กระทู้นี้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่(2)
กระทู้นี้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่(2)
สืบเนื่องจากกระทู้เดิมมีความยาว ต้องเสียเวลาโหลด จึงมาเปิดกระทู้นี้เพื่อมิให้ผู้สนใจต้องเสียเวลาโหลดข้อมูลเดิม
จาก: การเวก (กรวิก) [26 oct 2004 08:29]ผู้ดู [1301]ผู้ตอบ[120] ลบ
ความคิดเห็นที่ 1โดย คุณ ตุ้ก
27 oct 2004 02:15#708500ลบ
เรียน อาจารย์การเวก
ดวงชะตามีลัคนาอยู่ราศีกรกฏ เกิดวันพฤหัส ดาว 7 เป็นเกษตร 12 องศา เป็นกาลี และพินทุบาทว์ ดูคู่ครองทายเสีย หรือดีคะ เพราะอะไร? ขอบคุณคะ
ความคิดเห็นที่ 2โดย คุณ สส. (โดย วิน)
27 oct 2004 05:04#708515ลบ
(ฝากข้อความให้หลาน ช่วยโพสต์ให้ เมื่อถึงเวลา ) ( โรงเรียนเปิดแล้ว ขอโพสต์ก่อนครับ – วิน )
........กระทู้ข้อที่สาม ที่ถามว่าดวงชะตาแบบไทย เกิดจากวงกลมซ้อนกันอยู่กี่ชั้น ดังที่บอกแล้วว่าเป็นเทคนิคของโหร ในวิชาโหราศาสตร์ไทย ซึ่งเกิดจากภูมิปํญญาที่สะสมมานาน คำตอบข้อนี้จะตอบตามโหราศาสตร์รุ่นเก่า คือ มี 5 ชั้น (บนฟ้า 2 ชั้น บนดิน 2 ชั้น ปัจจุบัน 1 ชั้น)
........ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ดวงดาวต่างๆอยู่บนท้องฟ้านั้น ถือเป็นดวงดาวอยู่ในสุริยจักรวาล ซึ่งโคจรโดยธรรมชาติ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา แต่เมื่อมีลัคนาเกิดขึ้น จะประทับเอาสถานะการโคจรทั้งหลายของดวงดาวในขณะนั้นเอาไว้เป็นดวงชะตา เหมือนการกดชัทเตอร์ของกล้องถ่ายรูป แต่กรรมวิธีของดวงชะตาไม่ได้เกิดขึ้นในทันที เพียงแต่เริ่มต้นขึ้นตรงนี้ สิ่งที่กล้องถ่ายเอาไว้ได้คือ รูปของดาวบนท้องฟ้า และบังเกิดเรือน 12 เรือน อันเกิดจาก ลัคนา เอง รวมเป็นเพียง สองชั้นเท่านั้น ที่เกิดขึ้น เป็นดวงชะตาบนโลก
........ในขณะที่ ดวงดาวที่ปรากฏในสุริยจักรวาล จะถูกดึงดูดพลังงานและธาตุลงสู่ดวงชะตาบนโลกอย่างต่อเนื่อง เมื่ออาทิตย์ โคจรครบรอบโลก เพียงวันเดียว ธาตุบางส่วนจะเข้าสู่ดวงชะตาจนครบทุกเรือน แต่ธาตุจากสุริยจักรวาลยังคงเข้าสู่ดวงชะตาต่อไปจนเต็ม ภายในระยะเวลา 60 ปีโดยประมาณ ธาตุที่กล่าวถึงนี้ มีองค์ประกอบหลายอย่าง จะแยกชั้นของดวงชะตา ทั้ง 5 ชั้นให้ดูดังนี้
....ชั้นที่ 1. ชั้นล่างสุด คือ จักรราศี พร้อมดวงดาวขณะเราเกิด มีดวงอาทิตย์พร้อมพลังงานอยู่จนเต็ม ซึ่งจะ เป็นส่วนที่จะบรรจุ พร้อมธาตุลงสู่ดวงชะตาในระยะเวลา 60 ปี ดังนั้น ในอายุหนึ่ง โครงสร้างดาวบางตัวจะยังลงมาไม่ถึงดวงชะตา อาจทำนายผิดได้ ชั้นนี้ดวงดาวจะมีคุณสมบัติเป็น อุจ นิจ ราศีเกณฑ์ ธาตุราศี
....ชั้นที่ 2. ขึ้นมาอีก คือ ชั้นเกษตรในท้องฟ้า เกิดจากการรับธาตุจากชั้นที่ 1. แล้วแตกตัวละเอียด ก่อนที่จะป้อนลงสู่ ดวงชะตาบนโลก คุณสมบัติดวงดาวที่อยู่ชั้นนี้ คือ ดาวเกษตร และ ประเกษตร
.....ชั้นที่ 3. ขึ้นมาอีก คือชั้น ธาตุดาวโลก จะเป็นชั้นแรก ของดวงชะตาบนโลก มี ตำแหน่งดาวในขณะเราเกิด ปรากฏ เป็นเหมือนดาวชั้นที่ 1. แต่จะได้รับการป้อนธาตุเกษตร ซึ่งละเอียดแล้วจากชั้นเกษตร มามีคุณสมบัติเป็นดาวในดวงชะตา ดังนั้นตัวเลขในดวงชะตาของเราจึงไม่ใช่ดาว แต่เป็นปัจจัยคล้ายดาวที่มีธาตุละเอียด และมีความสำคัญ คือ สามารถแลกเปลี่ยนกับธาตุที่มีอยู่บนโลกได้ ดาวในชั้นนี้ จะมีคุณสมบัติ เป็น ส่วนที่เหลือคือ มหาจักร ราชาโชค และ เกณฑ์ต่างๆ รวมทั้ง ดาวคู่ธาตุ คู่มิตร คู่สมพล คู่สัตรู แทรกเข้ามาชั้นนี้ได้ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ต้องขอให้จำไว้ ก็คือ ธาตุละเอียดจากชั้นเกษตร จะผ่านเข้าสู่ ดวงชะตาบนโลกได้ทาง ลัคนา กว่า 70 % โบราณเปรียบว่า ลัคนาเปรียบเหมือนสายสะดือที่รับอาหารจากครรภ์มารดา (คือจักรวาล) ผ่านเข้าสู่ทารก (คือดวงชะตา) ดังนั้น ดาวกุมลัคนา จึงอยู่ในจุดสำคัญของดวงชะตา เมื่อเป็นดาวดี การกระจายธาตุราบรื่น ถ้าเป็นดาวร้าย จะขัดข้อง และลัคนาในชั้นนี้ จะเป็นผู้รับความดีร้ายจากดาวจร เข้าสู่ดวงชะตาด้วย การเกิดเหตุการณ์เนื่องจาก ดาวจร ทุกครั้ง ลัคนาจะถูกกระทบด้วยเสมอ ทั้งทางตรง และอ้อม
......ชั้นที่ 4. เป็นชั้นสุดท้ายของดวงชะตา คือเรือนชะตา ลัคนา (อีกแล้ว)นั้น เป็นผู้ก่อให้เกิดเรือนทั้ง 12 ตั้งแต่ ตนุ กดุมภะ.....ถึง..วินาสน์ เรือนเป็นนิทานชีวิตของดวงชะตาเรา และของคนอื่นที่เราเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ท่านจึงสอนให้อ่าน เรือน และเจ้าเรือน เป็นอันดับแรก เพื่อจะได้รู้ความเป็นไปของดวงชะตา ความปรุงแต่งทาสีนิทานชีวิตจะเกิดขึ้นจากพลังงานของธาตุดาว ชั้นที่ 3. ส่งมาในภายหลัง แต่คราวนี้ธาตุดาวสามารถผ่านเข้าเรือนชะตาได้เลย โดยใช้ลัคนาน้อยลง เทคนิคจำนวนมากของโหราศาสตร์หลายๆ ระบบ เกิดขึ้นในชั้นนี้
......ชั้นที่ 5. คือ ดาวจรบนท้องฟ้า ปัจจุบัน ซึ่งจะโคจรไปโดยไม่มีบทบาทอิทธิพลใดเลยต่อดวงชะตา เพราะดวงชะตาไม่ได้รับรู้ ดังนั้น การที่บางคน วิตก วิจารณ์ เวลามีดาวจรมาทับ มาเล็ง ดวงชะตา จึงเกิดจากไม่มีความรู้ ดาวจรบนท้องฟ้าจะมีปฏิกริยาได้ ต้องไปผ่านกรรมวิธีตั้งแต่ ชั้นที่ 1. ขึ้นมาใหม่ แต่กลายเป็นเรื่องยาวกว่า ที่อธิบายตรงนี้ไม่ได้ แต่จะระบุวันที่เกิดเหตุการณ์ได้
......สมัยก่อน กว่า 70 ปีมาแล้ว ยังมีการสอนเพียงแค่สองชั้น เรียกชั้น 1 และ 2 รวมกันว่า ธาตุบน หรือธาตุสูง และชั้น 3 และ ชั้น 4 ว่า ธาตุต่ำ หรือธาตุล่าง แต่ปกปิดกันต่อๆมา เลยหายไป นี่เป็นตัวอย่างเคล็ดลับที่ผมเคยบอกว่าเกิดจาก เทคนิค ที่ถูกซ่อนไว้จนหายไป ไม่ใช่อะไรนักหนา
......การอ่านดวงชะตาที่พวกเรา มักอ่านโดย เอาคุณสมบัติดาวผสมกัน เช่น หมอดูทายว่า ปัตนิ คู่ครองของคุณเป็น อุจ ยิ่งใหญ่ กุมดาวเกษตร ดี แต่เป็นดาวคู่ศัตรู เลวมาก มองไปก็เป็นอุดมเกณฑ์ รวย องคเกณฑ์ เก่ง เป็นดาวธาตุลม ว่องไว อยู่ราศีธาตุไฟ อ็อกเทนสูง เป็นราชาโชค ยศศักดิ์ดี แต่เรือนปัตนิ มีพินทุบาทว์ แสดงว่า ยศต่ำมาก ปัตนิไปอยู่เรือนศรี หล่อจริงๆ แต่กุมดาวกาลี กลับขี้เหร่ แล้วคงจะฟื้น เพราะเป็นมหาจักรในเรือนประ รวยแล้วจน เจ้าเรือนไปอยู่มรณะ เลว กุมคู่สมพล กลับดีอีก ฟังดูแค่นี้ก็เวียนหัวแล้ว คุณหมอคะ ตกลงสามีดิฉัน เป็น คน หรือ เป็นลิง กันแน่ แบบนี้ถือว่าไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่ๆเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของโหราศาสตร์ไทย
......อันที่จริง โหรจะอ่านดวงชะตา เป็นเรื่องๆไปโดยเข้าใจชั้นธาตุของดวงชะตาด้วย ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ ปํญหาในการอ่านดวงชะตาที่ถามกันมาก็จะหมดไปเยอะ อย่างเช่น ถ้าเราอ่านธาตุล่างคือดวงชะตา ก็ยังไม่ต้องอ่าน อุจ นิจ เกษตร ประ เพียงถือว่าเป็นดาวที่แสดงแนวโน้มจะมีปฏิกริยาก่อน สมมุติเล่นๆ ถ้าเราดูดวงจรเด็กหญิงอายุสักห้า ขวบ ดาวจรมาทับปัตนิเดิมเป็นอุจ ไปทายว่า กำลังจะได้สามีมียศศักดิ์สูง นี่ผิดความจริง แม้เป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องดูว่าอุจเขาปรากฏผลในดวงชะตาแล้วหรือยัง ไม่รีบทาย เพราะบางคนเขายังแย่อยู่ แต่จะดังเมื่อดาวให้ผลก็มี ดวงดาราหลายคน เป็นเช่นนี้ แต่เมื่ออุจในดวงเขาเห็นชัดแล้ว ทายต่อได้เลย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
