เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

กระทู้นี้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่(2)



กระทู้นี้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่(2)

สืบเนื่องจากกระทู้เดิมมีความยาว ต้องเสียเวลาโหลด จึงมาเปิดกระทู้นี้เพื่อมิให้ผู้สนใจต้องเสียเวลาโหลดข้อมูลเดิม

จาก: การเวก (กรวิก) [26 oct 2004 08:29]ผู้ดู [1301]ผู้ตอบ[120] ลบ

ความคิดเห็นที่ 1โดย คุณ ตุ้ก

27 oct 2004 02:15#708500ลบ

เรียน อาจารย์การเวก

ดวงชะตามีลัคนาอยู่ราศีกรกฏ เกิดวันพฤหัส ดาว 7 เป็นเกษตร 12 องศา เป็นกาลี และพินทุบาทว์ ดูคู่ครองทายเสีย หรือดีคะ เพราะอะไร? ขอบคุณคะ

ความคิดเห็นที่ 2โดย คุณ สส. (โดย วิน)

27 oct 2004 05:04#708515ลบ

(ฝากข้อความให้หลาน ช่วยโพสต์ให้ เมื่อถึงเวลา ) ( โรงเรียนเปิดแล้ว ขอโพสต์ก่อนครับ – วิน )

........กระทู้ข้อที่สาม ที่ถามว่าดวงชะตาแบบไทย เกิดจากวงกลมซ้อนกันอยู่กี่ชั้น ดังที่บอกแล้วว่าเป็นเทคนิคของโหร ในวิชาโหราศาสตร์ไทย ซึ่งเกิดจากภูมิปํญญาที่สะสมมานาน คำตอบข้อนี้จะตอบตามโหราศาสตร์รุ่นเก่า คือ มี 5 ชั้น (บนฟ้า 2 ชั้น บนดิน 2 ชั้น ปัจจุบัน 1 ชั้น)

........ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ดวงดาวต่างๆอยู่บนท้องฟ้านั้น ถือเป็นดวงดาวอยู่ในสุริยจักรวาล ซึ่งโคจรโดยธรรมชาติ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา แต่เมื่อมีลัคนาเกิดขึ้น จะประทับเอาสถานะการโคจรทั้งหลายของดวงดาวในขณะนั้นเอาไว้เป็นดวงชะตา เหมือนการกดชัทเตอร์ของกล้องถ่ายรูป แต่กรรมวิธีของดวงชะตาไม่ได้เกิดขึ้นในทันที เพียงแต่เริ่มต้นขึ้นตรงนี้ สิ่งที่กล้องถ่ายเอาไว้ได้คือ รูปของดาวบนท้องฟ้า และบังเกิดเรือน 12 เรือน อันเกิดจาก ลัคนา เอง รวมเป็นเพียง สองชั้นเท่านั้น ที่เกิดขึ้น เป็นดวงชะตาบนโลก

........ในขณะที่ ดวงดาวที่ปรากฏในสุริยจักรวาล จะถูกดึงดูดพลังงานและธาตุลงสู่ดวงชะตาบนโลกอย่างต่อเนื่อง เมื่ออาทิตย์ โคจรครบรอบโลก เพียงวันเดียว ธาตุบางส่วนจะเข้าสู่ดวงชะตาจนครบทุกเรือน แต่ธาตุจากสุริยจักรวาลยังคงเข้าสู่ดวงชะตาต่อไปจนเต็ม ภายในระยะเวลา 60 ปีโดยประมาณ ธาตุที่กล่าวถึงนี้ มีองค์ประกอบหลายอย่าง จะแยกชั้นของดวงชะตา ทั้ง 5 ชั้นให้ดูดังนี้

....ชั้นที่ 1. ชั้นล่างสุด คือ จักรราศี พร้อมดวงดาวขณะเราเกิด มีดวงอาทิตย์พร้อมพลังงานอยู่จนเต็ม ซึ่งจะ เป็นส่วนที่จะบรรจุ พร้อมธาตุลงสู่ดวงชะตาในระยะเวลา 60 ปี ดังนั้น ในอายุหนึ่ง โครงสร้างดาวบางตัวจะยังลงมาไม่ถึงดวงชะตา อาจทำนายผิดได้ ชั้นนี้ดวงดาวจะมีคุณสมบัติเป็น อุจ นิจ ราศีเกณฑ์ ธาตุราศี

....ชั้นที่ 2. ขึ้นมาอีก คือ ชั้นเกษตรในท้องฟ้า เกิดจากการรับธาตุจากชั้นที่ 1. แล้วแตกตัวละเอียด ก่อนที่จะป้อนลงสู่ ดวงชะตาบนโลก คุณสมบัติดวงดาวที่อยู่ชั้นนี้ คือ ดาวเกษตร และ ประเกษตร

.....ชั้นที่ 3. ขึ้นมาอีก คือชั้น ธาตุดาวโลก จะเป็นชั้นแรก ของดวงชะตาบนโลก มี ตำแหน่งดาวในขณะเราเกิด ปรากฏ เป็นเหมือนดาวชั้นที่ 1. แต่จะได้รับการป้อนธาตุเกษตร ซึ่งละเอียดแล้วจากชั้นเกษตร มามีคุณสมบัติเป็นดาวในดวงชะตา ดังนั้นตัวเลขในดวงชะตาของเราจึงไม่ใช่ดาว แต่เป็นปัจจัยคล้ายดาวที่มีธาตุละเอียด และมีความสำคัญ คือ สามารถแลกเปลี่ยนกับธาตุที่มีอยู่บนโลกได้ ดาวในชั้นนี้ จะมีคุณสมบัติ เป็น ส่วนที่เหลือคือ มหาจักร ราชาโชค และ เกณฑ์ต่างๆ รวมทั้ง ดาวคู่ธาตุ คู่มิตร คู่สมพล คู่สัตรู แทรกเข้ามาชั้นนี้ได้ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ต้องขอให้จำไว้ ก็คือ ธาตุละเอียดจากชั้นเกษตร จะผ่านเข้าสู่ ดวงชะตาบนโลกได้ทาง ลัคนา กว่า 70 % โบราณเปรียบว่า ลัคนาเปรียบเหมือนสายสะดือที่รับอาหารจากครรภ์มารดา (คือจักรวาล) ผ่านเข้าสู่ทารก (คือดวงชะตา) ดังนั้น ดาวกุมลัคนา จึงอยู่ในจุดสำคัญของดวงชะตา เมื่อเป็นดาวดี การกระจายธาตุราบรื่น ถ้าเป็นดาวร้าย จะขัดข้อง และลัคนาในชั้นนี้ จะเป็นผู้รับความดีร้ายจากดาวจร เข้าสู่ดวงชะตาด้วย การเกิดเหตุการณ์เนื่องจาก ดาวจร ทุกครั้ง ลัคนาจะถูกกระทบด้วยเสมอ ทั้งทางตรง และอ้อม

......ชั้นที่ 4. เป็นชั้นสุดท้ายของดวงชะตา คือเรือนชะตา ลัคนา (อีกแล้ว)นั้น เป็นผู้ก่อให้เกิดเรือนทั้ง 12 ตั้งแต่ ตนุ กดุมภะ.....ถึง..วินาสน์ เรือนเป็นนิทานชีวิตของดวงชะตาเรา และของคนอื่นที่เราเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ท่านจึงสอนให้อ่าน เรือน และเจ้าเรือน เป็นอันดับแรก เพื่อจะได้รู้ความเป็นไปของดวงชะตา ความปรุงแต่งทาสีนิทานชีวิตจะเกิดขึ้นจากพลังงานของธาตุดาว ชั้นที่ 3. ส่งมาในภายหลัง แต่คราวนี้ธาตุดาวสามารถผ่านเข้าเรือนชะตาได้เลย โดยใช้ลัคนาน้อยลง เทคนิคจำนวนมากของโหราศาสตร์หลายๆ ระบบ เกิดขึ้นในชั้นนี้

......ชั้นที่ 5. คือ ดาวจรบนท้องฟ้า ปัจจุบัน ซึ่งจะโคจรไปโดยไม่มีบทบาทอิทธิพลใดเลยต่อดวงชะตา เพราะดวงชะตาไม่ได้รับรู้ ดังนั้น การที่บางคน วิตก วิจารณ์ เวลามีดาวจรมาทับ มาเล็ง ดวงชะตา จึงเกิดจากไม่มีความรู้ ดาวจรบนท้องฟ้าจะมีปฏิกริยาได้ ต้องไปผ่านกรรมวิธีตั้งแต่ ชั้นที่ 1. ขึ้นมาใหม่ แต่กลายเป็นเรื่องยาวกว่า ที่อธิบายตรงนี้ไม่ได้ แต่จะระบุวันที่เกิดเหตุการณ์ได้

......สมัยก่อน กว่า 70 ปีมาแล้ว ยังมีการสอนเพียงแค่สองชั้น เรียกชั้น 1 และ 2 รวมกันว่า ธาตุบน หรือธาตุสูง และชั้น 3 และ ชั้น 4 ว่า ธาตุต่ำ หรือธาตุล่าง แต่ปกปิดกันต่อๆมา เลยหายไป นี่เป็นตัวอย่างเคล็ดลับที่ผมเคยบอกว่าเกิดจาก เทคนิค ที่ถูกซ่อนไว้จนหายไป ไม่ใช่อะไรนักหนา

......การอ่านดวงชะตาที่พวกเรา มักอ่านโดย เอาคุณสมบัติดาวผสมกัน เช่น หมอดูทายว่า ปัตนิ คู่ครองของคุณเป็น อุจ ยิ่งใหญ่ กุมดาวเกษตร ดี แต่เป็นดาวคู่ศัตรู เลวมาก มองไปก็เป็นอุดมเกณฑ์ รวย องคเกณฑ์ เก่ง เป็นดาวธาตุลม ว่องไว อยู่ราศีธาตุไฟ อ็อกเทนสูง เป็นราชาโชค ยศศักดิ์ดี แต่เรือนปัตนิ มีพินทุบาทว์ แสดงว่า ยศต่ำมาก ปัตนิไปอยู่เรือนศรี หล่อจริงๆ แต่กุมดาวกาลี กลับขี้เหร่ แล้วคงจะฟื้น เพราะเป็นมหาจักรในเรือนประ รวยแล้วจน เจ้าเรือนไปอยู่มรณะ เลว กุมคู่สมพล กลับดีอีก ฟังดูแค่นี้ก็เวียนหัวแล้ว คุณหมอคะ ตกลงสามีดิฉัน เป็น คน หรือ เป็นลิง กันแน่ แบบนี้ถือว่าไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่ๆเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของโหราศาสตร์ไทย

......อันที่จริง โหรจะอ่านดวงชะตา เป็นเรื่องๆไปโดยเข้าใจชั้นธาตุของดวงชะตาด้วย ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ ปํญหาในการอ่านดวงชะตาที่ถามกันมาก็จะหมดไปเยอะ อย่างเช่น ถ้าเราอ่านธาตุล่างคือดวงชะตา ก็ยังไม่ต้องอ่าน อุจ นิจ เกษตร ประ เพียงถือว่าเป็นดาวที่แสดงแนวโน้มจะมีปฏิกริยาก่อน สมมุติเล่นๆ ถ้าเราดูดวงจรเด็กหญิงอายุสักห้า ขวบ ดาวจรมาทับปัตนิเดิมเป็นอุจ ไปทายว่า กำลังจะได้สามีมียศศักดิ์สูง นี่ผิดความจริง แม้เป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องดูว่าอุจเขาปรากฏผลในดวงชะตาแล้วหรือยัง ไม่รีบทาย เพราะบางคนเขายังแย่อยู่ แต่จะดังเมื่อดาวให้ผลก็มี ดวงดาราหลายคน เป็นเช่นนี้ แต่เมื่ออุจในดวงเขาเห็นชัดแล้ว ทายต่อได้เลย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

......กระทู้นี้บอกแล้วว่าเป็น ปริศนา 2 ชั้น กึ๋นใครดี หาเพชรเจอในบทความนี้ ก็ยกให้เลย อยากบอกให้หมดเหมือนกัน แต่เปิดมาแค่นี้ รับรองว่าภายใน 1 ปี จะมีหนังสือลอกเอาไปพิมพ์ขาย ใส่ชื่อตัวเอง พิมพ์ผิด พร้อมสงวนลิขสิทธิ์ด้วย ครูเก่าทุกคนท่านโดนมาทั้งนั้น พูดอะไรไปหน่อยเดียว พรุ่งนี้กลายเป็นชีท หลักสูตรละ 5000 บาท

นี่เป็นความซับซ้อนของดวงอีแปะ ซึ่งคนมักดูถูกว่าเรื่องหมูๆ

ความคิดเห็นที่ 3โดย คุณ สส. (โดย วิน)

27 oct 2004 05:08#708516ลบ

กระทู้ข้อที่ สี่ - ชายสามคน เกิดวัน เดือน ปี เวลาเดียวกัน และสถานที่เดียวกัน ไม่ได้เป็นพี่น้อง หรือเกี่ยวข้องกัน บิดา มารดา มีฐานะธรรมดา เท่าเทียมกัน เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ต่างแยกย้ายกันไป ต่อมา ชายคนแรกได้เป็น พระราชา คนที่สอง เป็น คหบดี คนที่สาม เป็น ยาจกขอทาน

.......คำถามมีว่า “จงอธิบายเหตุผล ของเรื่องนี้ ตาม หลักวิธี โหราศาสตร์ที่ท่านศึกษามา”

......โจทย์ข้อนี้เคยเป็นข้อสอบอัตนัย วิชาโหราศาสตร์ไทยชั้นสูง

ความคิดเห็นที่ 4โดย คุณ การเวก (กรวิก)

27 oct 2004 07:48#708650ลบ

เรียน คุณตุ้ก

ตามคำถามที่คุณถามมานั้น ก่อนอื่นผมคงต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า ตัวผมเองเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยในแนวทางของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ซึ่งในแนวทางของท่านอาจารย์มิได้คำนึงถึงองศาของดาวว่าจะมีองศาที่เท่าไร ซึ่งทีแรกผมเองก็สงสัยอยู่เพราะในตำราของอาจารย์ทั่วไปส่วนใหญ่จะใช้หลักคำนวณจากองศาเป็นเกณฑ์ แต่ด้วยเหตุผลที่ลูกศิษย์ของท่านอาจารอรุณฯ ได้ให้ไว้สามารถอธิบายได้ดังนี้

- ปัจจุบันวิธีการคำนวณองศาของดวงดาวที่นักโหราศาสตร์ไทยทั่วไปใช้มีอยู่ของอาจารย์ 2 ท่านคือ

ท่านอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว และท่านอาจารย์เทพ

สาริกบุตร ที่มีวิธีการคำนวณต่างกันเนื่องมาจากการถือแนวแกนของโลกไม่เหมือนกัน ดังนั้นบางครั้งดวงดาวดวงเดียวกันจะอยู่กันคนละราศี ลัคนาของคนทั่ว ๆ ไป เกิดเวลาเดียวกัน แต่ลัคนาจะอยู่ต่างกันคนละราศี ดังนี้เป็นต้น ซึ่งลูกศิษย์ของท่านอาจารย์อรุณฯ

ได้ยกตัวอย่างไว้ว่า "ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีเราเป็นเจ้าของบ้าน มีห้องนอนข้างบน 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง

มีห้องนอนข้างล่าง 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องครัว

1 ห้อง ห้องคนใช้ 1 ห้อง ไม่ว่าตัวของเราเจ้าของบ้านจะไปอยู่ ณ ห้อง แห่งใด ตัวเราก็ยังเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ๆ อยู่"

ผมหวังว่าการออกตัวครั้งนี้คงเป็นการอธิบายให้เป็นที่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใช้องศาของดวงดาวมาประกอบการพยากรณ์

ทีนี้มาถึงเรื่องที่คุณถาม ที่ว่า "ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ

มีดาวเสาร์เป็นเกษตร เจ้าเรือนภพปัตตนิ เล็งลัคนาอยู่

เข้ากฎภินทุบาทย์ (กฎข้อนี้จะมี พินทุบาทย์ และภินทุบาทย์) จะดูคู่ครองทายเสียหรือทายดี การพยากรณ์ในกรณีนี้ มีอธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง "เคล็ดลับการพยากรณ์" แต่งโดย ท่านอาจารย์มหาบรรเทาฯ ซึ่งท่านอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้ดีมาก ผมจะเรียบเรียงให้พอเป็นที่เข้าใจไว้ ณ ที่นี้ มีดังนี้

1. ถ้าเราจะพยากรณ์ว่าดี ดาวเสาร์เป็นเกษตรอยู่ แสดงถึงถ้าคุณมีคู่ครอง คู่ครองของคุณจะมีฐานนะมั่นคง มีที่ดิน (เสาร์มีความหมายถึงที่ดินได้) คู่ครองของคุณเป็นคนละเอียด มีเหตุมีผล ก่อนทำอะไรจะพิจารณาอย่างละเอียดก่อนทำ แต่คู่ครองของคุณค่อนข้างจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาโกรธก็น่ากลัว เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เป็นคนเก็บกด ชอบสันโดษมากกว่าการเข้าสังคม (ยกเว้นถ้าเข้าสังคมกับดาวราหูละก้อok)

2. มาพิจารณาถึงความเป็นภิณทุบาทย์ และกาลี อันดาวเสาร์เล็งลัคน์นี้ท่านอาจารย์มหาบรรเทาฯ ท่านอธิบายไว้ว่า

-เจ้าชะตาค่อนข้างเป็นคนละเอียดในการเลือกคู่ครอง จนบางครั้งอาจจะหมายถึงเลือกมากจนกระทั่งอยู่เป็นโสดจนแก่เฒ่า ความละเอียดในการเลือกมีดังนี้

ก.เพศตรงข้ามแม้จะมีฐานะเท่าเทียมกัน แต่แก่กว่าเจ้าชะตา ไม่เอา

ข.เพศตรงข้ามแม้จะมีอายุเท่ากัน แต่ฐานะ และการศึกษา ต่ำกว่าเจ้าชะตา ไม่เอา

ค.เพศตรงข้ามแม้จะมีอายุอ่อนกว่า แต่ฐานะและการศึกษาต่ำกว่าเจ้าชะตา ไม่เอา

เหตุผลต่าง ๆ ก็วนเวียนอยู่ในลักษณะดังกล่าว ท่านถึงว่าเป็นภินทุบาย์ คือเลือกมากนั่นเอง

จากคำอธิบายดังกล่าว ผมหวังว่าคงสามารถคลายความสงสัยให้คุณตุ้กได้น๊ะครับ สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 5โดย คุณ สอบถามท่าน อ.สส.

27 oct 2004 11:34#708834ลบ

ตามที่ท่าน อ.สส. แนะนำมาผมสนใจ คัมภีร์ เหล่านี้ ไม่ทราบว่าพอจะหาเพื่อศึกษาได้จากที่ไหนครับ

มหาทักษา

อสีติธาตุวิภังค์

สุริยโชติรัตน์

พฤหัสจักร์

มหาจักร

ความคิดเห็นที่ 6โดย คุณ moon

28 oct 2004 09:20#709719ลบ

ตอบกระทู้ที่ 4 ตอบตามความเข้าใจนะคะ ชายสามคนเกิดมา สถานที่เดี่ยวกัน เวลาเดียว กัน แต่มีชีวิตแตกต่างกัน น่าจะเป็นเพราะ สภาพแวดล้อม คือสภาพครอบครัวพ่อแม่ ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัว การอบรม การล่อหลอม สภาพแวดล้อม คือสังคม ที่อยู่อาศัย เพื่อน และรูปร่างหน้าตา (โหงวเฮ้ง)

ตอนแรกจะตอบว่าละทิจูด ลองทิจูด ซะหน่อย อิอิ แต่บอกเกิดสถานี่เดียวกัน

ความคิดเห็นที่ 7โดย คุณ พลังวัชร์

28 oct 2004 20:27#710321ลบ

ตอบคุณ ส.ส. ความเห็นที่ 3

ขออนุญาติ เอาของเดิมที่เคยตอบชาวบ้านมาโพสละกันครับ

http://203.155.193.239/hora/webboard_ans.php?q_id=1314

ความคิดเห็นที่ 8โดย คุณ moon

28 oct 2004 20:49#710336ลบ

คุณพลังวัชร์ ตอบยาวมากๆ เลยคะ แล้วทำไมของเราดูด้วนๆ ห้วนๆ นะ

ความคิดเห็นที่ 9โดย คุณ แวว

29 oct 2004 02:50#710564ลบ

น้อง วิน คุณตาไม่อยู่ โพสต์คำตอบข้อ 4 ได้เลย แล้วจะเลี้ยงหนม ขอบอก

ความคิดเห็นที่ 10โดย คุณ นักศึกษารุ่นหลัง

29 oct 2004 10:44#710831ลบ

ขอแสดงความคิดเห็นข้อที่ 3 โดย คุณ สส.(คุณวิน) ว่าการที่ คนเราเกิดมาเป็นพี่น้องกัน เกิดมาพร้อมกัน แต่มีสถานะที่แตกต่างกัน ถ้านำเอาหลักพระพุทธศาสนาในหัวข้อมงคลชีวิต 38 มาตอบ ในหัวข้อที่ 5 คือ มีบุญวาสนามาก่อน ในจำนวน 3 พี้น้องอาจะเคยทำกรรมที่แตกต่างกันมาก่อน หรือ สร้างบุญมาเหมือนกันแต่อธิษฐานมาต่างกัน จึงทำให้มีสถานะที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเกิดมาในท้องเดียวกันก็ตาม หากว่าตามหลักเหตุและผล ทั้ง 3 มีการดำเนินชีวิตที่ต่างกันก็ได้ ทั้ง 3 คนอาจเป็นคนเก่ง มีความเฮง เหมือนกัน แต่แตกต่างกันด้วยบุญหรือความดีที่แตกต่างกัน

หากว่าตามหลักดวงชะตาตามโหราศาสตร์จีน ก็ดูที่ฟ้า ดิน คน คือฟ้าให้ดวงชะตามา ดินคือถิ่นที่อยู่ และคน คือการประพฤติปฏิบัติตัวมาอย่างไร ถึงแม้เป็นแฝดกัน โหวงเฮ้งก็แตกต่างกัน แม้แต่ลายมือก็แตกต่างกัน

หากดูด้วยโหราศาสต์ไทย นั้น เวลาเกิดก็สำคัญเพราะต่างกันเป็นวินาทีก็อาจมีองศา และฤกษ์ยามที่มีความหมายต่างกันได้

ความคิดเห็นที่แสดงออกมาอาจจะไม่ตรงกับคำถามทั้งหมด ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้หรือไม่ ขอให้คุณ สส. ช่วยเพิ่มเติมให้ด้วย

ความคิดเห็นที่ 11โดย คุณ นักศึกษารุ่นหลัง

29 oct 2004 16:10#711090ลบ

ขอคุยด้วยคนนะครับ คือได้อ่านมาถึงข้อคิดเห็น 2 ของคุณ สส. แล้วสะดุดตรงที่การอ่านดวงชะตามีวิธีการดูได้ถึง 5 ชั้น เคยได้อ่านตำราหรือผู้รู้ก็ไม่มีใครพูดถึงการดูแบบนี้ จึงมีความคิดว่าน่าศึกษามาก เพราะเป็นไปได้ว่าผมเพิ่งจะมาศึกษาวิชานี้จึงไม่เคยได้ยินมา แต่ผมมีความเห็นว่าที่คุณ สส. บอกว่าเป็นของเก่าที่ไม่มีใครเปิดเผย อาจเป็นไปได้ว่า 1.ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามีวิธีดูแบบนี้ หรือ2. ผู้รู้เก็บเอาไว้ใช้เองไม่ยอมบอก แต่ต้องขอขอบคุณคุณ สส. ที่เปิดทางให้ได้ศึกษาต่อไปอีก

ในความคิดผมเห็นว่า การอ่านดวงในปัจจุบันหมอดูส่วนใหญ่อ่านเฉพาะเป็นดวงโล้น ๆ หรือดวงอีแปะ พอถามลึก ๆ แล้วกลับบอกว่าที่ผมเรียนมาไม่เกี่ยวกับองศา หรือ ไส้ชะตา เพราะเขาเหล่านั้นเรียนมาแค่นี้จึงดูแบบนี้ ผมขอเรียนถามคุณ สส. ว่าการดูด้วยวิธี 5 ชั้น ใช่เป็นการศึกษาดวงชะตาจากภายนอกเข้าสู่ภายในหรือเปล่าครับ คืออ่านดวงชะตาจากจักรราศี ลึกลงไปถึงนวางศ์ จนถึงอินทพาสบาทจันทร์ คล้ายกับว่าเวลาเราอ่านคนจากภายนอกคือรูปร่าง ภาพพจน์ การแสดงออก และลึกลงไปถึงจิตใจ จนพยากรณ์ได้ว่าถ้าคุณมีลักษณะแบบ และมีการกระทำแบบนี้ด้วยจิตใจแบบนี้ ในอนาคตคุณต้องพบเหตุการณ์แบบนี้ ๆ

ผมอ่านอยู่หลายเที่ยวในข้อเขียนคุณ สส. จึงอยากศึกษาให้มากขึ้น อยากให้คุณ สส. ช่วยเพิ่มเติมความรู้อีกเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้ศึกษาด้วย

ขอแสดงความนับถือ

ความคิดเห็นที่ 12โดย คุณ สว่างนภา

29 oct 2004 21:27#711293ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

ดิฉันติดปัญหาอยู่นิดหนึ่ง คือว่า ราหูที่กำลังจะย้ายเข้าสู่ราศีมีน รวมถึงเสาร์ที่จะย้ายเข้าสู่ราศีกรกฎ ประมาณกลางปี 2548 นั้น จะมีผลกระทบต่อดวงชะตา ที่กล่าวมาข้างล่างนี้ มากหรือน้อยเพียงใด รบกวนอาจารย์ช่วยวิเคราะห์ให้ด้วย ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ

- ลัคนาราศีกันย์ มีอาทิตย์,พุธ,ราหู กุมลัคน์

- พฤหัส สถิตราศีตุลย์ ภพกดุมพะ

- เสาร์ สถิตราศีพิจิก ภพสหัชชะ

- จันทร์ สถิตราศีมังกร ภพปุตตะ

- อังคาร สถิตราศีพฤษภ ภพศุภะ

- เกตุ สถิตราศีเมถุน ภพกัมมะ

- มฤตยู สถิตราศีกรกฎ ภพลาภะ

- ศุกร์ สถิตราศีสิงห์ ภพวินาศน์

ความคิดเห็นที่ 13โดย คุณ สส.

30 oct 2004 03:54#711456ลบ

รีบกลับก่อน ต่อไปผมคงเข้าเว็บได้นานๆ ครั้งหนึ่ง อาจารย์การเวกท่านตอบปัญหา พร้อมให้ข้อมูลดีอยู่แล้ว ส่วนที่เกี่ยวกับผมคงจะต้องรวบตอบทีเดียว ขออภัยด้วยครับ ที่ตอบช้า

- คุณสว่างนภา...ดีใจที่คุณไม่ถือสา ที่ผมแนะนำไป ผมคิดเช่นนั้นจริงๆโดยบริสุทธิ์ใจ เวลาเราเจอประสพการณ์อะไรในชีวิตจริง พยายามคิดว่าโหราศาสตร์จะตอบว่าอย่างไร ปัญญาที่ฝึกบ่อยๆจะเป็นตำราให้เราเอง

- คุณสอบถามฯ...คัมภีร์คงจะหายาก วิชาส่วนใหญ่จะถ่ายทอดผ่านศิษย์ครับ / มหาทักษามีผู้เขียน พิมพ์ขายอยู่ แต่ส่วนใหญ่ดัดแปลง ลองดูในหอสมุดแห่งชาติ / อสีติธาตุวิภังค์ เคยพิมพ์เป็นชุดนานแล้ว ต้องดูแหล่งหนังสือเก่า หรือถามแพทย์แผนโบราณ คงมีใครซื้อไว้ / สุริยโชติรัตน์ มีศิษย์สายนี้ท่านกำลังสอนโหราศาสตร์อยู่ หัวละ 30,000 แต่ไม่ทราบว่าท่านจะสอนวิชานี้ให้หรือไม่ / พฤหัสจักร แบบไทย เคยเห็นขายที่เขษมบรรณกิจ ราว 25 ปีก่อน เข้าใจว่าขณะนี้คงยังมี แต่เป็นแบบจีน ลองดูในห้องสมุด / มหาจักร เป็นวิชาปกปิด คงไม่มีเผยแพร่ นอกจากเรียนจากอาจารย์ ดูตำราก็ต้องระวังครับ “ของจริงในของจริง” ก็มี “ของปลอม ในของจริง”ก็มี “ของปลอมล้วนๆ” ก็มี น้ำท่วมปากครับ พูดยาก

- คุณ moon ....ผมชอบใจคำตอบมากครับ เพราะตอบโดยการคิดด้วยตนเอง จะถูกจะผิดก็ไม่กลัว เพราะใช้ปัญญาเราเอง น่ายกย่อง สมองอักเสบยังดีกว่าลอกคนอื่นมา ต่อไปน่าจะเรียนโหราศาสตร์ได้ดี กระทู้นี้เขาเน้นว่า ให้ใช้หลักวิธีโหราศาสตร์ เป็นการบังคับให้ศึกษาหลักการที่แท้จริง เพราะหากเราเอา จิตวิทยาบ้าง สิ่งแวดล้อมบ้าง หลักกรรมบ้าง มาอธิบาย ก็เท่ากับเราไม่ได้หาเหตุผลทางโหราศาสตร์ ผมว่าเหมือนคนตาบอดในถ้ำมืดที่ผมเคยเขียน (ความเห็นที่ 126 – กระทู้แรก) ถ้าเรายอมรับว่าเรายังตาบอด เราก็เพียรพยายามคลำไป แต่ถ้าคิดว่า ตาดีแล้ว ก็อย่าชวนใครไปตกเหวด้วยก็แล้วกัน

- คุณแวว น้องวิน (อายุ 11) ไม่ได้เป็นแฟนเว็บนี้ การบ้านต้องค้นอินเตอร์เน็ทเยอะครับ

- คุณนักศึกษารุ่นหลัง เรื่องกระทู้ข้อสี่กรุณาดูคำตอบที่ผมตอบคุณ moon นะครับ เวลาคิด พยายามคิดว่าโหราศาสตร์ควรเป็นหลักสากล ดาวบนท้องฟ้าก็ไม่มีไทย ฝรั่ง จีน ดังนั้นคำตอบไม่ควรอิงหลักอื่นนอกจากหลักโหราศาสตร์ ผมเห็นด้วยกับทุกคน เพราะศรัทธาในพุทธศาสนา เรื่องนี้หลักกรรมอธิบายง่ายกว่า และเป็นสุขใจกว่าด้วย เพราะทำดี บุญบารมีย่อมทำให้เราเกิดมาดี แต่การที่เราเอาหลักอื่นมาอธิบายแทนโหราศาสตร์มากเข้า ทำให้เรากลายเป็นผู้ไม่รู้โหราศาสตร์ไปเลย แต่ก่อนผมก็เคยเป็นอย่างพวกเรา และงุนงงเรื่องโหราศาสตร์มานับสิบปี จนกระทั่ง ครูท่านหนึ่งซึ่งท่านเป็นพระชั้นผู้ใหญ่กรุณาแนะให้ว่า เอาศาสนาออกก่อนสิ ผมจึงได้คิด

.......เรื่องดวงชะตา 5 ชั้นนี่มีมานานแล้วครับ แต่ว่าเป็นเทคนิคกลไกการคิด แต่ก่อนผมก็ไม่รู้ เวลาคิดแล้วมั่ว ดูดวงแล้วสับสนมาก เวลาดูจะลงถึงนวางค์ อินทภาส-บาทจันทร์เมื่อเข้าในชั้น 3 ก็ได้ แต่ไม่ดูก็ได้ นวางค์จะดูเมื่อจำเป็น

ดวง 5 ชั้น ไม่ใช่ตัววิชา แต่เป็นประดิษฐกรรมของคนโบราณที่เยี่ยมมาก เดี๋ยวนี้ผมดูจนเป็นอัตโนมัติไปแล้ว ใครเรียนโหรฯกับท่าน อจ.อรุณ ลำเพ็ญ หรือท่านอื่นๆ ที่อ่านดวงได้เนียนมาก ลองเอาดวง 5 ชั้น เข้าไปจับคำพูดดูเถอะครับ เข้ากันทุกอย่าง เวลาเรียนดวงจร ซึ่งกลไกมากกว่าดวงปกติ ราว 3 เท่า ก็ใช้วิธีดูแบบนี้แหละ สบายมากเลย ผมจะบอกความลับอย่างหนึ่ง โหรบางคนไม่ได้มีความรู้อะไรเลย แต่รู้เรื่องนี้แหละเป็นไม้เด็ด แต่ดวง 5 ชั้น เป็นประตูสู่เรื่องลับ ทางโหราศาสตร์อีกมากมาย ผมขอตัดสินใจก่อน

ความคิดเห็นที่ 14โดย คุณ สส.

