เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

กระทู้นี้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาโหราศาสตร์ หรือผู้ที่ได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นได้ถามไถ่ 1



กระทู้นี้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาโหราศาสตร์ หรือผู้ที่ได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นได้ถามไถ่

เรียนท่านผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ทุกท่าน

กระทู้ที่ผมตั้งขึ้นนี้เพื่อไขข้อข้องใจให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทย (ดวงอีแปะ) ทั้งท่านที่กำลังจะศึกษา หรือท่านที่ได้ศึกษาอยู่ เพื่อมิให้ท่านต้องหลงทาง คำถามใดที่สามารถตอบได้ก็จะตอบ หากคำถามใดไม่สามารถตอบได้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะจนใจเนื่องจากครูบาอาจารย์สั่งไว้ อ้อ! ลืมบอกไปว่าผมจะเข้ามาใน web นี้ทุกวัน และคำตอบของท่านใดที่ตอบไม่ทันก็ต้องขออภัยด้วย

จาก: การเวก (กรวิก) [14 jul 2004 13:10]ผู้ดู [1508]ผู้ตอบ[175] ลบ

ความคิดเห็นที่ 1โดย คุณ 1235 นิทานชาติเวร

14 jul 2004 17:49#600330ลบ

อยากสอบถามคำที่ว่า

"จันทร์ล่าราหู ราหูล่าจันทร์"

ทั้ง 2 ประโยคที่กล่าวมา ตำแหน่งของทั้ง 2 ดาว มันจะอยู่ในรูปแบบใหน บางท่านบอกว่าให้นับราหูทวนจักร บางท่านไม่นับราหูทวนจักร

สมมุติแล้วกัน ให้ราหูอยู่เมษ (คงที่) จันทร์จะอยู่ตรงใหน ?

แล้วมีความหมายอย่างไร

ความคิดเห็นที่ 2โดย คุณ การเวก(กรวิก)

15 jul 2004 10:15#600968ลบ

เรียน คุณ 1235 นิทานชาติเวร

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า "จันทร์ล่าราหู

ราหูล่าจันทร์" นี้เป็นประโยคในคำกลอนเกี่ยวกับดวง

ภิณทุบาทย์ ซึ่งมีคำโคลงดังนี้

"เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้ว อสุรา

ภุมเมนท์อัษฎา ว่าไว้

จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่ ราหูเล่า

อาภัพอัปภาคย์ให้ โทษแท้ประเหินหิน"

คราวนี้เรามาว่ากันเกี่ยวกับ "จันทร์ล่าราหู ราหูล่าจันทร์" ในวิชาโหราศาสตร์ไทยเราการเคลื่อนย้ายราศีของดาวมี 2 ประเภทคือ

-อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ มฤตย์ จะเคลื่อนย้ายราศีในลักษณะทวนเข็มนาฬิกา (จากขวามาซ้าย)

-ราหู และเกตุ จะเคลื่อนย้ายราศีในลักษณะตามเข็มนาฬิกา (จากซ้ายมาขวา)

ตามตำแหน่งที่คุณว่า ให้นับจากราศีเมษมา 3 ราศี

ทวนเข็มนาฬิกา ดาวจันทร์จะอยู่ในราศีเมถุน เมื่อดาวจันทร์อยู่ในตำแหน่งนี้เรียกว่า "จันทร์ล่าราหู"

และเมื่อนับจากราศีเมษไป 11 ราศี ทวนเข็มนาฬิกา

ดาวจันทร์จะอยู่ในตำแหน่งที่ ราศีกุมภ์ ตำแหน่งนี้เรียกว่า "ราหูล่าจันทร์"

เดี๋ยวผมจะเข้ามาใหม่

ความคิดเห็นที่ 3โดย คุณ การเวก (กรวิก)

15 jul 2004 10:24#600977ลบ

เรียน คุณ 1235 นิทานชาติเวร

(ต่อ) เมื่อดาวจันทร์ล่าราหู ราหูก็จะให้ร้ายแก่ชะตากล่าวคือ เจ้าชะตาจะเป็นคนหูเบา ขี้สงสารคน เชื่อคนง่าย งมงายฯลฯ

เมื่อราหูล่าจันทร์ จันทร์ก็จะให้ร้ายแก่เจ้าชะตาในลักษณะเกี่ยวกับความหมายของจันทร์ คือพยายามที่จะทำตัวเอง (เฉพาะสุภาพสตรี) ให้อยู่เป็นเมียน้อยอะไรทำนองนี้

คำอธิบายดังกล่าวค่อนข้างสั้น และคำอธิบายนี้หากจะดูให้ละเอียดให้ไปซื้อหนังสือเรื่อง "เคล็ดลับการพยากรณ์" แต่งโดย ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร

(ปัจจุบันหาซื้อค่อนข้างยาก หากท่านทั้งหลายอยากได้ก็ต้องไปที่วัดราชนัดดา ให้ไปในวันไหว้ครู จะมีตำราดังกล่าวจำหน่าย)

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 4โดย คุณ นร.

16 jul 2004 11:56#602091ลบ

คือ ผมอยากทราบว่าจะรวยเมื่อไหร่ มีเกณฑ์ดูอย่างไรครับ

ความคิดเห็นที่ 5โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 jul 2004 12:47#602162ลบ

เรียนคุณ นร.

ในการดูโหราศาสตร์หากจะดูว่ารวยเมื่อไรนั้นค่อนข้างดูลำบากสำหรับคนที่ไม่มีดาวส่งเสริม คนที่รวย ๆ

อยู่ในปัจจุบันนี้โดยส่วนใหญ่ดวงดาวจะให้คุณเช่น

มี ดาวเกษตร หรือ ดาวมหาอุจน์ หรือดาวราชาโชค

หรือดาวมหาจักร อย่างน้อย 3 ดวง และต้องอยู่ในเรือนดีเช่น เรือนกดุมภะ เรือนปุตตะ เรือนสหัชชะ

เรือนปัตตนิ เรือนศุภะ เรือนกัมมะ และเรือนลาภะ

หากคุณไม่เชื่อก็ดูในดวงตัวอย่างทั่ว ๆ ไปที่เห็นในหนังสือ เช่น ดวงคุณชาตรี โสภณพานิช หรือดวงคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

ผมเข้าใจว่าคุณคงอยากจะถามว่าเมื่อไรจะมีโชค ในกรณีนี้ผมมีข้อจำกัดให้ดูดังนี้

- พื้นดวงดาวดี ปีจรดี ดีเยี่ยม

- พื้นดวงดาวดี ปีจรเสีย เสียเพียงกึ่งหนึ่ง

- พื้นดวงดาวเสีย ปีจรดี ดีเพียงกึ่งหนึ่ง

- พื้นดวงดาวเสีย ปีจรเสีย เสียหนัก

อนึ่ง ในกรณีของคนที่จะมีฐานะดี ให้ดูที่ 3 ราศี หมายถึงสามารถมีทรัพย์สิน มีฐานะ

-ราศีที่1 ภพตนุ

-ราศีที่2 ภพกดุมภะ

-ราศีที่3 ภพลาภาะ

ในกรณีนี้ ต้องเป็นวงจรมหาเกษตร กล่าวคือ ดาวเจ้าเรือนภพตนุไปอยู่เรือนกดุมภะ ดาวเจ้าเรือนกดุมภะไป

อยู่เรือนลาภะ และดาวเจ้าเรือนลาภะไปอยู่ภพตนุ

ความหมายก็คือ เจ้าชะตาวิ่งไปหาเงิน มีความสามารถในการหารายได้ และรายได้ดังกล่าวงอกเงยขึ้นมา (ลาภะ) และเมื่องอกเงยขึ้นมาก็มาสู่เจ้าชะตาเก็บสะสม จะเป็นลักษณะนี้อยู่ตลอดไป

คำตอบนี้หวังว่าคงสามารถทำให้คุณได้เข้าใจและนำไปเปรียบเทียบได้ อ้อลืมไป ในกรณีที่จะดูได้อีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้ดูในมหาทักษาจรด้วย เกี่ยวกับศรี และกาลี ปีใดมีเกณฑ์หากจรตกศรี และดาวมีตำแหน่งมาตรฐานด้วย ปีนั้นคุณมีเกณฑ์ได้ทรัพย์สินเพิ่มเติมหรือรวยขึ้น แต่ปีใดหากดาวกาลีเด่นในปีจร โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ปีนั้นคุณต้องระวังไว้ด้วยอาจจะจนลง และโดยเฉพาะถ้าหากไปเจอดาวราหูค้นทรัพย์ด้วยแล้ว แย่เลย

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 6โดย คุณ นร.

16 jul 2004 13:05#602181ลบ

แล้วเกณฑ์การแต่งงานละครับ จะทราบได้อย่างไร ว่าจะพบเนื้อคู่เมื่อไหร่ แต่งงานปีไหน มีหลักเกณฑ์ อย่างไรครับ

ความคิดเห็นที่ 7โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 jul 2004 15:59#602333ลบ

เรียน คุณนร.

ความจริงแล้วกระทู้นี้ว่าจะให้สำหรับผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์เบื้องต้นได้ถามไถ่ เมื่อคุณถามมาก็จะตอบให้แต่อาจจะตอบไม่หมดเพราะคงต้องรอให้ผู้เรียนโหราศาสตร์เบื้องต้นได้เรียนต่อก่อน เพราะการจะตอบไปแล้วหาตำราอ่านไม่ได้ หรือไม่มีผู้สอนก็จะทำให้สับสน วิธีที่ดูง่าย ๆ ในเบื้องต้นก็คือ.-

- ดาวตนุลัคน์ถึงดาวเจ้าเรือนปัตตนิ

-ดาวเจ้าเรือนปัตตนิถึงดาวตนุลัคน์

ส่วนที่ดูง่าย ๆ อีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งมีอธิบายในหนังสือเรื่องเคล็ดลับการพยากรณ์ของท่านอาจารย์

มหาบรรเทา ก็คือ เมื่อใดก็ตามแต่ที่ดาวราหูถึงดาวตนุลัคน์ เมื่อนั้นเจ้าชะตาที่ยังเป็นโสดก็มีความรู้สึกอยากมีคู่และก็มีคู่ด้วย แต่จะแต่งหรือไม่ต้องดูให้ละเอียดว่า

เป็นดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล หรืออยู่ในราศีที่ให้คุณให้โทษอย่างไร ผมคงจะอธิบายได้เท่านี้เพราะถ้าอธิบายไปมากทางผู้ศึกษาโหราศาสตร์เบื้องต้นจะสับสน เพียงจำแค่นี้ก่อนก็นับว่าทำนายได้แม่นแล้ว

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 8โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 jul 2004 16:01#602335ลบ

เรียน คุณ นร.

(ต่อ) ที่ว่าดาวราหูถึงดาวตนุลัคน์นั้น หากถึงลัคนาก็นับด้วย

หมดแล้วครับ

ความคิดเห็นที่ 9โดย คุณ นร.

20 jul 2004 11:58#605930ลบ

ศุกร์เจ็ด อาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันด์.....

กับ ศุกร์สิบสองปองร้ายแรงร้อน......

ช่วยอธิบายด้วยครับ ว่าแรงร้อนอย่างไร และ ร้ายแรงร้อนอย่างไร

ความคิดเห็นที่ 10โดย คุณ กิ๊ก

20 jul 2004 12:56#605974ลบ

ดิฉันได้ศึกษาไพ่ยิบซี มาประมาณระยะหนึ่งแล้ว บอกตรงๆว่าอ่านไพ่พอเข้าใจแต่บางอย่างยังจำไม่ค่อยได้ (เนื่องจากมีงานทำประจำ จึงใช้เวลาว่างเล็กน้อย) และยังไม่สามารถโยงเรื่องราวของไพ่ได้ อยากจะขอคำแนะนำและเทคนิคพิเศษให้ด้วยค่ะ (ดิฉันศึกษาด้วยตัวเอง)

ความคิดเห็นที่ 11โดย คุณ การเวก (กรวิก)

20 jul 2004 13:04#605980ลบ

เรียน คุณ นร.

ความจริงแล้วตามที่คุณถามมานั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เรียนโหราศาสตร์เบื้องต้นจบแล้ว และกำลังจะเรียนโหราศาสตร์ชั้นสูงต่อไป แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ผมตั้งใจไว้ว่าจะตอบในกระทู้นี้เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับท่านผู้ที่จะศึกษา และกำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยอยู่ ดังนั้นผมจะขออธิบายเป็นข้อ ๆ ดังนี้ ซึ่งบางทีอาจจะไม่ถูกใจเพราะคงจะไม่ละเอียดพอ แต่เพื่อให้ท่านที่กำลังศึกษาอยู่ได้ฝึกฝนไปด้วย กล่าวคือ

1. ศุกร์เจ็ด อาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันด์ เป็นดวงพินทุบาทย์เกณ แต่ต้องมีคุณลักษณะนี้ประกอบด้วย หากดวงชะตาใดมีศุกร์เป็นเจ็ด บุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่เกิดวันศุกร์ด้วย ถ้าเกิดวันอื่นถือว่าไม่เข้าเกณฑ์

ข้อนี้เป็นข้อสำคัญ เพราะบางคนพอเห็นศุกร์เป็นเจ็ด แต่ยังไม่ทันดูเลยว่าเจ้าชะตาผู้มาให้ทำนายเกิดวันศุกร์หรือเปล่า ก็จะว่าเป็นพินทุบาทย์ไปซะทุกราย อย่าลืมน๊ะครับต้องเกิดวันศุกร์ตรงกับเกณฑ์เท่านั้น

ตอนนี้จะมาดูว่าร้อนนิรันดร์อย่างไร ในเบื้องต้นดาวศุกร์ก็จะหมายถึงความรัก ความมั่งมี ความสุขสดชื่น

หรืออาจจะหมายถึงเกี่ยวกับเงินทองก็ได้ เหล่านี้ก็ได้ความหมายหนึ่ง อีกความหมายหนึ่งต้องดูว่าศุกร์เป็นเจ้าเรือนอะไร ก็จะมีความหมายนั้นพ่วงเข้าไปด้วย เช่น ถ้าศุกร์เป็นเจ้าเรือนพันธุก็จะหมายถึงครอบครัว

ถ้าศุกร์เป็นสหัสชะก็จะหมายถึงญาตพี่น้องก็ได้ หรือเพื่อนฝูงก็ได้ ฯลฯ อธิบายมาเพียงเท่านี้หวังว่าท่านที่กำลังศึกษาอยู่คงจะต้องค้นคว้าต่อไปว่าเป็นจริงหรือไม่ โดยดูดวงคนอื่นแล้วจดไว้เป็นสถิติ

2. สำหรับศุกร์สิบสองปองร้ายแรงร้อน ก็เช่นกัน ภพสิบสองหมายถึงวินาศน์ ดังนั้นความรักของคนเราเมื่อวินาศน์แล้วมันจะไปเหลืออะไร แต่ก็ต้องมองดูที่มาที่ไปของศุกร์ด้วย ว่าเป็นเจ้าเรือนภพอะไร ก็จะหมายถึงอย่างนั้นมันวินาศน์ รวมกับความหมายของดาวศุกร์ด้วย

ผมหวังว่าคำตอบของผมคงจะเป็นคุณประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามาท่อง web รวมทั้งผู้ที่กำลังศึกษาโหราศาสตร์เบื้องต้นอยู่ด้วย สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 12โดย คุณ นร.

20 jul 2004 13:17#605999ลบ

อยากทราบเกณฆ์พิเศษ เช่น

เสาร์ 3 และ 10

พฤหัส 5 และ 9

และดาวดวงอื่น มีเกณฑ์ อย่างไรครับ

ความคิดเห็นที่ 13โดย คุณ การเวก (กรวิก)

21 jul 2004 08:26#607025ลบ

เรียนคุณกิ๊ก

ความจริงกระทู้นี้ผมตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้ที่จะศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้น (ดวงอีแปะ) หรือผู้ที่กำลังศึ่กษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นอยู่ได้สอบถามข้อข้องใจ แต่รายของคุณถามมาเกี่ยวกับเรื่องของไพ่ยิปซี หรือ ไพ่ทาโร่ ซึ่งไม่ตรงกับกระทู้ แต่เพื่อมิให้คุณต้องรอคอยผมจะไขข้อข้องใจให้เพียงคร่าว ๆ เป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. ไพ่ยิปซี(tarot) มีไพ่ทั้งหมด 78 ใบ แบ่งออกได้ดังนี้

-ไพ่ใหญ่ 22 ใบ(บนไพ่จะมีตัวเลขโรมันอยู่)

-ไพ่บุคคลมี 4 กลุ่ม ๆ ละ 4 ใบ รวม 16 ใบ(จะเป็นไพ่รูป กษัตริย์ ราชินี นักรบ และเด็ก)

-ไพ่เล็ก มี 4 กลุ่ม ๆ ละ 10 ใบ รวม 40 ใบ(เป็นไพ่

ไม้เท้า ดาบ เหรียญ ถ้วย)

2. ความหมายของไพ่แต่ละใบจะมีความหมายของมัน หนังสือที่มีความหมายตามไพ่ที่ดีที่สุดก็ควรจะเป็นหนังสือที่เขียนด้วยผู้ที่นำไพ่ยิบซีเข้ามาเผยแพร่ ได้แก่ คุณขุนทอง

3. คุณควรอ่านความหมายของไพ่แต่ละใบรอบหนึ่งก่อน พอรอบที่สองให้ shot note ออกมาถึงความหมายของไพ่แต่ละใบ (เพื่อคุณจะได้เข้าใจได้ ก็คือจำได้นั่นเอง)

4. การวางไพ่ผมเข้าใจว่าวิธีของ คุณขุนทอง ได้แสดงไว้แล้วในหนังสือ คงจะเป็นรูปแบบของ เซลติกครอส

(ไพ่ 10 ) และมีความหมายของแต่ละส่วน ว่าส่วนไหนหมายถึงอะไร อายุเท่าไร วิธ๊การวางไพ่จะมีความสัมพันธ์กัน ในส่วนนี้คุณควรอ่านให้เข้าใจและต้องจำด้วย

5. ในเบื้องต้นคุณควรจะปฏิบัติตามข้อ 1-4 ให้เรียบร้อยก่อน เมื่อคุณสามารถจำวิธีการ ความหมายของไพ่ได้คร่าว ๆ แล้ว คราวนี้จะว่าถึงรายละเอียด กล่าวคือ

การตีความหมายของไพ่ยิบซีนี้ คุณควรจะเป็นผู้ที่สังเกตุรูปในไพ่ให้ละเอียดละออ ว่าเป็นรูปอะไร มีส่วนประกอบอะไรในรูปบ้าง เพราะในรูปไพ่ยิบซี 1 ใบ สามารถตีความหมายได้จากส่วนประกอบทั้งหมด เช่น รูปมาจิเชี่ยน (นักมายากล) รูปนี้หมายถึงคนผู้นี้มีความรอบรู้ในศาสตร์ทุกเรื่อง ไม่ว่าคุณจะถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ตาม ดูตำแหน่งที่วางว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร และตำแหน่งดังกล่าวมีความหมายถึงอะไร

ฯลฯ ไพ่ทุกใบก็จะมีความหมายของมันเองในลักษณะนี้

ความหมายของไพ่อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไพ่ใบนั้นเป็นหมายเลขที่เท่าใด มีดาบกี่เล่ม มีถ้วยกี่ใบ มีเหรียญกี่เหรียญ ความหมายของการกำหนดจำนวนวัน จะอยู่ที่ความหมายที่กล่าวมาข้างต้น ว่ากี่วัน กี่เดือน วันที่เท่าไร ผมขอกล่าวมาเพียงเท่านี้เพื่อเป็นแนวทางให้

คุณได้ทราบน๊ะครับ ข้อต่อไปผมจะให้วิธีการดูอีกแบบหนึ่งให้คุณได้ลองใช้ดู แล้วอย่าลืมจดสถิติไว้ด้วยว่าวิธีดังกล่าวมีความแม่นยำแค่ไหน

6. -การดูรายวันตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรกับเจ้าชะตา ให้ใช้ไพ่หลัก 22 ใบเท่านั้น เมื่อสับไพ่แล้วให้ใช้มือข้างซ้ายตัดไพ่ (การใช้มือตัดไพ่เป็นเสมือนการใช้กระแสจิตของเจ้าชะตาในการตัดไพ่) ให้เจ้าชะตาเลือกไพ่มา 7 ใบ (คุณต้องจำด้วยน๊ะว่าไพ่ใบไหนใบที่ 1 2 3 4 5 6 7 เพราะตำแหน่งไพ่ดังกล่าวจะหมายถึงวัน อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ คำทำนายหรือคำพยากรณ์ก็ว่ากันไพตามความหมายของไพ่

-การวางไพ่ 6 ใบ (ใช้ไพ่รวมทั้งหมด) เมื่อผู้มาดูสับไพ่และใช้มือซ้ายตัดไพ่แล้ว ให้คุณกรีดไพ่แล้วให้ผู้มาดูเลือกมา 6 ใบ เวลาวางไพ่ ข้างบน 3 ใบ ข้างล่าง 3 ใบ ความหมายของไพ่แต่ละใบมีดังนี้

ใบที่1 หมายถึงอดีต

ใบที่ 2 หมายถึงปัจจุบัน

ใบที่ 3 หมายถึงคนรอบข้าง คนใกล้เคียง สังคม

ใบที่ 4 หมายถึงการงาน ภารกิจ การเรียน

ใบที่ 5 หมายถึงผู้ช่วยเหลือ ความสำเร็จที่ได้รับ

ใบที่ 6 หมายถึงอุปสรรค

ในการออกคำทำนายหรือการพยากรณ์ก็ให้ตีไปตามความหมายของไพ่

7. ความหมายของไพ่เล็กมีดังนี้

-ไพ่ไม้เท้า หมายถึงธาตุไพ ความหมายของไพ่ได้แก่ ภาระกิจ หน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ

-ไพ่ดาบ หมายถึงธาตุลม ความหมายของไพ่ได้แก่ อุปสรรค ความยุ่งยาก อารมณ์

-ไพ่เหรียญ หมายถึงธาตุดิน ความหมายของไพ่ เกี่ยวกับเรื่องเงิน รายได้

- ไพ่ถ้วย หมายถึงธาตุน้ำ ความหมายของไพ่ หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ การเลี้ยงฉลอง ความรัก คู่ครอง

เมื่อคุณดูเกี่ยวกับเรื่องอะไร ไม่ว่าไพ่ชนิดใดขึ้นมาก็ให้ตีไปตามความหมายของไพ่ เช่น ถามเรื่องความรัก ปรากฎว่าไพ่ดาบขึ้นมาย่อมหมายถึงอุปสรรค หรือถามเรื่องเงินทอง ได้ไพ่ถ้วยขึ้นมาแสดงถึงจะประสบความสำเร็จแต่ก็ต้องดูด้วยว่าเป็นถ้วยแบบไหนก็ต้องตีความหมายไปตามนั้น

ผมขอจบคำอธิบายไว้เพียงเท่านี้น๊ะครับ เอาเพียงหอมปากหอมคอ และหวังว่าคำอธิบายดังกล่าวจะเป็นคุณประโยชน์แก่คุณและผู้เรียนไพ่ยิบซีทุกท่าน จากอานิสงค์ดังกล่าวผมขออุทิศให้ครูบาอาจารย์ทางด้านโหราศาสตร์ทุกท่าน และผมหวังว่าคุณคงใช้ความรู้ไปในทางสร้างสรรค์ มิใช่สร้างกระแสร์น๊ะครับ

สวัสดี (ผมมีเวลาเข้ามาใน web เพียงเท่านี้)

ความคิดเห็นที่ 14โดย คุณ การเวก (กรวิก)

21 jul 2004 12:57#607477ลบ

เรียนคุณนร.

ในเรื่องเกณฑ์ต่าง ๆ นี้ผมคงต้องรบกวนให้คุณนร.

ตอบให้ด้วยน๊ะครับ ที่ไม่ตอบเนื่องจากว่าไม่ต้องการให้นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ หรือจะศึกษา สับสน

ทั้งนี้เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์หากผู้ที่ไม่มีพื้นฐานแน่นพอแล้วมาเจอเกณฑ์นี้ เกณฑ์โน้นเข้า นานไปจะสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะการกำหนดเกณฑ์ของครูบาอาจารย์มาจากสถิติ รวมทั้งต้องดูทีไปที่มาของดาว ของภพ รวมทั้งตำแหน่งมาตรฐานของดาว

ผมหวังว่าที่อธิบายมาคงไม่ทำให้เคือง หากจะให้อธิบายเกี่ยวกับเกณฑ์ไว้ให้ล่วงไปสักพักผมจะเปิดกระทู้ให้ถามเกี่ยวกับเกณฑ์โดยเฉพาะ

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 15โดย คุณ jazology

21 jul 2004 14:57#607640ลบ

ขอรบกวน อาจารย์ สอบถามเรื่อง ดวงยามอัฐกาล ว่ามีหลักในการดูอย่างไร คล้ายๆกับดวงกาลชะตาหรือเปล่า

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ความคิดเห็นที่ 16โดย คุณ การเวก (กรวิก)

22 jul 2004 08:37#608505ลบ

เรียน คุณjazology

ในเรื่องของดวงยามอัฐกาลนั้นหลักในการดูจะว่าคล้ายก็คล้าย จะว่าไม่คล้ายก็ไม่คล้าย อยู่ที่ผู้ที่ต้องการดู อย่างนี้แล้วกันผมจะพูดถึงรายละเอียดนิดหน่อยเผื่อผู้ที่กำลังเรียนโหราศาสตร์เบื้องต้นจะได้ค้นคว้าไปด้วย

1. ดวงยามอัฐกาล เป็นเรื่องของเวลาถ้าจะให้อธิบายไปคงจะยืดยาวมาก ผมจะแนะนำหนังสือให้เล่มหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องของดวงยามอัฐกาล ได้แก่หนังสือเรื่อง โหรทายหนู หนังสือเล่มนี้แต่งและเรียบเรียงโดย ท่านอาจารย์ประทีป อัครา ถ้าจะหาซื้อมาเก็บไว้เป็นตำราให้ไปที่ร้านขายหนังสือแถวจตุจักร (หมอชิต) เข้าใจว่าจะเป็นร้านแผง 13 ถ้าไม่ใช่ให้ถามคนแถวนั้นดู หนังสือเล่มนี้เหมาะที่ผู้กำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นได้ศึกษา ผมยอมรับว่าท่านอาจารย์ประทีป อัคราเรียบเรียงตำราเล่มนี้ได้ดีมาก ๆ (ผมมิเคยเป็นลูกศิษย์ท่าน อยากจะพบท่านแต่ยังไม่มีโอกาส) เอาละผมจะพูดถึงวิธีการดูดังนี้

-อันดวงยามอัฐกาลเป็นเรื่องของเวลา ดังนั้นการผูกดวงยามอัฐกาลเป็นการผูกดวงขึ้นมาตามกำหนดวิธีของโหราจารย์ จะว่าไปยามอัฐกาลแบ่งเป็น 2 คาบเวลาคือ

ก. ช่วงเวลา 06.00-18.00 เวลาหนึ่ง โดยใช้ยามเวลากลางวัน แต่ละช่วงเวลาของดวงยามจะมีเวลา

1.30 ช.ม. แต่ละราศีจะแบ่งเป็นราศีละ 7.30 นาที

และการผูกดวงยามจะเป็นไปตามวันเช่น วันอาทิตย์ จะเริ่มต้นด้วย สุริยะ ศุกระ พุธะ จันเทา เสารี ครู ภุมมะ สุริยะ (วิธีการผูกมีอธิบายไว้ในหนังสือตำราโหรทายหนู)

ข. ช่วงเวลา18.00-06.00 เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งใช้

ดวงยามกลางคืน เช่นกันแต่ละช่วงเวลาของดวงยาม =

1.30 ช.ม. แต่ละราศีจะแบ่งเป็นราศีละ 7.30 นาที และการผูกดวงยามจะเป็นไปตามวันเช่น วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ สมมุติใช้ดวงยามกลางคืนของวันอาทิตย์ จะเริ่มต้นด้วย ระวิ ชีโว

ศศิ ศุโกร ภุมโร โสโร พุโธ รวิ (วิธีการผูกดวงก็มีอธิบายในหนังสือ โหรทายหนู)

วิธีการดูก็คือ ในช่วงเวลาที่คุณต้องการดูว่าเพื่อนคุณกำลังทำอะไรอยู่ ณ เวลา 07.35น. วันจันทร์ คุณก็หยิบดวงยามของวันจันทร์ เวลากลางวัน ดูในยามเวลา 07.30-09.00 เป็นยามที่ 2 ของวันจันทร์เวลากลางวัน ดูที่ภพสหัสชะ โดยดูว่าเจ้าเรือนภพสหัสชะไปอยู่ที่เรือนใด และเจ้าเรือนที่สหัสชะไปอยู่ กำลังโคจรไปอยู่ในเรือนใด (เป็นการดูภพดูดาว 3 จังหวะ)

เช่นนี้เป็นการดูดวงยามโดยการกำหนดภพ และในช่วงเวลาของดวงยามในขอบเขตระยะเวลา 1.30 ชม. กับ

การที่คุณจะดูว่า ขณะเวลา 09.20 น. กำลังเกิดเหตุการณ์อะไร คุณก็ดูในดวงยามวันจันทร์เวลา 9.20

น. ว่าอยู่ในภพใด แล้วดูภพดูดาวต่อไปอีก 2 จังหวะเช่นกัน อธิบายมาเท่านี้หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ และหากคุณจะดูในวันอื่นก็กระทำในวิธีเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ถ้าเป็นกลางวันก็ใช้ดวงยามกลางวัน ถ้าเป็นกลางคืนก็ใช้ดวงยามกลางคืน

2. หลักการดูในดวงกาลชะตา ก็เช่นกันถ้าอธิบายจะยาว ผมจะแนะนำหนังสือที่อธิบายวิธีการนี้อีกเล่มหนึ่งที่เหราะจะซื้อหาเป็นตำหรับตำราเอาไว้ ได้แก่ หนังสือเคล็ดลับการพยากรณ์ ของท่านอาจารย์มหาบรรเทา

เราจะมาว่าเรื่องของการดูในดวงกาลชะตากัน การดูในดวงกาลชะตาจะเป็นการผูกดวงขึ้นมาทันทีทันใดในเวลานั้น เมื่อผูกขึ้นมาแล้วเราจะดูว่า ผู้มาให้เราดูดวงชะตาจะมาให้เราดูเรื่องอะไร ก็ดูที่ลัคนา ว่าตนุลัคน์เจ้าเรือนที่ลัคนาสถิตย์อยู่ไปอยู่ที่ใด ก็หมายถึงผู้ที่จะมาให้เราดูดวงให้มีข้อสอบถามในเรื่องนั้น (เรือนที่ตนุลัคน์ไปอยู่) หากตนุลัคน์อยู่ในเรือนตนเองเป็นเกษตร

ก็หมายถึงว่าผู้มาดูต้องการมาดูเรื่องสุขภาพและเรื่องความเป็นอยู่ของตนเอง (อันนี้เป็นการอธิบายเพียงเล็กน้อยซึ่งหยิบมาจากหนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทา)

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าท่านที่กำลังจะศึกษา หรือศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นอยู่ จะได้เสาะหาหนังสือดังกล่าวทั้ง 2 เล่มไว้เป็นตำหรับตำราที่มีคุณค่ามาก เหมาะที่จะเก็บไว้เป็นของตนเอง อนาคตผมว่าจะหาลำบากถ้าไม่มีใครพิมพ์จำหน่าย สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 17โดย คุณ การเวก (กรวิก)

23 jul 2004 08:16#609903ลบ

เรียน คุณjazology

เมื่อวานนี้ที่ให้คำอธิบายไปนั้นยังไม่หมด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องกาลชะตา ผมลืมไปน่าตีมือตัวเองเป็นอย่างยิ่งที่ลืมพิมพ์อธิบายไว้ เรื่องมีอยู่ว่า อันการผูกดวงกาลชะตานั้นความหมายเพิ่มเติมก็คือ หากจะใช้พยากรณ์เช่นเดียวกับเรื่องของยามอัฐกาล ก็สามารถทำได้ โดยให้ตัดลัคนาออก แล้วใช้ดาวจันทร์แทน รายละเอียดมีดังนี้

1. เมื่อผูกดวงราศีจักร ณ เวลานั้นมาแล้ว ให้ดูว่าเวลาขณะนั้นเป็นเวลาเท่าไร กลางวัน หรือกลางคืน ถ้าเป็นเวลากลางวันก็ให้ใช้ยามอัฐกาลในเวลากลางวันดู ว่าเป็นวันอะไร อยู่ในยามที่เท่าไร สมมุติดูในเวลากลางวันของวันจันทร์ เวลา 08.00 น. ก็ให้ใช้ยามของวันจันทร์เข้ากำหนด เวลา 08.00 น.เป็นยามศุกร์ ดังนั้นให้ดูซิว่าดาวศุกร์ ณ เวลานั้นอยู่ที่ใด ภพอะไร ราศีอะไร ธาตุอะไร ก็ให้ดูดาว 3 จังหวะเช่นเดียวกับยามอัฐกาล

2. เมื่อตัดลัคนาออกแล้ว ให้ใช้ดาวจันทร์เป็นตัวแทน หากดาวจันทร์อยู่ในเรือนของใคร เมื่อจะทำนายเกี่ยวกับดาวจันทร์ให้ดูดาวเจ้าเรือนที่จันทร์สถิตย์อยู่ว่าไปอยู่ที่ใด เมื่อจะออกคำทำนายต้องใช้คำทำนายเกี่ยวกับดาวจันทร์ทำนาย (ในข้อนี้ผมหมายว่าเมื่อผูกดวงราศีจักร ณ เวลานั้นแล้วก็ตัดลัคนาออกให้เหลือแต่ดาวเพียงอย่างเดียว แต่เวลาจะกำหนดเป็นลัคนาให้กำหนดจันทร์เป็นภพตนุ)

3. ความหมายของดาวแต่ละดวงจะมีความหมายต่างกันออกไป เอาเป็นว่าเมื่อท่านได้เข้ามาใน web ของ

horathai.com. แล้ว ท่านคงเห็นกระทู้เกี่ยวกับเรื่องของ ท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ

ในเรื่องเหล่านี้มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของกาลชะตาที่ผมอธิบายให้ฟังเบื้องต้น และจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับความหมายของดาวว่าคืออะไร มิใช่ผมไม่ตอบแต่อยากให้ท่านได้ค้นคว้าแล้วจะเป็นผลประโยชน์แก่ท่าน

จะทำให้ท่านสามารถจำได้อย่างแม่นยำ

*การเรียนวิชาโหราศาสตร์ก็เช่นนี้ละครับ ถ้าบอกหมดก็คงจะดูแล้วผ่านไป ถ้าให้ไปค้นคว้าโดยมีแหล่งที่มาที่ไปแล้วจะทำให้การเรียนของคุณก้าวหน้าได้

วันนี้ก็มีเพียงแค่นี้ ผมหวังว่าคำอธิบายเพิ่มเติมจะทำให้เกิดความกระจ่างแก่ผู้ที่ยังสงสัยอยู่ สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 18โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

5 aug 2004 17:37#625111ลบ

เรียนอาจารย์การเวกครับ

ผมมีความสงสัยดาวพฤหัและเรื่องเกี่ยวกับดาวเกษตรเล็งกัน

คือเจ้าชะตา ลัคนา ราศีสิงห์ ดาวศุกร์กุมลัค ดาวอาทิตย์อยู่กับดาวพุธ ในเรื่อนกดุมพะ ดาวพฤหัส อยู่ราศีมิน เป็นมรณะ และเป็นเกษตร เจ้าชะตาเกิดวันพฤหัส

อ่านดวงว่า เจ้าชะตาการศึกษาไม่สูง ปรากฎว่าผิด

ตามเป็นจริงคือ จบปริญญาตรี ปัจจุบันทำงานเป็นดัวแทนบริษัทยา ต่างประเทศ

ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยเพื่อความมั่นใจในรายต่อไป

นับถืออย่างสูง

ความคิดเห็นที่ 19โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

5 aug 2004 17:41#625115ลบ

ข้อความขาดไปครับ ดาวพฤหัส (5) อยู่ราศีมีน เรือนมรณะ ครับ ขอบคุณครับอาจารย์

ความคิดเห็นที่ 20โดย คุณ การเวก (กรวิก)

6 aug 2004 08:41#625743ลบ

เรียน คุณขอเป็นศิษย์

ตามที่คุณถามมานี้เผอิญดาวที่อยู่ตามราศีต่าง ๆ นั้นระบุมามิครบ แต่สิ่งที่คุณถามมานั้นเกี่ยวกับดาวพฤหัส

และดาวพุธที่เป็นเกษตรเล็งกัน อันนี้ผมจะใช้แนวทางการตอบของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ(หมอเถาวัลย์) ตอบให้น๊ะครับ

ตามที่คุณสมมุติเจ้าชะตาเกิดวันพฤหัสบดี และเผอิญอีกที่ดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือนมรณะ (ราศีมีน) แต่ดาวพฤหัสเป็นดาวพระเคราะห์ 2 เรือน คือเป็นเจ้าเรือนภพปุตตะราศีธนูอีกเรือนหนึ่ง ถ้าตามที่เรียนมาในตำราโหราศาสตร์จะระบุไว้ว่า ดาวเกษตรถ้าเล็งกันก็จะเป็นประ ดาวอุจจ์ถ้าเล็งกันก็จะเป็นนิจ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูก

แต่ตามตัวอย่างที่คุณยกขึ้นมานั้นเราต้องรู้ให้ลึกถึงแก่นด้วยว่า เจ้าชะตาเกิดวันพฤหัส และดาวพฤหัสเลือกที่จะอยู่ราศีมีนภพมรณะ (แทนที่จะเลือกอยู่ภพปุตตะราศีธนู) และภพมรณะนี้เป็นภพที่แปดในจักราศี จะมีคำโคลงเกี่ยวกับพินทุบาทย์เกณฑ์อยู่คำโคลงหนึ่ง (ผู้ที่จะเข้าเกณฑ์ดังกล่าวจะต้องเกิดในวันเดียวกับดาวพระเคราะห์ที่อยู่ในคำโคลงนี้ถึงจะเข้าเกณฑ์พินทุบาทย์เกณฑ์ (ซึ่งเรียกว่าพินทุบาทย์เล็ก)) ผมจะเขึยนคำโคลงให้ดู มีดังนี้

ระวิภุมมะ ทั้งโสรา

ปัญจะแก่ลัคนา พุธเก้า

จันทร์และชีวา เป็นแปด

ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้า ว่าร้อนนิรันด์

ตามดวงตัวอย่างที่คุณยกมา พฤหัสเป็นแปดแก่ลัคนากอร์ปกับเจ้าชะตาเองก็เกิดวันพฤหัส จึงเข้าเกณฑ์พินทุบาทย์เข้าเต็ม ๆ อันดาวพฤหัสเป็นพระเคราะห์ 2 เรือน จึงรวมทั้งเรือนแห่งราศีธนูภพปุตตะ เมื่อพฤหัสอยู่ในภพมรณะคือการพลัดพราก การสูญเสีย เมื่อดาวพฤหัสเล็งกับดาวพุธ ซึ่งเป็นเกษตรอยู่ภพกดุมภะ จึงเข้าคำครูที่ว่าเกษตรเล็งกันเป็นประ รวมทั้งดาวอาทิตย์(ตนุลัคน์)มาอยู่ในเรือนพุทธด้วยหมายถึงเจ้าชะตาวิ่งเข้าหาเงินหาทองเพียงอย่างเดียวเป็นหลัก เพื่อความศุกร์ของตนเอง (ศุกร์เจ้าเรือนภพสหัสชะและกรรมมะ) มาดูความหมายของพระเคราะห์คู่ด้วย อาทิตย์(1) พุธ(4) ร่วมกันหมายถึงเอกสาร สัญญา การเจรจา ถ้าความหมายดีก็หมายถึง การเจรจา ข่าว หรือการตกลงที่ดีไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ แต่ถ้าเป็นความหมายที่เสียจะหมายถึง การหลอกลวง การทำให้เสียชื่อเสียง เกี่ยวกับเอกสารสัญญา หรือการเจรจา ฯลฯ

พุธ(4) พฤหัส(5) หมายถึงหลักการ เมื่อพุธเสีย พฤหัสเสีย ก็หมายถึงหลักการที่เสีย เมื่อเกี่ยวกับเรื่องการเงินก็หมายถึงการจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เงินมาเพียงอย่างเดียว

ตามที่ท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์สอนเอาไว้ว่า เวลาดูดวงอย่าดูดาวเพียงความหมายเดียว อันดาวพฤหัสถ้าแปลเป็นการศึกษาก็หมายถึงสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้ ถ้าแปลถึงการงานก็หมายถึงได้ตำแหน่งงานทางด้านวิชาการได้ การที่ดาวพฤหัสไปอยู่ในภพมรณะ มิใช่ว่าการศึกษาได้ตายไป ได้จากไปไม่สามารถเรียนได้จบ ถ้าดูให้ดีภพมรณะนี้อาจจะหมายถึงการจบการศึกษาเมื่อมีอายุก็ได้ หรือถ้าเอาความหมายของปุตตะเข้ามาก็หมายถึงการขาดบริวารก็ได้ (ปุตตะ มรณะ)

ผมหวังว่าการชี้แจงดังกล่าวสามารถสร้างความกระจ่างแก่คุณได้บ้างไม่มากก็น้อย และสามารถเป็นหลักให้ผู้อื่นได้ศึกษาด้วยครับ สวัสดี.