......กระทู้นี้บอกแล้วว่าเป็น ปริศนา 2 ชั้น กึ๋นใครดี หาเพชรเจอในบทความนี้ ก็ยกให้เลย อยากบอกให้หมดเหมือนกัน แต่เปิดมาแค่นี้ รับรองว่าภายใน 1 ปี จะมีหนังสือลอกเอาไปพิมพ์ขาย ใส่ชื่อตัวเอง พิมพ์ผิด พร้อมสงวนลิขสิทธิ์ด้วย ครูเก่าทุกคนท่านโดนมาทั้งนั้น พูดอะไรไปหน่อยเดียว พรุ่งนี้กลายเป็นชีท หลักสูตรละ 5000 บาท
นี่เป็นความซับซ้อนของดวงอีแปะ ซึ่งคนมักดูถูกว่าเรื่องหมูๆ
ความคิดเห็นที่ 3โดย คุณ สส. (โดย วิน)
27 oct 2004 05:08#708516ลบ
กระทู้ข้อที่ สี่ - ชายสามคน เกิดวัน เดือน ปี เวลาเดียวกัน และสถานที่เดียวกัน ไม่ได้เป็นพี่น้อง หรือเกี่ยวข้องกัน บิดา มารดา มีฐานะธรรมดา เท่าเทียมกัน เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ต่างแยกย้ายกันไป ต่อมา ชายคนแรกได้เป็น พระราชา คนที่สอง เป็น คหบดี คนที่สาม เป็น ยาจกขอทาน
.......คำถามมีว่า “จงอธิบายเหตุผล ของเรื่องนี้ ตาม หลักวิธี โหราศาสตร์ที่ท่านศึกษามา”
......โจทย์ข้อนี้เคยเป็นข้อสอบอัตนัย วิชาโหราศาสตร์ไทยชั้นสูง
ความคิดเห็นที่ 4โดย คุณ การเวก (กรวิก)
27 oct 2004 07:48#708650ลบ
เรียน คุณตุ้ก
ตามคำถามที่คุณถามมานั้น ก่อนอื่นผมคงต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า ตัวผมเองเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยในแนวทางของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ซึ่งในแนวทางของท่านอาจารย์มิได้คำนึงถึงองศาของดาวว่าจะมีองศาที่เท่าไร ซึ่งทีแรกผมเองก็สงสัยอยู่เพราะในตำราของอาจารย์ทั่วไปส่วนใหญ่จะใช้หลักคำนวณจากองศาเป็นเกณฑ์ แต่ด้วยเหตุผลที่ลูกศิษย์ของท่านอาจารอรุณฯ ได้ให้ไว้สามารถอธิบายได้ดังนี้
- ปัจจุบันวิธีการคำนวณองศาของดวงดาวที่นักโหราศาสตร์ไทยทั่วไปใช้มีอยู่ของอาจารย์ 2 ท่านคือ
ท่านอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว และท่านอาจารย์เทพ
สาริกบุตร ที่มีวิธีการคำนวณต่างกันเนื่องมาจากการถือแนวแกนของโลกไม่เหมือนกัน ดังนั้นบางครั้งดวงดาวดวงเดียวกันจะอยู่กันคนละราศี ลัคนาของคนทั่ว ๆ ไป เกิดเวลาเดียวกัน แต่ลัคนาจะอยู่ต่างกันคนละราศี ดังนี้เป็นต้น ซึ่งลูกศิษย์ของท่านอาจารย์อรุณฯ
ได้ยกตัวอย่างไว้ว่า "ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีเราเป็นเจ้าของบ้าน มีห้องนอนข้างบน 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง
มีห้องนอนข้างล่าง 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องครัว
1 ห้อง ห้องคนใช้ 1 ห้อง ไม่ว่าตัวของเราเจ้าของบ้านจะไปอยู่ ณ ห้อง แห่งใด ตัวเราก็ยังเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ๆ อยู่"
ผมหวังว่าการออกตัวครั้งนี้คงเป็นการอธิบายให้เป็นที่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใช้องศาของดวงดาวมาประกอบการพยากรณ์
ทีนี้มาถึงเรื่องที่คุณถาม ที่ว่า "ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ
มีดาวเสาร์เป็นเกษตร เจ้าเรือนภพปัตตนิ เล็งลัคนาอยู่
เข้ากฎภินทุบาทย์ (กฎข้อนี้จะมี พินทุบาทย์ และภินทุบาทย์) จะดูคู่ครองทายเสียหรือทายดี การพยากรณ์ในกรณีนี้ มีอธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง "เคล็ดลับการพยากรณ์" แต่งโดย ท่านอาจารย์มหาบรรเทาฯ ซึ่งท่านอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้ดีมาก ผมจะเรียบเรียงให้พอเป็นที่เข้าใจไว้ ณ ที่นี้ มีดังนี้
1. ถ้าเราจะพยากรณ์ว่าดี ดาวเสาร์เป็นเกษตรอยู่ แสดงถึงถ้าคุณมีคู่ครอง คู่ครองของคุณจะมีฐานนะมั่นคง มีที่ดิน (เสาร์มีความหมายถึงที่ดินได้) คู่ครองของคุณเป็นคนละเอียด มีเหตุมีผล ก่อนทำอะไรจะพิจารณาอย่างละเอียดก่อนทำ แต่คู่ครองของคุณค่อนข้างจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาโกรธก็น่ากลัว เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เป็นคนเก็บกด ชอบสันโดษมากกว่าการเข้าสังคม (ยกเว้นถ้าเข้าสังคมกับดาวราหูละก้อok)
2. มาพิจารณาถึงความเป็นภิณทุบาทย์ และกาลี อันดาวเสาร์เล็งลัคน์นี้ท่านอาจารย์มหาบรรเทาฯ ท่านอธิบายไว้ว่า
-เจ้าชะตาค่อนข้างเป็นคนละเอียดในการเลือกคู่ครอง จนบางครั้งอาจจะหมายถึงเลือกมากจนกระทั่งอยู่เป็นโสดจนแก่เฒ่า ความละเอียดในการเลือกมีดังนี้
ก.เพศตรงข้ามแม้จะมีฐานะเท่าเทียมกัน แต่แก่กว่าเจ้าชะตา ไม่เอา
ข.เพศตรงข้ามแม้จะมีอายุเท่ากัน แต่ฐานะ และการศึกษา ต่ำกว่าเจ้าชะตา ไม่เอา
ค.เพศตรงข้ามแม้จะมีอายุอ่อนกว่า แต่ฐานะและการศึกษาต่ำกว่าเจ้าชะตา ไม่เอา
เหตุผลต่าง ๆ ก็วนเวียนอยู่ในลักษณะดังกล่าว ท่านถึงว่าเป็นภินทุบาย์ คือเลือกมากนั่นเอง
จากคำอธิบายดังกล่าว ผมหวังว่าคงสามารถคลายความสงสัยให้คุณตุ้กได้น๊ะครับ สวัสดีครับ
ความคิดเห็นที่ 5โดย คุณ สอบถามท่าน อ.สส.
27 oct 2004 11:34#708834ลบ
ตามที่ท่าน อ.สส. แนะนำมาผมสนใจ คัมภีร์ เหล่านี้ ไม่ทราบว่าพอจะหาเพื่อศึกษาได้จากที่ไหนครับ
มหาทักษา
อสีติธาตุวิภังค์
สุริยโชติรัตน์
พฤหัสจักร์
มหาจักร
ความคิดเห็นที่ 6โดย คุณ moon
28 oct 2004 09:20#709719ลบ
ตอบกระทู้ที่ 4 ตอบตามความเข้าใจนะคะ ชายสามคนเกิดมา สถานที่เดี่ยวกัน เวลาเดียว กัน แต่มีชีวิตแตกต่างกัน น่าจะเป็นเพราะ สภาพแวดล้อม คือสภาพครอบครัวพ่อแม่ ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัว การอบรม การล่อหลอม สภาพแวดล้อม คือสังคม ที่อยู่อาศัย เพื่อน และรูปร่างหน้าตา (โหงวเฮ้ง)
ตอนแรกจะตอบว่าละทิจูด ลองทิจูด ซะหน่อย อิอิ แต่บอกเกิดสถานี่เดียวกัน
ความคิดเห็นที่ 7โดย คุณ พลังวัชร์
28 oct 2004 20:27#710321ลบ
ตอบคุณ ส.ส. ความเห็นที่ 3
ขออนุญาติ เอาของเดิมที่เคยตอบชาวบ้านมาโพสละกันครับ
http://203.155.193.239/hora/webboard_ans.php?q_id=1314
ความคิดเห็นที่ 8โดย คุณ moon
28 oct 2004 20:49#710336ลบ
คุณพลังวัชร์ ตอบยาวมากๆ เลยคะ แล้วทำไมของเราดูด้วนๆ ห้วนๆ นะ
ความคิดเห็นที่ 9โดย คุณ แวว
29 oct 2004 02:50#710564ลบ
น้อง วิน คุณตาไม่อยู่ โพสต์คำตอบข้อ 4 ได้เลย แล้วจะเลี้ยงหนม ขอบอก
ความคิดเห็นที่ 10โดย คุณ นักศึกษารุ่นหลัง
29 oct 2004 10:44#710831ลบ
ขอแสดงความคิดเห็นข้อที่ 3 โดย คุณ สส.(คุณวิน) ว่าการที่ คนเราเกิดมาเป็นพี่น้องกัน เกิดมาพร้อมกัน แต่มีสถานะที่แตกต่างกัน ถ้านำเอาหลักพระพุทธศาสนาในหัวข้อมงคลชีวิต 38 มาตอบ ในหัวข้อที่ 5 คือ มีบุญวาสนามาก่อน ในจำนวน 3 พี้น้องอาจะเคยทำกรรมที่แตกต่างกันมาก่อน หรือ สร้างบุญมาเหมือนกันแต่อธิษฐานมาต่างกัน จึงทำให้มีสถานะที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเกิดมาในท้องเดียวกันก็ตาม หากว่าตามหลักเหตุและผล ทั้ง 3 มีการดำเนินชีวิตที่ต่างกันก็ได้ ทั้ง 3 คนอาจเป็นคนเก่ง มีความเฮง เหมือนกัน แต่แตกต่างกันด้วยบุญหรือความดีที่แตกต่างกัน