30 oct 2004 03:56#711457ลบ

กระทู้ข้อที่สี่ ที่ให้อธิบายเหตุผลด้วยหลักวิธีทางโหราศาสตร์ กรณีชายสามคนเกิดพร้อมกัน แต่แยกย้ายกันไปเป็น พระราชา คหบดี และยาจก นั้น ส่วนใหญ่จะอธิบายกันด้วยหลักกรรมทางพุทธศาสนา แต่โหราศาสตร์จะอธิบายตามปรัชญาและ มรรควิถี ทางโหราศาสตร์เอง แม้ทางโหราศาสตร์ตะวันตกก็ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องนี้

.......โหราศาสตร์พบ ว่า ในดวงชะตา มีทางเลือกอยู่หลายทาง ในการดำเนินเรื่องราว ไม่ได้ตายตัวอย่างที่คิดกัน ทางเลือกนี้ถูกเลือกโดย เจ้าของ ดวงชะตาเองเป็นผู้มีส่วนอย่างมากโดยไม่รู้ตัว และโดยไม่รู้ผลในบั้นปลาย อย่างเช่น สมมุติ ว่ามีทางเลือกอยู่สามทางที่จะนำไปสู่การเป็นพระราชา เป็นคหบดี หรือเป็นยาจก เจ้าชะตาได้เลือกทางเลือกหนึ่ง จำนวนทางเลือกนี้ กลับไม่ได้มีเท่าเทียมกันทุกคน บางคนมีหลายหนทาง แต่บางคนก็มีน้อย นี่เป็นเรื่องแปลก แต่จากการเฝ้าสังเกตุพบว่า จำนวนทางเลือกนี้มีความสัมพันธ์อย่างมาก กับ ดาว ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับลัคนา

.......เราจะพบว่า ในทุกวินาที มีคนเกิด ไม่น้อยกว่า 5 คน ทั่วโลก ในคนจำนวนมากที่เกิดในถิ่น และเวลาเดียวกัน สามารถวางลัคนาได้ในที่เดียวกันสนิทมีนับร้อยคน แต่มีบางคนได้เป็นเศรษฐี บางคนเป็นยาจก ดังนั้น ในการดูดวงชะตา ครูโหร ท่านจึงสอนว่า ให้หาร่องรอย แนวทางเลือก ที่เจ้าชะตาได้นำมา อย่างพบว่า คนผู้หนึ่งกำลังมีอาชีพเป็นชาวประมงหาปลา นิทานชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปจากที่เขาไปเป็นช่างไม้ นี่จึงเป็นเหตุให้โหรที่ไม่ระมัดระวังทำนายผิดไป การหาปัจจัยชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคนที่มีลัคนาเป็นเช่นเดียวกัน จึงเกิดเทคนิควิธีทางโหราศาสตร์ขึ้น และมีอยู่ในโหราศาสตร์ทุกระบบ ดังนั้น คำตอบโดยสรุปสำหรับกระทู้นี้ ก็คือ เกิดจากทางเลือกของปัจจัยในดวงชะตาที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

.......สมัยโบราณ เรียกทางเลือกที่ปรากฏในดวงชะตาว่า “พรหมเรขา” หมายถึงการขีดเขียนของพรหม พรหมเรขานี้ไม่ใช่ “พรหมลิขิต” อย่างที่พวกเราเคยได้ยินกัน คำว่าพรหมลิขิต ดูเหมือนนักประพันธ์ และนักแต่งเพลงคิดขึ้นมาใช้ เพียงเมื่อราว 60 ปีเศษมานี้เอง ที่หมายถึงวิถีชีวิตที่ถูกจารึกไว้ล่วงหน้า แต่ พรหมเรขา เป็นสิ่งลึกลับทางโหราศาสตร์อย่างหนึ่ง เมื่อเส้นทางหนึ่งถูกเลือกใช้แล้ว เส้นทางอื่นจะหายไป ไม่มีวันย้อนคืน และจะเกิดเส้นทางแขนงใหม่ขึ้นมาให้เลือกอีก ผมลองตรวจสอบดูในโหราศาสตร์แขนงอื่นๆ ก็พบว่ามีกล่าวถึงอยู่ในชื่อที่ต่างกัน และ ก็ไม่ใช่ พรหมเรขา ที่ปรากฏในลัทธิพราหมณ์ด้วย แต่เข้าใจได้ว่า นักโหราศาสตร์รุ่นเก่าคงจะได้ตรวจสอบปรัชญา มากกว่าจะเชื่อตามกันไป

.......จากข้อคิดของโหราศาสตร์ตรงนี้ ผมจะสมมุติดวงชะตาหนึ่ง ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ พฤหัสร่วมศุกร์อยู่เมษ อาทิตย์อยู่มีน อังคารร่วมราหูอยู่กุมภ์ และจันทร์อยู่สิงห์ ถามว่าเจ้าของชะตานี้ อนาคต เป็นอะไร การที่ไม่บอกดาวดวงอื่นเพราะไม่ต้องการนำมาเกี่ยวข้องด้วย ดวงดาวแบบนี้ไม่ได้ผิดความจริง และมีจริงๆตามปฏิทิน พวกเราหลายคนก็ทำนายได้ไปตามพื้นฐาน แต่ถ้าเอาไปให้พวกเซียนหมอดู คงจะหัวเราะ แล้ววิ่งไล่เตะ เห็นจะไม่ต้องตั้งเป็นกระทู้หรอก ลองไปพิจารณาดู จะได้ความรู้ ดวงแบบนี้เขาเอาไว้แกล้งลองดีกันเล่นสนุกๆ ในสมัยก่อน

ความคิดเห็นที่ 15โดย คุณ สส.

30 oct 2004 03:56#711458ลบ

กระทู้ข้อที่สี่ ที่ให้อธิบายเหตุผลด้วยหลักวิธีทางโหราศาสตร์ กรณีชายสามคนเกิดพร้อมกัน แต่แยกย้ายกันไปเป็น พระราชา คหบดี และยาจก นั้น ส่วนใหญ่จะอธิบายกันด้วยหลักกรรมทางพุทธศาสนา แต่โหราศาสตร์จะอธิบายตามปรัชญาและ มรรควิถี ทางโหราศาสตร์เอง แม้ทางโหราศาสตร์ตะวันตกก็ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องนี้

.......โหราศาสตร์พบ ว่า ในดวงชะตา มีทางเลือกอยู่หลายทาง ในการดำเนินเรื่องราว ไม่ได้ตายตัวอย่างที่คิดกัน ทางเลือกนี้ถูกเลือกโดย เจ้าของ ดวงชะตาเองเป็นผู้มีส่วนอย่างมากโดยไม่รู้ตัว และโดยไม่รู้ผลในบั้นปลาย อย่างเช่น สมมุติ ว่ามีทางเลือกอยู่สามทางที่จะนำไปสู่การเป็นพระราชา เป็นคหบดี หรือเป็นยาจก เจ้าชะตาได้เลือกทางเลือกหนึ่ง จำนวนทางเลือกนี้ กลับไม่ได้มีเท่าเทียมกันทุกคน บางคนมีหลายหนทาง แต่บางคนก็มีน้อย นี่เป็นเรื่องแปลก แต่จากการเฝ้าสังเกตุพบว่า จำนวนทางเลือกนี้มีความสัมพันธ์อย่างมาก กับ ดาว ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับลัคนา

.......เราจะพบว่า ในทุกวินาที มีคนเกิด ไม่น้อยกว่า 5 คน ทั่วโลก ในคนจำนวนมากที่เกิดในถิ่น และเวลาเดียวกัน สามารถวางลัคนาได้ในที่เดียวกันสนิทมีนับร้อยคน แต่มีบางคนได้เป็นเศรษฐี บางคนเป็นยาจก ดังนั้น ในการดูดวงชะตา ครูโหร ท่านจึงสอนว่า ให้หาร่องรอย แนวทางเลือก ที่เจ้าชะตาได้นำมา อย่างพบว่า คนผู้หนึ่งกำลังมีอาชีพเป็นชาวประมงหาปลา นิทานชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปจากที่เขาไปเป็นช่างไม้ นี่จึงเป็นเหตุให้โหรที่ไม่ระมัดระวังทำนายผิดไป การหาปัจจัยชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคนที่มีลัคนาเป็นเช่นเดียวกัน จึงเกิดเทคนิควิธีทางโหราศาสตร์ขึ้น และมีอยู่ในโหราศาสตร์ทุกระบบ ดังนั้น คำตอบโดยสรุปสำหรับกระทู้นี้ ก็คือ เกิดจากทางเลือกของปัจจัยในดวงชะตาที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

.......สมัยโบราณ เรียกทางเลือกที่ปรากฏในดวงชะตาว่า “พรหมเรขา” หมายถึงการขีดเขียนของพรหม พรหมเรขานี้ไม่ใช่ “พรหมลิขิต” อย่างที่พวกเราเคยได้ยินกัน คำว่าพรหมลิขิต ดูเหมือนนักประพันธ์ และนักแต่งเพลงคิดขึ้นมาใช้ เพียงเมื่อราว 60 ปีเศษมานี้เอง ที่หมายถึงวิถีชีวิตที่ถูกจารึกไว้ล่วงหน้า แต่ พรหมเรขา เป็นสิ่งลึกลับทางโหราศาสตร์อย่างหนึ่ง เมื่อเส้นทางหนึ่งถูกเลือกใช้แล้ว เส้นทางอื่นจะหายไป ไม่มีวันย้อนคืน และจะเกิดเส้นทางแขนงใหม่ขึ้นมาให้เลือกอีก ผมลองตรวจสอบดูในโหราศาสตร์แขนงอื่นๆ ก็พบว่ามีกล่าวถึงอยู่ในชื่อที่ต่างกัน และ ก็ไม่ใช่ พรหมเรขา ที่ปรากฏในลัทธิพราหมณ์ด้วย แต่เข้าใจได้ว่า นักโหราศาสตร์รุ่นเก่าคงจะได้ตรวจสอบปรัชญา มากกว่าจะเชื่อตามกันไป

.......จากข้อคิดของโหราศาสตร์ตรงนี้ ผมจะสมมุติดวงชะตาหนึ่ง ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ พฤหัสร่วมศุกร์อยู่เมษ อาทิตย์อยู่มีน อังคารร่วมราหูอยู่กุมภ์ และจันทร์อยู่สิงห์ ถามว่าเจ้าของชะตานี้ อนาคต เป็นอะไร การที่ไม่บอกดาวดวงอื่นเพราะไม่ต้องการนำมาเกี่ยวข้องด้วย ดวงดาวแบบนี้ไม่ได้ผิดความจริง และมีจริงๆตามปฏิทิน พวกเราหลายคนก็ทำนายได้ไปตามพื้นฐาน แต่ถ้าเอาไปให้พวกเซียนหมอดู คงจะหัวเราะ แล้ววิ่งไล่เตะ เห็นจะไม่ต้องตั้งเป็นกระทู้หรอก ลองไปพิจารณาดู จะได้ความรู้ ดวงแบบนี้เขาเอาไว้แกล้งลองดีกันเล่นสนุกๆ ในสมัยก่อน

ความคิดเห็นที่ 16โดย คุณ อุอุ

30 oct 2004 09:11#711520ลบ

ก็ในดวงชะตาดวงหนึ่งๆจะมีบรรจุไว้อยู่แล้วว่าทำให้เกิดเหตุอย่างไรจะให้ผลอย่างไร เลือกให้ถูกทางเดินก็มีโอกาสรุ่งกว่าอีกคนที่เกิดดวงเหมือนๆกันอย่างนี้ป่าวครับ

ความคิดเห็นที่ 17โดย คุณ สว่างนภา

30 oct 2004 17:29#711832ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

ต่อจากความคิดเห็นที่ 12 เจ้าชะตาเกิดวันพุธ ,

1.ดวงเดิมราหูเป็นเจ้าเรือนภพอริ และสถิตภพตนุ ต้นปีราหูย้ายเข้าราศีมีนภพปัตนิ พฤหัสเป็นเจ้าเรือน และขณะนั้นพฤหัสก็ยังจรอยู่ราศีกันย์ เป็นประ ในราศีกันย์ จะตีความหมายว่า เจ้าชะตาจะลำบากใจเกี่ยวกับคู่ครอง หรือผู้ร่วมหุ้นในเรื่องการเงินที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ได้ไหมค่ะ

2.ดวงเดิมเสาร์เป็นเจ้าเรือนภพปุตตะ ราศีมังกร โดยมาสถิตในราศีพิจิก ภพสหัชชะ และกลางปี 48 เสาร์จรเข้าราศีกรกฎ เป็นประ ภพลาภะ จะตีความหมายว่า สิ่งใหม่ๆที่ได้จากเพื่อน หรือสังคม ซึ่งเป็นลาภผลหรือสิ่งที่เราคาดหวังไว้จะไม่ยั่งยืน (ถูกต้องไหมค่ะ)

ปล.ข้อคำชี้แนะด้วยคะ

ความคิดเห็นที่ 18โดย คุณ ปองศักดิ์

31 oct 2004 04:46#712172ลบ

เรียน คุณลุง สส.

ที่คุณลุง บอกว่า ปัจจัยคล้ายดาว (ความเห็นที่ 157 )หมายถึงอะไรครับ อยู่บนท้องฟ้าเช่นพวก ดาวหาง อุกาบาต ใช่หรือเปล่าครับ จะมีผลต่อการดูดวงชะตาหรือไม่

ความคิดเห็นที่ 19โดย คุณ moon

31 oct 2004 08:21#712202ลบ

อาจารย์ สส ดวงที่อาจารย์ให้มา ทำไมอ่านแล้วเวียนหัวขนาดนี้ คะ ลงท้ายด้วยมรณะ อริ ปัตนิ (มรณะเกษตร อ่านว่าตายหยังเขียด ชีวิตรันทด อิอิ) ขอไปคิดก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาตอบ สงสัยจะคิดนานด้วยคะ

ความคิดเห็นที่ 20โดย คุณ พีร์

31 oct 2004 22:54#712663ลบ

มีเรื่องเรียนถามคุณ สส. ครับ

เคยอ่านบทความตอบปัญหาโหร ของท่าน อ.อรุณ ลำเพ็ญ ในพยากรณ์สาร ท่านใช้คำว่า "ดาวจรมาเป็นกาบาตร"

ไม่ทราบว่า คำว่า "กาบาตร" หมายความว่าอะไรครับ

ความคิดเห็นที่ 21โดย คุณ การเวก (กรวิก)

1 nov 2004 08:13#712802ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ผมคงได้แต่ชี้แนะตามคำขอน๊ะครับ ว่ากันเป็นข้อ ๆ ไป เริ่มต้นเลยน๊ะครับ

1.คุณคงต้องดูก่อนว่า ปีนี้อายุจร(ชันษาจร) ตกอยู่ที่ราศีอะไร (ตามจักราศี ตำราของท่านอาจารย์อรุณฯ)

อีกทั้งทักษาจร (อายุย่างตกดาวอะไรเป็นบริวาร)

2.ในปี 2548 ดาวตามที่คุณระบุทำหน้าที่ภพอะไร

(ภพจร) และทำหน้าที่อะไรทางทักษา (ทักษาจร)

3. ดาวพระเคราะห์ใหญ่ เช่น พฤหัส(5) เสาร์(7) และ ราหู (8) จะส่งผลเมื่อมีดาวนักเลงมาจุดระเบิด

เหตุการณ์ถึงจะเกิดตามสภาพของดาว

จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น เมื่อเวลาคุณจะดูเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ใช้วิชาของท่านอาจารย์อรุณฯ แล้วคุณจะได้คำตอบตามที่ต้องการ

ผมหวังว่าข้อชี้แนะดังกล่าวคงเป็นประโยชน์แด่คุณ และผู้เข้ามาท่องในเวปนี้น๊ะครับ

ความคิดเห็นที่ 22โดย คุณ การเวก (กรวิก)

1 nov 2004 13:33#713064ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ผมลืมบอกไปเรื่องทักษา เรามาดูทักษาเดิมก่อน

-พฤหัส (5) เป็นเดช เป็นเจ้าเรือนพันธุและปัตตนิ

-เสาร์(7) เป็นอายุ ความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา เสาร์จรในทักษาคืออะไร ก็นำความหมายนั้นมาผสมด้วย อีกทั้งเสาร์ทางราศีจักรเป็นเจ้าเรือนภพปุตตะ ดังนั้นถ้าคุณจะให้ความหมายว่าสิ่งใหม่ ๆ ก็ยังรัดคอตัวเองอยู่ เพราะเสาร์ในทักษาเดิมคือความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา อาจจะเกี่ยวกับเรื่องของบ้าน หรือที่ดิน และตำแหน่งของเสาร์เป็นราชาโชคเมื่อเป็นดาวจรไปอยู่ในราศีกรกฎ(เป็นประ) ถึงแม้จะเสียก็ยังเสียเล็กน้อย

-มาดูราหู(8)บ้าง ทางทักษาเดิมเป็นศรี ทางจักราศีคืออริ (อุปสรรคหรือการดิ้นรน ฯลฯ) แสดงถึงมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มาให้เจ้าชะตาได้คิดตลอดเวลา เมื่อจรมา ก็ดูว่าทางทักษาเกี่ยวกับอะไรบ้าง ก็นำความหมายนั้นเข้ามาด้วย

อันความหมายของภพของดาวทั้งทางราศีจักร และทางทักษา ต้องดูให้สอดคล้องกันก่อนออกคำพยากรณ์

รวมทั้งต้องดูตำแหน่งมาตรฐานของดาวด้วยเช่น เป็นอุจจ์ เกษตร มหาจักร ราชาโชค ประ นิจจ์ ก็จะส่งเสริมหรือขัดแย้งกับดาว กับภพ รวมทั้งต้องดูเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของดวงดาวว่า เป็นคู่ธาติ คู่มิตร คู่สมพล หรือคู่ศัตรู รวมทั้งราศีที่อยู่ด้วยว่าเป็นราศีคู่ธาตุ คู่มิตร คู่สมพล หรือคู่สัตรู กอร์ปกับต้องดูอีกว่าดาวดังกล่าวเป็นพระเคราะห์คู่ประเภทใดเช่นกัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้หากทางคุณสว่างนภาค่อย ๆ นึก ถึงความสัมพันธ์ของดาว ของภพอย่างช้า ๆ แล้วค่อยออกคำพยากรณ์ ถึงแม้จะช้าบ้างแต่หากฝึกไปบ่อย ๆ ก็จะเพิ่มความชำนาญขึ้น แม้กระทั่งตัวผมเองกว่าจะสามารถให้คำชี้แนะเช่นนี้ได้ก็ยังต้องค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ ฝึก ต้องหักห้ามใจตัวเองมิให้ใจร้อน ค่อย ๆ พินิจพิเคราะห์ในสิ่งต่าง ๆ เบื้องต้นให้ละเอียดก่อน

ผมหวังว่าคำชี้แนะนี้คงเป็นประโยชน์แก่คุณสว่างนภาและผู้เข้ามาแวะเยี่ยมชมเพื่อหาความรู้น๊ะครับ สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 23โดย คุณ ศุภรัตน์

2 nov 2004 04:09#713693ลบ

เรียนอาจารย์ สส.ที่นับถือ อ่านมานานแล้วค่ะ อยากถามว่ามีดวงชะตาของพี่สาว มีเวลาเกิดที่โรงพยาบาลจับเวลามาให้เป็นวินาทีเลยค่ะ แต่วางลัคนาแล้วคาบบนเส้นแบ่งราศีเมษกับมีนพอดี บางหมอดูก็เขียนลัคนาเมษบ้าง มีนบ้าง แต่ดูแล้วก็ไม่ค่อยตรง แต่ก็อาจจะเกิดจากหมอดูไม่เก่งด้วย จะทำอย่างไรดีคะ จะถามดวงมาก็เกรงจะเป็นเรื่องส่วนตัว อยากได้ความรู้ด้วย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ความคิดเห็นที่ 24โดย คุณ สส.

3 nov 2004 03:46#714634ลบ

- #16 คุณ อุอุ แม่นแล้วครับ ส่วนใหญ่พวกเรามักเห็นว่า เวลาดวงจะรุ่ง อยู่ในอาชีพอะไรก็น่าจะรุ่ง แต่โหรฝรั่งมักคิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปคนละทาง เขาสมมุติว่า วันนี้ถ้าเรากลับบ้านเจอทางแยก หากเลี้ยวซ้ายไปขึ้นรถบัส(รถเมล์) ถ้าเลี้ยวขวา ไปขึ้นแท้กซี่ แล้วดวงชะตากำหนดว่ารถที่เรานั่งจะชนอย่างรุนแรง คนที่ขึ้นแท้กซี่ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปคนละทางกับคนที่ขึ้นรถเมล์ นี่ถ้าฝรั่งขึ้นรถเมล์แล้วถูกพวกวัยรุ่นยิงขึ้นไปบนรถเมล์ ยังไม่รู้ใครจะมีอาการหนักกว่ากัน

- #18 คุณปองศักดิ์ ปัจจัยคล้ายดาว หมายถึงสิ่งที่ไม่ใช่ดาวเคราะห์ แต่มีพฤติกรรมและอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนดาวเคราะห์ มีวงโคจรที่แน่นอน สามารถคำนวณเป็นปฏิทินได้ เช่น ราหู และเกตุ ซึ่งไม่มีตัวตน โคจรย้อนจักร ไม่มีพักร มนฑ์ เสริด ในโหราศาสตร์ระบบรังสีดาว เขาเรียกว่า ดาวทิพย์ แต่ปัจจัยทางโหราศาสตร์ ไม่ใช่เป็นปัจจัยคล้ายดาวเสมอไป อย่างเช่น ชันษาจร หรือ กาลจักร – ลัคน์จร เรียกว่า “ปัจจัยจร” เป็นปัจจัยที่ใช้อัตราโคจรสมมุติ ไม่ใช่อัตราโดยธรรมชาติ ส่วนใหญ่กำหนดขึ้นจากลัคนา หรือราศี หรือเงื่อนไขเฉพาะหนึ่งๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถคำนวณไว้แน่นอนเป็นปฏิทินได้

.....ทางดวงชะตา พวกดาวถือว่ามีพลังของมันเอง เมื่อถูกกระตุ้นก็เกิดปฏิกริยาได้ แต่พวกปัจจัยคล้ายดาวนี้เกิดจากสิ่งอื่น เช่น ราหู เกิดจากการตัดกัน (node -โหนด) ของ ระนาบจันทร์-โลก กับระนาบอาทิตย์ -โลก เมื่อโลกหมุนแกว่ง ทำให้ราหู นั้นเคลื่อนที่ย้อนจักรไปเรื่อย เหมือนเอาไฟฉาย ฉายบนเพดานดู จะเห็นเป็นวงกลมเหมือนดาว พอดับไฟฉาย ดาวนี้ก็ดับ เพราะไม่ใช่ดาวจริง การดูดวงชะตาเดิม เราไม่ต้องคำนึงถึงมันมากนัก คิดเหมือนเป็นดาว แต่การดูดวงจรสำคัญมาก เพราะปัจจัยพวกนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นที่ทำให้มันเกิด ซึ่งอาจต้องใช้องคประกอบร่วมกัน ถึง 3 - 4 อย่าง ทำให้การตัดสินทำได้ยากขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วจะรุนแรงรวดเร็วแทบคิดไม่ถึง พวกโหรเก่าส่วนมากจึงรู้ฤทธิ์ ราหู และ เกตุ กันดี ทั้งนี้เพราะ มันถูกยกเว้นเรื่องคุณสมบัติบางอย่างทางธาตุดาวไป ยิ่งพวกปัจจัยจรด้วยแล้ว ตัวมันเป็นเป็นเพียงจุดแสดงเรื่องราว ไม่มีคุณสมบัติทางธาตุดาวเลย

......ราหู นั้นเป็นดาวปิดๆเปิดๆ ไม่ใช่ปรากฏตลอดเวลา บางอาจารย์ท่านบอกเป็นเคล็ดลับว่า ราหูนั้นทำงาน 6 เดือน อีก 6 เดือนราหูไม่ทำงาน ซึ่งผมไม่เห็นด้วย เพราะจะปิด หรือ เปิด ขึ้นกับองคประกอบที่เกิดราหูมากกว่า และสัมพันธ์กับลัคนาด้วย ส่วน ดาวหาง ดาวตก หรือ อุกาบาต ไม่ถือเป็น ปัจจัยคล้ายดาว เพราะไม่มีวงโคจรที่แน่นอน(ในจักรราศี) และจะมีความหมายต่อดวงชะตาเพียงใด ขึ้นอยู่กับแต่ละดวงชะตาเอง ตามหลักแล้ว สิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ และอยู่ในความรับรู้ของชีวิตบนโลก ก็ย่อมบอกถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้อยู่แล้ว ตามปรัชญาโหราศาสตร์ ถ้าจะสนใจกัน ผมสนใจพวกดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ระหว่างอังคารกับพฤหัส มากกว่า เพราะมีคุณสมบัติทางดาวเคราะห์ แต่ดวงเล็กไป โบราณไม่เห็น จึงไม่ได้เอามาใช้ทำนาย

- #19 คุณ moon ดวงที่ว่านั้น ถ้าอ่านตามดาวที่มี สามารถเป็นอาชีพได้หลายอย่าง ดีๆทั้งนั้น จากคนธรรมดา ถึงรัฐมนตรี ปกติการอ่านและตัดสินดาวที่มีกำลังหลายดวงพร้อมกันในลักษณะดวงที่พลิกล้อค ได้แบบนี้ โหรที่ชำนาญเขาจะตรวจภาวะแวดล้อมด้วย ผมจึงเอาเสาร์(ปัตนิ) กับพุธ(วินาสน์-สหัชชะ) ออกไป เพื่อหักขาไม่ให้ตรวจได้ เหมือนเล่นหมากรุกแหละ แกล้งขโมยม้าเพื่อดูว่าเซียนม้าจะทำอย่างไร

- #20 คุณ พีร์ ไม่ทราบจริงๆครับ ลืมไปแล้ว คลับคล้ายจะเคยมีคนถามปัญหานี้แหละ นานมาแล้ว

- #23 คุณศุภรัตน์ ปัญหาการวางลัคนาและดาวในดวงชะตามีเยอะครับ นอกจากคาบราศีแล้ว ปฏิทินยังต่างกัน อันโตนาทีต่างกัน ตัดเวลานาฬิกาท้องถิ่นตามเส้นรุ้ง เส้นแวงที่ต่างกัน จักรราศียังมีนิรายนะ สายนะ ต่างกัน เป็นต้น กรณีที่คุณศุภรัตน์ถาม ถ้าเช้าตรู่ เราไปชายทะเล จะเห็นแสงอาทิตย์ขึ้นมา แล้วขอบวงกลมดวงอาทิตย์จะค่อยๆโผล่ขอบฟ้า จนกลมเต็มดวง ราว 15 – 25 นาที แต่ในปฏิทินเขา คำนวนที่จุดศูนย์กลางดวงอาทิตย์ หากวางลัคนาเช้าตรงอาทิตย์ขึ้น เพียงแค่ แสงเรืองเข้มๆ หรือขอบบนของอาทิตย์ก็ถือได้ว่าธาตุอาทิตย์เกิดแล้ว ดวงจันทร์ก็ทำนองเดียวกัน แต่ดาวอื่นนั้นขนาดเล็กเป็นแค่จุด เทียบแล้วขนาดไม่ถึง หนึ่งองศา โหราศาสตร์ระบบอื่นคำนวณองศาของดาว ยอมให้มีการเหลื่อมองศาได้ แต่โหราศาสตร์ไทยท่านวางพื้นฐานทฤษฎีไว้ต่างกัน

......ตัวเลขในดวงชะตาโหราศาสตร์ไทยไม่ใช่ดาว แต่คือ ธาตุดาว ซึ่งได้มาจากดาวอีกที ธาตุดาวเหล่านี้มีความกว้างทุกดวงและแผ่ออกจากจุดกลางเหมือนก้อนสำลี โบราณเรียกว่า “รอก ดาว” วิชาสุริยโชติรัตน์เรียกว่า “รอกธาตุ” ดาวเดินเร็ว เช่น พุธ ศุกร์ อังคาร จะมีขนาด( ศก.)รอกดาว ราว 1 นวางค์ (3 องศา) ส่วนดาวเดินช้า เช่น พฤหัส เสาร์ ราหู มฤตยู มีขนาดราว 5 องศา เหตุเพราะดาวเดินช้าเหมือนหมึกหยดลงบนกระดาษ อยู่นานหยดก็ใหญ่กว่า อาทิตย์ มีขนาดราว 7 องศา จันทร์ ราว 4 องศา เหตุที่ไม่แน่นอน เพราะเหตุผล 2 ประการคือ หนึ่ง เมื่อดาว พักร มน เสริด รัศมีดาวจะเพิ่มขึ้น ราว 1-2 องศา และสอง ดาวที่โคจรเข้าราศีธาตุเป็นมิตร เช่น พุธธาตุน้ำ เข้าราศีธาตุน้ำ และ ธาตุดิน จะขยายขนาดได้เป็น 5-6 องศาทีเดียว เข้าราศีธาตุลม ธาตุไฟ ก็ไม่ขยาย ลักษณะดังนี้ ทำให้ดาวมีอิทธิพลกว้าง แม้ไม่ได้ยกข้ามราศี แต่ก็สามารถทำปฏิกริยา กับดาวในราศีอื่นได้ ใครที่เคยงุนงงเวลาเกิดเหตุจากดาวจร แล้วหาเหตุผลไม่ได้ ลองชำเลืองดูดาวข้างๆ ที่โคจรมาใกล้ๆราศี ***หมอนี่ละ เป็นตัวการ ที่สำคัญก็คือ ลัคนาไม่มีขนาด แต่มีขอบเขตอำนาจ ในราศีที่ว่างลัคนามีอำนาจกว้างราว 10 องศา แต่ถ้ามีดาวอยู่ด้วยจะมีอำนาจเต็มราศี อำนาจของลัคนาจะสามารถล้ำเข้าไปในราศีใกล้เคียง ได้ราว 5 องศา

.....ปกติโหรนั้นเมื่อผูกดวงชะตา จะต้องสอบดาว และ ลัคนาเสมอ ไม่มียกเว้น จากข้อเท็จจริงเช่น มีพี่น้องกี่คน เหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา รวมทั้ง เหตุการณ์ที่จะเกิดในเวลาอันใกล้ แต่การทำดังนี้ ช้า ไม่ทันการทำมาหากินของหมอดูในปัจจุบัน บางอาจารย์จึงมีเคล็ดลับใช้ เกตุ เป็นลัคนา ใช้สำหรับผู้ไม่รู้เวลาเกิด ซึ่งผมไม่เห็นด้วย บางอาจารย์วาง เกตุ ไว้ในภพ 10 คือ นับจากเกตุ ไป 4 ราศี ถือ เป็น”ลัคคะเน” แล้วดูว่า ใกล้กับ ราศี มีน หรือ เมษ (กรณีคุณศุภรัตน์) มากกว่ากัน ให้วางลัคนาใน ราศีนั้น สำหรับผมเองใช้วิธีทดสอบเหตุการณ์ ไม่เกิน 2 ปี ก็ได้แล้ว กรณีคุณศุภรัตน์ ผมอยากแนะว่าให้ใช้ลัคนา ราศีมีน เพราะลัคนามีธาตุของมีนมาก จะแม่น กว่า เว้นแต่มีข้อมูลพิสูจน์ได้จากการสอบลัคนา จึงใช้ตามนั้น

ความคิดเห็นที่ 25โดย คุณ moon

3 nov 2004 06:59#714654ลบ

อ่านเฉลย เลยรู้ว่าถูกหลอก แงงงงงงงงงงงงงงงง

งั้นอ่านออก แต่แรกแล้วคะ เสียฟอร์ม หมดเลย

ความคิดเห็นที่ 26โดย คุณ tik

3 nov 2004 20:56#715401ลบ

อาจารย์ สส คะอยากจะรู้ว่า โหราศาสตร์ของอาจารย์อรุณ ท่านใช้ทักษา ด้วยหรือคะ ไม่เห็นในตำรา ที่อาจารย์สอน หรือมีภาคต่อ ออกไปอีกคะ ที่เห็นมีใช้ก็มี ใน โฮ๋ราสาด รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายให้หาสงสัย นะคะ ขอบคุณคะ

ความคิดเห็นที่ 27โดย คุณ จิตรี

5 nov 2004 06:47#716423ลบ

เรียน อจ.สส.ที่เคารพ อยากเรียนถามปัญหาค่ะ ดวงชะตาเพื่อน(หญิง) ลัคนาราศีตุลย์ 1 อยู่ตุลย์กุมลัคน์ 6 อยู่กันย์ 5 อยู่กรกฏ 3 อยู่พฤษภ 2 อยู่มีน ดวงนี้ดาวอาทิตย์จะฟื้นจากนิจใช่ไหมคะ อาจารย์หนูว่าอาทิตย์ นิจอยู่เรือนนิจฟื้น และได้พฤหัสทำมุมจตุโกณดี แต่ดาวอังคาร กับ จันทร์ทำมุมปลายหอกเข้าใส่ลัคนาเสียหายมาก พอหนูถามว่าแล้วดวงจะดีไหม อาจารย์ก็โกรธ หาว่าหนูลองดี ให้หนูไปดูเองตามที่เรียนมา อาจารย์เป็นผู้หญิงค่ะ อยู่แถวบางซื่อ หนูเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยได้แค่ชั้นต้นกับชั้นกลาง ยังไม่ได้ต่อชั้นสูง พอดีโรงเรียนเขาขึ้นราคาเป็น 3,500 บาท แต่แถมหนังสือเคล็ดลับสุดยอด ต้องจ่ายเงินก่อนจึงจะได้ หนูยังตัดสินใจอยู่ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ถ้าจะกรุณาตอบ

ความคิดเห็นที่ 28โดย คุณ ๑๔๕

5 nov 2004 07:36#716427ลบ

ไม่ต้องไปเรียนแล้วคะ เสียดายตังค์ ถามนิดถามหน่อยตอบไม่ได้ หาว่าลองดี หาอาจารย์ใหม่คะ นิจฟื้น แบบลบลบ แล้วเป็นบวก นี่นะ คุณจิตรี เรียนโหราศาสตร์มานานยังคะ เสียเงินเรียนมากี่หลักสูตรแล้ว อยากทราบค่า

ความคิดเห็นที่ 29โดย คุณ ศิษย์ 2000

5 nov 2004 21:00#716989ลบ

สวัสดีท่านอาจารย์สส.