ความคิดเห็นที่ 21โดย คุณ นร.

6 aug 2004 10:02#625838ลบ

จากแนวทางของ อ.อรุณท่านบอกว่าดาว เจ้าเรือน ศุภะอันหมายถึงการศึกษาเป็นทุสถานะนั้นไม่เพียงพอที่จะบอกว่าการศึกษานั้นไม่สูง หากต้องดู อังคารด้วยว่าดีหรือไม่ หาก อังคาร ดี ก็รับรองว่าจะจบการศึกษาปริญญาตรีได้ แต่หาก อังคารเสียด้วย ก็บอกได้เลยว่าการศึกษา ไม่จบปริญญา...แล้วจากที่คุณให้ดวงมา เจ้าชะตาเป็นคนฉลาด ปฎิภาณไหวพริบดีมาก หาก อังคารดีแล้ว สามารถ จบ ด้อกเตอร์ได้เลยครับ....การอ่านดวงต้องอ่านภพ เป็นหลัก ***ดังนั้นดวงนี้ดูการศึกษาอันดับแรกต้องพิจารณา ภพ ศุภะ ซึ่งเจ้าเรือน คือ ดาวอังคาร ครับ ว่าดีไหม...อย่าลืมนะครับ ต้องพิจารณาภพเป็นหลัก

ความคิดเห็นที่ 22โดย คุณ การเวก (กรวิก)

6 aug 2004 13:11#626048ลบ

เรียน คุณ นร.

ผมต้องขอขอบคุณ คุณ นร. มากครับที่กรุณาเข้ามาต่อยอด เพื่อเป็นวิชาความรู้แก่ผู้ที่เข้ามาศึกษาในเวปนี้

คำตอบของคุณถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทุก ๆ ท่านที่ได้แวะเวียนเข้ามา อีกทั้งเป็นการแสดงว่าในกระทู้นี้จะไม่มีการกระแนะกระแหนเหมือนกระทู้อื่น จะมีแต่สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์จริง ๆ

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากเกิดการผิดพลาดใด ๆ ในการอธิบาย จะมีผู้มาช่วยเหลือเช่นคุณ และผู้มีความรู้ทั้งหลายทั้งปวงเข้ามาช่วยกัน

ขอบคุณจากใจจริงครับ

ความคิดเห็นที่ 23โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

8 aug 2004 11:43#628096ลบ

เรียนคุณ การเวก และคุณ นร ครับ

ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองมาก เนื่องจากอาจรู้เพียงพื้น ๆก็กำลังศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ด้วยซื้อตำรามาอ่านเอง และศึกษาจากครูอาจารย์ทางเวปต่าง ๆ เมื่อสงสัยด้านใดก็ขอความกรุณา ขอศึกษาจากท่านด้วยครับ อาจารย์ ผมดูดาวอังคารแล้ว อยู่ในเรือนลาภะ เป็นเจ้าเรือนศุภะและพันธู

ลัคนาราศีสิงห์ วันพฤหัสฯ เจ้าชะตาจะได้รับสิ่งใดจากดาวอังคารนี้ครับ

อีกอย่าง เรื่องดาวเกษตร 2 ราศีกุมลัคนา เราจะแยกแยะการอ่านวิเคราะห์อย่างไรครับ

เช่น ลัคนาราศีเมษ ดาว พุธ ซึ่งเป็นเกษตรเรือนสหัสชะและเรือนอริ กุมลัค และดาวอังคารมา อยู่เรือนสหัสชะคู่กับจันทร์

ผมอ่านว่า 1) จะมีโรคประจำตัว 2) จะมีศัตรูจากเพื่อนโดยที่ไม่รู้ตัวเสมอ เจ้าชู้

ไม่ทราบว่าถูกไหม ขออาจารย์การเวกช่วยแนะด้วย

ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 24โดย คุณ นุวัฒน์

8 aug 2004 15:26#628246ลบ

เรียน คุณการเวก

ขอเรียนถาม ดาว 5 เป็นเจ้าเรือนภพกดุมพะและภพลาภะ ไปได้มาตรฐานนิจในภพวินาศน์ ราศีมังกร และยังมีดาว 7 ได้เกษตรในราศีดังกล่าวอีก รวมทั้งมีดาว 0 อยู่ร่วมด้วย หมายความว่าอย่างไรครับ (ลัคนาราศีกุมภ์)

ความคิดเห็นที่ 25โดย คุณ การเวก(กรวิก)

9 aug 2004 08:28#628770ลบ

เรียน คุณขอเป็นศิษย์

1. ขณะนี้ดาวอังคารอยู่ราศีสิงห์ ตามที่คุณกำหนดมาว่าอยู่เรือนลาภะ คงผิด

2. ตามที่คุณถามมาว่า ดาวพุธเจ้าเรือนสหัสชะและอริกุมลัคนาราศีเมษ ดาวอังคารเจ้าเรือนตนุและมรณะ

มาอยู่เรือนพุธภพสหัสชะร่วมกับดาวจันทร์เจ้าเรือนพันธุ เราต้องมาวิเคราะห์เกี่ยวกับเจ้าเรือนกัน กล่าวคือ

ดาวพุธกับดาวอังคารสลับเรือนกันถ้าจะอ่านกันคงจะนัวเนืยกันน่าดู ตามหลักการดูดาวของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์เราจะเห็นว่า

-อ่านจากดาวอังคารก่อน เมื่อเจ้าชะตามีปัญหาเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องของเอกสารก็จะมาปรึกษาหารือขอคำแนะนำจากพี่น้องหรือญาติผู้ใหญ่ (ดาวพุธเป็นพระเคราะห์สองเรือนแต่จะเลือกอยู่ที่ภพสหัสชะ และดาวพุธเป็นเจ้าเรือนสหัสชะและอริ) กรณีนี้ดูจากภพอริเข้าหาดาวอังคาร หากจะดูจากดาวอังคารเข้าหาภพสหัสชะก็จะอยู่ในความหมายที่ว่า เจ้าชะตา(อังคารตนุลัคน์) ชอบที่จะมีการไปไปมามากับบ้านของพี่น้อง โดยใช้บ้านของพี่น้องเป็นที่รวมสังสรรค์กัยในหมู่ญาติ

(ดาวจันทร์เจ้าเรือนพันธุมาอยู่เรือนสหัสชะร่วมดาวอังคาร) หรือจะอ่านจากดาวอังคารเจ้าเรือนภพมรณะก็จะหมายความว่า เมื่อเจ้าชะตาป่วยไข้ก็จะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพี่น้องและญาติผู้ใหญ่ (อังคาร+จันทร์ได้ความหมายพระเคาระห์คู่ว่าการดูแลเอาใจใส่)

ผมหวังว่าคำตอบข้างต้นคงจะทำให้เข้าใจในปัญหาของการจะพยากรณ์ได้ สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 26โดย คุณ การเวก(กรวิก)

9 aug 2004 08:37#628774ลบ

เรียน คุณนุวัฒน์

ตามคำถามของคุณความจริงดาวไม่ครบ แต่ถ้าจะให้กล่าวถึงดาวเสาร์ พฤหัส และมฤตยูสามารถได้ระบุได้ดังนี้ (พอสังเขป)

-ดูดาวเสาร์อยู่เรือนวินาศน์เป็นเกษตร ในตำราของท่านอาจารย์มหาบรรเทา เมื่อลัคนาอยู่หน้าดาวเสาร์ก็จะหมายถึงวาสนาของเจ้าชะตาจะต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน โดยเราจะดูว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันดังกล่าวจะเกี่ยวกับอะไรก็ดูดาวพฤหัสก็คงจะเกี่ยวกับเรื่องของการเงินและรายได้ ว่าจะได้ทรัพย์สินงอกเงยพูนเพิ่มขึ้นหรือไม่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูดาวตนุลัคน์คือราหู ว่าไปอยูที่เรือนใดด้วยเพราะหากดาวราหูไปอยู่ในภพที่เสียก็จะมีความหมายที่แตกต่างเกิดขึ้น อนึ่งหากดาวเสาร์วินาศมีความหมายที่เสียดาวมฤตยูจะซ้ำทันที

อธิบายมาเพียงนี้หวังว่าคุณคงเข้าใจ อ้อลืมบอกไป

ดาวเสาร์อยู่ที่ใด (คือภพใดก็แล้วแต่)หากมีดาวอยู่ข้างหน้าและหลังอย่างละดวง (อันนี้บางตำราเรียกเป็นศูนย์พาหะหน้าและศูนย์ภาหะหลัง) ดาวนั้นเป็นเจ้าเรือนภพใดก็จะได้รับอิทธิพลของดาวเสาร์ไปด้วย ในกรณีนี้ท่านโหราจารย์เรียกว่า "ทุราทุระโยค"

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 27โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

10 aug 2004 10:34#630094ลบ

เรียนอาจารย์การเวกครับ

ผมสงสัยเรื่องดาวในราศีจักร์หรือดวงอีแปะ ว่า เมื่อเราได้ตั้งดวงแล้ว ตรวจดูดาวเข้ากฎเกณฑ์แล้ว ทำไมเราต้องตั้งนวางค์จักร์ด้วย ว่าดาวต่าง ๆ นั้นเข้ากฎเกณฑ์จริงหรือเปล่า เท่าที่อ่านตำรามา บรรดาครูโหรให้ความสำคัญเกี่ยวกับนวางค์ของดาวมาก มันสำคัญจริง ๆหรือ

ผมก็เป็นนักล่าหมอดู ตามโรงแรม หรือตามงานกุศลที่มีโหร ผมจะผ่านไม่ได้จะต้องเข้าไปตรวจดวงทุกครั้ง ก็ยังไม่เจอที่ตั้งดวงมาคู่กัน ราศีจักร์กับนวางค์จักร์ มีแต่ดวงอีแปะแผ่นเดียวเท่านั้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโหรดังแค่ไหน

มันจึงทำให้ผมคิดว่า เมื่อเราเรียนดวงแล้ว ถ้าไม่เรียนการตั้งนวางค์จักร์แล้ว อย่าไปดูหมอให้ใครเลย เพราะดาวในราศีจักร์มันไม่สามารถบอกเราได้เลยว่า มันแท้แค่ไหน แล้วเราจะอ่านดวงแม่นได้อย่างไร จริงไหมครับอาจารย์

ความคิดเห็นที่ 28โดย คุณ นร.

10 aug 2004 11:55#630198ลบ

ขอออกความเห็นบ้างนะครับ ผิดถูก เดี๋ยวรอ อ.การเวกมาตอบใหม่..... จริงๆแล้วผมว่าท่านเหล่านั้นผูกดวงมาแล้ว ก็สามารถ ขับเข้านวางค์ได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนอีกดวงเลยครับสามารถคิดในใจได้เลยครับผมเพิ่งหัดยังทำได้เลย ....ส่วนการดูดวงนั้นบอกตามตรงครับมีหลายสาย อย่างสายใต้ ตามแนวทางของ อ.อรุณ ท่านก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ นวางค์เท่าไหร่ ถ้าใช้ก็จะพิจารณาแค่ตำแหน่งลัขนา ซึ่งหมายถึง บาทฤกษ์มากกว่า ...อีกสายหนึ่งคือสายทางอ. เทพย์ จะเน้นเรื่องนวางค์เอาเข้ามาอ่านประกอบกับดวงราศีจักร...อีกสายหนึ่งนั้นทางอ.พลูหลวง ท่านก็ใช้น้อยมาก ท่านจะใช้จุดอิทธิพลของดาว และ องศาดาว ซึ่งละเอียดกว่า

นวางค์อีกสามเท่า เพราะเล่นกันเป็นองศา ซึ่งเหมือนโหราศาสตร์สากล.....ซึ่งแบบไหนแม่นกว่า ดีกว่า ขอเรียนถาม อ. การเวก ด้วยครับผม

ความคิดเห็นที่ 29โดย คุณ นร.

10 aug 2004 11:58#630203ลบ

เป็นไรไม่รู็้้ครับ เวบมาสเตร์ ข้อความที่โพสท์ข้างบน มันซ้ำ แปลกๆ

ความคิดเห็นที่ 30โดย คุณ การเวก (กรวิก)

10 aug 2004 13:07#630287ลบ

เรียน คุณขอเป็นศิษย์

ตามที่คุณถามมาและทางคุณ นร.ได้ตอบไปบ้างแล้วก็ถูกต้อง เอาอย่างนี้สิ่งที่ผมจะอธิบายผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกสักเท่าใด เป็นอันว่าหากมีผู้รู้ก็ขอความกรุณาเข้ามาช่วยด้วยน๊ะครับ ผมจะเริ่มดังนี้

*ในวิชาโหราศาสตร์ปัจจุบันมีหลายสาย แต่ละสายก็จะว่าของตนเองแม่นที่สุดหรือแม่นกว่า วิชาโหราศาสตร์ไทยที่ผมพอนีกได้มีดังนี้

-จักรราศี (ดวงอีแปะ)

-10 ลัคนา

-อินทพาษบาทจันทร์

-กาลจักร ลัคจร

ฯลฯ

โดยทั่วไปในวิชาตามที่กล่าวมาข้างต้นจะต้องดูองศาของดาวด้วย และต้องมีการขับนวางค์ รวมทั้งตรียางค์ เช่น หากดาวดวงใดติดพิษ (พิษนาค พิษครุฑ พิษสุนัข ดาวที่ติดพิษจะดูได้ในตรียางค์) ซึ่งหากคุณได้ซื้อแผ่นลัคนาในนั้นจะมีบอกไว้ว่าเป็นนวางค์ที่เท่าใด ตรียางค์ที่เท่าใด ติดพิษอะไรหรือไม่

อันนวางค์จักรเป็นแก่นของดาวในจักราศีเช่น สมมุติว่าดาวอังคารเป็นอุจจ์อยู่ในราศีมังกร ตามดวงอีแปะ

แต่ในนวางค์จักรดาวอังคารอยู่ราศีตุลย์ (เป็นประ) เช่นนี้แสดงถึงดาวอังคารมิใช่อุจจ์แท้จริงจึงให้คุณไม่ได้เต็มที่ตามตำแหน่งดาวที่เป็นอุจจ์ ซึ่งต้องดูที่องศาของดาวด้วย และต้องดูว่าดาวดังกล่าวติดพิษอะไรในตรียางค์จักร

ตามที่คุณบอกว่าไปดูหมอตามโรงแรมหรือตามงานกุศลต่าง ๆ ไม่มีการตั้งนวางค์จักรนั้นเนื่องมาจากการดูดังกล่าวก็สามารถบอกได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งเวลาที่จะดูมีจำกัด (ผมคิดว่าตามที่คุณไปดูตามโรงแรมใหญ่ ๆ นั้นเขาจะมีกำหนดระยะเวลาว่าไม่เกิน 30 นาทีต่อท่าน) หากจะต้องมาตั้งนวางค์ ดูองศาของดาว ดูตรียางค์จักร จะต้องตั้งดวงขึ้นมา 3 ดวงด้วยกัน หากไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่าจะตั้งดวงขึ้นมา 3 ดวงก็เกือบ

30 นาทีแล้ว ดังนั้นที่นักพยากรณ์โหราศาสตร์ที่คุณเห็นว่ามิได้ตั้งดวงนวางค์จักรขึ้นมาช่วยผมเข้าใจว่าเขาคงจะใช้ทักษาเข้ามาช่วยด้วย

อนึ่ง ในวิชาโหราศาสตร์ไทยจะมีอยู่ระบบหนึ่งของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ (หมอเถาวัลย์) ท่านมิได้ใช้ตรียางค์ หรือนวางค์เข้ามาช่วย ของท่านจะใช้เกณฑ์ชันษาจร ในการพยากรณ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการโหร ปัจจุบันจะหาอาจารย์สอนในระบบของท่านมีน้อยมาก เท่าที่ผมรู้ก็จะมี อาจารย์เชียร บางบอน, อาจารย์ปริญญา นิ่มประยูร และอาจารย์ที่อยู่ในรุ่นเดียวกับท่านอาจารย์อรุณก็จะมี ท่านอาจารย์ประทีป อัครา ท่านอาจารย์สถิตย์ เป็นต้น

สิ่งที่ผมจะแนะนำคุณก็คือให้เรียนวิชาโหราศาสตร์ในแนวของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ก่อน และผมเข้าใจว่ามูลนิธิสมาคมโหรเจ้าของเวปนี้ได้เปิดสอนวิชาโหราศาสตร์ตามแนวของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ด้วย น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ

ผมหวังว่าสิ่งที่ผมอธิบายมาคงพอทำให้คุณหายสงสัยบ้างไม่มากก็น้อย สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 31โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

10 aug 2004 18:30#630725ลบ

เรียนอาจารย์การเวก

ผมมีความยินดีและดีใจมากครับ ที่อาจารย์สละเวลามาตอบคำถามอย่างเต็มใจและไม่รำคาญกับการไม่รู้ของผู้ที่อยากรู้ ผมเข้าใจว่ายังคงมีผู้อยากรู้อีกมากที่ต้องการถาม และกล้าถามอาจารย์มากขึ้น ในเมื่อการบอกเต็มไปด้วยความปราณีและบริสุทธ์ใจ ผมนับถืออาจารย์มากครับ ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 32โดย คุณ การเวก(กรวิก)

11 aug 2004 12:56#631791ลบ

สวัสดีครับ คุณขอเป็นศิษย์

ผมขอขอบคุณในคำชมของคุณ และขอน้อมรับเอาไว้

คำถามใด ๆ ก็ตามหากว่าผมสามารถตอบได้ก็จะตอบ

แต่ต้องเป็นคำถามสำหรับผู้ที่คิดจะศึกษา หรือกำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้น เพราะนี่คือประตูทางเดินไปสู่นักพยากรณ์ที่ดี มีคุณธรรม อีกทั้งสามารถช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ (บางกรณี)

ความคิดเห็นที่ 33โดย คุณ นร.

13 aug 2004 10:13#633770ลบ

เรียน คุณกรเวก คือผมสนใจเรื่องยาม และการจับยามช่วยอธิบายและแนะนำด้วยครับ มีกี่แบบ อะไรบ้าง

ความคิดเห็นที่ 34โดย คุณ นุวัฒน์

14 aug 2004 11:39#635045ลบ

เรียน คุณการเวก

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ดาว 570 ในเรือนวินาศน์ ตนุลัคน์(8) อยู่ภพมรณะ ครับ ในภพตนุมีดาว 14 จับคู่กัน การเงินและรายได้จะมีแนวโน้มดีหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 35โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 aug 2004 08:22#637004ลบ

เรียน คุณ นร.

ตามที่คุณ นร. ถามมาผมเข้าใจว่าคุณ นร. คงทราบแล้ว แต่เพื่อเป็นความรู้สำหรับผู้ที่จะเข้ามาท่องเวปนี้

ผมยินดีที่จะอธิบายเพียงสังเขป ถ้าผิดพลาดไปขอให้ผู้ที่รู้ช่วยเข้ามาท้วงติงด้วยครับ

1.ตามตำราของท่านอาจารย์ประทีป อัครา เรื่องของยามอัฐกาล (โหรทายหนู) ผมเข้าใจว่ายังมีหนังสืออีกเล่มหนึ่งแต่งโดยท่านอาจารย์เชย บัวก้านทอง (หากผมสะกดผิดก็ขออภัยด้วย) มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยหลักการจับยามมีอธิบายในหนังสือแล้วผมคงจะสรุปให้ทราบดังนี้

-วิธีการจับยามมี 2 แบบคือ จับยามตามเวลาที่ผู้ถามเข้ามาถามว่าช่วงเวลาที่ถามนั้นเกี่ยวกับภพอะไร, และจับยามดูตามเรื่องที่ผู้ถามเข้ามาถามตามภพ โดยใช้เวลาดวงยามสำเร็จที่ผูกไว้แล้ว ในกรณีทั้งสองนี้ในหนังสือของท่านอาจารย์ประทีป อัคราได้มีการอธิบายวิธีใช้ ที่มาที่ไปของการใช้โดยละเอียดอยู่แล้ว

ตามวิธีที่ 1 นี้ใช้ดวงยามสำเร็จ ดวงดาวที่มีอยู่ในดวงยามมี ดาวอาทิตย์ - ดาวราหู จะขาดไปก็เพียงดาวเกตุ และดาวมฤตยู

2. ดวงยามตามกาลชะตา อันดวงยามนี้ใช้ผูกขึ้นมา ณ.เวลาที่มีผู้เข้ามาถาม ในดวงยามจะมีดาวครบทั้ง 10 ดวง (ตามดวงจักราศี) อยากจะรู้ว่าผู้เข้ามาถามจะเข้ามาถามเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ดูที่ลัคนาและตนุลัคน์ เช่นหากตนุลัคน์กุมลัคนา ก็หมายถึงผู้มาถามจะถามเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและวาสนาของตนเอง หากตนุลัคน์ตกภพปัตตนิแสดงถึงผู้เข้ามาจะถามจะถามเกี่ยวกับเรื่องของคู่ครอง เป็นต้น

3.ดวงกาลชะตาเช่นกัน ผูกดวงขึ้นมาเช่นเดียวกับข้อ 2. เพียงแต่ตัดลัคนาออก ใช้จันทร์เป็นลัคนาแทน

รายละเอียดอ่านได้จากเรื่องเล่าจากหมอเถาวัลย์ ในเรื่องกาลชะตา

ผมหวังว่าคำตอบคงไม่สั้นเกินไป และคุณ นร. รวมทั้งท่านผู้ที่เข้ามาท่องเวปคงจะเข้าใจไม่มากก็น้อย

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 36โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 aug 2004 08:33#637018ลบ

เรียน คุณนุวัฒน์

ตามดวงดาวที่คุณสมมุติขึ้นมา จะเห็นว่า

1. ดาวราหูเป็นแปดต่อลัคนา เข้าเกณฑ์ภิณทุบาทย์แล้ว แสดงถึงเป็นคนขี้สงสารคนโดยไม่มีเหตุผล เห็นใครมาบีบน้ำตาหน่อยบอกว่าไม่มีกินไม่มีใช้ก็สงสาร หยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้

2. อาทิตย์และพุธอยู่เรือนราหู อาทิตย์มีตำแหน่งประ, พุธเป็นอนุเกษตรสลับเรือนกับราหู แถมติดทุราทุระโยคจากเสาร์เข้าอีก

-อาทิตย์เป็นประในเรือนราหูร่วมกับพุธ มาดูพระเคราะห์คู่ คือพุธและอาทิตย ด้านดีหมายถึงเอกสาร สัญญา การเจรจา ข่าวดี ข่าวเกี่ยวกับเรื่องการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง

การสื่อสาร ด้านเสียคือถูกหลอกลวงเกี่ยวกับเรื่องเอกสารสัญญา การผิดสัญญา ข่าวที่ทำให้เสียชื่อเสียเสียง จะเห็นว่าอาทิตย์เสีย ถึงแม้พุธกับราหูจะเป็นอนุเกษตรฟื้นในภายหลังแต่ราหูอยู่ภพมรณะ พุธถูกอาทิตย์ที่เป็นประเบียน ดังนั้นทั้งพุธและราหูต้องได้รับส่วนที่เสียไปก่อนถึงจะฟื้นในภายหลัง

สำหรับเรื่องการเงินและรายได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับดาวอาทิตย์ ดาวพุธ และดาวราหู ไม่ถึงกันเลย (ดูตามตำราของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์น๊ะครับ)

หวังว่าคำตอบคงทำให้คุณ นุวัฒน์ กระจ่างขึ้นน๊ะครับ สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 37โดย คุณ พ่อผู้รอคอย

20 aug 2004 23:05#642145ลบ

เรียน อาจารย์การเวก

ผมอยากทราบว่า ลูกจะกลับมาหาผมไหม เพราะอยู่ต่างถิ่น(เหนือกับใต้) ถ้ากลับ กลับเมื่อไร จะอยู่ถาวรหรือชั่วคราว

ขอรบกวนอาจารย์ช่วยดูดวงชะตาให้ทีครับ ขอบพระคุณอย่างสูง ผมเกิด 24 กันยายน 2501 เวลา 06.00 น. ชลบุรี

ความคิดเห็นที่ 38โดย คุณ การเวก (กรวิก)

23 aug 2004 12:49#644441ลบ

เรียน คุณพ่อผู้รอคอย

ตามที่คุณได้สอบถามมานี้ผมต้องขอโทษมา ณ ที่นี้

เนื่องจากว่ากระทู้ที่เปิดเป็นกระทู้เกี่ยวกับวิชาการ หาก

ทางคุณพ่อผู้รอคอยต้องการสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ต้องการรู้ด้วยความร้อนใจ กรุณาเปิดกระทู้ขึ้นมาใหม่ในเวปนี้ โดยตั้งหัวข้อตามที่ได้สอบถามมา ผมเข้าใจว่าจะมีท่านผู้รู้หลายท่านเข้ามาให้ความกระจ่างตามที่ต้องการ

ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้จริง ๆ อ้อลืมไปหรือคุณพ่อผู้รอคอยจะโทร.เข้ามาติดต่อสมาคมโหรที่เป็นเจ้าของ

เวปนี้เพื่อติดต่อนักพยากรณ์โหราศาสตร์ให้ดูเป็นกิจจะ

ลักษณะไปเลย ผมคิดว่ายังมีข้อชี้แนะของนักพยากรณ์

ให้อีกหลายประเด็น สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 39โดย คุณ ผู้มีความรู้น้อย ด้อยประสพการแต่อยากเรียนโหราศาสตร

27 aug 2004 01:06#648867ลบ

ผมได้ผ่านเข้ามาอ่านกระทู้ต่างๆ ของweb นี้ ผมดีใจ

และขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่กรุณาให้ความรู้ ได้ตอบ

คำถามที่มีผู้ถามมา มีความหลากหลายดี ผมเองเริ่มสน

ใจโหราศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้เอง โดยการซื้อหนังสือ

มาอ่านเอง ก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เมื่อมาพบและได้

อ่านกระทู้ถามตอบนี้เข้า นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ขอแสดงความเคารพยิ่ง

ความคิดเห็นที่ 40โดย คุณ น้องน้อยๆ

27 aug 2004 23:19#649927ลบ

คุณกรวิกขา...

การดูดวงให้คนอื่นที่กำลังมีปัญหา สามีแอบไปมีกิ๋ก ควรให้คำแนะนำอย่างไรดีคะ คือ

1. บอกเขาตามตรงว่าสามีคุณไปแน่

2. หรือ ให้ใช้ธรรมะข้อใด บอกเขาดีเพื่อให้เขาทำใจได้

ช่วยตอบหน่อยนะคะ ชอบคุณมากคะ

ความคิดเห็นที่ 41โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 aug 2004 08:15#651713ลบ

เรียน คุณน้องน้อย ๆ

ตามคำครูท่านห้ามทำนายเรื่องของคู่ (สำหรับผู้ที่กำลังจะแต่งงานกัน หรือคบกันอยู่) หากจะพูดคงจะพูดอ้อม ๆ ว่าให้ดูใจกันไปก่อนสักพักหนึ่ง รวมทั้งเรื่องการทำนายเกี่ยวกับเด็ก (พ่อแม่มาให้ดูว่าลูกคนไหนดี คนไหนไม่ดี คนไหนพึ่งได้ คนไหนพึ่งไม่ได้)สำหรับเด็กที่ยังมีอายุไม่ถึง 18 ปีบรบูรณ์ รวมทั้งเรื่องการทำนายการเสียชีวิต (จะทำให้ผู้ได้รับการทำนายมีอาการซึมเศร้า ใช้ชีวิตไปในทางที่ผิดกล่าวคือในเมื่อจะเสียชีวิตแล้วก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ถึงจะต้องทำผิดก็ยอม) เพราะบางครั้งผู้ที่เราทำนายไปทำบุญกุศลมามากหรือมีบุญกุศลมาช่วยอาจจะรอดพ้นจากเรื่องดังกล่าว

อนึ่งตามที่คุณถามมาตามความเห็นของผมน๊ะครับ

(เป็นความเห็นส่วนตัว)

1. ควรจะดูที่มาที่ไปของดาว ของภพก่อน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เช่น

-หากเจ้าเรือนภพปัตตนิมีตำแหน่งเป็นราชาโชค ไปอยู่ในเรือนลาภะ ร่วมเรือนกับดาวคู่มิตร (สมมติว่าเจ้าเรือนภพปัตตนิเป็นดาวศุกร์(6) ไปอยู่ร่วมเรือนกับดาวอังคาร(3) ในภพลาภะ ) แสดงถึงเจ้าชะตาจะมีเรื่องของความรักเข้ามาเกี่ยวข้องตลอดเวลา และหากใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับเจ้าชะตาก็จะมีความสัมพันธ์ในเรื่องของรัก ๆ ใคร่ ๆ

-หากใครมีดาวเข้าคำกลอนดังต่อไปนี้มักจะมีเรื่องของรัก ๆ ใคร่ ๆ ตลอดเวลา (มีคำอธิบายให้อ่านได้ในหนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทา หนังสือเรื่องเคล็ดลับการพยากรณ์ เล่มหน้าปกสีเขียว) โดยเฉพาะดาวดวงใดดวงหนึ่งเป็นเจ้าเรือนภพปัตตนิ คำกลอนมีดังนี้

พฤหัสจันทร์ปั้นตัวหาผัวเมีย

มิให้พักต้องเสียขันหมากหมั้น

อังคารจันทร์เมถุนธนูคู่สำคัญ

มักอาจหาญการชู้คู่เจ้าเครา

อังคารร่วมราหูครูท่านทัก

มักแย่งรักเสพสู่คู่ของเขา

พุธศุกร์อีกคู่อย่าดูเบา

มักมากเมาเสพสมจนซมซาน

พฤหัสเสาร์ เสาร์ราหูได้คู่ชิด

มักแผกผิดพรากคู่ดูน่าขัน

กลับเอาทาสชาติชู้ขึ้นชูชัน

ถ้าอยู่สิงห์กุมกันกักขลา

อังคารเสาร์กุมกันและจันทร์เล็ง

มักซื้อเซ้งคู่ศักดิ์รักทาสา

ศุกร์ราหูหรือจันทร์กับศุกรา

มักเคล้าคู่โจราระวังภัย

อาทิตย์จันทร์เรือนครูอาจารย์ว่า

ถ้าทำการวิวาห์มักจะร้าย

พระเคราะห์คู่ที่มีอยู่ดังกล่าวนี้

หากตกที่ปัตตนิวุ่นวายใหญ่

ตกกดุมภะ กัมมะยิ่งเร้าใจ

ตลอดวัยทั้งสามตามเวลา

เป็นนิจจ์เป็นประเป็นกาลี

กุมศรีมนตรีไซร้ว่าไม่ดี

เป็นอุจจาวิลาศมูละดีนักหนา

ตกตนุพันธุและลาภา.

เทพวิวาให้ดีสุขีเอยฯ

ในคำกลอนดังกล่าวที่ท่านอาจารย์มหาบรรเทากล่าวเอาไว้จะมีที่มาที่ไปของมัน (หาอ่านรายละเอียดได้ในหนังสือ หากจะซื้อเก็บไว้เป็นหนังสือครูที่ดีมากเล่มหนึ่งทีเดียว) ซึ่งผมได้นำมาใช้สามารถทำนายได้ดั่งตาเห็น

จากเหตุผลข้างต้นสองประการนักพยากรณ์ควรจะบอกเจ้าชะตาว่าตามพื้นดวงของสามีของเจ้าชะตา

(อันนี้ผมหมายถึงการผูกดวงเจ้าชะตาขึ้นมาแล้ว และดวงดังกล่าวเป็นดวงของสามีของเจ้าชะตา) ดวงดาวที่ผูกขึ้นมาเปรียบเสมือนกรรมเก่าของสามีของผู้มาถาม หากจะตามไปราวีก็คงจะต้องเกิดเรื่องเกิดราว บางครั้งถึงต้องหย่าขาดจากกันเป็นไปตามพื้นดวง

การแก้ไขก็ดูที่ดาวว่าจะแก้อย่างไร หากแก้ไขไม่ได้ควรจะทำอย่างไรให้ชีวิตคู่สามารถอยู่ไปได้อย่างราบรื่น มิใช่การแก้ไขโดยทำพิธีทางไสยศาสตร์ (มนต์ดำ) โดยทำพิธีให้สามีหลง ผมว่าแก้ไม่ถูกทาง เผลอ ๆ อาจจะทำให้หมอทำเสน่ห์หลงเสียเอง อย่าลืมน๊ะครับ คนเราเกิดมามีกรรมเก่าตามมา และกรรมเก่าก็คือพื้นดวงที่ผูกขึ้นมานั่นแหละ ถ้าถามว่าสามารถเลี่ยงได้ไหมก็ต้องอยู่ที่ตัวของเจ้าชะตาเอง

2. ถ้าถามว่าใช้ธรรมะข้อใดบอกแก่ผู้ที่มาขอคำพยากรณ์ ผมว่าต้องบอกว่ามันเป็นกรรมของเจ้าของดวงชะตาที่ต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และหากแก้ไขไม่ดีก็ยังคงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในเรื่องแบบนี้ในหนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทามีการชี้แนะถึงวิธีการแก้ไขไว้ ผมเองไม่สามารถที่จะแสดงข้อความไว้ในที่นี้ เพราะจะเหมือนการส่งเสริม

ผมหวังว่าคำตอบ หรือคำชี้แนะ รวมทั้งมีวิชาการแถมให้คงสามารถทำให้คุณและผู้ที่ท่องเข้ามาในเวปนี้สามรถนำไปใช้สร้างคุณประโยชน์แก่ผู้มีทุกข์ทั้งหลาย

สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 42โดย คุณ จ้อย

30 aug 2004 11:53#651899ลบ

เรียน คุณการเวก ที่เคารพ

หนูอยากทราบว่าทำไม นักโหราศาสตร์จึงไม่ค่อยนำเรื่องธาตุมาช่วยในการอธิบายให้ลูกศิษย์นอกสายฟังบ้างคะ เห็นแต่อธิบาย เรื่องผสมภพ ผสมดาว เท่านั้นเอง และอยากทราบต่อไปอีกว่าเราสามารถศึกษาหาความรู้เรื่องธาตุจากที่ใดบ้าง (หนังสือ ตำรา แหล่ง) เคยได้ยินว่าผู้ที่แตกฉานเรื่องธาตุมีอยู่คนหนึ่งท่านชื่อ อาจารย์ส.แสงตะวัน ไม่ทราบว่าคุณการเวก พอใจช่วยเหลือนักเรียนโหรฯ รุ่นน้องได้ไหมคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

จ้อย

ความคิดเห็นที่ 43โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 aug 2004 13:16#651991ลบ

การเวก (กรวิก) - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)


ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1


43โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 aug 2004 13:16#651991ลบ

เรียน คุณจ้อย

โดยตำราของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ในเบื้องต้น ท่านจะอธิบายในเรื่องของดาว เรื่องของภพ ยังมิได้นำเรื่องของธาตุมาเกี่ยวข้อง ขนาดมีแค่สองเรื่องนี้ลูกศิษย์บางท่านเรียนไปก็หายไปทีละคนสองคน จะเหลือลูกศิษย์ที่รับแนวการสอนของท่านได้ ตัวผมเองก็เป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ท่านอีกทอดหนึ่ง เท่าที่อ่านหนังสือโหราศาสตร์มาเห็นมีหนังสือหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องธาตุเช่น

-หนังสือของท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน (เข้าใจหนังสือเล่มนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านเขษมบรรณกิจ เวิ้งนครเขษม ราคาตกประมาณไม่เกิน 300.-บาท)

-หนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทา เรื่องเคล็ดลับการพยากรณ์ (หน้าปกสีเขียว เล่มละประมาณ 250.-บาท คงเหลือน้อยมากสามารถหาซื้อได้จากร้านหนังสือ se-ed)

-หนังสือของท่านพันเอกเอื้อน มนเทียนทอง(มนเทียรทอง) ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสะกดนามสกุลท่านผิดหรือเปล่าจึงมีไว้ให้ดู 2 นามสกุล) หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะหายากสักหน่อย เผอิญผมได้หยิบยืมเพื่อนมาอ่านเป็นเกร็ดความรู้เพิ่มเติม

อนึ่งในหนังสือเรื่องเกี่ยวกับธาตุก็ต้องแล้วแต่ตำราของแต่ละท่าน หากอ่านได้ทั้ง 3 เล่มนี้แล้วผมเข้าใจว่าคุณคงจะแตกฉานพอสมควร

ที่นักโหราศาสตร์ไม่ค่อยนำเรื่องธาตุมาช่วยในการอธิบายผมเองเข้าใจว่าเวลาสอนท่านก็ได้อธิบายไว้แล้ว

ส่วนในเรื่องของรายละเอียดคงจะให้ลูกศิษย์ลูกหาค้นคว้าหาหนังสืออ่านกัน

อ้อผมลืมแนะนำไป ยังมีหนังสืออีก 1 เล่ม แต่งโดยท่านอาจารย์สำราญ สมุทรวานิช เรื่องมหาทักษา ผมคิดว่าน้อง ๆ ทั้งหลายควรจะมีหนังสือเล่มนี้ไว้ศึกษาด้วย (ผมเน้นน๊ะครับว่าควรจะแน่นในวิชาโหราศาสตร์ก่อนแล้วค่อยอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะคุณจะสามารถอ่านได้โดยไม่ติดขัด) หนังสือเล่มนี้ยังมีขายอยู่โดยเฉพาะที่ร้านเขษมบรรณกิจ สนนราคาปัจจุบันนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับ

44โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 aug 2004 13:17#651992ลบ

เรียน คุณจ้อย

โดยตำราของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ในเบื้องต้น ท่านจะอธิบายในเรื่องของดาว เรื่องของภพ ยังมิได้นำเรื่องของธาตุมาเกี่ยวข้อง ขนาดมีแค่สองเรื่องนี้ลูกศิษย์บางท่านเรียนไปก็หายไปทีละคนสองคน จะเหลือลูกศิษย์ที่รับแนวการสอนของท่านได้ ตัวผมเองก็เป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ท่านอีกทอดหนึ่ง เท่าที่อ่านหนังสือโหราศาสตร์มาเห็นมีหนังสือหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องธาตุเช่น

-หนังสือของท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน (เข้าใจหนังสือเล่มนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านเขษมบรรณกิจ เวิ้งนครเขษม ราคาตกประมาณไม่เกิน 300.-บาท)

-หนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทา เรื่องเคล็ดลับการพยากรณ์ (หน้าปกสีเขียว เล่มละประมาณ 250.-บาท คงเหลือน้อยมากสามารถหาซื้อได้จากร้านหนังสือ se-ed)

-หนังสือของท่านพันเอกเอื้อน มนเทียนทอง(มนเทียรทอง) ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสะกดนามสกุลท่านผิดหรือเปล่าจึงมีไว้ให้ดู 2 นามสกุล) หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะหายากสักหน่อย เผอิญผมได้หยิบยืมเพื่อนมาอ่านเป็นเกร็ดความรู้เพิ่มเติม

อนึ่งในหนังสือเรื่องเกี่ยวกับธาตุก็ต้องแล้วแต่ตำราของแต่ละท่าน หากอ่านได้ทั้ง 3 เล่มนี้แล้วผมเข้าใจว่าคุณคงจะแตกฉานพอสมควร

ที่นักโหราศาสตร์ไม่ค่อยนำเรื่องธาตุมาช่วยในการอธิบายผมเองเข้าใจว่าเวลาสอนท่านก็ได้อธิบายไว้แล้ว