หากว่าตามหลักดวงชะตาตามโหราศาสตร์จีน ก็ดูที่ฟ้า ดิน คน คือฟ้าให้ดวงชะตามา ดินคือถิ่นที่อยู่ และคน คือการประพฤติปฏิบัติตัวมาอย่างไร ถึงแม้เป็นแฝดกัน โหวงเฮ้งก็แตกต่างกัน แม้แต่ลายมือก็แตกต่างกัน
หากดูด้วยโหราศาสต์ไทย นั้น เวลาเกิดก็สำคัญเพราะต่างกันเป็นวินาทีก็อาจมีองศา และฤกษ์ยามที่มีความหมายต่างกันได้
ความคิดเห็นที่แสดงออกมาอาจจะไม่ตรงกับคำถามทั้งหมด ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้หรือไม่ ขอให้คุณ สส. ช่วยเพิ่มเติมให้ด้วย
ความคิดเห็นที่ 11โดย คุณ นักศึกษารุ่นหลัง
29 oct 2004 16:10#711090ลบ
ขอคุยด้วยคนนะครับ คือได้อ่านมาถึงข้อคิดเห็น 2 ของคุณ สส. แล้วสะดุดตรงที่การอ่านดวงชะตามีวิธีการดูได้ถึง 5 ชั้น เคยได้อ่านตำราหรือผู้รู้ก็ไม่มีใครพูดถึงการดูแบบนี้ จึงมีความคิดว่าน่าศึกษามาก เพราะเป็นไปได้ว่าผมเพิ่งจะมาศึกษาวิชานี้จึงไม่เคยได้ยินมา แต่ผมมีความเห็นว่าที่คุณ สส. บอกว่าเป็นของเก่าที่ไม่มีใครเปิดเผย อาจเป็นไปได้ว่า 1.ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามีวิธีดูแบบนี้ หรือ2. ผู้รู้เก็บเอาไว้ใช้เองไม่ยอมบอก แต่ต้องขอขอบคุณคุณ สส. ที่เปิดทางให้ได้ศึกษาต่อไปอีก
ในความคิดผมเห็นว่า การอ่านดวงในปัจจุบันหมอดูส่วนใหญ่อ่านเฉพาะเป็นดวงโล้น ๆ หรือดวงอีแปะ พอถามลึก ๆ แล้วกลับบอกว่าที่ผมเรียนมาไม่เกี่ยวกับองศา หรือ ไส้ชะตา เพราะเขาเหล่านั้นเรียนมาแค่นี้จึงดูแบบนี้ ผมขอเรียนถามคุณ สส. ว่าการดูด้วยวิธี 5 ชั้น ใช่เป็นการศึกษาดวงชะตาจากภายนอกเข้าสู่ภายในหรือเปล่าครับ คืออ่านดวงชะตาจากจักรราศี ลึกลงไปถึงนวางศ์ จนถึงอินทพาสบาทจันทร์ คล้ายกับว่าเวลาเราอ่านคนจากภายนอกคือรูปร่าง ภาพพจน์ การแสดงออก และลึกลงไปถึงจิตใจ จนพยากรณ์ได้ว่าถ้าคุณมีลักษณะแบบ และมีการกระทำแบบนี้ด้วยจิตใจแบบนี้ ในอนาคตคุณต้องพบเหตุการณ์แบบนี้ ๆ
ผมอ่านอยู่หลายเที่ยวในข้อเขียนคุณ สส. จึงอยากศึกษาให้มากขึ้น อยากให้คุณ สส. ช่วยเพิ่มเติมความรู้อีกเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้ศึกษาด้วย
ขอแสดงความนับถือ
ความคิดเห็นที่ 12โดย คุณ สว่างนภา
29 oct 2004 21:27#711293ลบ
เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ
ดิฉันติดปัญหาอยู่นิดหนึ่ง คือว่า ราหูที่กำลังจะย้ายเข้าสู่ราศีมีน รวมถึงเสาร์ที่จะย้ายเข้าสู่ราศีกรกฎ ประมาณกลางปี 2548 นั้น จะมีผลกระทบต่อดวงชะตา ที่กล่าวมาข้างล่างนี้ มากหรือน้อยเพียงใด รบกวนอาจารย์ช่วยวิเคราะห์ให้ด้วย ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ
- ลัคนาราศีกันย์ มีอาทิตย์,พุธ,ราหู กุมลัคน์
- พฤหัส สถิตราศีตุลย์ ภพกดุมพะ
- เสาร์ สถิตราศีพิจิก ภพสหัชชะ
- จันทร์ สถิตราศีมังกร ภพปุตตะ
- อังคาร สถิตราศีพฤษภ ภพศุภะ
- เกตุ สถิตราศีเมถุน ภพกัมมะ
- มฤตยู สถิตราศีกรกฎ ภพลาภะ
- ศุกร์ สถิตราศีสิงห์ ภพวินาศน์
ความคิดเห็นที่ 13โดย คุณ สส.
30 oct 2004 03:54#711456ลบ
รีบกลับก่อน ต่อไปผมคงเข้าเว็บได้นานๆ ครั้งหนึ่ง อาจารย์การเวกท่านตอบปัญหา พร้อมให้ข้อมูลดีอยู่แล้ว ส่วนที่เกี่ยวกับผมคงจะต้องรวบตอบทีเดียว ขออภัยด้วยครับ ที่ตอบช้า
- คุณสว่างนภา...ดีใจที่คุณไม่ถือสา ที่ผมแนะนำไป ผมคิดเช่นนั้นจริงๆโดยบริสุทธิ์ใจ เวลาเราเจอประสพการณ์อะไรในชีวิตจริง พยายามคิดว่าโหราศาสตร์จะตอบว่าอย่างไร ปัญญาที่ฝึกบ่อยๆจะเป็นตำราให้เราเอง
- คุณสอบถามฯ...คัมภีร์คงจะหายาก วิชาส่วนใหญ่จะถ่ายทอดผ่านศิษย์ครับ / มหาทักษามีผู้เขียน พิมพ์ขายอยู่ แต่ส่วนใหญ่ดัดแปลง ลองดูในหอสมุดแห่งชาติ / อสีติธาตุวิภังค์ เคยพิมพ์เป็นชุดนานแล้ว ต้องดูแหล่งหนังสือเก่า หรือถามแพทย์แผนโบราณ คงมีใครซื้อไว้ / สุริยโชติรัตน์ มีศิษย์สายนี้ท่านกำลังสอนโหราศาสตร์อยู่ หัวละ 30,000 แต่ไม่ทราบว่าท่านจะสอนวิชานี้ให้หรือไม่ / พฤหัสจักร แบบไทย เคยเห็นขายที่เขษมบรรณกิจ ราว 25 ปีก่อน เข้าใจว่าขณะนี้คงยังมี แต่เป็นแบบจีน ลองดูในห้องสมุด / มหาจักร เป็นวิชาปกปิด คงไม่มีเผยแพร่ นอกจากเรียนจากอาจารย์ ดูตำราก็ต้องระวังครับ “ของจริงในของจริง” ก็มี “ของปลอม ในของจริง”ก็มี “ของปลอมล้วนๆ” ก็มี น้ำท่วมปากครับ พูดยาก
- คุณ moon ....ผมชอบใจคำตอบมากครับ เพราะตอบโดยการคิดด้วยตนเอง จะถูกจะผิดก็ไม่กลัว เพราะใช้ปัญญาเราเอง น่ายกย่อง สมองอักเสบยังดีกว่าลอกคนอื่นมา ต่อไปน่าจะเรียนโหราศาสตร์ได้ดี กระทู้นี้เขาเน้นว่า ให้ใช้หลักวิธีโหราศาสตร์ เป็นการบังคับให้ศึกษาหลักการที่แท้จริง เพราะหากเราเอา จิตวิทยาบ้าง สิ่งแวดล้อมบ้าง หลักกรรมบ้าง มาอธิบาย ก็เท่ากับเราไม่ได้หาเหตุผลทางโหราศาสตร์ ผมว่าเหมือนคนตาบอดในถ้ำมืดที่ผมเคยเขียน (ความเห็นที่ 126 – กระทู้แรก) ถ้าเรายอมรับว่าเรายังตาบอด เราก็เพียรพยายามคลำไป แต่ถ้าคิดว่า ตาดีแล้ว ก็อย่าชวนใครไปตกเหวด้วยก็แล้วกัน
- คุณแวว น้องวิน (อายุ 11) ไม่ได้เป็นแฟนเว็บนี้ การบ้านต้องค้นอินเตอร์เน็ทเยอะครับ
- คุณนักศึกษารุ่นหลัง เรื่องกระทู้ข้อสี่กรุณาดูคำตอบที่ผมตอบคุณ moon นะครับ เวลาคิด พยายามคิดว่าโหราศาสตร์ควรเป็นหลักสากล ดาวบนท้องฟ้าก็ไม่มีไทย ฝรั่ง จีน ดังนั้นคำตอบไม่ควรอิงหลักอื่นนอกจากหลักโหราศาสตร์ ผมเห็นด้วยกับทุกคน เพราะศรัทธาในพุทธศาสนา เรื่องนี้หลักกรรมอธิบายง่ายกว่า และเป็นสุขใจกว่าด้วย เพราะทำดี บุญบารมีย่อมทำให้เราเกิดมาดี แต่การที่เราเอาหลักอื่นมาอธิบายแทนโหราศาสตร์มากเข้า ทำให้เรากลายเป็นผู้ไม่รู้โหราศาสตร์ไปเลย แต่ก่อนผมก็เคยเป็นอย่างพวกเรา และงุนงงเรื่องโหราศาสตร์มานับสิบปี จนกระทั่ง ครูท่านหนึ่งซึ่งท่านเป็นพระชั้นผู้ใหญ่กรุณาแนะให้ว่า เอาศาสนาออกก่อนสิ ผมจึงได้คิด
.......เรื่องดวงชะตา 5 ชั้นนี่มีมานานแล้วครับ แต่ว่าเป็นเทคนิคกลไกการคิด แต่ก่อนผมก็ไม่รู้ เวลาคิดแล้วมั่ว ดูดวงแล้วสับสนมาก เวลาดูจะลงถึงนวางค์ อินทภาส-บาทจันทร์เมื่อเข้าในชั้น 3 ก็ได้ แต่ไม่ดูก็ได้ นวางค์จะดูเมื่อจำเป็น
ดวง 5 ชั้น ไม่ใช่ตัววิชา แต่เป็นประดิษฐกรรมของคนโบราณที่เยี่ยมมาก เดี๋ยวนี้ผมดูจนเป็นอัตโนมัติไปแล้ว ใครเรียนโหรฯกับท่าน อจ.อรุณ ลำเพ็ญ หรือท่านอื่นๆ ที่อ่านดวงได้เนียนมาก ลองเอาดวง 5 ชั้น เข้าไปจับคำพูดดูเถอะครับ เข้ากันทุกอย่าง เวลาเรียนดวงจร ซึ่งกลไกมากกว่าดวงปกติ ราว 3 เท่า ก็ใช้วิธีดูแบบนี้แหละ สบายมากเลย ผมจะบอกความลับอย่างหนึ่ง โหรบางคนไม่ได้มีความรู้อะไรเลย แต่รู้เรื่องนี้แหละเป็นไม้เด็ด แต่ดวง 5 ชั้น เป็นประตูสู่เรื่องลับ ทางโหราศาสตร์อีกมากมาย ผมขอตัดสินใจก่อน
ความคิดเห็นที่ 14โดย คุณ สส.