จากตัวอย่างดวงที่อาจารย์ยกไว้ในกระทู้ที่ 14 ถ้าจำไม่ผิดเรื่องนี้เคยได้ยินท่านอาจารย์ผู้ใหญ่หลอกถามมาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ว่าพวกเซียนหมอดูดูแล้วคงไล่เตะ..ตรงนี้ไม่ติดใจถาม

อยากถามท่านอาจารย์ว่า แล้วถ้าดาวธาตุดินตกธาตุน้ำ จะไม่เปลี่ยนนิสัยบ้างหรือไร (คงเปลี่ยนได้ชั่วคราวใช่ไหม)

ปรัชญาโหราศาสตร์ของท่านอาจารย์ดีมาก เป็นการบ้านลับสมองว่าเรารู้โหราศาสตร์ได้ลึกแค่ไหน อะไรที่ไม่รู้ หรือไม่เคยสนใจ หรือไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ หรือรู้แต่ใช้ไม่เป็น

ผล รู้บ้าง แต่ไม่เคยใช้ และใช้ไม่เป็น

ความคิดเห็นที่ 30โดย คุณ lad

6 nov 2004 01:08#717234ลบ

อ่า งง ไปหมดแล้วครับ ท่าทางจะแย่กว่าเพื่อน คิดไม่ออกซักอย่าง

ความคิดเห็นที่ 31โดย คุณ สส.

6 nov 2004 04:07#717290ลบ

# 25 คุณ moon ยังไม่ได้เฉลยนะนั่น เป็นแค่บอกใบ้อะไรบางอย่าง ดูดีๆ ครับ

# 26 คุณ tik เข้าใจว่าคุณคงจะเรียนจากเอกสารที่ท่านส่งทางไปรษณีย์ ภาคไหนก็ไม่มีทักษา นอกจากตอบที่ลูกศิษย์ถามพัวพันบ้าง มีคนถามคำถามนี้หลายหนแล้ว แต่จนใจท่านไม่อยู่ตอบให้เอง สมัยก่อนเวลามีคนถามว่าอาจารย์ไม่ใช้ทักษาหรือ ท่านจะตอบว่า “ใช้ก็ได้” แล้วก็ใช้ให้ดู ผมอยากเปรียบวิชาโหราศาสตร์ที่ท่านสอนเหมือนการใช้ดาบยาว เป็นดาบหลักมาตรฐาน เมื่อเรียนแล้วจะไปรบกับใครก็ได้ไม่มีปัญหา ฟันถูกที่ ก็ตายได้เหมือนกัน และการพิมพ์เผยแพร่ออกไป ท่านก็คาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าจะถูกก้อป*** ทำสำเนา การเรียนโหราศาสตร์เท่าที่ท่านให้เรียนท่านเห็นว่าครบถ้วนแล้ว ส่วนวิชาอื่นๆที่นำมาใช้กับโหราศาสตร์ไทยยังมีอีกมาก อย่างเช่น การใช้มหาทักษา วิชานี้ต้องจับมือสอน พิมพ์แพร่หลายไม่ได้ ทักษาเปรียบเหมือน มีดสั้น พกเอาไว้ข้างเอว แต่ต้องฝึกหัดใช้ ลูกศิษย์บางคนอาจทำมีดพกหล่นหาย หรือเอาไปขายเพราะไม่รู้คุณค่าก็ได้ ในนิยาย “โฮ๋ราสาด” นั้น ท่านเขียนเพื่อตลาดคนอ่าน ที่ใช้ทักษากันเยอะ ผมจึงอยากบอกว่า ท่านใช้ทักษา “เมื่อต้องใช้” “ใช้เป็น” และ “ใช้เก่ง” ด้วย

# 27 คุณจิตรี ที่เขาสอนนั่นไม่ใช่โหราศาสตร์ไทยอย่างแน่นอน โหราศาสตร์ไทยไม่มีมุมปลายหอกปลายดาบ ไม่มีแม้แต่จตุโกณ นั่นเป็นเรื่องโหราศาสตร์ของที่อื่น คนที่เอามาใช้เขาไม่รู้เรื่อง เลยใช้กันต่อๆมา

......โหราศาสตร์ไทยมองจักรราศีเป็นเชิงเส้น (linear) ครับ นักเรียนโหรน้อยคนที่จะรู้ พวกครูก็ไม่ได้สอน คำว่าเชิงเส้น หมายความว่า มองเป็นแถวแนวเรียงกันไปตามขอบวงกลมดวงชะตา จนไปบรรจบจุดเดิม เหมือนเราเอาเชือกพันขอบอ่างกลมๆนั่นแหละ เวลาอ่านเรือนก็อ่านเรียงตามกันไป ถ้าอ่านดาวในเรือนก็ว่า เป็น หนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ เป็นเจ็ดไปเรื่อยๆ คำว่า ทำมุมเล็ง ตรีโกณ จตุโกณ หรือ โยค มุมโน้นมุมนี้ ไม่มีในโหราศาสตร์ไทยแต่โบราณ แต่มาจากโหราศาสตร์อื่นที่ใช้ทฤษฎีดาราศาสตร์ นำเข้ามาประยุกต์ ไทยเราเห็นง่ายเลยเรียกตามเขาไป จะว่าเรียกผิด ก็ไม่ผิด พอรับได้ เพราะมองดวงชะตาเป็นวงกลม ส่วน การมองจักรราศีเป็นเชิงเส้น เป็นพื้นฐานที่มาของโหราศาสตร์ไทยทีเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีมุมปลายหอกปลายดาบ ที่แปลมาจากของฝรั่ง

.......ที่ว่า จตุโกณ โหรไทยว่า “เป็นสี่” ตรีโกณคือ “เป็นห้า เป็นเก้า” โยค คือ “เป็นสาม เป็น สิบเอ็ด” เล็งคือ”เป็นเจ็ด” การเรียกดังนี้ เป็นการเรียกที่สัมพันธ์กับเรือน และธาตุไปพร้อมกัน คำว่านิจ อยู่เรือนนิจ ไม่เกี่ยวกับนิจ ฟื้นหรือไม่ฟื้น พูดกันผิด การที่ดาวมีตำแหน่งอะไรไม่มีการแก้กันโดยเด็ดขาด แต่จะมีความดี หรือไม่ดี เรียงตามเรื่อง เช่น คนเป็นโรคนั้นไม่ดี แต่โรคมันน้อยกลับว่าดี และอุจ นิจ ก็ไม่ได้หมายความว่า ดี ไม่ดี เช่น บางคนมรณะเป็นอุจ อาจตายอย่างมีเกียรติ หรือ ถูกข่มขืนฆ่า ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เรียกว่า ตายดัง แต่ความเป็นอุจ ของธาตุดาวก็ทำให้เขามีดี เช่นอาจเป็นสมองไว วางแผนเก่ง หรือ เด่นในหมู่โจร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูดาวอื่นให้ครบ 10 ดวงจึงจะทำนายได้

.....ดวงดาวที่ถามมา อาทิตย์นิจลาภะกุมลัคน์ ศุกร์นิจเจ้าเรือนไปอยู่วินาสน์ จะประสบความสำเร็จในเกียรติยศ (อาทิตย์ ลาภะ - ตนุ -มรณะ)โดยที่ใช้อิทธิพลในหน้าที่ และพรรคพวก (อาทิตย์ - ศุกร์) วิ่งเต้นได้มา (ศุภะ - วินาสน์) โดยเล่ห์กลไม่บริสุทธิ์(ศุกร์นิจ-วินาสน์) จันทร์เรือนพฤหัสอุจ เป็นสิบแก่ลัคนาและอาทิตย์ จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต หรือหากรับราชการเอง ก็เป็นได้ถึงอธิบดี นี่ในส่วนข้อดี ข้อเสียนั้น อาทิตย์นิจกุมลัคนา ถึง อังคารประปัตนิ กดุมภะ เป็นมรณะ ศุกร์นิจตนุ มรณะเป็นวินาสน์ ดาวไม่ได้ซับซ้อนอะไร อ่านว่า แต่จะมีเวรกรรม เรื่อง คู่ครอง ที่แม้มียศตำแหน่งสูงดี แต่จะผลาญสมบัติ เอาไปบำเรอผู้อื่น และจะเสียชื่อเสียงและทรัพย์สินเพราะถูกฟ้องยึดทรัพย์ที่ได้มา นั่นแหละ

#28 คุณ 145 เห็นด้วยครับ เราน่ามีที่สอนโหราศาสตร์มาตรฐานดีๆ สักหลายแห่ง เพราะคนอยู่ชานเมือง หรือต่างจังหวัดอยากเรียน ก็ทำอะไรไม่ได้ เก็บเงินก็แพง สอนก็ไม่เป็น กว่าจะรู้ก็เสียเงินไปแล้ว

#29 คุณศิษย์ 2000 ดาวธาตุดินตกธาตุน้ำ จำไว้ว่าเป็นเรื่องของดาว ไม่ใช่เรื่องของคน ที่ว่านิสัย จะพูดถึงนิสัยคนหรือพฤติกรรมของดาว กันแน่ ดาวนั้นมีผลแน่นอน เพราะกระทบของธาตุไม่ว่าเหมือนหรือต่างกัน ย่อมเปลี่ยนสภาพทั้งนั้น ไม่ว่ามากหรือน้อย แต่นิสัยคนนั้นเหมือนสันดอน ขุดยาก บางทีแค่เปลี่ยนอารมณ์ชั่วคราว แล้วก็หาย

#30 คุณ lad ค่อยๆคิดไปหน่อยครับ เรียนอะไรก็อย่าไปเชื่อใครเขาว่า ต้องรู้จักใช้เหตุผลเอง วันหลังก็รุ้ได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ดูอย่างพวกเราที่นี่ อะไรทำท่าจะผิด ก็ท้วงเลย รู้จักคิดต่อยอดเองนี่น่าชมเชยมากทุกท่าน ผมตอบอย่างรีบด่วนมาก มีอะไรที่เห็นผิดก็ท้วงได้เลย ไม่คิดว่าลองดี แต่ขอเตือนบางท่านที่อาจคิดว่า จะดูหมอ แต่ตัดดาวบางดวงมาให้ดู คือว่าประหยัดค่าหมอดู ถามทีละดวง สองดวงจนครบดาว 10 ดวง แบบนั้นเข้าใจผิดครับ ถ้าจะดูดวงชะตา ก็ต้องดูดาวทั้ง 10 ดวง 12 เรือน พร้อมกัน ที่ถามดาวบางดวงเพื่อจำกัดประเด็นปัญหาเท่านั้น

ความคิดเห็นที่ 32โดย คุณ สส.

7 nov 2004 03:54#718037ลบ

......กระทู้ข้อที่ห้า – นิทานอเล็กซานเดรีย (ของเก่า – ย่อตัดทอนมา มีข้อบกพร่องอยู่บ้างแต่ไม่ทำให้สาระของปัญหาหายไป) กาลครั้งหนึ่งในนครแห่งหนึ่ง ท่านมหาราชครูถึงแก่กรรมลง พระราชาจึงให้ประกาศว่า ผู้ใดมีความสามารถทางวิชาโหรา สามารถทำนายคนถึง 500 โดยแม่นยำทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราจะตั้งผู้นั้นขึ้นเป็น ที่มหาราชครู มีข้าทาสบริวารและ เงินทองเพชรนิลจินดา อันหาค่ามิได้ ปรากฏว่ามีโหราจารย์ ซึ่งรู้ทั่ว โหราศาสตร์ จากเมืองต่างๆ นับด้วยจำนวนหลายหมื่น เข้าขันอาสา แต่โดยการสอบ ของหมู่ราชบัณทิต มีโหราจารย์ที่สอบผ่าน โดยเชี่ยวชาญ ทำนายได้ถูกต้องแม่นยำทุกวลี เพียง 10 ท่าน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โหราจารย์ทั้งนั้น ต่างก็ใช้วิชาที่แตกต่างกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นเอกแห่งแคว้นของตนทั้งสิ้น ไม่อาจหาผู้ชนะได้

......พระราชา จึงให้อัญเชิญ มหาเทพจูปิเตอร์ ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกเสด็จลงมาตัดสิน จูปิเตอร์ทรงสดับความแล้วก็ดำริ โดยอาศัยบุญฤทธิ์ บันดาลเหตุของจักรวาลขึ้น คือ ให้ “ดาวอังคาร โคจรสลับที่ กับดาวศุกร์” โดยอาศัยทิพยญาณของมหาเทพอันสามารถล่วงรู้ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ของบุคคล จึงตัดสินความนี้ได้ผู้ชนะ

(หมายเหตุ อธิบายว่า 1. ให้ย้ายดาวอังคารไปอยู่วงโคจรของดาวศุกร์โดยมีการโคจรเหมือนดาวศุกร์เดิม 2. ให้ย้ายดาวศุกร์ ไปอยู่วงโคจรดาวอังคารเดิม โดยมีการโคจรเหมือนดาวอังคารเดิม 3. อันที่จริง จะเปลี่ยนโจทย์เป็นย้ายสลับดาวคู่ใดก็ได้ ใน พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ ... ยกเว้น ห้ามย้าย อาทิตย์ จันทร์ และโลก )

ปัญหาถามว่า ถ้าท่านเป็นผู้ชำนาญโหราศาสตร์แต่ละวิชา หลักวิธีโหราศาสตร์ของท่าน จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?

1. ไม่เปลี่ยนแปลง 2. เปลี่ยนแปลง และสลับความหมายของ อังคารกับศุกร์ 3. เปลี่ยนแปลง และ ใช้ความหมายของอังคารและศุกร์เดิมในตำแหน่งใหม่ 4. อื่นๆ

ความคิดเห็นที่ 33โดย คุณ หนูน้อย

8 nov 2004 08:45#718767ลบ

เรียน อ. สส

ผมเริ่มอ่านข้อเขียนของ อ. สส ราวๆ 20 ตค47 แต่ไม่สามารถตอบปริศนาได้กระจ่างเลย ไม่กล้าจะเริ่มถามที่จุดไหนด้วย

หลักปรัชญาที่ อ. สส ให้นี้ทำให้แทบจะพลิกความเข้าใจในวิชาโหราศาสตร์ไทยของผมทั้งหมดเลยครับ

เหมือนเคยอ่าน คคห ของ อ. สส อันหนึ่งว่าอย่างน้อยควรรู้น้ำจิตน้ำใจกันก่อนจะศึกษา หรือ สอนความรู้ จะได้ทราบพื้นฐาน

ในโหราศาสตร์ไทยนี้ ผมเริ่มอ่านเองครับ อ่านของ อ.เทพย์ สาริกบุตร และ อ.พลูหลวง ของท่านอื่นๆประปราย และที่อ่านแล้วประทับใจมีอีก 2 ท่านครับ คือ อ.อรุณ ลำเพ็ย และของมหาบรรเทา

ผมได้รับคำชี้แนะจริงๆจากเพื่อนที่ชื่อ เอก และ คุณศิษย์2000 ในต้นปีนี้เองครับ

ปริศนา ข้อแรกๆ อ.สส เหมือนเฉลยไปหมดแล้ว แต่บางข้อเหมือนยังให้คิดเองอยู่ ผมอยากตอบบ้าง เผื่อจะได้รับความกระจ่างครับ

1.) โหราศาสตร์ไม่ได้มีเพื่อพยากรณ์ - สำหรับผมแล้ว ขอตอบว่า โหราศาสตร์มีไว้เพียง "อ่าน ธรรมชาติ" เราไม่ได้พยากรณ์ แต่เราบอกความจริงในสิ่งที่เกิด ด้วยสิ่งแวดล้อม ( ดาว) และข้อมูลที่พอเพียง เช่น หากเราเห็นแสงทางทิศตะวันออก เราจะบอกได้ไหมว่าเช้าแล้ว เราต้องทราบข้อมูลอื่นๆ และตัดข้อมูลที่ผิดทิ้ง เราก็บอกได้ว่าเช้าแล้วหรือยัง หรือว่าแสงนั่นเป็นแสงจากรถที่ส่องมา หรือหากเรามีนาฬิกา บอกเวลา แต่เราก็ต้องทราบว่านาฬิกาเราตรงหรือไม่ และจริงๆ เราต้องทราบด้วยว่าลัษณะที่เรียกว่า "เช้า" นี้เป็นอย่างไร

( อย่างไรก็ดีข้อนี้ ที่ตอบเช่นนี้อาจจะเพราะอ่านความเห็นท่านอื่นๆไปบ้างแล้วนะครับ ไม่ใช่ความคิดแวบแรก)

2.) ลัคนา - อ. สส เฉลยแล้ว ผมก็ได้รับความรู้มาประดับอาภรณ์ ( ข้อนี้ผมขบปัญหาไม่แตกครับ)

3.) ดวงชะตาวงกลมแบบไทยนี้ เกิดจากวงกลมซ้อนกันอยู่ กี่ชั้น ? - อ. สส เฉลยแล้วแต่ผมก็เข้าใจได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องธาตุครับผม

4.) ปัญหาชาย 3 คน - เป็นความรู้ใหม่ เรื่อง พรหมเลขา

5.) ปัญหา รูปดวง อนาคต เป็นอะไร -

ผมยังไม่ได้ลองคุยกับคุณศิษย์ 2000 เลยครับ แต่เห็นเขาเขียนว่าทราบแล้ว ผมนั่งนึกก็ไม่ออก เมื่ออ่านกระทู้ล่าสุด คคห. 31 อ.สส ตอบ #27 คุณจิตรี ข้อความที่ว่า "บางคนมรณะเป็นอุจ อาจตายอย่างมีเกียรติ" เลย ปิ๊ง!! แนวคิดมาบ้างไม่ทราบว่าเป็นเช่นไรครับ

หากแบ่งอณาบริเวณจากราศีทวารทั้ง 4 ( ภพ 1,4,7,10) เริ่มลัคนา เป็นปัจจุบัน จุดจอมฟ้าจะเป็นอดีต( เพราะผ่านขอบฟ้ามานานแล้ว) และจุดภพที่ 4 จะเป็น "อนาคต" (เพราะยังมาไม่ถึง) เราก็เริ่มตั้งจุดนี้ถอดคำพยากรณ์ ( ผมไม่ค่อยแม่นเท่าไรนะครับ) ได้ว่า

อนาคต( ภพ 4 พันธุ ตุลย์) มีกรรม( กัมมะ) ความไม่แน่นอน ( ประ) และก็ "ตาย" (มรณะ) อย่างแน่นอน ( เกษตร)

6.) ดาวอังคาร โคจรสลับที่ กับดาวศุกร์ - ผมขอตอบว่า "ไม่เปลี่ยนครับ" ด้วยเหตุผลจากวลีในคำถามที่ว่า "ย้ายดาวอังคารไปอยู่วงโคจรของดาวศุกร์โดยมีการโคจรเหมือนดาวศุกร์เดิม "

หากตอบเช่นนี้ อาจจะหมายความว่า ลัษณะของเรือน(หรือลักษณะทางโคจร) นั้นสำคัญกว่า "ชื่อเรียก" ใช่ไหมครับ

วันนี้ สมองปลอดโปร่ง ผมอยากเขียน เลยเขียนมาให้ อ.สส ชี้แนะความสว่างด้วยครับ

ความคิดเห็นที่ 34โดย คุณ แวว

8 nov 2004 13:28#719057ลบ

เรียน อจ.สส. ดวงชะตาความเห็นที่ 15 จะเฉลยไหมคะ ดูว่ามีหลายอาชีพ ถ้าจะเลือกทายว่า เป็นทหารพลร่มค่ะ อุ๊บอิ๊บ ขอจองคำตอบไว้ก่อน

ความคิดเห็นที่ 35โดย คุณ ศิษย์ 2000

8 nov 2004 20:05#719395ลบ

คุณหนูน้อย ว่องไวจังไม่เจอ 2-3 สัปดาห์ เข้ามาอ่านทีตอบหมดทุกข้อเลย

ความคิดเห็นที่ 36โดย คุณ วรวิทย์

9 nov 2004 03:21#719702ลบ

เรียนคุณลุง สส. ที่นับถือ ผมเรียนโหราศาสตร์จากคุณพ่อ และซื้อหนังสืออ่านเองบ้าง คุณพ่อเคยเรียนดวงสองชั้นอย่างที่คุณลุงเล่า เขาเรียกดวงบน ดวงล่าง ผมอยากถามเรื่องลัคนา ตามความเห็นที่ 24 ที่ว่า “อำนาจลัคนาจะสามารถล้ำไปในราศีใกล้เคียงราว 5 องศา” นั้นใช้กับดวงเดิม หรือดวงจรครับ และล้ำไปทั้งสองข้าง หรือต้องดูองศาลัคนาด้วยหรือไม่ กรุณาช่วยอธิบายด้วย ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 37โดย คุณ ผู้สนใจ

9 nov 2004 08:37#719786ลบ

เรียน อาจารย์ สส.

ดิฉันยังติดตามอ่าน ได้ความรู้ เคล็ดต่างๆลึกซึ้งมากค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้งนัก ขอลองทายดูอีกสักที

คิดว่า หลักการในการทำนายไม่เปลี่ยน แต่การโคจรของดาวน่าจะเปลี่ยน เพราะธรรมชาติของดาวต่างกัน น่าจะมีผลให้การโคจรเร็ว-ช้าต่างออกไป จุดที่สุกใสหรือด้อยแสงจึงน่าจะไม่เหมือนเดิม

ผิดอย่างไร ขอความกรุณาชี้แนะด้วยค่ะ

การเวก (กรวิก) - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1


38โดย คุณ สส.

10 nov 2004 03:59#720619ลบ

# 33 คุณหนูน้อย มีเพื่อนดี ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 กระทู้ที่ผ่านมายังไม่จบนะครับ ผมเพียงชี้ให้เห็นคำตอบชั้นแรกๆ สามารถคิดไปได้เรื่อยๆ เมื่อวัยสูงขึ้นก็จะเห็นสัจจะทุกเรื่องที่ซ่อนอยู่ในนั้น เรื่องธาตุยาวมาก เกี่ยวข้องกับหลายวิชา เขียนหนังสือลำบาก เพราะไม่มีกระดานให้อธิบาย ต้องโยงไปมาให้เห็น ข้อ 5 ดวงปริศนาที่ 15 ที่คุณใช้ เรือน 1 4 7 10 ในแง่อดีต ปัจจุบัน อนาคต เป็นหลักของโหรสากลและภารตะครับ แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ในลักษณะนี้ ไว้มีประเด็นดีๆ จะอธิบายให้ทราบอีกที ข้อ 6 ไว้รอดูเฉลยนะครับ ตกลงรับคำตอบเอาไว้ก่อน

# 34 คุณแวว เป็นทหารพลร่ม ใช้ได้ครับ เก่งจริงๆ แต่ที่จริงไม่ได้เจาะจงคำตอบเอาไว้ เพราะอยู่ท้ายเรื่อง “พรหมเรขา” จงใจแสดงให้เห็นทางเลือกของชีวิตที่อาจเป็นไปได้หลายหนทาง หลายอาชีพ แต่ก็ขมวดปมไว้เป็น 2 ชั้น เผื่อมีใครมองเห็น เพราะผู้อ่าน มีทั้งระดับนักเรียนใหม่ และ เก่งแล้ว ดวงชนิดที่เล่นนี้ แต่ก่อน เอาไว้ดูเล่นกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือ อาจารย์กับลูกศิษย์เพื่อ สอนเคล็ดอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะการใช้ดาว เช่น บางคนเวลาทำนายเรื่องคู่ครอง แม่นมาก และถนัดใช้ดาวศุกร์ เราก็แกล้งลบดาวศุกร์ออกเสีย

.....ดวงตัวอย่าง มี ลัคน์กรกฎ จันทร์สิงห์ อังคารราหูเกษตรกุมภ์ อาทิตย์มีน พฤหัสราชาโชค ศุกร์ประเมษ แค่นี้ ถ้าดูขั้นเดียวก็ง่ายๆสบายอยู่แล้ว อนาคตเจ้าชะตาอาจเป็นได้ทั้ง ทหารพลร่ม แต่อาจเป็น นักบินรบ แพทย์สูตินรีเวช ศัลยแพทย์ อาจารย์เศรษฐศาสตร์ เป็นวิศวกรโทรคมนาคม หรือเป็นนักวิชาการด้านพลังงาน หรือสาธารณสุข เป็นพระ ชะตาดวงนี้อาจพลิกล้อคเป็นขอทานได้เหมือนกัน เวลามีดาวเด่นหลายดวง มีอาชีพดีๆได้เช่นนี้ เราทายได้ก็นับว่าเก่งแล้ว แต่เซียนหมอดู เห็นแล้วจะไม่คิดอย่างนั้น ผมจะชี้ให้ดูเงื่อนปมปริศนาชั้นที่สองจากดวงนี้.......ลัคนากรกฎว่าง ตนุลัคน์จันทร์ธาตุดินเรือนอาทิตย์ มีราหูและอังคารคู่ธาตุลมเป็นมรณะลัคน์เข้ามาเล็งจันทร์ ดูแล้วเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาทันที เพราะไม่รู้กำลังของลัคนาว่าจะรอดหรือไม่ อาทิตย์เจ้าเรือนที่จันทร์อยู่ก็เป็นธาตุไฟที่ตกน้ำ สิ่งที่จะมาแก้ไขสถานการณ์ได้ คือดาว 2 ดวงที่ถูกแกล้งลบออกไป ดาวแรกคือ พุธ สหัชชะวินาสน์ หากพุธอยู่เมษ ดีที่สุด หรือ มีน สถานการณ์ก็ยังนับว่าพอโล่งใจได้ เพียงแต่รายละเอียดของอาชีพจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าพุธเข้าไปร่วมอังคาร ราหู ที่ราศีกุมภ์ เป็นอันสร้างวิกฤตดวงชะตานี้ให้อันตราย อีกดาวคือเสาร์ ปัตนิ เพื่อนของราหู หากเข้าซ้ำเติม จะทำให้สภาพเลวลงอีก การที่เราพยากรณ์ว่าเขาจะได้เป็นโน่น เป็นนี่ ย่อมไม่มีความหมายเลย ถ้าชีวิตเขาไปไม่ถึงตรงนั้น ตายเสียตั้งแต่ยังเป็นเด็กหรือวัยรุ่น นี่เป็นความสำคัญที่ต้องดูดาวทั้งหมดทุกดวงเสมอ เมื่อพยากรณ์ดวงชะตาจริง

# 36 คุณวรวิทย์ คำว่าอำนาจ นั้นพูดสั้นไปนิด หมายถึงอำนาจรับรู้ กรณีที่ในราศีที่ลัคนาอยู่ไม่มีดาว ควรดูองศาลัคนาด้วย ถ้าเข้าใกล้ขอบเขตุราศีใกล้เคียงด้านใด อำนาจก็จะเริ่มล้ำเข้าไปได้และมีการรบกวนธาตุ แต่ถ้าไม่รู้องศาลัคนาเลย ก็ไม่จำเป็นต้องคิด กรณีในราศีที่ลัคนาอยู่มีดาว อำนาจจะเต็มราศี การล้ำไปในราศีข้างเคียงจะเกิดทั้งสองด้าน ทำให้การอ่านเรื่องมีความคมชัดมากขึ้น และลัคนาจะมีแนวโน้มแผ่ความรับรู้ไปในทิศที่มีดาว เช่น ในดวงเดิม ถ้า ในเรือน กดุมภะมีดาวอยู่ในต้นราศี ดาวดวงนี้สามารถอ่านในเรือนกดุมภะได้ตามปกติ และ อ่านเสมือนกุมลัคน์ได้ด้วย ทั้งในระบบเรือน และคุณสมบัติดาว แต่ต่างจากดาวกุมลัคน์ทั่วไปคือไม่ต้องอ่านธาตุราศีของลัคนา ทำให้การอ่านดาวสุขุมนุ่มลึก ทางเรือน วินาสน์ก็เหมือนกัน เรื่องนี้ใช้ได้ทั้งดาวจร และดาวเดิม ในกรณีที่ดวงเดิม หากลัคนาแผ่อำนาจออกนอกราศี ถ้ามีดาวจรมาใกล้ๆ ในเรือน วินาสน์ หรือย้อนจักร มาทางกดุมภะก็ตาม ลัคนาจะมีอำนาจรับรู้ดาวจรออกไปราว 5 องศา เหมือนส่งเรด้าห์ ทำให้เกิดปฏิกริยาดาวจรทับลัคนาได้โดยที่ดาวจรยังไม่ได้เข้าราศีเลย โดยเฉพาะเมื่อดาว มีรอกดาว แผ่กว้าง เช่นพักร มน เสริด และเข้าราศีมิตรธาตุพร้อมกัน อาจเกิด เรื่องขึ้นได้ในรัศมีถึง 10 องศาจากเรือนตนุออกไปทั้งสองด้าน เหมือนดาวเข้าทับลัคนา ถ้าไม่เข้าใจช่วยถามมาใหม่ครับ

#37 คุณผู้สนใจ คิดดีครับ แต่ต้องอ่านโจทย์ใหม่ โจทย์บังคับว่า ให้ดาวไปอยู่ที่ใหม่แล้วมีการโคจรเหมือนดาวเดิมทุกประการ ความเปลี่ยนแปลง ถ้าจะมี นั้นเกิดบนกระดานโหรหรือเปล่า เช่น เปลี่ยนเป็นทายศุกร์ ว่า แข็งขยัน ทายอังคารว่าสมบัติ ฯลฯ หรือเปลี่ยน ศุกร์เป็นเกษตรราศี เมษพิจิก และ อังคารเป็นเกษตร ราศีพฤษภตุลย์ หรือ ทักษา เรียงใหม่เป็น 1 2 6 4 7 5 8 3 ลองคิดใหม่นะครับ

39โดย คุณ moon

10 nov 2004 09:27#720745ลบ

ขอตอบกระทู้ที่ห้า อังคารสลับวงโคจรกับดาวศุกร์ ตามความจริง คงเป็นไปได้ยาก ถ้าสลับกันดาวคงชนกันแย่เลย เหมือนรถวิ่งผิดเลน อ.ถามว่าบนกระดานโหรเปลี่ยนหรือเปล่า ความหมายของดาว คงจะเป็นลักษณะเฉพาะเป็นคุณสมบัติของ ดาว คงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในกระดานโหร คงต้องเปลี่ยนเกษตร ให้เป็นประ ให้ ประเป็นเกษตร เวลาอ่านเรือนอ่านเหมือนเดิม เรือนเป็น ตนุ กะดุมภะ เรียงไปเหมือนเดิม

ตนุอังคาร กับตนุศุกร์ สลับเรือนกัน เป็นตนุ+กะดุมภะ (ใช้ภาษาถูกป่าวนี่ งง) ตอบแค่นี้ก่อน คะ ไปทำงานก่อนคะ

40โดย คุณ ศิษย์ 2000

10 nov 2004 20:24#721342ลบ

สวัสดีท่านอาจารย์ สส.

อ่านคำถามอาจารย์ทีไร ต้องเอามาคิดก่อนถูกบ้างผิดบ้างว่ากันอีกที นึกถึงเรื่องการอ่านคำถามและคำเฉลยของอาจารย์แล้ว เหมือนนิทานเรื่องเมืองคนยักษ์ ที่สมมุติว่าเราเป็นมนุษย์หลงเดินเข้าไปและกำลังปีนดูบนหนังสือเล่มโตๆว่าในนั้นมีเนื้อหาอะไรอยู่พอให้เราคลำทางออกได้หรือไม่ ต้องอ่านไปทีละตัวๆค่อยๆทำความเข้าใจ (วันนี้เข้าใจไม่หมดไม่เป็นไรวันหน้ายังหาคำตอบได้ ถ้าไม่ลืมคำถามวันนี้ซะก่อน)

ตอบคำถามดีกว่า ในคำถามและหมายเหตุของอาจารย์ก็บอกอยู่แล้ว คำตอบคือไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีหมายเหตุมาอาจตอบได้เป็นสองกรณี แต่อาจารย์ให้มาแล้วก็ตอบได้แล้ว

ขอขยายความเล็กน้อยไม่รู้ว่าเข้าใจถูกต้องแค่ไหน คิอ ชื่อดาวเป็นแค่ฉายาหรือนามสมมุติ แต่วงโคจรของดาวอยู่ในตำแหน่งเดิม วงรอบเหมือนเดิม จักรวาลได้ถ่วงดุลย์ไว้ดีแล้ว จึงไม่เปลี่ยนแปลง

41โดย คุณ moon

10 nov 2004 22:54#721485ลบ

อาจารย์ สส คะขอถามย้อนความเห็นที่ 31 ที่พูดถึงเรื่องอ่านจักรราศี เป็นเชิงเส้น linear นั้นเมื่อเอาดาวในจักรราศี มาต่อหรืออ่านเรียงกันนั้น อ่านตามความหมายของดาว หรืออ่านเรือน ว่าชีวิตผูกพันธ์เกี่ยวกับเรื่องใดๆ บ้าง ตามที่ moon เข้าใจ การอ่านแบบเชิงเส้น เอาไว้อ่านเรื่องราวว่าชีวิตมีความสัมพันธ์กันในเรื่องใด มากที่สุด อยู่ในเรือนไหน มากที่สุด รบกวนอาจารย์สส ช่วยอธิบายให้ฟัง ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ(จะถามอาจารย์ moon งง เองเลยคะ)

42โดย คุณ ปองศักดิ์

11 nov 2004 06:35#721623ลบ

เรียนคุณลุง สส. ผมอ่านที่คุณจิตรีบอก (27) รู้เลยว่าเรียนที่ไหน ผมอยากถามที่ดาวอังคารกับจันทร์ที่เขาว่า เป็นปลายหอก แบบนี้ จะถือว่าเป็นโยคกันและจะมีความดีบ้างหรือไม่ครับ นอกเหนือจากที่อธิบายมาแล้ว และกระทู้ปัญหา สลับอังคารกับศุกร์ ผมตอบข้อ 4. อื่นๆครับ เพราะเปลี่ยนแปลงเฉพาะพวกที่ใช้จักราศรี ส่วนพวกที่ทำนายแบบลายมือ โหงวเฮ้ง หรือแบบไพ่ทาโร่ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ

43โดย คุณ สส.