ส่วนในเรื่องของรายละเอียดคงจะให้ลูกศิษย์ลูกหาค้นคว้าหาหนังสืออ่านกัน

อ้อผมลืมแนะนำไป ยังมีหนังสืออีก 1 เล่ม แต่งโดยท่านอาจารย์สำราญ สมุทรวานิช เรื่องมหาทักษา ผมคิดว่าน้อง ๆ ทั้งหลายควรจะมีหนังสือเล่มนี้ไว้ศึกษาด้วย (ผมเน้นน๊ะครับว่าควรจะแน่นในวิชาโหราศาสตร์ก่อนแล้วค่อยอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะคุณจะสามารถอ่านได้โดยไม่ติดขัด) หนังสือเล่มนี้ยังมีขายอยู่โดยเฉพาะที่ร้านเขษมบรรณกิจ สนนราคาปัจจุบันนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับ

45โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 aug 2004 13:17#651993ลบ

เรียน คุณจ้อย

โดยตำราของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ในเบื้องต้น ท่านจะอธิบายในเรื่องของดาว เรื่องของภพ ยังมิได้นำเรื่องของธาตุมาเกี่ยวข้อง ขนาดมีแค่สองเรื่องนี้ลูกศิษย์บางท่านเรียนไปก็หายไปทีละคนสองคน จะเหลือลูกศิษย์ที่รับแนวการสอนของท่านได้ ตัวผมเองก็เป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ท่านอีกทอดหนึ่ง เท่าที่อ่านหนังสือโหราศาสตร์มาเห็นมีหนังสือหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องธาตุเช่น

-หนังสือของท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน (เข้าใจหนังสือเล่มนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านเขษมบรรณกิจ เวิ้งนครเขษม ราคาตกประมาณไม่เกิน 300.-บาท)

-หนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทา เรื่องเคล็ดลับการพยากรณ์ (หน้าปกสีเขียว เล่มละประมาณ 250.-บาท คงเหลือน้อยมากสามารถหาซื้อได้จากร้านหนังสือ se-ed)

-หนังสือของท่านพันเอกเอื้อน มนเทียนทอง(มนเทียรทอง) ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสะกดนามสกุลท่านผิดหรือเปล่าจึงมีไว้ให้ดู 2 นามสกุล) หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะหายากสักหน่อย เผอิญผมได้หยิบยืมเพื่อนมาอ่านเป็นเกร็ดความรู้เพิ่มเติม

อนึ่งในหนังสือเรื่องเกี่ยวกับธาตุก็ต้องแล้วแต่ตำราของแต่ละท่าน หากอ่านได้ทั้ง 3 เล่มนี้แล้วผมเข้าใจว่าคุณคงจะแตกฉานพอสมควร

ที่นักโหราศาสตร์ไม่ค่อยนำเรื่องธาตุมาช่วยในการอธิบายผมเองเข้าใจว่าเวลาสอนท่านก็ได้อธิบายไว้แล้ว

ส่วนในเรื่องของรายละเอียดคงจะให้ลูกศิษย์ลูกหาค้นคว้าหาหนังสืออ่านกัน

อ้อผมลืมแนะนำไป ยังมีหนังสืออีก 1 เล่ม แต่งโดยท่านอาจารย์สำราญ สมุทรวานิช เรื่องมหาทักษา ผมคิดว่าน้อง ๆ ทั้งหลายควรจะมีหนังสือเล่มนี้ไว้ศึกษาด้วย (ผมเน้นน๊ะครับว่าควรจะแน่นในวิชาโหราศาสตร์ก่อนแล้วค่อยอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะคุณจะสามารถอ่านได้โดยไม่ติดขัด) หนังสือเล่มนี้ยังมีขายอยู่โดยเฉพาะที่ร้านเขษมบรรณกิจ สนนราคาปัจจุบันนี้ผมไม่ทราบจริง ๆ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับ

46โดย คุณ จ้อย

30 aug 2004 15:32#652122ลบ

เรียน คุรุการเวก

ขอบพระคุณนะคะ สำหรับคำตอบเรื่องธาตุ แต่เท่าที่สอบถามเรื่องธาตุไปในกระทู้เวปอื่น ๆ ได้ความว่า มีหนังสืออของท่านอาจารย์ ส.แสงตะวันที่เขียนเรื่องธาตุได้ดีแต่ ท่านเขียนในลักษณะปิดชนิดลายแทงหาขุมทรัพย์ ส่วนท่านอื่น ๆ หนูไม่รู้ ว่ากันว่าท่านที่เก่งในเรื่องธาตุต้องยกให้ท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิภาโส) วัดราชประดิษฐ์ เคยได้ยินว่านักโหราศาสตร์ เรียกท่านว่า ท่านโลกธาตุ แล้วคุณการเวกเคยอ่านตำราของอาจารย์ ส.แสงตะวันไหมคะ ที่ถามขึ้นมามิใช่จะมีเจตนารบหลู่ครูบาอาจารย์หรอกนะคะ เพียงแต่เล่าสู่กันฟัง ท่านเหล่านั้นคงจะมีเหตุผลส่วนตัว

ด้วยความเคารพอย่างสูง

จ้อย

47โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 aug 2004 16:35#652178ลบ

เรียน คุณจ้อย

หนังสือของท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน ผมนั้นมีอยู่

แต่ยังมิได้เปิดอ่าน เผอิญต้องอ่านหนังสือของท่านอาจารย์พันเอกเอื้อน มนเทียรทอง อยู่อีกรอบหรือสองรอบ เพราะท่านเขียนเกี่ยวกับ ฤกษ์ ธาตุ และอีกหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งต้องทำความเข้าใจพอสมควรเลยทีเดียวแหละ

อันตำราโหราศาสตร์นั้นไม่ว่าคุณจะเรียนอย่างไรก็เรียนไม่รู้จบ ขึ้นอยู่กับว่า คุณได้อาจารย์ดีแค่ไหน ดีอย่างไร ดีในที่นี้ตามความหมายของผมก็คือ ท่านสอนคุณโดยมิได้ปกปิด สอนโดยมีที่มาที่ไปของดาว

ของภพ หรือบางครั้งในบทเรียนทางด้านศาสนา หรือคำกลอนของท่านสุนทรภู่ ก็ยังมีข้อความเกี่ยวกับทางด้านโหราศาสตร์ซ่อนอยู่ อยู่ที่ว่าใครไปอ่านเจอและสามารถถอดข้อความนั้นได้ คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของโยค ของอินเดียมีเป็นพัน ๆ โยค ถ้าจะจำก็คงจะไม่หวาดไม่ไหว ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อคุณอ่านเจอแล้วจะนำไปใช้อย่างไร ใช้แล้วได้ผลแค่ไหน หากได้ผลก็จะทำให้คุณสามารถจำได้แม่นยำ หรืออย่างบาง

ตำราเช่น ตำราของมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส (สังฆราชก่อนสกลสังฆปรินายกในปัจจุบัน) ตำราของท่านก็เป็นเอกไม่มีใครสามารถเทียบได้ สามารถรู้ที่มาที่ไปของมนุษย์ว่าชาติก่อนนั้นเป็นอะไร

และชาตินี้เมื่อตายไปแล้วชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไร

(อันนี้ผมได้ยินเขาเล่ามา ซึ่งคิดว่าจะมีผู้รู้น้อยคนนัก)

เหตุผลดังกล่าวข้างต้นที่ผมยกขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่คิดจะศึกษาวิชาโหราศาสตร์ หรือผู้ที่กำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นได้ทราบ และเป็นเครื่องเตือนสติว่า อันตำราโหราศาสตร์เป็นวิชาที่เรียนไม่รู้จบ เป็นวิชาเกี่ยวกับสถิติ การจะอ่านตำราอะไรก็แล้วแต่ต้องให้ภูมิปัญญาที่เรียนอยู่แน่นไว้ก่อน จึงจะสามารถต่อยอดไปทีละขั้นได้ และการที่นักพยากรณ์จะจำได้แม่นยำเกี่ยวกับกฎกติกาต่าง ๆ นั้นได้ก็เนื่องมาจากนักพยากรณ์ท่านนั้นได้นำไปใช้และเกิดผลจึงทำให้จำได้แม่นยำ

อนึ่งในกระทู้นี้ผมจะพยายามไม่เขียนถึงตำราที่ผู้ศึกษาใหม่ยังเรียนไม่ถึง แต่จะแนะนำให้ซื้อหาตำราเก็บเอาไว้เพื่ออ่านเมื่อเวลาผู้ศึกษาใหม่มีภูมิที่แน่นแล้ว

และสามารถอ่านรวมทั้งหาที่มาที่ไปที่ท่านอาจารย์ต่าง ๆ ได้เขียนไว้อย่างมีเหตุมีผล มิใช่ใช้การท่องจำเป็นหลัก

ผมหวังว่าสิ่งที่ผมให้คำตอบนี้สามารถทำให้ทุกท่านได้ตั้งสติในการใช้วิจารณญาณเพื่อการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ต่อไป อย่าลืมน๊ะครับเมื่อเวลาเด็ก ๆ ตั้งไข่ เด็ก ๆ จะค่อย ๆ เดินด้วยความมั่นใจขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อไรที่เด็กเดินก้าวยาว ๆ อย่างไม่มีความมั่นใจแล้วก็จะล้มลุกคลุกคลานให้เจ็บตัว

48โดย คุณ จ้อย

31 aug 2004 09:31#652685ลบ

เรียน คุรุการเวก

ขอบพระคุณนะคะสำหรับคำอธิบาย คุรุการเวกพูดเหมือนครูของหนูเลย ท่านบอกว่าไม่ต้องรีบร้อนค่อย ๆ เรียนรู้ไป สงสัยว่าหนังสืออของท่านอ.เอื้อน ชื่อหนังสืออะไรคะ เพื่อจะซื้อเก็บเอาไว้อ่านบ้าง ครูบอกว่ามีตังค์ก็ซื้อเก็บไว้อ่าน มันจะเป็นประโยชน์กับเราในอนาคต หนูเพิ่งเข้ามาศึกษาโหราศาสตร์ไทย สายท่านอ.อรุณ โชคดีได้ครูซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านสายตรงช่วยเป็นครูพี่เลี้ยง ตอนนี้ก็พยายามเรียนหรือศึกษาในสายเดียวกัน เช่น อ.สถิตย์ อ.ประทีป แนวภพผสมภพ ผสมดาว ผสมธาตุ ตำราค่อนข้างจะอ่านง่าย แต่ต้องอ่านหลาย ๆ รอบ เพียงแต่ตอนนี้สนใจเรื่องธาตุเป็นกรณีพิเศษ เห็นครูบอกว่าศึกษาพื้นฐานให้แน่นเสียก่อน ต่อไปจะเร็วในภายหลังเหมือนอย่างที่คุรุการเวกชี้แนว

ขอบพระคุณค่ะ

จ้อย

49โดย คุณ การเวก (กรวิก)

31 aug 2004 10:06#652727ลบ

เรียน คุณจ้อย

หนังสือตามที่คุณกล่าวมานั้นเป็นแนวทางเดียวกันหมด เวลาคุณอ่านจะเห็นว่าท่านอาจารย์อรุณ ท่านจะมิได้กล่าวถึงองศาของดวงดาวเลย ในหนังสือของท่านอาจารย์อรุณที่คุณมีอยู่ เมื่อคุณอ่านจบแล้วและสามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งพอสมควรแล้ว นักพยากรณ์ตามโรงแรมดัง ๆ ยังไม่สามารถสู้คุณได้เลย

การเรียนวิชาโหราศาสตร์ตามแนวของท่านอาจารย์อรุณ เมื่อเรียนได้ลึกซึ้งแล้วคุณสามารถต่อยอดไปดูในตำราเล่มอื่นได้โดยมิติดขัดแต่ประการใด ยังไง ๆ ก็อย่าพึ่งไปต่อยอดในเรื่องอื่นให้เสียเวลาและมีความคิดที่ขัดแย้งกันเลย เมื่อคุณแน่น คุณก็สามารถต่อยอดได้โดยเข้าใจ

อนึ่งเมื่อวานนี้ผมได้เปิดหนังสือของท่านอาจารย์

ส.แสงตะวัน อ่านแล้วบางส่วน ท่านอธิบายได้ละเอียดดีมาก เพียงแต่ว่ายังไม่เหมาะให้นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ และภูมิความรู้ยังไม่แน่นอ่าน ถ้าอยากจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องธาตุพอเข้าใจก่อนอย่างง่าย ๆ ในหนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทา เรื่องเคล็ดลับการพยากรณ์ มีให้ศึกษาอยู่ส่วนหนึ่ง และง่ายต่อการศึกษา คุณควรไปซื้อมาอ่านก่อนที่จะอ่านของท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน สำหรับหนังสือของท่านอาจารย์พันเอกเอื้อน มนเทียรทอง นั้นผมเข้าใจว่าไม่มีขายในท้องตลาด และหนังสือที่ผมมีอยู่ก็เป็นของเพื่อนซึ่งผมได้รับปากไว้ว่าจะมิถ่ายทอดให้ใคร จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับ

50โดย คุณ จ้อย

31 aug 2004 11:34#652794ลบ

เรียน คุรุการเวก

สำหรับหนังสือของอ.เอื้อน หนูเพียงต้องการแค่ชื่อหนังสือเท่านั้นเอง ส่วนหนังสือคงจะพอมีแหล่งที่พอจะหาได้บ้าง ส่วนหนังสือของอาจารย์ส.แสงตะวันตั้งใจว่าจะซื้อเก็บไว้อ่านเมื่อมีภูมิทที่แน่นแล้ว เกรงว่าต่อไปหนังสือหมดจะไม่พิมพ์เพิ่มก็เท่านั้นเอง หนูก็เป็นนักเรียนโหรฯ ใหม่มากสำหรับวงการนี้ เจตนาที่เข้ามาศึกษาเพื่อต้องการเหตุผลและทำความเข้าใจในหลักวิชาอย่างมีหลักมีเกณฑ์ มิใช่ว่าหมอดูคู่กับหมอเดา หมอมีเชาว์ก็เดากันเรื่อยไป หนูทราบนะคะว่าระยะเวลาที่เรียนรู้มันคงยาวนานคงไม่ใช่แค่ปี 2 ปี หากคิดว่าจะใช้การได้ หมายถึงการพยากรณ์ คงอีกประมาณสัก 2-3 ปี ตอนนี้ก็มาครึ่งทางแล้ว ดีใจที่คุรุการเวก ยินดีเป็นพี่เลี้ยงให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่ เพราะมีทั้งของจริงและของปลอม สงสารพวกเราเถิดเพราะเราหลงทางกันมานานแสนนานแล้ว พวกเรารับเอาไปก็ตั้งใจจะช่วยจรรโลงมิให้วิชานี้สูญหายไป ก็เท่านั้น หนูเข้าใจว่าเรื่องการปกปิดหวงแหนของครูรุ่นเก่า เพราะท่านตั้งใจให้แก่ลูกศิษย์ที่ท่านสอนแบบตัวต่อตัว จริงไหมคะ

ด้วยความเคารพ

จ้อย

51โดย คุณ สงสัย

2 sep 2004 11:04#654801ลบ

เรียนนอาจารย์การเวกครับ

ผมสับสนเรื่องราศีจักร์กับเลข 7 ตัวคือผมสงสัยมานานแล้วว่า อันไหนจะแม่นยำกว่ากัน

โหราศาตร์ยูเรเนียนที่จะเปิดสอนต่างกับโหราศาสตร์ไทยราศีจักร์ที่สอนอยู่แบบไหน และในความคิดของอาจารย์ (ของอาจารย์คนเดียว) คิดว่า อันไหนเหมาะกับผู้เริ่มต้น อย่างของอาจารย์จรัลนั้นใช้ยูเรเนียนใช่หรือเปล่าครับ ตอนทำนายทักษินซุกหุ้น ร่วมกับบรรดา อาจารย์โหรหลายคนเช่น อ.ภิญโญ อ.เก่งกาจออก tvไม่เห็นตรงเลย มีทำนาย นายกชนะหุ้นมีอยู่คนเดียวใช้เลข 7 ตัว4ฐาน ในการทำนาย แต่มีบางท่านบอกว่า นายกปิดเวลาเกิดที่แท้จริง แต่ก็สงสัยอีกแล้วทำไม 7 ตัวทำนายถูก

สงเคราะห์ช่วยบอกให้เป็นข้อคิดด้วยครับ

ขอบคุณครับ

52โดย คุณ การเวก (กรวิก)

2 sep 2004 12:55#654880ลบ

เรียน คุณจ้อย

หนังสือของท่านพันเอกเอื้อน มนเทียรทอง ผมจำไม่ได้ว่าท่านใช้สรรพนามอะไรในหน้าปกหนังสือ ขอยกยอดเอามาตอบให้ในวันจันทร์ที่ 6 กันยายน นี้

อนึ่ง หนังสือของท่านอาจารย์ ส. แสงตะวัน เมื่อซื้อไว้เพื่ออ่านในเมื่อภูมิแน่นแล้วก็ดีครับ อ้อสำหรับคุณในการเรียนโหราศาสตร์ระบบหมอเถาวัลย์นี้ ขอให้ตั้งใจเรียนให้ดี เพราะระบบของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ท่านมิได้ใช้องศาดาวมาเกี่ยวข้อง เมื่อคุณเรียนชั้นสูง(โดยมีอาจารย์คอยสอน) คุณจะเข้าใจได้ลึกซึ้ง และเมื่อเรียนสำเร็จแล้วค่อยไปต่อยอดต่อไปเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย คุณก็จะสามารถพยากรณ์ได้โดยไม่ติดขัด และแม่นยำดังตาเห็น

สวัสดีครับ

53โดย คุณ การเวก (กรวิก)

2 sep 2004 13:08#654887ลบ

เรียน คุณสงสัย

ตามที่คุณถามมาผมขอตอบเป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. ราศีจักร กับ เลข 7 ตัว ความแม่นยำขึ้นอยู่กับผู้พยากรณ์ หากผู้พยากรณ์มีความลึกซึ้งในวิชาไม่ว่าจะเป็นราศีจักร หรือเลข 7 ตัว การพยากรณ์จะออกมาได้แม่นยำ

2. โหราศาสตร์ไทย ต่างกับโหราศาสตร์ยูเรเนียนก็คือ ทางโหราศาสตร์ยูเรเนียนจะมีดาวเนปจูน และดาวพลูโตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สำหรับท่านอาจารย์จรัล

พิกุลท่านใช้โหราศาสตร์ยูเรเนียนในการพยากรณ์

สำหรับเรื่องการทำนายหรือการพยากรณ์ผมได้บอกแล้วในข้อ 1 ที่ว่าเมื่อผู้พยากรณ์สามารถเข้าใจในดวงดาวแล้วแปลดวงดาวออกมาได้ถูกต้องก็จะสามารถทำนายได้แม่นยำ ตัวผมเองเวลาพยากรณ์ให้เพื่อน ๆ บางครั้งยังหน้าแตกเอาปี๊บคลุมหัวไว้ก็มี อันนักโหราศาสตร์หรือนักพยากรณ์บางครั้งบางเวลาก็มีโอกาสที่จะพลาดได้ ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์สมองกลที่มนุษย์สร้างขึ้นมาในบางเวลาบางโอกาสก็เกเรออกอาการที่ไม่สามารถใช้งานได้ คนเราก็เช่นกัน

ผมหวังว่าคำตอบของผมคงสามารถสร้างความกระจ่างกับคุณได้ไม่มากก็น้อย

ปล. ในการเรียนวิชาโหราศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์ยูเรเนียน เลข 7 ตัว (4ฐาน , 9 ฐาน หรือ 11 ฐาน) กราฟชีวิต 10ลัคนา

ไพ่ทาโรห์ อินทพาท-บาทจันทร์ กาลจักรลัคจร ฯลฯ

ทุกวิชาขึ้นอยู่กับผู้พยากรณ์ว่าเรียนได้ลึกซึ้งแค่ไหนเพียงใด คุณลองอ่านตำราต่าง ๆ ดูหรือในหนังสือโหราเวส (ของร้านเขษมบรรณกิจ) ก็จะกล่าวไว้เช่นนี้

ผมหวังว่าคุณเองเมื่อเรียนสำเร็จแล้วคงจะไม่ไปแข่งขันอวดดี อวดเด่นกับผู้อื่นที่เรียนต่างวิชากัน สวัสดี

54โดย คุณ ดิน

2 sep 2004 14:09#654938ลบ

เรียนนอาจารย์การเวกครับ

ผมมีข้อสงสัยอยากจะถามท่านอาจารย์การเวกครับ

ขอถามเป็น 2 ประเด็นนะครับ

1. เมื่อเราหาสมผุสดาวแล้วขับดาวเข้านวางค์เป็นนวางค์จักรนั้น เราดูตำแหน่งว่าดาวนั้นๆ ได้ตำแหน่ง ดีหรือเสียแค่นั้น หรือว่าสามารถเอาภพของลัคนาในนวางค์จักรนั้นมาเป็นภพตนุ แล้วทายตามภพต่างๆได้เลยครับ

2. ส่วนของตรียางค์นั้น สมผุสของดาวและลัคนาจะทำให้เราทราบถึงตรียางค์ที่ดาวและลัคนารวมถึงลูกพิษใช่มั้ยครับ แล้วในส่วนของการขับดาวเข้าตรียางค์จักรนั้นสามารถทำให้เราได้อะไรบ้างครับ และวิธีพิจารณาตรียางค์จักรนั้นเขาพิจารณาอย่างไรครับ

ขอให้อาจารย์การเวกช่วยไขข้อข้องใจให้ผมด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ

55โดย คุณ ดิน

2 sep 2004 14:18#654948ลบ

เรียนนอาจารย์การเวกครับ

ผมมีข้อสงสัยอีกเรื่องที่จะรบกวนท่านอาจารย์การเวกว่า

การผูกดวงของอาจารย์นั้น อาจารย์ใช้วิธีไหน และใช้ปฏิทินระบบไหนด้วยครับช่วยอธิบายเหตุผลด้วยก็ยิ่งดีครับ คือผมจะได้นำมาฝึกปฏิบัติบ้างครับ

56โดย คุณ การเวก (กรวิก)

2 sep 2004 16:11#655041ลบ

เรียน คุณดิน

ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า โดยส่วนใหญ่ผมใช้ระบบของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญในการพยากรณ์ไม่ค่อยได้ใช้เรื่องของนวางค์จักร และตรียางค์จักรในการพยากรณ์ ดังนั้นการตอบคำถามของคุณอาจจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง หรือไม่ก็ดูเหมือนเด็กหัดใหม่

หากผิดพลาดไปประการใด ก็ขอให้ผู้รู้ทุกท่านที่ได้เข้ามาท่องในเวปนี้ช่วยต่อยอดให้ด้วย อนึ่งความจริงยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบ แต่เพื่อมิให้คุณเสียน้ำใจ ก็ขอตอบแบบงู ๆ ปลา ๆ ให้น๊ะครับ คำตอบจะรวบยอดมี 3 ประเด็น คือ

1.เมื่อเราหาสมผุสดาวและขับดาวเข้านวางค์จักรแล้ว

ดวงดาวในนวางค์จักร และลัคนาในนวางค์จักร จะเป็นส่วนขยายลัคนาและดวงดาวในราศีจักรให้ดูเนียน หรือให้รู้ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น สมมุติว่าเมื่อผูกดวงราศีจักรขึ้นมาแล้ว ลัคนาอยู่ราศีมังกร ตนุลัคน์ (ดาวเสาร์) อยู่ราศีเมถุน (ภพอริ) รวมทั้งดาวพุธเจ้าเรือนภพอริสถิตย์เป็นเกษตรอยู่ ตอนนี้หละถึงทางตันก็คือ เจ้าชะตาจะมีปัญหาหรือมีอุปสรรคตลอด (พุธเสาร์ได้คู่สมพล เป็นคู่สมพลเสีย)

แต่อุปสรรคละคืออะไร และอะไรทำให้เกิดอุปสรรค

ไปดูทักษาก็ไม่ละเอียด ทีนี้ต้องเข้าไปดูดวงดาวที่เราขับเข้าในนวางค์จักรดู ปรากฎว่าดาวเสาร์และลัคนาไปอยู่ในราศีมีน (อันราศีมีน เป็นภพสหัสชะของราศีจักร เป็นภพตนุของนวางค์จักร เป็นภพวินาศของโลก) ทีนี้คุณก็จะได้คำตอบว่า อุปสรรคดังกล่าวนี้เป็นเพราะเจ้าชะตาชอบสังคมในหมู่เพื่อนฝูง หรือมีความเอื้ออาทรต่อพี่น้อง คุณก็จะรู้ว่าที่มีอุปสรรคหรือเดือดร้อนนี้มาจากสังคมเพื่อนฝูง หรือสังคมพี่น้อง เป็นต้น

2.ในส่วนของตรียางค์ สมผุสของดาวและลัคนาจะทำให้เราทราบว่าทั้งดวงดาวและลัคนาสถิตย์อยู่ในราศีอะไร ตรียางค์ที่เท่าใด สมมุติอีกเช่นกัน สมมุติว่า

เมื่อเราไล่ดูดาวอาทิตย์แล้วปรากฎว่าดาวอาทิตย์อยู่ราศีเมษ ในสมผุสที่ 5 องศา 10 ลิบดา ปรากฎว่าในราศีเมษ ตรียางค์แรกจะเป็นตรียางพิษนาค ทีนี้ละเราต้องมาดูว่าอันตรียางค์พิษนาคที่สัมผัสถูก จะสัมผัสถูกอย่างจังหรือไม่ มาดู ใน1 ตรียางค์จะมี 3 นวางค์

เมื่อตรียางค์ลูกนั้นเป็นพิษ นวางค์ในตรียางค์นั้นจะแบ่งได้ดังนี้

- นวางค์ที่ 1 และนวางค์ที่ 3 หากดาวใดมีองศาอยู่ในนวางค์ดังกล่าว ก็จะถูกพิษน้อยหน่อย

- นวางค์ที่ 2 (ลูกกลาง) หากดาวใดมีองศาอยู่ในนวางค์ลูกกลาง ก็จะถูกพิษเข้าเต็มที่

ดังนั้น ดาวอาทิตย์มีองศาที่ 5 องศา 10 ลิบดา จึงอยู่ในนวางค์ลูกที่สองถูกพิษนาคเข้าเต็มที่ ความมีมาตรฐานของดาวอาทิตย์ก็จะหย่อนลงไปบางส่วน ในการพยากรณ์ถ้านักพยากรณ์รู้แล้วว่าโดนพิษ ผลที่ได้ก็จะได้ไม่เต็มที่จะถูกทอนลงไปตามดาวที่โดนพิษ

3. การผูกดวงของผมนั้น ผมเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้อีกครั้ง เพราะรับปากอาจารย์ไว้ว่าจะเก็บไว้ใช้ส่วนตัว จะไม่เปิดเผยให้ใครทราบ หวังว่าคุณคงจะไม่ต่อว่าอะไรน๊ะครับ กฎก็คือกฎ อันไหนเปิดเผยได้ อันไหนสามารถถ่ายทอดได้ ผมยินดีให้เสมอ

ผมหวังว่าคำอธิบายดังกล่าวเบื้องต้น คงสามารถทำให้คุณเข้าใจ และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ อย่าลืมว่า ให้ภูมิแน่นก่อนค่อยใช้ สวัสดีครับ

57โดย คุณ การเวก (กรวิก)

2 sep 2004 16:14#655044ลบ

เรียน คุณดิน

อ้อ ลืมบอกไปว่าท่านที่ใช้ระบบการพยากรณ์ของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ หรือของอาจารย์หมอเถาวัลย์

ท่านไม่ต้องใช้ นวางค์ ตรียางค์ เข้าเพื่อพยากรณ์ ในระบบของหมอเถาวัลย์ ครบเครื่องอยู่ในตัวแล้วครับ

58โดย คุณ ดิน

2 sep 2004 20:55#655274ลบ

เรียนอาจารย์การเวก

ขอบคุณท่านอาจารย์การเวกมากครับที่ช่วยไขข้อสงสัยของผม

ในเรื่องของการผูกดวงนั้นอาจารย์บอกไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ แล้วท่านอาจารย์การเวกมีอะไรที่พอจะแนะนำได้บ้างครับ

ระบบการพยากรณ์ของท่านอาจารย์อรุณนั้น ใช้ปฏิทินระบบไหนในการผูกดวงครับแล้วถ้าจะเรียนรู้เรื่องผูกดวงอย่างที่อาจารย์การเวกใช้นั้น ผมจะต้องทำยังไงครับ หรือว่าผมสามารถไปเรียนได้ที่ไหนครับ

59โดย คุณ วิญญู

3 sep 2004 16:49#656014ลบ

เรียนอาจารย์การเวก

ผมได้อ่านนิทานโหรของท่านอาจารย์อรุณ ทางเว็ปไซด์นี้รู้สึกนับถือในอัจฉริยภาพของของท่าน ในเรื่องของวิธีการสอนที่สามารถทำให้เข้าใจได้ง่าย แต่ในนิทานต่างๆนั้น จะเน้นเข้าไปเป็นเรื่องต่างๆแล้ว ผมจึงอยากให้อาจารย์การเวกช่วยอธิบายถึงหลักการในระบบการพยากรณ์ของหมอเถา ประมาณว่าคำจำกัดความก็ได้ครับ ถ้าเปรียบเทียบหลักการพยากรณ์กับระบบอื่นๆหรือยกตัวอย่าง ให้ด้วยก็ยิ่งดีครับ

60โดย คุณ การเวก (กรวิก)

6 sep 2004 07:37#658202ลบ

เรียน คุณจ้อย

หนังสือของท่านอาจารย์พันเอกเอื้อน มณเทียรทอง

ใช้ชื่อว่า "พระคัมภีย์โหราศาสตร์ประยุกต์"

61โดย คุณ การเวก (กรวิก)

6 sep 2004 07:40#658204ลบ

เรียน คุณดิน

ระบบการพยากรณ์ของท่านอาจารย์อรุณนั้น ท่านคงจะใช้ระบบที่พวกเรา ๆ ท่าน ๆ ใช้ในปัจจุบัน ส่วนเรื่องการเรียนในระบบของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญหรือ หมอเถาวัลย์นั้น คงจะต้องติดต่อมูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในเวปนี้ละครับ

62โดย คุณ การเวก (กรวิก)

6 sep 2004 07:48#658210ลบ

เรียน คุณวิญญู

ตามที่คุณระบุไว้ว่าอยากจะทราบถึงหลักการในระบบพยากรณ์ของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ ท่านจะเน้นในเรื่องของความสัมพันธ์ของดาวและภพ ในเรื่องของอาศา ลิปดา ของดาวนั้นท่านจะไม่ค่อยนำเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งในเรื่องของตรียางค์จักร นวางค์จักร เพราะระบบของท่านครบเครื่องสมบูรณ์โดยไม่ต้องเข้าไปดูในตรียางค์จักร หรือนวางค์จักร เพื่อหาที่ไปที่มาของเหตุที่เกิดว่าคืออะไร ซึ่งในระบบอื่นต้องดูองศา ลิปดา ของดวงดาว หากยังไม่กระจ่างก็ต้องดูในตรียางค์จักร หรือในนวางค์จักร เพื่อนำมาขยายความในจักราศี หากคุณเคยเรียนในเรื่องของการผูกดวงอีแปะ (จักราศี) มาแล้วในระบบอื่น เมื่อคุณมาเรียนหลักและวิธีการพยากรณ์ของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ย หรือหมอเถาวัลย์แล้ว คุณจะสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้และรวดเร็ว ผมหวังว่าคำตอบเบื้องต้น คงจะทำให้คุณเข้าใจในระดับหนึ่ง สวัสดีครับ

63โดย คุณ จ้อย

11 sep 2004 09:04#663260ลบ

เรียน คุรุการเวก

กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วนะคะ คราวนี้เรามีคำถามจะมาถามท่านครู ท่านครูเคยอ่านหนังสือของอาจารย์พลูหลวงหรือเปล่า ชื่อโหราศาสตร์ภาคพิศดาร ว่ากันว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจ ยังสงสัยว่าท่านอาจารย์พลูหลวง เดิมท่านเล่าเรียนวิชาโหรจากอาจารย์ของท่านที่วัดลาดบัวขาวใช่ไหมคะ แต่ทำไมท่านจึงมาสนใจโหราศาสตร์สากล ที่หนูถามท่านครูเพราะเห็นว่าท่านครูอยู่ในวงการนี้มานาน หนูเองเสียอีกเป็นเหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน ถ้าหนังสือดีก็จะค่อย ๆ ทยอยซื้อเก็บไว้เผื่อจะเป็นประโยชน์ในอนาคต

64โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

12 sep 2004 18:38#664316ลบ

เรียนอาจารย์ การเวกครับ

ต้องกลับมาขอคำปรึกษาอีกครั้งครับ คำถามที่ผมถามอาจไม่เข้าเรื่องเข้าราว ก็ขออภัยด้วย

คำถามคือ ดาวดีศุภเคราะห์อย่างเช่นดาวพฤหัส อยู่ในเรือนวินาสในพื้นดวงเดิม เมื่อดาวพฤหัสเป็นดาวจร ไปอยู่ในเรือนการเงิน

อยากทราบว่า ความวินาสของเรือนเดิมจะตามดาวพฤหัสไปด้วยหรือเปล่า

อย่างเช่น คนที่เกิดราศีสิงห์ ดาวพฤหัสพื้นดวงเป็นเกษตรอยู่เรือนมรณะ เมื่อจรเข้าราศีกันย์ในเรีอนกดุมพะของราสีสิงห์และ ที่ราศีกันย์มีดาวพุธพื้นเดิมเป็นเกษตรตั้งรับอยู่

อยากทราบมา จะเกิดเรื่องดีหรือร้ายอย่างไรกับคนผู้นี้ครับ

คือที่ต้องถามเพราะผมมีความเข้าใจว่า ดาวพฤหัสเป็นดาวให้คุณเมื่ออยู่เรือนไหนก็ให้ประโยชน์แก่เจ้าชะตา เมื่ออยู่เรือนร้ายก็ไม่ให้คุณแก่เจ้าชะตา แต่เมื่อออกจากเรือนร้ายแล้วให้คุณโทษหรือไม่ครับ

ด้วยความนับถือ

65โดย คุณ การเวก (กรวิก)

13 sep 2004 07:19#664636ลบ

เรียน คุณจ้อย

การตอบครั้งนี้อาจจะต้องทำให้ผิดหวังสักนิดหนึ่ง

อันที่จริงตอนผมเรียนวิชาโหราศาสตร์ก็อยากจะซื้อตำราของอาจารย์หลาย ๆ ท่านเข้ามาเก็บไว้เพื่ออ่านในภายหลัง หลังจากภูมิความรู้ของเราแน่น แต่เผอิญในช่วยนั้นเพื่อนร่วมรุ่นของผมท่านมีตำราของท่านอาจารย์พลูหลวงอยู่และศึกษามานานถือเป็นเล่มครูก็ว่าได้ และเมื่อเรียนวิชาของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ จบแล้ว ทางเพื่อนของผมเขายังหลงประเด็นอยู่ จึงทำให้ผมตัดสินใจใช้วิชาของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ

เพียงอย่างเดียว มิได้เข้าไปศึกษาในวิชาของท่านอาจารย์พลูหลวงเลย เพราะกลัววิชาจะตีกันเองเนื่องจากเป็นการมาคนละสาย จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับ

66โดย คุณ การเวก (กรวิก)

13 sep 2004 07:44#664642ลบ

เรียน คุณขอเป็นศิษย์

ตามที่คุณถามมาเกี่ยวกับเรื่องของดาวพฤหัสผมขอตอบเป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. กรณีดาวศุภเคราะห์เช่น ดาวพฤหัสบดี อยู่ในเรือนวินาสพื้นดวงเดิม เราต้องมาดูก่อนว่า ดาวพฤหัสบดีในพื้นดวงเดิมมีตำแหน่งหรือไม่ (หมายถึงเป็น เกษตร อุจจ์ ราชาโชค มหาจักร อุจจาวิลาส อุจจาภิมุข ประ หรือนิจ) และภพเดิมของดาวพฤหัสคือภพอะไรบ้าง (เพราะดาวพฤหัสบดี เป็นเจ้าเรือน 2 ราศี คือ ราศีธนู และราศีมีน) เมื่อคุณดูจรก็ต้องนำความหมายของภพเดิมเข้ามาผสมผสานด้วยเพื่อให้การพยากรณ์เป็นไปอย่างกลมกลืน รวมทั้งคุณต้องดูด้วยว่าดาวจรทับดาวเดิมอะไร ส่วนนี้ก็ต้องนำเข้ามาพิจารณาประกอบในการพยากรณ์

2. ตามประเด็นที่ว่าดาวพฤหัสอยู่เป็นเกษตรเรือนมรณะ (ราศีมีน) แต่เผอิญดาวพฤหัสเป็นพระเคราะห์ 2 เรือน จึงเป็นเจ้าเรือนภพปุตตะด้วย ในสิ่งที่คุณถามว่าเมื่อดาวพฤหัสจรเข้าในราศีกันภพกดุมพะเดิม และดาวพุธเจ้าเรือนภพกดุมพะสถิตย์เป็นเกษตรอยู่ในเรือนของตนเอง เมื่อพฤหัสจรเข้ามาในราศีกันย์ภพกดุมพะเดิม หากคุณดูจรก็ต้องดูว่าในปีนั้นภพจรที่พฤหัสเป็นเจ้าเรือนอยู่นั้นคือภพอะไร เมื่อมาเข้าพื้นเดิมก็ต้องนำความหมายของภพจร ภพเดิม ของดาวพฤหัสเข้ามาผสมผสานกับภพเดิมของกดุมพะเดิม ก็จะเป็นการพยากรณ์ในปีปัจจุบัน หากยังไม่สามารถชี้แจงได้ละเอียดก็ต้องนำความหมายในทักษา และราศีธาตุเข้ามาเกี่ยวข้องอีกประเด็นด้วย

3. ดาวพระเคราะห์ในวิชาโหราศาสตร์ไทยนั้นแบ่งเป็น 2 พวก คือ

-ดาวศุภเคราะห์ (ดาวจันทร์ ดาวพุธ ดาวพฤหัสดี และดาวศุกร์)

-ดาวบาปเคราะห์ (ดาวอาทิตย์ ดาวอังคาร ดาวเสาร์ และราหู)

-ดาวเกตุ และ ดาวมฤตยู สองดวงนี้จะเป็นดาวเสริมกล่าวคือ ถ้าพื้นดีมีเกตุหรือมฤตยูร่วม ก็จะส่งเสริม ถ้าพื้นไม่ดีมีเกตุหรือมฤตยูร่วมก็จะถูกเบียน

-สำหรับดาวศุภเคราะห์เวลาให้คุณ ให้โทษ ก็จะเป็นไปอย่างนุ่มนวล ส่วนดาวบาปเคราะห์เวลาให้คุณ ให้โทษก็จะเป็นไปอย่างโผงผาง รุนแรง

คำอธิบายเบื้องต้นคงสามารถทำให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ประกอบในการพยากรณ์

สวัสดีครับ

67โดย คุณ การเวก (กรวิก)

13 sep 2004 08:20#664667ลบ

เรียน คุณขอเป็นศิษย์

ผมลืมบอกไป อันดาวพฤหัสบดีเป็นเกษตรอยู่ราศีมีน เมื่อจรมาทับดาวพุธในราศีกันย์ ไม่ค่อยมีผลเท่าไร

เพราะพุธเป็นเกษตรเจ้าเรือน ส่วนดาวพฤหัสจรมาเป็นประ จะระรายได้เพียงเล็กน้อย หรือไม่ระคายเลยก็ได้

เอาละ หากผมมีเวลาจะลองวิจารย์ดวงของคุณจันจิราให้ดู (เพียงดวงเดียวเท่านั้น) เพื่อให้เป็นดวงตัวอย่างสำหรับผู้ที่เรียนสายของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ

สวัสดีครับ

68โดย คุณ ขอเป็นศิษย์

13 sep 2004 10:50#664821ลบ

เรียนอาจารย์ครับ

ขอสรุปอีกครั้งว่า เมื่อดาวศุภเคราะห์อยู่ในเรือนเสีย คืออริ มรณะ วินาศ ในพื้นดวงเดิม เมื่อจรไปเรือนไหนๆ ก็เอาความร้ายของเรือนเดิมที่ตัวเองอยู่พื้นเดิม ไปด้วย

ถูกต้องไหมใคร

ถ้าเช่นนั้น ดาวราหู อยู่เรือนกดุมพะและในพื้นเดิมเป็นเจ้าเรือนเกษตร ในเรือนลาภะ

เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจะวิเคราะห์ว่า ราหูล้วงทรัพย์