30 oct 2004 03:56#711457ลบ
กระทู้ข้อที่สี่ ที่ให้อธิบายเหตุผลด้วยหลักวิธีทางโหราศาสตร์ กรณีชายสามคนเกิดพร้อมกัน แต่แยกย้ายกันไปเป็น พระราชา คหบดี และยาจก นั้น ส่วนใหญ่จะอธิบายกันด้วยหลักกรรมทางพุทธศาสนา แต่โหราศาสตร์จะอธิบายตามปรัชญาและ มรรควิถี ทางโหราศาสตร์เอง แม้ทางโหราศาสตร์ตะวันตกก็ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องนี้
.......โหราศาสตร์พบ ว่า ในดวงชะตา มีทางเลือกอยู่หลายทาง ในการดำเนินเรื่องราว ไม่ได้ตายตัวอย่างที่คิดกัน ทางเลือกนี้ถูกเลือกโดย เจ้าของ ดวงชะตาเองเป็นผู้มีส่วนอย่างมากโดยไม่รู้ตัว และโดยไม่รู้ผลในบั้นปลาย อย่างเช่น สมมุติ ว่ามีทางเลือกอยู่สามทางที่จะนำไปสู่การเป็นพระราชา เป็นคหบดี หรือเป็นยาจก เจ้าชะตาได้เลือกทางเลือกหนึ่ง จำนวนทางเลือกนี้ กลับไม่ได้มีเท่าเทียมกันทุกคน บางคนมีหลายหนทาง แต่บางคนก็มีน้อย นี่เป็นเรื่องแปลก แต่จากการเฝ้าสังเกตุพบว่า จำนวนทางเลือกนี้มีความสัมพันธ์อย่างมาก กับ ดาว ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับลัคนา
.......เราจะพบว่า ในทุกวินาที มีคนเกิด ไม่น้อยกว่า 5 คน ทั่วโลก ในคนจำนวนมากที่เกิดในถิ่น และเวลาเดียวกัน สามารถวางลัคนาได้ในที่เดียวกันสนิทมีนับร้อยคน แต่มีบางคนได้เป็นเศรษฐี บางคนเป็นยาจก ดังนั้น ในการดูดวงชะตา ครูโหร ท่านจึงสอนว่า ให้หาร่องรอย แนวทางเลือก ที่เจ้าชะตาได้นำมา อย่างพบว่า คนผู้หนึ่งกำลังมีอาชีพเป็นชาวประมงหาปลา นิทานชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปจากที่เขาไปเป็นช่างไม้ นี่จึงเป็นเหตุให้โหรที่ไม่ระมัดระวังทำนายผิดไป การหาปัจจัยชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคนที่มีลัคนาเป็นเช่นเดียวกัน จึงเกิดเทคนิควิธีทางโหราศาสตร์ขึ้น และมีอยู่ในโหราศาสตร์ทุกระบบ ดังนั้น คำตอบโดยสรุปสำหรับกระทู้นี้ ก็คือ เกิดจากทางเลือกของปัจจัยในดวงชะตาที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
.......สมัยโบราณ เรียกทางเลือกที่ปรากฏในดวงชะตาว่า “พรหมเรขา” หมายถึงการขีดเขียนของพรหม พรหมเรขานี้ไม่ใช่ “พรหมลิขิต” อย่างที่พวกเราเคยได้ยินกัน คำว่าพรหมลิขิต ดูเหมือนนักประพันธ์ และนักแต่งเพลงคิดขึ้นมาใช้ เพียงเมื่อราว 60 ปีเศษมานี้เอง ที่หมายถึงวิถีชีวิตที่ถูกจารึกไว้ล่วงหน้า แต่ พรหมเรขา เป็นสิ่งลึกลับทางโหราศาสตร์อย่างหนึ่ง เมื่อเส้นทางหนึ่งถูกเลือกใช้แล้ว เส้นทางอื่นจะหายไป ไม่มีวันย้อนคืน และจะเกิดเส้นทางแขนงใหม่ขึ้นมาให้เลือกอีก ผมลองตรวจสอบดูในโหราศาสตร์แขนงอื่นๆ ก็พบว่ามีกล่าวถึงอยู่ในชื่อที่ต่างกัน และ ก็ไม่ใช่ พรหมเรขา ที่ปรากฏในลัทธิพราหมณ์ด้วย แต่เข้าใจได้ว่า นักโหราศาสตร์รุ่นเก่าคงจะได้ตรวจสอบปรัชญา มากกว่าจะเชื่อตามกันไป
.......จากข้อคิดของโหราศาสตร์ตรงนี้ ผมจะสมมุติดวงชะตาหนึ่ง ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ พฤหัสร่วมศุกร์อยู่เมษ อาทิตย์อยู่มีน อังคารร่วมราหูอยู่กุมภ์ และจันทร์อยู่สิงห์ ถามว่าเจ้าของชะตานี้ อนาคต เป็นอะไร การที่ไม่บอกดาวดวงอื่นเพราะไม่ต้องการนำมาเกี่ยวข้องด้วย ดวงดาวแบบนี้ไม่ได้ผิดความจริง และมีจริงๆตามปฏิทิน พวกเราหลายคนก็ทำนายได้ไปตามพื้นฐาน แต่ถ้าเอาไปให้พวกเซียนหมอดู คงจะหัวเราะ แล้ววิ่งไล่เตะ เห็นจะไม่ต้องตั้งเป็นกระทู้หรอก ลองไปพิจารณาดู จะได้ความรู้ ดวงแบบนี้เขาเอาไว้แกล้งลองดีกันเล่นสนุกๆ ในสมัยก่อน
ความคิดเห็นที่ 15โดย คุณ สส.
30 oct 2004 03:56#711458ลบ
กระทู้ข้อที่สี่ ที่ให้อธิบายเหตุผลด้วยหลักวิธีทางโหราศาสตร์ กรณีชายสามคนเกิดพร้อมกัน แต่แยกย้ายกันไปเป็น พระราชา คหบดี และยาจก นั้น ส่วนใหญ่จะอธิบายกันด้วยหลักกรรมทางพุทธศาสนา แต่โหราศาสตร์จะอธิบายตามปรัชญาและ มรรควิถี ทางโหราศาสตร์เอง แม้ทางโหราศาสตร์ตะวันตกก็ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องนี้
.......โหราศาสตร์พบ ว่า ในดวงชะตา มีทางเลือกอยู่หลายทาง ในการดำเนินเรื่องราว ไม่ได้ตายตัวอย่างที่คิดกัน ทางเลือกนี้ถูกเลือกโดย เจ้าของ ดวงชะตาเองเป็นผู้มีส่วนอย่างมากโดยไม่รู้ตัว และโดยไม่รู้ผลในบั้นปลาย อย่างเช่น สมมุติ ว่ามีทางเลือกอยู่สามทางที่จะนำไปสู่การเป็นพระราชา เป็นคหบดี หรือเป็นยาจก เจ้าชะตาได้เลือกทางเลือกหนึ่ง จำนวนทางเลือกนี้ กลับไม่ได้มีเท่าเทียมกันทุกคน บางคนมีหลายหนทาง แต่บางคนก็มีน้อย นี่เป็นเรื่องแปลก แต่จากการเฝ้าสังเกตุพบว่า จำนวนทางเลือกนี้มีความสัมพันธ์อย่างมาก กับ ดาว ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับลัคนา
.......เราจะพบว่า ในทุกวินาที มีคนเกิด ไม่น้อยกว่า 5 คน ทั่วโลก ในคนจำนวนมากที่เกิดในถิ่น และเวลาเดียวกัน สามารถวางลัคนาได้ในที่เดียวกันสนิทมีนับร้อยคน แต่มีบางคนได้เป็นเศรษฐี บางคนเป็นยาจก ดังนั้น ในการดูดวงชะตา ครูโหร ท่านจึงสอนว่า ให้หาร่องรอย แนวทางเลือก ที่เจ้าชะตาได้นำมา อย่างพบว่า คนผู้หนึ่งกำลังมีอาชีพเป็นชาวประมงหาปลา นิทานชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปจากที่เขาไปเป็นช่างไม้ นี่จึงเป็นเหตุให้โหรที่ไม่ระมัดระวังทำนายผิดไป การหาปัจจัยชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคนที่มีลัคนาเป็นเช่นเดียวกัน จึงเกิดเทคนิควิธีทางโหราศาสตร์ขึ้น และมีอยู่ในโหราศาสตร์ทุกระบบ ดังนั้น คำตอบโดยสรุปสำหรับกระทู้นี้ ก็คือ เกิดจากทางเลือกของปัจจัยในดวงชะตาที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
.......สมัยโบราณ เรียกทางเลือกที่ปรากฏในดวงชะตาว่า “พรหมเรขา” หมายถึงการขีดเขียนของพรหม พรหมเรขานี้ไม่ใช่ “พรหมลิขิต” อย่างที่พวกเราเคยได้ยินกัน คำว่าพรหมลิขิต ดูเหมือนนักประพันธ์ และนักแต่งเพลงคิดขึ้นมาใช้ เพียงเมื่อราว 60 ปีเศษมานี้เอง ที่หมายถึงวิถีชีวิตที่ถูกจารึกไว้ล่วงหน้า แต่ พรหมเรขา เป็นสิ่งลึกลับทางโหราศาสตร์อย่างหนึ่ง เมื่อเส้นทางหนึ่งถูกเลือกใช้แล้ว เส้นทางอื่นจะหายไป ไม่มีวันย้อนคืน และจะเกิดเส้นทางแขนงใหม่ขึ้นมาให้เลือกอีก ผมลองตรวจสอบดูในโหราศาสตร์แขนงอื่นๆ ก็พบว่ามีกล่าวถึงอยู่ในชื่อที่ต่างกัน และ ก็ไม่ใช่ พรหมเรขา ที่ปรากฏในลัทธิพราหมณ์ด้วย แต่เข้าใจได้ว่า นักโหราศาสตร์รุ่นเก่าคงจะได้ตรวจสอบปรัชญา มากกว่าจะเชื่อตามกันไป
.......จากข้อคิดของโหราศาสตร์ตรงนี้ ผมจะสมมุติดวงชะตาหนึ่ง ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ พฤหัสร่วมศุกร์อยู่เมษ อาทิตย์อยู่มีน อังคารร่วมราหูอยู่กุมภ์ และจันทร์อยู่สิงห์ ถามว่าเจ้าของชะตานี้ อนาคต เป็นอะไร การที่ไม่บอกดาวดวงอื่นเพราะไม่ต้องการนำมาเกี่ยวข้องด้วย ดวงดาวแบบนี้ไม่ได้ผิดความจริง และมีจริงๆตามปฏิทิน พวกเราหลายคนก็ทำนายได้ไปตามพื้นฐาน แต่ถ้าเอาไปให้พวกเซียนหมอดู คงจะหัวเราะ แล้ววิ่งไล่เตะ เห็นจะไม่ต้องตั้งเป็นกระทู้หรอก ลองไปพิจารณาดู จะได้ความรู้ ดวงแบบนี้เขาเอาไว้แกล้งลองดีกันเล่นสนุกๆ ในสมัยก่อน
ความคิดเห็นที่ 16โดย คุณ อุอุ
30 oct 2004 09:11#711520ลบ
ก็ในดวงชะตาดวงหนึ่งๆจะมีบรรจุไว้อยู่แล้วว่าทำให้เกิดเหตุอย่างไรจะให้ผลอย่างไร เลือกให้ถูกทางเดินก็มีโอกาสรุ่งกว่าอีกคนที่เกิดดวงเหมือนๆกันอย่างนี้ป่าวครับ
ความคิดเห็นที่ 17โดย คุณ สว่างนภา
30 oct 2004 17:29#711832ลบ
เรียน อาจารย์การเวกที่เคารพ
ต่อจากความคิดเห็นที่ 12 เจ้าชะตาเกิดวันพุธ ,
1.ดวงเดิมราหูเป็นเจ้าเรือนภพอริ และสถิตภพตนุ ต้นปีราหูย้ายเข้าราศีมีนภพปัตนิ พฤหัสเป็นเจ้าเรือน และขณะนั้นพฤหัสก็ยังจรอยู่ราศีกันย์ เป็นประ ในราศีกันย์ จะตีความหมายว่า เจ้าชะตาจะลำบากใจเกี่ยวกับคู่ครอง หรือผู้ร่วมหุ้นในเรื่องการเงินที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ได้ไหมค่ะ
2.ดวงเดิมเสาร์เป็นเจ้าเรือนภพปุตตะ ราศีมังกร โดยมาสถิตในราศีพิจิก ภพสหัชชะ และกลางปี 48 เสาร์จรเข้าราศีกรกฎ เป็นประ ภพลาภะ จะตีความหมายว่า สิ่งใหม่ๆที่ได้จากเพื่อน หรือสังคม ซึ่งเป็นลาภผลหรือสิ่งที่เราคาดหวังไว้จะไม่ยั่งยืน (ถูกต้องไหมค่ะ)
ปล.ข้อคำชี้แนะด้วยคะ
ความคิดเห็นที่ 18โดย คุณ ปองศักดิ์
31 oct 2004 04:46#712172ลบ
เรียน คุณลุง สส.