13 nov 2004 03:51#723506ลบ

# 40 คุณ ศิษย์2000 สำหรับคำตอบนั้นรับไว้ก่อน แต่เรื่องถ่วงดุลย์ของจักรวาลนั้น ลองสลับดาวกันจริง แรงโน้มถ่วงที่เปลี่ยนแปลงไป จะทำให้จักรวาลเปลี่ยนแปลงแน่นอน นั่นเป็นเรื่องดาราศาสตร์ และ ฟิสิกส์

# 39 41 คุณ moon อ่านความเห็นแล้ว มึนงงจริงๆ การที่โหรไทยมองจักรราศีเป็นแนวเรียงกันไป ก็เหมือนมองบนท้องฟ้า เห็นเรือนและราศี เป็นตู้โบกี้รถไฟ วิ่งจากทิศตะวันออก ข้ามศีรษะ ไปทางทิศตะวันตก ดังนั้นภายใน หนึ่งวันเราจะเห็นครบทุกตู้ ต่างกับการมองจักรราศีเป็นวงกลม การดูเรือนและราศีจะกระโดดข้ามไปมาระหว่างราศีได้ จึงมีการวัดเป็นมุมโน้น มุมนี้ การที่จะอ่านว่าชีวิตสัมพันธ์กับเรื่องใด เรือนไหน ก็อ่านได้จากทั้งสองแบบนั่นแหละ ไม่ต่างกัน แต่จักรราศี ที่โหรไทยมองมีความสมดุลย์ของธาตุเกษตร เพราะทุกราศีจะต้องวิ่งผ่านจุดที่เป็นลัคนาบนโลกหมดทุกเรือน เนื่องจากโหรไทยมีระบบเกษตรเจ้าเรือน แต่จักรราศีแบบวงกลม เลือกดูราศีใดราศีหนึ่งก็ได้เป็นเอกเทศ เพราะไม่สนใจเรื่องเกษตร

# 42 คุณปองศักดิ์ ที่เขาถามนั้น ลัคนากุมอาทิตย์อยู่ราศีตุลย์ อังคารอยู่ราศีพฤษภ และจันทร์อยู่ราศีมีน ทางโหราศาสตร์ไทย แม้ จันทร์จะเป็น 11 แก่อังคาร ก็เป็นเรื่องของดาว ไม่เกี่ยวกับ เจ้าชะตา เพราะโหราศาสตร์ไทยมีเจ้าเรือนเกษตร และธาตุ หากไม่ถึงกัน จันทร์กับอังคารก็ยังแยกกันอยู่ การอ่านเรือน เราอ่านเพียงว่า จันทร์(กัมมะ)เป็นอริ อังคาร(กดุมภะ ปัตนิ)เป็นมรณะ แก่ลัคนาเพียงเท่านั้น แต่ลักษณะการเป็นโยคของดาวโดยไม่ดูองศา ก็มีส่วนช่วยให้กำลังของดาวดีขึ้น ในกรณีข้างต้น ถ้าหาก เปลี่ยนเป็น ศุกร์ เป็น 11 แก่อังคาร ศุกร์นั้นเป็นเจ้าเรือนที่อังคารอยู่ ดังนั้น เรือนมรณะกับอริก็จะถึงกัน อ่านเรือนสัมพันธ์ได้ และอังคารจะมีกำลังดีขึ้นอีก เพราะได้รับการเสริมธาตุด้วย

.....มีเคล็ดของโบราณในเรื่องโยค อย่างกรณีตอนต้น ดาว อังคาร กับ จันทร์ โยคกัน แยกกันอยู่โดยไม่เกี่ยวพันทางเรือน แต่ถ้ามีดาวเข้าไปอยู่ราศีเมษ กลายเป็นดาวเรียงกัน 3 ราศี เมื่อเป็นเช่นนี้ ดาวทั้งสามราศีจะเกี่ยวกันทางธาตุ ทำให้การผสมธาตุดาวหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น การดูสิ่งของ อาชีพ เป็นต้น

44โดย คุณ กิ้ก

13 nov 2004 14:43#723786ลบ

เรียน อจ.สส. ผมเพิ่งมาอ่านกระทู้นี้ไม่นาน เลยมีปัญหาที่เขาผ่านกันไปนานแล้ว ไม่ได้ถามหลายข้อ อย่าง126 ที่อจ.ว่า “อาจารย์หาง่าย ลูกศิษย์หายาก” แปลว่าอะไรครับ อ่านแล้วดูเหมือนเข้าใจ แต่ไม่รู้เข้าใจหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้อาจารย์ที่สอนโหราศาสตร์จริงๆหายาก มีแต่หาง่ายที่เก็บเงินเยอะๆ หนังสือก็เชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่คนที่พร้อมเป็นลูกศิษย์มีอยู่มากมาย เลยชักไม่แน่ใจว่า คิดถูกหรือเปล่า

45โดย คุณ สส.

15 nov 2004 04:18#724832ลบ

#44 คุณกิ้ก คำนี้ครูโหรท่านพูดสะกิดให้คิดน่ะครับ ส่วนใหญ่ พวกเราเข้ามาเรียนดูหมอก็เพราะอยากจะทำนายได้ ทำนายเก่ง ใครบอกอะไรก็จดไว้หมด ไม่รู้ว่ามาจากไหน อะไรจริงอะไรไม่จริง และส่วนใหญ่ก็จะสะสมตำราไว้มากมาย พอเรียนนานเข้าก็เป็นอาจารย์สอน หรือมีคนมาเรียกอาจารย์ ต่อไปมีปัญหาก็อายไม่กล้าถามใคร เพราะตัวเองก็เป็นอาจารย์ มีจำนวนมาก ทุกสาขาเลย ไม่ว่าจะเป็น ลายมือ โหงวเฮ้ง ไพ่ทาโร่ อะไรก็ตาม ท่านจึงว่า “อาจารย์น่ะหาง่าย” เหตุที่ “ลูกศิษย์หายาก” ก็เพราะ นักเรียนโหรสัก 100 คน จะมีน้อย ที่อยากจะรู้ว่าวิชาที่ตัวเองเรียนมาจากไหน เป็นอย่างไร มีที่มาอย่างไร บรรดาครูโหรจะพบว่า หาคนอดทนเรียนไม่ได้ ยิ่งไปบอกว่า “โหราศาสตร์ไม่ได้มีเพื่อพยากรณ์” ก็เลยไม่รู้จะเรียนไปทำไม เพราะเราจะเรียนเพื่อพยากรณ์ มีแต่จะถามไม้เด็ดๆที่จะทำให้ทายแม่นอย่างอาจารย์บ้าง ทั้งๆที่ ไม้เด็ด เคล็ดลับทั้งหลายนั้น ก็ล้วนมีที่มาจากรากฐานทางทฤษฎี และความรู้ที่สร้างหลักโหราศาสตร์มานั่นเอง พอเรียนไปได้สักหน่อย ก็แปรสภาพเป็นอาจารย์ไปเกือบหมด หาคนเป็นลูกศิษย์ที่ยังค้นคว้า ไต่ถามคนอื่นอยู่ได้ เพียงไม่กี่คน

0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

กระทู้ข้อที่ห้า ที่ถามปัญหาเมื่อให้ ดาวอังคารสลับที่กับดาวศุกร์ นั้น เป็นปัญหาเก่าที่มีมานานแล้ว เดิมรู้จักกันในนาม “12 ปัญหาแห่งอเล็กซานเดรีย” แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับโหราศาสตร์ทางยุโรป มีเพียง 2 –3 เรื่องเท่านั้นที่พอนำมาใช้ได้ ปัญหานี้เป็นหนึ่งในนั้น นิทานเล่าว่า มียักษ์อยู่ตนหนึ่งชื่อ ฮิวโก้ อาละวาดจับคนกิน เทวดาจูปิเตอร์ ท่านลงมาปราบจับมัดไว้ เอาขึ้นไปขังบนสวรรค์ ทำโทษปล่อยให้อดข้าวอดน้ำจะให้เข็ด เจ้ายักษ์ดิ้นหลุดได้ หิวมาก จับสัตว์พาหนะของเทวดากินเกือบหมด พอดีผ่านเข้าวิมานของจูปิเตอร์ พบคัมภีร์แม่บทวิชาโหราศาสตร์วางอ่านค้างอยู่ เลยฉีกกินเข้าไปเป็นของหวาน เพราะเหตุนี้เอง ทำให้วิชาโหราศาสตร์ที่เราเรียนจึงเหลืออยู่กระท่อนกระแท่น เพราะถูกยักษ์กินไปเยอะ หลังจากนั้น ยักษ์ก็ลงไปอาละวาดจับคนกินอีก เทวดาแห่กันมาปราบ ยักษ์จึงตั้งเงื่อนไขว่า หากใครตอบปัญหาที่มันจะถามนั้นได้หมดทั้ง 12 ข้อ จะยอมแพ้ และเลิกกินคน เทวดาเหงื่อตก เปิดตำราไม่ได้เพราะ คัมภีร์ถูกยักษ์กินไปเยอะ ยักษ์เลยเก่งโหราศาสตร์ เล่านิทานแล้วก็ถามแต่ละคำถามยากๆทั้งนั้น ผลสุดท้าย เทวดา ต้องกลับไปสังคายนาโหราศาสตร์ใหม่ ยักษ์เลยกลับไปเป็นอาจารย์พวกยักษ์ด้วยกัน เขามักขู่ว่า นักเรียนโหราศาสตร์คนไหนตอบไม่ได้ ก็จะถูกยักษ์กิน เหลือพวกเรารอดมาได้เพราะมาอยู่เมืองไทยนี่แหละ นี่เล่าอย่างย่อที่สุดแล้วนะครับ นิทานนี้ถูกถ่ายทอดไปหลายเวอร์ชั่น หลายภาษา แต่เปลี่ยนรูปนิทานไปโดยยังคงปัญหาอยู่

...กระทู้ข้อนี้ถ้าตอบทางทฤษฎี และปรัชญาโหราศาสตร์ ตอบง่ายครับ ตอบว่าไม่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีโหราศาสตร์ที่เราใช้อยู่เลย เพราะดวงดาวเป็นเพียงวัตถุท้องฟ้า ไม่ได้มีอิทธิพลอะไร โดยเฉพาะโหราศาสตร์ไทยนั้น ความหมายของ อังคาร ศุกร์ หรือดาวอื่นๆก็ตาม เกิดจาก ธาตุและพลังงานของดวงอาทิตย์ ความหมาย ของอังคารและศุกร์เกิดจาก วงโคจร ไม่ใช่ตัววัตถุ เมื่ออังคารไปอยู่วงโคจรของศุกร์ ความหมายมันจะกลายเป็นศุกร์ ดวงชะตาบนพื้นโลกก็จะเหมือนเดิม คือไม่ต้องสนใจว่ามีการย้ายดาวเกิดขึ้น นอกจากนั้น โหราศาสตร์ระบบอื่นๆที่ไม่ใช้จักรราศี แต่ใช้ธรรมชาติอย่างอื่น ก็ไม่ต้องสนใจอยู่แล้ว เช่น กลุ่มที่ใช้วัน เดือน ปี เลข 7 ตัว ลายมือ เป็นต้น แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเถียงว่า ถ้าสลับย้ายกันตั้งแต่เริ่มสร้างโลกละก็ไม่เถียง แต่การที่เวลาผ่านมานานแล้ว อังคารก็ดี ศุกร์ก็ดี ให้ความรับรู้เป็นอังคารและศุกร์ไปแล้ว ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน โดยปรัชญาโหราศาสตร์ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อยู่ในความรับรู้ของชีวิต ย่อมที่จะแสดงผลเรื่องราวในชีวิตด้วย นี่ว่าโดยย่อทั้ง 2 ฝ่ายนะครับ ถ้าเราดูจุดประสงค์ของปัญหาจริงๆ เกิดจากความเข้าใจผิด ของนักโหราศาสตร์จำนวนมาก ทุกชาติทุกภาษา คือเข้าใจว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์นั่นเอง ดังนั้นการย้ายดาวไปจึงคิดว่ายังมีอิทธิพลอยู่ แต่แล้วก็เริ่มงงว่า แล้วจะทำนายอย่างใดต่อไป

.....ด้วยเหตุที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ โดยไม่ได้ยกประเด็นทางดาราศาสตร์มาเกี่ยวข้อง อย่างเช่น หากเอาดาวพฤหัส ขนาดยักษ์มาโคจรแทนดาวพุธ รับรองว่า จักรวาลป่วนแน่ และต้องจัดตัวใหม่เพราะแรงโน้มถ่วงร่วมกัน ย่อมทำให้โครงสร้างเปลี่ยนไป แต่เรื่องนี้ อยู่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของปัญหาในนิทาน

46โดย คุณ ๑๔๕

15 nov 2004 20:10#725630ลบ

งง จริงๆ นั่นแระ อิอิ

47โดย คุณ แวว

16 nov 2004 06:15#725942ลบ

ต้องลองกินหนังสือโหราศาสตร์บ้างแระ อิ อิ มีอยู่ 4 เล่ม ควรกินเล่มไหนก่อนดีหว่า

48โดย คุณ ๑๔๕

16 nov 2004 07:38#725956ลบ

น่าอร่อย อิอิ คุณแวว ลองกินก่อนนะ ถ้าได้ผล จะกินตาม

49โดย คุณ กุ่ย

16 nov 2004 10:56#726089ลบ

ฝากกินหนังสือแทนหน่อยครับ ของผมมีสิบกิโล

ขอเรียนถามอาจารย์ว่า โหรไทย กับโหรฝรั่ง อย่างไหนเก่งกว่ากันครับ

50โดย คุณ ทแนะ

16 nov 2004 16:03#726377ลบ

อย่ากินหนังสือเลยครับน่าเสียดาย วันนี้ไปเดินหลังกระทรวงได้หนังสือโหราศาสตร์ศึกษาด้วยตนเอง ของคุณทองอินทร์ ทองสุข (80บาท) ปรากฎว่าเป็นเล่ม 1 ใครทราบว่าเล่ม 2 มีขายที่ไหนบอกด้วยครับ ท่านที่มีหนังสืออย่ากินเลยครับ

51โดย คุณ สส.

17 nov 2004 04:57#726810ลบ

# 49 คุณกุ่ย ตอบยากหน่อยครับ เพราะถ้าเป็นตัวบุคคล ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว เฉพาะยุคสมัยด้วย ว่าศึกษามาลึกซึ้งแค่ไหน คนเก่งสุดอาจจะตายไปแล้ว หรือยังไม่เกิด พอๆกับถามว่า ระหว่าง ดาบไทย ดาบโรมัน ดาบฟอยล์ กระบี่จีน และ ซามูไร อย่างไหนเก่งกว่ากัน เพราะเป็นเรื่องของคนถือดาบด้วย ถ้าเป็นเรื่องระบบ ก็ต้องแยกให้เห็นข้อแตกต่าง โหราศาสตร์ก็คล้ายกัน อุปกรณ์การทำนายทางโหราศาสตร์ แยกตามธรรมชาติที่ใช้ มีอยู่ 4 พวกใหญ่ๆ คือ หนึ่ง...พวกที่ใช้จักรวาล และดวงดาว สอง....พวกที่ใช้จักรราศี และนักษัตร สาม....พวกที่ใช้ระบบธาตุ ที่เกิดจากดวงอาทิตย์ สี่....พวกที่ใช้ธรรมชาติท้องถิ่น การที่แยกแบบนี้ไม่ได้แบ่งกันเด็ดขาด อันที่จริงโหราศาสตร์ทุกระบบก็มีสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น แต่อาจไม่เป็นจุดเด่นของวิชา โดยคร่าวๆ โหราศาสตร์ตะวันตกได้เปรียบตรงที่ศึกษาดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด เนื่องจาก โลกเราเกิดมาพร้อมจักรวาล มีข้อมูล และอุปกรณ์สนับสนุนมากมาย ทั้งทางวิทยาศาสตร์ และสถิติ ทำให้สามารถนำเอาธรรมชาติของ จักรวาล ดวงดาว จักรราศี มาใช้ได้มาก พวกที่ความรู้ทางดาราศาสตร์หย่อนไป เช่น ภารตะ และ จีน จึงใช้ความสัมพันธ์เชิงสัมพัทธ์(relative) อย่าง นักษัตร และโยคเกณฑ์ในจักรราศี มาแทน จีนนั้นพัฒนาเรื่องธาตุอยู่ในพวกที่สามด้วย อาจเป็นได้ว่ามีการและเปลี่ยนความรู้กับพวกในแหลมสุวรรณภูมิ สังเกตุว่ามีอะไรเหมือนกันอยู่มาก แต่นานไป กลับเหลือแต่เค้าโครงร่องรอย คงเพราะขาดผู้สืบทอดความรู้ที่แท้จริง

....โหราศาสตร์ทางสุวรรณภูมิ เช่นไทย เป็นกลุ่มพวกที่ สามและสี่ เพราะเราไม่มีเครื่องมือวัดดาวที่แน่นอน และไม่ค่อยทราบข้อมูลทางดาราศาสตร์ จนมาเริ่มพัฒนาขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 นี่เอง ยิ่งพวกที่สี่ คือโหรชาวบ้าน ที่แม้แต่ปฏิทินดวงดาวก็หาได้ยาก จึงจำเป็นต้องใช้ธรรมชาติส่วนอื่นมาใช้ทำนายแทน เช่น เลข 7 ตัว จันทรคติ และธาตุบนโลก เป็นโชคดีของพวกเราอย่างเหลือเชื่อ ที่เพราะความขาดแคลนความรู้ซึ่งตะวันตกมี ทำให้ระบบโหรทางสุวรรณภูมิถูกพัฒนาตรงจุดที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดของโหราศาสตร์พอดี อย่างบังเอิญ ในขณะที่โหราศาสตร์ระบบอื่นๆ ไม่ได้พัฒนาตรงนี้มาก เพราะไปคิดว่าตนมีสิ่งที่ดีกว่า เพิ่งเพียงไม่ถึง 80 ปีมานี้เองที่โหราศาสตร์ตะวันตกเริ่มหันมาศึกษาโหราศาสตร์ตะวันออก อย่างจริงจัง แต่ไม่มีความก้าวหน้า เพราะส่วนใหญ่เป็นวิชาที่ถูกปกปิดไว้

....ด้วยเหตุข้างต้น จึงทำให้โหรตะวันตก และภารตะทำนายเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองหรือโลกได้ดี ในขณะที่โหรไทย และ จีน ทำนายดวงชะตาบุคคลได้ละเอียดลึกซึ้งมากกว่า อย่างไรก็ตาม โหราศาสตร์ตะวันออก ส่วนใหญ่พัฒนาโดยใช้ “เกณฑ์ปัจจัย” (parameters) ท้องถิ่นจำนวนมาก ดังนั้น การนำไปใช้เป็นสากล ต้องปรับก่อนใช้ด้วย

0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

กระทู้ข้อที่หก – ถามปํญหายากๆ ให้คิดมามากแล้ว ลองสลับปัญหาง่ายๆดูบ้าง แต่คำตอบจะง่ายหรือไม่นั้นไม่แน่

.....ในงานปฐมฤกษ์เปิดอาคารใหญ่แห่งหนึ่ง มีพิธีหลายอย่างที่ทำขึ้นเมื่อได้เวลาฤกษ์เปิดอาคาร ถามว่า กิจกรรมอะไรต่อไปนี้เป็นกิจกรรมที่เป็นไปตามหลักวิชาโหราศาสตร์ (เลือกตอบกี่ข้อก็ได้ ให้เหตุผลสั้นๆด้วย)

1) พระสงฆ์สวดมงคลกถา 2) บวงสรวงอัญเชิญเทวดา 3) ไชโย ชนแก้ว กินเลี้ยงฉลอง มีมหรสพต่อ 4) ตีฆ้องกลอง เป่าแตรสังข์ ยิงปืนขึ้นฟ้า 5) ถูกทุกข้อ

52โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

17 nov 2004 07:16#726919ลบ

เรียน อาจารย์ สส.

ขอตอบกระทู้ข้อหกว่า ถูกทุกข้อค่ะ เพราะกิจกรรมทุกข้อที่เขียนไว้ทำขึ้นในเวลาที่ฤกษ์ถูกกำหนดขึ้น ซึ่งการกำหนดฤกษ์น่าจะถือเป็นหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์

รบกวนอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ

53โดย คุณ สว่างนภา

17 nov 2004 12:45#727166ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

1.ดิฉันอยากทราบว่า ดาวเสาร์(7) และดาวราหู (8) ที่เล็งลัคนา (ในเกณฑ์พินทุบาทว์) ดาวดวงไหนมีความรุนแรงมากกว่ากีย และดาวแต่ละดวงมีลักษณะเป็นเช่นไรบ้าง

2. ดาวราหู (8) เป็น 2 แก่ลัคนา ที่เขาเรียกกันว่า"ราหูล้วงทรัพย์" นั้น ถ้าจรต้นปี 2548 เข้าทับดาวเดิมในภพกดุมพะ จะมีผลกระทบต่อเจ้าชะตามากน้อยเพียงใด ขอคำแนะนำด้วยค่ะ (ลัคนาอยู่ราศีกุมภ์, ดาวพฤหัสได้เกษตรร่วมดาวเกตุใน ภพกดุมพะ, ตนุลัคน์(8)อยู่ภพศุภะ ร่วมดาวมฤตยูและดาวศุกร์)

ขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ

54โดย คุณ การเวก (กรวิก)

18 nov 2004 07:41#727926ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

ผมเองกำลังเพลินอยู่กับคำถามและคำตอบในกระทู้นี้

และดีใจที่กระทู้นี้ได้สร้างความเป็นวิชาการให้แก่ผู้อยากรู้ทุกท่าน ในคำถามของคุณผมคงจะตอบเท่าที่รู้

คิดว่าหากมีข้อเพิ่มเติมประการใด ท่านอาจารย์ลุง(สส.) คงแวะเข้ามาเพิ่มเติมให้ ว่ากันเลยน๊ะครับ

1.ดาวเสาร์ และดาวราหู ที่เล็งลัคนา (ในเกณฑ์ภินทุบาทย์) ถ้าถามถึงความรุนแรงเป็นไปคนละแบบ กล่าวคือ

-ดาวเสาร์ เป็นดาวแห่งความทุกข์ ขึ้นอยู่กับว่า ดาวเสาร์เป็นดาวเจ้าเรือนอะไร

-ดาวราหู เป็นดาวแห่งการลุ่มหลง มัวเมา ก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าดาวราหูเป็นเจ้าเรือนอะไร

2. ตามคำถามข้อนี้ ต้องดูว่าดาวราหูเป็นเจ้าเรือนอะไร ได้ตำแหน่งอะไร (ในที่นี้ดาวราหูได้ตำแหน่งราชาโชค ภพศุภะ) ประเด็นในเรื่องราหูค้นทรัพย์จึงควรจะหลุดไป กอร์ปกับภพกดุมภะมีดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือน สถิตย์อยู่ในภพของตนเอง ราหูคงทำอะไรไม่ได้ แถมยังจะส่งเสริมอีกต่างหาก ส่งเสริมในเรื่องอะไร ก็ดูว่าราหูอยู่ภพอะไรก็เอาความหมายของภพนั้น ความหมายของดาวเจ้าเรือนภพนั้น เข้าไปผสมเป็นคำพยากรณ์

ผมหวังว่าคุณคงตีความหมายของโจทย์ต่อไปได้

สวัสดีครับ

55โดย คุณ แวว

18 nov 2004 09:51#728009ลบ

ขอตอบว่า ข้อ 1 ข้อ 2 ถูกต้องตามหลักโหร เพราะเป็นพิธีมงคล แต่ชนแก้วกินเหล้า ยิงปืนไม่ใช่มงคล

ทายถูกแน่นอนเจ้าค่ะ เพราะกินตำราโหราศาสตร์ไปหนึ่งเล่มแล้ว เหอ เหอ เหอ เหอออออ

56โดย คุณ เจ๋

18 nov 2004 16:12#728408ลบ

อยากเรียนถามอาจารย์ ค่ะ เรื่อง ตรีวัย ถ้าวัยจร ของเราเป็นดาว ที่ไม่ให้คุณ ในช่วงชีวิต นั้น (8 ปี 4 เดือน) ชีวิตของเราจะแย่ ตกต่ำ ทำอะไรก็ไม่ดีหรือค่ะ อย่างเช่น ไปตรงกับ ดาวกาลี เรียก กาลีวัย และ มันจะไม่ดี ไปทั้ง 8 ปีเลยหรือเปล่า และหรือถ้าต่อไป วัยของเราไปตรงกับ ประ ราชาโชค ในภพพันธุ แล้วเป็นเดช เดิม และชีวิตเราจะดีขึ้นมั้ยค่ะ

57โดย คุณ สว่างนภา

19 nov 2004 10:43#729027ลบ

เรียน อาจารย์สส.

ดิฉันขอมีส่วนร่วมในกระทู้ที่หกค่ะ ตามความคิดของตัวเอง ขอเลือกข้อที่ 4 ตีฆ้อง เป่าแตรสังข์ ยิงปืนขึ้นฟ้า เหตุผลคือเป็นการบอกกล่าวถึงฤกษ์งามยามดี เวลาที่เหมาะสมควรแก่กระทำกิจนั้น และให้คนทั่วไปได้ทราบทั่วกัน

58โดย คุณ ศิษย์ 2000

19 nov 2004 21:09#729537ลบ

สวัสดีท่านอาจารย์สส.

ขอตอบว่า

1.พระสวดมงคลคถา เป็นพิธีทางพุทธศาสนาพระสงฆ์สวดแล้วในพรผู้มาร่วมพิธี ไม่ใช้โหราศาสตร์

2.บวงสรวงอัญเชิญเทพ ต้องหาฤกษ์ ยาม ใช้วิชาทางโหรฯเข้าประกอบ ส่วนพิธีเชิญเทพเป็นพิธีทางพราหมณ์

3.ไชโย ชนแก้ว เป็นการเลี้ยงสังสรรค์ มีมหรสพตามถือเป็นการให้ความรื่นเริงแก่แขกที่มางาน ไม่ใช้โหราศาสตร์

4.ตีฆ้อง...ยิงปืนขึ้นฟ้า ใช้โหราศาสตร์บอกได้ถึงเวลาฤกษ์ที่กำหนดแล้ว

59โดย คุณ สส.

20 nov 2004 00:14#729649ลบ

# 52 คุณผู้สนใจศึกษา ทายดีแล้วครับ รับคำตอบเอาไว้ก่อน

# 53 คุณสว่างนภา อาจารย์การเวกตอบถูกต้องอย่างดีแล้ว ครับ ผมเพิ่มเติมว่า ข้อ 1. ให้ดู เสาร์และราหูด้วยว่า มีกำลังไหม ถ้าไม่มีกำลังหรือไม่เป็นอันธพาล ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แค่อาจเครียดๆบ่อยหน่อย ข้อ 2. ต้องดูดาวพื้นดวงด้วยเหมือนกัน ดาวที่ให้มา แสดงว่าอาจเสียเงินบ้าง จากสาเหตุสุขภาพตัวเอง หรือญาติ ผู้ใหญ่

# 55 คุณแวว มุมมองดีครับ รับคำตอบเอาไว้ก่อน

# 56 คุณ เจ๋ ชิงตอบก่อนอาจารย์การเวก เรื่องตรีวัยเป็นเรื่องภูมิคุ้มกันดวงชะตาช่วงนั้นครับ ไม่ใช่ตัวชะตาทีเดียว ช่วงเป็นกาลีภูมิคุ้มกันต่ำ สมมุติเป็นเรื่องการเงิน รายจ่ายก็จะมากหน่อย ไม่ค่อยมีใครให้ยืม แต่ถ้าพื้นฐานสมบัติดีอยู่ก็ไม่ต้องตกใจอะไร เวลาเป็นเดชก็จะดีขึ้น แต่เป็นเรื่องอะไรก็ต้องดูทำนองเดียวกัน ส่วนความเป็นประ ราชาโชคอะไรนั้น ดูเป็นเรื่องๆไปครับ ไม่เกี่ยวอะไรกัน แสดงว่าคงเพิ่งเรียนใหม่ๆ ลองเรียนไปก่อน ถ้าจะดูดวงตัวเองก็อย่าไปวิตกอะไร ปรึกษาคนที่ดูเป็นอธิบายให้ฟัง จะอ่านหนังสือแล้วจับคำพูดมาสรุปเลยไม่ได้ โดยเฉพาะตรีวัย ใช้ดื้อๆแบบนั้นไม่ถูกครับ ต้องชำนาญแล้วพอสมควร ยังเดินไม่คล่องอย่าเพิ่งเล่นเสก็ต

# 57 คุณสว่างนภา ทายดีครับ รับคำตอบเอาไว้ก่อน

# 58 คุณ ศิษย์ 2000 แจกแจงเหตุผลดีครับ ฝีมือไม่ตกเลย

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

.....ส่วนใหญ่ที่ทายมาแล้ว ความคิดดีๆทั้งนั้นครับ รอดูคนอื่นว่าอย่างไรก่อน เพราะบางคนไม่ว่างคิด....ระหว่างนี้ มีดวงชะตาจริงมาให้ซ้อมทายกันเล่นๆ ดวงนี้ดูได้สนุก มี อุจ เกษตร ประ นิจ ครบหมด ได้ลองของละ อยากใช้ทักษาก็ตามใจ ดวงชะตามีดังนี้ (ผูกตามปฏิทินสุริยาตร์)

เจ้าชะตาเป็นชาย เกิดวันพฤหัส ลัคนาอยู่ราศีธนู พฤหัส เสาร์อยู่มังกร จันทร์อยู่กุมภ์ ศุกร์อยู่มีน อาทิตย์ อังคารอยู่พฤษภ พุธอยู่มิถุน เกตุอยู่กันย์ ราหูอยู่ตุลย์ และ มฤตยูอยู่พิจิก ขณะทำนาย เจ้าชะตาอายุ 58 ปี แต่งงาน มีบุตรแล้ว สุขภาพแข็งแรงดี ถามว่าเจ้าชะตามีอะไรแปลกกว่าธรรมดาทั่วไป

1) มีที่ดินมาก 2) มีบ้านมาก 3) มีภรรยามาก 4) มีบุตรมาก 5) มีพี่น้องมาก (คำว่า มีมาก หมายถึงมีเกิน 10 ขึ้นไป ข้ออื่นที่ไม่ถูกจะมีธรรมดาๆ ไม่แปลก)

ตอบข้อเดียว เหตุที่ต้องการให้ดูแบบดวงอีแป่ะ จึงไม่อยากลงรายการเกิดให้ต้องตรวจองศากันยุ่งยาก ดูสนุกๆ ไม่ต้องคิดมาก ดวงนี้ตอนเฉลย จะบอกเพียงแต่ตำตอบและข้อมูล ส่วนวิธีคิดแล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนครับ เราควรเก็บดวงตัวอย่างที่ให้บทเรียนกับเราไว้บ่อยๆ อย่าทิ้งไป เลือกที่มีจุดเด่นอย่างเดียวจะได้ดูง่ายไม่สับสน และชีวิตควรผ่านมานาน หรือเจ้าชะตาเสียชีวิตแล้ว จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องดวงชะตาจะเปลี่ยนอีก ถ้าเรามีดวงเช่นนี้เก็บไว้มากๆ เราก็จะพบเคล็ดลับเอง ไม่ต้องรอใครมาบอก......อีกราว 1 สัปดาห์จะเฉลย

60โดย คุณ วิวิธ

21 nov 2004 07:00#730452ลบ

เรียนอาจารย์ สส.ที่เคารพ ผมเพิ่งเข้ามาดูเว้บนี้ได้สัปดาห์เศษ มีปัญหาอยากถามใครมานานแล้ว จึงขอถามอาจารย์ เผื่อจะตอบได้ คือมีดวงปัญหาเรื่องวันเกิดสมเด็จพระเจ้าตาก ผมอ่านมานานแล้ว และในหนังสือศิลปะวํฒนธรรม เมื่อตอนต้นปีนี้ก็เอามายืนยัน ที่ว่ากันว่าเป็น 17 เมษายน 2277 และมีดวงชะตาที่วิดอินทาราม เคยวิจารณ์กัน แล้วนี่มายืนยันอีก ผมอยากทราบว่าถูกผิดอย่างไร

61โดย คุณ สว่างนภา

21 nov 2004 10:23#730510ลบ

เรียน อาจารย์สส.