หรือจะได้โชคลาภจากราหูหรือจากการเสี่ยงครับ

เป็นอย่างนี้แหละครับอาจารย์ คือไม่ได้เรืยนจากสำนักไหนโดยตรง ก็มีข้อสงสัยมากไปหมด ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี บ้างครั้งก็เบื่อครับอาจารย์ แต่อาจารย์อย่าเพิ่งเบือผมนะครับ

ขอบคุณครับอาจารย์

69โดย คุณ การเวก (กรวิก)

13 sep 2004 12:41#664942ลบ

เรียน คุณขอเป็นศิษย์

ก่อนอื่นผมต้องออกตัวก่อน เพราะไม่ได้ออกตัวมาตั้งแต่ต้น คือผมยังไม่อยากตั้งตัวเป็นอาจารย์เพราะยังไม่แก่พรรษาเท่าใด เพียงแต่อยากให้ผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไม่ต้องหลงทางเรียนโน่น เรียนนี่สะเปะสะปะไปหมด หนสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

เอาละผมขอตอบให้ทราบดังนี้

1. อันดาวศุภเคราะห์อยู่ในเรือนเสีย ในพื้นดวงเดิม เมื่อจรไปเรือนไหนก็เอาความหมายของภพที่อยู่ในพื้นดวงเดิมไปด้วย รวมทั้งความหมายของภพตนเองที่เป็นเจ้าเรือนอยู่ อีกทั้งหากมีดาวลอยดวงอื่นอยู่ร่วมราศีเดียวกัน (เดิม) ก็ต้องหนีบเอาความหมายของดาว

(คือตำแหน่ง) รวมทั้งความหมายของภพไปด้วย ประมาณ 30-40%

2. ราหูเป็นเกษตรอยู่ราศีกุมภ์ภพลาภะ แสดงถึงเจ้าชะตาจะมีลาภจากการเสี่ยง การพนัน การทำงานที่ไม่เปิดเผย ฯลฯ เมื่อราหูจรไปอยู่ราศีพฤษภ ภพกดุมพะ

เราก็ต้องมาดูว่าเจ้าเรือนเดิมภพกดุมภะเสียหรือไม่ ดาวเจ้าเรือนมีตำแหน่งอะไร ไปสถิตย์อยู่ภพอะไร

อยู่ธาตุอะไร ทางทักษาเป็นอะไร ความหมายต่าง ๆ เหล่านี้มีความสำคัญที่เราจะต้องนำมาประมวลเพื่อออกคำพยากรณ์

อันดาวราหูไปอยู่ที่ใดก็จะนำเอาเงามืดไปสู่ ซึ่งในตำราของครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่านได้แต่งเอาไว้ถึงสรรพคุณต่าง ๆ มีทั้งดี และไม่ดี ก่อนนำไปใช้ต้องดูว่าดาวเดิมดังกล่าวเข้าเกณฑ์อะไรบ้าง เสียหรือไม่ มีตำแหน่งอะไร เป็นดาวธาตุอะไร ไปอยู่ในราศีธาตุอะไร ทางทักษาเป็นอย่างไร มิใช่ว่าพอเห็นเป็นดาวราหูก็จะทายเสียตะพื๊ดตะพือ การศึกษาวิชาโหราศาสตร์นั้นเขาให้ใช้หลักการพิจารณา วิเคราะห์

ความเป็นไปเป็นมาของดาวของภพ มิใช่ให้ท่องจำเป็นเส้นตรง

หวังว่าการอธิบายคงสามารถสร้างความเข้าใจบ้างไม่มากก็น้อย เดี๋ยวผมจะเข้าไปในเรื่องของคุณจันจิรา

หากคุณจะศึกษาก็เชิญดูที่กระทู้ของคุณจันจิราได้

สวัสดีครับ

70โดย คุณ ดิน

13 sep 2004 16:47#665232ลบ

เรียนถามอาจารย์การเวกครับ

มีข้อสงสัยอยากถามอาจารย์ดังนี้ครับ

1. ลัคนาอยู่ราศีพฤษภ เจ้าเรือนคือศุกร์ไปอยู่ที่วินาศเกิดวันอาทิตย์ศุกร์ก็เป็นกาลีด้วย ต้องทายเสียใช่มั้ยครับ แล้วศุกร์ก็มาจากอริ บางตำราบอกว่าอริอยู่วินาศคือศัตรูจะพินาศ การผสมความหมายเพื่อพยากรณ์จะออกมาเป็นยังไงครับ(ในเรือนวินาศมีดาวอังคารและพุธอยู่ด้วยครับ)

2. พุธกับศุกร์และศุกร์กับอังคาร ตามตำราเรื่องเพศ ถ้าไม่อยู่ในเรือนปัตานิ แต่อยู่เรือนอื่นนั้นมีผลเหมือนกันมั้ยครับ มีบางตำราบอกว่า เป็นตนุ พันธุและลาภาเทพวิวาห์ให้ดีสุขีเอยหมายความว่าอย่างไรครับ

3. ดวงที่ถามนี้ ถ้าผูกตามปฏิทินอาจารย์ทองเจือดาวพุธซึ่งมาจากกฎุมพะและปุตตะอยู่ตนุแต่ถ้าของอาจารย์เทพย์พุธจะอยู่ที่วินาศ จะตีความหมายตามไหนดีครับ

71โดย คุณ ดิน

13 sep 2004 17:06#665254ลบ

เรียนถามอาจารย์การเวกครับ

ขอถามอีกเรื่องครับ ในดวงเดียวกันกับด้านบน ถ้าผูกดวงปฏิทินอาจารย์ทองเจือมีดาวอาทิตย์และพุธได้คู่วิชาการอยู่ร่วมกับเกตุในภพตะนุ ถ้าตามอาจารย์เทพย์ จะมีแค่อาทิตย์กับเกตุ อยาให้อาจารย์อธิบายถึงเรื่องพระเกตุกุมลัคน์มีความหมายว่าอย่างไรบ้างครับและอาทิตย์,พุธ,เกตุอยู่ร่วมกันในตนุ หมายความว่าอย่างไร และถ้าอาทิตย์อยู่ร่มกับเกตุ หมายความว่าอย่างไรครับ

และอยากทราบว่าระบบการพยากรณ์ของอาจารย์อรุณนี้ ใช้ได้กับทั้งสุริยยาตร์และนิรายนะหรือเปล่าครับ หรือว่าเหมาะกับระบบไหน อยากให้อาจารย์กรุณาไขข้อข้องใจให้ด้วยครับ

72โดย คุณ การเวก (กรวิก)

14 sep 2004 07:56#665738ลบ

เรียน คุณดิน

คำถามของคุณผมคงสรุปรวบยอดทีเดียวเลย บางทีอาจจะเป็นที่พอใจ หรือเป็นที่ไม่พอใจก็เป็นได้ คำตอบมีดังนี้

1. ในเรื่องของดาวที่เราผูกดวงออกมานี้ ใครจะใช้ตำราของท่านอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว หรือใช้ของท่านอาจารย์เทพ สาริกบุตร ก็แล้วแต่ท่านที่จะถนัดใช้ของใคร (เป็นสิทธิของแต่ละท่าน)

2. ตามข้อ 1 ในความเห็นที่ 70 ตรงนี้ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าจะอธิบายเฉพาะดาวที่ถาม ความจริงการผูกดวงขึ้นมาต้องใช้ดาวทั้งหมด ดูที่มาที่ไป ดูตำแหน่งของดาวแต่ละดวงว่ามีตำแหน่งอย่างไร ดี หรือ เสีย ทั้งในราศีจักร และทางทักษา แต่ในที่นี้ผมจะใช้ดาวเฉพาะที่คุณถามจึงอาจจะเป็นการตอบแบบมีขอบเขตอันจำกัด เริ่มเลยน๊ะครับ

-ดูศุกร์ก่อน ดาวศุกร์เป็นตนุลัคน์ (ประ) อยู่เรือนอังคาร (อังคารเกษตร) ได้คู่มีตร มีพุธร่วมด้วยเป็นดาวคู่ธาตุกับดาวศุกร์

-ศุกร์เป็นดาวที่ครองสองภพ (สองราศี) คือราศีพฤษภ (ภพตนุ) และราศีตุลย์(ภพอริ)

-อังคารก็เช่นกันรวมทั้งดาวพุธด้วย ที่เป็นดาวครองสองภพ (อังคาร = ภพปัตตนิ และวินาศ ส่วน

พุธ= ภพกดุมภะ และปุตตะ)

-ศุกร์ตนุ เป็นประ (กาลีทางทักษา) ตรงนี้ถ้าจะแปลความหมายนั้นหมายถึงตัวเจ้าชะตาวิ่งไปหาความวินาศเอง ทีนี้ศุกร์ถ้าจะให้ความหมายของดาวก็คือเรื่องการเงิน ความรัก ความสุขสบายฯลฯ

-อังคารละเป็นปัตตนิและวินาศแต่รักที่จะอยู่เรือนวินาศ รวมทั้งยังเป็นศรีทางทักษา

-พุธละ เป็นกดุมภะ และปุตตะ คือมูลละทางทักษา

-ถ้าจะให้ความหมายสรุปก็คือ เจ้าชะตามีคู่อยู่ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ (ศุกร์ +อังคาร) สิ่งนี้ถ้าจะให้จำเพาะเจาะจงก็คือ ศุกร์กาลี คือไม่สามารถเปิดเผยได้ถ้าเปิดเผยขึ้นมาก็จะกาลี , มาดูเรื่องของเงินทอง (พุธ)

เงินทองของเจ้าชะตาต้องมาจุนเจือคู่ครองรวมทั้งส่งเสียบุตร (ถ้ามี) เพราะพุธเป็นเจ้าเรือนกดุมภะและปุตตะ แสดงถึงการเงินของเจ้าชะตาหมดไปหาที่ไปที่มาไม่ได้ ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะมีคู่ที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูรวมทั้งส่งเสียบุตร ซึ่งเรื่องดังกล่าวเปิดเผยไม่ได้ เปิดเผยแล้วจะเป็นกาลีสำหรับเจ้าชะตา (ผมคงจะอธิบายได้ให้พอเข้าใจได้ดังนี้)

3. ตาม70 ข้อ 2 ตามตำราของท่านอาจารย์มหาบรรเทา ในเรื่องพระเคราะห์คู่ ต้องมีดาวดวงใดดวงหนึ่งเป็นเจ้าเรือนปัตตนิ หรือถ้ามิใช่ ดาวทั้งคู่นั้นต้องอยู่ในเรือนปัตติ

4.ตาม70 ข้อ 3 ได้ตอบแล้วในข้อ 1

5. ตาม71 อันนี้เรื่องใช้ตำราของอาจารย์ใดก็สุดแล้วแต่ความถนัดของแต่ละท่าน

ตรงนี้ผมจะตอบเรื่องของดาวเกตุ อันดาวเกตุกุมลัคน์ถ้าจะตีความหมายมันจะมีความหมายได้มากมายเช่น

เป็นคนที่สามารถเรียนวิชาโหราศาสตร์ได้ดี เป็นคนที่มีความคิดยอกย้อนเป็นเลิศ เป็นคนที่มีเทพคุ้มครองมาตั้งแต่เกิด เป็นต้นฯ โดยความเป็นจริงของโหราศาสตร์ไทยให้ใช้แนวสถิติเป็นหลัก เช่นเวลาคุณดูดวงหรือผูกดวงให้ใครก็เก็บสถิติไว้ว่าตรงกับครูบาอาจารย์หรือไม่อย่างที่ว่า เกตุกุมลัคน์เป็นเช่นไร โดยส่วนใหญ่ตามตำราครู เกตุกุมลัคน์ ของท่านอาจารย์ฮก ท่านจะว่าเกตุกุมลัคน์ถ้าเป็นหญิง (มิใช่ทะลึ่งน๊ะครับ) เค๊าจะว่าที่อวัยวะเพศจะมีติ่งงอกมา ผู้ชายก็เช่นกันจะคดหรือไม่ตรง และหากมีดาวอาทิตย์ พุธ เกตุ

กุมลัคนาในราศีสิงห์ด้วยแล้วจะเป็นคนที่ขาดเรื่องทางเพศไม่ได้ (บางตำราจะบอกว่าเป็นฮิสทีเรีย)

ในการจะตีค่าของดาวให้ดูว่าดาวนั้นเป็นเจ้าเรือนภพใด มีตำแหน่งอะไร เสียหรือไม่ มีดาวอื่นมาร่วมราศีด้วยหรือไม่ ถ้ามีดาวดวงนั้นดีหรือเสียอย่างไร ทางทักษาเป็นอย่างไร เป็นดาวที่มีธาตุเข้ากันได้หรือไม่ อยู่ราศีธาตุใด เป็นราศีธาตุหรือศัตรู ส่งเสริมกันหรือขัดแย้งกัน หากสามารถพิจารณาได้ดังกล่าวข้างต้น คุณก็สามารถพยากรณ์ได้ถูกไปถึง 50% แล้ว

6. ระบบการพยากรณ์ของท่านอาจารย์อรุณนี้ ใช้ได้ทั้งสองระบบ เมื่อคุณสามารถเข้าใจในวิธีการใช้ของท่านตามตำรา

7. สำหรับข้อนี้ผมคงต้องอธิบายให้เข้าใจ กล่าวคือ ผมได้กล่าวไว้ใน67 ว่าจะวิจารย์ดวงของคุณจันจิรา (ที่ได้ตั้งกระทู้ไว้) และได้กล่าวถึงการผูกดวงของท่านอาจารย์ทองเจือ และท่านอาจารย์เทพ

ซึ่งจะมีดาวพุธอยู่คนละราศี ในการแสดงดังกล่าวนั้นผมตั้งใจจะใช้ชี้แจงอธิบายประกอบกับเรื่องของปัตติที่คุณจันจิราได้ถามไว้ ว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร หรือว่าในชีวิตของคุณจันจิราจะเกิดอะไร เป็นอย่างไร สอดคล้องกันไหม เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ใช้ความละเอียดรอบคอบในการดู แต่เรื่องของการจะใช้ตำราของอาจารย์ท่านใดในการผูกดวงก็ต้องแล้วแต่ความถนัดของแต่ละท่าน

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทุกท่านที่ได้ท่องเข้ามาในเวปนี้จะได้สาระ ความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้น สวัสดีครับ

73โดย คุณ ดิน

14 sep 2004 09:15#665790ลบ

เรียนอาจารย์การเวกครับ

ผมต้องขอขอบคุณอาจารย์มาก ที่ให้ความรู้ซึ่งผมไม่รู้จะไปถามใครที่ไหน และผมยังมีคำถามจากคำตอบของอาจารย์อีก ก็คือ ในส่วนของทักษานั้น อาจารย์ใช้การนับแบบไหน เพราะผมไม่ค่อยได้ศึกษาในเรื่องทักษามาสักเท่าไหร่ คือที่ผมส่งสัยก็คือว่า ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าผมมีคำถามดังนี้ครับ

1. ตามที่ถามเจ้าชะตาเกิดวันอาทิตย์ ศุกร์เป็นกาลกิณี อาทิตย์คือบริวารหรือเปล่าครับ ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่า อังคาร เป็นศรี และพุธเป็นมูละ ไม่ใช่อังคารเป็นเดช และพุธเป็นศรีเหรอครับคือผมอยากทราบว่าการนับของผมถูกหรือเปล่าครับ

2. อยากทราบว่า การนับทักษาจร นั้นเมื่อนับไปตกเข้าตากลางนั้น เราต้องแทนตากลางเป็นดาวอะไรครับ

ขอให้อาจารย์ช่วยอธิบายด้วยครับ

74โดย คุณ ดิน

14 sep 2004 09:20#665792ลบ

ขอโทษครับ พิมพ์ผิดไปหน่อย ในข้อที่1 จากทำไมอาจารย์ถึงศรี ขอเปลี่ยนเป็น ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่า อังคารเป็นศรี และตอนสุดท้ายของข้อ1 คือผมอยากทราบว่า การนับของผมถูกหรือเปล่าครับ

75โดย คุณ ดิน

14 sep 2004 09:24#665798ลบ

อ้าวผมพิมพ์ถูกแล้วนี่ ทำไมเมื้อกี้มันโชว์ไม่ครบเหมือนผมพิมพ์ผิดล่ะ ขอโทษด้วยครับ


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 01:07น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 2


76โดย คุณ การเวก (กรวิก)

14 sep 2004 10:40#665868ลบ

เรียน คุณดิน

ก่อนอื่นต้องขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และต้องขอขอบคุณคุณดินที่ได้ช่วยกรุณาท้วงติง ที่คุณดินท้วงติงมานั้นถูกต้องแล้ว ผมนับทักษาผิดพลาดเอง

เมื่ออังคารเป็นเดชจะมีความหมายถึงความมีอำนาจ

ความได้รับการเกรงใจจากบุคคลอื่น ฯลฯ ผมต่อเลยน๊ะครับ ในกรณีที่คุณถามสรุปความเพิ่มเติมก็จะหมายถึงหากเจ้าชะตาจะไปสั่งสอนใครก็สั่งสอนไม่เต็มปาก

เพราะตนเองมีชงักติดหลังอยู่ ตนเองยังปฏิบัติไม่ได้แล้วจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร จะเปรียบเทียบตนเองให้ผู้อื่นฟังก็คงเป็นเรื่องเสียหาย อีกทั้งอังคารเดชตัวนี้ยังหมายถึงเจ้าชะตาตกอยู่ใต้อาณัติของคู่ครองอีกด้วย

เมื่อมีปัญหาคราใดก็จะทะเลาะเบาะแว้งกันแต่ก็ยังอยู่กันได้ เพราะศุกร์-อังคารได้คู่มิตร (อังคาร+พุธ คือการทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำแต่ก็ยังมีลูกหัวปีท้ายปี ที่ไม่เลิกกันเพราะ ศุกร์กับอังคารนั่นเอง

สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณคุณดินอย่างมากที่ได้ช่วยท้วงติงในความผิดพลาดของผม คุณเป็นคนละเอียดดีครับ สวัสดีครับ

77โดย คุณ ดิน

14 sep 2004 11:11#665921ลบ

เรียนอาจารย์การเวกครับ

จาก73 ข้อ2 อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายหน่อยครับ เพราะผมเคยเห็นบางตำรานับทักษามาถึงบริวาร แล้วเข้าตากลางโดยตากลางนั้น ใช้ดาวอุตสาหะแทน บางตำราก็ให้นับถึงดาวอาทิตย์แล้วเข้าตากลาง โดยให้ดาวจันทร์แทนตากลางแล้วก็นับต่อที่จันทร์อีกที คือผมอยากทราบว่า วิธีการนับทักษาจรนั้น ถ้าตามระบบพยากรณ์ของอาจารย์อรุณนั้นนับวิธีไหนครับ

78โดย คุณ สว่างนภา

15 sep 2004 16:46#667181ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

จันทร์อยู่ในเรือนเสาร์ เป็นดาวคู่ศัตรู หมายถึงการพลัดพรากนั้น และถ้าเสาร์อยู่ในเรือนจันทร์ จะมีความหมายเหมือนกันไหมอย่างไร (จันทร์เป็นเจ้าเรือนอริ สถิตภพสหัชชะในเรือนอังคารราศีเมษ และเสาร์เป็นเจ้าเรือนวินาสน์ราศีมังกร ลัคนาราศีภุมภ์) เราควรจะตีความหมายว่าอย่างไรค่ะ ขอคำแนะนำด้วย

79โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 sep 2004 08:04#667752ลบ

เรียน คุณดิน

ตามที่คุณดินถามมาเกี่ยวกับเรื่องของทักษานั้น ตามความจริงในการนับทักษาขึ้นอยู่กับตำราของอาจารย์แต่ละท่าน คุณเรียนกับอาจารย์ท่านใด ท่านสอนอย่างไร ก็คงจะต้องใช้อย่างนั้น เพียงแต่ว่าเมื่อคุณต้องการรู้ให้ลึกซึ้งคุณคงจะต้องหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับทักษามาอ่าน เพราะการนับมีหลายแบบเช่น (ผมจะยกตัวอย่างพอคร่าว ๆ ให้ดูน๊ะครับ)

1. ในการนับทักษาทางเลข 7 ตัว ส่วนใหญ่เมื่อนับย้อนมาถึงดาวอาทิตย์แล้วจะเข้าตากลางก่อน หากอายุที่นับได้ (อายุย่าง) ก็จะใช้ดาวพฤหัสแทน

2. ในการนับทางโหราศาสตร์ไทยนั้นมีมากมาย มีทั้งการนับอายุของดาวครองวัย อายุย่าง แถมยังมีการนำกำลังดาวเข้าบวกเข้าลบ ตรงนี้แหละที่ว่าเรียนอาจารย์ท่านใดมา ท่านสอนมาอย่างไรก็คงจะต้องเป็นไปอย่างนั้น

3. ในการไม่ผูกดวงเลย หรือไม่ใช้เลข 7 ตัว เพียงใช้แต่วันเกิดทางทักษาออกคำพยากรณ์ก็ใช้ได้ในระดับหนึ่ง ความแม่นยำขึ้นอยู่กับผู้ให้คำพยากรณ์ (อันนี้เป็นการพยากรณ์ในหมู่เพื่อนฝูงน๊ะครับ หากใครจะนำไปใช้ หรือทดลองใช้มิได้หวงห้าม) ที่ว่าใช้ทักษาในการพยากรณ์คร่าว ๆ นั้นเนื่องมาจากว่าทางเจ้าชะตาไม่ทราบว่าเกิดเดือนใด ปีใด เวลาใด ตรงนี้เราก็สามารถใช้ทักษาเพียงอย่างเดียวพยากรณ์ให้ได้ (แต่ไม่เต็ม 100%)

สรุปก็คือหากคุณนำทักษาที่คุณเรียนมาไปใช้ในการประกอบคำพยากรณ์แล้วไม่เข้าประเด็น คุณคงต้องจดสถิติไว้ว่า คุณใช้ทักษาในลักษณะใดแล้วเข้าประเด็น

ผมหวังว่าคำตอบข้างต้นคงสร้างความเข้าใจให้คุณได้บางส่วน ไม่มากก็น้อย คงไม่ว่ากันน๊ะครับ สวัสดี

80โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 sep 2004 08:22#667768ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ตามคำถามที่คุณถามมา เอาตามความเข้าใจของผมน๊ะครับ

-ลัคนาอยู่ราศีกุมภ์

-ดาวเสาร์สถิตย์อยุ่ราศีกรกฎภพอริ

-ส่วนดาวจันทร์เจ้าเรือนภพอริไปสถิตย์อยู่ภพสหัสชะ

สมมุติดาวและลัคนาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวไม่ต้องไปสนใจในเรื่องว่าดาวเจ้าเรือนภพสหัสชะไปอยู่ที่ใด ในที่นี้เรามาดู จันทร์เจ้าเรือนภพอริ (มหาจักรและอุจจาวิลาศ) มาอยู่เรือนอังคาร(ธาตุลม) ภพสหัชชะ (ดาวธาตุดินมาอยู่ในราศีธาตุลม) แสดงถึงว่าเจ้าชะตาจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นอยู่เสมอ (อุจจาวิลาส เปรียบเสมือนจะเป็นอุจจ์อยู่แล้ว แต่ในตำราที่อาจารย์มหาบรรเทา ท่านเปรียบเสมือนราชาโชค) กับญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ หรือในการติดต่อ หรือการไปเที่ยว (แบบเช้าไปเย็นกลับ) โดยอุปสรรค์ดังกล่าวมาจากการจุกจิก จู้จี้ ความเป็นคนที่กระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า (ดาวเสาร์ ที่มาจากวินาศ (ประ)เราเอาความหมายของดาวเสาร์เข้ามาประกอบการพยากรณ์เกี่ยวกับดาวจันทร์ภพอริที่ไปอยู่ในภพสหัสชะ ว่าอริที่ว่านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร)

จากการยกตัวอย่างเบื้องต้นผมหวังว่าคงจะสร้างความกระจ่างให้กับคุณสว่างนภา น๊ะครับ

81โดย คุณ การเวก (กรวิก)

16 sep 2004 08:57#667790ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ผมลืมไปเดี่ยวคุณจะถามมาอีกว่า สหัสชะนี้สามารถหมายถึงการแข่งขันได้ไหม ย่อมได้ ถ้าคิดในกรณีนี้ก็จะหมายถึง การแข่งขันครั้งนี้มีอุปสรรค ซึ่งอุปสรรคดังกล่าวมาจากการขาดความละเอียดรอบคอบ (เสาร์เป็นประ)

มีเท่านี้ละครับ

82โดย คุณ ดิน

16 sep 2004 10:11#667848ลบ

เรียนถามอาจารย์การเวกที่เคารพ

ผมมีข้อสงสัยอีกแล้วครับ ซึ่งความจริงผมมีเยอะมากแต่ไม่รู้จะไปถามใคร ในตอนนี้ก็คงจะมีแต่อาจารย์ที่จะช่วยให้ผมเข้าไปได้แล้วในหลายๆเรื่องที่ถาม ตอนนี้ไม่ฝากตัวก็เหมือนเป็นศิษย์ไปแล้วครับ ผมมีข้อสงสัย อยู่2 ข้อที่จะถามครับ

1. ลัคนาอยู่ราศีพฤษภ เกิดวันอาทิตย์ ดาวเจ้าเรือนมรณะคือ พฤหัสราศีธนู อีกเรือนคือลาภะราศีมีน มาเป็นอุจจ์ที่ภพสหัชชะราศีกรกฎ จันทร์เจ้าเรือน ไปอยู่ที่ราศีกุมภ์ภพกัมมะ เสาร์,ราหูเจ้าเรือนมาเป็นประ ที่ราศีสิงห์แต่ได้คู่มิตร อยากถามอาจารย์ในประเด็นที่ว่า

1.1 พฤหัสที่เป็นอุจจ์โดยที่มาจากมรณะ

1.2 เจ้าเรือนกัมมะที่เป็นประแต่ได้คู่มิตร

1.3 จันทร์ที่ลอยในภพกัมมะมีความหมายว่าอะไรบ้าง เคยได้ยินในเรื่องของดาวจอมฟ้าหรือกลางฟ้า เราสามารถตีความหมายได้อย่างไรครับ

2. ผมเคยอ่านเจอเกี่ยวกับ กราฟปฏิทินดวงดาวเห็นบอกว่า ท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญเป็นคน สร้างไว้ สำหรับ พยากรณ์จร อยากทราบว่าคืออะไร มีที่ไปที่มาอย่างไร และใช้อย่างไรครับ

83โดย คุณ สว่างนภา

16 sep 2004 22:16#668585ลบ

เรียน อาจารย์การเวก

จาก78 (ข้อมูลเพิ่มเติม) เสาร์เจ้าเรือนวินาสน์มาอยู่เรือนอริราศีกรกฎ , อังคารเจ้าเรือนสหัชชะไปอยู่ในเรือนปุตตะราศีเมถุน, ตนุลัคน์(ราหู)อยู่ภพศุภะ

84โดย คุณ การเวก (กรวิก)

17 sep 2004 08:53#668770ลบ

เรียน คุณดิน

จากคำถามของคุณ และดวงดาวที่วางไว้ตามภพต่าง ๆ ต้องยอมรับว่าคุณเก่งมาก ความจริงตัวผมเองอยากให้คุณเข้ามาช่วยตอบคำถามให้แก่ผู้ที่ใฝ่ศึกษาวิชาโหราศาสตร์แต่เกิดการติดขัดในความเข้าใจ

(เฉพาะผู้ที่ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยเบื้องต้น) เพื่อเป็นวิทยาทาน แต่ไม่ทราบว่าคุณจะยินดีหรือไม่ เอาละเกริ่นนำไปเพียงเล็กน้อย ทีนี้มาว่าเรื่องที่คุณถาม จากคำถามที่ตั้งมาเข้าใจว่าคุณอาจจะมีความรู้มากกว่าผม เพราะการวางตำแหน่งดาว ตำแหน่งภพที่เกิดขึ้นมีความหมายลึกซึ้งมาก ถ้าให้ผู้กำลังศึกษาในเบื้องต้น หรือผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการพยากรณ์ดูก็คงจะออกคำพยากรณ์ได้ธรรมดา เอาเป็นว่าผมขอให้กระทู้นี้(กระทู้ที่ 82) เป็นกระทู้สำหรับศึกษาก็แล้วกัน อนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาเบื้องต้นหรือชั้นสูงที่ยังไม่มีประสบการณ์ได้ศึกษาในรายละเอียด ที่มาที่ไปของการพยากรณ์ในกระทู้ที่ 82 นี้น๊ะครับ เริ่มต้นเลยน๊ะครับ

ตามผมมา

-ลัคนาราศีพฤษภ (เกิดวันอาทิตย์)

-ดาวพฤหัส เจ้าเรือนภพมรณะ(ราศีธนู) และภพลาภะ

ราศีมีน) มาอยู่ราศีกรกฎ ภพสหัสชะ (ตำแหน่งอุจจ์)

-ดาวจันทร์เจ้าเรือนราศีกรกฎ (ภพสหัสชะ) ไปอยู่ในราศีกุมภ์ (ภพกัมมะ)

-ดาวราหูเจ้าเรือนภพกัมมะ (ราศีกุมภ์) ไปอยู่ในเรือนอาทิตย์ ราศีสิงห์ (ภพพันธุ ตำแหน่งประ)

-ดาวเสาร์เจ้าเรือนภพศุภะ (ราศีมังกร) ร่วมเรือนกันดาวราหูในราศีกรกฎ (ภพพันธุ)

1. เรามาว่ากันพื้น ๆ ทั่วๆ ไปก่อนสำหรับผู้กำลังศึกษาอยู่ ก็ต้องว่าดังนี้

-การติดต่อเกี่ยวกับเรื่องงาน(สหัสชะ+กัมมะ) เกี่ยวกับเรื่องของรายได้ที่มาจากความสูญเสีย(พฤหัส-จากภพลาภะ และมรณะในตำแหน่งอุจจ์) จันทร์ในเรือนราหู(ตำแหน่งประ) ก็คือการเป็นลูกหนี้ ราหูในเรือนอาทิตย์(พันธุ) ก็คือการปล่อยเงิน***้เกี่ยวกับการซื้อบ้านที่อยู่อาศัย หรือการปล่อยเงิน***้เพื่อซื้อยานพาหนะ ทำให้เกิดผลเสียหาย (หนี้สูญ) (พฤหัส- ลาภะ+มรณะ) ซึ่งทำให้มีผลถึงตำแหน่งหน้าที่การงาน (พันธุ) ถูกกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ใหญ่ที่ดูแลเจ้าชะตาอยู่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ (เสาร์เจ้าเรือนภพศุภะ คู่มิตรกับราหูซึ่งมีตำแหน่งประและราหูในทางทักษาคือมนตรีเป็นประ เจ้าชะตาอาจจะถูกโยกย้ายหน้าที่การงานจากผลดังกล่าว

-การออกคำพยากรณ์เบื้องต้น เป็นการออกคำพยากรณ์ไปตามพื้นดาว ตามภพ ตามตำแหน่งดาว ทั่วๆ ไป (อาจจะไม่ตรงนัก หรืออาจจะมีความหมายอื่นได้)

2. ตามผมมา สำหรับในเชิงลึกอาจจะดูมั่ว ๆ สักหน่อย (หากท่านผู้ใดมีความคิดเห็นเพิ่มเติม เชิญพิจารณาเพิ่มเติมให้ด้วยน๊ะครับ) การวิเคราะห์เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับดวงดาวเพียงไม่กี่ดวง และภพบางภพที่สัมพันธ์กันน๊ะครับ

-มาว่าถึงดาวพฤหัสก่อน มีตำแหน่งอุจจ์ เป็นเจ้าเรือนภพมรณะ และภพลาภะ มาอยู่ในเรือนสหัสชะ จะว่าไปดาวพฤหัสหมายถึงการศึกษาก็ได้ เมื่อเป็นอุจจ์อย่างน้อยที่สุดก็ระดับปริญญาตรีขึ้นไปถึงปริญญาเอก ดาวพฤหัสบดีในภพสหัสชะ อันภพสหัสชะจะหมายถึงการศึกษาระดับชั้นประถมถึงระดับชั้นปวส.ก็ได้

-ดาวจันทร์เจ้าเรือนภพสหัสชะมาอยู่ในเรือนกัมมะ ถ้าแปลกัมมะว่าเป็นงานก็ต้องเป็นงานที่แข่งขัน แต่ในที่นี้จะให้ความหมายเป็นภาระในการศึกษา เมื่อดาวจันทร์มาอยู่ในเรือนราหู (ราหูมีตำแหน่งประ) และเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา ดาวจันทร์ยังสามารถหมายถึงการที่จะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไป (มีพฤหัส -มรณะมาติดสอยห้อยตามด้วยจึงย่อมหมายถึงแดนไกลแน่นอน อีกทั้งเป็นดาวคู่ธาตุต่อกัน)

-มาดูดาวราหูกัน ดาวราหูเจ้าเรือนภพกัมมะ มาเป็นประอยู่ในเรือนอาทิตย์ (คู่ศัตรู) แถมได้ตำแหน่งประอีก ในเบื้องต้นเมื่อเราแปลดาวกัมมะในที่นี้หมายถึงการศึกษาที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปแดนไกล(ตามความหมายของดาวจันทร์ และพฤหัส) ดาวราหูในที่นี้ไปอยู่เรือนพันธุตำแหน่งประย่อมหมายถึงต้องมีการโยกย้ายที่อยู่อาศัยด้วย

-ทีนี้มาดูดาวเสาร์ เสาร์ตัวนี้เป็นตัวไขปัญหาในดาวทั้งมวล อันดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนภพศุภะ มาอยู่ในเรือนอาทิตย์คู่ธาตุไฟภพพันธุ เสาร์ศุภะถ้าจะแปลความหมายให้คล้องจองกับความหมายในเบื้องต้นที่ได้ให้ไว้ย่อมหมายถึงแดนไกล เมื่อมาอยู่ในเรือนพันธุ

รวมทั้งราหูกัมมะประคู่มิตรมาอยู่ร่วมเรือนด้วย ย่อมหมายถึงมีถิ่นฐานบ้านเช่า (เสาร์ราหูในความหมายดีหมายถึงมีบ้านให้เช่า แต่นี่ราหูเป็นประย่อมหมายถึงบ้านเช่า หรือบ้านที่มิใช่ของตนเองได้) ดังนั้นในความหมายตรงนี้จึงหมายถึงต้องโยกย้ายถิ่นฐานที่อยู่ไปอยู่ในแดนไกล ห่างจากการดูแลของผู้ใหญ่ (ราหูมนตรี)

-สรุป เจ้าชะตามีการศึกษาในระดับสูง (ปริญญาตรี-ปริญญาเอก) ซึ่งจบจากต่างประเทศ (ทั้งสองความหมายมาจากพฤหัส= ลาภะ, มรณะ ตำแหน่งอุจจ์)

จากการที่จบการศึกษาดังกล่าวได้ต้องรับภาระ หรือมีความลำบากต้องไปอาศัยอยู่กับญาติในต่างแดน หรือไปเช่าบ้านอยู่ในต่างแดน ห่างไกลจากการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ ถ้าจะให้ดีต้องรู้ว่าดาวอาทิตย์ไปอยู่ที่ใด หากดาวอาทิตย์ไปอยู่ในเรือนพุธ ราศีกันย์ -ภพ

ปุตตะ จะมีความหมายชัดเจนขึ้นว่าไปศึกษาตั้งแต่เด็ก

และที่ว่าต้องจากไปอยู่แดนไกลเป็นเพราะดาวเสาร์ในภพพันธุเล็งกับดาวจันทร์ในภพกัมมะ

การพยากรณ์ดังกล่าวเบื้องต้นตามข้อ 2 ผมขอให้เป็นแนวทางการศึกษาในเชิงลึกเกี่ยวกับดาว เกี่ยวกับภพ การจะตีความหมายของดาวจำเป็นต้องดูให้รอบคอบก่อนออกคำพยากรณ์ ท่านจะเป็นว่าการพยากรณ์ตามข้อ 1 และข้อ 2 ต่างกันลิบลับเลย จึงเป็นข้อคิดให้คิดว่า ในการจะออกคำพยากรณ์ใด ๆ ควรดูดาวทั้ง 10 ดวง และ ลัคนา ให้ถ่องแท้เสียก่อน ดูให้เข้าใจ ดูให้ลึกซึ้ง ดูให้แน่ใจในความสัมพันธ์ของดวงดาว ภพ ก่อนออกคำพยากรณ์

ผมหวังว่าการตอบข้อถามของคุณดินนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มาก ก็น้อย สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่

และหวังว่าท่านทั้งหลายคงไม่เกิดการท้อถอย ทุกอย่างสามารถเรียนทันกันได้ เพียงแต่ต้องใช้ความละเอียดและรอบคอบ สวัสดีครับ

ปล. สำหรับคำถามของคุณสว่างนภาหากผมมีเวลาว่างจะเข้ามาตอบให้น๊ะครับ ตอนนี้หมดเวลาพอดี

85โดย คุณ ดิน

17 sep 2004 11:17#668941ลบ

เรียนอาจารย์การเวกที่เคารพ

ผมต้องขอขอบคุณอาจารย์มากที่ช่วยไขข้อข้องใจผมไปได้หลายๆเรื่อง ส่วนเรื่องที่อาจารย์ชวนให้ไปช่วยตอบคำถามนั้น ผมคงไม่บังอาจครับ ผมเหมือนกับเด็กเพิ่งหัดเดิน อ่านหนังสือมากๆ หลายๆส่วนก็เข้าใจ และยังมีอีกหลายๆส่วน ที่ไม่ข้าใจ จะไปเรียนก็เวลาว่างไม่ตรงกับเขา รอทางมูลนิธิเปิดสอนภาคค่ำอยู่เพราะลงชื่อไปแล้ว การอ่านดาวก็ยังอ่อนหัดนัก ถ้านับตั้งแต่เริ่มสนใจศึกษาโหราศาสตร์อย่างจริงจัง มาจนถึงวันนี้ ก็ได้แค่ประมาณ 4 เดือนกว่าๆ เท่านั้น รู้สึกเข้าใจดีในความสงสัย ข้องใจ ที่จะเกิดกับผู้ที่เริ่มทำการศึกษา และรู้สึกนับถือในความเสียสละของท่านอาจารย์การเวก ที่ช่วยให้ผู้ที่ศึกษาไม่ออกนอกลู่นอกทางจนเกินไป ส่วนตัวผมนั้น จะพยายามต่อไปครับ ท้อยังไงก็ไม่ถอยเด็ดขาด และขอบอกอีกอย่างว่า เมื่อได้อ่านนิทานโหรของท่านอาจารย์อรุณแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งทึ่งครับ แยบยลและไม่เหมือนใครจริงๆท่านคงศึกษามาเยอะและกลั่นกรองมาแล้ว อยากศึกษาจริงๆจังๆมากๆครับ และตัวอาจารย์การเวกเองนั้นจากที่ได้อ่านความคิดเห็นก่อนๆ ทราบว่าอาจารย์เองก็เคยศึกษาในระบบอื่นมาเหมือนกัน ซึ่งอาจารย์ก็ยังใช้ในระบบของอาจารย์อรุณ แสดงว่าอาจารย์ต้องได้ประจักษ์ในอะไรหลายๆอย่างใช่มั้ยครับ เล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานกันบ้างได้เปล่าครับ และอยากรบกวนอาจารย์การเวกช่วยแนะนำในเรื่องของการเรียนรู้ระบบโหราศาสตร์ของหมอเถานี้ให้หน่อย ว่าควรจะเริ่มจากอะไร จุดไหนก่อน จากนั้นไปไหนต่อ เพื่อเป็นความรู้ก่อนที่จะได้มีโอกาสเข้าไปเรียนกับทางมูลนิธิครับ

86โดย คุณ การเวก (กรวิก)

17 sep 2004 12:59#669069ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ตามดาวและภพที่เพิ่มมา เรามาดูว่าเจ้าเรือนสหัสชะไปอยู่ภพปุตตะ (อังคารเป็นพระเคราะห์สองเรือน คือเป็นเจ้าเรือนกัมมะด้วย) ตัวนี้ถ้าจะให้ความหมายก็จะหมายได้ถึง อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นเฉพาะกับงานใหม่ ที่ได้รับเข้ามา เผอิญดาวอังคารเป็นดาวธาตุลมอยู่ในราศีธาตุลมด้วย แสดงถึงงานที่จะรับเข้ามาใหม่จะเป็นงานที่ฉุกระหุกจึงทำให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องของรายละเอียด (คงจะต้องเอาความหมายไปผสมในกระทู้ที่ 78 ด้วย)

-ส่วนดาวราหู (ตนุลัคน์) อยู่ราศีตุลย์ภพศุภะ มีตำแหน่งราชาโชค เล็งดาวจันทร์แสดงว่า ราหูถึงดาวจันทร์โดยตรง ดาวราหูตัวนี้ให้คุณอยู่นั่นย่อมหมายถึงเมื่อมีอุปสรรคใด ๆ ก็ย่อมจะได้รับความอนุเคราะห์จากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตาอยู่ (ในที่นี้ต้องดูดาวศุกร์ด้วยว่าไปอยู่ในราศีใด ภพอะไร และมีตำแหน่งอะไร เป็นอะไรทางทักษาต้องนำเข้ามาดูประกอบด้วย)

คำอธิบายเบื้องต้นน่าจะทำให้คุณสว่างนภาเข้าใจเพิ่มขึ้นน๊ะครับ สวัสดีครับ

87โดย คุณ การเวก (กรวิก)

17 sep 2004 13:02#669073ลบ

เรียน คุณดิน

สิ่งที่ผมชวนคือให้ช่วยกันเข้ามาตอบคำถามในเวปนี้

สำหรับประสบการณ์หรือวิธีการขอให้ผมไปนึกทบทวนก่อนแล้วจะมาไขให้ทราบ

สวัสดีครับ (หมดเวลาแล้ว)

88โดย คุณ จ้อย

20 sep 2004 10:29#671733ลบ

เรียน คุรุการเวก

ขอโทษทีนะคะที่ไม่ได้เข้ามาทักทายคุรุการเวกและคุรุท่านอื่น ๆ วันนี้มีข้อสงสัยอีกแล้วล่ะคะ หนูเพิ่งหัดอ่านดวงในสายอาจารย์อรุณ เดิมทีก็เรียนโหราศาสตร์อยู่แต่คนละสาย สงสัยอยู่ว่าในการพยากรณ์ดวงจร ในสายของท่านอ.อรุณ ใช้เกณฑ์ชัณษาจร แต่เท่าที่พบไม่ค่อยได้เคยเห็นมีใครใช้เกณฑ์นี้ในการพยากรณ์เลย เพียงแต่ใช้ทักษาปกติในการพยากรณ์ ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงไม่ใช้ หรือว่ามันใช้การไม่ทันใจคะ ที่หนูเรียนถามท่านคุรุเพราะเกิดมาทีหลังและกำลังคิดว่าจะใช้หลักเกณฑ์อันนี้ต่อดีไหมคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

จ้อย

89โดย คุณ นร.