ที่คุณลุง บอกว่า ปัจจัยคล้ายดาว (ความเห็นที่ 157 )หมายถึงอะไรครับ อยู่บนท้องฟ้าเช่นพวก ดาวหาง อุกาบาต ใช่หรือเปล่าครับ จะมีผลต่อการดูดวงชะตาหรือไม่
ความคิดเห็นที่ 19โดย คุณ moon
31 oct 2004 08:21#712202ลบ
อาจารย์ สส ดวงที่อาจารย์ให้มา ทำไมอ่านแล้วเวียนหัวขนาดนี้ คะ ลงท้ายด้วยมรณะ อริ ปัตนิ (มรณะเกษตร อ่านว่าตายหยังเขียด ชีวิตรันทด อิอิ) ขอไปคิดก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาตอบ สงสัยจะคิดนานด้วยคะ
ความคิดเห็นที่ 20โดย คุณ พีร์
31 oct 2004 22:54#712663ลบ
มีเรื่องเรียนถามคุณ สส. ครับ
เคยอ่านบทความตอบปัญหาโหร ของท่าน อ.อรุณ ลำเพ็ญ ในพยากรณ์สาร ท่านใช้คำว่า "ดาวจรมาเป็นกาบาตร"
ไม่ทราบว่า คำว่า "กาบาตร" หมายความว่าอะไรครับ
ความคิดเห็นที่ 21โดย คุณ การเวก (กรวิก)
1 nov 2004 08:13#712802ลบ
เรียน คุณสว่างนภา
ผมคงได้แต่ชี้แนะตามคำขอน๊ะครับ ว่ากันเป็นข้อ ๆ ไป เริ่มต้นเลยน๊ะครับ
1.คุณคงต้องดูก่อนว่า ปีนี้อายุจร(ชันษาจร) ตกอยู่ที่ราศีอะไร (ตามจักราศี ตำราของท่านอาจารย์อรุณฯ)
อีกทั้งทักษาจร (อายุย่างตกดาวอะไรเป็นบริวาร)
2.ในปี 2548 ดาวตามที่คุณระบุทำหน้าที่ภพอะไร
(ภพจร) และทำหน้าที่อะไรทางทักษา (ทักษาจร)
3. ดาวพระเคราะห์ใหญ่ เช่น พฤหัส(5) เสาร์(7) และ ราหู (8) จะส่งผลเมื่อมีดาวนักเลงมาจุดระเบิด
เหตุการณ์ถึงจะเกิดตามสภาพของดาว
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น เมื่อเวลาคุณจะดูเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ใช้วิชาของท่านอาจารย์อรุณฯ แล้วคุณจะได้คำตอบตามที่ต้องการ
ผมหวังว่าข้อชี้แนะดังกล่าวคงเป็นประโยชน์แด่คุณ และผู้เข้ามาท่องในเวปนี้น๊ะครับ
ความคิดเห็นที่ 22โดย คุณ การเวก (กรวิก)
1 nov 2004 13:33#713064ลบ
เรียน คุณสว่างนภา
ผมลืมบอกไปเรื่องทักษา เรามาดูทักษาเดิมก่อน
-พฤหัส (5) เป็นเดช เป็นเจ้าเรือนพันธุและปัตตนิ
-เสาร์(7) เป็นอายุ ความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา เสาร์จรในทักษาคืออะไร ก็นำความหมายนั้นมาผสมด้วย อีกทั้งเสาร์ทางราศีจักรเป็นเจ้าเรือนภพปุตตะ ดังนั้นถ้าคุณจะให้ความหมายว่าสิ่งใหม่ ๆ ก็ยังรัดคอตัวเองอยู่ เพราะเสาร์ในทักษาเดิมคือความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา อาจจะเกี่ยวกับเรื่องของบ้าน หรือที่ดิน และตำแหน่งของเสาร์เป็นราชาโชคเมื่อเป็นดาวจรไปอยู่ในราศีกรกฎ(เป็นประ) ถึงแม้จะเสียก็ยังเสียเล็กน้อย
-มาดูราหู(8)บ้าง ทางทักษาเดิมเป็นศรี ทางจักราศีคืออริ (อุปสรรคหรือการดิ้นรน ฯลฯ) แสดงถึงมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มาให้เจ้าชะตาได้คิดตลอดเวลา เมื่อจรมา ก็ดูว่าทางทักษาเกี่ยวกับอะไรบ้าง ก็นำความหมายนั้นเข้ามาด้วย
อันความหมายของภพของดาวทั้งทางราศีจักร และทางทักษา ต้องดูให้สอดคล้องกันก่อนออกคำพยากรณ์
รวมทั้งต้องดูตำแหน่งมาตรฐานของดาวด้วยเช่น เป็นอุจจ์ เกษตร มหาจักร ราชาโชค ประ นิจจ์ ก็จะส่งเสริมหรือขัดแย้งกับดาว กับภพ รวมทั้งต้องดูเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของดวงดาวว่า เป็นคู่ธาติ คู่มิตร คู่สมพล หรือคู่ศัตรู รวมทั้งราศีที่อยู่ด้วยว่าเป็นราศีคู่ธาตุ คู่มิตร คู่สมพล หรือคู่สัตรู กอร์ปกับต้องดูอีกว่าดาวดังกล่าวเป็นพระเคราะห์คู่ประเภทใดเช่นกัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้หากทางคุณสว่างนภาค่อย ๆ นึก ถึงความสัมพันธ์ของดาว ของภพอย่างช้า ๆ แล้วค่อยออกคำพยากรณ์ ถึงแม้จะช้าบ้างแต่หากฝึกไปบ่อย ๆ ก็จะเพิ่มความชำนาญขึ้น แม้กระทั่งตัวผมเองกว่าจะสามารถให้คำชี้แนะเช่นนี้ได้ก็ยังต้องค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ ฝึก ต้องหักห้ามใจตัวเองมิให้ใจร้อน ค่อย ๆ พินิจพิเคราะห์ในสิ่งต่าง ๆ เบื้องต้นให้ละเอียดก่อน
ผมหวังว่าคำชี้แนะนี้คงเป็นประโยชน์แก่คุณสว่างนภาและผู้เข้ามาแวะเยี่ยมชมเพื่อหาความรู้น๊ะครับ สวัสดีครับ
ความคิดเห็นที่ 23โดย คุณ ศุภรัตน์
2 nov 2004 04:09#713693ลบ
เรียนอาจารย์ สส.ที่นับถือ อ่านมานานแล้วค่ะ อยากถามว่ามีดวงชะตาของพี่สาว มีเวลาเกิดที่โรงพยาบาลจับเวลามาให้เป็นวินาทีเลยค่ะ แต่วางลัคนาแล้วคาบบนเส้นแบ่งราศีเมษกับมีนพอดี บางหมอดูก็เขียนลัคนาเมษบ้าง มีนบ้าง แต่ดูแล้วก็ไม่ค่อยตรง แต่ก็อาจจะเกิดจากหมอดูไม่เก่งด้วย จะทำอย่างไรดีคะ จะถามดวงมาก็เกรงจะเป็นเรื่องส่วนตัว อยากได้ความรู้ด้วย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 24โดย คุณ สส.
