นครูยกศาลเเละสัปประเหรอ


eannaporn wansri - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 09:38น. (IP: 115.67.135.146)

ความคิดเห็นที่ 3
อยากทราบเกี่ยวกับคาถาเชิญเทพลงมาประทับร่าง


์๊nui (nuisasiton-at-gmail-dot-com) - 28 มกราคม พ.ศ.2558 13:58น. (IP: 202.44.135.242)

ความคิดเห็นที่ 4
องค์เทพหลักๆคืออยากให้เราทำสิ่งที่ดีเชื่อเรื่องบาปบุญให้เรามีสติ ถ้ารู้ว่ามีองค์ก็ยิ่งควรหมั่นทำบุญทำสมาธิสำนึกผิดสิ่งที่เคยทำแล้วไม่กลับไปทำอีก ใช้ชีวิตอย่างมีสติแต่องค์เทพบางองค์ก็ให้พรให้พ้นอุปสรรคและให้โชคลาภแล้วแต่องค์ท่าน จะขอให้ท่านช่วยต้องมีสติมีศีลธรรม เชื่อหลักคำสอนที่ดีอาจจะไม่ใช่ศาสนาพุทอาจเป็นคริสเอาว่าที่ดีอะได้หมดอยุ่ที่ใจนะ เชื่อเรื่องเวรกรรม เพราะสมัยนี้คนทำชั่วได้ดีมีเย่อะคนเลยไม่สนใจว่าจะได้มาดีหรือทุจริต


sky mbraze - 19 มิถุนายน พ.ศ.2560 01:01น. (IP: 1.46.238.59)

ความคิดเห็นที่ 5
ที่พูดมาใช่ค่ะต้องหมั่นทำความดีค่ะต้องหมั่นบวชชีพรามรักษาศิลอยู่เป็นประจำต้องทำบุญทำทานหมั่นใส่บาตรพระหมั่นสวดมนต์ทำสมาธิค่ะ


ฐิติรัตน์ แก้วกัลยา (thitirat766-at-hotmail-dot-com) - 12 กันยายน พ.ศ.2560 13:21น. (IP: 1.47.100.49)