20 sep 2004 11:21#671816ลบ

ขอแจมนะครับ

ตอบปัญหาคุณจ้อยครับ

เกณฑ์ ชัณษาจร ของท่านอ.อรุณ มีการใช้อยู่แม้ในปัจจุบันก็หลายท่านครับ แต่เฉพาะผู้ที่เรียนมาทางสายนี้เท่านั้น แต่ที่คุณไม่เห็นคนใช้เพราะเขาใช้ไม่เป็นครับ เนื่องจากทักษานั้นเรียนรู้ง่าย ทายง่ายครับ หมอดูส่วนมากก็นำมาใช้เพราะให้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่เกณฑ์ชัณษานั้นเป็นวิชาปกปิดหวงแหนของทางสายท่านอ.อรุณครับ เป็นวิชาที่ให้ความสมบูรณ์ในตัวเองโดยไม่ต้องใช้ทักษาเข้าร่วมเลยแต่อย่างว่าละครับ ไม่ง่ายหรอกครับที่จะใช้วิชานี้ถ้าเรียนมาคนละสาย เพราะทางสายนี้มีวิธีการอ่านพื้นดวงที่เน้นเรือนชะตาสัมพันธ์ ความหมายธาตุ ดาว คู่ดาว มุมสัมพันธ์ที่ใช้ก็เพียงร่วมเรือน แฝงเรือน แฝงดาว มุมโยค ตรีโกณ เกณฑ์ไม่ใช้ ดังนั้นต้องอ่านพื้นดวงชะตาตามแบบนี้ให้ได้ แล้วจึงจะใช้วิชาจรแบบนี้ได้ และมีอีกวิชาหนึ่งที่คล้ายกันคือ ชะตาจร ของท่าน อ.ประทีป อัครา เพราะเป็นวิชา ทางสายเดียวกัน

90โดย คุณ นร.

20 sep 2004 11:34#671832ลบ

เพิ่มเติมคุณสว่างนภานะครับ

ที่คุณถามว่า ถ้า เสาร์ อยู่เรืยน จันทร์ กับ จันทร์อยู่เรือนเสาร์นั้น หมายถึงการพลัดพรากใช่ไหม

ตอบดังนี้นะครับ ถ้าคุณศึกษาตามแนวทางระบบเรือนชะตาสัมพันธ์นั้น ก็ตอบว่าใช่ครับ หมายถึงการพลัดพราก แตกแยกตามความหมายของพระเคราะห์คู่

91โดย คุณ การเวก (กรวิก)

20 sep 2004 12:34#671887ลบ

เรียน คุณ นร.

ขอแสดงความยินดีด้วยครับ จากใจจริง ที่ขณะนี้กระทู้ที่ผมได้เปิดขึ้นเพื่อให้ผู้กำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์ สายของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ได้มีผู้เข้ามาร่วมตอบคำถามเช่น คุณ นร. และต่อไปคงจะมีอีกหลาย ๆ ท่านที่จะเข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็น ตอบกระทู้ต่อผู้สงสัย อีกทั้งหากมีการตอบขาดตกบกพร่องลงไปก็จะมีผู้เข้ามาเสริมเพื่อต่อยอดให้วิชาของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ยังคงอยู่ในวงการโหรต่อไป

จากคำตอบของ คุณ นร. ที่ตอบทั้ง 2 กระทู้ นับว่าให้คุณประโยชน์มากทีเดียว ที่จริงผมยังคิดหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องของชันษาจรอยู่ เนื่องจากกลัวจะไปกระทบกับตำราหรือวิชาการอื่น เกรงว่าผู้ที่เข้ามาในเวปนี้แต่เป็นการเรียนสายอื่นจะไม่เข้าใจในการตอบปัญหาหรือกระทู้ดังกล่าว

ขอบอกตามตรงเลยน๊ะครับว่า ขณะนี้ผมดีใจจริง ๆ ที่สามารถทำให้กระทู้นี้เป็นกระทู้วิชาการที่แท้จริง

สวัสดีครับ

92โดย คุณ ดิน

21 sep 2004 10:25#672890ลบ

เรียนอาจารย์การเวก

อาจารย์การเวกหรืออาจารย์ผู้รู้ท่านใดก็ได้ครับ ช่วยให้ความรู้แก่ผมหน่อย คือผมมีปัญหาที่อยากจะทราบ ท่านใดก็ได้ ช่วยอธิบายในเรื่องของ อุจจาภิมุกหน่อยครับ ว่า มีความหมายว่าอย่างไร นำมาพยากรณ์ได้ประมาณไหน และมี กลอน โคลง กาพย์ ฉันฑ์ ในการพยากรณ์ หรือเปล่าครับ เพราะตำราที่ผมมีนั้น กล่าวถึงเรื่องอุจจาภิมุกน้อยมาก และไม่มีกลอนพยากรณ์ให้ด้วย ผมกำลังฝึกท่องจำกลอนต่างๆอยู่ แต่ขาดในเรื่องของอุจจาภิมุกครับ หรือว่าไม่เป็นที่นิยมครับ ใครก็ได้ช่วยไขข้อข้องใจให้ผมด้วยครับ

93โดย คุณ นร.

21 sep 2004 11:33#672981ลบ

ตอบคุณดิน เรื่องอุจจาภิมุข

อุจจาภิมุขนั้นคือตำแหน่งที่ล่วงหน้าราศีอุจจ์ ไป 1 ราศี(มุข แปลว่าหน้า ดั้งนั้น ก็คือหน้าอุจจ์)

เช่น อาทิตย์เป็นอุจจ์ ที่ราศีเมษ ตำแหน่ง อุจจาภิมุขของ อาทิตย์ คือ ราศี พฤษภ ทางโบราณท่านเปรียบว่าดังนี้ อุจจ์เสมือนนายพล กำลังเสวยอำนาจ ก็มีกำลังเต็มที่ ส่วน อุจจาภิมุขนั้นเสมือน นายพลที่เกษียณแล้ว แต่ก็ย่อมมีอิทธิพลเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง.....ส่วนเรื่องการนำมาใช้พยากรณ์นั้นบางสายก็ไม่ใช้ตำแหน่งนี้ บางสายก็ใช้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งท่านเคยสอนว่า ตำแหน่งอุจจ์นั้นเสมือนผู้ใหญ่มีอำนาจ อุจจาวิลาสนั้นก็ต้องทำงานเป็นเบื้องหลังของผู้ใหญ่( อุจจาวิลาส เป็น ตำแหน่งหลังราศี อุจจ์ 1 ราศี ) ส่วนอุจจาภิมุข นั้นจะทำอะไรก็ต้องออกหน้า นำหน้าให้ผู้ใหญ่เสมอ ลองหาวิธีปรับใช้ดูนะครับ

94โดย คุณ นร.

21 sep 2004 11:48#672996ลบ

ถึงคุณ กรวิก ครับ

ผมยังเป็นนักเรียนใหม่จริงๆ ครับ เพียงแต่บางอย่างผม เพิ่งเรียน เพิ่งรู้มา ก็เอามาตอบเพื่อให้ ท่านที่ไม่เรียนในชั้น แต่ได้ศึกษาเอง อ่านเอง อาจจะจับทิศจับทางไม่ถูกเพื่อจะได้ไม่หลงทาง เสมือนครั้งหนึ่งที่ผมอ่านเองแล้วงง เนื่องจากโหราศาสตร์ไทยนั้น มีหลายสาย และวิธีการใช้ก็ไม่เหมือนกัน เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่แต่แผ่กิ่งก้านสาขาไปร้อยแปด ดังนั้น ผู้เรียนมาทางสายไหนต้องใช้ตามแนวทางที่เรียน ไม่เช่นนั้นจะสับสนได้ แต่หากเรียนอย่างมีครูอาจารย์ ถึงจะเรียนหลายสายอย่างไรก็คงจะแยกเยะได้

ยินดีเช่นกันครับ ที่คุณ การวิกมีอุดมการณ์ที่ดี พอที่จะเป็นที่พึ่งพิงแก่ผู้เริ่มต้นศึกษาที่สับสน และหลงทาง

95โดย คุณ การเวก (กรวิก)

21 sep 2004 12:42#673034ลบ

เรียน คุณนร.

สิ่งที่ คุณนร. ได้ตอบมานั้นดีมากเลยครับ เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าตำแหน่งดาวแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่อย่างไร ผู้ที่กำลังศึกษาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาโดยการมีครูบาอาจารย์ชี้แนะ ไม่ว่าจะเป็นสายใดก็แล้วแต่จะได้มีความเข้าใจในศักยภาพของดวงดาวที่อยู่ในตำแหน่งต่างกัน

อนึ่ง ผมเองเคยอ่านตำราซึ่งเขียนโดยท่านอาจารมหาบรรเทา (เรียบเรียงโดย อ.ชัยเมศ ฯ) เรื่อง เคล็ดลับการพยากรณ์ ท่านได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งเกี่ยวกับอาวที่อยู่ในตำแหน่งอุจาวิลาสว่า (อันนี้ผมเรียบเรียงเป็นคำเขียนเองน๊ะครับ)

"อันดาวที่อยู่ในตำแหน่งอุจจาวิลาสนั้นเปรียบเสมือนดาวที่อยู่ในตำแหน่งราชาโชค ผิดกันตรงที่ว่า ดาวราชาโชคจะเป็นที่นิยมในสังคม หรือเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น นายคนอง เป็นเศรษฐีเป็นที่รู้จักทั่วไปในวงการเศรษฐีเมืองไทยเป็นต้น แต่ดาวที่อยู่ในตำแหน่งอุจจาวิลาสนั้นจะเป็นไปอย่างที่คุณนร. อธิบายไว้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมิได้มีใครกล่าวถึง แต่ดาวในตำแหน่งอุจจาวิลาสนี้สามารถนำไปพยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องของความรักได้เช่นเดียวกับดาวที่เป็นราชาโชค

อันนี้แล้วแต่ว่าแต่ละท่านจะนำไปลองใช้ดู ซึ่งจะมีลักษณะเช่นเดียวกับดาวราชาโชค คือต้องมีดาวเจ้าเรือนปัตตนิมาเกี่ยวข้อง หรือตัวของดาวเองเป็นดาวเจ้าเรือนปัตตนิ"

ส่วนดาวที่อยู่ในตำแหน่งอุจจาภิมุขนั้นเท่าที่ผมอ่านหนังสือมาครูบาอาจารย์ท่านจะกล่าวไว้เพียงลอย ๆ ให้รู้ไว้ว่าในกระบวนการของดาวที่อยู่ในตำแหน่งอุจจ์นั้น

มีส่วนประกอบอีกสองประการดังเช่นที่คุณนร. กล่าวไว้ อันนี้เป็นทัศนะคติส่วนตัวของผมเองน๊ะครับว่า

ผมเคยใช้ดาวในตำแหน่งอุจจาภิมุขเข้าผสมผสานในการพยากรณ์จร เมื่อตำแหน่งดาวจรดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งอุจจาภิมุข เช่น เคยพยากรณ์จรว่าเจ้าชะตาเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมา (เมื่อดาวจรต้องดาวเดิม)

จะถูกผิดอย่างไรผมเองก็ไม่ค่อยกล้ายืนยัน เพียงแต่ใช้กับตนเองมาพยากรณ์ให้ผู้อื่น

อันการพยากรณ์จรนั้นผมคิดว่าให้ท่านผู้ศึกษาทั่วไปได้ศึกษาให้ภูมิแน่น ๆ เสียก่อนค่อยมาคุยเพื่อให้รู้ ให้เป็นวิชาติดตัวไป ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านซ่อนไว้เปรียบเช่นเส้นผมบังภูเขา ไว้เมื่อผมเอ่ยขึ้นมาให้ทราบก็คงจะร้องอ๋อกัน เพราะเห็นอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ว่ารอเวลาให้ทุกท่านพร้อมเสียก่อน คิดว่าคงจะเป็นปีหน้าน๊ะครับ

สวัสดีครับ

96โดย คุณ สว่างนภา

21 sep 2004 13:55#673109ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

ดิฉันอยากทราบวิธีการดูดวงฝาแฝด เนื่องจากเวลาเกิดแตกต่างกัน เราจะเอาสิ่งใดมาเป็นจุดสังเกตบ้าง ในการทำนายดูชะตา ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

97โดย คุณ การเวก (กรวิก)

21 sep 2004 15:32#673272ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

คำถามของกระทู้นี้ผมต้องขออภัยมาอย่างสูงเลยทีเดียว บอกตรง ๆ รับปากอาจารย์ท่านมาไม่สามารถบอกได้ เอาเป็นว่า เมื่อคุณเรียนกับอาจารย์ที่สมาคมโหรฯ เจ้าของเวปนี้ ผมคิดว่าท่านจะบอกคุณเองเมื่อถึงเวลา ตรงนี้ต้องขออภัยจริง ๆ ครับ

98โดย คุณ พีร์

22 sep 2004 01:27#673861ลบ

ขอตอบความเห็นที่ 96 แทนคุณการเวก ก็แล้วกัน เพราะผมไม่ได้รับสัจจะกับอาจารย์ท่านใดในเรื่องนี้

เรื่องดวงชะตาฝาแฝด ถ้าใช้ในระบบภพเรือน ท่านให้วางลัคนาแบบดวงชะตาปกติ แล้วให้ดำเนินการดังนี้

1. แฝดผู้พี่ ให้วางลัคนาไว้ที่เรือนปัตนิของลัคนาเดิม แล้วใช้ลัคนาในเรือนปัตนิ ตั้งภพใหม่ในการทำนาย

2. แฝดผู้น้อง ให้วางลัคนาไว้ในเรือนลาภะของลัคนาเดิม แล้วใช้ลัคนาในเรือนลาภะนั้น ตั้งภพใหม่ในการในการทำนาย

ปล. ขอเรียนถามคุณการเวกครับ คือ ใช่คนที่นั่งคู่กับพี่น้ำข้าว ในงานแต่งงานคุณวุฒิชัย(พายัพ) หรือป่าว

99โดย คุณ การเวก (กรวิก)

22 sep 2004 08:00#673988ลบ

เรียน คุณพีร์

ก่อนอื่นผมขอขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณที่เข้ามาร่วมกันให้ความรู้ทางด้านวิชาการแก่ผู้ที่กำลังศึกษาวิชาโหราศาสตร์ในด้านจักราศี (ดวงอีแปะ) หรือผู้ที่ศึกษาแล้วและมีปัญหาไม่เข้าใจมาถาม สำหรับคำถามของคุณเ (ตามปล.) ขอตอบว่าไม่ใช่

สำหรับคำตอบของคุณพีร์ก็เป็นเคล็ดลับในการดูคู่แฝดอีก 1 เคล็ดลับที่ทางอาจารย์ของคุณพีร์สอนมา ซึ่งผมเองก็ยินดีที่จะรับไปลองใช้ในการพยากรณ์ให้กับบุคคลอื่น ได้ผลเป็นประการใดจะนำมาเล่าสู่กันฟัง

ในการตอบปัญหาทางด้านวิชาการของผมเอง หากคำถามข้อใดไม่เหลือบากกว่าแรงสามารถตอบได้ก็ยินดีที่จะตอบ หากเหนือความสามารถของผมที่จะตอบก็จะพยายามไปค้นคว้าหามาตอบให้ บางครั้งจะเห็นว่าผมต้องขอโทษ ขออภัยผู้ถามเนื่องจากได้รับปากจากอาจารย์ผู้สั่งสอน ผู้ให้วิชามา ซึ่งท่านอาจารย์ของผมท่านได้ให้ข้อคิดในแนวของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ

มาว่า

"วิชาเปรียบเสมือนลูกสาว หากมีผู้ใดเข้ามาขอ(จีบ)

ก็คงจะต้องดูก่อนว่า ผู้เข้ามามีความจริงใจต่อลูกสาวเราหรือไม่เพียงใด สามารถเลี้ยงดูลูกสาวเราอย่างดี

มิให้ต้องเหนื่อยยาก หากคิดว่าผู้เข้ามามีความดีเพียงพอที่เราจะยกให้ได้ก็ok"

ผมอาจจะใช้คำภาษาอังกฤษผสมไปบ้างเล็กน้อย อนึ่ง อันวิชาโหราศาสตร์หากไปตกอยู่ในผู้ที่มีคุณธรรม ก็สามารถใช้วิชาดังกล่าวช่วยผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากให้พ้นจากสิ่งที่เขาได้ประสบบ้างไม่มากก็น้อย

แต่หากไปตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่มีคุณธรรมก็จะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นไปทุกหนทุกแห่ง

คุณ ๆ ที่ได้ผ่านเข้ามาในเวปนี้กระทู้นี้จะเห็นว่า ปัจจุบันได้มีการปลุกกระแสร์เกี่ยวกับวิชาทางด้านโหราศาสตร์ไปทุก ๆ ด้าน จริงบ้าง เท็จบ้าง แล้วแต่ว่ากระแสร์ที่ถูกปลุกขึ้นมาจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่คนเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด บางรายใช้ไปในทางประพฤติผิดทางศีลข้อสาม (ส่วนใหญ่) แล้วผลที่เขาเหล่านั้นได้รับก็มีอันต้องทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ เสื่อมเสียชื่อเสียง อันนี้น่าจะเนื่องมาจากมีการสาปแช่งจากครูบาอาจารย์เอาไว้ และที่ผมเห็นมาผู้ที่เข้าข่ายตามที่ผมให้ข้อคิดเห็นเอาไว้เบื้องต้น ต้องทุกข์ร้อนไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งนี้ผมขอให้ไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ท่านที่กำลังศึกษาอยู่ หรือศึกษาจบไปแล้วได้เก็บไว้เป็นข้อคิด

ก่อนที่จะทำในสิ่งที่ผิด

สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาช่วยตอบคำถามด้านวิชาการในกระทู้นี้ จากใจจริง สวัสดีครับ

100โดย คุณ นร.

22 sep 2004 09:24#674080ลบ

เรียนคุณพีร์

คนที่นั่งข้างพี่แมก ที่งานแต่งนั้น คือ ผมเองครับ หรือที่ใช้ชื่อว่าอาโล เพราะผมยังเป็นนักเรียนใหม่จริงๆ ครับ ณ.กระทู้นี้ จึงใช้ชื่อว่า นร. หรือถ้ามีอะไรแนะนำผมก็ mail มาที่ [email protected] น้อมรับทุกคำแนะนำด้วยใจจริงครับ

101โดย คุณ นร.

22 sep 2004 09:31#674090ลบ

อีกคนที่ใส่สูทรนั่งข้างพี่แมก ที่หล่อ ๆ นั่นคือท่าน อาจารย์ บัค ครับ

102โดย คุณ ดิน

22 sep 2004 10:08#674115ลบ

เรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย

ผมได้อ่านนิทานโหรของอาจารย์อรุณเรื่องเกณฑ์ชันษานั้น อยาทราบว่า

- เกณฑ์ชันษานั้น ใช้ทายในช่วงปีนั้นๆใช่มั้ยครับ แล้วเราสามารถเข้าไปในรายละเอียดมากกว่านี้ได้มั้ยครับ เช่น เดือน แล้วเรามีวิธีอย่างไร หรือใช้วิธีดูการเคลื่อนย้ายของดาวเอาครับ

- อยากทราบเกี่ยวกับกราฟปฏิทินดวงดาวเห็นบอกว่า ท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญเป็นคน สร้างไว้ สำหรับ พยากรณ์จร ท่านใดทราบ ความเป็นมาหรือทราบว่าคืออะไรใช้ทำอะไรช่วยอธิบายให้ด้วยนะครับ

103โดย คุณ การเวก (กรวิก)

22 sep 2004 12:59#674309ลบ

เรียน คุณดิน

ตามที่คุณดินได้ตั้งคำถามเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องของนิทานโหรของอาจารย์อรุณเรื่องเกณฑ์ชันษานั้น เข้าใจถูกแล้วครับ เพียงแต่ว่าสิ่งที่พยากรณ์นั้นคือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปีนั้น ๆ เป็นเหตุการณ์หลัก

สำหรับรายละเอียดที่จะเข้าไปได้มากกว่านั้น คุณดินคงต้องอ่านไปมาสัก4-5 เที่ยว คืออ่านให้ละเอียดพร้อมทั้งดูหลักการพยากรณ์ของดวงดาวทั้งดาวเดิม และดาวจรที่ท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ได้แสดงเอาไว้ เมื่อเข้าใจแล้วคุณดินจะทดสอบดูโดยใช้หลักการอื่นเข้าอ่านก็ต้องทดลองดู เพราะโหราศาสตร์ไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้จะทดลองอย่างไร เพื่อเก็บเป็นสถิติใช้สำหรับตัวเอง และเอาไว้สอนลูกศิษย์ (หากในอนาคตได้เป็นครูบาอาจารย์)

สำหรับเรื่องของกราฟปฏิทินดวงดาว ผมอ่านคำถามแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร เพราะหนังสือที่ผมมีอยู่ทั้งเล่มหนึ่ง และเล่มสองนั้นไม่เห็นมี เอาเป็นว่าไว้ผมกลับไปถามอาจารย์ผมก่อนก็แล้วกันค่อยมาอธิบายให้ฟัง แต่ต้องมีข้อแม้ไว้น๊ะครับว่า ถ้าอาจารย์ผมสั่งไม่ให้เปิดเผย ผมก็คงได้แค่แย้ม ๆ ให้ฟังเท่านั้น

สวัสดีครับ

104โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

23 sep 2004 08:35#675202ลบ

เรียน อาจารย์กรวิก

ดิฉันกำลังพยายามศึกษาโหราศาสตร์แนวท่านอาจารย์อรุณ โดยอาศัยเรื่องสั้นและการตอบปัญหาโหรของท่าน รวมถึงจากอาจารย์กรวิกด้วย รู้สึกยินดีที่อาจารย์กรวิกมีจิตกุศลและมุ่งให้กระทู้นี้เป็นวิชาการโดยแท้จริง

ดิฉันใคร่ขอถามข้อข้องใจ ถ้าตอบได้โดยไม่ผิดตำครูบาอาจารย์ก็รบกวนด้วย แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ

คือดิฉันสงสัยว่า การทายชันษาจร อย่างเช่น ปีนี้ชันษาจรตกภพกฎุมพะ ของคนราศีกันย์ ซึ่งมี ๖ เป็นเจ้าเรือน เราต้องให้ความสำคัญกับดาว ๖ ในปีนั้นใช่หรือไม่ว่าจรไปอยู่ที่ใด และต้องดูจากพื้นดวงเดิมว่า ๖ นั้นตกที่เสียหรือดี

กรณีดวงตัวอย่าง ลัคน์กันย์ ๖ เดิมอยู่ภพปุตตะ กุม ๗ เกษตร (และเป็นพินธุบาทว์เพราะเกิดวันเสาร์ด้วย) และยังกุม ๑ จากวินาศน์ กุม ๔ ตนุ-กรรมะ กุม ๕ นิจ จากพันธุ-ปัตนิ

ดิฉันวิเคราะห์ว่า ปีนี้อาจต้องลำบาก เสียเงิน แต่ก็อาจได้อสังหาฯมา ไม่ทราบอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรคะ

ขอขอบพระคุณ

105โดย คุณ การเวก (กรวิก)

23 sep 2004 13:08#675503ลบ

เรียน คุณผู้สนใจศึกษา

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับคุณก่อน ว่าสิ่งที่คุณถามมานั้นใช้คำพูด(เขียน)ที่ผิด ที่คุณถามมานั้นเขาเรียกกันว่า เกณฑ์ชันษา ตามนิทานของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ เกณฑ์ชันษานั้นหมายถึงเหตุการณ์หลักที่จะเกิดขึ้นในปีนั้น ๆ ของเกณฑ์ หลักและวิธีการหาท่านได้แสดงไว้แล้วต้องอ่านละเอียดสักนิดหนึ่ง

ตามผมมา ทีนี้มาว่าถึงสิ่งที่คุณถามละ สรุปตำแหน่งได้ดังนี้

-ลัคนาเดิมอยู่ราศีกันย์ ภพตนุ

-เสาร์เป็นเจ้าเรือนภพปุตตะ (เกษตร)

-ในภพปุตตะ มีดาว พุธ (ตนุลัคน์ เป็นพระเคราะห์สองเรือน คือภพตนุ และภพกัมมะ) , ดาวอาทิตย์ เจ้าเรือนภพวินาศน์, ดาวพฤหัสเจ้าเรือนภพพันธุและปัตติ

(มีตำแหน่งเป็นนิจจ์) และดาวศุกร์เจ้าเรือนภพกดุมภะ และภพศุภะ

ตามที่คุณว่าอีกเช่นกัน ตามดวงสมมุตินี้เป็นดวงพินทุบาทย์ (ดวงช้ำ) เนื่องจาก เกิดวันเสาร์ และเสาร์เป็น 5 ต่อลัคนา เมื่อเป็นเรือนช้ำ เราต้องมาดูเสาร์เจ้าเรือนก่อนว่าควรจะตีความหมายเพื่อการพยากรณ์ให้ถูกต้อง อันภพปุตตะสามารถพยากรณ์ได้หลายประเด็นเช่น

-เหตุการณ์ หมายถึงอารมณ์ เสาร์ถ้าเป็นอารมณ์ก็จะเป็นคนที่มีอารมณ์โกรธแบบเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องที่ผ่านมาแล้วยังขุดคุ้ยขึ้นมาได้ ฯลฯ

-สิ่งของ ได้แก่ของเก่าแก่ ของเก่าเก็บ ของที่อยู่ในที่รก ของโบราณ ฯลฯ

-สถานที่ หมายถึงสถานที่รก สถานที่เหม็นอับ ฯลฯ

-บุคคล หมายถึงคนที่ชอบอยู่คนเดียว สันโดษ ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม คนแก่ คนที่มีความคิดเก็บกดฯลฯ

ทีนี้เรามาดูทักษากัน คนเกิดวันเสาร์ เสาร์เป็นบริวาร ดังนั้นเสาร์ตัวนี้เป็นห้าแก่ลัคนา ทางทักษาเป็นบริวาร สามารถฟันธงลงไปได้เลยว่า เสาร์ที่เป็นห้าในครั้งนี้จะเป็นความทุกข์ ความเดือดร้อน อารมณ์ร้อน ยิ่งมีตำแหน่งเป็นเกษตรด้วยแล้วย่อมหมายถึงว่า

เป็นอยู่ตลอดเวลา เป็นอยู่นาน (เสาร์หมายถึงนานมากก็ได้) อาจจะหมายถึงต้องเจอสิ่งเหล่านี้ไปจนเจ้าชะตาแก่เฒ่าก็ยังจะเจอ

มาดูกันต่อ สิ่งที่เจ้าชะตาต้องเจอก็จะมีตามดาวที่อยู่ในราศีของดาวเสาร์เช่น

-ดาวพุธ เกี่ยวกับเรื่องการงาน และการพูดจาของเจ้าชะตา ยิ่งดาวพุธ+ดาวเสาร์ ด้วยแล้ว มักจะพูดจากขุดคุ้ย คือเวลาโกรธเรื่องเก่า ๆ ที่เคยผ่านมาแล้วก็จะหยิบขึ้นมาบ่น เป็นต้น อันนี้จะพัวพันไปถึงเรื่องงานด้วยเช่น บ่นลูกน้องเมื่อเวลาโกรธ ฯ

-ดาวพฤหัส เกี่ยวกับเรื่องภายในบ้านและเกี่ยวกับเรื่องของคู่ครอง ยิ่งพฤหัสเป็นนิจจ์ด้วยแล้ว ย่อมจะถูกดาวเสาร์เบียนทันที จะโดนดุด่าว่ากล่าว ว่าอย่างไปทำอีกอย่าง เป็นต้น ยิ่งพฤหัสเสียด้วยแล้ว อันพฤหัส+เสาร์ด้านเสียย่อมหมายถึง คู่พระคู่โจร เปรียบไปก็คือ โจรชวนพระมาเป็นโจร พระชวนโจรมาบวชเป็นพระ ฯ และพฤหัสทางทักษาคืออายุ หมายถึงความเป็นอยู่ ตัวนี้ก็เป็นตัวที่ฟันธงได้เกี่ยวกับดาวเสาร์ว่าเกี่ยวกับอะไร

-ดาวศุกร์ เจ้าเรือนภพกดุมภะ และศุภะ ทางทักษาเป็นศรี ดาวศุกร์ตำแหน่งกลาง ๆ ไม่เสีย เมื่อมีความหมายเป็นกดุมภะและศุภะ ศุกร์ตัวนี้ย่อมช่วยเสาร์ได้ในเรื่องดังกล่าว จะหมายถึงเมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนภายในบ้านเกี่ยวกับบุตร หรือคู่ครองคนรัก หรือเรื่องที่อยู่อาศัย จะมีผู้ใหญ่คอยหยิบยื่น คอยให้ความช่วยเหลือ

ถึงแม้ดาวศุกร์กับดาวเสาร์มิใช่คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล

แต่ดาวตำแหน่งไม่เสียพยากรณ์เสียไม่ได้

-อาทิตย์ภพวินาศน์ ทางทักษาคือมูละ มูละตัวตัวคือทรัพย์สินเงินทองที่จะสร้างหลักฐานจะมีปัญหาก็ต่อเมื่อเจ้าชะตามีอารมณ์หรือความคิดที่ไม่ดี (เสาร์เป็นห้าต่อลัคนา เป็นคู่ธาตุกับดาวอาทิตย์)

โดยพื้นดวง ดาวต่าง ๆ ที่อยู่ในราศีเดียวกัน จะมีความหมายต่าง ๆ เข้ามารวมกัน อยู่ที่ตัวคุณจะสรุปความหมายออกมาอย่างไรให้เนียน รื่นหู ฟังแล้วเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในที่นี้เสาร์เป็นเจ้าเรือนตำแหน่งเกษตรด้วย ดังนั้นดาวเสาร์จึงเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวใคร ๆ ก็ต้องเชื่อฟัง ใครๆ ก็ต้องเกรงกลัว เพราะต่างก็มาอาศัยบ้านของดาวเสาร์อยู่

ขณะนี้ดาวในวันนี้ เสาร์อยู่ราศีกรกฎ ศุกร์อยู่ราศีสิงห์ อาทิตย์+อังคาร+พุธ+พฤหัส+เกตุ อยู่ราศีกันย์

ผมก็เลยให้การบ้านไปคิด ให้คุณตีความให้เนียนว่าจะพยากรณ์อย่างไร เพราะผมได้แจงรายละเอียดของดาวให้ดูแล้ว

อนึ่ง เรื่องเกณท์ชันษา หรือชันษาจร เมื่อคุณได้มาเรียนกับทางสมาคมแล้ว ผมคิดว่าอาจารย์ผู้สอนคงจะมีหนังสือและมีการแนะแนวให้คุณทราบ ใจเย็น ๆ ครับ ค่อย ๆ เรียนไปเมื่อภูมิแน่นแล้วจะเข้าใจเอง

ผมใช้เวลามามากแล้ว คงต้องขอลาก่อนชั่วคราว

สวัสดีครับ

106โดย คุณ สว่างนภา

23 sep 2004 21:32#676077ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ และคุณพีร์

จากกระทู้ที่ 96 นั้น ดิฉันได้ความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นจากเดิม เนื่องจากดิฉันไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร เพราะต้องทำงานทุกวัน อยากจะเรียนโหราศาสตร์มาก แต่เวลาไม่อำนวย รวมทั้งอยู่ต่างจังหวัด จึงศึกษาเองจากหนังสือ และนิทานโหร 10 เรื่อง ที่พิมพ์ผ่านทางเวบนี้ (โดยการเข้ามาเยี่ยมชมเวบเมื่อประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2547 ที่ผ่านมา) และเห็นนิทานของหมอเถา อ่านสนุก,เข้าใจง่าย จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากจะศึกษาโหราศาสตร์อย่างจริงจัง แต่ขาดแคลนอาจารย์ เวลามีปัญหาติดขัดไม่รู้ว่าจะปรึกษาสอบถามใครดี ก็เลยเข้ามาคอลัมภ์นี้ เห็นว่ามีการตอบปัญหาให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาเบื้องต้น จึงเกิดความสนใจเข้ามาสอบถามบ้าง และได้ความรู้มากมาย สุดท้ายนี้ดิฉันขอฝากตัวเป็นศิษย์สักคนจะได้ไหมค่ะ

107โดย คุณ ดิน

24 sep 2004 16:57#676819ลบ

เรียนอาจารย์การเวก

ขอบคุณครับ สำหรับ103

รู้สึกว่าช่วงนี้ ในกระทู้จะคึกคักเป็นพิเศษนะครับ ดีครับ ผมรู้สึกดี ได้แลกเปลี่ยนความรู้ และได้ความรู้ใหม่ๆ ที่ยังไม่รู้ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยทำให้ผมรู้สึกว่า ยังมีคนที่สนใจศาสตร์นี้ อีกมาก จะได้ไม่เหงา ในสังคมทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้เป็นนักเรียนโหรด้วยกัน เห็นจะคุยเรื่องพวกนี้ กันไม่ได้นาน ดีครับ ท่านใดมีข้อสงสัยอะไร ก็ถามเข้ามาครับ ผมจะได้ พลอยรับความรู้ไปด้วย และคงยังมีคนที่คิดอย่างผมอีกเยอะครับ

108โดย คุณ พีร์

25 sep 2004 14:34#677548ลบ

เรียนคุณพีร์

ผมเป็นคนที่นั่งต่อจาก อ.บัค ทางซ้ายมือของคุณนั่นแหละ อิอิ

109โดย คุณ พีร์

25 sep 2004 15:49#677602ลบ

ตอบคุณดิน (ความเห็น 102)

ข้อ 1 เรื่องชัณษาจรที่ท่านอ.อรุณ สอนนั้น ต่างจากที่ลงอยู่ในหนังสือ "โฮ๋ราสาด" เป็นการนับอายุจรแบบหนึ่ง หรืออาจเรียกว่า "ตนุจร" ก็ได้ แต่ไม่ได้ใช้วงรอบ 12 ปี เหมือนลัคนาจรปกติ

ซึ่งมีการนับละเอียดเป็น ชัณษาเดือนจร หรือ ชัณษาวันจร ( 2 วันครึ่ง) ได้ด้วย

ข้อ 2 เรื่องกราฟปฏิทินดาว ของ ท่านอ.อรุณ นั้น ตอนที่ผมเรียนกับ ท่านอาจารย์ซึ่งท่านเป็นศิษย์ของท่านอ.อรุณ อีกที ก็สอนให้ผมทำเหมือนกัน

เป็นกราฟสังเขปการโคจรของดาวแต่ละเดือนตลอด 1 ปี ว่า ดาวแต่ละดวง (ยกเว้นจันทร์) โคจรย้ายราศีเมื่อไร วันไหน พักร์ หรือ ย้ายปกติ จะทำให้เรามองเห็นการโคจรของดาวในมุมกว้าง เพื่อที่จะทำนายแนวโน้มของการเกิดเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้น

110โดย คุณ พีร์

25 sep 2004 15:59#677609ลบ

ตอบคุณ ผู้สนใจศึกษา (ความเห็น 104)

ชัณษาจรตกราศีตุลย์ ศุกร์เป็นตนุจรประจำปี ไปจรอยู่ในภพ ปุตตะ เจ้าเรือนเสาร์เป็นเกษตร

อ่านว่า ตนุจร(กดุภะเดิม) - ปุตตะ - ปุตตะ(เกษตร)

และยังเป็นเกษตรในภพพันธุของชัณษาจรปี

และศุกร์ยังเป็นเจ้าเรือน ศุภะ แต่ราศีกันย์ด้วย

อ่านได้ความว่า

ตัวเองต้องลงทุน(ตนุ-กดุภะ) ขยายกิจการ(ปุตตะ)

เพื่อให้เกิดความมั่นคง(พันธุ + เสาร์)และมีโอกาศได้รับความช่วยเหลือ(ศุภะ)

แต่ติดปัญหาคู่ศัตรู ทำให้ เกิดเรืองขัดข้อง ไม่สะดวกราบรื่นมากนัก

กดุมภะไปอยู่เรือนเสาร์ ใช้เสาร์เป็นดาวตรีเทพทำงานแทนศุกร์ เสาร์เดิมเป็นเกษตร แสดงว่า เป้นเรื่องที่ยืดเยื้อ หรือเป็นกิจการเก่า กิจการเดิม

111โดย คุณ ดิน

26 sep 2004 13:07#678369ลบ

ขอบคุณคุณพีร์มากครับ

จากที่คุณพีร์บอกมาทำให้ผมรู้สึกอยากเรียนมากๆครับ

112โดย คุณ การเวก (กรวิก)

27 sep 2004 07:33#678836ลบ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทั้งหลาย รวมทั้งผู้สนใจในวิชาโหราศาสตร์ไทย

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายหน้าไปเสียหลายวัน มาเปิดเวปดูวันนี้รู้สึกดีใจที่มีผู้เข้ามาร่วมถกทางวิชาการ

อีกทั้งมาร่วมอธิบายข้อถามจากผู้ไม่เข้าใจ ถูกผิดเข้ามาเสนอแนะกันได้ไม่ถือสา ถือเสียว่าเป็นการต่อยอดทางวิชาการ และผมหวังว่ากระทู้นี้ ในเวปนี้ จะเป็นที่แวะชมของผู้สนใจทั่ว ๆ ไป รวมทั้งเป็นคุณประโยชน์

แก่ผู้สนใจทั้งหลายทั้งปวง

สวัสดีครับ

113โดย คุณ นร.