3 nov 2004 03:46#714634ลบ
- #16 คุณ อุอุ แม่นแล้วครับ ส่วนใหญ่พวกเรามักเห็นว่า เวลาดวงจะรุ่ง อยู่ในอาชีพอะไรก็น่าจะรุ่ง แต่โหรฝรั่งมักคิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปคนละทาง เขาสมมุติว่า วันนี้ถ้าเรากลับบ้านเจอทางแยก หากเลี้ยวซ้ายไปขึ้นรถบัส(รถเมล์) ถ้าเลี้ยวขวา ไปขึ้นแท้กซี่ แล้วดวงชะตากำหนดว่ารถที่เรานั่งจะชนอย่างรุนแรง คนที่ขึ้นแท้กซี่ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปคนละทางกับคนที่ขึ้นรถเมล์ นี่ถ้าฝรั่งขึ้นรถเมล์แล้วถูกพวกวัยรุ่นยิงขึ้นไปบนรถเมล์ ยังไม่รู้ใครจะมีอาการหนักกว่ากัน
- #18 คุณปองศักดิ์ ปัจจัยคล้ายดาว หมายถึงสิ่งที่ไม่ใช่ดาวเคราะห์ แต่มีพฤติกรรมและอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนดาวเคราะห์ มีวงโคจรที่แน่นอน สามารถคำนวณเป็นปฏิทินได้ เช่น ราหู และเกตุ ซึ่งไม่มีตัวตน โคจรย้อนจักร ไม่มีพักร มนฑ์ เสริด ในโหราศาสตร์ระบบรังสีดาว เขาเรียกว่า ดาวทิพย์ แต่ปัจจัยทางโหราศาสตร์ ไม่ใช่เป็นปัจจัยคล้ายดาวเสมอไป อย่างเช่น ชันษาจร หรือ กาลจักร – ลัคน์จร เรียกว่า “ปัจจัยจร” เป็นปัจจัยที่ใช้อัตราโคจรสมมุติ ไม่ใช่อัตราโดยธรรมชาติ ส่วนใหญ่กำหนดขึ้นจากลัคนา หรือราศี หรือเงื่อนไขเฉพาะหนึ่งๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถคำนวณไว้แน่นอนเป็นปฏิทินได้
.....ทางดวงชะตา พวกดาวถือว่ามีพลังของมันเอง เมื่อถูกกระตุ้นก็เกิดปฏิกริยาได้ แต่พวกปัจจัยคล้ายดาวนี้เกิดจากสิ่งอื่น เช่น ราหู เกิดจากการตัดกัน (node -โหนด) ของ ระนาบจันทร์-โลก กับระนาบอาทิตย์ -โลก เมื่อโลกหมุนแกว่ง ทำให้ราหู นั้นเคลื่อนที่ย้อนจักรไปเรื่อย เหมือนเอาไฟฉาย ฉายบนเพดานดู จะเห็นเป็นวงกลมเหมือนดาว พอดับไฟฉาย ดาวนี้ก็ดับ เพราะไม่ใช่ดาวจริง การดูดวงชะตาเดิม เราไม่ต้องคำนึงถึงมันมากนัก คิดเหมือนเป็นดาว แต่การดูดวงจรสำคัญมาก เพราะปัจจัยพวกนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นที่ทำให้มันเกิด ซึ่งอาจต้องใช้องคประกอบร่วมกัน ถึง 3 - 4 อย่าง ทำให้การตัดสินทำได้ยากขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วจะรุนแรงรวดเร็วแทบคิดไม่ถึง พวกโหรเก่าส่วนมากจึงรู้ฤทธิ์ ราหู และ เกตุ กันดี ทั้งนี้เพราะ มันถูกยกเว้นเรื่องคุณสมบัติบางอย่างทางธาตุดาวไป ยิ่งพวกปัจจัยจรด้วยแล้ว ตัวมันเป็นเป็นเพียงจุดแสดงเรื่องราว ไม่มีคุณสมบัติทางธาตุดาวเลย
......ราหู นั้นเป็นดาวปิดๆเปิดๆ ไม่ใช่ปรากฏตลอดเวลา บางอาจารย์ท่านบอกเป็นเคล็ดลับว่า ราหูนั้นทำงาน 6 เดือน อีก 6 เดือนราหูไม่ทำงาน ซึ่งผมไม่เห็นด้วย เพราะจะปิด หรือ เปิด ขึ้นกับองคประกอบที่เกิดราหูมากกว่า และสัมพันธ์กับลัคนาด้วย ส่วน ดาวหาง ดาวตก หรือ อุกาบาต ไม่ถือเป็น ปัจจัยคล้ายดาว เพราะไม่มีวงโคจรที่แน่นอน(ในจักรราศี) และจะมีความหมายต่อดวงชะตาเพียงใด ขึ้นอยู่กับแต่ละดวงชะตาเอง ตามหลักแล้ว สิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ และอยู่ในความรับรู้ของชีวิตบนโลก ก็ย่อมบอกถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้อยู่แล้ว ตามปรัชญาโหราศาสตร์ ถ้าจะสนใจกัน ผมสนใจพวกดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ระหว่างอังคารกับพฤหัส มากกว่า เพราะมีคุณสมบัติทางดาวเคราะห์ แต่ดวงเล็กไป โบราณไม่เห็น จึงไม่ได้เอามาใช้ทำนาย
- #19 คุณ moon ดวงที่ว่านั้น ถ้าอ่านตามดาวที่มี สามารถเป็นอาชีพได้หลายอย่าง ดีๆทั้งนั้น จากคนธรรมดา ถึงรัฐมนตรี ปกติการอ่านและตัดสินดาวที่มีกำลังหลายดวงพร้อมกันในลักษณะดวงที่พลิกล้อค ได้แบบนี้ โหรที่ชำนาญเขาจะตรวจภาวะแวดล้อมด้วย ผมจึงเอาเสาร์(ปัตนิ) กับพุธ(วินาสน์-สหัชชะ) ออกไป เพื่อหักขาไม่ให้ตรวจได้ เหมือนเล่นหมากรุกแหละ แกล้งขโมยม้าเพื่อดูว่าเซียนม้าจะทำอย่างไร
- #20 คุณ พีร์ ไม่ทราบจริงๆครับ ลืมไปแล้ว คลับคล้ายจะเคยมีคนถามปัญหานี้แหละ นานมาแล้ว
- #23 คุณศุภรัตน์ ปัญหาการวางลัคนาและดาวในดวงชะตามีเยอะครับ นอกจากคาบราศีแล้ว ปฏิทินยังต่างกัน อันโตนาทีต่างกัน ตัดเวลานาฬิกาท้องถิ่นตามเส้นรุ้ง เส้นแวงที่ต่างกัน จักรราศียังมีนิรายนะ สายนะ ต่างกัน เป็นต้น กรณีที่คุณศุภรัตน์ถาม ถ้าเช้าตรู่ เราไปชายทะเล จะเห็นแสงอาทิตย์ขึ้นมา แล้วขอบวงกลมดวงอาทิตย์จะค่อยๆโผล่ขอบฟ้า จนกลมเต็มดวง ราว 15 – 25 นาที แต่ในปฏิทินเขา คำนวนที่จุดศูนย์กลางดวงอาทิตย์ หากวางลัคนาเช้าตรงอาทิตย์ขึ้น เพียงแค่ แสงเรืองเข้มๆ หรือขอบบนของอาทิตย์ก็ถือได้ว่าธาตุอาทิตย์เกิดแล้ว ดวงจันทร์ก็ทำนองเดียวกัน แต่ดาวอื่นนั้นขนาดเล็กเป็นแค่จุด เทียบแล้วขนาดไม่ถึง หนึ่งองศา โหราศาสตร์ระบบอื่นคำนวณองศาของดาว ยอมให้มีการเหลื่อมองศาได้ แต่โหราศาสตร์ไทยท่านวางพื้นฐานทฤษฎีไว้ต่างกัน
......ตัวเลขในดวงชะตาโหราศาสตร์ไทยไม่ใช่ดาว แต่คือ ธาตุดาว ซึ่งได้มาจากดาวอีกที ธาตุดาวเหล่านี้มีความกว้างทุกดวงและแผ่ออกจากจุดกลางเหมือนก้อนสำลี โบราณเรียกว่า “รอก ดาว” วิชาสุริยโชติรัตน์เรียกว่า “รอกธาตุ” ดาวเดินเร็ว เช่น พุธ ศุกร์ อังคาร จะมีขนาด( ศก.)รอกดาว ราว 1 นวางค์ (3 องศา) ส่วนดาวเดินช้า เช่น พฤหัส เสาร์ ราหู มฤตยู มีขนาดราว 5 องศา เหตุเพราะดาวเดินช้าเหมือนหมึกหยดลงบนกระดาษ อยู่นานหยดก็ใหญ่กว่า อาทิตย์ มีขนาดราว 7 องศา จันทร์ ราว 4 องศา เหตุที่ไม่แน่นอน เพราะเหตุผล 2 ประการคือ หนึ่ง เมื่อดาว พักร มน เสริด รัศมีดาวจะเพิ่มขึ้น ราว 1-2 องศา และสอง ดาวที่โคจรเข้าราศีธาตุเป็นมิตร เช่น พุธธาตุน้ำ เข้าราศีธาตุน้ำ และ ธาตุดิน จะขยายขนาดได้เป็น 5-6 องศาทีเดียว เข้าราศีธาตุลม ธาตุไฟ ก็ไม่ขยาย ลักษณะดังนี้ ทำให้ดาวมีอิทธิพลกว้าง แม้ไม่ได้ยกข้ามราศี แต่ก็สามารถทำปฏิกริยา กับดาวในราศีอื่นได้ ใครที่เคยงุนงงเวลาเกิดเหตุจากดาวจร แล้วหาเหตุผลไม่ได้ ลองชำเลืองดูดาวข้างๆ ที่โคจรมาใกล้ๆราศี ***หมอนี่ละ เป็นตัวการ ที่สำคัญก็คือ ลัคนาไม่มีขนาด แต่มีขอบเขตอำนาจ ในราศีที่ว่างลัคนามีอำนาจกว้างราว 10 องศา แต่ถ้ามีดาวอยู่ด้วยจะมีอำนาจเต็มราศี อำนาจของลัคนาจะสามารถล้ำเข้าไปในราศีใกล้เคียง ได้ราว 5 องศา
.....ปกติโหรนั้นเมื่อผูกดวงชะตา จะต้องสอบดาว และ ลัคนาเสมอ ไม่มียกเว้น จากข้อเท็จจริงเช่น มีพี่น้องกี่คน เหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา รวมทั้ง เหตุการณ์ที่จะเกิดในเวลาอันใกล้ แต่การทำดังนี้ ช้า ไม่ทันการทำมาหากินของหมอดูในปัจจุบัน บางอาจารย์จึงมีเคล็ดลับใช้ เกตุ เป็นลัคนา ใช้สำหรับผู้ไม่รู้เวลาเกิด ซึ่งผมไม่เห็นด้วย บางอาจารย์วาง เกตุ ไว้ในภพ 10 คือ นับจากเกตุ ไป 4 ราศี ถือ เป็น”ลัคคะเน” แล้วดูว่า ใกล้กับ ราศี มีน หรือ เมษ (กรณีคุณศุภรัตน์) มากกว่ากัน ให้วางลัคนาใน ราศีนั้น สำหรับผมเองใช้วิธีทดสอบเหตุการณ์ ไม่เกิน 2 ปี ก็ได้แล้ว กรณีคุณศุภรัตน์ ผมอยากแนะว่าให้ใช้ลัคนา ราศีมีน เพราะลัคนามีธาตุของมีนมาก จะแม่น กว่า เว้นแต่มีข้อมูลพิสูจน์ได้จากการสอบลัคนา จึงใช้ตามนั้น
ความคิดเห็นที่ 25โดย คุณ moon
3 nov 2004 06:59#714654ลบ
อ่านเฉลย เลยรู้ว่าถูกหลอก แงงงงงงงงงงงงงงงง
งั้นอ่านออก แต่แรกแล้วคะ เสียฟอร์ม หมดเลย
ความคิดเห็นที่ 26โดย คุณ tik
3 nov 2004 20:56#715401ลบ
อาจารย์ สส คะอยากจะรู้ว่า โหราศาสตร์ของอาจารย์อรุณ ท่านใช้ทักษา ด้วยหรือคะ ไม่เห็นในตำรา ที่อาจารย์สอน หรือมีภาคต่อ ออกไปอีกคะ ที่เห็นมีใช้ก็มี ใน โฮ๋ราสาด รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายให้หาสงสัย นะคะ ขอบคุณคะ
ความคิดเห็นที่ 27โดย คุณ จิตรี
5 nov 2004 06:47#716423ลบ
เรียน อจ.สส.ที่เคารพ อยากเรียนถามปัญหาค่ะ ดวงชะตาเพื่อน(หญิง) ลัคนาราศีตุลย์ 1 อยู่ตุลย์กุมลัคน์ 6 อยู่กันย์ 5 อยู่กรกฏ 3 อยู่พฤษภ 2 อยู่มีน ดวงนี้ดาวอาทิตย์จะฟื้นจากนิจใช่ไหมคะ อาจารย์หนูว่าอาทิตย์ นิจอยู่เรือนนิจฟื้น และได้พฤหัสทำมุมจตุโกณดี แต่ดาวอังคาร กับ จันทร์ทำมุมปลายหอกเข้าใส่ลัคนาเสียหายมาก พอหนูถามว่าแล้วดวงจะดีไหม อาจารย์ก็โกรธ หาว่าหนูลองดี ให้หนูไปดูเองตามที่เรียนมา อาจารย์เป็นผู้หญิงค่ะ อยู่แถวบางซื่อ หนูเรียนวิชาโหราศาสตร์ไทยได้แค่ชั้นต้นกับชั้นกลาง ยังไม่ได้ต่อชั้นสูง พอดีโรงเรียนเขาขึ้นราคาเป็น 3,500 บาท แต่แถมหนังสือเคล็ดลับสุดยอด ต้องจ่ายเงินก่อนจึงจะได้ หนูยังตัดสินใจอยู่ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ถ้าจะกรุณาตอบ
ความคิดเห็นที่ 28โดย คุณ ๑๔๕
5 nov 2004 07:36#716427ลบ
ไม่ต้องไปเรียนแล้วคะ เสียดายตังค์ ถามนิดถามหน่อยตอบไม่ได้ หาว่าลองดี หาอาจารย์ใหม่คะ นิจฟื้น แบบลบลบ แล้วเป็นบวก นี่นะ คุณจิตรี เรียนโหราศาสตร์มานานยังคะ เสียเงินเรียนมากี่หลักสูตรแล้ว อยากทราบค่า
ความคิดเห็นที่ 29โดย คุณ ศิษย์ 2000
5 nov 2004 21:00#716989ลบ
สวัสดีท่านอาจารย์สส.