ดิฉันขอตอบ ข้อ 3 มีภรรยามากค่ะ โดยสังเกตจากดาวพุธ(4)เป็นพระเคราะห์สองเรือน คือ ปัตนิ และกัมมะ (ในภพปัตนิได้เกษตร ส่วนภพกัมมะมีเกตุ(9) คอยกระตุ้นและส่งเสริมให้มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับคู่ครองหรือภรรยาของตนเอง) จะถูกไหมหนอ เพราะอ่อนหัดเรื่องการทำนายมาก ระดับขั้นแค่เตรียมอนุบาลเท่านั้น เหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน

อาจารย์สส.ช่วยชี้แนะด้วย

62โดย คุณ ฉัตรแก้ว

22 nov 2004 06:53#731124ลบ

เรื่องดวง 5 ชั้น คุณพ่อบอกว่าคุณปู่เคยเรียนเรื่องนี้แต่สอนไว้นิดหน่อย ใครมีตำราของมหาปิ่น วัดมะกอก หรือ ของหลวงภัทรประดิษฐ์ (เอียด เซ่งมณี) ดิฉันอยากขอซื้อ หรือ ซื้อสำเนาถ่ายก็ได้ค่ะ

63โดย คุณ moon

22 nov 2004 07:23#731201ลบ

กลับมาจาก ปราสาทหินพนมรุ้ง คุณเชษฐ์ เป็นไกด์นำเที่ยวชม มุขตลกยังเหมือนเดิมคะ

ตอบกระทู้ที่ 6 1) พระสงฆ์สวดมงคลกถา 2) บวงสรวงอัญเชิญเทวดา 3) ไชโย ชนแก้ว กินเลี้ยงฉลอง มีมหรสพต่อ 4) ตีฆ้องกลอง เป่าแตรสังข์ ยิงปืนขึ้นฟ้า 5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ถูกทุกข้อคะ

เนื่องจาก ดิน ฟ้า เวลา ดาว ได้มีการกำหนดให้เกิดเหตการณ์ ทั้งสี่อย่างให้เกิดขึ้น ภายในวันนั้น เวลานั้น

64โดย คุณ สว่างนภา

22 nov 2004 10:58#731369ลบ

เรียน อาจารย์สส. และอาจารย์การเวกที่เคารพ

ดิฉันมีหนังสือเล่มหนึ่ง เรื่อง "โลกธาตุ" ต้องการเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนทั่วไป ซึ่งดิฉันได้หนังสือนี้มาโดยบังเอิญ โดยหนังสือนี้แจกให้กับผู้ที่ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพของพระภิกษุรูปหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ( ท่านชื่อ พระวรพรตปัญญาจารย์ หรือ หลวงพ่อแฟ้ม อภิรโต) ท่านมีความรุ้ในวิชาโหราศาสตร์เป็นอย่างดี

ดิฉันจึงเรียนให้อาจารย์สส. และอาจารย์การเวกทราบก่อน เห็นสมควรหรือไม่ อย่างไรคะ

65โดย คุณ การเวก (กรวิก)

22 nov 2004 12:39#731571ลบ

เรียน คุณสว่างนภา

เรื่องการเผยแพร่วิชาการเป็นสิ่งที่ดี หากสิ่งที่เราเผยแพร่นั้นเป็นคุณประโยชน์แก่บุคคลผู้ใฝ่รู้ เพียงแต่สิ่งที่เราเผยแพร่นั้นมิได้เป็นการทำร้ายผู้อื่น ให้ร้ายผู้อื่น และทำให้ผู้อื่นต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเอง ผลตอบแทนที่จะกลับสู่ตัวคุณจะมีคุณมหาศาล ผมเองก็เคยทำในลักษณะเช่นเดียวกับคุณมาก่อน โดยเผยแพร่ให้แก่เพื่อนร่วมเรียนในสมาคมโหร สิ่งที่ผมได้รับกลับคืนมาก็คือวิชาการต่าง ๆ ผมดีใจด้วยครับที่คุณมีจิตเมตตาให้กับผู้ใฝ่รู้ทุกท่าน สวัสดีครับ


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 00:59น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 2


66โดย คุณ สว่างนภา

22 nov 2004 20:44#732014ลบ

เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ

เมื่ออาจารย์เห็นสมควร ก็เริ่มกันเลยนะคะ

0 โอม 0

นมัสสิตวา นบพระตถา- คตธรรมคัมภีร์

นบสงฆ์สิกขา นบ อาจารีย์

นบโหราตรี- เวทวิทศาสตร์ไสย

*โลกธาตุ*

ในโชติศาสตร์แสดงนัยว่าธาตุทั้งสี่ อันดาวเทวดาแปดดวงครองอยู่ เรียกว่าดาวเคราะห์ ก็ดาวเทวดาครองธาตุนั้นหมุนเวียนไปรอบจักรวาลโลก. และโลกจะต้องได้รับกระแสธาตุจากดาวทั้งแปดนี้ เป็นนิจจนิรันดรเพื่อปรุงเปรอความเป็นไป. โลกรวมทั้งธาตุที่หมุนเวียนประจำอยู่นี้เรียกว่าโลกธาตุ. บรรดาดาวเคราะห์ทั้งแปดนั้น จำพวกที่คนชอบใจปันเป็นศุภเคราะห์สี่ดวง, ส่วนที่ไม่ชอบใจ เป็นบาปเคราะห์อีกสี่ดวง.

อันโลกธาตุนี้ พอเทียบได้กับธรรมในพระพุทธศาสนาหมวดหนึ่งแปดประการ มีลาภ เป็นต้น ซึ่งหมุนเวียนอยู่ทั่วสัตว์โลก. เช่นเมื่อลาภหมุนมาหาแล้ว, ความเสื่อมลาภก็เวียนมาสู่. โลกจะต้องประสพธรรมทั้งแปดนี้เสมอมิได้ว่างเว้น. และโลกรวมทั้งธรรมที่หมุนเวียนประจำอยู่นี้เรียกว่า โลกธรรม. บรรดาธรรมทั้งแปดนั้น ส่วนที่คนชอบใจแบ่งเป็นอิฐารมณ์สี่ประการและส่วนที่ไม่ชอบใจ เป็นอนิฐารมณ์อีกสี่ประการ.

จะเห็นได้ว่า โลกธาตุ เป็นทำนองเดียวกับโลกธรรม เพราะธาตุหรือธรรมก็ใช้แทนกันได้บ้าง เช่น อมตธาตุ หรืออมตธรรม.

*ต้นเหตุ*

โลกธาตุ เมื่อสืบสาวขึ้นไป ท่านว่าเกิดมาจากอวิชชาเป็นปฐมเหตุ และจากระยะอวิชชาอันเป็นเบื้องต้น ก็เกิดอะไรต่ออะไรเรื่อยไปอีก จนระยะที่สิบสองดับสิ้นไปเป็นสุดท้าย รวมเรียกต้นเหตุทุกระยะนี้ว่าสิบสองนิทาน เป็นการไม่พ้นจากห่วงปฏิจจสมุปบาทไปได้. แต่ความจริง จะปรับโลกธาตุให้ลงกับปฏิจจสมุปบาทได้เพียงไรหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่จะพิจารณาโดยยุตติเทอญ.

*นิทานที่หนึ่ง อวิชชา* (โลก)

(๑) เมื่อยังไม่มีศาสตร์อื่นๆ ดีกว่าโชติศาสตร์, ความคิดของมนุษย์เห็นว่า โลกเรานี้อยู่ในจักรวาลซึ่งแรกเริ่มเดิมที่มีแต่ท้องฟ้า ว่างเปล่า. กลางหาวที่ว่างเปล่านั้น ถ้าจะให้หมายรู้กันด้วยลวดลาย ก็เขียนเป็นรูปศูนย์ แปลความว่าไม่มีอะไร หรือไม่ทราบว่าอะไร เพราะถ้าไปทราบเข้าก็ต้องมี, แล้วมาใช้เป็นเครื่องหมายมฤตยูผู้เป็นเจ้าแห่งความตาย. หมายความว่า เดิมที่ไม่มีอะไรเลย, ครั้นมามีสิ่งหรือธาตุอะไรขึ้นภายหลัง, มามฤตยูก็ทำสิ่งนั้นให้เป็น 0 ตามเดิม ท่านจึงสอนว่า ธาตุโย สุญญโต ปัสส จงเห็นธาตุทั้งหลายโดยความเป็นของศูนย์เสียเถิด

เมื่อในจักรวาลไม่มีอะไร โลกเราก็มีแต่มืดฟ้าเข้าครอบคลุมเต็มที่ ซึ่งได้ในคำว่า ถูกอวิชชาความมืดมิดห่อหุ้มแล้ว หรือเรียกจักรวาลในขณะนี้ว่าถ้ำมฤตยูก็ไม่ผิด จะมีเค้าเป็นดังนี้ โลกเราเป็นพื้นดินแบนๆ ติดอยู่กับที่ เรียกว่าธรณีจะเหมาะกว่า เส้นดำใหญ่กลางธรณีนั้น หมายเอาภูเขาพระสุเมรุ เมื่อเรายืนบนพื้นดินเป็นทุ่งโล่ง และตรงไปสุดสายตาแล้วเหลียวดูโดยรอบ จะเห็นเป็นขอบฟ้า ได้แก่เส้นวงนอกคือศูนย์นั้น และเมื่อแลแหงนขึ้นก็เห็นโค้งคลุ่มลงมาเป็นอย่างกระทะคว่ำอยู่ รวมเรียกว่าจักรวาล (ลักษณะของรูปภาพ เป็นวงกลมใบใหญ่ 1 วง ภายในบรรจุวงกลมใบเล็ก 1 วง อยู่จุดกึ่งกลาง โดยมีเส้นดำขีดจากซ้ายไปขวา เหมือนตัดแบ่งครึ่งวงกลม เฉพาะวงกลมใบเล็ก)

*นิทานที่สอง สังขาร* อวิชชาปัจจยา สังขารา อวิชชาเป็นปัจจัยสังขารทั้งหลาย

/ธาตุ/ (๒) (ก) ส่วนอันว่างเปล่าในจักรวาลนั้น ถ้าจะเรียกให้เข้าพวกธาตุ ก็เรียกว่าอากาศธาตุ คงได้แก่ความไม่มีอะไรหรือไม่รู้ว่าอะไรเพราะมืดอยู่ ครั้นสมมติเป็นธาตุอากาศ ก็ต้องมีเทวดาครองธาตุนั้นเป็นดาวดวงหนึ่ง เรียกว่า ดาวมฤตยู คงเขียนเครื่องหมายเป็นรูป 0.

(ข) ในระวางจักรวาลนั้น บังเกิดธาตุขึ้นสี่กอง คือเตโชธาตุไฟ, ปฐวีธาตุ ดิน,วาโยธาตุ ลม, อาโปธาตุ น้ำ อยู่เรียงประชินกันโยลำดับ และเป็นวงตามลักษณะของจักรวาล

หมายเหตุ (ค) เส้นบาง แสดงกระแสธาตุ ให้ทราบว่าธาตุทั้งสี่นั้น มีกระแสไปทางไหน แต่คงพุ่งเป็นทางตรงเสมอ.

(ฆ) เพื่อสังเกตง่าย ธาตุที่ร้ายกาจคือธาตุไฟ กับธาตุลมเป็นอกุศลธาตุ และธาตุที่ช่วยลดหย่อนความร้ายแรงของอกุศลธาตุนั้น คือธาตุดินกับธาตุน้ำ เป็นกุศลธาตุ ถ้าจะเทียบก็คือ อกุศลธาตุได้แก่ไฟฟ้าบวก ส่วนกุศลธาตุได้แก่ไฟฟ้าลบ.

(ง)กุศลธาตุตั้งอยูในที่คอยบันเทาอกุศลธาตุ คือลบโต้กันเองในตัว ตามรูปในข้อนี้ เมื่อเรียงให้เต็มและดูโดยอุตตราวรรตน์(เวียนซ้ายมือ) จะเห็นได้ว่าปราบกันคู่ๆ คือไฟ-น้ำ ,ลม-ดิน อธิบายว่าไฟ อันน้ำคอยลบ(ระงับ)อยู่ และลม อันดินคอยลบ(กั้น) อยู่ เช่นเป็นภูเขาหรือต้นไม้

(จ)แต่การลำดับธาตุ คงเรียงเป็นทักษิณาวรรตน์(เวียนขวามือ) ว่าไฟ ดิน ลม น้ำ

(ฉ) ธาตุเหล่านี้ เมื่อต่างกันโดยลักษณะก็ย่อมมีกำลังมากน้อยต่างกันด้วย ตามที่ท่านคำนวณได้ คือ ธาตุไฟมีกำลัง ๑๒ ,ธาตุดินมีกำลัง ๓๐ , ธาตุลมมีกำลัง ๒๒, ธาตุน้ำมีกำลัง ๑๖ , รวมกำลังธาตุทั้งหมดเป็น ๘๐ เรียกว่า อสีติธาตุ.

(พรุ่งนี้ต่อเรื่อง ทิศ)

67โดย คุณ สส.

23 nov 2004 03:34#732269ลบ

# 61 ตอบ คุณสว่างนภา รู้จักใช้เกตุ ก็เกินขั้นอนุบาลแล้ว รับคำตอบไว้ก่อนนะครับ

# 62 ตอบ คุณฉัตรแก้ว ผมจำได้ว่าของครูมหาปิ่น มีสองเล่ม สองภาคนะครับ น่าจะอยู่ในเล่มสอง ระวังผิดเล่ม ส่วนของท่านครูเอียดมีเล่มเดียวรวมกัน ดูเหมือนชื่อ “ทิพย์มณีโหราศาสตร์” หรือ อะไรมณีนี่แหละ ถ้าถามร้านหนังสือเก่าจะคุ้นชื่อหนังสือมากกว่าคนแต่ง

# 63 คุณ moon น่าอิจฉาตรงเที่ยวสนุก คิดดีแล้วครับ จวนถึงเวลาเฉลยละ

# 60 ตอบ คุณวิวิธ เรื่องนี้ ผมทิ้งมานานแล้ว อันที่จริงเป็นเรื่องเก่าแต่เอามารื้อฟื้นกันบ่อยๆ นานๆที เพราะคนรุ่นใหม่ไม่รู้ แต่คนรุ่นเก่าเขาเบื่อ (มาก)แล้ว หลักฐานพระราชประวัติของพระองค์ท่าน เราได้มาจากเรื่อง 4 ประเภทคือ

หนึ่ง....พงศาวดาร เช่น พงศาวดารกรุงธนบุรีที่ใช้เป็นหลัก และพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหมอ_บรัดเล เป็นต้น ข้อความส่วนใหญ่ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยายังไม่แตก จนกรุงแตก ทรงกอบ***้อิสระภาพขึ้นมา ไปตีเมืองจันท์ สร้างกรุงธนบุรี จนสิ้นรัชกาล มีวันเดือนปีบันทึกไว้ทางจันทรคติ สามารถสอบทานได้

สอง.....บันทึกและจดหมายเหตุต่างๆ เช่น จดหมายเหตุบันทึกความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี ส่วนใหญ่เป็นรายละเอียดระหว่างกอบ***้เอกราช และพระราชกรณียกิจ ระหว่างเดินทัพ และทำนุบำรุงประเทศชาติ

สาม.....หนังสือ เรื่อง “อภินิหารบรรพบุรุษ” เล่าถึงพระราชประวัติตั้งแต่ทรงพระราชสมภพ มีงูใหญ่มารัดในกระด้ง เล่นพนันแล้วถูกจับมัดที่ท่าน้ำ บิดาพาไปฝากอาจารย์ทองดีวัดโกษาวาส ขณะบวชมีซินแสมาทำนาย พร้อมกับเพื่อนว่าจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินทั้งสองพระองค์ แล้วก็ได้เป็นจริงๆ เป็นต้น เดิมเห็นว่าเป็นสมุดข่อย มาตีพิมพ์เอา พศ. 2473 ชอบอ้างกันบ่อย

สี่....นิยาย ตำนานต่างๆ และความเห็นของคนทรงเจ้า บางคน

.....สี่อย่างนี่แหละครับ สับสนปนเปกันไปหมด นักประวัติศาสตร์เขาไม่สับสน เพราะเขาทำงานโดยอาศัยสอบทานหลักฐานที่เชื่อถือได้ มีก็แต่พวกโหรบางคนนี่แหละ อย่างดวงชะตาที่วัดอินทารามนั้น เข้าใจว่าลอกมาจากหนังสือโหราศาสตร์ วางลัคนาไว้ที่ ราศีกรกฏ พระท่านที่ทำขึ้นคงมีเจตนาเพียงแต่ลอกมาบันทึกไว้ให้ดูครบพระราชประวัติ แต่กลายเป็นเรื่องอ้างอิงดวงชะตาที่วัดอินกันใหญ่โต คนโน้นลอกคนนี้ คนนี้ลอกคนนั้น เลอะเทอะไปถึงขนาดว่าลอกมาจากพระราชพงศาวดาร ส่วนวันพระราชสมภพนั้น จริงอยู่ที่มีข้อมูลว่าอาจเป็นวันที่ 17 เมษายน 2277 จากที่เชื่อว่าทรงพระราชสมภพวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 จศ.1091 แต่ผมว่ามีวิธีพิสูจน์ แบบชาวบ้าน ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์

.....ไม่ว่าดวงชะตาที่วัดอิน หรือจะเป็นวันใดๆที่สงสัย โหรสามารถผูกดวงพระชะตาได้ไม่ยาก แม้ไม่รู้เวลาพระราชสมภพ เมื่อเทียบกับ เวลาที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ของบ้านเมือง เช่น ตีฝ่าพม่าออกไป เสียกรุง ตีเมืองจันท์ ตั้งกรุงธนบุรี ปราบดาภิเษก 28 ธันวาคม 2311 (ซึ่งเป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทุกวันนี้) และ มีราชการสงครามอยู่หลายครั้ง เป็นต้น ซึ่งมีบันทึกไว้ทางจันทรคติชัดเจน ต่อให้คลาดเคลื่อนบ้าง โหรก็สามารถหาลัคนาได้ไม่ยาก ดวงชะตาที่เราเอามาเล่นทายกันยังยากกว่านี้หลายเท่า โดยเฉพาะมีดวงชะตาหนึ่งเป็นกุญแจที่ชัด มาก คือดวงชะตาเมืองกรุงธนบุรี 27 ธันวาคม 2311 เป็นดวงฤกษ์สำคัญ โหรจะต้องวางให้สอดคล้องกับดวงพระชะตาที่แท้จริง และที่ปกปิดไว้เนื่องจากคนโบราณ ถือเรื่องการทำไสยศาสตร์ ทั้งองค์สมเด็จเอง ก็ทรงเชี่ยวชาญสรรพวิชา ภาษา พุทธธรรม และโหราศาสตร์ เป็นไปได้ว่าต้องทรงตรวจดวงเมือง และ ดวงพระฤกษ์พิธีปราบดาภิเษกด้วยพระองค์เอง ใครลองตรวจดวงเมืองธนบุรีดูบ้าง จะทราบความคิด และ เทคนิค โหราศาสตร์ระดับบรมครูที่น่าศึกษาดวงหนึ่ง

.....โดยส่วนตัว ผมไม่เชื่อ ข้อความในหนังสือ “อภินิหารบรรพบุรุษ” แต่ขอไม่แจงเหตุผล และไม่ใช่มีผมคนเดียว แต่มีนักค้นคว้าหลายท่านเคยเขียนบทความ ปฏิเสธข้อความที่ผิดง่ายๆหลายตอนในหนังสือนี้มาแล้ว นอกจากนั้น ผมไม่เชื่อวันพระราชสมภพ 17 เมษายน 2277 และยังไม่เชื่อดวงชะตาที่วัดอินด้วย

68โดย คุณ การเวก (กรวิก)

23 nov 2004 08:14#732391ลบ

เรียน ท่านอาจารย์ลุง สส.

ผมคงขอร่วมตอบคำถามชิงรางวัลด้วยละครับ

-ขอตอบว่า มีที่ดินมาก มีบ้านมาก

69โดย คุณ วรินทร์

23 nov 2004 08:50#732405ลบ

คุณสว่างนภาคะ หนังสือโลกธาตุมีขายค่ะ คนที่เรียนเบื้องต้นเขามีกันแล้วทั้งนั้นร่วม 20 ปี พิมพ์ตั้งเกือบสองหมื่นเล่ม เข้าใจว่าคุณตั้งใจดี แต่ถ้าลอกมาลงหมดคงยาวมากนะคะ อยากให้เปิดเป็นกระทู้ใหม่ คนที่ไม่มีจะได้อ่าน กระทู้นี้เข้าใจว่าเอาไว้ตอบคำถามโหราศาสตร์ นี่ก็ยาวมากแล้ว เว็ปมาสเตอร์คงจะตัดขึ้นกระทู้ใหม่ ดิฉันหนีจากเว็บอื่นมาเพราะเห็นว่าที่นี่อาจารย์ให้ความรู้ที่ไม่มีที่อื่น อ่านเงียบๆมานาน ไม่อยากให้คุณเสียใจ แต่อยากให้เปิดกระทู้ใหม่จริงๆนะคะ จะได้ประโยชน์มากเพราะใครอยากอ่านก็ได้อ่านต่อเนื่องด้วยค่ะไม่ต้องมีคั่น บริสุทธิ์ใจจริงๆค่ะ

70โดย คุณ สว่างนภา

23 nov 2004 10:57#732509ลบ

*ทิศ*

(๓) (ก) เมื่อทิศใต้เป็นแหล่งของน้ำ, บรรดาธาตุทั้งสี้ ธาตุน้ำจึ่งอยู่ทิศใต้และพุ่งกระแสไปทางทิศเหนือ, ธาตุลมถัดขึ้นไปก็อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีกระแสตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ, ต่อไปธาตุดินอยู่ทิศตะวันออกพุ่งแนวตรงไปทิศตะวันตก และในที่สุดจึ่งปรากฎว่าธาตุไฟ อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พุ่งกระแสไปทางตะวันตกเฉียงใต้

(ข) ทิศทั้งแปดนี้ มีศัพท์บัญญัติเรียก คือ

ตะวันออก *บูรพา , ตะวันออกเฉียงใต้ *อาคเณย์ , ใต้ *ทักษิณ , ตะวันตกเฉียงใต้ *หรดี, ตะวันตก *ประจิม, ตะวันตกเฉียงเหนือ *พายัพ, เหนือ *อุดร, ตะวันออกเฉียงเหนือ *อีสาน.

*พระเคราะห์ครองธาตุ*

(๔) เมื่อเกิดธาตุทั้งสี่แล้ว จึ่งเกิดเทวดาครองธาตุนั้นๆ เรียกว่าพระเคราะห์ ดังนี้

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ธาตุไฟ มีอาทิตย์ครอง,

ทิศตะวันออก ธาตุดิน มีจันทร์ครอง,

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ธาตุลม มีอังคารครอง,

ทิศใต้ ธาตุน้ำ มีพุธครอง,

ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ธาตุไฟ มีเสาร์ครอง

ทิศตะวันตก ธาตุดิน มีพฤหัสครอง

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธาตุลม มีราหูครอง

ทิศเหนือ ธาตุน้ำ มีศุกร์ครอง

หมายเหตุ (ก) พระเคราะห์ครองธาตุเหล่านี้ เมื่อธาตุอะไรอยู่ทิศไหน, พระเคราะห์ก็เป็นอันครองทิศนั้นด้วย, เช่นธาตุดินอยู่ทิศตะวันออก จันทร์ครองธาตุดิน ก็เป็นผู้ครองทิศตะวันออกด้วย

(ข) ธาตุทั้งสี่นั้น มีพระเคราะห์ครองธาตุละคู่ คือ

ธาตุไฟ อาทิตย์ และ เสาร์

ธาตุดิน จันทร์ และ พฤหัส

ธาตุลม อังคาร " ราหู

ธาตุน้ำ พุธ " ศุกร์

*กำเนิดพระเคราะห์*

(๕) ชีพทั้งหลาย มีสภาพที่ต้องเกิดจากธาตุน้ำ พระเคราะห์ทั้งปวงจึ่งเป็นไปตามสภาวธรรม ย่อมเกิดจากแหล่งน้ำ คือทางทิศใต้.

(ก) พระอาทิตย์ ผิวผ่องโรหิตพรรณพื้นทับทิม ประดับเทพอาภรณ์ปัทมราคมณีแดง ทรงสีหราชเป็นพาหนะ อุบัติขึ้นก่อนเพระเคราะห์ทั้งหมด เป็นธาตุไปรุ่งโรจน์ร้ายแรงยิ่ง เมื่อเอากำเนิดจากทิศใต้เป็นระยะที่ ๑ แล้ว จึ่งโคจรโดยทิกษิณาวรรตน์เป็นทิศละระยะจนถึงทิศไฟตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นระยะที่ ๖ แล้วครองที่ทิศนั้น จึ่งมีลัง ๖, เป็นแหล่งต้นแห่งธาตุไฟมีลักษณะอย่างมหาเพลิงที่ฮือโหมแรงกล้า และทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่สถิตนั้น จึ่งเรียกว่า ทิศอีสาน แปลว่า ทิศแห่งผู้เป็นเจ้าใหญ่

(ข) พระเคราะห์นอกนั้นแม้เอากำเนิดจากแหล่งน้ำดุจเดียวกับพระอาทิตย์ แต่ก็หามีแสงสว่างและกำลังในตัวไม่, ต่อเมื่อได้แสงจากพระอาทิตย์ฉายฉาบเข้ามา จึ่งปรากฎรูปลักษณะและกำลังฤทธิ์ เพราะฉะนั้นทุกพระเคราะห์จำเป็นต้องโคจรโดยทักษิณาวรรตน์ผ่านพระอาทิตย์ก่อน จึ่งจะครองธาตุของตนตามทิศนั้นๆ ได้

(ค) พระเสาร์ธาตุไฟ ผิวผ่องกฤษณพรรณดำคล้ำประดับเทพอาภรณ์แก้วมณีนิล ทรงพยัคฆราชเป็นพาหนะ เมื่อโครจรไปรับรัศมีที่พระอาทิตย์เป็นระยะที่ ๖ แล้ว เลยมาครองธาตุไฟทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะที่ ๑๐ จึงมีกำลัง ๑๐ รับกระแสไฟที่พุ่งตรงมาจากพระอาทิตย์ แต่ทว่าเป็นปลายกระแส จึ่งมีแต่ธาตุไฟด้านๆ ไม่มีเปลวรุ่งโรจน์ เป็นลักษณะอย่างไฟถ่านตามที่ว่าผิวพรรณดำคล้ำ. ถึงกระนั้นทิศพระสาร์ก็คงร้ายแรงเพราะเป็นทิศไฟ จึงเรียกว่า ทิศหรดี เพี้ยนมาจากคำ ไนรฤดี แปลว่าทิศย่อยละลาย ซึ่งหมายความว่าวัตถุใดๆ แม้จะแข็งปาไร เช่น หินหรือเหล็ก เมื่อตกลงไปในทิศนี้ก็ย่อยละลายหมด

(ฆ) พระจันทร์ธาตุดิน ผิวผ่องเศวตพรรณสกาววาวประดับเทพอาภรณ์เพ็ชรดีชาติวิเชียรรัตน์ ทรงอัศวราชเป็นพาหนะ แม้โคจรไปรับรัศมีที่พระอาทิตย์เป็นระยะที่ ๖ แล้ว ยังหาสมบูรณ์ด้วยกำลังไม่ ต้องเลยไปและวกกลับมารับรัศมีที่พระอาทิตย์อีกครั้งหนึ่งเป็นระยะที่ ๑๔ แล้วครองธาตุดินทิศตะวันออกเป็นระยะที่ ๑๕ จึ่งมีกำลัง ๑๕ เป็นเบื้องต้นของธาตุดิน จึ่งมีลักษณะเป็นดินชุ่ม คือเพิ่งจะงวดเป็นปฐวีธาตุ.

(ง) พระพฤหัสบดีธาตุดิน ผิวผ่องปีตพรรณเหลืองใสสดประดับเทพอาภรณ์บุษราคัม ทรงมฤคราชเป็นพาหนะ เมื่อผ่านพระอาทิตย์สองครั้งเป็นระยะที่ ๑๔ รับแนวดินที่ตรงมาจากพระจันทร์ แต่ทว่าเป็นปลายทางซึ่งหมดความชุ่มชื้นแล้ว จึงเป็นธาตุดินชนิดแข้น.

(จ) พระอังคารธาตุลม ผิวผ่องตามพรรณ แดงแก่ก่ำ ชมพูชาติ ประดับเทพอาภรณ์แก้วโกเมนเอก ทรงขรราช(ลา)เป้นพาหนะ (เดิมว่าทรงกาสรราชเป็นพาหนะ ในเทวรูปขี่กระบือ) โคจรไปรับรัศมีพระอาทิตย์เป็นระยะที่ ๖ แล้วเลยมาครองธาตุลมทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะที่ ๘ จึ่งมีกำลัง๘ เป็นแหล่งต้นของธาตุลม จึ่งเป็นลมประลัยกัลป์ร้ายกาจนัก และทิศนี้จึ่งเรียกว่า ทิศอาคเนย์ คำว่าอาคเนย์ แปลว่ามีลักษณะเป็นไฟ (ออกจากศัพท์เดิมคือ อัคนี) ก็ธาตุลมที่มีลักษณะเป็นไฟนั้น คือลมกรด ชักตัวอย่างเช่นอสนีบาต สามรถพัดผันเด็ดชีวิตินทรีย์ให้แตกขาด หรือชนิดลมพิษภายในกาย.

(ฉ) พระราหูธาตุลม ผิวผ่องกาฬพรรณหมอกเมฆประดับเทพอาภรณ์ล้วนสัมฤทธิ์ ทรงครุฑราชเป็นพาหนะ เมื่อจรไปรับแสงที่พระอาทิตย์แล้วเลยมาครองธาตุลมทิศทตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นระยะที่ ๑๒ จึ่งมกำลัง ๑๒ รับกระแสลมที่พุ่งตรงมาจากพระอังคาร แต่เป็นปลายลมฤทธิ์กรดร้ายอ่อนจากเสียแล้ว จึงเหลือเพียงลมเปล่า แต่ก็เป็นพายุบุแคม ทิศนี้จึงเรียกว่าทิศพายัพ คำว่าพายัพ ออกจากศัพท์เดิมว่า พายุ.

(ช) พระพุธธาตุน้ำ ผิวผ่องขจีพรรณเขียวใสแสงมรกตประดับเทพอาภรณ์แก้วอินทนิล ทรงคชราชเป็นพาหนะ เมื่อผ่านพระอาทิตย์สองครั้งเป็นระยะที่ ๑๔ แล้วเลยไปครองธาตุน้ำทิศใต้เป็นระยะที่ ๑๗ จึ่งมีกำลัง ๑๗ เป็นแหล่งต้นของธาตุน้ำ จึ่งเป็นมหาสมุทร คือมีลักษณะเป็นน้ำในแอ่ง.

(ฌ) พระศุกร์ธาตุน้ำ ผิวผ่องน้ำเงินพรรณปภัสสร ประดับเทพอาภรณ์เพ็ชรน้ำค้าง ทรงอสุภราชเป็นพาหนะ เมื่อผ่านพระอาทิตย์สองครั้งเป็นระยะที่ ๑๔ แล้วเลยไปครองธาตุน้ำทิศเหนือเป็นระยะที่ ๒๑ จึ่งมีกำลัง ๒๑ รับกระแสน้ำจากพระพุธ แต่พระพุธเป็นน้ำในมหาสุทรอยู่ทิศใต้สถานต่ำ มิใช่วิษัยที่พุ่งกระแสตรงขั้นไปทิศเหนืออันเป็นพื้นสูง ต้องอาศัยเป็นน้ำฝนไป เพราะฉะนั้นพระศุกร์จึ่งเป็นธาตุน้ำชนิดหน้าฝน.

หมายเหตุ (ญ) สีและเครื่องประดับพระเคราะห์เหล่านี้ ท่านเอาใจส่กันมาก ในทางส่งเสริมสวัสดิมงคล เมื่อพิจารณาเห็นว่าพระเคราะห์องค์ใดเด่นชาตา เช่นอาทิตย์ เจ้าชาตาก็ต้องใช้เครื่องประดับทับทิม หรือวัตถุที่เกี่ยวกับสีต่างๆ ก็ใช้สีทับทิม.

(ฎ)ในครั้งโบราณท่านถือสีเป็นสำคัญประการหนึ่ง ประกอบสง่าในสงคราม สำหรับขัตติยราชทรงเครื่องพิชัยยุทธให้ต้องตามวารพยุหยาตรา มีแบบซึ่งประพันธ์เป็นโคลงไว้อย่างไพเราะเช่นว่า

รวิสีสฤษฏ์ด้วย อาภรณ์

แดงพิจิตรอลงกรณ์ ก่องแก้ว

ทรงแสงธนูศร ลีลาศ

เสด็จสู่สงครามแผ้ว เผ่าพ้องไพรี

ตำราที่ให้นุ่งสีประจำวัน ก็เนื่องมาจากเหตุนี้ด้วย

(ฎ) อนึ่ง สำหรับพระเคราะห์ที่เดินในดวงชะตา นอกจากเจ้าชาตาจะใช้เครื่องประดับตามพระเคราะห์นั้นแล้ว ท่านว่ายังต้องมีที่บูชาให้ต้องตามปางพระเคราะห์นั้นๆ ด้วย

*ปางพระเคราะห์ คือ-*

อาทิตย์ถวายเนตร จันทร์ห้ามพระญาติดี

อังคารศัยยาสน์สรี พุธอุ้มบาตรคุณานันต์

พฤหัสบดิ์สมาธิ ศุกร์ทรงรำพึงพรรณ

เสาร์นาคปรกสรร- พสวัสดิมงคล

แท้จริงก็เป็นปางพระพุทธรูปนั่นเอง เช่น สำหรับอาทิตย์เป็นพระพุทธรูปปางถวายเนตร, อังคารปางศัยยาสน์นั้น ท่านที่ถือจะเห็นว่าเป็นท่านิพพาน จึ่งเปลี่ยนเป็นพระคันธารราฐแทน แต่สำหรับพุธที่กล่าวนั้น เฉพาะกลางวัน, ถ้าพุธกลางคืน เป็นปางมารวิชัย คือปางประจำราหู.

(เรื่องต่อไป *รวมพระเคราะห์ในชั้นแรก*)

71โดย คุณ นร.