27 sep 2004 09:13#678975ลบ

อ้อ.... ที่จริงคุณพีร์ นี่ ผมก็รู้จักนะใช่ไหมครับ

114โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

27 sep 2004 13:08#679194ลบ

เรียน อาจารย์กรวิกและคุณพีร์

ขอบพระคุณสำหรับคำตอบนะคะ ส่วนคำถามที่อาจารย์กรวิกให้ดิฉันไปลองคิดเป็นการบ้านในกระทู้ที่ 105 ดิฉันนำไปนั่งคิดนอนคิดนานหลายวัน ได้คำตอบแล้วก็เลยส่งมาให้อาจารย์ตรวจ

ดิฉันตีความว่า ๗ จากปุตตะจรมาเข้าเรือนกรกฏภพลาภะ เป็นประ หมายถึง ในเรื่องอารมณ์อาจขาดความอดทน หรือไม่ค่อยเอาจริงเอาจังเหมือนก่อน บริวารคนใกล้ชิดอาจจากไกล (๗กับ๒คู่พลัดพราก) แต่ก็ไปดีประสบความสำเร็จ

๔ อยู่ที่ลัคน์เป็นเกษตรและอุจจ์ เท่ากับตนเองและงานการมีความมั่นคงเข้มแข็งในช่วงนี้ มี ๓ มหาจักรจากสหัสชะ-มรณะกุม อาจต้องแก้ปัญหาเรื่องเก่าๆอย่างหนัก

กุม๕ ประจากพันธุ-ปัตนิ คู่ครองอาจไม่ค่อยอยู่บ้าน หรือห่างไกลญาติพี่น้อง ๙ดาวธาตุลมมาอยู่เรือนดิน น่าจะหมายถึงทำให้ปั่นป่วนลำบาก

ส่วน ๖ จากกฎุมพะ-ศุภะเข้าวินาศน์เรือนอาทิตย์คู่สมพล และ๑มากุม ๔ เป็นคู่เจรจา-เอกสารสัญญา หมายถึงผู้ใหญ่หรือความราบรื่นในเรื่องเงินทองน่าจะมีปัญหาสูญเสียมาก (คู่สมพล) โดยที่มาเกี่ยวข้องทำให้เจ้าชะตาอาจต้องมีปากเสียงหรือมีปัญหาเอกสารสัญญา

ดิฉันรู้สึกว่ามันยังฟังไม่เนียน แล้วก็ไม่ทราบว่าถูกไหม นอกจากนั้นดิฉันขออนุญาตถามเพิ่มอีกนิด

1. ในดวงนี้ในราศีกรกฏมี ๒ กับ ๘ อยู่ เท่ากับ ๒เกษตรเล็งกับ๗เกษตร มันจะมีผลให้เสื่อมลงไหมคะ แล้วถ้าดาวทั้งคู่เสื่อม จะหมายถึงความเป็นพินธุบาทว์เสื่อมลงในปลายชีวิตด้วยรึเปล่า

2. ในดวง ยังมี ๓ อยู่ในธนู เรือนของ๕ ซึ่งไปเป็นนิจที่มังกร ๓นี้เป็นอุจจาวิลาสและเป็นดาวมนตรี ถือว่าจะช่วย๕นิจให้ดีขึ้นได้ไหม

ขอบคุณค่ะ

115โดย คุณ การเวก (กรวิก)

27 sep 2004 14:42#679264ลบ

เรียนคุณผู้สนใจศึกษา

ตามที่คุณนำข้อมูลไปคิดเป็นการบ้านนั้นดีอยู่ แต่ความหมายที่ตีออกมาอย่าคิดเพียงความหมายเดียว อนึ่ง ตามที่คุณให้ข้อมูลมาเบื้องต้นมีดาวเพียงไม่มีดวง เช่น ลัคนาอยู่ราศีกันย์ , อาทิตย์ พุธ พฤหัส ศุกร์ อยู่เรือนเสาร์ พร้อมทั้งดาวเสาร์ก็เป็นเกษตรด้วย

ณ เวลานี้คุณได้แจงว่ามีดาวอังคารอยู่เรือนพฤหัส (ตำแหน่งอุจจาวิลาส) ดาวราหูอยู่ราศีกรกฎมีดาวจันทร์เป็นเกษตรอยู่ ยังขาดดาวอีก 2 ดวงคือดาวเกตุและดาวมฤตยู ดวงนี้ไม่ทราบเป็นดวงของใคร หรือจะเป็นการกำหนดขึ้นเอง

อันการตีความหมายของดาวเพื่อออกคำพยากรณ์จะต้องดูดวงดาวทั้งหมด ดูตำแหน่งของดาว ดูดาวแต่ละดวงในทางทักษาด้วย ในที่นี้ผมจะยกดาวให้ดูเป็นคู่ ๆ เฉพาะที่สำคัญ เนื่องจากดาวไม่ครบ และไม่ทราบว่าอายุเท่าใด การนับปีจรจึงกระโดกกระเดกดูยังไงไม่ทราบ หากพยากรณ์ผิดไปก็จะไม่ดี ตามผมมาผมจะชี้ดาวให้ดูเป็นคู่ ๆ ดู

-ดูในเรือนเสาร์ พฤหัส+เสาร์ คู่นี้เขาเรียกว่าคู่พระคู่โจร เมื่อพฤหัสเสียจะโดนเสาร์เบียน พฤหัสคือเจ้าเรือนภพพันธุและภพปัตตนิ มาอยู่เรือนเสาร์ปุตตะ เราต้องตีความหมายของดาวคู่นี้ก่อนว่าจะมีการทะเลาะเบาะแว้งภายในบ้าน อาจจะเกี่ยวกับเรื่องของบุตร บริวาร เนื่องจากพฤหัสเป็นนิจจ์ จึงดูต่ำต้อยโดนเสาร์ดุว่าเป็นประจำไม่สามารถมีปากเสียงได้

เสาร์กับศุกร์ คู่แห่งการวิวัฒนาการ ศุกร์เป็นเจ้าเรือนภพกดุมภะและศุภะ ทางทักษาเป็นศรี เกี่ยวกับเรื่องของการเงินการทองความสำเร็จ ศุกร์ไม่เสีย ดังนั้นคู่ศุกร์+เสาร์ จึงต้องพยากรณ์ออกไปในทางที่ดี จะหมายถึงว่าการเงินการทองได้รับความช่วยเหลือดูแลจากผู้ใหญ่

เสาร์กับพุธ คู่แห่งการพัฒนา รวมทั้งยังเป็นคู่สมพล พุธไม่เสีย ดังนั้นก็ต้องตีความหมายไปในทางที่ดีก่อน พุธหมายถึงเจ้าชะตาและการงาน แสดงถึงเจ้าชะตาต้องดูแลบริวารในการทำงาน ต้องคอยปกครองดูแลทุกข์สุข ดูแลให้ปฏิบัติหน้าที่ไปได้ด้วยดี

เสาร์+อาทิตย์ คู่ธาตุ อาทิตย์ทางทักษาคือมูลละ

หมายถึงรายได้ที่ได้มาเพื่อสร้างหลักสร้างฐาน เสาร์ปุตตะหมายถึงการเสี่ยงได้ แสดงถึงในบางครั้งมีการเสี่ยงเพื่อหารายได้ การเสี่ยงได้แก่ การปล่อย***้ การเล่นการพนัน การซื้อหวย เป็นต้น

มาดูจันทร์กับราหู จันทร์เป็นเกษตรเจ้าเรือนลาภะ ราหูเป็นเจ้าเรือนภพอริ ราหูตัวนี้ไม่ใช่แปลความหมายว่าอุปสรรค เพราะราหูไม่เสีย ราหูตัวนี้ต้องตีความหมายว่าการดิ้นรน มาอยู่เรือนจันทร์คือดิ้นรนหาลาภะคือรายได้ สิ่งที่งอกเงยจากที่มีอยู่ จันทร์กับราหูตีความหมายดีหมายถึงคู่แห่งการเป็นเจ้าหนี้ (ความหมายเสียคือคู่แห่งการเป็นลูกหนี้) เมื่อมาเล็งกับเสาร์ เบื้องต้นการปล่อย***้ (การเสี่ยง เราแปลความหมายของเสาร์ปุตตะคือการเสี่ยง) ได้ผลดี ผู้***้ผ่อนได้ดีไม่มีปัญหา แต่เสาร์เล็งกับจันทร์ ในอนาคตการปล่อย***้จะมีปัญหา จะมีหนี้สูญได้ เพราะเมื่อเสาร์เล็งกับจันทร์ ตามคำครู เมื่อเกษตรเล็งกับเกษตร จะทอนซึ่งกันและกัน

มาดูอังคารเป็นอุจจาวิลาส ทางหนังสือของท่านอาจารย์มหาบรรเทาท่านว่าเปรียบเสมือนราชาโชค ทางทักษาอังคารเป็นมนตรีย่อมหมายถึง เมื่อพันธุและปัตตนิมีปัญหาก็จะได้ญาติพี่น้องจากต่างถิ่นมาคอยช่วยเหลือ

มาถึงตรงนี้หวังว่าคุณคงเข้าใจมากขึ้น หากคุณเองจะดูจร ก็ดูว่าปีนี้ชันษาจรตกที่ใด ถือตรงนั้นเป็นภพตนุจร หากคุณจะดูภพอื่นเช่น กดุมภะจร สหัสชะจร ฯ คุณก็จับภพดังกล่าวตั้ง แล้วไปดูว่าเจ้าเรือนภพดังกล่าวไปอยู่ที่ใด ของลัคนาเดิม เป็นการอ่านดาวสามจังหวะของท่านอาจารย์หมดเถาวัลย์ จะเป็นเช่นนี้ไปเหมือน ๆ กันไม่ว่าจะเป็นภพใด

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าคุณคงถอดรหัสได้แล้วน๊ะครับ

สวัสดีครับ


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 01:08น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 3


116โดย คุณ การเวก (กรวิก)

27 sep 2004 15:05#679296ลบ

เรียน คุณผู้สนใจศึกษา

ผมต้องขอโทษด้วย ที่เปรียบเทียบเฉพาะดาวเสาร์กับดาวดวงอื่น ๆ ที่อยู่ในเรือนเสาร์ สำหรับดาวดวงอื่น ๆ คุณก็สามารถเปรียบเทียบได้ในลักษณะเดียวกัน ผมเชื่อในความสามารถของคุณว่าสามารถเปรียบเทียบได้ สวัสดีครับ

117โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

27 sep 2004 15:32#679336ลบ

เรียน อาจารย์กรวิก

ตามดาวที่ให้มาเป็นดวงของคนจริงค่ะ ดิฉันศึกษาโหราศาสตร์โดยจะมีดวงของคนที่รู้จักนิสัยและชีวิตตั้งแต่เด็กจนแก่ มีอยู่ไม่กี่ดวงแต่รู้ข้อเท็จจริงแน่ชัด บางดวงทำให้ดิฉันอึ้งเพราะดาวดีหมด เช่น ตนุไปอยู่ลาภะ และดาวลาภะเป็นเกษตร แต่ทำไมตั้งตัวไม่ได้เสียที แต่บางคนดาวประกุมลัคน์ แถมมีดาวประอยู่กฎุมพะ เจ้าเรือนกฎุมพะยังเป็นนิจอีก แต่เขาทำงานเป็นผู้บริหาร เงินเดือนหลักแสน นี่เองที่ดิฉันพยายามศึกษาให้ลึกขึ้นเพราะคิดว่าเราคงยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง

ก็ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้ความกระจ่าง ดิฉันจะไปนั่งถอดรหัสทบทวนอีกหลายๆครั้งค่ะ

แล้วก็เรื่องชันษาจร ดิฉันหาไม่เป็น ไม่ทราบว่าเป็นอันเดียวกับกาลจักร-ลัคน์จรรึเปล่า เห็นเขามีตารางสำเร็จเกี่ยวกับอายุไว้

ขอบคุณค่ะ

118โดย คุณ การเวก (กรวิก)

27 sep 2004 16:15#679412ลบ

เรียน คุณผู้สนใจศึกษา

อันเกณฑ์ชันษาจรเป็นระบบของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ เป็นคนละแบบกับ กาลจักร-ลัคน์จร ในวิชาโหราศาสตร์ไทยจะมีหลายแขนงเช่น

-เลขเจ็ดตัว

-โหราศาสตร์ไทย (ดวงอีแปะ)

-10 ลัคนา

-กาลจักร - ลัคน์จร

-อินทพาส-บาทจันทร์

-ตรีวัย

-ทักษา

ฯลฯ

บางวิชาผมอาจจะสะกดผิด ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

อันดวงของมนุษย์เรา มีทั้งดีและเสีย ตามที่คุณเขียนมา ผมไม่ทราบวันเดือนปีเกิด เวลาเกิด จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น อ้อ ในเรื่องชันษาจรคงต้องสอบถามจากอาจารย์ผู้สอนในสมาคมนี้ละครับ ผมคงไม่ละเมิดสิทธิในการสอนดังกล่าว สวัสดีครับ

119โดย คุณ สว่างนภา

28 sep 2004 16:13#680599ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

คนที่มีดวงในเรื่องการเสี่ยงโชค หรือการพนัน ควรมีลักษณะเช่นไร ต้องสังเกตจากภพใดดาวใดได้บ้างคะ

120โดย คุณ การเวก (กรวิก)

30 sep 2004 08:19#682184ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ตามตำราของท่านอาจารย์ประทีป อัครา ท่านเคยเขียนใน "โหรทายหนู" (ให้ไปหาซื้อได้จากแผงที่ 13

ที่สวนจตุจักร เป็นร้านขายหนังสือเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ ไปซื้อร้านนี้จะได้ราคาที่ย่อมเยาว์) ว่า เวลาจะดูเรื่องของการเสี่ยงเกี่ยวกับตัวเลข (ในท้ายเล่ม) จะดูภพปุตตะ เป็นจุดเริ่มต้น แล้วดูที่มาที่ไปของดวงดาวด้วย ซึ่งผมได้นำมาเปรียบเทียบกับดวงของผมเอง ในภพปุตตะของผมดาวเจ้าเรือนเป็นเกษตร โดยส่วนใหญ่ในการเสี่ยงโชคก็จะมีตลอดทั้งปี ตรงนี้ผมไม่ปกปิดเพราะเกิดขึ้นกับตนเอง ส่วนประเด็นอื่น ๆ คงต้องดูดาวที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยน๊ะครับ หวังว่าคำตอบของผมคงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณสามารถค้นคว้าต่อไปได้ สวัสดีครับ

121โดย คุณ สส.

8 oct 2004 09:21#690322ลบ

ผมเพิ่งจะได้เข้ามาดูในเว็บนี้เพราะเบื่อๆเว็บโหรหลายแห่ง มีแต่ขายหนังสือ ขายของ เก็บเงิน นำเที่ยว ฯลฯ เลยทิ้งไป

ได้เห็นเรื่องของ อจ. อรุณ ลำเพ็ญ ที่ เว็บนี้นำมาลงแล้วก็ดีใจเพราะคิดถึงอาจารย์ ผมเป็นศิษย์รุ่นแรกๆของ อจ.อรุณฯ

ตำราก็รักษาไว้ครบไม่มีรอยยับเลย แต่ผมไม่มีวาสนา ช่วงที่อาจารย์ยังอยู่ แต่ท่านป่วย เป็นโรคทางปอด ผมถามอะไร

ท่านตอบแล้วก็เหนื่อย ผมเลยใจอ่อนไม่กล้าถาม แต่สิ่งใดถามแล้วผมจะจำได้แม่น เมื่อท่านเสียไปแล้ว ผมยังได้ประโยชน์

จากคำตอบเหล่านั้น หลังจากนั้น ผมจึงไปได้รับการถ่ายทอดวิชาจากโหรท่านหนึ่ง ผมจึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด

ความรู้ทางโหราศาสตร์ที่ อจ. อรุณฯสอนนั้น มีความลับซ่อนอยู่ เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้แล้ว แต่จะบอกตอนนี้

ก็เหมือนไม่เคารพอาจารย์ เหตุที่วิชาโหราศาสตร์ไทยยังคงต้องซ่อนสิ่งสำคัญอยู่ก็เพราะผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์มากมายจริงๆ

หวังแต่ชื่อเสียง เงินทอง ลาภสักการะ ลอกตำราเอาบ้าง ดูหมิ่นครูอาจารย์บ้าง ทำให้วิชาแท้จริงไปหลบซ่อนอยู่ในบุคคลที่

ไม่มีชื่อเสียง ค่อนข้างจะเก็บตัว ทั้งๆที่วิชาโหราศาสตร์ไทยแท้ๆ นั้นล้ำค่า แต่ต้องอาศัยตั้งใจจริง จึงจะเรียนได้สำเร็จ

อยากจะเป็นกำลังใจให้นักศึกษาทุกคน อย่าท้อถอย “ คิดถึงความเป็นเหตุเป็นผลให้มาก” นี่แหละกุญแจดอกแรกที่ อจ.อรุณ

สอนผมไว้เมื่อ กว่า ๓๐ ปีมาแล้ว..........( สส. ๙ ตค. ๔๗ )

122โดย คุณ การเวก (กรวิก)

8 oct 2004 10:56#690424ลบ

เรียน คุณ สส.

ก่อนอื่น ผมคงจะต้องเรียกคุณ สส. ว่าอาจารย์ลุงแล้วละครับ หากคุณ สส.เป็นลูกศิษย์ รุ่นแรก ๆ ของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ตัวผมเองก็ศรัทธาในวิชาโหราศาสตร์ของท่านอาจารย์ ในเวปนี้ผมได้เข้ามาเพื่อตอบปัญหาทางวิชาการให้น้อง ๆ โดยใช้แนววิชาของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ รวมทั้งนำวิชาของอาจารย์ท่านอื่นเข้ามาผสมผสาน (แต่ต้องเป็นแนววิชาเดียวกับของท่านอาจารย์อรุณด้วย) บางครั้งการตอบของผมอาจจะไม่เนียน คงจะต้องรบกวนอาจารย์ลุง

ช่วยชี้แนะด้วยน๊ะครับ

ดีใจจริง ๆ ครับ สวัสดีครับ

123โดย คุณ สว่างนภา

9 oct 2004 09:54#691398ลบ

เรียนอาจารย์การเวก และอาจารย์สส.ที่เคารพทั้งสอง

มีเรื่องมาถามอีกแล้วค่ะ ไม่เข้าใจในการนับทักษาพยากรณ์ อ่านจากหนังสือ เขาให้คำนวณจากอายุย่าง เราควรนับเป็นรายปี หรือว่านับตามวันเดือนปีเกิด เช่น เกิดวันที่ 3 ตุลาคม 2504 อายุย่างคือ 44 ปี ถูกต้องไหมค่ะ

124โดย คุณ สว่างนภา

9 oct 2004 10:21#691406ลบ

เรียนอาจารย์สส.ที่เคารพ

อาจารย์บอกว่ามีหนังสือเรียนที่เก็บไว้เป็นอย่างดี ดิฉันเสียดายเนื้อหาในเล่ม อยากให้อาจารย์สส.เผยแพร่วิชาให้บ้าง แต่คงไม่มีโอกาส ทั้งขณะนี้และในอนาคต แค่ได้พูดคุยปรึกษาสอบถามปัญหาเกี่ยวกับโหราศาสตร์ ซึ่งบางครั้งเข้าใจผิดบ้าง อย่าว่ากันนะคะ เพราะอ่านจากหนังสืออย่างเดียว ติดค้างสิ่งใดก็เข้าเวบนี้ เหมือนกับที่ได้คุยสอบถามกับอาจารย์การเวก หรืออาจารย์ท่านอื่นๆ

ก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว

125โดย คุณ พัทธนันท์

10 oct 2004 01:05#692093ลบ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ การเวก

เข้ามาครั้งแรกค่ะ มีความสงสัยขอเรียนถาม

ราศีตุยล์ 1กับ 4 กุมลัคน์ปัตนิ มี 5 (พักร์)แต่ 5เป็นอุดมเกนณ์อยู่ภพปัตนิ จะทำนายอย่างไรคะ 3 อยู่ธนู(สหัชชะ)8เจ้าเรือนปุตตะอยู่มังกรต้องพิษสุนัข

และอีกข้อนะคะดาวที่ได้วรโคตรฯแต่ต้องพิษจะทายอย่างไร

ขอบพระคุณมากค่ะ

126โดย คุณ สส.

10 oct 2004 08:47#692159ลบ

ขอบคุณคุณการเวกที่ชักชวนให้เข้ามาชี้แนะอธิบายในปัญหาโหร ผมเข้ามาท่องในเว็บ อ่านเนื้อหา และปัญหาต่างๆคร่าวๆ

หลายคอลัมน์แล้วก็เห็นว่า ปัญหาการเรียนรู้โหราศาสตร์เมื่อรุ่นปู่ย่าตายายเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ต่างกันแต่ว่า

ปัญหามันหลากหลายขึ้น อุปกรณ์ก็กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ไป สมัยผมเรียนแรกๆยังต้องใช้กระดานชะนวนแผ่นละ 5 บาท

ก๋วยเตี๋ยวชามละ 1.50 บาท ผมโชคดีที่ปรับตัวทันจึงได้มาเขียนตรงนี้ แต่ไม่อยากที่จะให้ใครเรียกว่า “อาจารย์”เลย ครูของผม

ท่านว่า “อาจารย์น่ะหาง่าย แต่ลูกศิษย์นั้นหายาก” เกรงใจอยากจะช่วยตอบคำถามบ้าง แต่พอได้รู้โหราศาสตร์แล้ว ไม่อยาก

จะตอบเลย เพราะตอบแล้วต้องให้หลักที่แท้จริง ไม่ให้ถามซ้ำได้อีก จึงจะเรียกว่าตอบจริง ครูโหรสมัยก่อน ถ้าลูกศิษย์ถามซ้ำ

3 หน ท่านจะเขกกระบาลตัวเอง 1 ที แต่อันนี้ไม่เป็นกฎ ขอโทษจากคนแก่ด้วย ที่พูดนอกเรื่อง

ผมอยากเปรียบเทียบพวกเราที่เรียนวิชานี้อยู่เหมือนคนตาบอดกลุ่มใหญ่ อยู่ในถ้ำมืดสนิท ที่วกเวียนไปมา ต่างคนต่างคลำหา

ทางออกไปสู่แสงสว่าง ได้ยินแต่เสียงตะโกนกันโหวกเหวก ให้ไปทางโน้นทีทางนี้ที บางคนตาบอดเดินไปตกเหวก็ตะโกน

ว่าทางนี้มีทางออก เพราะจิตอกุศล จะให้คนอื่นมาตกเหวตายบ้าง บ้างก็พบเคล็ดลับทางออกอยู่บ้าง กลับหลอกให้ไปทางอื่น

เพราะไม่อยากให้ใครดีกว่าตัว พวกเรากลุ่มใหญ่ได้แต่น้ำตานองหน้า จูงมือกันเข้าไว้ เดินเปะปะคลำไปตามผนังถ้ำ หวังอยู่แต่ว่า

เมื่อใดจะได้เห็นแสงสว่าง บางคนตายไปก่อนจะรู้ทางออกก็มี นี่เป็นสาเหตุให้คนเขาดูหมิ่นดูแคลนโหรขึ้นหน้าหนึ่ง

หนังสือพิมพ์อยู่ทุกวันนี้

เมื่อครูเริ่มสอนโหราศาสตร์ให้ผมใหม่ ท่านสั่งให้ผมไหว้ครูแล้วกลับบ้านไปมัดตราสังข์หนังสือโหราศาสตร์ทั้งหมดที่ผมมี

ร่วม 5,000 เล่ม เอาไว้ เมื่อเรียนจากท่านจนหมดแล้ว จึงอนุญาตให้แก้เชือกได้ แต่จนบัดนี้ผมยังไม่กลับไปแก้เชือกอีกเลย ยกเว้น

เมื่อต้องการไปดูข้อมูลบางอย่างเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ขาย เอาเงินทำบุญไปหมดแล้ว

อย่างที่ผมบอกตอนแรกว่า ถ้าจะตอบต้องตอบจริง แต่ผมจะตอบยาว มาก สัก 2 – 3 หน้ากระดาษขนาดบทความ แต่ผมอยาก

แนะนำคนที่ยังตาบอดอยู่ว่า ถ้าอยากรู้วิชาโหร โปรดอย่าเพิ่งถามปัญหาโหรอะไรเลย แต่คุณนั่นแหละที่จะต้องตอบปัญหาโหร

ที่ผมจะถาม ดังกระทู้ต่อไปนี้

ข้อหนึ่ง ครูของผมสอนว่า “ โหราศาสตร์ไม่ได้มีเพื่อพยากรณ์ “ หมายความว่าอย่างไร?

ใครตอบคำถามกระทู้นี้ได้ (ให้ เวลา 1 สัปดาห์ ) คุณจะพบทางออกแล้ว หนึ่งในสิบ ผมจะถามกระทู้สักสิบข้อ คุณต้องคิดเอง

แล้วนัยตาคุณจะหายบอด ถ้ำจะสว่างไสว เห็นทางออกที่วกเวียนนั้นง่ายเหมือนเดินอยู่ในสวรรค์ ถ้าคุณตอบถูก คุณจะรู้ได้เอง

ว่าคุณตอบถูก ผมไม่อยากเฉลยคำตอบ เพราะจะไปปิดกั้น พุทธิปัญญาของคุณเองที่คุณจะเข้าถึงโหราศาสตร์

(หมายเหตุ ผู้ตอบไม่จำเป็นต้องรู้โหราศาสตร์ หรือ จะเรียนโหราศาสตร์ระบบใด หรือเรียนอะไรมาก็ได้)

127โดย คุณ การเวก (กรวิก)

11 oct 2004 07:53#692860ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ตามกระทู้ที่ 123 ทางคุณสว่างนภา ถามถึงเรื่องการนับอายุทางทักษา ในกรณีนี้มีวิธีการนับหลายรูปแบบ

เช่น นับเป็นปี เป็นเดือน เป็นวัน ฯลฯ, ถ้านับเป็นปีก็ต้องดูว่าคุณเรียนมาทางแนวทางไหน เช่นถ้าเรียนมาทางแนวทางตลาดทั่ว ๆ ไป การนับอายุย่างอย่างที่คุณคิดนั้นถูกต้องแล้ว มีอยู่ตำราหนึ่งเป็นเรื่องของทักษา หนังาสือเล่มนี้แต่งโดย ท่านอาจารย์สำราญ

สมุทรวานิช (เรื่องมหาทักษา) หาซื้อได้ที่ร้านเขษมบรรณกิจ (เวิ้งนาครเกษม) ในหนังสือเล่มนี้ท่านอาจารย์สำราญท่านเขียนไว้ละเอียดพอสมควร ถ้าคุณค่อย ๆ อ่านและทำความเข้าใจจะสามารถช่วยขยายบางสิ่งบางอย่างให้คุณได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ได้

ผมคงให้คำตอบได้แค่นี้น๊ะครับ สวัสดีครับ

128โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

11 oct 2004 08:00#692866ลบ

เรียน อาจารย์ สส. และอาจารย์กรวิก

ขอทดลองตอบกระทู้ที่ท่านอาจารย์ สส. ตั้งไว้

ที่ว่า "โหราศาสตร์มิได้มีไว้พยากรณ์" นั้น เป็นสิ่งที่ติดใจดิฉันมานานแล้ว เพราะเวลาศึกษาศาสนาพุทธ ได้มีการกล่าวไว้ว่า โหราศาสตร์เป็นเดียรฉานวิชา ซึ่งทำให้หลายคนประนามวิชานี้หรือมองวิชานี้ในแง่ไม่ดี แต่ตามที่ดิฉันเข้าใจ ดิฉันคิดว่า ถ้าหากพระพุทธเจ้าท่านตรัสเช่นนี้จริง ท่านก็น่าจะหมายถึงว่า โหราศาสตร์มิใช่ศาสตร์ที่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น เฉกเช่นเดียวกับศาสตร์ศิลปะวิทยาอื่นที่คนเรียนไปเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพนั้นแหละ

ในความคิดของดิฉัน โหราศาสตร์เป็นสิ่งบ่งบอก "กรรม" ของมนุษย์ ใครมีกรรมหนักเบาในชีวิตเท่าใด เรื่องใด ถ้านักโหราศาสตร์อ่านดาวได้ถูกต้อง ก็สามารถบอกได้ว่า บุคคลผู้มีดวงชะตาเช่นนี้ มีกรรมอันใดที่จะต้องเผชิญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตครอบครัว งานการ ฐานะ ฯลฯ

ดังนั้นที่ว่าโหราศาสตร์มิได้มีไว้เพื่อการพยากรณ์ อาจเป็นเพราะเหตุนี้

อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์จรนั้น สามารถเป็นไปได้เนื่องจากเมื่อดาวจรมา เป็นการบ่งวาระแห่งกรรมดีกรรมชั่วที่กำลังจะให้ผลค่ะ

129โดย คุณ การเวก (กรวิก)

11 oct 2004 08:25#692877ลบ

เรียน คุณพัทธนันท์

ก่อนอื่นก็ต้องขอบอกคุณพัทธนันท์ไว้เช่นเดียวกับท่านลุง สส. น๊ะครับว่า ผมเองก็เช่นกันมิได้เป็นครูบาอาจารย์อะไรหรอก เพียงแต่เข้ามาเพื่อคลายข้อสงสัยบางสิ่งบางอย่างให้แก่ผู้ใฝ่รู้วิชาโหราศาสตร์ไทยเท่านั้นเอง เอาละมาว่าถึงเรื่องของคุณก่อน ผมจะว่าเป็นข้อ ๆ ไปเลยน๊ะครับ

1. ตามที่คุณถามมาผมเข้าใจว่าคุณเรียนมาทางใช้องศาของดาวประกอบ รวมทั้งใช้นวางค์จักร และตรียางค์จักร เข้ามาร่วมในการพยากรณ์ด้วย เพราะจากที่คุณถามถึงเรื่องพิษ อันที่จริงเมื่อเวลาคุณผูกดวงทางโหราศาสตร์ (ใช้แผ่นหมุน) หรือผูกดวงด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อผูกดวงเสร็จจะมีคำบอกไว้ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกพิษหรือไม่ ซึ่งพิษนั้นมี 3 ชนิดคือ

ก.พิษนาค อันพิษนาคนั้นจะมีความหมายถึงภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับของเหลว หรือน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องกับดาวดวงนั้น ๆ หรืออาจจะหมายถึงภัยทางน้ำก็ย่อมได้

ข.พิษสุนัข อันพิษสุนัขนั้นจะมีความหมายถึง ของมีคม เขี้ยวงาต่าง ๆ หรือของที่สามารถทะลุทะลวงได้เช่นลูกปืน โดยภัยดังกล่าวจะเกิดบนพื้นดินเสียเป็นส่วนใหญ่

ค.พิษครุฑ อันพิษครุฑนั้นจะมีความหมายถึงภัยที่เกี่ยวกับลม พายุ สายฟ้า ความร้อน สรุปก็คือภัยดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นภัยที่มาจากทางอากาศ

ง. สำหรับดาวที่อยู่ในตำแหน่งวรโคตรนวางค์นั้นหมายถึงเป็นดาวที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับราศีจักร เป็นดาวที่สมบูรณ์แบบไม่มีแอบแฝงให้ต้องค้นหาใด ๆ ส่วนเรื่องถูกพิษอะไรก็มีความหมายดังข้อ ก หรือ ข หรือ ค แล้วแต่ว่าจะเป็นพิษอะไร

2. ตามตำแหน่งดาวที่คุณถามมานั้น สำหรับดาวอาทิตย์ (เข้ากฎองค์เกณฑ์แท้) ดาวพฤหัส (ก็เข้ากฎของอุดมเกณฑ์แท้) เช่นกัน คุณจะเห็นว่า ดาวพฤหัสกับดาวอังคารสลับเรือนกันอยู่ เรามาว่าถึงภพปัตตนิก่อน (กรณีดาวไม่ครบ 10ดวงน๊ะครับ) ในลักษณะเช่นนี้คุณกับแฟน(คู่ครอง) คงต้องอยู่กันแบบไป ๆ มา ๆ ถึงจะดี (เพราะดาวสลับเรือนกัน แสดงถึงไป ๆ มา ๆ )

อันนี้เป็นการอธิบายแบบสั้น ๆ ให้เข้าใจในระดับหนึ่งน๊ะครับ

3.ส่วนเรื่องของดาวอาทิตย์และพุธกุมลัคนา (อาทิตย์ถึงแม้เป็นนิจ แต่เข้าเกณฑ์องค์เกณฑ์) แต่ผมไม่ทราบว่าดาวเจ้าเรือน(ศุกร์) ไปอยู่ที่ใด เอาเป็นว่ากันถึงดาวอาทิตย์และพุธโดด ๆ มากุมลัคนา คุณคงต้องดูว่าดาวอาทิตย์มาจากภพอะไร พุธมาจากภพอะไร และดาวทั้งสองเป็นอะไรทางทักษาด้วย จึงค่อยนำมาผสมออกเป็นคำพยากรณ์ได้ น๊ะครับ ผมคงให้ความกระจ่างได้เพียงเท่านี้ และในข้อ 2 ข้างต้นก็เช่นกัน คุณคงจะต้องดูด้วยว่า ดาวพฤหัส และดาวอังคาร ทางทักษามีความหมายถึงอะไรด้วย

4. ส่วนเรื่องดาวราหูถูกพิษสุนัข ผมได้ให้ความหมายของพิษต่าง ๆ ให้ฟังแล้ว คุณคงสามารถนำไปผสมได้ อ้อ อย่าลืมไปน๊ะครับ เมื่อใดก็ตามที่ดาวพุธจรมากระทบดาวราหูในราศีมังกร จะต้องระวังไว้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุจากเขี้ยวงาได้ ข้อนี้อยู่ในกฎของดาวจรต้องดาวเดิม

ผมคงจบคำตอบเพียงคร่าว ๆ ไว้เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ

130โดย คุณ สส.

12 oct 2004 13:35#694206ลบ

- คุณการเวก มีจิตกุศล เมตตา ช่วยตอบคำถามให้ผู้สงสัยอย่างดีทีเดียว

- คุณสว่างนภา อย่าคิดแสวงหาวิชาจากที่อื่นมากจนลืมนึกถึงวิชาที่มีในตัวคุณ เพียงแต่เราหยุดคิดถึงเหตุผล อย่างเป็นกลาง วิชาจะมาปรากฏแก่ คุณเอง หากเราไม่มีเหตุผล ก็ไม่มีทางเข้าใจอะไรได้ ไม่ว่าจะอ่านตำรากี่ร้อยเล่ม โหราศาสตร์สร้างขึ้นจากเหตุผล ล้วนๆ คนโง่ไม่มีทางมองเห็น

- คุณผู้สนใจศึกษา ชื่นชมคำตอบ มากครับ ให้รางวัล 100 %แต่ให้ คะแนน 5 % หลักกรรมไม่ใช่หลักของโหราศาสตร์ เดิมโหราศาสตร์สร้างขึ้นจากหลัก เพียง 3 หลัก ศิษย์พัฒนา ต่อมาเป็น 7 แนวทาง มี 2 แนวทางใช้ จักรราศี เป็นเครื่องมือ แยกออกเป็น 2 สาย สายหนึ่งที่แยกมาโดดๆ นั้นเป็นต้นตอของโหราศาสตร์ทางสุวรรณภูมิและ โหราศาสตร์ไทย แต่ละสายได้เพิ่มหลักร่วมลงไปอีกเป็นจำนวนมาก บางหลักเพิ่งมาปรากฏเมื่อสมัยรัชกาลที่ สี่นี่เอง หลักที่ใกล้เคียงหลักกรรมอยู่บ้าง คือหลัก “พันธุกรรม” แต่ไม่ใช่เรื่องกรรม โหราศาสตร์ใช้หลักพันธุกรรม มาก่อนเมนเดลผู้ตั้งทฤษฎีพันธุกรรมร่วม สองพันปี

- คุณพัทธนันท์ เรื่องพิษครุฑ พิษนาค พิษสุนัข ถ้ายังไม่ได้เรียนเกี่ยวกับฤกษ์ ขอให้เอามัดเก็บเอาไว้ก่อน แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะใช้เฉพาะฤกษ์ เหมือนกับเวลาตั้งโต้ะทำพีธี ผู้ใหญ่ท่านสอนว่าอย่าตั้งกลางทาง เพราะรถยนต์(สุนัข ) มันจะเฉี่ยวโต้ะล้ม อย่าตั้งริมน้ำ (นาค) เพราะดินมันอ่อน โต้ะมันเท ก็จะเสียพิธีได้ อย่าตั้งกลางแจ้งที่ลมมันแรง ลม (ครุฑ) มันพัด จุดเทียนเท่าไรก็ดับ อจ. ส.แสงตะวัน ท่านเคยให้ฤกษ์แก่ผู้ใหญ่คนหนึ่งทำพิธีเปิดบริษัท ท่านนั้นท้วงว่าฤกษ์ ของอาจารย์หมอดูอื่นว่า ตกตรียางค์พิษ อจ.สีหน้าเฉยๆ ตอบว่า เออลมมันแรงไปหน่อย ก็ให้ร่มไปบังลมแล้วไง ท่านเลยกลับไปหาร่ม หาไม่เจอ โมโหหัวเสีย วันทำพิธีผมรีบไปดู วันนั้นลมแรงผิดฤดูจริงๆด้วย แต่เทียนที่จุดไว้บนโต้ะพิธี หรี่อยู่หลายสิบครั้งก็ไม่ดับ แปลกแท้ๆ เล่าให้ อจ.อรุณ ฟัง ดูเหมือนท่านเอาไปแต่งใหม่เป็นเรื่อง เปลี่ยนฉากและบุคคลไปเล็กน้อย

เรื่องวรโคตรนวางค์เป็นของจริง แต่ก็พักเก็บไว้ก่อนอย่าไปพะวง ถือว่าไม่รู้ไม่เห็น เว้นใครเรียนเรื่องนวางคจักรก็ตามใจท่าน ครูท่านว่าวรโคตรนวางค์เป็นความคงอยู่ทน เหมือนคนหนังเหนียว คนอื่นเราเอาไม้ตี 2 ทีตาย แต่พวกวรโคตรนวางค์ต้องตีสัก 10 ทีจึงตาย ทรมานเปล่าๆ มีทั้งดีและไม่ดี ไม่มีปัจจัยทางโหราศาสตร์ใดเลย ที่มีแต่ดีหรือไม่ดีอย่างเดียว ไปดูเถิด วรโคตรนวางค์มาจากไหน จะรู้ว่ามันมีเหตุผลมาจากอะไร? ผมใบ้ให้แล้ว สำหรับมือใหม่ให้เก็บเอาไว้ก่อน เคล็ดลับแค่นี้แหละ บางคนกอดไว้จนตาย

131โดย คุณ นร.

13 oct 2004 00:04#694842ลบ

เรียน ท่าน อ. สส. ครับ

ผมยังเป็นนักเรียนใหม่ ฟังท่าน อ. สส. แล้วเหมือนจะเข้าใจก็ไม่เข้าใจ คงเพราะยังเรียนรู้น้อย ถ้าจะกรุณาแนะนำที่ว่า เรื่องโหราศาสตร์สร้างขึ้นจากหลัก 3 หลัก ศิษย์พัฒนาต่อเป็น 7 แนวทาง มีสองแนวทางใช้ จักรราศี...... คือผมอยากทราบรายละเอียดส่วนโครงสร้างตรงนี้ผมสนใจมากๆ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เกี่ยวข้องเชื่อมโยงอย่างไร

ถ้าไม่สะดวกจะตอบในที่นี้ กรุณาตอบที่[email protected] ก็ได้ครับ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

132โดย คุณ สส.

13 oct 2004 04:20#694893ลบ

คุณ ผู้สนใจศึกษา ผมลืมกล่าวเรื่องที่ว่า “ โหราศาสตร์เป็นเดียรัจฉานวิชา” พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยตรัส แต่เป็นคำพูดของคนชั้นหลังๆ พระพุทธเจ้าท่านเพียงตรัสว่า “โหราศาสตร์ก็ดี ไสยศาสตร์ก็ดี อันเป็นของพญามารมาแต่งแกล้งไว้ให้ใหลหลง” ซึ่งก็จริงด้วย โหราศาสตร์ ยึดหลัก “ หยุดอยู่ แปรปรวน และ เคลื่อนไป” แต่พระพุทธเจ้าท่านประกาศว่า “สังขารธรรม(ธรรมใดอันมีปัจจัยปรุงแต่ง) เป็นอนิจจัง – แปรเปลี่ยน ทุกขัง - เป็นทุกข์ และ อนัตตา – ไม่อาจถือเอาเป็นตน” ศาสนาอื่น และพระปลอม พูดว่า “ อนัตตา – สูญไป ไม่มีตัวตน”

คนบาปชอบอ้างพระท่าน ว่า “ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน” หรือไม่ก็เล่นสำนวนกลับกัน พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยตรัส เช่นนี้เพราะ ไม่ใช่หลักอนิจจัง. คนเซ่อ ตู่อ้างพุทธพจน์ว่า “กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา” นี่เป็นภาษากฏหมาย ที่จริงพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า “เจตนา นั่นแหละ (คือ) กรรม”

คนชั้นหลังชอบอ้างเอาพระพุทธธรรม เข้าปรุงเปลี่ยนโหราศาสตร์ดั้งเดิม ทำให้สับสน หวังให้คนไหว้คัมภีร์ และไม่กล้าละเมิด จนยากจะสะสาง ต้องใจกล้า เชิญพระออกก่อน ก็จะเห็นโหราศาสตร์ชัดขึ้น

133โดย คุณ สส.