จากตัวอย่างดวงที่อาจารย์ยกไว้ในกระทู้ที่ 14 ถ้าจำไม่ผิดเรื่องนี้เคยได้ยินท่านอาจารย์ผู้ใหญ่หลอกถามมาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ว่าพวกเซียนหมอดูดูแล้วคงไล่เตะ..ตรงนี้ไม่ติดใจถาม
อยากถามท่านอาจารย์ว่า แล้วถ้าดาวธาตุดินตกธาตุน้ำ จะไม่เปลี่ยนนิสัยบ้างหรือไร (คงเปลี่ยนได้ชั่วคราวใช่ไหม)
ปรัชญาโหราศาสตร์ของท่านอาจารย์ดีมาก เป็นการบ้านลับสมองว่าเรารู้โหราศาสตร์ได้ลึกแค่ไหน อะไรที่ไม่รู้ หรือไม่เคยสนใจ หรือไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ หรือรู้แต่ใช้ไม่เป็น
ผล รู้บ้าง แต่ไม่เคยใช้ และใช้ไม่เป็น
ความคิดเห็นที่ 30โดย คุณ lad
6 nov 2004 01:08#717234ลบ
อ่า งง ไปหมดแล้วครับ ท่าทางจะแย่กว่าเพื่อน คิดไม่ออกซักอย่าง
ความคิดเห็นที่ 31โดย คุณ สส.
6 nov 2004 04:07#717290ลบ
# 25 คุณ moon ยังไม่ได้เฉลยนะนั่น เป็นแค่บอกใบ้อะไรบางอย่าง ดูดีๆ ครับ
# 26 คุณ tik เข้าใจว่าคุณคงจะเรียนจากเอกสารที่ท่านส่งทางไปรษณีย์ ภาคไหนก็ไม่มีทักษา นอกจากตอบที่ลูกศิษย์ถามพัวพันบ้าง มีคนถามคำถามนี้หลายหนแล้ว แต่จนใจท่านไม่อยู่ตอบให้เอง สมัยก่อนเวลามีคนถามว่าอาจารย์ไม่ใช้ทักษาหรือ ท่านจะตอบว่า “ใช้ก็ได้” แล้วก็ใช้ให้ดู ผมอยากเปรียบวิชาโหราศาสตร์ที่ท่านสอนเหมือนการใช้ดาบยาว เป็นดาบหลักมาตรฐาน เมื่อเรียนแล้วจะไปรบกับใครก็ได้ไม่มีปัญหา ฟันถูกที่ ก็ตายได้เหมือนกัน และการพิมพ์เผยแพร่ออกไป ท่านก็คาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าจะถูกก้อป*** ทำสำเนา การเรียนโหราศาสตร์เท่าที่ท่านให้เรียนท่านเห็นว่าครบถ้วนแล้ว ส่วนวิชาอื่นๆที่นำมาใช้กับโหราศาสตร์ไทยยังมีอีกมาก อย่างเช่น การใช้มหาทักษา วิชานี้ต้องจับมือสอน พิมพ์แพร่หลายไม่ได้ ทักษาเปรียบเหมือน มีดสั้น พกเอาไว้ข้างเอว แต่ต้องฝึกหัดใช้ ลูกศิษย์บางคนอาจทำมีดพกหล่นหาย หรือเอาไปขายเพราะไม่รู้คุณค่าก็ได้ ในนิยาย “โฮ๋ราสาด” นั้น ท่านเขียนเพื่อตลาดคนอ่าน ที่ใช้ทักษากันเยอะ ผมจึงอยากบอกว่า ท่านใช้ทักษา “เมื่อต้องใช้” “ใช้เป็น” และ “ใช้เก่ง” ด้วย
# 27 คุณจิตรี ที่เขาสอนนั่นไม่ใช่โหราศาสตร์ไทยอย่างแน่นอน โหราศาสตร์ไทยไม่มีมุมปลายหอกปลายดาบ ไม่มีแม้แต่จตุโกณ นั่นเป็นเรื่องโหราศาสตร์ของที่อื่น คนที่เอามาใช้เขาไม่รู้เรื่อง เลยใช้กันต่อๆมา
......โหราศาสตร์ไทยมองจักรราศีเป็นเชิงเส้น (linear) ครับ นักเรียนโหรน้อยคนที่จะรู้ พวกครูก็ไม่ได้สอน คำว่าเชิงเส้น หมายความว่า มองเป็นแถวแนวเรียงกันไปตามขอบวงกลมดวงชะตา จนไปบรรจบจุดเดิม เหมือนเราเอาเชือกพันขอบอ่างกลมๆนั่นแหละ เวลาอ่านเรือนก็อ่านเรียงตามกันไป ถ้าอ่านดาวในเรือนก็ว่า เป็น หนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ เป็นเจ็ดไปเรื่อยๆ คำว่า ทำมุมเล็ง ตรีโกณ จตุโกณ หรือ โยค มุมโน้นมุมนี้ ไม่มีในโหราศาสตร์ไทยแต่โบราณ แต่มาจากโหราศาสตร์อื่นที่ใช้ทฤษฎีดาราศาสตร์ นำเข้ามาประยุกต์ ไทยเราเห็นง่ายเลยเรียกตามเขาไป จะว่าเรียกผิด ก็ไม่ผิด พอรับได้ เพราะมองดวงชะตาเป็นวงกลม ส่วน การมองจักรราศีเป็นเชิงเส้น เป็นพื้นฐานที่มาของโหราศาสตร์ไทยทีเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีมุมปลายหอกปลายดาบ ที่แปลมาจากของฝรั่ง
.......ที่ว่า จตุโกณ โหรไทยว่า “เป็นสี่” ตรีโกณคือ “เป็นห้า เป็นเก้า” โยค คือ “เป็นสาม เป็น สิบเอ็ด” เล็งคือ”เป็นเจ็ด” การเรียกดังนี้ เป็นการเรียกที่สัมพันธ์กับเรือน และธาตุไปพร้อมกัน คำว่านิจ อยู่เรือนนิจ ไม่เกี่ยวกับนิจ ฟื้นหรือไม่ฟื้น พูดกันผิด การที่ดาวมีตำแหน่งอะไรไม่มีการแก้กันโดยเด็ดขาด แต่จะมีความดี หรือไม่ดี เรียงตามเรื่อง เช่น คนเป็นโรคนั้นไม่ดี แต่โรคมันน้อยกลับว่าดี และอุจ นิจ ก็ไม่ได้หมายความว่า ดี ไม่ดี เช่น บางคนมรณะเป็นอุจ อาจตายอย่างมีเกียรติ หรือ ถูกข่มขืนฆ่า ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เรียกว่า ตายดัง แต่ความเป็นอุจ ของธาตุดาวก็ทำให้เขามีดี เช่นอาจเป็นสมองไว วางแผนเก่ง หรือ เด่นในหมู่โจร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูดาวอื่นให้ครบ 10 ดวงจึงจะทำนายได้
.....ดวงดาวที่ถามมา อาทิตย์นิจลาภะกุมลัคน์ ศุกร์นิจเจ้าเรือนไปอยู่วินาสน์ จะประสบความสำเร็จในเกียรติยศ (อาทิตย์ ลาภะ - ตนุ -มรณะ)โดยที่ใช้อิทธิพลในหน้าที่ และพรรคพวก (อาทิตย์ - ศุกร์) วิ่งเต้นได้มา (ศุภะ - วินาสน์) โดยเล่ห์กลไม่บริสุทธิ์(ศุกร์นิจ-วินาสน์) จันทร์เรือนพฤหัสอุจ เป็นสิบแก่ลัคนาและอาทิตย์ จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต หรือหากรับราชการเอง ก็เป็นได้ถึงอธิบดี นี่ในส่วนข้อดี ข้อเสียนั้น อาทิตย์นิจกุมลัคนา ถึง อังคารประปัตนิ กดุมภะ เป็นมรณะ ศุกร์นิจตนุ มรณะเป็นวินาสน์ ดาวไม่ได้ซับซ้อนอะไร อ่านว่า แต่จะมีเวรกรรม เรื่อง คู่ครอง ที่แม้มียศตำแหน่งสูงดี แต่จะผลาญสมบัติ เอาไปบำเรอผู้อื่น และจะเสียชื่อเสียงและทรัพย์สินเพราะถูกฟ้องยึดทรัพย์ที่ได้มา นั่นแหละ
#28 คุณ 145 เห็นด้วยครับ เราน่ามีที่สอนโหราศาสตร์มาตรฐานดีๆ สักหลายแห่ง เพราะคนอยู่ชานเมือง หรือต่างจังหวัดอยากเรียน ก็ทำอะไรไม่ได้ เก็บเงินก็แพง สอนก็ไม่เป็น กว่าจะรู้ก็เสียเงินไปแล้ว
#29 คุณศิษย์ 2000 ดาวธาตุดินตกธาตุน้ำ จำไว้ว่าเป็นเรื่องของดาว ไม่ใช่เรื่องของคน ที่ว่านิสัย จะพูดถึงนิสัยคนหรือพฤติกรรมของดาว กันแน่ ดาวนั้นมีผลแน่นอน เพราะกระทบของธาตุไม่ว่าเหมือนหรือต่างกัน ย่อมเปลี่ยนสภาพทั้งนั้น ไม่ว่ามากหรือน้อย แต่นิสัยคนนั้นเหมือนสันดอน ขุดยาก บางทีแค่เปลี่ยนอารมณ์ชั่วคราว แล้วก็หาย
#30 คุณ lad ค่อยๆคิดไปหน่อยครับ เรียนอะไรก็อย่าไปเชื่อใครเขาว่า ต้องรู้จักใช้เหตุผลเอง วันหลังก็รุ้ได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ดูอย่างพวกเราที่นี่ อะไรทำท่าจะผิด ก็ท้วงเลย รู้จักคิดต่อยอดเองนี่น่าชมเชยมากทุกท่าน ผมตอบอย่างรีบด่วนมาก มีอะไรที่เห็นผิดก็ท้วงได้เลย ไม่คิดว่าลองดี แต่ขอเตือนบางท่านที่อาจคิดว่า จะดูหมอ แต่ตัดดาวบางดวงมาให้ดู คือว่าประหยัดค่าหมอดู ถามทีละดวง สองดวงจนครบดาว 10 ดวง แบบนั้นเข้าใจผิดครับ ถ้าจะดูดวงชะตา ก็ต้องดูดาวทั้ง 10 ดวง 12 เรือน พร้อมกัน ที่ถามดาวบางดวงเพื่อจำกัดประเด็นปัญหาเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 32โดย คุณ สส.