23 nov 2004 11:03#732515ลบ

ผมทายว่าเมียมากๆๆๆ แล้วกันครับ

72โดย คุณ สว่างนภา

23 nov 2004 11:45#732550ลบ

ถึง คุณวรินทร์

ถ้าคุณวรินทร์ ต้องการเช่นนั้น ดิฉันก็จะไปเปิดกระทู้ใหม่ เพื่อข้อมูลในกระทู้นี้จะได้ไม่เยอะเกินไป (ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ)

73โดย คุณ หนูน้อย

23 nov 2004 16:57#732876ลบ

เรียน อ.สส ครับ

ปัญหาใหม่ๆ ของ อ. ผมยังขบไม่แตกทั้งหมดเลยยังไม่ตอบนะครับ แต่ อ่านเรื่องของพระเจ้าตากแล้ว อยากทราบ เวลา สถาปนากรุงธนบุรีนะครับ พึ่งมาคิดได้ ส่วนมากเราจะทราบ ดวง กรุงศรีอยุธยา และรัตนโกสินทร์ แต่เราไม่ทราบดวงสถาปนากรุงธนบุรีเลย ( คงจะมีจริงอย่างที่ อ.สส เขียน แต่เราลืมนึกมัวคิดตามพงศาวดารหลังๆ ที่เขียนโดยรัตนโกสินทร์)

74โดย คุณ moon

23 nov 2004 19:18#732984ลบ

ตอบว่า มีบ้านมากกกกกกกกกกกก แต่เจ้าเรือนเป็นนิจ กุมดาวเสาร์ (เกษตร) บ้านหลายหลัง หลังเล็กๆพฤหัส เป็นนิจ เก่าๆ เพราะเสาร์เป็นเกษตร พอแระ ตอบมากเดี๋ยวไปกันใหญ่ อิอิ

75โดย คุณ สส.

24 nov 2004 03:43#733269ลบ

# 68 ตอบคุณ การเวก นานๆทายทีนะครับ รับคำตอบไว้ก่อน

# 71 ตอบคุณ นร. หายไปจนคิดว่าทิ้งกันแล้ว รับคำตอบไว้นะครับ

# 73 ตอบคุณหนูน้อย หมายถึงดวงเมืองกรุงธนบุรี นะครับ ไม่ได้มีรูปดวงให้ดูเพราะต้องผูกเองตามปฏิทิน อยากใช้ปฏิทินอะไรก็ตามใจ มีบันทึกว่าเป็น วันอังคาร แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีชวด สัมฤทธิศก จศ. 1130 เวลา ราว 7.30 น. ตรงกับสุริยคติ 27 ธันวาคม 2311

# 74 ตอบคุณ moon มีเหตุผลดีครับ

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

.....หนังสือโลกธาตุนั้น บังเอิญผมให้คนอื่นไปนานแล้ว จำได้ว่า ผุ้เขียนคือคุณพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ท่านรับว่าตนเองมีความรู้ทางโหราศาสตร์ไม่มากแต่รวบรวมมาจากหนังสือตำราเก่าๆ หลายเล่ม ข้อความหลายตอนในหนังสือโลกธาตุนั้น มีครูโหรที่รู้ดีไม่เห็นด้วย ครั้นพอประท้วงออกมา ก็ถูกผู้อื่นต่อว่า เพราะเขาไปเชื่อว่าท่านเป็นปราชญ์ ไม่มีทางผิด คุณพระท่านรู้เข้าก็คงจะตกใจเหมือนกัน เพราะท่านก็ลอกเขามาอย่างนั้น เนื่องจากมีผู้ไปถามท่านเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณี ที่เกี่ยวเนื่องทางพิธีกรรมโหร ท่านก็รับเขียนเพราะมีเอกสารเก่าๆ แต่เพราะความเป็นปราชญ์ ท่านก็บอกอยู่เป็นระยะๆว่า เขาว่ามาอย่างนี้แหละ ขอให้ไปพิจารณาดู ข้อความที่ท่านรวบรวมมามีผิดหลักการดั้งเดิมของโหรหลายเรื่อง แต่ส่วนดีที่เป็นพื้นฐานก็มีเยอะ และหนังสือโลกธาตุนี้เอง กลายเป็นต้นแบบในการอ้างอิงลอกเอาไปใช้ในตำราโหรรุ่นใหม่ทุกวันนี้ ดังนั้น ถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องว่า หนังสือโลกธาตุนั้น คุณพระสารประเสริฐท่านรวบรวมมา แต่ใครเป็นคนแต่งบ้างก็ไม่รู้ คนเขียนก็คงนึกไม่ถึงว่าเรื่องมันจะบานปลายในยุคเราได้มากเช่นนี้

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

# 51 กระทู้ข้อที่หก ที่ถามว่าอะไรเป็นกิจกรรมตามหลักวิธีโหราศาสตร์ ข้อนี้ตอบได้ไม่ยาก ถ้าตอบธรรมดาๆก็ว่า กรณีพระสงฆ์สวดมงคลกถา เป็น พิธีทางพุทธศาสนา การบวงสรวงอัญเชิญเทวดาเป็น พิธีพราหมณ์ หรือทางไสยศาสตร์ การชนแก้ว เลี้ยงฉลองเป็นความนิยมของสังคม ส่วนการตีฆ้องกลองเป่าแตรสังข์ ยิงปืนขึ้นฟ้า จึงจะเป็นกิจกรรมทางโหราศาสตร์ แต่การตอบดังนี้ ต้องอธิบายด้วยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

.....เราต้องเข้าใจก่อนว่าเหตุใดเมื่อมีการเปิดใช้อาคาร สถานที่ หรือ การใช้รถ เรือ เครื่องบิน จึงต้องทำพิธี มีการหาฤกษ์ เรามุ่งประสงค์อะไรกันแน่ บุคคลทั่วไปที่ไม่ทราบโหราศาสตร์ หรือแม้แต่นักโหราศาสตร์หลายท่านก็ไม่ทราบ มักจะคิดว่าเป็นการเลี้ยงฉลอง เมื่อเริ่มใช้งาน มีพิธีสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคล มีการบวงสรวงขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และการตีฆ้องกลองเป่าแตรก็เพื่อความครึกครื้น อันที่จริง การทำพิธีเหล่านี้ อิงหลักสำคัญทางโหราศาสตร์ประการหนึ่ง ว่าด้วย “การสร้างลัคนา” และเป็นเหตุผลของการหาฤกษ์ ไม่ใช่ฤกษ์เป็นเหตุ

......ลองทบทวนดู ขณะที่คนเราเกิดมา บังเกิดลัคนาขึ้นในตำแหน่งขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ตรงจุดตัดกับระวิมรรค เรานำลัคนานี้มาใช้ทำนายชะตาได้ตลอดอายุของคนเราได้ เป็นเรื่องที่น่าแปลก แต่ในขณะที่โลกหมุนไป เส้นขอบฟ้าก็ตัดกับระวิมรรคอยู่ทุกวินาที ถ้าจะวางลัคนา ก็วางได้ตลอดเวลา จำนวนนับไม่ถ้วน เหตุใดลัคนาของคนเราจึงมีความหมายกว่าลัคนาสิ่งอื่น โหราศาสตร์อธิบายว่า เมื่อชีวิตบังเกิดขึ้น จึงจะเกิดลัคนา หรือพูดอีกอย่างว่า ลัคนาบังเกิดจากชีวิต ไม่ใช่นึกจะผูกดวงเวลาใด เพื่อหาลัคนาก็ได้ โหราศาสตร์ฝ่ายตะวันออก เพิ่มเติมปรัชญาว่า ดวงชะตาที่ผูกขึ้น และสามารถอ่านความเป็นไปได้เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า “ชีวะธาตุ” ส่งผ่านเข้าสู่ลัคนา และชีวะธาตุนี้เองที่ทำให้ดวงชะตามีชีวิต ดำเนินไป คำนวณได้ แสดงความเป็นไปของเจ้าชะตา ชีวะธาตุจึงหมายถึงชีวิตที่มีอยู่ในดวงชะตา ดวงชะตาที่ไม่มีชีวะธาตุ เช่น การเกิดของโต้ะ เก้าอี้ ไม่มีความหมายใดๆในโหราศาสตร์เลย เว้นแต่จะทำให้มันมีชีวะธาตุขึ้นมา เช่น เสาหลักเมือง เรือเดินสมุทร เป็นต้น จึงจะมีชะตากรรมตามดวงชะตาได้ โหราศาสตร์ตะวันตกไม่ยอมรับการมีอยู่ของชีวะธาตุ เล่าเพียงว่าโหรตะวันออกเชื่อว่ามี แต่ก็ยอมรับการมีชีวิตของดวงชะตา ลองคิดดูก็ได้ ตึกรามบ้านช่อง เรือ รถรา สะพาน อนุสาวรีย์ กว่าจะก่อสร้างเสร็จ กินเวลาตั้งนาน บางตึก คนงานกรรมกร ประเดิมเข้าไปใช้งานก่อนคนอื่นเสียด้วยซ้ำ ทำไมไม่มีใครถือว่านั่นเป็นการเปิดตึกใช้ ก็เพราะ ตึกนั้นยังขาด “ชีวิต” และ “ยังไม่เกิด” นั่นเอง

.....วิธีทำให้ดวงกำเนิดมีชีวิต เป็นเทคนิคที่ค้นคว้าทางโหราศาสตร์มานานมากแล้ว โดยที่เรายังไม่ทราบกลไกที่แท้จริงของธรรมชาติ แม้ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์ก็ยังให้คำตอบว่าชีวิตคืออะไรไม่ได้ แต่โหราศาสตร์ทราบมานานหลายพันปีแล้วว่า ลัคนาและดวงชะตามีชีวิตในขณะเมื่อบังเกิดขึ้น คนเรามีชีวิตอยู่แล้ว จะสั้นหรือยาวก็ตาม แต่วัตถุ สิ่งของ เป็นสิ่งไม่มีชีวิต การสร้างลัคนาให้กับสิ่งไม่มีชีวิตเหล่านี้ จำเป็นต้องทำให้ “ขณะที่บังเกิด” นั้นมีความหมายแก่ธรรมชาติมากที่สุด เพราะในขณะที่ “เราดูธรรมชาติ ธรรมชาติก็ดูเรา” การที่จะทำให้ “ขณะบังเกิด” นั้นมี “ความหมาย” ต่อธรรมชาติ เราจึง ตีฆ้อง กลอง เป่าแตรสังข์ หรือยิงปืน ให้เกิดความอึกทึกครึกโครม ด้วยวิธีนี้ เราพบว่าธรรมชาติได้รับรู้เรา และชีวะธาตุสามารถส่งผ่านลัคนา เข้ามาสู่ดวงชะตาได้

.....เรามาลองอธิบายดูจากปรัชญาโหราศาสตร์ ที่ผมเคยบอกไว้ (ดูความเห็น 159 กระทู้ข้อที่สอง เรื่องลัคนาคืออะไร) ขณะที่ธรรมชาติ “หยุดอยู่” การบังเกิดลัคนาพร้อมกับการตีระฆัง คือความ “แปรปรวน” แล้วชีวิตจึง”เคลื่อนไป”พร้อมกับธรรมชาติ ลัคนา คือ จุดกำเนิด ที่ธรรมชาติถูกกระตุ้นให้แปรปรวนรับรู้ขึ้นในเวลานั้น เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความเงียบสงบ การวางฤกษ์และดวงฤกษ์ นั้น โหรที่ทำหน้าที่นี้จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ รู้จริง และจะต้องควบคุมดวงฤกษ์อย่างเข้มงวด พร้อมที่จะเข้าแก้ไขเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที ไม่ใช่เพียงเปิดปฏิทินดูฤกษ์ประจำวัน เขียนใส่กระดาษ รับเงินแล้วก็ใช้ได้ ในพิธีใหญ่ เช่น การฝังเสาหลักเมืองสำคัญ และวางดวงเมือง โหรจะต้องทำงานหนักมาก มิฉะนั้นแล้ว อาจเกิดความเสียหายใหญ่เกินคาด การที่เรือเดินสมุทรล่ม เครื่องบินตก จงใจผ่าตัดเด็กจากท้องแม่แล้วตาย ตึกเวิลด์เทรดถล่ม หรือแม้แต่อาจจะเสียเมือง อาจเกิดจาก “การสร้างลัคนา” ที่ผิดพลาดนั่นเอง

.....กระทู้นี้จะตอบว่าถูกทุกข้อก็ได้ เพราะเป็นการทำให้ลัคนามีความหมายเพิ่มขึ้น ตามประเพณีแต่ละแห่ง แต่ไม่เป็นสากล เวลาฝรั่งปล่อยเรือเดินสมุทรลงน้ำ จะใช้เหล้าที่ดีที่สุด หรือ แชมเปญตีเข้ากับหัวเรือ หรือเรือ ให้ขวดแตก (เหล้าคือราหู ราหูคือโลก ชีวิตสัมผัสกับโลก) หรือใช้ขวานสับเชือกผูกเรือให้ขาด (พ้นสภาพ “หยุดอยู่”) พร้อมกับจุดพลุ ยิงปืน เป่าแตร (ให้ “แปรปรวน”) บรรเลงดนตรีเพลงมาร์ช (คือ เดิน “เคลื่อนไป”) ในขณะที่เรือเริ่มเคลื่อนลงน้ำ หรือแล่นออกจากที่ (“มี ชีวิต”) ก็เป็นประเพณี ของเขาเหมือนกัน สิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างลัคนา ในเวลาฤกษ์ก็คือ ต้องใช้เวลาไม่เกินช่วง หนึ่งนวางค์ หรือราว 10 - 12 นาที เป็นกฏบังคับ ทั้งโหรไทยและสากล ระหว่างนี้ห้ามมีเหตุการณ์อื่นมาแทรก ไม่ว่าดีหรือร้าย เช่น คนตกเรือ ตกน้ำ เทียนไหม้ นกกระพือปีกมาเกาะ หมาแมววิ่งผ่าน โหรไทยบางท่าน มีข้อห้ามพูดจากันเลยระหว่างนั้น เล่าแค่นี้ก่อน เพราะเรื่องฤกษ์ กับ ลัคนา ยังมีเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ต้องเล่าอีกมาก

76โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

24 nov 2004 13:34#733602ลบ

เรียน อาจารย์ สส.

ดิฉันขอตอบว่ามีพี่น้องมากค่ะ

77โดย คุณ สส.

24 nov 2004 14:43#733671ลบ

# 11 คุณนักศึกษารุ่นหลัง ไม่ทราบว่ายังอ่านกระทู้นี้อยู่หรือเปล่านะครับ ผมติดค้างหนี้ไม่ได้ตอบคุณอยู่ เพราะว่าตอนนั้นเพิ่งกลับจากต่างประเทศมา แล้วยุ่งๆอยู่หลายเรื่องจนลืมไป ตั้งใจว่าจะตอบประเด็นที่คุณสงสัยว่า ดวง 5 ชั้น เป็นการดูจากภายนอกเข้าสู่ภายใน คือจิตใจหรือเปล่า ว่ามีการกระทำด้วยจิตใจอย่างไร แล้วในอนาคตจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ไม่ใช่ครับ ดวง 5 ชั้นเป็นการดูดวงชะตาธรรมดานี่แหละ จะไม่ใช้ก็ได้ หากใช้แล้วงง แต่ผมว่าคนที่งงเพราะไม่ได้ใช้ ดวง 5 ชั้นไม่ใช่ตัววิชา แต่เกิดจากทฤษฎีโหราศาสตร์ไทยเองในเรื่องของธาตุ กล่าวโดยง่ายๆคือ เขาคิดว่า ธาตุในจักรวาลนั้นไม่ได้มาทำปฏิกริยา กับดวงดาว และ ดวงชะตาในทันที แต่ต้องใช้เวลาในการแปรเปลี่ยนแต่ละขั้นตอนเสียก่อน เช่นต้องรับพลังงาน เปลี่ยนธาตุให้ละเอียด แล้วส่งผ่านมาเป็นขั้นๆทีละสเต็ป และแต่ละขั้นตอน มีความสัมพันธ์กันเองอย่างไรก่อนที่จะรับธาตุมา ผู้ออกแบบดวงชะตา 5 ชั้น เขาก็เลย แบ่งชั้นการทำงานของธาตุออกเป็น ห้าชั้น เป็นการมอง 3 มิติ อย่างเราดูดวงชะตาธรรมดา เราจะดู 2 มิติ แต่ไม่ได้ดูทางลึก ดูดาวทับกันก็ทับเลย เช่นทายว่าภายในปีนี้คุณจะได้โชคลาภ ทายแบบนั้นก็ถูก คือไม่ต้องไปสนใจกลไกภายในแบบนาฬิกาปลุก ถึงเวลาก็ปลุกเอง แต่ดวง 5 ชั้น ดูลึกละเอียดว่า ที่ว่ามีโชคลาภ ตอนนี้ กรรมวิธีคือ เข็มนาฬิกา มันเดินไปถึงขั้นไหนแล้ว ขนาดทายว่า ภายใน 3 วันนี้แหละจะได้ลาภ โหรบางคนจึงถือว่าเป็นเคล็ดลับสุดยอดของการดูดวงชะตา ส่วนการดูเข้าสู่จิตใจนั้น ก็ดูรวมๆกันไป ไม่ได้เป็นชั้นของจิตใจอย่างที่คุณคิด

78โดย คุณ ๑๔๕

24 nov 2004 19:55#733986ลบ

คุณศิษย์ 2000 ไปตามนักศึกษารุ่นหลัง หน่อยซิคะ หายสาบสูญ ไปเลย อาจารย์ สส มาตอบคำถามแล้ว ค่ะ อิอิ

79โดย คุณ แวว

25 nov 2004 01:38#734266ลบ

ถ้าฝรั่งเอาแชมเปญไปตีหัวเรือ แต่พลาดไปโดนหัวคน คงจะเป็นเรื่อง นะเจ้าคะ ฮิ ฮิ

80โดย คุณ ๑๔๕

25 nov 2004 08:16#734343ลบ

ขอ ตอบว่ามีบ้านมาก คะ บ้านเช่า ถูกชัวร์ เอิ๊ก

81โดย คุณ ชาติ

25 nov 2004 15:41#734732ลบ

ขอรบกวนถามถ้าดาวราหูจากเรือนอริมาอยู่เรือนสหัชชะ และเป็นอุจจ์ร่วมกับดาวเสาร์จากเรือนปุตะเสาร์เป็นราชาโชค นอกจากหมายถึงว่าเป็นมิตรแล้วกลายเป็นศัตรูภายหลัง สงสัยตรงที่อริมาเป็นอุจจ์จะหมายความอย่างไร

82โดย คุณ ศิษย์ 2000

25 nov 2004 19:33#734896ลบ

สวัสดีท่านอาจารย์สส.

ขอตอบว่า มีที่ดินเยอะ น่าจะทำการเกษตร

(ถ้าจำไม่ผิด ที่ท่านอาจารย์ผู้ใหญ่เคยเอามาทายเล่นๆ อาจจะทำธุรกิจบ้านจัดสรรค์ )

83โดย คุณ ศิษย์2000

25 nov 2004 19:37#734898ลบ

ตอบคุณ ๑๔๕

คุณนักเรียนรุ่นหลัง คงยังไม่สบายเนื้อสบายตัว คงยังไม่อยากเจอหน้าพวกเรา เดี๋ยวหายแล้วคงมาเอง ตอนนี้อยากให้คนเห็นใจ

84โดย คุณ สุชาดา

25 nov 2004 21:43#734993ลบ

ขอถามข้อข้องใจทางโหราศาสตร์ค่ะ ลัคนาราศีพฤษภ 15 องศา นวางค์ศุกร์ ตรียางค์พุธ อาทิตย์ 13 องศา 54 ลิบดา อยู่ราศีกันย์, จันทร์ 16 องศา 37 ลิบดา ราศีสิงห์, อังคาร 26 องศา 48 ลิบดา ราศีตุลย์, พุธ 28 องศา 52 ลิบดา ราศีกันย์, พฤหัส 0 องศา 6 ลิบดา ราศีธนู, ศุกร์ 28 องศา 18 ลิบดา ราศีกรกฏ, เสาร์ 6 องศา 1 ลิบดา ราศีสิงห์, ราหู 12 องศา 3 ลิบดา ราศีเมษ, มฤตยู 10 องศา 28 ลิบดา ราศาเมถุน, เกตุ 22 องศา 1 ลิบดา ราศีตุลย์, เกิด 30 กย. 2491 แรม 13 ค่ำ เดือน 10 วันพฤหัส ปีชวด เวลา 22.32 น. อยากทราบว่าดวงที่ผูกนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูก ไม่ทราบว่าผิดตรงไหน ช่วยแนะนำด้วย ช่วยอ่านดวงด้วยค่ะ ปีนี้เป็นอย่างไร ธุรกิจมีอุปสรรคหรือไม่ จะประสบความสำเร็จระยะไหน

สนใจเรื่องดวง 5 ชั้น ด้วยค่ะ อยากทราบรายละเอียด การ อ่านดวง 5 ชั้น และในดวงข้างต้นจะอ่านได้หรือไม่คะ รบกวนอาจารย์ช่วยตอบด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

85โดย คุณ พีร์

26 nov 2004 23:18#736003ลบ

เรียน คุณ สุชาดา

ตำแหน่งดาวทั้งหมด เป็นตำแหน่งดาว ณ เวลา 24.00 น.กท นักษัตร ไม่ใช่ ณ เวลาเกิดจริงครับ

(ตามระบบสุริยยาตร์)

ตามมเวลาเกิดจริงได้

ลัคนา(ลั) ราศี 1 องศา 16 ลิปดา 6 ฤกษ์ 3 นาที 27 นักษัตรฤกษ์ โรหิณี อันเป็น ภูมิปาโล

ลัคนาสถิตราศีพฤษภ เกาะปัญจมนวางค์ ๖ พฤษภ ทุติยตรียางค์ ๔ กันย์ เกี่ยวโรหิณีนักษัตรฤกษ์ที่ ๐๔ ประกอบไปด้วยภูมิปาโลแห่งฤกษ์

อาทิตย์ (๑) ราศี 5 องศา 13 ลิปดา 50

จันทร์ (๒) ราศี 4 องศา 15 ลิปดา 34

อังคาร (๓) ราศี 6 องศา 26 ลิปดา 44

พุธ (๔) ราศี 5 องศา 28 ลิปดา 56

พฤหัสบดี (๕) ราศี 8 องศา 0 ลิปดา 5

ศุกร์ (๖) ราศี 3 องศา 28 ลิปดา 15

เสาร์ (๗) ราศี 4 องศา 6 ลิปดา 0

ราหู (๘) ราศี 0 องศา 12 ลิปดา 40

เกตุ (๙) ราศี 6 องศา 22 ลิปดา 3

มฤตยู (๐) ราศี 2 องศา 10 ลิปดา 28

86โดย คุณ สส.

27 nov 2004 00:15#736047ลบ

# 76 # 80 # 82 ตอบ คุณผู้สนใจศึกษา คุณ 145 คุณศิษย์2000 ดูเฉลยตอนท้ายได้เลยนะครับ

# 81 ตอบ คุณชาติ บังเอิญในดวงชะตาข้างล่างนี้ ก็มี อริเป็นอุจ เช่นกัน ลองอ่านดูด้วยนะครับ ดาวที่ถามมา ราหูอริเป็นอุจอยู่สหัชชะ สังคม(สหัชชะ)ของเขาย่อมมี ความเดือดร้อน(อริ) ใหญ่โต เพราะเป็นอุจ กุมเสาร์ปุตตะ คู่มิตร เนื่องจากทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง ไม่ดูตาม้าตาเรือ (ราชาโชค) คุณอ่าน คำว่า เป็นมิตร เป็นศัตรู 2 เรื่องมารวมกัน ซึ่งไม่ถูก อริ สหัชชะ เป็นเรื่องของเรือน ส่วน คู่มิตรเป็นเรื่องของดาว

0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ดวงชะตาซ้อมมือ ตาม# 59 คำตอบที่ถูกคือ “มีบุตรมาก” ครับ ไม่มีใครตอบถูกเลย แปลกจริงๆ เดิมบอกว่าจะไม่อธิบาย จึงต้องอธิบาย

...ดวงนี้เจ้าชะตาเป็นคนธรรมดา มีพี่น้อง 3 คน รวมเจ้าชะตาด้วย ไม่ร่ำรวย พยายามทำค้าขายหาเงินเลี้ยงชีพ มีที่ดินเพียงแค่ตึกแถวเก่าเล็กๆหนึ่งหลัง มีภรรยา 2 คน ช่วยกันค้าขายบ้าง แต่มีลูกจากภรรยาทั้งหมด 21 คน ภรรยาต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูก ลูกๆที่โต ต้องแยกย้ายกันไปเช่าอยู่ที่อื่นบ้าง เพราะไม่พออยู่ มีปัญหาเรื่องเงินทองอยู่เป็นประจำ เพราะไม่พอเลี้ยงลูก สมัยนั้น ไม่มีใครแนะให้ทำหมัน หรือคุมกำเนิด ที่เอาดวงนี้มาทาย ก็เพราะต้องการให้ได้บทเรียน ที่เราเข้าใจผิด ชอบทายอุจ เกษตร ว่าดี มีเยอะ ทายนิจประ ว่าไม่ดี มีน้อย จะได้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะอุจ เกษตร นิจประ ไม่ได้เกี่ยวกับจำนวน ....กระทู้เขาบอกแล้วว่า ดวงนี้มีสิ่งที่มีมาก เพียงสิ่งเดียว ส่วนสิ่งอื่นจะมีธรรมดาๆ ดังนั้น เราต้องพิจารณาแยกเป็นสองพวกคือ พวกแรก มีเยอะแล้วน่าจะดี ได้แก่ มีที่ดิน และบ้าน พวกสอง มีเยอะ อาจดีหรือเดือดร้อนก็ได้ เช่นมี พี่น้อง ภรรยา และบุตร หากช่วยกันทำกิน จะร่ำรวย คนรวย มีลูกมากยิ่งดี แต่คนจนมีลูกมากไม่ดี กลายเป็นความเดือดร้อน ลองคิดว่า หากมีลูก มีภรรยามาก แล้วสมบัติ ที่ดิน ไม่มากนัก (โจทย์บอกว่า มีมากอย่างเดียว) จะเดือดร้อนไหม

....ดวงนี้อ่านจากไหนก่อนก็ได้ ดูตนุลัคน์ ตัวเขาคือ พฤหัส บริวารเป็นนิจ ตัวเองและภาวะแวดล้อม ย่อมต่ำต้อยน้อยหน้า อยู่เรือนเสาร์ กาลกิณีเป็นเกษตร มีความขัดสนการเงินยืดเยื้อยาวนาน ....สาเหตุมาจากไหน เรือนพฤหัสมี ศุกร์ อริเป็นเดช เป็นอุจด้วย ความเดือดร้อนนั้นมีฤทธิ์เดช แสนสาหัส (อุจ)เป็นต้นเหตุ

....ความเดือดร้อนมาจากไหน อังคาร ปุตตะประ - มีลูกเรี่ยราด เป็นราชาโชค - ได้มาบ่อยๆ เป็นอุตสาหะ – ขยันมีลูก กุมอาทิตย์ศรี – แปลว่ามีสะดวก คล่องๆ ดีที่อยู่เรือนศุกร์คู่มิตร เพียงทำให้รำคาญใจ แต่ก็สร้างความเดือดร้อน เพราะอยู่เรือนอริ ราหู อายุ ที่อยู่ลาภะ กลับยิ่งส่งเสริม อังคารปุตตะ คู่ธาตุ ให้มีบ่อย มฤตยูเรือนอังคาร ก็เสริมจำนวนบุตรเข้าไปอีก

....ข้างฝ่ายภรรยาคือปัตนิ พุธ มนตรี เป็นเกษตรถึงเกตุ ดีตรงช่วยเหลือทำมาหากิน แต่ ดาวไม่มาถึงเจ้าชะตาเท่าไร ดีอยู่เฉพาะที่ปัตนิ ไม่สร้างปัญหาเท่านั้น ปัตนิที่ถึงเกตุนั้น แสดงว่า มีภรรยาอยู่หลายครั้ง ถ้าเป็นคนรวย ก็คงจะมีได้มากมายหลายคน

....พฤหัสพันธุเป็นนิจ พี่น้องก็ต่ำต้อยเหมือนเจ้าชะตา และก็ขัดสนเหมือนกันเพราะเป็นดาวตัวเดียวกับตนุ พฤหัสพันธุ นิจ ในกดุมภะเรือนเสาร์ มีบ้านเล็กๆ เก่าๆ อยู่มานาน (เสาร์) อาทิตย์ ศุภะ เป็นคู่ศัตรูกับ อังคารปุตตะเรือนอริ แสดงว่า บุตรมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ระวังการใช้ทักษาให้ดีๆ เพราะอาทิตย์ ศุภะเป็นศรี แปลว่า สวัสดิภาพ(ศุภะศรี)นั้นลำบาก(อริ) ไม่ได้แปลว่า สบาย

87โดย คุณ j

27 nov 2004 22:08#736628ลบ

ผมสงสัยว่าจำเป็นไหมในการหาลัคนาจะต้องตัดเวลาอาทิตย์ชึ้นตามจริง ทั้งๆที่ตัดเวลาลบจากจังหวัดที่เกิดแล้วยังต้องไปลบกับพระอาทิตย์ขึ้นตามจริงอีกหรือเปล่าครับ เพราะเวลาคนเราเกิดก็เวลาเดินไปตลอด แต่ถ้าตัดเวลาอาทิตย์ขึ้นจริงมันจะไม่คลาดเคลื่อนเหรอครับ และ แบบที่ตัดเวลาท้องถิ่นอย่างเดียวกับแบบที่ตัดเวลาท้องถิ่น+เวลาอาทิตย์ขึ้นจริงๆเช่นหน้าหนาว อย่างไหนจะถูกต้องที่สุดครับ ช่วยชี้แนะให้ทีครับ ขอบคุณมาก

88โดย คุณ แวว

28 nov 2004 03:30#736738ลบ

มีลูก 21 คน แล้วถ้าเกิดท้องเสียพร้อมกันหมด จะทำอย่างไรดีล่ะ ฮี่ ฮี่

89โดย คุณ พีร์

28 nov 2004 22:03#737306ลบ

ที่ผมใช้มามี 2 แบบ

1) ถ้าตั้งต้น ณ เวลาพระอาทิตย์ขึ้นจริงตามจังหวัดต่างๆ แล้ว ไม่ต้องตัดเวลาท้องถิ่น

เช่น เกิด 13.30 น. กรุงเทพฯ ถ้าวันนั้น พระอาทิตย์ขึ้นจริง 6.30 น. ตามเวลานาฬิกาแล้ว

ก็นับเวลาอาทิตย์ขึ้นจริง - เวลาเกิดได้ 13.30 - 6.30 = 7 ชั่วโมง

เวลาหมุนแผ่นหมุน ก็เอาองศาอาทิตย์ไปไว้ที่ 6.30 น.แล้วดูว่า เวลา 13.30 น.ได้ราศีอะไร

2) ใช้แบบการหาแบบสามัญไปเลย คือแบบ ตัดเวลาท้องถิ่น

เช่นเกิด 8.30 น. กรุงเทพฯ

ตัดเวลาท้องถิ่นแล้ว เหลือ 8.12 น. ก็เอาองศาอาทิตย์ไปไว้ที่เวลา 6 น.ในแผ่นหมุน แล้วดูว่าเวลาเกิดที่ตัดเวลาท้องถิ่นแล้ว คือ 8.12 น. ตรงกับราศีใด

แบบนี้ผมใช้เฉพาะคนที่เวลาเกิดไม่แน่นอนเท่านั้นครับ

90โดย คุณ สส.