13 oct 2004 06:54#694910ลบ

คุณนร. ครับ ที่จริงคำตอบตามที่ถามมาจะเข้าใกล้คำตอบกระทู้ข้อที่ 1 มากไป แต่เราไม่เคร่งเครียด และคุณก็ถามดีด้วย คือเอ่ยถึงโครงสร้าง โหราศาสตร์สร้างโดยปัจจัย 3 ชนิด คือ “ปรัชญา (องค์ความรู้) มรรควิถี (ทางดำเนิน) และอุปกรณ์ (เครื่องมือ)” ปัจจัยทั้งสามจะถูกเลือกมาใช้ ตามแต่สิ่งที่จะหาได้ และ วัฒนธรรมในหมู่ชนนั้นๆ เช่น ผมอาจจะเด็ดใบไม้ ขึ้นมา ทำนายตามวิธีโหร แต่หากขาดปรัชญาโหราศาสตร์ แม้ จะกระทำสิ่งใดเหมือนๆกัน ก็อาจกลายเป็นอย่างอื่นไป ส่วนเรื่อง “สาย และ แนวทาง” นั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพียงแยกตามปรัชญาส่วนเพิ่ม มรรควิถี และอุปกรณ์ เท่านั้น ไม่เป็นสาระทางประวัติศาสตร์

134โดย คุณ การเวก (กรวิก)

13 oct 2004 07:36#694919ลบ

เรียน อาจารย์ลุง สส.

บทความที่อาจารย์ลุงได้สอนไว้ในเวปนี้นับว่ามีคุณ

ประโยชน์มากแด่ผู้สนใจค้นคว้าในวิชาโหราศาสตร์

แม้กระทั่งตัวผมเองได้อ่านบทความของอาจารย์ลุง ยังนึกถึงตัวเองว่าไม่มีความสามารถในการให้คำตอบที่เป็นปรัชญาแก่ผู้ถาม นึกแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ผู้ถามผู้อ่านสามารถอ่านแล้วเข้าใจ เมื่อได้สัมผัสกับ

บทความของอาจารย์ลุงแล้วรู้สึกสว่างขี้นมาก ปัจจุบันผมเองก็ใช้วิชาดังกล่าวช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ แก้ไขตามหลักวิชาโดยมีที่มาที่ไปตามที่อาจารย์ลุงว่าไว้ มิได้เรียกร้องสิ่งใด ๆ เกินกว่าที่ผู้ตกทุกข์ได้ยากจะสามารถทำได้ และรายได้บางส่วนก็เก็บไว้ทำบุญให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยากจริง ๆ หรือทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แด่เจ้ากรรมนายเวร ทั้งที่ได้ล่วงเกินและมิได้ล่วงเกิน อีกทั้งยังอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แด่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายทั้งปวงที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

ผมหวังว่าอาจารย์ลุงจะเข้ามาแนะนำปรัชญาทางโหราศาสตร์ เพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้กับผู้สนใจทั่ว ๆ ไป รวมทั้งตัวผมเองด้วยน๊ะครับ

นับถือด้วยใจ

135โดย คุณ ศิษย์ 2000

13 oct 2004 21:37#695725ลบ

เรียนคุณลุง สส

คำถามที่ว่า "โหราศาสตร์ไม่ได้มีเพื่อพยากรณ์"

ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า "เราเรียนโหราศาสตร์เพื่อรู้จักตัวเอง" ข้อนี้จริง เพราะแรกเริ่มที่สนใจอยากรู้อนาคตของตนเองว่าจะดำเนินไปเช่นใด มิได้หวังเป็นอาชีพ พอเข้ามาศึกษาก็วนเวียนหลงทางอยู่นานเพราะหาผู้รู้จริง และผู้สอนสั่งแบบครูสอนศิษย์นั้นยากขึ้นทุกทีในสมัยปัจจุบัน อาจเกี่ยวเนื่องกับระบบเศรษฐกิจด้วย

คนเรียนโหราศาสตร์ปัจจุบันหวังเรียนแบบรวดเร็วหนึ่งหรือสองปีสามารถออกไปพยากรณ์ได้ เรื่องนี้ไม่จริงแน่นอน ระยะเวลาแค่นี้ยังอ่านชีวิตตัวเองไม่ออกเอาตัวไม่รอดเลย อย่าว่าแต่จะไปพยากรณ์ให้ใคร

เมื่อประมาณ 3 ปี มาแล้วได้หนังสือปรัชญาโหราศาสตร์มาหยิบมาอ่านอยู๋หลายครั้งก็ไม่คืบหน้า ดูคร่าวๆรู้ว่าดีมากเข้าถึงปัจจัย แต่พื้นฐานทางพุทธศาสไม่แน่นพอ เมื่อศึกษาปฏิจจสมุปบาทและอิทัปปจจฺยตามาอ่านอีกทีก็เข้าใจได้บ้าง แต่ทุกวันนี้ก็ยังอ่านไม่จบ..ภฺมิปัญญายังไม่แน่น ความอุตสาหะยังไม่แก่กล้า หรือไม่มีครูไม่ทราบ ถ้าอาจารย์ลุงจะช่วยอธิบายให้ก็ดี เพราะปัจจุบันมีแทรกอยู่บ้างในบางวิชาแต่ไม่มากพอ จึงขอขอบพระคุณในความเมตตาครั้งเป็นอย่างยิ่ง

136โดย คุณ พัทธนันท์

14 oct 2004 03:29#695913ลบ

ขอบพระคุณ คุณ ส.ส.และคุณกรวิกมากๆที่กรุณาให้ความรู้ มีเรื่องถามอีกนะคะ

6กับ4 คู่ธาตุชั้นสอง แต่ไปอยู่เรือนกาลี 6มาจากมรณะ-ตนุ 4มาจากศุภะ-วินาศ กุมกันอยู่ราศีพิจิก

และเรีอนนั้นเป็นเรือนกดุมภะ ๆเป็นกาฬกิณี จะทำนาย

อย่างไรคะ

ขอบคุณค่ะ

137โดย คุณ การเวก (กรวิก)

14 oct 2004 08:33#695991ลบ

เรียน คุณพัทธนันท์

ผมเองก็ยังคงต้องทำหน้าที่เฉลยแบบตลาดให้คุณได้ทราบต่อไป ถูกผิดแล้วเดี๋ยวอาจารย์ลุงท่านคงเข้ามาแก้ไขให้ ตามที่คุณถามมาผมคงจะว่าเป็นข้อ ๆ ไปน๊ะครับ จะได้ไม่งง เริ่มเลยน๊ะครับ

1.เรามาดูดาวแต่ละดวงก่อนว่ามีสถานะเป็นเช่นไร

-ดาวศุกร์(6) ตนุลัคน์ (เจ้าเรือนภพตนุ-มรณะ ได้แก่ราศีตุลย์และราศีพฤษภ) ไปอยู่ราศีพิจิก (ภพกดุมภะ

ซึ่งมีดาวอังคารเป็นเจ้าเรือน และดาวอังคารยังเป็นดาวเจ้าเรือนภพปัตตนิในราศีเมษด้วย) ร่วมกับดาวพุธ

(เจ้าเรือนภพศุภะ-วินาศ ราศีเมถุนและราศีกันย์)

-ตำแหน่งของดาวศุกร์ในราศีพิจิก เป็นตำแหน่งประ แต่เนื่องจากอยู่ร่วมกับดาวพุธ ดาวคู่ธาตุ และยังอยู่ในราศีพิจิก (ธาตุน้ำ ชั้นสองด้วย) ดังนั้นก่อนที่ดาวศุกร์จะแข็งแรง ก็ต้องได้รับความเป็นประเสียก่อน

เช่นกันอันดาวพธคู่ธาตุก็ต้องรับความเป็นประของดาวศุกร์ไปก่อนที่จะเข้มแข็ง

-เรือนอังคารคือภพกดุมภะและปัตตนิ(ราศีพิจิกและราศีเมษ) ปรากฎว่า ดาวอังคารเป็นกาลี ดังนั้นดาวใดก็ตามที่มาอยู่เรือนอังคารก็ต้องได้รับกาลีเข้าไว้

(ทางทักษา)

-สำหรับดาวพุธคือบริวาร อันได้แก่ คู่ครอง บุคคลในครอบครัวที่มีอายุน้อยกว่า บุคคลที่อยู่ภายใต้การปกครอง หรือบุคคลรอบข้าง(ทางทักษา)

-ส่วนดาวศุกร์ คือมูลละ คือทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้ เงินเก็บ เงินออม (ทางทักษา)

2.เรามาผสมเรือน ผสมภพ โดยการนำทักษาเข้ามาผสมเพื่อออกคำพยากรณ์

-อันภพกดุมภะหมายถึงการเงิน ดาวศุกร์(ตนุลัคน์เจ้าเรือนภพตนุ และภพมรณะ) กับดาวพุธ(เจ้าเรือนภพศุภะและวินาศน์) อยู่ในราศีธาตุน้ำชั้น2 เจ้าชะตาวิ่งหาเงินหารายได้เข้ามา(ดาวศุกร์ในภพกดุมภะ)เพื่อสร้างฐานะ สร้างความสำเร็จให้กับตนเอง(ดาวพุธเจ้าเรือนภพศุภะ) แต่เนื่องจากทั้งดาวศุกร์และดาวพุธมาอยู่เรือนอังคาร(กาลี) เรามาดูดาวอังคารก่อนว่ากาลีเกี่ยวกับเรื่องอะไร ดาวอังคารเจ้าเรือนภพกดุมภะและปัตตนิ แสดงว่าเรื่องเสียหายเกี่ยวกับเรื่องการเงินและเพศตรงข้าม หรือหุ้นส่วนการลงทุน และเรื่องเสียหายนี้จะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ (ศุกร์+พุธ ดาวคู่ธาตุน้ำชั้นสอง) ตลอดเวลาในชีวิตของเจ้าชะตา และเรามาดูว่า ดาวศุกร์+ดาวพุธ ในคำกลอนเรื่องพระเคราะห์คู่มีว่าไว้ว่า "พุธศุกร์อีกคู่อย่าดูเบา มักมากเมาเสพสมจนซมซาน" หรือ "พุธศุกร์อีกคู่ดูไม่ละ มักตะกละเสพสมชมคาวหวาน อยู่เรือนพุธ ศุกร์ จันทร์ และอังคาร มักร้าวรานหมางเมินห่างเหินกัน" ตรงนี้แหละที่จะต้องดูว่าดาวอังคารไปอยู่ที่ใด ถ้าอยู่ร่วมกับดาวพุธและดาวศุกร์ด้วยแล้ว เป็นสิ่งที่แน่นอนยิ่งขึ้น

3. สรุป เจ้าชะตาค่อนข้างจะเป็นคนขยันหาเงินหาทองเพื่อให้ตนเองได้ประสบความสำเร็จในชีวิต ทางด้านฐานะ ความเป็นอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าชะตาก็มีเรื่องเสียหายทางการเงินเกี่ยวกับเรื่องของเพศตรงข้ามอยู่เรื่อย ๆ มิได้ขาด (ความสุรุ่ยสุร่ายดังกล่าวมักจะเกี่ยวกับเพศตรงข้าม ที่อยู่รอบตัวของเจ้าชะตา)

ผมหวังว่าสิ่งที่ได้อธิบายมานี้คงสามารถสร้างความเข้าใจได้บ้าง เพราะพยายามอธิบายในแนวทางของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ให้ใกล้เคียงที่สุด และหวังว่าคำอธิบายดังกล่าวจะเป็นคุณประโยชน์สำหรับผู้ที่ศึกษาในแนวทางดังกล่าว สวัสดีครับ

138โดย คุณ สส.

14 oct 2004 08:55#696010ลบ

- คุณการเวก น้ำใจงดงามดีจริงๆ น่านับถือ

- คุณศิษย์ 2000 โอ้โฮ ! ตอบเกือบถูก ให้รางวัลเต็ม100 % แต่ให้คะแนน 30 % วิชาที่ตกทอดมาจากโบราณส่วนมากจะคิดเป็นสากล การเรียนเพื่อรู้จักตัวเราเอง เป็นหลักพุทธศาสนา แม้จะเห็นด้วย 100 % แต่ยังคงไม่ถูกเผงตามกระทู้ ชีวิตเราเป็นส่วนหนึ่งของโลก และธรรมชาติ เหมือนน้ำหยดหนึ่ง เมื่อไหลรวมลงสู่มหาสมุทร จะยังคงสภาพเป็นหยดน้ำอยู่อย่างไร? ใครพลิกคำตอบอีกเพียงนิดเดียว ก็ได้คะแนนเต็มร้อยแล้ว

ครูโหรทุกท่านมีปัญหาเหมือนๆกัน มาแต่โบราณ คือหาศิษย์ยาก เวลาพูดสอนคนนับร้อยกลางเมือง ไม่รู้น้ำจิต น้ำใจกัน จึงต้องพูดซ่อนเงื่อนไว้เป็น 2 ชั้น คนฟัง 1000 คน อาจได้วิชาไปเพียงคนเดียว คนลอกเอาไปพิมพ์ ไม่รู้เรื่องราว แต่ก็ส่งต่อได้ถึงคนฉลาด ที่แม้ยังเกิดมาไม่ทัน เลยก็ตาม วิชาโหรทุกวิชา มีรหัสซ่อนไว้อย่างดี ถ้าคิดออกจะรู้ว่ามหัศจรรย์เพียงใด หากครูท่านมาเขียนในอินเตอร์เน็ทเช่นนี้ ซึ่งต่อไปอาจมีผู้คนนับหมื่นมาดูลายลักษณ์อักษรที่บอกไว้ คงจะต้องซ่อนเงื่อนไว้เป็น 3 – 4 ชั้น ผมก็เลียนแบบครูท่านมาทำนองเดียวกัน กลับไปอ่านย้อนทวนดูที่ผมตอบผ่านมา แล้วคิดดูอีกสักที ต่อไปก็จะมีอยู่ตลอดเวลา อย่างกระทู้ข้อแรกก็ลดภาระของคุณไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อ เรากลับไปใช้โหราศาสตร์เพื่อพยากรณ์ อีกครั้ง ทีเดียวก็อยู่มือ

กระทู้ข้อที่สอง – นิทานพาราณสี (ของเก่า) ครูโหรท่านเล่าว่า มีหมอดูคนหนึ่งพาภรรยาท้องแก่ใกล้จวนเจียนจะคลอด เดินทางจะกลับบ้านเกิด เห็นวัดแห่งหนึ่ง ชื่อ “ธรรมาราม” จึงเข้าไปแวะพัก วัดแห่งนี้ มีระฆังใบใหญ่มาก เป็นของเก่าโบราณ นานจนไม่รู้ว่าสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใด ผู้คนจึงเรียกว่า “กาล” เมื่อตีระฆังครั้งหนึ่ง เสียงจะดังก้องไปหลาย ตำบล เสียงเหง่งหง่างจะยังกังวานไปหลายชั่วยาม พอดีเวลานั้นพระตีระฆัง เพียงครั้งเดียว ภรรยาหมอดูก็คลอดเด็กออกมาพอดี หมอดูตะโกนบอกว่า พระคุณเจ้าหยุดตีระฆังเสียทีเถิด ผมจะได้มีสมาธิผูกวางลัคนาให้เด็ก พระท่านตอบว่า อาตมาตีไปครั้งเดียว เณร อยากรู้จึงถามขึ้นว่า ลัคนา คืออะไร?

กระทู้ข้อนี้ ถามพวกเราว่า “ ลัคนา คือ อะไร? “ ใครลอกนิทานนี้ไปพิมพ์ขาย นับเป็น กุศล แต่ขออย่าให้พิมพ์ผิดพลาดตกหล่น ที่พบของลอกไปพิมพ์อยู่ก่อนแล้ว ช่วยตรวจทานแก้ไขด้วย ผมตรวจทานทุกตัวอักษรแล้ว ไม่ต้องถามว่ามีที่ใดผิด

139โดย คุณ ศิษย์ 2000

14 oct 2004 19:45#696616ลบ

สวัสดีท่านอาจารย์ สส.

เรียกอาจารย์ลุงคงจะแก่เกินไป เรียกท่านอาจารย์ สส. ( กำลังดีสมวัยดี)

หลักโหราศาสตร์มี 3 หลัก คือ

1. อดีต ปัจจุบัน อนาคต

2. อาตมันอยู่ในปรมัตมัน หรือ สิ่งที่เป็นส่วนย่อย ย่อมอยู่ในส่วนใหญ่ หรือ เราเป็นคนไทย ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย

3. เบื้องบนเป็นอย่างไร เบื้องล่างเป็นอย่างนั้น เช่น ดาวบนฟ้าทำมุมดาวอย่างไร คนบนโลกก็เป็นอย่างนั้น

...อันนี้เป็นคำตอบใช่ไหม

กระทู้ข้อที่สอง ลัคนาคือจักรราศีทางขอบฟ้าตะวันออก ณ เวลาประสงค์ มนุษย์เกิดมาขึ้นอยู่กับ กาละและเทศะ.....ใช่ไหม

140โดย คุณ สส.

16 oct 2004 04:56#698036ลบ

- คุณการเวก ตอบคุณพัทธนันท์ ดีอยู่แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเพิ่มอีก สังเกตุจากปัญหาทั้งหลายที่มีผู้ถาม พบว่าให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถามน้อยมาก ว่าเรียนมาอย่างไร เรียนถึงที่ใดแล้ว หรือไปรู้เรื่องนั้นๆ มาจากไหน เวลาตอบ ก็ต้องตอบกลางๆ เว้นแต่ว่าถามกันมานานพอรู้จักบ้างแล้ว

ครูโหรสอนอ่านดวงทีแรก ท่านจะสอนให้อ่านแก่นของเรื่อง จากต้นไปท้าย เดินเป็นเส้นตรงไปก่อน ไม่ต้องเลี้ยว ไม่ต้องเสริม ไม่ต้องระบายสี ใส่ไข่ ผิดถูกช่าง(หัว)มัน อ่านจนไม่หลงทางแล้ว จึงจะต่อเรื่อง ต่อกิ่งก้าน ระบายสีถัดไป ดังนั้น เวลาหัด ส่วนมากจะสอนให้อ่านเรือน (และเจ้าเรือน) ให้เกิดความชำนาญ แล้วจึงจับดาว ต่อไปจึงเติมความเป็นดาวคู่ คู่ธาตุ คู่มิตร คู่สมพล ราศีธาตุ เพิ่มด้วยทักษา แล้วจึงดูโยคเกณฑ์ประกอบ สุดท้ายแล้วจึงจะประกอบขึ้นเป็นองค์รวม เพื่อดู เกณฑ์สำคัญ วาสนา และ พินทุบาทว์ แม้ที่กล่าวมานี้จะไม่ใช่หลักบังคับ แต่ถ้ายังไม่ชำนาญจริง การฝึกตามขั้นตอนดังนี้ก็ทำให้เป็นเร็วกว่าวิธีอื่น

141โดย คุณ สส.

17 oct 2004 04:52#698894ลบ

- คุณศิษย์ 2000 คำตอบกระทู้แรก ข้อ 3. นั้น ข้อความไม่ถูกกับกระทู้ จะว่า “ดาวบนฟ้าทำมุมดาวอย่างไร คนบนโลกก็เป็นอย่างนั้น” ส่วนใหญ่อธิบายกันเช่นนี้ เพราะเข้าใจง่าย แต่คลุมเคลือเกินไป ส่วนข้อ 2. โหราศาสตร์ไม่มีเรื่อง “อาตมัน – ปรมาตมัน” กระทู้สอง ตอบเร็วดี เหมือนเป็นศูนย์หน้าฟุตบอล พอเริ่มเขี่ยลูกก็ยิงเลย มนุษย์เราเกิดมา “อยู่ใน” กาละ เทศะ (time & space) ไม่ใช่ “ขึ้นอยู่กับ” แต่ก็ยังไม่ใช่สาระในนิทานกระทู้นี้

142โดย คุณ lad

17 oct 2004 22:51#699564ลบ

ได้อ่านกระทู้ ของ ท่านลุง สส. แล้วอยากทดลองตอบบ้างนะครับ

ข้อ 1 โหราศาสตร์ เรียนทำไม แต่ก่อนยังเข้าใจว่า เอาไว้รู้อนาคต เอาไว้พยากรณ์ แต่ปัจจุบัน เริ่มเข้ามาเรียนรู้แล้ว รู้สึกว่า เรียนเพื่อให้เข้าใจถึงธรรมชาติทั้งปวง ธรรมชาติของตัวเอง ตัวเองเป็นอย่างไร ธรรมชาติของสังคมมีผลอะไรกับตัวเรา และรอบข้างบ้าง เมื่อเรียนรู้แล้ว เข้าใจธรรมชาติแล้ว ชีวิตพบความสงบ และความสุขในชีวิต (ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ)

ข้อ 2 ลัคนา คืออะไร ไม่รู้ครับ เข้าใจเอง ว่าเป็นเวลาเกิด ที่เกี่ยวกับพระอาทิตย์ และ รู้ว่าเกี่ยวข้องกับสถานที่ และสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เคยมีใครบอกได้ว่าทำไม หวังว่าจะได้แก่น จากผู้รู้ นะครับ

143โดย คุณ การเวก (กรวิก)

18 oct 2004 07:47#699680ลบ

เรียน อาจารย์ลุง สส.

ผมเองได้อ่านคำถามของอาจารย์ลุงแล้ว มานั่งนึกให้ละเอียดแล้ว มีบางสิ่งบางอย่างซ่อนคำสอนไว้ให้พวกเราชนรุ่นหลังในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ได้นึกคิด

ตามคำถามที่อาจารย์ลุงถามมานั้นตามความนึกคิดของผมคงจะตอบได้ดังนี้

1. โหราศาสตร์มีไว้เพื่อเป็นสถิติให้เราชนรุ่นหลังได้รู้ถึงความผูกพันธ์ของดวงดาว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ของดวงดาวในตำแหน่งต่าง ๆ ผลที่เกิดจากการกระทบกันระหว่างดาวศุภเคราะห์และดาวบาปเคราะห์

2.ลัคนาคือ วิบากกรรมของมนุษย์ที่จะต้องเผชิญในการดำเนินชีวิตต่อไป เพราะเมื่อเกิดลัคนาแล้ว ก็จะเกิดเรือน เกิดภพ เกิดดวงดาวในตำแหน่งต่าง ๆ เกิดตนุลัคน์ เกิดตนุเศษ ดังนั้นลัคนาจึงเป็นวิบากกรรมของมนุษย์ที่มี ตนุลัคน์เป็นผู้แสดง เป็นผู้ออกไปผจญภัย เป็นผู้แสวงหาในสิ่งต่าง ๆทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม

ผมหวังว่าคงจะได้รับคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ลุงน๊ะครับ สวัสดีครับ

144โดย คุณ chart

18 oct 2004 07:59#699686ลบ

เรียน อาจารย์

ผมขออนุญาตถามข้อสงสัยได้ผูกดวงเพื่อน ลัคนาอยู่กรกฎ ในราศีเมษ (ภพกรรมะ)มี ดาวอังคาร และดาวเกตร่วมอยู่ด้วย ดาวอังอารเป็นเกษตร ก็ทำนายไปว่ามียศ มีตำแหน่ง แต่มีดาวเกตุร่วมด้วย จะทำให้การงานวุ่นวาย ทำนายอย่างนี้ถูกหรือไม่ และขณะนี้ดาวราหูมาอยู่ร่วมราศี จะทายว่าอย่างไร ขอรับคำชี้แนะด้วยครับ

145โดย คุณ นร.

18 oct 2004 10:05#699807ลบ

เรียนท่าน อ.สส.

ตามความเห็นที่144(คำถาม)ผมตอบอย่างนี้ได้หรือไม่

ดาวอังคารเป็นเกษตรภพกรรมมะ ราศีเมษ ร่วม เกตุ อังคารเป็นเกษตรนี้ ก็จะทำให้เจ้าชะตาขยันขันแข็ง มานะบากบั่น เอาจริงเอาจัง(ลักษณะดาวอังคาร) และกระตือรือร้นอย่างสูงตลอดเวลา(ราศีเมษธาตุไฟชั้น๑)ในหน้าที่การงานจนสามารถประสบความสำเร็จได้ (เมื่อมีเกตุร่วม) ทำให้ความกระตือรือร้นต่อการงาน การดิ้นรน การไม่อยู่นิ่ง จนกระทั่งประสบความเร็จอย่างสูงมากๆได้.......อย่างนี้ได้หรือเปล่าครับท่าน อ. สส.

146โดย คุณ นร.

18 oct 2004 11:37#699897ลบ

พิมพ์ตกครับ...

(เมื่อมีเกตุร่วม) ทำให้ความกระตือรือร้นต่อการงาน การดิ้นรน การไม่อยู่นิ่งสูงขึ้นมากๆ จนกระทั่งประสบความเร็จอย่างสูงมากๆได้.......อย่างนี้ได้หรือเปล่าครับท่าน อ. สส.

147โดย คุณ สส.

18 oct 2004 14:11#700100ลบ

- คุณ lad ข้อ 1. สรุปความรู้สึกส่วนตัวเองได้ชัดเจน จริงใจดีจริง เห็นด้วยกับคุณทั้งหมด

กระทู้ข้อแรกนั้น อันที่จริงเป็นปริศนา 2 ชั้น ตอบเพียงชั้นแรกก็เพียงพอแล้วครับ โหราศาสตร์เกิดจากความรู้ถึงโลกและธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ชีวิตมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ โหราศาสตร์เชื่อว่าธรรมชาติทั้งหมดมีความเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งไปมีอิทธิพลต่ออีกส่วนหนึ่ง การที่จะรู้ถึงความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ และ โลก จึงสามารถทำได้จากการสังเกตุจากธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง วิธีการทางโหราศาสตร์จึงเป็นการถอดความหมายของธรรมชาติส่วนหนึ่งที่เห็นง่าย เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมองเห็นได้ยากกว่า อุปกรณ์ที่ใช้ก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติปรากฏให้เห็นเป็นระบบ อย่างเช่น วัน เดือน ปี ดวงดาวต่างๆ และ จักรราศี

ดังนั้น การที่มีผู้เข้าใจและปลูกฝังกันมาผิดๆ ว่า “ดวงดาวทั้งหลายมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์” จึงทำให้ไม่สามารถเข้าใจโหราศาสตร์ได้ นอกจากจดจำคำพยากรณ์จำนวนมากมายเอาไว้ในสมอง เพื่อใช้พยากรณ์ โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ถูกก็ไม่รู้ ผิดก็ไม่รู้ เขาสอน เขาหลอกให้นับอะไรก็นับ เข้าตาโน้นออกตานี้ ไม่รู้เหตุรู้ผล น้อยคนที่จะตั้งคำถามว่า นับไปทำไม เอามาจากไหน นับได้แล้วเอามาพยากรณ์ได้อย่างไร คำพยากรณ์เช่นนั้นจะเชื่อถือได้อย่างไร เมื่อตอบไม่ได้ ก็อ้างว่า “โหราศาสตร์ เกิดจากวิชาสถิติ” ซึ่งเป็นคำพูดที่ทำลายคุณค่าของทั้งสถิติศาสตร์ และโหราศาสตร์ไปด้วยกัน

กระทู้ข้อที่สองนั้น เป็นปริศนา 3 ชั้น ผู้เรียนโหราศาสตร์ส่วนมาก พอหมุนแผ่นจาน หรือ คำนวนหาตำแหน่งลัคนาได้ ก็ใส่เกียร์ห้า พยากรณ์เลย โดยไม่สนใจลัคนาว่าคืออะไร ลัคนาคำนวนมาจากไหน? ตอบได้ไม่ยาก ตำแหน่งของลัคนา คือ ตำแหน่งบนท้องฟ้า (สมมุติ) ตรงจุดตัดของ ระวิมรรค กับ เส้นขอบฟ้า ทางทิศตะวันออกในขณะเกิด หรือพูดง่ายๆ เมื่อมีเด็กเกิด ให้มองไปยังเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เอาปากกาเมจิกกากะบาทท้องฟ้าที่กำลังโผล่ขึ้นตรงนั้นไว้ นั่นคือตำแหน่งลัคนาของเด็กผู้นี้ เรื่องการหาลัคนา มีการทะเลาะกันมามากมายหลายยุคหลายสมัยแล้ว ครั้งหนึ่ง อจ.อรุณ (ลำเพ็ญ) ท่านประท้วงว่า “ลัคนาอยู่ตรงไหน ก็แล้วแต่จะว่ากัน สำคัญว่าเมื่อมีลัคนา แล้ว จะทายยังไง”

ขอโทษครับ เขียนยาวไป เกรงใจท่านอื่นๆ และ webmaster

148โดย คุณ ชาติ

18 oct 2004 15:56#700224ลบ

ขอบคุณครับ คุณ นร. ถ้าสงสัยขอความกรุณาชี้แนะด้วย เพิ่งเริ่มเรียนใหม่หลังจากที่ทิ้งมานาน

149โดย คุณ นร.

18 oct 2004 17:38#700334ลบ

เรียนคุณชาติ

ผมยังเป็นนักเรียนใหม่จริงๆ พอรู้งูๆปลาๆ ถึงยังไงก็ยังต้องขอความกรุณาจากท่าน อ.กรวิก กับท่าน อ.สส. มาตรวจสอบอีกทีครับผม

150โดย คุณ สส.

18 oct 2004 18:02#700365ลบ

- คุณการเวก ที่มองดังนั้นทั้งสองข้อ ก็ถูก เป็นการมองจำกัดวงความคิดเข้ามา โดย สรุปจากประสพการณ์ และทักษะการปฏิบัติ เหมือนมองเจาะจงลงไปที่ต้นไม้บนภูเขา ไม่ได้มองภูเขาทั้งลูก

- คุณ ชาติ ทายยศตำแหน่งยังไม่ได้ เพียงได้รับมอบหมายให้ดูแลงานที่อาจต้องใช้ความชำนาญอยู่บ้าง

- คุณ นร. การทำนายดาวเพียงดวง สองดวง อย่าทายตัดรุนแรงเกินไป จริงๆเราต้องดูดาว ทั้ง 10 ดวง 12 เรือน เมื่อคุณทายดังนั้น ถามตัวเองว่า คุณรู้จักเขาดีแล้วหรือ แม้ อังคารกัมมะเป็นเกษตร ในราศีธาตุไฟ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนกระตือรือล้น ขยันขันแข็ง ควรทายก่อนว่า “มักทำอะไรต่อเนื่อง ไม่ค่อยหยุด “ ซึ่งความหมายนี้อาจดีหรือเลวก็ได้ กรณี เกตุกุม อังคารเดิมอยู่ราศีธาตุไฟนั้น ย้ำแสดงถึงการกระทำ โดยรวดเร็ว แต่อาจไม่เรียบร้อย ที่อาจผิดพลาดเป้าหมาย เพราะมุ่งหวังผล เช่น ยศ และตำแหน่งสูง ทางอาชีพการงาน เป็นต้น ยิ่งราหูจรมาทับแบบนี้ อาจจะเป็นความเข้าใจผิด หรือเหตุจำเป็นบังคับ ให้เร่งทำเพื่อให้เข้าตากรรมการ ทนรอต่อไปไม่ได้

151โดย คุณ นร.

18 oct 2004 18:43#700406ลบ

ขอบคุณครับท่าน อ.สส.ที่ชี้แนะ

152โดย คุณ การเวก (กรวิก)

19 oct 2004 07:20#700895ลบ

เรียน อาจารย์ลุง

ผมขอขอบคุณมากครับสำหรับคำชี้แนะ และผมจะนำคำชี้แนะไปปรับปรุงครับ

153โดย คุณ lad

19 oct 2004 09:29#701099ลบ

ต้องขอขอบคุณ ลุง สส. มากครับ ผมกระจ่างในชีวิต และเข้าใจปรัชญาของโหราศาสตร์มากขึ้นเยอะเลยครับ ผมมักจะเกิดคำถามเยอะในการศึกษา ว่าทำไม ทำไม และทำไม ต้องเป็นอย่างนี้

ผมสรุปได้อย่างนี้คือ ต้องเรียนรู้ และสังเกตุธรรมชาติ และที่สำคัญ คือ เข้าใจวิธีการใช้เครื่องมือที่ใช้ในการสังเกตุนั้น รวมถึงการถอดความหมายมาใช้

อื่ม ยากครับ ตั้งแต่ผมเกิดและเติบโตมา ยังไม่เคยเจอการเรียนการสอน(โดยทั่วไป) เพื่อให้นักเรียนเข้าใจในหลักเกณฑ์ มีแต่ให้จำๆๆ และก็จำ

หวังว่าผม และเพื่อนๆชาวเวป จะได้ความรู้อันมีคุณค่า อย่างน้อยมาลับสมองทื่อๆ ของผม จาก ท่านลุง สส. และผู้รู้อื่นๆ นะครับ

แต่ๆๆ ว่า ทำไมต้องมี "ลัคนา" ละครับ

154โดย คุณ ชาติ

21 oct 2004 08:15#703179ลบ

เรียน อาจารย์

ผมมีเรื่องขอคำแนะนำ พอดีได้ดวงน้องรู้จักได้ไปสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน จะประกาศผลประมาณต้นเดือน พ.ย. เลยอยากนำมาศึกษาว่าจะได้งานไม่ได้ วันเกิด 9 ก.ย. 2518 เวลาประมาณ 22.00 น.เศษ ผูกดวงแล้วอยู่ราศีพฤกษ ดาว 3 กุมลัดคนา เป็นประ เป็นราชาโชค สงสัยตรงที่ ดาว 8 เจ้าเรือนกรรมะมาอยู่ปัตตนิ ดาว 8 ก็ได้ตำแหน่ง อุจ และพินธุบาทว์ ด้วย แบบนี้กำลังอุจ จะทำให้ความเสียของพนธุบาทว์ลดลงไหม ขณะนี้ดาว 8 จรมาอยู่ภพวินาส อยู่ร่วมดาว 5 ดาว9 เดิม และดาว 6 ตนุลัคน์ มาอยู่เรือนปุตตะ ร่วมกับ ดาว 4 เดิม อย่างจะทำให้มีโอกาสได้งานหรือไม่ เดิมเป็นลูกจ้างชั่วคราวอยู่

เรียนอาจารย์ทุกท่านขอคำแนะนำด้วย

155โดย คุณ สส.

21 oct 2004 08:32#703199ลบ

ระหว่างที่พวกเราบางท่าน อาจจะยังสงสัยเรื่อง ลัคนา อยู่นี้ อยากจะเล่าอะไรเกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทยให้ทราบสักเล็กน้อย เผื่อว่า มีบางตอนที่ผมจะกล่าวถึง เคล็ดลับ และ ความลับในโหราศาสตร์ บางอย่าง จะได้ไม่ต้องย้อนมาอธิบายมากนัก อันที่จริง เคล็ดลับ ที่ครูบาอาจารย์ หรือโหร บางท่านหวงนักหวงหนา อาจมี หรือไม่มีอะไรก็ได้ ผมจำแนกเคล็ดลับเหล่านั้น ออกเป็น 3 อย่าง คือ

1. การคูตามหลักโหราศาสตร์ บางคนดูไม่ถูกต้อง เอาหลักหลายตำรามาจับมั่วไป บางครั้งคนสอนก็มั่วเองทำให้ถอดความหมายไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ เพราะไม่เข้าใจ คิดว่าโหราศาสตร์ก็เหมือนๆกัน อันที่จริง เทคนิควิธีการของโหราศาสตร์แต่ละระบบมีความแตกต่างกัน บางอย่างใช้ด้วยกันได้ บางอย่างใช้ไม่ได้ คนที่รู้เรื่องจึงกลายเป็นผู้รู้เคล็ดลับ เพียงเราทำให้ถูกต้อง เราก็ตามทัน

2. เคล็ดลับ ที่เกิดจากเทคนิคการทำนาย บางคนรู้แล้วดึงมาเก็บเอาไว้ ยิ่งดึงยิ่งมากก็เหลือแต่กาก เคล็ดลับแบบนี้ เราต้องสรวมวิญญาณพวก แฮกเก้อร์ เข้าไปศึกษาแยกแยะวิชา แล้ว โปรแกรมใหม่ ไม่ยากนัก พอทำได้

3. เคล็ดลับที่เกิดจากวิชาอื่น แทรกเข้ามาในโหราศาสตร์ (ไทย) เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ขณะที่เราทำนายตามหลักโหราศาสตร์อยู่ เราเองอาจไม่ได้สังเกตุว่า บางอย่างเป็นคนละเรื่องกัน แต่ชื่อเหมือนกัน ทำให้เรากลับไปมั่วตาม ข้อ 1. อีกครั้ง เรื่องนี้เป็นเคล็ดวิชาจริง ผู้ใช้แอบใช้โดยไม่บอก เราไม่รู้เรื่องไปใช้ตามเขาโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ผลไม่เป็นดังคาด ก็งงเหมือนถูกลูกมะพร้าวหล่นใส่กระโหลก สิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้ ไม่มีใครเขาบอกท่าน ทั้งๆที่ในระหว่างครูโหรด้วยกัน “เขาปิดกันให้แซ่ด” ถ้าเราแยกแยะรหัสวิชาได้ แล้วตามกลับไปหาต้นตอของวิชา เอามาเทียบกับการนำมาใช้ (implementation) เราจะได้เคล็ดลับที่ซ่อนไว้ขึ้นมาเป็นกระบุง วิชาที่ถูกนำมาแทรก ในโหราศาสตร์ไทย ราศีจักร เท่าที่ผมทราบ เขาจะเปิดเผย หรือ ปกปิด ก็ตาม มีดังนี้

เลข 7 ตัว เลข 10 ตัว เลข 12 ตัว กลุ่มนี้ ใช้วัน เดือน ปี ธรรมชาติเป็น อุปกรณ์ เคล็ดแรกสุดคือการเดินยาม ซึ่งจะใช้เสมือน การใช้อันโตนาที แล้วซ่อนลัคนาไว้ ใครตาดีก็ไปดูต่อเถิด

ทักษา ทักษามีหลายแบบ อันที่จริง ถ้าเรารู้ดีเราก็สามารถตั้งทักษาของเราเองขึ้นได้ ทักษาแต่ละแบบต้องใช้โดยมีเงื่อนไข เงื่อนไขแรกสุด คือการกำหนดจุดเริ่มนับ ดังนั้น ใครแนะนำทักษาอะไร คีย์สำคัญคือการดูจุดเริ่มนับ ผู้ที่รับการถ่ายทอดมาผิด หรือเจตนา ซ่อนเร้น ดูทีเดียวก็รู้น้ำจิตน้ำใจกัน

มหาทักษา คือทักษาที่เราส่วนใหญ่เรียนกันมา บางคนเรียกว่า ทักษาคู่ธาตุ ทักษามหายุค คือ วิชาต่อเนื่องของมหาทักษา ซึ่งบางคนก็ไม่เลี้ยวรถตามไป มหาทักษานี้เป็นเพชรน้ำหนึ่ง ของโหราศาสตร์ไทย แต่กลายเป็นเคล็ดลับที่หวงแหนมาก มหาทักษาน่าจะมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัยหรือก่อนหน้านั้น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นของโหรชาวบ้าน มาเผยแพร่ชัดเจน เมื่อกรมขุนพิทักษ์มนตรี ท่านแต่ง ลิลิตทักษาพยากรณ์ สมัยรัชกาลที่สี่ แต่ผมพบร่องรอยมหาทักษา มาตั้งแต่ดวงเมืองอู่ทองแล้ว ถ้าไม่โดนหลอกโดยโหรรุ่นใหม่

อสีติธาตุวิภังค์ เป็นวิชาโหรในแพทย์แผนโบราณ คนละภาคกับ มหาธาตุวิภังค์ที่ใช้วิเคราะห์โรค หลายท่านเอามาใช้ อ่านโรคภัยในดวงราศีจักร โดยไม่บอกให้เรารู้ วิชานี้อ่านกรรมพันธุ์ได้

สุริยโชติรัตน์ เป็นไม้เด็ดของโหรกลุ่มหนึ่ง ใช้พลังงานของอาทิตย์ เป็นตัวตัดทำนาย ดังนั้นเมื่ออ่านดาวมีความสับสนเกิดขึ้น เขาใช้วิชานี้ตัดทำนายแม่นยำมาก ถ่ายทอดกันเฉพาะศิษย์ ยังมีผู้ใช้อยู่ เรื่องธาตุของเขาดีมาก โหรหลายคนนำมาใช้ ในโหราศาสตร์ไทย และแทรกไว้ในตำราของตนด้วย ไว้ผมจะเล่าเรื่องนี้ เพราะพวกเรารู้เรื่องกันน้อย ทำให้ใช้ธาตุกันผิดๆ

กาลจักร-ลัคน์จร มีรากฐานจากทฤษฎีการเคลื่อนของปัจจัย ผู้ที่ใช้เขาเผยแพร่หลักการไว้มากแล้ว เราใช้ตามเขาต้องแม่นในวิธีการ ไม่ใช่ใช้ “อะไรก็ได้” อย่างที่หลายคนทำอยู่

อินทภาส-บาทจันทร์ ทำนองเดียวกับกาลจักร ส่วนใหญ่สมัยก่อนเขาใช้ในราชสำนัก ในขณะที่ชาวบ้านใช้มหาทักษา เป็นวิชาในกลุ่มปัจจัยดาวจันทร์จรในราศีจักร์

ตรีทิพย์ เป็นวิชาที่ครูโหรใช้กันมาก คนละเรื่องกับดาวตรีเทพ เสาร์ พฤหัส ราหู วิชานี้ใช้ อาทิตย์ จันทร์ พฤหัส เวลาผมขี้เกียจ หรือ ไม่มีปฎิทิน ผมก็ใช้ โหรรุ่นเก่าส่วนใหญ่ก็หรี่ตาดู เอาไว้สอบดาว สอบลัคนา แล้วแต่ใครเรียนไว้ได้สักเท่าใด

อังคะวิชา ส่วนใหญ่เข้าใจกันว่า เป็นโหราศาสตร์พม่า อันที่จริงสมัยโบราณไม่ได้แบ่งแยก จริงๆแล้วเข้าใจว่า วิชานี้เป็นเหมือนวิชาฮวงจุ้ยในแถบ สุวรรณภูมิของเรานี้ แต่ประยุกต์มาใช้พยากรณ์ดวงชะตา มีผู้ใช้วิชานี้อยู่ไม่น้อย

พฤหัสจักร์ วิชานี้พบในแถบสุวรรณภูมิเราเช่นกัน ปัจจุบันใช้อยู่ในโหราศาสตร์จีนมานานหลายร้อยปี ไม่ทราบว่าใครเกิดก่อนกัน ลองตรวจดูแล้ว ของเราละเอียดกว่ามาก เพราะได้ส่วนขยายจากวิชาอื่นที่มีมากกว่า

มหาจักร เป็นเคล็ดสำคัญที่ยังใช้กันอยู่ ถ่ายทอดในวงจำกัด ผมเข้าใจว่าเป็นต้นตอของดาวมหาจักรในโหราศาสตร์ไทย

วีสะตรี เขาเรียกกันอย่างนี้ เป็นวิชาเกี่ยวกับดวงจันทร์ เขาให้ผู้หญิงเรียน เพราะเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ด้วยส่วนหนึ่ง ใช้กำบังตน และบ้านเรือนให้ปลอดภัย เกือบ 20 ปีมาแล้ว ผมเห็นโหรชายผู้หนึ่งใช้ วีสะตรี

เรื่อง จันทร์ฝ่ายนาคา และจันทร์ฝ่ายเทวา ของ อจ.สุบิน ชินพัฒน์ ก็ตรงกับวิชา วีสะตรี แต่ผมไม่ได้ถามท่าน ท่านส่งตำรามาให้ผม ทำให้ผมกลับไปค้นพบเส้นผมบังภูเขาใน มหาทักษา โดยบังเอิญ

หวังว่าเป็นประโยชน์ต่อท่านบ้าง ผมเสียใจจริงๆที่เขียนยาว ทั้งๆที่ย่อมากแล้ว

156โดย คุณ ชาติ

21 oct 2004 16:20#703612ลบ

เรียน อาจารย์ ส.ส.