7 nov 2004 03:54#718037ลบ
......กระทู้ข้อที่ห้า – นิทานอเล็กซานเดรีย (ของเก่า – ย่อตัดทอนมา มีข้อบกพร่องอยู่บ้างแต่ไม่ทำให้สาระของปัญหาหายไป) กาลครั้งหนึ่งในนครแห่งหนึ่ง ท่านมหาราชครูถึงแก่กรรมลง พระราชาจึงให้ประกาศว่า ผู้ใดมีความสามารถทางวิชาโหรา สามารถทำนายคนถึง 500 โดยแม่นยำทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราจะตั้งผู้นั้นขึ้นเป็น ที่มหาราชครู มีข้าทาสบริวารและ เงินทองเพชรนิลจินดา อันหาค่ามิได้ ปรากฏว่ามีโหราจารย์ ซึ่งรู้ทั่ว โหราศาสตร์ จากเมืองต่างๆ นับด้วยจำนวนหลายหมื่น เข้าขันอาสา แต่โดยการสอบ ของหมู่ราชบัณทิต มีโหราจารย์ที่สอบผ่าน โดยเชี่ยวชาญ ทำนายได้ถูกต้องแม่นยำทุกวลี เพียง 10 ท่าน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โหราจารย์ทั้งนั้น ต่างก็ใช้วิชาที่แตกต่างกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นเอกแห่งแคว้นของตนทั้งสิ้น ไม่อาจหาผู้ชนะได้
......พระราชา จึงให้อัญเชิญ มหาเทพจูปิเตอร์ ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกเสด็จลงมาตัดสิน จูปิเตอร์ทรงสดับความแล้วก็ดำริ โดยอาศัยบุญฤทธิ์ บันดาลเหตุของจักรวาลขึ้น คือ ให้ “ดาวอังคาร โคจรสลับที่ กับดาวศุกร์” โดยอาศัยทิพยญาณของมหาเทพอันสามารถล่วงรู้ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ของบุคคล จึงตัดสินความนี้ได้ผู้ชนะ
(หมายเหตุ อธิบายว่า 1. ให้ย้ายดาวอังคารไปอยู่วงโคจรของดาวศุกร์โดยมีการโคจรเหมือนดาวศุกร์เดิม 2. ให้ย้ายดาวศุกร์ ไปอยู่วงโคจรดาวอังคารเดิม โดยมีการโคจรเหมือนดาวอังคารเดิม 3. อันที่จริง จะเปลี่ยนโจทย์เป็นย้ายสลับดาวคู่ใดก็ได้ ใน พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ ... ยกเว้น ห้ามย้าย อาทิตย์ จันทร์ และโลก )
ปัญหาถามว่า ถ้าท่านเป็นผู้ชำนาญโหราศาสตร์แต่ละวิชา หลักวิธีโหราศาสตร์ของท่าน จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?
1. ไม่เปลี่ยนแปลง 2. เปลี่ยนแปลง และสลับความหมายของ อังคารกับศุกร์ 3. เปลี่ยนแปลง และ ใช้ความหมายของอังคารและศุกร์เดิมในตำแหน่งใหม่ 4. อื่นๆ
ความคิดเห็นที่ 33โดย คุณ หนูน้อย
8 nov 2004 08:45#718767ลบ
เรียน อ. สส
ผมเริ่มอ่านข้อเขียนของ อ. สส ราวๆ 20 ตค47 แต่ไม่สามารถตอบปริศนาได้กระจ่างเลย ไม่กล้าจะเริ่มถามที่จุดไหนด้วย
หลักปรัชญาที่ อ. สส ให้นี้ทำให้แทบจะพลิกความเข้าใจในวิชาโหราศาสตร์ไทยของผมทั้งหมดเลยครับ
เหมือนเคยอ่าน คคห ของ อ. สส อันหนึ่งว่าอย่างน้อยควรรู้น้ำจิตน้ำใจกันก่อนจะศึกษา หรือ สอนความรู้ จะได้ทราบพื้นฐาน
ในโหราศาสตร์ไทยนี้ ผมเริ่มอ่านเองครับ อ่านของ อ.เทพย์ สาริกบุตร และ อ.พลูหลวง ของท่านอื่นๆประปราย และที่อ่านแล้วประทับใจมีอีก 2 ท่านครับ คือ อ.อรุณ ลำเพ็ย และของมหาบรรเทา
ผมได้รับคำชี้แนะจริงๆจากเพื่อนที่ชื่อ เอก และ คุณศิษย์2000 ในต้นปีนี้เองครับ
ปริศนา ข้อแรกๆ อ.สส เหมือนเฉลยไปหมดแล้ว แต่บางข้อเหมือนยังให้คิดเองอยู่ ผมอยากตอบบ้าง เผื่อจะได้รับความกระจ่างครับ
1.) โหราศาสตร์ไม่ได้มีเพื่อพยากรณ์ - สำหรับผมแล้ว ขอตอบว่า โหราศาสตร์มีไว้เพียง "อ่าน ธรรมชาติ" เราไม่ได้พยากรณ์ แต่เราบอกความจริงในสิ่งที่เกิด ด้วยสิ่งแวดล้อม ( ดาว) และข้อมูลที่พอเพียง เช่น หากเราเห็นแสงทางทิศตะวันออก เราจะบอกได้ไหมว่าเช้าแล้ว เราต้องทราบข้อมูลอื่นๆ และตัดข้อมูลที่ผิดทิ้ง เราก็บอกได้ว่าเช้าแล้วหรือยัง หรือว่าแสงนั่นเป็นแสงจากรถที่ส่องมา หรือหากเรามีนาฬิกา บอกเวลา แต่เราก็ต้องทราบว่านาฬิกาเราตรงหรือไม่ และจริงๆ เราต้องทราบด้วยว่าลัษณะที่เรียกว่า "เช้า" นี้เป็นอย่างไร
( อย่างไรก็ดีข้อนี้ ที่ตอบเช่นนี้อาจจะเพราะอ่านความเห็นท่านอื่นๆไปบ้างแล้วนะครับ ไม่ใช่ความคิดแวบแรก)
2.) ลัคนา - อ. สส เฉลยแล้ว ผมก็ได้รับความรู้มาประดับอาภรณ์ ( ข้อนี้ผมขบปัญหาไม่แตกครับ)
3.) ดวงชะตาวงกลมแบบไทยนี้ เกิดจากวงกลมซ้อนกันอยู่ กี่ชั้น ? - อ. สส เฉลยแล้วแต่ผมก็เข้าใจได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องธาตุครับผม
4.) ปัญหาชาย 3 คน - เป็นความรู้ใหม่ เรื่อง พรหมเลขา
5.) ปัญหา รูปดวง อนาคต เป็นอะไร -
ผมยังไม่ได้ลองคุยกับคุณศิษย์ 2000 เลยครับ แต่เห็นเขาเขียนว่าทราบแล้ว ผมนั่งนึกก็ไม่ออก เมื่ออ่านกระทู้ล่าสุด คคห. 31 อ.สส ตอบ #27 คุณจิตรี ข้อความที่ว่า "บางคนมรณะเป็นอุจ อาจตายอย่างมีเกียรติ" เลย ปิ๊ง!! แนวคิดมาบ้างไม่ทราบว่าเป็นเช่นไรครับ
หากแบ่งอณาบริเวณจากราศีทวารทั้ง 4 ( ภพ 1,4,7,10) เริ่มลัคนา เป็นปัจจุบัน จุดจอมฟ้าจะเป็นอดีต( เพราะผ่านขอบฟ้ามานานแล้ว) และจุดภพที่ 4 จะเป็น "อนาคต" (เพราะยังมาไม่ถึง) เราก็เริ่มตั้งจุดนี้ถอดคำพยากรณ์ ( ผมไม่ค่อยแม่นเท่าไรนะครับ) ได้ว่า
อนาคต( ภพ 4 พันธุ ตุลย์) มีกรรม( กัมมะ) ความไม่แน่นอน ( ประ) และก็ "ตาย" (มรณะ) อย่างแน่นอน ( เกษตร)
6.) ดาวอังคาร โคจรสลับที่ กับดาวศุกร์ - ผมขอตอบว่า "ไม่เปลี่ยนครับ" ด้วยเหตุผลจากวลีในคำถามที่ว่า "ย้ายดาวอังคารไปอยู่วงโคจรของดาวศุกร์โดยมีการโคจรเหมือนดาวศุกร์เดิม "
หากตอบเช่นนี้ อาจจะหมายความว่า ลัษณะของเรือน(หรือลักษณะทางโคจร) นั้นสำคัญกว่า "ชื่อเรียก" ใช่ไหมครับ
วันนี้ สมองปลอดโปร่ง ผมอยากเขียน เลยเขียนมาให้ อ.สส ชี้แนะความสว่างด้วยครับ
ความคิดเห็นที่ 34โดย คุณ แวว
8 nov 2004 13:28#719057ลบ
เรียน อจ.สส. ดวงชะตาความเห็นที่ 15 จะเฉลยไหมคะ ดูว่ามีหลายอาชีพ ถ้าจะเลือกทายว่า เป็นทหารพลร่มค่ะ อุ๊บอิ๊บ ขอจองคำตอบไว้ก่อน
ความคิดเห็นที่ 35โดย คุณ ศิษย์ 2000
8 nov 2004 20:05#719395ลบ
คุณหนูน้อย ว่องไวจังไม่เจอ 2-3 สัปดาห์ เข้ามาอ่านทีตอบหมดทุกข้อเลย
ความคิดเห็นที่ 36โดย คุณ วรวิทย์
9 nov 2004 03:21#719702ลบ
เรียนคุณลุง สส. ที่นับถือ ผมเรียนโหราศาสตร์จากคุณพ่อ และซื้อหนังสืออ่านเองบ้าง คุณพ่อเคยเรียนดวงสองชั้นอย่างที่คุณลุงเล่า เขาเรียกดวงบน ดวงล่าง ผมอยากถามเรื่องลัคนา ตามความเห็นที่ 24 ที่ว่า “อำนาจลัคนาจะสามารถล้ำไปในราศีใกล้เคียงราว 5 องศา” นั้นใช้กับดวงเดิม หรือดวงจรครับ และล้ำไปทั้งสองข้าง หรือต้องดูองศาลัคนาด้วยหรือไม่ กรุณาช่วยอธิบายด้วย ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 37โดย คุณ ผู้สนใจ
9 nov 2004 08:37#719786ลบ
เรียน อาจารย์ สส.
ดิฉันยังติดตามอ่าน ได้ความรู้ เคล็ดต่างๆลึกซึ้งมากค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้งนัก ขอลองทายดูอีกสักที
คิดว่า หลักการในการทำนายไม่เปลี่ยน แต่การโคจรของดาวน่าจะเปลี่ยน เพราะธรรมชาติของดาวต่างกัน น่าจะมีผลให้การโคจรเร็ว-ช้าต่างออกไป จุดที่สุกใสหรือด้อยแสงจึงน่าจะไม่เหมือนเดิม
ผิดอย่างไร ขอความกรุณาชี้แนะด้วยค่ะ
|
การเวก (กรวิก) - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)