29 nov 2004 02:42#737448ลบ

# 87 ตอบคุณ j คุณไม่ได้บอกมาว่าเรียนโหราศาสตร์ประเภทใด ระดับไหนแล้ว จึงต้องตอบเป็นกลางๆก่อน หากสงสัยก็ถามมาอีกที ที่ถามเรื่องการตัดเวลาเกิดเพื่อวางลัคนา ดูจากคำถามแสดงว่าคงไม่เข้าใจว่า ตัดเวลาเกิด เพราะอะไร การเวลาเกิด ต้องแยกออกเป็น 2 อย่าง คือ หนึ่ง...ตัดเวลานาฬิกา กับ สอง....ตัดเวลาท้องถิ่น การตัดเวลานาฬิกาก็เพราะนาฬิกาของทุกคน ใช้เวลาประเทศไทย ซึ่งกำหนดใช้มาตรฐานที่เส้นแวงของจังหวัดอุบลราชธานี ดังนั้น ทุกจังหวัดที่มาทางตะวันตกของจังหวัดอุบลฯ ต้องลบเวลาออกเพื่อให้เป็นเวลาที่แท้จริงในตำบลที่เกิด ส่วน การตัดเวลาท้องถิ่น นั้น เป็นการตัดเวลาที่เกิดจากตำแหน่ง ของตำบลที่เกิด ซึ่งอยู่บนเส้น รุ้ง และ แวง ที่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร เหตุผลก็เพราะโลกเรามีการหมุนแกว่ง ซึ่งทำให้เกิดฤดูกาล ดังนั้น ตำบลที่เราเกิดจะ ถูกเบนปัด ห่างจากเส้นศูนย์สูตรตามฤดูกาลไปด้วย การคำนวณเพื่อแก้เรื่องนี้ จึงต้องตัด หรือเพิ่ม เวลา เพื่อ หาลัคนาเกิดให้ถูก

.....การตัดเวลานั้น เดิม คำนวณได้ยาก เพราะต้องอาศัยข้อมูลทางดาราศาสตร์มาช่วย และการจับเวลาตกฟากแบบโบราณ เป็นทุ่ม เป็นยาม ทำได้ไม่ละเอียดพอ โบราณท่านจึงแก้ด้วยการดูดวงอาทิตย์ขึ้นจริงตามฤดูกาล ฤดูร้อนอาทิตย์ขึ้นเร็ว เพราะเดินปัดทิศเหนือ มาตรงประเทศไทย ส่วนฤดูหนาว อาทิตย์ขึ้นช้าและเดินปัดใต้ จึงช่วยแก้เรื่องตำบลที่อยู่หรือเส้นรุ้ง เส้นแวง ได้บ้าง การดูดวงอาทิตย์ก็ใช้เพียงเห็นขอบของดวงอาทิตย์ถือเป็นใช้ได้ ส่วนการตัดเวลานาฬิกาไม่ได้กระทำเพราะไม่ได้ใช้เวลามาตรฐานเช่นปัจจุบัน......ปัจจุบัน มีการคำนวณ และทำตารางสำเร็จของเวลาท้องถิ่นแล้ว มีการตัดเวลานาฬิกาและตัด / เพิ่ม เวลาท้องถิ่น รวมอยู่ด้วยกัน ถ้าทำตามนั้น ก็ไม่ต้องทำอะไรต่ออีก แต่ถ้าใช้วิธีคิดเองคือ ลบเวลานาฬิกา ก็ควรจะตัดเวลาเนื่องจากดวงอาทิตย์ขึ้นด้วย จะได้ครบถ้วน

สำหรับโหราศาสตร์ไทยนั้น แก้ปัญหาด้วยการสอบลัคนา เพราะเวลาอะไรๆก็เป็นเพียงผลจากการคิดเลข ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการวางลัคนา ลัคนานั้นไม่มีตัวตน ไม่ใช่จุด ไม่ใช่พื้นที่ ไม่มีตำแหน่งองศา ไม่มีนวางค์จะอยู่ด้วยซ้ำไป การบอก “องศา” ลัคนาก็เพื่อบอกผลการคำนวณตัวเลขจากเวลาเกิดเท่านั้นเอง 000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

กระทู้ข้อที่เจ็ด – ยังไม่กล้าถามเรื่องยากๆ เลยต้องถามง่ายๆ ต่อไป แต่คำตอบจะง่ายหรือไม่ ไม่กล้าคิด

ในงานการกุศลแห่งหนึ่ง ผู้จัด เชิญนักพยากรณ์โชคชะตาผู้มีชื่อเสียง มาพยากรณ์เป็นพิเศษ 7 ท่าน อยู่ในห้องปิดห้องละหนึ่งท่าน แต่ละห้องจะมีโต๊ะกลมเล็กตั้งตรงกลาง พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ตั้งตรงข้ามกัน นักพยากรณ์กับผู้มารับพยากรณ์จะนั่งคนละตัว หมอดูที่รับเชิญมา ได้แก่

หนึ่ง...หมอดูลูกแก้ว มีลูกแก้วกลมใส ใหญ่ราวคืบหนึ่ง ตั้งอยู่บนโต๊ะกลมตรงกลาง อาทิ หากอยากทราบว่า คู่ครองในอนาคต หน้าตาเป็นอย่างไร ก็จะเห็นได้จากลูกแก้ว หมอดูจะบอกให้ทราบในเรื่องที่ถาม

สอง....หมอดูเซียมซี ผู้รับพยากรณ์ อธิษฐานถามปัญหาหนึ่งคำถาม หมอดูก็จะเสี่ยงชักไม้ติ้วจากกระบอกไม้ขึ้นมาหนึ่งอัน อ่านเลขบนติ้วแล้ว จะออกคำทำนายอนาคตให้

สาม...หมอดูฌาน ให้ผู้รับคำพยากรณ์นั่งหลับตาทำใจให้ว่างๆ หมอดูจะใช้ฌานสมาธิ มองเห็นเหตุการณ์ในอนาคต ให้คำตอบได้ทุกเรื่องที่ถาม

สี่.....หมอดูชีพจร ให้ผู้รับพยากรณ์นั่งวางมือพาดบนโต๊ะ หมอดูจะใช้นิ้วจับชีพจรที่ข้อมือของผู้ที่มารับคำทำนายอยู่สักครู่ แล้วพยากรณ์อนาคตให้

ห้า....หมอดูทรงวิญญาณ ให้ผู้รับคำพยากรณ์นั่งบนเก้าอี้ หมอดูจะเข้าทรงวิญญาณครู มาตอบปัญหาอนาคตที่ต้องการทราบ

หก....หมอดูใบชา ให้ผู้รับคำพยากรณ์หยิบใบชาใส่ถ้วย หมอดูจะชงชาแล้วรินน้ำชาออก เหลือแต่กากชาก้นถ้วย คงรูปทรงอย่างใดก็สามารถทายอนาคตได้

เจ็ด....หมอดูไพ่ยิบซี ให้ผู้รับคำพยากรณ์อธิษฐาน ตัดไพ่ แล้วเลือกไพ่ หมอดูจะเรียงไพ่แล้วทำนายตอบคำถามตามไพ่ที่ปรากฏ

...ทั้งหมดที่กล่าวนี้เป็นการพยากรณ์ที่มีอยู่จริงๆในปัจจุบัน สมมุติว่า ถ้าหากหมอดูทุกท่าน ล้วนเป็นผู้มีความสามารถที่แท้จริง ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีการหลอกลวงใดๆ คำถามมีว่า วิธีพยากรณ์ทั้ง 7 วิธีข้างต้น มีวิธีใดเป็นการพยากรณ์ที่เป็นไปตามหลักวิธีโหราศาสตร์ (เลือกตอบกี่ข้อก็ได้ ให้เหตุผลสั้นๆด้วย)

1) หมอดูลูกแก้ว 2) หมอดูเซียมซี 3) หมอดูฌาน 4) หมอดูชีพจร 5) หมอดูทรงวิญญาณ 6) หมอดูใบชา 7) หมอดูไพ่ยิปซี 8) ไม่มีข้อใดถูก

91โดย คุณ j

29 nov 2004 15:52#737982ลบ

ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมเพิ่งหัดเริ่มต้นมาก เพราะตัวผมเองไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงและแบบไหนก่อน ตัวผมเองตอนนี้กำลังจะเริ่มศึกษาแบบพลูหลวง และผมก็มาดูแบบยูเรเนียนก็น่าสนใจผมจึงจับทางไม่ถูก แต่คิดว่าแบบไหนก็น่าจะเหมือนกันเพราะ ขึ้นอยู่ที่การตีความออกมาและผมก็พยายามเริ่มหัดจากดูของตัวเองก่อน ซึ่งติดขัดตรงเรื่องเวลาแบบที่ถามอาจารย์ไป ว่าราศีที่ลัคนาผมไม่แน่ใจว่าลัคนาจะอยู่ราศีเมถุนหรือพฤษภผมเอาเวลาเกิดจริงลบด้วยจังหวัดที่เกิดจะได้เมถุนแต่ถ้าเอาเวลาเกิดจริงลบด้วยจังหวัดที่เกิดแล้วมาหักกับเวลาอาทิตขึ้นจริงผมเกิดเดือนมกราคม ราศีจะย้ายไปพฤษภ แบบไหนจะถูกต้องที่สุดครับ ขอให้อ.สสช่วยชี้แนะทีเพราะผมสับสนมาก

92โดย คุณ ศิษย์ 2000

29 nov 2004 21:05#738353ลบ

สวัสดีท่านอาจารย์สส.

คำตอบที่แล้วสอบตก

คำถามใหม่ ก็ไม่คุ้นเคยกับวิชาเหล่านี้ การพยากรณ์ที่ใช้หลักโหราศาสตร์อยู่บ้าง น่าจะเป็น

-วิธีพยากรณ์จากเซียมซี น่าจะใช้เลขศาสตร์เข้ามาจับการพยกรณ์ด้วย

-วิธีพยากร์โดยใช้ไพ่ยิบซี เท่าที่พอจะทราบมา ไพ่ใช้แทนความหมายดาว และการเรียงไพ่โดยอ่านแบบ 12 ราศี

ขอตอบว่าน่าจะมีแค่สองชนิดเท่านั้นที่ใช้หลักโหราศาสตร์

93โดย คุณ หนูน้อย

30 nov 2004 07:44#738710ลบ

หมอดูซียมซีครับ แต่คงต้องมีติ้วในกระบอก 28 อันนะครับตรงตามการแบ่งกลุ่มดาวฤกษ์แบบเก่า 28 ฤกษ์ไม่ใช่ 27 ฤกษ์

94โดย คุณ กระต่ายน้อย

30 nov 2004 12:47#738939ลบ

สวัสดีครับท่านอาจารย์สส. เพิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้เมื่อคืนเองครับ นานๆเข้ามาทียังอ่านไม่จบเลยครับ น่าสนใจมากเลยครับ....

ขออนุญาติเข้ามาเรียนด้วยคนน๊ะครับอาจารย์

........................

ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นเท่าที่มีครับ

หมอดูลูกแก้ว หมอดูณาณ หมอดูทรงวิญญาณ ไม่ใช่หลักวิธีทางโหราศาสตร์ เพราะไม่สามารถแจกแจงเหตุผลตามขบวนการได้ เป็นเรื่องของจิตที่ยังอาจมีอุปาทานอยู่ หรือใช้หลักวิธีทางโหราศาสตร์ต่ำสุด

ส่วนหมอดูเซียมซี หมอดูใบชา หมอดูไพ่ยิปซี อาศัยอุปกรณ์ในการทำนาย ซึ่งเปลี่ยนแปลงแค่อุปกรณ์เท่านั้นหลักวิธีนี้อิงอาศัยหลักวิธีทางโหราศาสตร์บ้าง แต่ยังไม่สมบูรณ์เพราะอาศัยสื่อกลางในการทำนาย

ส่วนหมอดูจับชีพจร น่าจะใช้หลักวิธีทางโหราศาสตร์เต็มที่เพราะอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติจุดเล็กร้อยเชื่อมโยงเข้าหาธรรมชาติจุดใหญ่

................

อาจารย์อย่าหัวเราะน๊ะครับ เพราะมั่วสุดฤทธิ์ แหะๆๆ ....ด้วยความเคารพครับ

95โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

1 dec 2004 07:07#739699ลบ

ขอตอบว่าไม่มีข้อใดถูกค่ะ เพราะวิธีการทำนายไม่ได้มีการผสมธาตุดาว ธาตุราศี แต่ไม่ได้หมายความว่าทำนายไม่แม่น

96โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา

1 dec 2004 07:18#739703ลบ

ท่านอาจารย์ สส. และอาจารย์กรวิกคะ

ขออนุญาตถามข้อข้องใจ กรณีคนเกิดวันเสาร์ ลัคนาราศีตุลย์ ๖ไปเป็นอุจจ์ในเรือนอริ กุมกับ ๘ ส่วน ๕ไปอยู่เรือนปุตตะ

หมายความเท่ากับว่า ตัวเขาดาว ๖เป็นศรี แต่ไปตกอริ คือมีเงินทองแต่ทุกข์ใจ กุมกับ ๘จากปุตตะและเป็นเดช เดชตกอริ ทุกข์ห่วงลูกหลาน ใช่หรือไม่คะ

นอกจากนี้ ๖ยังมาจากมรณะด้วย มรณะเป็นอุจจ์ โดยเป็นดาวศรี อย่างนี้แปลว่ามีมรดก แต่เป็นทุกขลาภใช่ไหมคะ

97โดย คุณ การเวก (กรวิก)

1 dec 2004 07:47#739718ลบ

เรียน คุณผู้สนใจศึกษา

วันนี้ผมคงต้องชิงตอบก่อน ตอบผิดเดี๋ยวท่านอาจารย์ลุง สส. จะเข้ามาแก้ไขให้

-ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าการดูเกี่ยวกับเรื่องของมรดกส่วนใหญ่น่าจะเป็น กดุมภะ+มรณะ ถ้าดาว

กดุมภะมาเป็นอุจจ์ในมรณะจะมีความหมายถึงได้รับมรดกก้อนใหญ่ แต่ถ้าเป็นประในมรณะก็ได้นิด ๆ หน่อย ๆ เผลอ ๆ ใช้ไปเม่เหลือให้ลูกหลานอีกต่างหาก

-จากข้อสมมุติของคุณควรจะมีความหมายถึงว่าเจ้าชะตาจะต้องเสียเงินเสียทองไปกับบุตร บริวาร ด้วยความเกเร ที่ระบุเป็นเช่นนี้ เราต้องดูว่า ราหูกับพฤหัสสลับเรือนกัน ราหูเป็นเดช พฤหัสเป็นอายุ ศุกร์เป็นศรี

ในขณะเดียวกัน ราหูเป็นเจ้าเรือนปุตตะ พฤหัสเป็นเจ้าเรือนสหัสชะกับอริ ส่วนดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนตนุและมรณะ แสดงถึงความเสียหายที่เกิดจากการเที่ยวเตร่ของบุตรบริวารก็ได้ การเจ็บป่วยของบุตรบริวารก็ได้

(โดยเฉพาะการเจ็บป่วยต้องระวังเรื่องโรคของบุรุษ-

สตรีเป็นพิเศษ) การเสียหายดังกล่าวจะเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร

ผมหวังว่าคำอธิบายดังกล่าวคงเป็นแนวทางให้คุณได้บ้างไม่มากก็น้อย สวัสดีครับ

98โดย คุณ สว่างนภา

1 dec 2004 09:31#739813ลบ

เรียน อาจารย์สส.

กระทู้ที่เจ็ด ขอตอบข้อ 6 หมอดูใบชา

เป็นไปตามหลักโหราศาสตร์ เพราะมีการหยุดอยู่ -แปรปรวน- เคลื่อนไป ตามแนวทางที่อาจารย์ได้บรรยายไว้ในหัวข้อก่อนๆ คำถามของอาจารย์ง่ายก็จริง แต่เมื่อนำไปคิดแล้วจะตอบนี่เครียดมากเลยค่ะ ผิดพลาดอย่างไรแนะนำด้วยนะคะ

99โดย คุณ กัน

1 dec 2004 13:06#740019ลบ

ดิฉันเริ่มปรึกษานักพยากรณ์ตั้งแต่อายุ 29 - 33(ปัจจุบัน) มาแล้วหลายท่านแล้วค่ะ แต่ละท่านพยากรณ์ในเรื่องงานไม่เหมือนกันเลยค่ะ ทำให้ตอนนี้เลยศึกษาโหราศาสตร์เบื้องต้นจากเวบต่าง ๆ(เวลามีน้อย) รบกวนถามผู้รู้ทุกท่านด้วยนะคะ(คำถามอาจจะไม่น่าถามก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ)

.....ลัคนาราศีเมษ มีดาวคู่ธาตุ 1,7 สถิตอยู่แต่ดาวเสาร์เป็นนิจ อาทิตย์เป็นอุจน์

.....ตนุลัคน์(3 อุจน์) สถิตภพกัมมะ ร่วมกัน 8(ราหูเป็นมหาจักร จากภพลาภะ-ราศีกุม) ราศีมังกร(ธาตุดิน) มีเสาร์เป็นเจ้าเรือน

.....ตนุลัคน์(3) เป็นเจ้าเรือนมรณะมี ดาว 5(มหาจักร) สถิตอยู่ ราศี พิจิก ไปเป็นเจ้าเรือนวินาศน์ในราศีมีนและเจ้าเรือน ศุภะ , มีดาว 2 เป็นเจ้าเรือนพันธุ์,4(นิจ) ภพสหัชชะ 6(อุจน์)ปัตนิและกดุมภะ

.....๓ ราศี มังกร สลับเรือนกับ ๗ ราศี เมษ. [เกษตร]

.... ๑ ราศี เมษ. สลับเรือนกับ ๒ ราศี มีน [อุจาวิลาศ]

.....๕ ราศี พิจิก สลับเรือนกับ ๗ ราศี เมษ. [ราชาโชค]

.....๑ ราศี เมษ. สลับเรือนกับ ๒ ราศี มีน [มหาจักร]

.....ภพอริ(ราศีกันย์) มี 0,9 สถิตอยู่ ดาว 4 เจ้าเรือน(นิจ) ไปสถิตที่ ภพ12 วินาศน์

.....นักพยากรณ์บางท่าน บอกว่าสู้แล้วจะรวย แต่เหนื่อยมาก ๆ หน่อยสำหรับผู้หญิง.....บางท่านก็บอกว่าอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ทำธุรกิจอะไรไปก็เจ๊งอย่างดีก็อยู่ได้แค่ 3 ปี 7 เดือน, ล้มแล้วลุกใหม่ไปเรื่อย ๆ ส่วนด้านชีวิตส่วนตัวไม่ต้องไปคิด หาความสุขในชีวิตยาก

?.....ดิฉันอยากรู้ว่างานดีหรือไม่ เพราะ 3,8 อยู่ในธาตุดิน ถ้าสู้แล้วรวยจริง ๆ หรือ(ไม่ได้ต้องการรวยมากมายอะไรนะคะ แค่ยามชราไม่ลำบากมากก็พอ) จะได้จุดไฟให้ตัวเองอีกครั้งตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่สว่างดังเดิม

?.....พฤหัส เป็น 8 แก่ ลัคน์ เป็น พินทุ ,จันทร์ เป็น 3 แก่ ราหู มีผลเสียต่อดิฉันมากมั๊ยค่ะ

.......ตอนนี้ทราบข้อเสียต่าง ๆ ของตนเอง(จากการศึกษาโหรศาสตร์เองบ้าง) ในเรื่องต่าง ๆ ช่วยให้ดิฉัน เปิดใจที่จะเรียนรู้และเข้าใจคนรอบข้าง และยอมรับถึงบทบาท หน้าที่ที่แตกต่างกันมากขึ้น กลับมาอ่านหนังสือทางด้านปรัชญาและศาสนาอีกครั้งนึง ซึ่งทิ้งไปตั้งแต่เริ่มทำงาน

.....ปัจจุบันทำงานทางด้านคอมฯ นักพัฒนาระบบงาน เป็นอาชีพที่รัก แต่รู้สึกไม่สงบ (ใจจริงอยากจะไปทำไร่ทำสวน ในบั้นปลายชีวิต เพราะรู้สึกชอบอยู่กับต้นไม้ แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ได้แต่ศึกษาข้อมูลไปก่อน แต่ไม่ทราบว่าจะมีเงินออมไปทำความฝันได้หรือไม่) เป็นคนไกลญาติและพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กค่ะ ปีนึงเจอกัน 1 - 2 ครั้ง ปีนี้มีน้องสาวมาอยู่ด้วย ก็รู้สึกดี แต่ต้องปรับตัวเพราะเราอยู่คนเดียวมานาน

.....กรุณาช่วยให้ความรู้แก่ดิฉันเพิ่มเติมด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ.

100โดย คุณ การเวก (กรวิก)

1 dec 2004 15:58#740307ลบ

เรียน คุณกัน

ขอทราบ วัน เดือน ปี และเวลาเกิด สถานที่เกิด

ด้วยครับ


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 01:01น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 3


101โดย คุณ กัน

1 dec 2004 22:34#740570ลบ

เรียน คุณการเวก ตรง ๆ เลยนะคะตอนแรกตั้งใจว่าถามแบบนี้ จะได้ไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวในที่สาธารณะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ จะได้เป็นกรณีศึกษา ต่อตนเองและผู้อื่นที่สนใจ เพราะเรื่องนี้ยังค้างคาใจอยู่ค่ะ. ดาวดีอยู่ในภพที่เสียทั้งนั้นเลย...เรื่องงานน่าจะดี(แบบเหน็ดเหนื่อย) อย่างเดียว แต่ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ. ขอบคุณค่ะ

.....24 เมษายน 2514 เวลา 7.19 น. จ.พัทลุง

102โดย คุณ lad

2 dec 2004 01:32#740674ลบ

อ่า พอมีโอกาศตอบบ้าง จากหลักเกณฑ์ของโหราศาสตร์ที่ผมเข้าใจ คือ การเข้าใจธรรมชาติ และนำธรรมชาตินั้นมาอธิบายเรื่องราว

1) หมอดูลูกแก้ว ไม่น่าจะให้

2) หมอดูเซียมซี ก็ไม่เข้าเกณฑ์ อยู่ในลักษณะการเสี่ยงทายมากกว่า

3) หมอดูฌาน ไม่เข้าเค้าเลย

4) หมอดูชีพจร คล้ายกับหมอแมะ เกี่ยวกับลักษณะทางธรรมชาติ และชีวิตของคนโดยตรง น่าจะใช่

5) หมอดูทรงวิญญาณ ก็ไม่เข้าเกณฑ์

6) หมอดูใบชา เป็นการเสี่ยงทายโดยใช้การสังเกตุธรรมชาติ น่าจะใช่

7) หมอดูไพ่ยิปซี ไม่แน่ใจ

สรุป ผมเลือก 2 ข้อ คือ หมอดูชีพจร และ ดูใบชา ครับ

103โดย คุณ สส.

2 dec 2004 03:57#740727ลบ

# 92 ตอบ คุณศิษย์ 2000 ตอบเร็วตามเคย เหตุผลน่าฟังดี รับไว้ก่อนนะครับ

# 93 ตอบ คุณหนูน้อย เรื่องจำนวนเซียมซีถูกแล้วครับ ส่วนใหญ่ใช้ 28 อันเท่าจำนวนฤกษ์ในโหราศาสตร์จีน โดยถือฤกษ์ที่ 0 ด้วย ปัจจุบันก็ใช้อยู่

# 94 ตอบ คุณกระต่ายน้อย คำตอบมีเหตุผลดี ไม่เห็นมั่วเลย

# 95 ตอบ คุณผู้สนใจศึกษา สรุปกระชับดีจริงๆครับ

# 102 ตอบ คุณ lad เหตุผลเข้าท่าเลย ตอนนี้คิดคล่องแล้วนะครับ

# 98 ตอบ คุณสว่างนภา อย่าเครียดครับ คิดกันเล่นๆให้ประเทืองปํญญา ถ้าบอกกันเลยเราจะไม่ได้พัฒนาตัวเอง

# 91 ตอบคุณ j การตัดเวลาเพื่อหาองศาลัคนา ใช้กำหนดได้เบื้องต้นเท่านั้น จากข้อมูลเท่าที่คุณบอกมา ผมลองสอบลัคนาดู ลัคนาคุณอยู่ราศีมิถุน ในจักรราศีแบบโหราศาสตร์ไทย (นิรายนะ) และในแบบสากล (สายนะ) ด้วย คุณโพสต์เข้ามาที่กระทู้เดิม ครั้งแรก (173) วันเสาร์ที่ 27 พย.47 เวลา 14 :10 น. ตอนนั้น เสาร์จรมิถุน ทับลัคนาอยู่ ราหูจรเมษ จันทร์อยู่พฤษภ เกตุอยู่สิงห์ พฤหัสอยู่กันย์ อังคารกุมศุกร์อยู่ตุลย์ อาทิตย์กุมพุธ อยู่พิจิก มฤตยูอยู่กุมภ์ สำคัญตรงจันทร์เพ็ญพอดีวันนั้น อ่านดวงจรพฤติกรรมได้ว่า “เจ้าชะตากำลังถามปัญหาในวิชาเก่าๆ โดยใช้การสื่อสารผ่านสื่อ มีความลังเลหลงทาง” แต่ถ้าลัคนาคุณอยู่ราศีพฤษภ จะอ่านได้ว่า “เจ้าชะตา กำลังรื้อ แก้ไข อุปกรณ์ที่เสีย หรือ คุยอยู่กับคนรู้จักมักคุ้น” บังเอิญคุณไม่มีเจตนากำหนดเวลาโพสต์กระทู้เข้ามา จึงบอกลัคนาได้........คุณใช้ลัคนาราศีมิถุนได้เลย จนกว่าคุณจะพิสูจน์ได้ในภายหลังว่า เป็นราศีอื่น ระหว่างนี้ให้บันทึก วันเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ของตัวเอง หรือญาติที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดเอาไว้ เช่น อุบัติเหตุ ย้ายบ้าน เปลี่ยนโรงเรียน ได้รางวัล ถอนฟัน เจ็บป่วย ฯลฯ เพื่อเอาไว้ตรวจสอบลัคนา อยากเรียนโหราศาสตร์ระบบใดก็ได้ ที่สำคัญคืออย่าเอาหลักวิชาโหราศาสตร์ต่างประเภทกัน มารวมปนเปกัน เพราะมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน หนังสือของท่านอาจารย์ประยูร อุลุชาฏะ (พลูหลวง)

ก็เป็นพื้นฐานที่ดี ควรไปอ่าน “โลกธาตุ” ที่คุณสว่างนภามีน้ำใจมาช่วยโพสต์ไว้ด้วย ก็จะเป็นประโยชน์มากนะครับ

# 96 ปัญหา คุณผู้สนใจศึกษา และ # 99 ปัญหาคุณกัน ขอยกยอดไปพรุ่งนี้นะครับ ผมขอเวลาสักนิด

104โดย คุณ จีระนันท์

3 dec 2004 00:42#741668ลบ

ขอความเข้าใจเรื่องดาวสลับเรือนครับ

ความหมายของดาวสลับเรือน

และความสำคัญของดาวสลับเรือนมีอิทธิพลอย่างไร

ยกตามตัวอย่างนี้ จะอ่านความหมายอย่างไรครับ

ดวงกำเนิด มีดาวสลับเรือนกันดังนี้ :

๑ ราศี พิจิก สลับเรือนกับ ๘ ราศี เมษ. [อุจจ์]

๒ ราศี มีน สลับเรือนกับ ๔ ราศี พิจิก [นิจ]

๕ ราศี กันย์ สลับเรือนกับ ๗ ราศี เมถุน [อุจาวิลาศ]

๑ ราศี พิจิก สลับเรือนกับ ๗ ราศี เมถุน [ราชาโชค]

๕ ราศี กันย์ สลับเรือนกับ ๗ ราศี เมถุน [มหาจักร]

ขอบคุณครับ

105โดย คุณ จีระนันท์

3 dec 2004 01:03#741682ลบ

อ้อ..ผมขอทายข้อ 2 กับข้อ 6 ครับ คือการทายโดยใช้เซียมซี กับใบชา..

ถามอีกข้อครับ สงสัยว่าเวลาจดทะเบียน จะนับส่วนไหนเป็นฤกษ์ได้บ้างครับ

1.เวลาเข้าไปขอแจ้งจดทะเบียนกับเจ้าหน้าที่

2. เวลาสามีภรรยาเริ่มเซ็นชื่อลงนาม

3. เวลารับใบสำคัญทะเบียนสมรส

ผมจดทะเบียนวันที่ 23 พย. 2547 เริ่มเข้าไปเวลา 9.35 เซ็นชื่อลงนาม 9.56 ลงนามเสร็จ 9.58 รับใบทะเบียน 10.04

ผมเกิด เสาร์ 15 พย.2512 เวลา 9.00 น.

ภรรยา จันทร์ 8 มีค. 2525 เวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง

มีผู้รู้ทักว่าราหูเล็งลัคน์ คือเป็น 5 แก่ลัคน์ ไม่เหมาะกับการแต่งงาน ลัคน์ตกราศีธนู

บางคนว่าดีแต่งแล้วรวยเพราะ เสาร์กับจันทร์ได้องค์เกณฑ์ ตกนระกับอัมพุช เสาร์เป็นกดุมภะในเรือนปัตนิ และเป็นอุดมเกณฑ์ เพราะเป็น 7 แก่ลัคน์ ศุกร์ก็เป็นอุดมเกณฑ์

ส่วนราหูเป็นเจ้าเรือนกดุมภะในภพปุตตะ ดีต่อการทำงานอาชีพเกี่ยวกับเด็ก

อีกท่านว่าเสาร์เป็น 7 แก่ลัคน์ เป็นพินทุ แถมราหูเล็งลัคน์ ลูกเมียต้องตายจาก พฤหัสก็เป็นประ พุธก็เป็นประ เป็นเจ้าเรือนปัตนิในภพวินาศ ไม่ดีเรื่องคู่ ศุกร์ที่ว่าดีก็เป็นเจ้าเรือนอริในภพลาภะ

สรุปแล้วดีหรือไม่ดียังไงแน่ครับ ถ้าไม่ดีควรจะมีวิธีแก้ไขยังไงหรือเปล่า เพราะผมกังวลที่ทักว่าลูกเมียต้องจากนี่ คิดมากเลยครับ

106โดย คุณ สส.

3 dec 2004 03:50#741732ลบ

# 96 ตอบ คุณผู้สนใจศึกษา อาจารย์การเวกท่านตอบดีแล้วครับ ผมขออนุญาตเพิ่มเติมเล็กน้อย เวลาดูดวงชะตาประกอบทักษา ใส่ทักษาทีหลังก็ได้ ดาวที่ถามมา ศุกร์ตนุ เป็นอุจ กุมราหูปุตตะในอริ - ชะตาชีวิตก็ต้องไปต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อแสวงหาความสำเร็จ พฤหัสอริ ในปุตตะ - ความพยายามนั้นจะบังเกิดผลหลังจากล้มๆลุกๆอยู่หลายหน แต่ ลูกหลาน ราหูปุตตะ เป็นอริสหัชชะ - ก่อความเดือดร้อนรอบด้านให้เจ้าชะตา หรือเพราะว่าเจ้าชะตาชอบทำอะไรที่มักง่ายขาดเหตุผล ศุกร์มรณะเป็นศรี กุม ราหูปุตตะเดชเรือนอายุ - ต้องเอาสมบัติมรดกที่มีสะสมมา ใช้จ่ายเปลืองไปจนร่อยหรอ พฤหัสอริอายุ ไปอยู่เรือนเดช - กรณีมรดกก็มักขัดแย้งแก่งแย่งแบ่งปัน เกิดปํญหาอยู่นานจนกว่าจะลงตัว

# 99 ตอบคุณกัน ที่คุณบอกว่าอะไรกับอะไรแลกเรือนกันอุตลุด ไปจำใครมาก็ไม่รู้ ลัคนาอยู่ราศีเมษถูกแล้ว อาทิตย์ปุตตะอุจร่วมเสาร์ กัมมะ นิจ กุมลัคนา - คุณทำงานด้านคอมพิวเตอร์ และพํฒนาระบบงานและบอกว่าเป็นวิชาที่รัก แต่ไม่สงบก็เพราะว่า คุณไปตั้งกฎเกณฑ์ให้คนอื่นทำ โดยที่ตัวคุณเองไม่ค่อยมีระบบงาน .....อังคารตนุมรณะอุจ ร่วม ราหูลาภะ ในกัมมะ - และทำงานถือความเห็นความสำเร็จของตนเป็นหลัก ก็เลยมีปัญหาข้อขัดแย้งในงานอยู่โดยตลอด.....ศุกร์กดุมภะอุจ ร่วมจันทร์พันธุ ร่วมพุธสหัชชะอรินิจ ในวินาสน์ - ดวงนี้ถ้าสู้แล้วรวยโดยไม่คำนึงถึงอะไรก็รวยได้แน่ เพียงแต่รวยอยู่นานเท่าไรไม่รับประกัน แต่ถ้าใจเย็นๆ อย่าทำอะไรใหญ่เกินตัวก็ไม่เจ๊ง เหมือนกับเราเป่าลูกโป่งที่มีตำหนิ ให้เป่าช้าๆ อย่าโลภมากจนตึงเกินขนาด ก็อยู่ได้สบายๆเหลือเฟือ ไม่แตก (แต่ตอนกำลังรวย คุณจะไม่ยอมฟังใคร - มันแย่ตรงนี้)....พฤหัสศุภะเป็นมรณะในดวงนี้เสียตรงที่ ตนเองไม่ค่อยเข้าใจครรลองของงานที่ทำ......ราหู อังคารเป็น 11 แก่จันทร์ศุกร์พุธ ถ้าพยายามเห็นอกเห็นใจคนอื่นให้มาก ระวังเรื่องหนี้สินเครดิตให้ดี ทางดาวก็ไม่เสียอะไร ดวงนี้ยิ่งทำงานไปก็ยิ่งเก่ง เพียงแต่บริหารไม่ค่อยได้ และมีอุปสรรคเสมอๆ

# 104 # 105 คุณจีระนันท์ เห็นคำถามแล้วนะครับ ผมไม่ค่อยว่าง ขอ 2 – 3 วัน คงตอบ

107โดย คุณ กัน

3 dec 2004 13:05#742036ลบ

คุณ.สส ขอบคุณมากๆ ค่ะ รู้สึกดีมากค่ะ คงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ดีทีเดียว ดิฉันป่วยสารพัดโรคมาตั้งแต่จำความได้ สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ตนเองและแม่มาตั้งแต่เด็ก ช่วงที่เลวร้ายที่สุดคือตอนอายุ 16 - 21 ในแต่ละปีมีไม่กี่คืนที่ดิฉันหลับได้อย่างปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ดิฉันทรมานมากจนต้องนั่งสมาธิพร้อมทั้งน้ำตาเป็นประจำ แต่พยายามปกปิดไม่ให้คุณแม่รู้และเป็นเหตุผลที่มาอยู่กับคุณยายที่ภาคกลาง

ดิฉันต้องต่อสู้กับสุขภาพที่แย่ ในขณะที่อยู่ในวัยเรียน โรคนี้หายขาดเมื่ออายุ 27 เพราะได้รับการักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ปัจจุบันมีแค่ภูมิแพ้โรคเดียวที่คงไม่จากไปไหนและไม่ทรมานมาก แค่หงุดหงิดบ้างในบางครั้งและสามารถหลีกเลี่ยงได้

เป็นส่วนหนึ่งที่ดิฉันคาดหวังจากคนรอบข้าง ที่มีสุขภาพดี(เป็นลาภอันประเสริฐ) น่าจะมีความขยันหมั่นเพียรและคุณภาพของงานอยู่ในเกณฑ์ดี ดิฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้รุกรานใคร ทำให้ผู้อื่นสูญเสียความปลอดโปร่งหรือขุ่นเคืองใจ ที่ผ่านมาได้รับบทเรียนมาพอสมควร.