สำหรับโหราศาสตร์ไทยที่นำเอาดาวเนปจูน ดาวพลูโต เข้ามาเพิ่ม ความเป็นมาอย่างไร ผมมีตำราหลายอาจารย์ จากข้อคิดในเว็บบอร์ดที่ว่าควรศึกษาแนวใดแนวหนึ่งให้กระจ่างก่อน ค่อยเพิ่มเติมภายหลัง ขอบคุณล่วงหน้าครับ

157โดย คุณ สส.

22 oct 2004 04:32#704178ลบ

- คุณชาติ ดาวเนปจูน พลูโต นั้นนำมาใช้กับโหราศาสตร์ตะวันตกก่อน ทางโหราศาสตร์ระบบรังสีดาว ซึ่งแขนงหนึ่ง คือ ยูเรนียน นั้น ไม่มีปัญหา เพราะใช้ การประจวบกันของปัจจัย ทั้งในดวงเดิม และดวงจร มาทำนาย ปัจจัยอิทธิพลที่เกิดจากโลก และ ดวงดาว ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก นั้น อ้างอิงราศีจักรโดยพื้นฐานจากตำแหน่งของอาทิตย์ และ ลัคนา จึงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนโหรสากล ซึ่ง ใช้ หลัก พื้นฐานของตรีโกณมิติ และ แนวปัดของปัจจัยจากระวิมรรค อ้างอิงเทียบกับลัคนา และเกษตรลัคนา ก็ไม่มีปัญหามากนัก แต่ผู้ที่เห็นดีด้วยนำทฤษฎีนี้ มาใส่ไว้ในดวงชะตาแบบไทยนั้นเสี่ยงต่อความผิดพลาด แม้จะทำใจเปิดให้ว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ แต่เท่าที่เห็นมา เป็นการสรวมลงไปโดยไม่ได้ปรับ และ ยังนำไปใช้อ่านเกษตรเรือนเสียอีก ผมอยากกล่าวเท่านี้ เพราะถ้าจะให้แฟร์ก็ต้องขอให้เขาแถลงวิธีจัดการกับธาตุเกษตรของใหม่ ที่ไม่สมดุลย์กับธาตุเกษตรเดิมเสียก่อน เพราะโหรไทยโบราณ วางสมดุลย์ของเรือนจากเรื่องนี้

ราศีจักรในโหราศาสตร์ไทยนั้น โหรของเราท่านวางไว้ ให้สามารถ ( capacity ) รับดาว และปัจจัยคล้ายดาว ได้ถึง 24 ดวง ดังนั้น แม้จะค้นพบดาวเคราะห์เพิ่มอีก ไม่เกินจำนวนนี้ ก็สามารถนำมาเข้าดวงชะตาได้ แต่ถึงแม้มีเกินจำนวน 24 ดวง ก็ตาม ก็สามารถเพ


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 01:10น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 4


157โดย คุณ สส.

22 oct 2004 04:32#704178ลบ

- คุณชาติ ดาวเนปจูน พลูโต นั้นนำมาใช้กับโหราศาสตร์ตะวันตกก่อน ทางโหราศาสตร์ระบบรังสีดาว ซึ่งแขนงหนึ่ง คือ ยูเรนียน นั้น ไม่มีปัญหา เพราะใช้ การประจวบกันของปัจจัย ทั้งในดวงเดิม และดวงจร มาทำนาย ปัจจัยอิทธิพลที่เกิดจากโลก และ ดวงดาว ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก นั้น อ้างอิงราศีจักรโดยพื้นฐานจากตำแหน่งของอาทิตย์ และ ลัคนา จึงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนโหรสากล ซึ่ง ใช้ หลัก พื้นฐานของตรีโกณมิติ และ แนวปัดของปัจจัยจากระวิมรรค อ้างอิงเทียบกับลัคนา และเกษตรลัคนา ก็ไม่มีปัญหามากนัก แต่ผู้ที่เห็นดีด้วยนำทฤษฎีนี้ มาใส่ไว้ในดวงชะตาแบบไทยนั้นเสี่ยงต่อความผิดพลาด แม้จะทำใจเปิดให้ว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ แต่เท่าที่เห็นมา เป็นการสรวมลงไปโดยไม่ได้ปรับ และ ยังนำไปใช้อ่านเกษตรเรือนเสียอีก ผมอยากกล่าวเท่านี้ เพราะถ้าจะให้แฟร์ก็ต้องขอให้เขาแถลงวิธีจัดการกับธาตุเกษตรของใหม่ ที่ไม่สมดุลย์กับธาตุเกษตรเดิมเสียก่อน เพราะโหรไทยโบราณ วางสมดุลย์ของเรือนจากเรื่องนี้

ราศีจักรในโหราศาสตร์ไทยนั้น โหรของเราท่านวางไว้ ให้สามารถ ( capacity ) รับดาว และปัจจัยคล้ายดาว ได้ถึง 24 ดวง ดังนั้น แม้จะค้นพบดาวเคราะห์เพิ่มอีก ไม่เกินจำนวนนี้ ก็สามารถนำมาเข้าดวงชะตาได้ แต่ถึงแม้มีเกินจำนวน 24 ดวง ก็ตาม ก็สามารถเพิ่มราศีจักรขึ้นได้ เป็น 24 ราศี เพื่อรับดาวได้ 48 ดวง แต่เกินกว่านั้นไป จะไม่เป็นสิ่งจำเป็นแล้ว เพราะ กำหนดอายุมนุษย์เอาไว้ แค่ ไม่เกิน 100 ปี

158โดย คุณ moon

22 oct 2004 22:55#705096ลบ

สวัสดีคะอาจารย์ สส คำถามลัคนา คือ อะไร คุ้นหูมากเลย มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคย ถามและให้ตอบซ้ำๆหลายครั้ง จำได้เลือนลาง ว่าอะไรนะ ทางทิศตะวันออก แต่มีพี่สาว ตอบไปเรียบร้อยแล้ว อ่านจนตาลายเลยคะ

159โดย คุณ สส.

23 oct 2004 03:15#705177ลบ

.........ขอโทษครับ ต้องไปต่างประเทศ ขอลาพัก ตรงนี้ก่อน...................

กระทู้ข้อที่สอง ที่ถามไว้ว่า ลัคนาคืออะไร? อันที่จริงตอบได้ง่ายมาก แต่นิทานที่ยกมาไม่ง่าย จะเห็นได้ว่า วัดที่ชื่อ “ธรรมาราม” นั้นเป็นตัวแทนของ “ธรรม” หรือ “ธรรมชาติ” ส่วนระฆังนั้นคือ “กาลเวลา” ซึ่งมีอยู่ใน “ธรรม” มานานจนไม่อาจรู้ได้ว่าสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใด โหราศาสตร์มองว่า สรรพสิ่งในธรรมชาติ จะอยู่ในสถานะ “หยุดอยู่ แปรปรวน และ เคลื่อนไป” ระฆังใบนี้หยุดอยู่ เมื่อถูกตี จะแปรปรวนสั่นไหว และส่งเสียงเคลื่อนไปไกลกว่าจะจางหาย แล้วกาลที่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมจะกลายเป็นหยุดอยู่อีกครั้ง เด็กลูกของหมอดูที่เกิดมา เป็นสัญญลักษณ์ของชีวิตที่บังเกิดขึ้น เดิมชีวิตนั้นหยุดอยู่ในท้องแม่ เมื่อคลอด พร้อมระฆังถูกตี ก็จะเริ่มแปรปรวน เคลื่อนไป พร้อมกับเสียงของระฆัง ชีวิตเริ่มดำเนินไปจากจุดนี้จนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดหยุดอยู่ อีกครั้ง เช่นเดียวกัน

..........นักเรียนโหราศาสตร์ทุกคนย่อมรู้ดีว่า ลัคนาหาได้จากที่ใด ในราศีจักรนั้น ลัคนาอยู่ที่ท้องฟ้าทิศตะวันออกตรงจุดที่ระวิมรรค ตัดกับ เส้นขอบฟ้าขณะเกิด เหตุที่โหราศาสตร์ราศีจักรนำจุดนี้มาใช้ชี้ตำแหน่งลัคนา ก็เพราะมันเป็น “จุดกำเนิด (ในราศีจักร) ที่ธรรมชาติปรากฏให้เห็น ในเวลาเดียวกับที่เด็กเกิด” อย่าลืมว่าโหราศาสตร์ ศึกษาธรรมชาติส่วนหนึ่งที่อ่านยาก คือชีวิต จากธรรมชาติที่อ่านง่ายกว่า คือ ดวงดาว ในราศีจักร ความเปลี่ยนแปลง เป็นไป ของทั้งสองสิ่งจะเหมือนกัน แต่ในระบบอื่นแล้ว ลัคนาจะอยู่ตรงที่ใดก็ได้ ขอเป็นเพียงธรรมชาติที่ปรากฏขึ้นพร้อมกัน ที่กล่าวมานี้คือ ตำแหน่งลัคนา แต่ไม่ใช่ตัวลัคนา คำตอบว่าลัคนา คือ “จุดกำเนิดในธรรมชาติ” เป็นคำตอบชั้นแรก แต่ความสำคัญ ของ ลัคนา มีมากกว่านี้ ความหมายมากกว่านี้ จนเรียกได้ว่า ครึ่งหนึ่ง ของโหราศาสตร์ เกิดจาก “ลัคนา”

160โดย คุณ สส.

23 oct 2004 03:49#705198ลบ

กระทู้ข้อที่สาม - ทุกท่านรู้จักดวงชะตาแบบไทยกันดีอยู่แล้ว ดวงชะตาวงกลมแบบไทยนี้ เป็นการออกแบบที่ดี มีราศีทวารทั้งสี่ เป็นเส้นขนานคู่หนึ่งตัดกัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไม่มีอยู่ในดวงชะตาของโหราศาสตร์ระบบอื่น แต่ดวงชะตานี้ โหรท่านแฝงเทคนิคของวิชาโหราศาสตร์ไทย ได้อย่างชาญฉลาด คิดดูเถิด เราจ้องดูดวงชะตานี้อยู่บ่อยๆ มองตัวเลขและ เรือนชะตาราศี แต่ไม่เคยเห็นความลับที่ซ่อนอยู่นั้นเลย คำถามที่จะถามต่อไปนี้ จะช่วยเปิดเผยสิ่งนี้ให้ ยิ่งเราตอบคำถามลงได้ลึกเท่าไร เราจะได้ ความรู้ในการดูดวงชะตามากขึ้นเพียงนั้น โหรที่รู้ดีแล้ว เขาจะเก็บไว้ไม่บอกกัน ถ้าเรารู้เราจะร้อง อ๋อ ! ทีเดียว ความสับสนในการดูดวงชะตาจะคลี่คลายไปเยอะ ปัญหานี้ เป็นปริศนา 2 ชั้น ใครที่ทราบแล้ว กรุณาอย่าเพิ่งเฉลย เพื่อคนอื่นจะได้คิด ผมมีกิจจำเป็นต้องไปต่างประเทศนานพอควร คงไม่อยู่ตรงนี้

..........คำถาม ก็คือ “ดวงชะตาวงกลมแบบไทยนี้ เกิดจากวงกลมซ้อนกันอยู่ กี่ชั้น ? “

161โดย คุณ moon

23 oct 2004 18:42#705560ลบ

อาจารย์สส แล้วจะรู้ป่าวนี่ ที่เห็นอยู่ก็วงเดียว แต่ไม่รู้ว่ากี่ชั้น สมองอักเสบ อีกแระ

162โดย คุณ tik

23 oct 2004 19:23#705583ลบ

เวปมาสเตอร์ คะหน้านี้ยาวมากเลยคะ แบ่งเป็นหน้าได้หรือเปล่าคะ แบ่งสักสองสามหน้า เพราะโหลดนานมากคะ

163โดย คุณ พัทธนันท์

24 oct 2004 00:02#705844ลบ

เรียนถามค่ะ

ลัคน์อยู่สิงห์เกตุทับลัคน์ ปีหน้าราหูยัายเข้ากุมภ์เป็นเกตษร จะเป็นพินทุบาทว์หรือไม่ บางตำราว่าดาวเป็นเกตษรลบล้างพินทุบาทว์ใด้(ราหูเป็นมนตรี) เจ้าตัวเกิดวัน

เสาว์ราหูเดิมอยู่ปุตตะจะทายอย่างไรคะ ดิฉันศึกษา

ด้วยตัวเองที่บ้าน ขอเรียนถามอาจารย์ให้ความรู้ด้วยค่ะ

164โดย คุณ พัทธนันท์

24 oct 2004 18:39#706257ลบ

ขออภัยคำถามที่โพสไว้เมื่อวานเบลอไปหน่อยค่ะราหู

เข้ามีนเป็นมรณะราหูเป็นดาวลอยอยู่ปุตตะทายอย่างไร

อีกข้อนะคะ คนที่เวลาเกิดไม่แน่นอนจะจับจุดใหนเวลา

หาลัคนา ขอบคุณค่ะ

165โดย คุณ สว่างนภา

25 oct 2004 22:26#707349ลบ

เรียน อาจารย์สส. ที่เคารพ

ขอบพระคุณอาจารย์มาก ที่เตือนสติค่ะ รวมทั้งข้อคิดให้นำไปปฏิบัติด้วย

166โดย คุณ สว่างนภา

25 oct 2004 22:33#707356ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

ในการดูดวงชะตาแต่ละครั้ง ถ้าเราอยากทราบว่า คนๆนี้เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบทำแต่กรรมดี หรือ คนๆนี้ชอบทำแต่กรรมชั่ว เราควรดูดาวใดภพใดคะ

(ขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ)

167โดย คุณ การเวก (กรวิก)

26 oct 2004 08:00#707493ลบ

เรียน คุณพัทธนันท์

ช่วงนี้ผมเองคงต้องขัดตาทัพไปก่อน เพราะท่านอาจารย์ลุง สส.ท่านได้ระบุไว้ว่าจะไป ตปท. ที่คุณถามมาใน163+164 มีคำตอบดังนี้

1.ดาวเสาร์(เจ้าเรือนภพอริ) และดาวราหู(เจ้าเรือนภพปัตตนิ) อยู่ภพปุตตะ (ราศีธนู มีดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือน) อันดาวเสาร์+ราหู เป็นดาวคู่มิตรใหญ่ ไปในทางใจใหญ่ ใจนักเลง เมื่อมาอยู่เรือนปุตตุ (ไม่ทราบว่าดาวพฤหัสไปอยู่ไหน ยกผลประโยชน์ให้จำเลยไปก่อน) แสดงถึงคนผู้นี้เป็นคนพูดจาค่อนข้างจะไปในทางนักเลง ถ้าไม่ฟังละก้อคงได้มีการตลุมบอนกันแน่ ขึ้นอยู่กับดาวพฤหัสไปอยู่ในภพไหน มีตำแหน่งอะไร

อยู่ในตำแหน่งเสียหรือไม่

2.ราหูเข้าราศีมีนเป็นมรณะ ต้องดูพฤหัสในดวงเดิมไปอยู่ที่ใด เพราะพฤหัสเป็นดาวเจ้าเรือนสองราศี คือราศีมีน(มรณะ) และราศีธนู(ปุตตะ) ขณะเดียวกันดาวราหูจะออกฤทธิ์ออกเดชคงต้องรอดาวดวงหนึ่งมาจุดระเบิด จึงจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้

3.คนเกิดเวลาไม่แน่นอน ในความเป็นจริงยังไม่สมควรเดาว่าคน ๆ นั้นต้องเกิดเวลานั้นเวลานี้ เพราะลักษณะรูปร่างหน้าตาของมนุษย์และสรีระของร่างกายไม่สามารถบอกลัคนาได้ ในตำราของท่านอาจารย์มหาบรรเทา ได้ระบุไว้ว่า เมื่อราหูเข้าทับลัคนา บุคคลผู้นั้นอาจจะมีรูปร่างใหญ่อ้วนท้วมขี้นเนื่องจากกินมากไปหน่อย เมื่อราหูออกไปร่างกายก็จะเป็นปกติลง ในกรณีนี้ผมคงต้องแนะว่า ให้ถามเจ้าชะตาดูว่าเกิดในช่วง เช้า (06-12.00 น.) ช่วงบ่าย 12.00น.-18.00 น.

ช่วงกลางคืน 18.00 น.-05.59 น.) เมื่อทราบว่าเป็นช่วงใด คุณลองผูกดวงไล่ลัคนาไปก่อน (ลัคนาจะอยู่ในราศีละประมาณ 2 ชั่วโมง 12 ราศีก็ประมาณ 24 ชั่วโมง) คุณจะสามารถสังเกตุได้จากการพูดจาของเจ้าชะตาและเหตุการณืที่เกิดแก่เจ้าชะตา เมื่อคุณมาดูดวงดาวที่คุณผูกขึ้นมา พร้อมกับลัคนาที่เดินไปตามราศีต่าง ๆ คุณก็จะสามารถทราบได้ว่าเจ้าชะตานั้นลัคนาควรจะอยู่ที่ได อันนี้เป็นการฝึกตัวคุณเองไปด้วยในตัว

ในกรณีข้อ 3 ที่ผมยกตัวอย่างให้ดูนั้นอาจจะเป็นวิธีการที่ออกจะเชยก็จริง แต่เป็นการฝึกตัวคุณเอง และเป็นสิ่งที่ทำให้คุณได้คำตอบที่แม่นยำที่สุด เพราะมนุษย์เราเกิดมาถ้าดูตามราศีแล้ว คนเกิดราศีพฤษภอาจจะหน้าแหลมตัวเล็ก ก้นปอดก็ได้ใครจะไปรู้ จริงไหมครับ

168โดย คุณ การเวก (กรวิก)

26 oct 2004 08:09#707498ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ในการดูดวงว่า บุคคลคนนี้เป็นคนใจบุญสุนทาน หรือใจดำอำมหิต มีตำราอยู่เล่มหนึ่งได้ระบุเอาไว้ ซึ่งผมได้ลองนำไปใช้ดูก็มีความแม่นยำสูง ตำรานั้นระบุไว้ว่า

1.เมื่อลัคนาอยู่ในราศีธาตุน้ำ และดาวพฤหัสอยู่ในราศีธาตุดิน บุคคลผู้นั้น เป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ชอบทำบาปหรือเบียดเบียนผู้อื่น ส่วนมากชอบทำบุญบริจาคเงินสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณะกุศล

2.เมื่อลัคนาอยู่ราศีธาตุไฟ และดาวพฤหัสอยู่ในราศีธาตุลม บุคคลผู้นั้นเป็นคนใจบาป หยาบช้า ขาดความเมตตากรุณา เข้าลักษณะหน้าเลือด เอาผลประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่ใครจะฉิบหายก็ช่าง

หวังว่าคำตอบทั้งสองข้อคงเป็นประโยชน์ให้คุณลองนำไปใช้ แล้วอย่าลืมเก็บเป็นสถิติไว้ด้วย หากได้ผลประการใดช่วยนำมาเฉลยให้เป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจทั่ว ๆ ไปได้ใช้ด้วย

อ้อ เห็นคุณ tik ในความเห็นที่ 162 อยากให้แยกกระทู้นี้ไปเปิดเป็นกระทู้ใหม่อีก ผมก็เห็นสมควรด้วย ดังนั้น ผมจะไปเปิดเป็นกระทู้ใหม่ให้เป็นกระทู้ที่ 2 จากกระทู้นี้เลยน๊ะครับ สวัสดีครับ


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 01:11น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 5
เรียนถามอ.ครับเรื่องทักษาในการอ่านจร

ถ้าหากดาวเป็น กาลีเดิม และ ณปัจจุบันนี้เป็น กาลีจรด้วย

จะแปลได้ทางใด ร้ายหรือดี ประการใด รบกวนอ.ช่วยอธิบายด้วยครับ


งงจัง - 8 มิถุนายน พ.ศ.2548 07:18น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 6
ตอบ คุณงงจัง

ปัญหานี้ตอบค่อนข้างจะลำบาก จะตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยก็จะต้องตอบว่า เดิมเป็นกาลี ปัจจุบันจรก็เป็นกาลี มันก็คือกาลีนั่นเอง แต่ยังก่อน การพิจารณาอะไรก็แล้วแต่ มันก็ยังต้องมีการแบ่งแยก กล่าวคือ เมื่อเราผูกดวงชะตาชีวิตขึ้นมาแล้ว ก็จะมีดวงดาวต่างๆ อยู่ในภพทั้งสิบสองภพ เพียงแต่ว่า ภพบางภพอาจจะไม่มีดาวอยู่เลย ภพบางภพอาจจะมีดวงดาวอยู่หลาย ๆ ดวง สลับกันไป แล้วแต่ว่าดวงชะตาใครจะเกิดช่วงเวลาใด เมื่อดูดาว ดูภพ ก็ต้องมาดูทักษาขยาย ดาวบางดวงถึงแม้จะเป็นกาลีก็เป็นคุณประโยชน์ มิใช่เป็นโทษเสมอไป ขึ้นอยู่กับการตีค่าดาวที่ปรากฎอยู่ว่าจะตีค่าดาวได้แตกฉานอย่างไร

ในปีที่ดาวเป็นการลีจร (ทางทักษา) แต่ภพจะเปลี่ยนไปก็ได้ สมมติ เดิมดาวกาลีเป็นเจ้าเรือนภพกดุมภะ แต่ปัจจุบัน ดาวดวงเดิมนั่นแหละ เป็นกาลีจร แต่ทางภพอาจจะเป็นภพกัมมะก็ได้ หรือเป็นภพอะไรก็ได้ แสดงถึงว่าในปีที่เป็นกาลีจรดาวดวงนั้นก็เป็นภพจรเช่นกัน ความหมายจึงต้องย้ำไปถึงภพว่าเป็นภพอะไร? ในปีที่เป็นกาลีจร

ผมหวังว่าคุณคงหายงงแล้วน๊ะครับ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 8 มิถุนายน พ.ศ.2548 08:18น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 7


ถามต่อนะครับ แล้วในบางตำราที่กล่าวถึงว่าลบ ลบ เป็นบวก

นี้ใช้ได้ในกรณีใด รบกวน อ.ช่วยยกตัวอย่างด้วยนะครับผมหัวไม่ค่อยดีครับ

แล้วในกรณีนี้ใช้ได้เหรอป่าวครับ


งงจัง - 8 มิถุนายน พ.ศ.2548 20:38น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 8
ตอบ คุณงงจัง

ตามที่ถามมา ลบ ลบ เป็นบวก คงจะมีมาอีก ว่า บวก บวก เป็นลบ ถ้าตามที่สอนทั่วไป น่าจะมีความหมายถึง เกษตร เล็งเกษตร ปะเล็งปะ นิจเล็งนิจ อุจจ์เล็งอุจจ์ ราชาโชคเล็งราชาโชค มหาจักรเล็งมหาจักร หรืออะไรที่คุณจะถามมาในทำนองนี้ ตามที่ผมได้ร่ำเรียนมา อาจารย์ท่านจะพูดถึง เกษตรเล็งเกษตร อุจจ์เล็งอุจจ์ จะทอนกันเล็กน้อย คือไม่เต็ม 100% ขณะเดียวกัน ปะเล็งกับปะ (อนุเกษตรสลับเรือนแบบปะ) ตรงนี้ต้องได้รับความเป็นประไปก่อน ถึงจะดีขึ้นในภายหลัง ส่วนนิจจ์เล็งกับนิจจ์ ท่านไม่ได้กล่าวถึง แต่ถ้าถามความคิดเห็นของผมเอง เวลาผมใช้ผมจะดูดวงดาวประกอบว่าดวงดาว เป็นคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล หรือคู่ศัตรู รวมทั้งเป็นดาวศุภเคราะห์ หรือ บาปพระเคราะห์ ประกอบไปด้วย

วิชาโหราศาสตร์มีส่วนประกอบเยอะแยะไปหมด มิใช่เป็นสิ่งตายตัว ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าเข้าใจกฎเกณฑ์อย่างไร เข้าใจมากน้อยแค่ไหน เข้าใจวิธีใช้มากน้อยแค่ไหน ดาวบางดวงเมื่อผูกดวงขึ้นมาแล้วดูดี แต่ลึก ๆ แล้วทำไมเจ้าชะตาจึงไม่ดีเหมือนดั่งตำแหน่งของดวงดาว สิ่งนี้ก็มีข้อพินิจพิจารณาอีกว่า ดาวดวงนั้นที่จริงมาอยู่ในภพนี้เกี่ยวกับอะไร เพราะอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับการศึกษา และไม่มีกฎตายตัวว่า ใช้วิธีนี้แม่นที่สุด ใช้วิธีนั้นแม่นที่สุด มันขึ้นอยู่กับความชำนิชำนาญของผู้ใช้ว่ามีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด ผมคงระบุมากไปกว่านี้ไม่ได้

อนึ่ง หากจะโพสต์คำถาม รบกวนคุณงงจัง ตั้งกระทู้เข้าไปที่ กระทู้นี้สำหรับผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่ 5 เพราะกระทู้นี้ค่อนข้างที่จะมากเวลา search ต้องใช้เวลา คงจบลงเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ


การเวก (กรวิก) - 9 มิถุนายน พ.ศ.2548 07:24น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 9
คุณการเวก (กรวิก)ค่ะ

ที่ได้เห็นคุณกล่าวถึงสายต่างๆของโหราศาสตร์ไว้นั้นได้พูดถึงกาลจักรลัคจร ซึ่งความเป็นจริงแล้วเป็นหนังสือของโหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์ และปัจจุบันนี้หนังสือของโหรแฉล้ม ได้เริ่มหายไป ซึ่งดิฉันก็ไปหาตามหอสมุดแห่งชาติ และร้านเขษมบรรณกิจที่พิมพ์ เจอเพียง 2 เล่มและหายสาบสูญอีก 3 เล่ม

คือ 1. กาลจักร ลัคจร

2. ตำราเคล็ดลับโหราศาสตร์

3. ตำราเคล็ดลับโหราศาสตร์ ฉบับพิศดาร ภาค 3

ซึ่งถ้าคุณมีข้อมูลหรือท่านใดเคยเห็นหนังสือพวกนั้นแล้วช่วยกรุณาบอกต่อดิฉันด้วยนะค่ะ เพราะถือว่าเป็นการอนุรักษ์ ตำราของโหร สายนี้ค่ะ

ติดต่อได้ที่ [email protected]


เบญจพร - 15 มกราคม พ.ศ.2550 21:59น. (IP: 58.9.193.141)

ความคิดเห็นที่ 10
ได้ความรู้มากครับ


ลองเดาๆ - 22 มกราคม พ.ศ.2550 22:44น. (IP: 124.120.145.113)

ความคิดเห็นที่ 12
อยากสอบถามถึงตำราเลย ๗ ตัวที่สอนถึง ๙ ฐานมีขายที่ไหนบ้างครับ ของอาจารย์ไหน เพราะโดยมากท่านเขียนถึง ๔ ฐานก็จบ อีกอย่างผมอยู่ต่างจังหวัดไม่รู้ว่าจะไปหาซื้นที่ไหนตามร้ายหนังสือชั้นนำก้ไม่ค่อยจะมีขาย และอีกอย่างนะครับตอนนี้ผมมีจำราโหราศาสตร์ไทยของ อาจารย์ ศ.ดุสิต อยู่แต่พอศึกษาไปแล้วจึงมาจอดที่การหาลักขณาที่ต้องคำนวณมากพอดูแต่ผมก็มีจานลักขณาสำเร็จอยู่ ( เป็นมรดกที่หลวงปู่ท่านทิ้งไว้ แต่ท่านมรณะภาพไปแล้ว ) แต่ก็ดูไม่เป็นไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้นอกจากการอ่านจานลักขณาแล้วไม่ทราบว่ามีเครื่องมือหาลักขณาที่ง่ายกว่านี้ไหมครับจำพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีไหมครับ...ขอบคุณครับ


มหา ปธ. ๓ - 8 พฤษภาคม พ.ศ.2550 19:14น. (IP: 203.113.61.231)

ความคิดเห็นที่ 13
กราบเรียนท่านอาจารย์

หนูเป็นเด็กรุ่นใหม่สนใจที่จะศึกษาเรื่องโหราศาสตร์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี หนูเห็นอาจารย์ตอบคำถามท่านต่างๆที่เข้ามาสอบถามกับอาจารย์แต่ละท่านดูแล้วมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้างกันทั้งนั้นทั้งหนังสือตำราอาจารย์ต่างๆแต่ละท่านแต่ละสายมีมากมาย แต่ตอนนี้หนูยังไม่มีเวลาไปเรียนที่โรงเรียนค่ะ อยากขอความกรุณาอาจารย์แนะนำหนังสือดีๆในเรี่องโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐานเพื่อเป็นการปูพื้นฐานความเข้าใจในเบื้องต้นไปก่อนระดับหนึ่ง หรือหนังสือดีๆที่ควรซื้อสะสมไว้ (ซื้อได้ที่ไหนบ้างช่วยบอกหนูด้วยค่ะ) อีกอย่างนะค่ะตอนนี้กำลังหาเวลาว่างที่จะไปเรียนอยู่ค่ะและขอให้อาจารย์แนะนำด้วยว่าหนูควรลงเรียนหลักสูตรใดก่อนดีค่ะ กับอาจารย์ท่านใดดี ไม่ใช่ไม่เชื่อถืออาจารย์นะค่ะ แต่หนูคิดว่าอาจารย์บางท่านเหมาะที่จะสอนกับผู้ที่เริ่มต้นใหม่ๆ สอนแบบละเอียดนะค่ะ อันนี้หนูเทียบจากการเรียนในโรงเรียนเพราะบางท่านเก่งค่ะแต่สอนเร็วมากเหมาะกับคนเรียนเก่งๆ เท่านั้น ถามก็ไม่ค่อยได้ ดุมากๆอีกต่างหาก เลยพลอยทำให้ไม่เข้าใจกันไปใหญ่ อาจารย์อย่าเพิ่งเบื่อหนูนะค่ะที่ถามคำถามเล็กน้อยเช่นนี้

ขอบพระคุณมากค่ะ

เด็กแนวรุ่นใหม่


เด็กแนวรุ้นใหม่ - 10 พฤษภาคม พ.ศ.2550 11:33น. (IP: 210.86.135.20)

ความคิดเห็นที่ 14
หนูอยากเรียนไพ่ยิปซีเองได้ไหม


หมู - 26 พฤษภาคม พ.ศ.2550 15:50น. (IP: 124.120.25.23)

ความคิดเห็นที่ 15
หนู ขอถามเรื่องที่สงสัยหน่อยนะคะ

1.เป็นนักพยากรณ์ต้องครอบครูหรือเปล่าคะ

2.การเป็นนักพยากรณ์ต้องมีดวงทางนี้จริงเปล่าคะ

3.เป็นนักพยากรณ์แล้วต้องโสดด้วยเหรอคะ

รักษาศีล5-8ก็น่าจะใช้ได้แล้วนะคะ

หนูอาจถามอะไรที่บ๊องๆหน่อยนะคะ


หนู4ตา - 27 มิถุนายน พ.ศ.2550 16:33น. (IP: 124.157.212.94)

ความคิดเห็นที่ 16
หนู ขอถามเรื่องที่สงสัยหน่อยนะคะ

1.เป็นนักพยากรณ์ต้องครอบครูหรือเปล่าคะ

2.การเป็นนักพยากรณ์ต้องมีดวงทางนี้จริงเปล่าคะ

3.เป็นนักพยากรณ์แล้วต้องโสดด้วยเหรอคะ

รักษาศีล5-8ก็น่าจะใช้ได้แล้วนะคะ

หนูอาจถามอะไรที่บ๊องๆหน่อยนะคะ


หนู4ตา - 27 มิถุนายน พ.ศ.2550 16:39น. (IP: 124.157.212.94)

ความคิดเห็นที่ 17
ผมอ่านหนังสือชื่อเคล็ดลับการพยากรณ์ ของท่านอาจารย์มหาบรรเทา ไม่เข้าใจครับ ผมไม่มีพื้นฐานด้านนี้เลย อยากสอบถามคุณการเวก (กรวิก) หรือผู้รู้ท่านอื่นๆว่าก่อนอ่านหนังสือ เคล็ดลับการพยากรณ์ ของท่านอาจารย์มหาบรรเทา ผมควรศึกษาเล่มใดก่อน แต่งโดยใคร และหาซื้อได้จากไหนจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ


โจ - 7 สิงหาคม พ.ศ.2550 14:14น. (IP: 125.25.181.216)

ความคิดเห็นที่ 18
อยากดูไพ่ทาโร่เป็นค่ะ ต้องมีคาถาที่ต้องเอาไว้ท่อง หรือต้องบูชาอะไรพิเศษมั้ยคะ ถึงจะได้ขึ้นฃื่อว่าแม่นเหมือนตาเห็น

เพราะตนเองก็ศึกษาเรื่องนี้อยู่....


gibzy - 19 กันยายน พ.ศ.2550 16:41น. (IP: 124.121.48.50)

ความคิดเห็นที่ 19
ช่วยอธิบายการหา *วสนา กับทลิโทให้หน่อยครับ และอธิบายเรื่องเกี่ยวกับดิถีด้วยครับ


peepee - 21 ธันวาคม พ.ศ.2550 09:23น. (IP: 58.9.120.105)

ความคิดเห็นที่ 20
เมื่อปีพศ2525 ผมมีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์เรียนโหราศาสตร์ไทยกับอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ทุกวันเสาร์ในช่วงค่ำจะมีการร่วมตัวเหล่าลูกศิษย์รับการชี้แนะการพยากรณ์จากอาจารย์อรุณ ที่บ้านของอาจารย์ โดยจะมีการนำดวงชะตาของผู้ที่รู้จักมาให้อาจารย์ช่วยทำนาย ในเชิงการเรียนการสอน ผมเองก็ได้ไปฟังอยู่บ่อย ๆ จนดึก บางครั้งก็ต้องนอนค้างคืนที่บ้านอาจารย์ ผมไปมาหาสู่บ้านอาจารย์อรุณอยู่หลายปี จนท่านถึงแก่กรรมในปีพศ 2534 จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อปี พศ2526 ผมกำลังนั่งรับฟังการสอนจากอาจารย์อรุณ ก็มีผู้ชายอายุราว 50 ปี มาพบอาจารย์เพื่อต้องการขอเป็นลูกศิษย์เรียนดวงไทย และได้ขอทดสอบการทายดวงชะตาก่อนสมัครเป็นศิษย์ เขาได้ให้อาจารย์ช่วยทายดวงชะตาที่ผ่านมาของน้องสาวของเขา โดยตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของน้องสาวเขาในวันเดือนปีในวันที่นั้น ๆ (เป็นวันที่ในอดีตก่อนที่จะมาพบอาจารย์)เป็ฯการทดสอบความรู้ของอาจารย์ว่าสามารถทายได้ไหม ปรากฏว่าอาจารย์ได้ออกคำทำนายว่า วันที่เดือนปีที่ผ่านมาคือวันแต่งงานของน้องสาวคุณ แต่เป็นการแต่งงานครั้งที่ 2 น้องสาวคุณเคยหย่าร้างมาแล้ว ผู้เป็นพี่ชายพอฟังคำทำนายอดีตของน้องสาวก็ยอมรับนับถืออาจารย์อรุณ และได้สมัครเป็นลูกศิษย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป พอชายผู้นี้ลากลับไป อาจารย์อรุณได้เอ่ยกับผมว่าในชีวิตโหราศาสตร์ไทยหลายสิบปีที่ผ่านมาของผมมักถูกทดสอบถูกลองภูมิอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องปกติที่นักโหราศาสตร์ต้องเจอแต่ถ้าระบบโหราศาสตร์ที่เราใช้อยู่มีความสมบูรณ์ในระบบก็สามารตอบคำถามได้ในทุกแง่มุมทุกเรื่องราวทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต

เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมาแล้ว 25 ปี แต่ผมจำได้ไม่ลืม และผมก็มั่นใจในระบบโหรสายอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ขอให้ทุกท่านที่กำลังศึกษาและใช้งานในระบบโหรสายอาจารย์อรุณ ค่อย ๆ เรียนรู้หาประสบการณ์ไปแล้วท่านจะรับรู้ได้ถึงความมหัศจรรย์ในโหราศาสตร์ไทยระบบหมอเถาวัลย์(อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ)ครับ


ศิษย์อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ รุ่นปี พศ 2525 - 11 มกราคม พ.ศ.2551 16:06น. (IP: 202.133.139.236)