108โดย คุณ จีระนันท์

3 dec 2004 15:16#742169ลบ

ขอบคุณครับ คุณ สส. จะตั้งตารอครับ..เรื่องนานไม่เป็นไร ขอให้ได้ความรู้และได้ผู้ชี้แนะครับ อ้อ ผมลองหัดผูกดวงผมแล้วสงสัยครับ

ตามพื้นดวง อาทิตย์กับเสาร์ของผมเป็นนิจ อังคารเป็นอุจน์ ในภพกดุมภะแต่เป็นเจ้าเรือนวินาศ

แต่พอลงนวางจักร เสาร์กลับเป็นมหาจักรในราศีพฤษ ได้พุธเป็นมหาจักรในราศีสิงห์ อังคารกลับเป็นราชาโชคในราศีพฤษ อาทิตย์เป็นราชาโชคในราศีเมถุน แต่ไม่ตกเรือนใดเลย

1. ผมผูกดวงถูกต้องแล้วหรือยัง

2. การที่ดาวเสาร์และอาทิตย์เป็นนิจ แต่ในนวางจักรกลับเป็นมหาจักรและราชาโชค ผมควรจะอ่านความหมายอย่างไรถึงถูกต้องครับ

3. ดาวพุธเป็นตนุเศษ พฤหัสเป็นตนุลัคน์ การที่พุธได้ทั้งมหาจักรและราชาโชค มีความหมายถึงตัวดวงเพิ่มเติมหรือไม่

4. พื้นดวงราหูเป็นเกษตร เป็นเจ้าเรือนสหัชชะในภพสหัชชะ แต่ในนวางค์จักรกลับเป็นนิจในราศีพฤษ ถ้าผมอ่านว่าเริ่มต้นมีมิตรสหายดีเกื้อกุล แต่มิตรสหายนั้นหลังๆจะกลับเป็นผู้ให้ความเดือดร้อน จะถูกหรือไม่

5. พื้นดวง ศุกร์เป็นเกษตร และมูลเกษตร เป็นเจ้าเรือนลาภะในเรือนลาภะ เป็นเจ้าเรือนอริในภพลาภะ แต่นวางจักรกลับไม่ใช่ แปลว่าชะตาเจ้าชะตาเบื้องหน้าดูเป็นผู้มีหลักฐานบริบูณ์ แต่แท้จริงไม่ใช่ ถูกหรือไม่

6.ลัคน์ไม่มีดาวกุมจะทำนายยังไงได้บ้างครับ แล้วถ้าลัคน์อยู่ราศีธนู แต่นวางจักรอยู่ราศีเมษ มีมฤตยูกุม จะหมายความว่าอย่างไรครับ

หมายถึงเราเอาดาว 0 มาพิจารณาประกอบได้หรือปล่าว

7. มีผู้รู้บอกว่า ผู้ที่จะเป็นหมอดูได้มักมีดาว จ กุมลัคน์ จริงหรือครับ แม้ว่าจะเป็นการกุมในนวางจักรจะเกี่ยวกันหรือไม่ กับการศึกษาด้านโหราศาสตร์

จากที่ลองฝึกหัดผูกดวงทั้งหมดนี้ จะถูกผิดประการใดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะศึกษาเอาจากหนังสือและเว็บไซต์ ซึ่งก็คงไม่เท่ากับการได้ไปเรียนโดยตรงกับครูผู้สอน แต่ครั้นจะแค่รบกวนให้ดูให้ก็เหมือนเป็นการรบกวนเปล่าๆ ไม่ได้ทั้งความรู้และฝึกฝนไปพร้อมๆกัน (เนื่องจากเป็นดวงตัวเองก็จะสามารถเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้เห็นจริงเป็นความรู้ความเข้าใจน่ะครับ ถือโอกาสยิงนกทีเดียวให้ได้หลายๆตัวหน่อย)

ยังไงรบกวนชี้แนะเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ

ผมสนใจศึกษาจนเป็นงานอดิเรกประจำวันที่จะลองผูกดวงลองอ่านอยู่คนเดียว เพิ่งจะเป็นกบในกะลาที่เปิดออกมาพบครูบาอาจารย์ และผู้รู้ ผิดพลาดอย่างไรก็อย่าถือสานะครับ ..

109โดย คุณ มือใหม่(ทแนะ)

3 dec 2004 20:09#742334ลบ

เรียน อาจารย์ การเวก(กรวิก) และ คุณกัน

จาก 99 ......ลัคนาราศีเมษ มีดาวคู่ธาตุ 1,7 สถิตอยู่แต่ดาวเสาร์เป็นนิจ อาทิตย์เป็นอุจน์

จาก 101 ....24 เมษายน 2514 เวลา 7.19 น. จ.พัทลุง ทำไมผม คำนวนแล้ว (ลบเวลาท้องถิ่น (พัทลุง) ได้เวลาเกิดสุทธิ 07:00 น.) ลัคนาอยู่ที่ราศี พฤษก ก็ไม่รู้ครับ มี ๑ เป็นตนุเศษครับ อาจารย์ ชี้แนะด้วยครับ

110โดย คุณ สส.

5 dec 2004 03:36#743331ลบ

# 104 # 105 # 108 ตอบคุณจีระนันท์ เรื่องดาวสลับเรือนนั้น สลับกันได้เฉพาะที่เป็นเกษตรเจ้าเรือน เท่านั้น เช่น พุธอยู่ราศีเมษ และ อังคารอยู่ราศีกันย์ ส่วนดาวที่คุณว่ามานั้น เป็นการ “สลับที่” แม้จะมีตำแหน่งมาตรฐานใดๆก็ไม่ได้เรียกว่าสลับเรือน ด้วยเหตุที่ไม่ใช่เรือนของตน จะเอาไปสลับกับใครได้อย่างไร เหมือนมีคนมาอาศัยอยู่บ้านคุณ แล้ววันดีคืนดี เขาเอาบ้านคุณไปแลกกับบ้านคนอื่น นั่นแหละ ความจริงดาวสลับเรือนก็ไม่ได้มีความหมายอะไรต่างจากดาวทั่วไป แต่เป็นเพราะการสัมพันธ์เรือนทำให้เหตุแห่งเรื่องราวนั้นคล้ายเกษตร เขาจึงเรียกว่า “อนุเกษตร” ซึ่งอาจจะสลับกันกี่ดาวกี่เรือนก็ได้ และจะสำคัญหรือไม่สำคัญก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตาโดยรวม ไม่ใช่มีความสำคัญเฉพาะที่สลับเรือน

.....ส่วนเรื่องฤกษ์ที่ถาม เวลาทั้งหมดที่แจ้งมาล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรที่สำคัญนับเป็นฤกษ์สักอย่างเดียว ที่คุณว่า “ผู้รู้” ทายทักอย่างโน้นอย่างนี้ ถ้าคุณฟังมาไม่ผิด ไม่ได้คิดเอาเอง ก็แสดงว่าทั้งหมดนั้นคือ “ผู้(ไม่)รู้(เรื่อง)” เพราะข้อความทั้งหมดไม่มีสาระอะไรเลย คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่อง “ฤกษ์” และยังไม่รู้ว่า “ฤกษ์คืออะไร? ” ถ้าหากแต่งงานตามเวลาใด แล้วสามารถมีผลดี ทำให้ร่ำรวย หรือทำอาชีพโน้นดี อาชีพนั้นไม่ดี แถมยังมีลูกเมียจะตายจากด้วย อย่างนั้น หากเราทุกคนไปแต่งงานตามฤกษ์ แล้วจะร่ำรวยหรือดีเพิ่มขึ้นมาจากที่ควรได้อยู่แล้ว ผมว่าลูกเล็กเด็กแดงคงจะแห่ไปจดทะเบียนแต่งงานกันหมด ถ้าคุณนับถือศาสนา เชื่อเถอะว่า เวรกรรมที่คุณกระทำมานั่นแหละเป็นสิ่งที่กำหนดชีวิตของคุณ ที่เป็นมา และจะเป็นต่อไป โหราศาสตร์เองก็บอกเพียงแต่ความเป็นมา เป็นไป ที่น่าจะเป็น ไม่น่าจะเป็น อยากจะเป็น ไม่อยากจะเป็น แต่ก็เป็นได้ หรือ อาจจะไม่เป็นก็ได้ เมื่อรู้แล้วจะไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย

......ลัคนาอยู่ราศีธนูถูกแล้ว.....การดูนวางคจักรนั้น เบื้องต้นต้องเข้าใจว่า นวางค์ที่เห็นดาวมีตำแหน่งดีหรือเลวก็ตามเป็นส่วนย่อยของราศี อย่างเช่น ในราศีมีตำแหน่งไม่ดี แต่ในนวางค์ตำแหน่งดี ก็เหมือนมะม่วงเสีย แต่มีบางส่วนดี ถึงอย่างไรก็ยังเป็นมะม่วงลูกเดิมอยู่ ดังนั้นการดู นวางคจักร ก็ต้องเชื่อมโยงอ้างอิง ราศีที่เป็นต้นตอของมันเป็นหลักก่อน ไม่ใช่ดูแบบพลิกความหมายเดิมของราศี อย่างที่เราชอบดูกัน นี่เป็นเพียงเบื้องต้น แต่การอ่านดวงนวางค์นั้นมีเทคนิค (เคล็ดลับ) อยู่มาก เขียนเป็นตำราคงได้หลายเล่ม คนที่ดูดวงนวางคจักรได้ดี ลึกซึ้ง ควรจะมีความรู้ธรรมชาติของราศี และดาว รวมทั้งมีประสบการณ์ดูดวงราศีจักรมาสัก 7 – 8 ปี ถ้าเป็นโรงเรียน ก็ระดับมัธยมปลาย จึงจะเล่นได้ ไม่ใช่คนเพิ่งหัดเรียน......ดาวเป็นตนุเศษ เบื้องต้นก็ดูธรรมชาติจิตใจของเจ้าชะตา ตนุลัคน์ก็คือตัวเจ้าชะตา วาสนา ความเป็นไปของชีวิต......ลัคน์ไม่มีดาวกุมก็ทายเจ้าเรือน คือตนุลัคน์นั่นแหละ ลัคน์อยู่นวางค์ เป็นเรื่องการคำนวน อย่าเพิ่งไปดูว่าอะไรกุม เพราะดาวใน นวางค์ไม่ใช่ดาวกุมลัคน์.......คนที่อยากจะเป็นหมอดู ดาวทั้งสิบดวง ดาวอะไรๆก็เป็นได้ทั้งนั้น แต่การเป็นโหรที่ดีได้ จะต้องมีดาวอีก 2 ดวงกุมลัคนา คือ ดาวศีลธรรมจรรยา กับ ดาวจิตใจเมตตากรุณา นอกจากนั้น ควรเป็นผู้มีความฉลาดจริงใจ ไม่โง่งมงาย ไม่เชื่อง่าย เป็นผู้มีเหตุผล ละเอียดรอบคอบ สายตายาว มีความละอายต่อบาป รู้สำนึกผิดชอบชั่วดีที่จะไปทำนายใคร สุภาพ มีสัมมาคารวะ รู้จักเคารพอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ และครูอาจารย์ สุจริตจริงใจต่อศิษย์และผู้ที่ด้อยกว่า สุภาพอ่อนโยน กตัญญูรู้คุณคน ไม่ดูหมิ่นใคร ไม่โลภ ไม่เย่อหยิ่งยกตนข่มใคร รู้แล้วไม่กำแหง รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เท่านี้แหละครับ เป็นสิ่งสำคัญกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าใดๆทั้งหมด หากขาดคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว เคล็ดลับวิชาดีเลิศเพียงใด ก็จะเสื่อมสูญไปไม่ได้ผล

111โดย คุณ จีระนันท์

6 dec 2004 00:12#743903ลบ

ขอบคุณ คุณ สส.ครับที่กรุณาสละเวลามาอธิบาย งั้นเรื่องฤกษ์ผมคงเอาตามเดิม คือฤกษ์สะดวกตามพระพุทธเจ้าท่านสอนตามเดิม

พอดีมีคนที่เป็นผู้รู้แนะนำเยอะมาก ทักก็เยอะมาก บังเอิญส่วนใหญ่ไม่ค่อยดี มีแต่ทักเรื่องร้ายๆ ผมเองก็เจียมตัวว่ายังอยู่ในระหว่างเรียนรู้ มีประสบการณ์ในการผูกและอ่านดวงเฉพาะในแวดวงเพื่อนฝูง ส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อทดลองความเข้าใจการอ่านมากกว่า จึงต้องขวนขวายแสวงหาผู้รู้จริงมาแนะนำอย่างที่ถามนั่นแหละครับ

ตกลงสรุปว่าคงไม่มีอะไรต้องกังวลนะครับ เรื่องฤกษ์ที่ถามมา

ขอบคุณที่อธิบายการแลกเรือนครับ ผมเริ่มเห็นแล้วว่าที่ว่าหลายคนใช้คำว่าสลับเรือนนั้น ใช้ข้ามเรื่องก็มีทำให้ผู้ร้น้อยที่ไม่มีอาจารย์โดยตรงอย่างผมเกิดความสงสัย งงอยู่พอสมควร แต่เมื่อได้คำยืนยันจากอาจารย์หลายท่านผมก็คิดว่าที่เข้าใจเดิมนั้นถูกแล้ว แต่ก็ยังเกิดคำถามเล็กน้อย ว่าการสลับที่ มีความหมายอย่างไรในการพยากรณ์หรือเปล่า

ขอบคุณที่ชี้แนะเรื่องนวางจักรครับ ที่อธิบายเป็นผลมะม่วงเห็นภาพชัดเจนดี ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าโง่ครับ

ได้คุณ สส.แนะนำ ก็มีหัวคิดขึ้นมาหน่อย

คิดว่าถ้ามีเวลาว่างจริงๆ จะตัดสินใจเรียนเป็นเรื่องเป็นราวน่าจะได้วิชาจากอาจารย์มากกว่า.. ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คิดยึดอาชีพหมอดู แต่ตั้งใจจะเอาไว้ดูเองในครอบครัวก็พอครับ..

เสียดายที่คุณ สส.ไม่ได้ตอบละเอียดกว่านี้ครับ เลยยังไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองลองฝึกลองหัดนี่มันพอจะถูกทิศทางกะเขาบ้างหรือยัง แต่แค่ที่ตอบก็ได้ความเข้าใจมากแล้วครับ

112โดย คุณ สส.

6 dec 2004 03:21#743974ลบ

คำตอบกระทู้ข้อที่เจ็ด - มีเพียง “หมอดูชีพจร” ที่แตะต้องตัวผุ้รับการพยากรณ์ เพื่อศึกษาธรรมชาติโดยตรงในตัวเจ้าชะตา เป็นอีกวิธีหนึ่งของโหราศาสตร์

....ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเรื่องการพยากรณ์ บางคนอาจเข้าใจว่า การพยากรณ์เป็นเรื่องของหมอดูซึ่งเหมือนๆกัน บางคนก็เข้าใจการพยากรณ์ว่าเป็นโหราศาสตร์ไปเสียทุกอย่าง บางคนก็เข้าใจว่า โหราศาสตร์ทำนายแม่นที่สุด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่

....อันที่จริง ถ้าจะนับเอาการพยากรณ์แม่น โหราศาสตร์จะอยู่ในระดับรองลงมา การพยากรณ์ด้วยวิธีอื่นแม่นยำกว่า ชนิดที่โหราศาสตร์ทำไม่ได้มีอยู่จำนวนมากมาย ในโลกนี้มีวิธีพยากรณ์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของมนุษย์ และเหตุการณ์อื่นๆที่แม่นยำอยู่ในชนชาติต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วน แต่วิธีพยากรณ์เหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นไปโดยเฉพาะตัว ไม่อาจถ่ายทอดได้ เมื่อผู้ทำนายตายไป ก็หาผู้สืบทอดยาก การใช้อุปกรณ์ก็มีแตกต่างกันออกไป ไม่สามารถจะเรียนรู้ต่อเนื่องได้ บางคนใช้คำว่า “พยากรณศาสตร์” เพื่อให้แตกต่างจากโหราศาสตร์ แต่กล่าวโดยข้อเท็จจริงแล้ว พยากรณ์ ไม่ได้ถือเป็นศาสตร์ เหมือนศาสตร์อื่น แต่เป็นเพียงวิชาที่มีมากมายหลากหลายเท่านั้น เพราะไม่มีระบบทฤษฎี ปรัชญาและการเรียนรู้ที่แน่นอน พร้อมเหตุและผล ให้คนรุ่นหลังพัฒนาต่อไปได้ แต่โหราศาสตร์นั้นเป็นศาสตร์ เว้นเสียแต่ว่า บางคนที่ใช้โหราศาสตร์เองจะไม่เคยสนใจทฤษฎี ไม่สนใจเหตุผล ของศาสตร์ แบบนั้นเรียกว่า “ทำศาสตร์ให้ไม่เป็นศาสตร์” ใช้วิธีท่องจำอย่างเดียว แล้วก็สอนกันว่า “โหราศาสตร์เกิดจากสถิติ” หรือ “ดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์” ทำให้ต้องทำพิธีกราบไหว้ เมื่อเกิดสุริยคราส จันทรคราส หรือมีดาวยกย้ายราศี ดังนั้น ใครเขาจึงดูถูก เหยียดหยามหมอดู ว่าเป็นพวกงมงายไร้สาระ หรือเป็นพวกเดียวกับไสยศาสตร์ อันที่จริง ไสยศาสตร์ก็เป็นศาสตร์ มีทฤษฎี ปรัชญา เหตุผล วิธีคิด วิธีปฏิบัติ ที่เป็นระบบเช่นเดียวกัน แต่หาคนที่รู้มาเปิดเผยไม่ได้ เลยถูกประณามว่าเป็นศาสตร์เหลวไหลไปด้วยกัน

....โหราศาสตร์ สร้างโดยปัจจัย 3 ชนิด คือ ปรัชญา(องค์ความรู้) มรรควิถี(ทางดำเนิน) และ อุปกรณ์ (เครื่องมือ)... (ดูกระทู้ที่แล้ว 133) โหราศาสตร์ยังแบ่งตามมรรควิถี ออกเป็นหลายประเภท ประเภทที่เราใช้กันอยู่ ทั่วไป มี 2 อย่าง คือ ใช้ “ธรรมชาติอื่น”ที่กำเนิดพร้อมชีวิตมา “เทียบเคียง” (เช่น จันทรคติ สุริยคติ จักรราศี และลัคนา) และ “ใช้ธรรมชาติโดยตรง” ในชีวิตมนุษย์ (เช่น ลายมือ ลายเท้า โหงวเฮ้ง นรลักษณ์ เป็นต้น)

....อย่างที่เคยบอกแล้วว่า โหราศาสตร์มีวิธีการศึกษาธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับเจ้าชะตา ไม่ว่าจะเป็นการนำวันเดือนปี เวลาเกิดมาใช้ หรือศึกษาจากดวงดาวในจักรราศี เพราะเป็นธรรมชาติที่มีกำเนิดมาพร้อมกับเจ้าชะตา เป็นการมองธรรมชาติส่วนหนึ่ง เพื่อเทียบเคียงเข้าใจธรรมชาติอีกส่วนหนึ่ง คือ ชีวิต บางท่านอาจตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไม่ศึกษาธรรมชาติที่ปรากฏเป็น ชีวิตเจ้าชะตาโดยตรง ไปเทียบเคียงอย่างอื่นเข้ามาทำไม ถูกแล้วครับ มรรควิถีทางโหราศาสตร์ มีจำนวนมากที่ศึกษาที่ธรรมชาติซึ่งประกอบเป็นร่างกายและชีวิตของเราโดยตรง โดยไม่จำเป็นที่ต้องเอาธรรมชาติส่วนอื่นมาเทียบให้เสียเวลา แต่การพยากรณ์โดยใช้ธรรมชาติโดยตรง เช่น ดูจากร่างกายของเจ้าชะตา ไม่อาจเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาวิชาได้ เช่น การดูลายมือ แม้ปัจจุบันจะมีการพิมพ์ลายมือเก็บไว้ แต่ก็ทำได้น้อย เพราะ ลายมือนั้นพลิกผันเปลี่ยนแปลง เหมือนกับธรรมชาติส่วนอื่นๆในจักรวาล การบันทึกข้อมูลจึงทำได้ยาก เช่น เราไม่อาจทราบลายมือ และสีสัน ฝ่ามือของเจงกีสข่านได้ หน้าตาก็เดาเอาจากภาพวาด การพัฒนาโหราศาสตร์ในส่วนที่เป็นธรรมชาติโดยตรงมีจุดอ่อนตรงนี้ จึงก้าวหน้าได้เพียงเล็กน้อย ต่างจากการใช้ธรรมชาติอื่นเพื่อเทียบเคียง เช่น ดวงดาวในจักรราศี ขอเพียงแต่มี วันเดือนปี เวลาเกิด ขีดเขียนบันทึกไว้ เราก็สามารถคำนวณกลับไปเพื่อดูเหตุการณ์ย้อนหลังได้หลายพันปี แม้จะมีความแม่นยำน้อยกว่าการพยากรณ์วิธีอื่น แต่ก็พัฒนาไปได้มากมายหลายร้อยเท่า โดยอาศัยผู้รู้แต่ละยุคสมัย ช่วยกันเพิ่มเติมเสริมหลักวิชาขึ้นมา ทำให้พยากรณ์ได้ละเอียดกว่าทุกวิธี และอย่าลืมด้วยว่า เราใช้โหราศาสตร์เพื่อประสงค์สิ่งใด เนื่องจาก “โหราศาสตร์ ไม่ได้มีไว้เพื่อพยากรณ์”

....ในการพยากรณ์ นักโหราศาสตร์บางท่าน อาจจะใช้วิธีอื่นร่วมด้วยก็ได้ เช่นใช้ ฌาน มีวิญญาณบอก หรือ ดูลายมือและโหงวเฮ้งประกอบ แต่การที่จะแยกแยะว่าเขาใช้ศาสตร์ใด วิธีใด ต้องพิจารณาจากทฤษฎี และวิธีการที่ใช้ ไม่ใช่เหมาเป็นโหราศาสตร์ไปหมด และที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ โหราศาสตร์นั้นพยากรณ์โดยใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ออกมา โดย “ไม่เห็น” อดีต ปัจจุบัน และอนาคต การพยากรณ์ใดที่ สามารถ “เห็น” อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ การพยากรณ์นั้น ไม่ใช่โหราศาสตร์ (แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ดี ) ดังนั้น ในกระทู้ข้อนี้ หมอดูลูกแก้ว หมอดูฌาน หมอดูทรงวิญญาณ จึงไม่ได้ใช้โหราศาสตร์

....หมอดูใบชา และ หมอดูไพ่ยิบซี ใช้ธรรมชาติเทียบเคียงจากการรูปทรงของกากชา และการเรียงของไพ่ ที่รับรูปแบบมาจากธรรมชาติในจักรวาล เป็นธรรมชาติเทียบเคียงในช่วงสั้นๆ จะถือเป็นโหราศาสตร์ก็พอได้ เกือบจะคล้ายการดูลายมือที่ใช้ธรรมชาติโดยตรง หมอดูเซียมซี อาจใช้ไม้ติ้วจำนวน 28 อัน เท่ากับจำนวนฤกษ์ในโหราศาสตร์จีน แต่ก็ยังใช้การ “อธิษฐานเสี่ยงทาย” ซึ่งไม่ใช่โหราศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ทั้งสามวิธีนี้ ทำโดยการ “สุ่มเสี่ยง” หากทำซ้ำสักสิบครั้งในเวลาเดียวกัน โดยนักพยากรณ์คนละคนแล้ว ไม่เหมือนเดิม ต่างจากโหราศาสตร์ทุกระบบ ที่สามารถทำซ้ำกี่ครั้ง ในเวลาเดียวกัน ตราบใดที่ปัจจัยข้อมูลเหมือนเดิม ก็จะได้ผลเป็นเช่นเดียวกันหมด

.....ยกเว้น “หมอดูชีพจร” ที่ใช้วิธีโหราศาสตร์ และเป็นผู้เดียวที่แตะต้องตัวผู้มารับพยากรณ์ เพื่อดูธรรมชาติโดยตรงของเจ้าชะตา วิชาดั้งเดิม คือ การกำหนดดูชีพจร (pulse) สร้างวงรอบ (cycle) เพื่อกำหนดเรือนชะตา และหาลัคนา แต่ละเรือนชะตาจะมี ความแตกต่างของชีพจร เปรียบเหมือนดาวสถิตเรือน โดยทั่วไปใช้ดูเทียบกับดาวจรปัจจุบันที่ทราบอยู่ในใจ หรืออาจใช้ วันเดือนปีเกิด แบบเลขเจ็ดตัว หรือ นักษัตร แบบจีนร่วมด้วยก็ได้ แต่ เรือนชะตาของวิชานี้ เดิมมีเพียงแปดเรือนคล้ายวงรอบของมหาทักษาเท่านั้น ระยะหลังจึงมาขยายเป็น 12 เรือน เท่ากับยามนักษัตร วิชานี้ เป็นที่นิยมใช้กันของโหรชาวบ้าน ในแผ่นดินจีนเมื่อราวหนึ่งพันปีก่อนมานี้ คล้ายกับที่เราใช้ทักษาในเมืองไทย เคล็ดวิชาที่แท้จริงเกือบจะหายสาบสูญไปแล้ว เพราะมีเพียงแพทย์แผนโบราณที่ชำนาญ จึงจะสามารถบอกความแตกต่างของชีพจรในแต่ละวงรอบได้ แต่ก็ยังมีผู้ที่ยังใช้พยากรณ์อยู่ในประเทศจีนในปัจจุบัน

113โดย คุณ j

6 dec 2004 16:42#744315ลบ

อยากให้คุณ ส.ส.ช่วยตรวจดูให้หน่อยนะครับ ว่าผมผูกดวงถูกต้องหรือยังและถ้าผิด ผิดอย่างไร ผมลองดูแล้วกลับได้เป็น 2 แบบคือ

ผมเกิด วัน ศุกร์ ที่ 21 มกราคม 2526 เวลา14.37น. จังหวัดพิษณุโลก สูง178 หนัก 60 ผิวขาว หน้ารีไข่

ผูกในแบบสายนะ ได้ลัคนาเมถุน 8เมถุน 9พฤษภ 2เมษ 3กุม 1มกร 6มกร 4ธนู 5พิจิก 0พิจิก 7ตุล

ผูกแบบนิรายนะได้ 8เมถุน ลัคพฤษภ 9พฤษภ 2มีน 3กุม 1มกร 6มกร 4ธนู 5พิจิก 0พิจิก 7ตุล

และที่ได้ทั้ง2แบบต่างกันก็คือลัคนากับจันทร์

อยากทราบว่าผมควรใช้แบบไหนยึดอะไรเป็นหลักดีครับถึงจะถูกต้องมากที่สุด และมีอะไรที่ผิดช่วยแนะนำให้ทีครับ ขอบคุณครับ

114โดย คุณ สส.

8 dec 2004 03:39#745741ลบ

# 113 ตอบคุณ j ผมไม่สะดวกในการตรวจสอบดวงชะตาใครต่อใคร เพราะไม่มีเวลา และอยู่ห่างข้อมูล ปฏิทินและตำรา จึงช่วยตอบเฉพาะปัญหาความรู้โหราศาสตร์ อ่านแล้วก็สงสัยว่าคุณรู้จักจักรราศีสายนะ และนิรายนะดีแล้วหรือ กรณีของคุณ วันที่ 21 มกราคม 2526 ปฏิทินสุริยาตร จันทร์ยกเข้าเมษ 14 :08 น. คุณเกิด 14 :37 น ปัญหาของคุณน่าจะเกิดจากไปตัดเวลาเกิดมาใช้กับจันทร์ด้วย ซึ่งไม่ถูก เพราะเวลาท้องถิ่นนั้นใช้ในการหาลัคนา ไม่ใช่เอามาตัดเวลาการยกย้ายของดาว และต้องดูว่าโหราศาสตร์ระบบใดใช้กับจักรราศีและปฏิทินแบบใด ไม่ใช่ตามที่ถามว่าอะไรดีกว่าอะไร ส่วนเรื่องลัคนานั้น แม้คำนวณได้แล้ว ก็ต้องตรวจสอบลัคนาตามระบบโหราศาสตร์ที่ใช้ด้วย ว่าตรงกับเรื่องราวของเราหรือไม่ ที่คุณบอกตอนแรกๆว่าเรียนเบื้องต้นอยู่ ควรจะศึกษาไปก่อน ทางใดก็ได้ ไม่ควรจะเรียนทีเดียวสองประเภท และน่าหาที่เรียนพื้นฐานให้เป็นกิจจะลักษณะ หรืออยากเรียนเอง ก็ต้องค้นคว้าเองให้มาก เรื่องจักรราศี การวางดาว และลัคนา เป็นปัญหาระดับสูง จะอธิบายจนคุณเข้าใจก็คงต้องว่ากันยาวมาก

115โดย คุณ การเวก (กรวิก)

8 dec 2004 08:03#745831ลบ

เรียน ผู้สนใจในวิชาโหราศาสตร์ไทยทุกท่านทราบ

เนื่องจากกระทู้นี้เริ่มมีความยาวอีกแล้ว คงจะต้องเปิดกระทู้ใหม่เป็น "กระทู้นี้สำหรับผู้สนใจศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่ (3)

116โดย คุณ j

8 dec 2004 13:15#746089ลบ

คงเป็นเพราะผมเอาหลายอย่างมารวมกันจริงๆครับ เลยสับสน ขอบคุณมากๆครับ

117โดย คุณ พ่อของลูก

27 jan 2005 18:05#793055ลบ

อยากถามโหราศาสตร์ กับ การตั้งชื่อ

เช่น ถ้าผูกดวงวางลัคนาแล้ว ควรใช้ดวงดาวใดเป็นตัวอักษรนำในชื่อ กรณีที่มีดาวหลาย ๆ ตัวอยู่ในตำแหน่งที่ดี ๆ แตกต่างกัน เช่น

เกิดวันเสาร์ที่ 30 พ.ย. 2545 เวลา 15:57

ลัคนา สถิตย์ราศี เมษ

ดาวจันทร์ 2 สถิตย์ราศีกันย์ ได้ตำแหน่ง ราชาโชค

ดาวพฤหัส 5 สถิตย์ราศีกรกฏ ได้ตำแหน่ง มหาอุจน์

ดาวศุกร์ 6 สถิตย์ราศีตุลย์ ได้ตำแหน่ง เกษตร

ดาวเสาร์ 7 สถิตย์ราศีพฤกษ ได้ตำแหน่ง มหาจักร

ถ้าใช้โหราศาสตร์เข้าช่วยในการตั้งชื่อ ควรใช้อักษรของดาวใดนำหน้าชื่อ และให้ผลต่อเจ้าชะตาดีที่สุด

118โดย คุณ การเวก (กรวิก)

25 feb 2005 14:18#816871ลบ

ตอบ คุณพ่อของลูก

ตามพื้นดวงของเด็กคนนี้ การตั้งชื่อค่อนข้างจะยากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามให้ใช้ตัวอักษรดังนี้

-ใช้ตัวอักษรของดาวศุกร์เป็นตัวนำ

-ตัวอักษรของดาวจันทร์ไม่ควรใช้

-ตัวอักษรของดาวราหูไม่ควรใช้

-ตัวอักษรของดาวพุธไม่ควรใช้

-ตัวอักษรของดาวอังคารไม่ควรใช้

-ตัวอักษรของดาวอาทิตย์ไม่ควรใช้

-ตัวอักษรของดาวเสาร์ไม่ควรใช้

คงจะตั้งชื่อยากสักหน่อย เอาอย่างนี้

-ถ้าเป็นผู้ชายใช้ชื่อว่า "สมภพ"

-ถ้าเป็นผู้หญิงให้ใช้ชื่อว่า "สมพร"


webmaster - 25 มีนาคม พ.ศ.2548 01:03น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 4
อยากทราบ ชื่อสำหรับใช้เรียกทิศทั้ง 8 แต่ค้นไม่เจอ


อบต.ป่าต้ม - 28 เมษายน พ.ศ.2548 09:47น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 5
ตอบ คุณ อบต.ป่าต้ม

ผมจะตั้งเป็นทิศให้ทางทักษาน๊ะครับ

1 2 3 (อิสาน) (บูรพา) (อาคเนย์)

6 94 (อุดร) (ทักษิณ)

857

(พายัพ)(ประจิม)(หรดี)


การเวก (กรวิก) - 28 เมษายน พ.ศ.2548 10:33น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 6
อยากถามว่า ถ้าเสาร์แลกเรือนกับศุกร์ในราศีมังกร เป็นอนุเกษตร โดยเสาร์ได้อุจ อยู่ตุลเรือนปัตนิ และศุกร์อยู่ภพ10 จอมฟ้า(กัมมะ) ซึ่งเท่ากับ

1 เสาร์เล็งลัคนา( โดยมีจันทร์อยู่ลัคนาเป็นมหาจักร)เป็นภินทุบาทว์

2เสาร์เป็นอุจ ได้ปัญจมหาบุรุษโยค(โดยอยู่ร่วมกุมกับเกตุและพลูโต)

3ศุกร์ได้เกณทราธิปไตย เพราะอยู่ภพจอมฟ้า

4ศุกร์กับเสาร์คู่ศัตรูแลกเรือนกัน

อย่างนี้จะทายคู่เป็นอย่างไรดีคะ


เอพ - 1 ธันวาคม พ.ศ.2548 21:15น. (IP: 58.10.227.80)