กระทู้นี้เพื่อผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่ 3
กระทู้นี้เพื่อผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่(3)
สืบเนื่องจาก กระทู้นี้เพื่อผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่(2) มีความยาวมากขึ้น จึงได้มาเปิดกระทู้ที่ 3 เพื่อความสะดวกแก่ผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยได้ถามไถ่
จาก: การเวก (กรวิก) [8 dec 2004 08:07]ผู้ดู [1072]ผู้ตอบ[120] ลบ
ความคิดเห็นที่ 1โดย คุณ สส.
9 dec 2004 04:10#746814ลบ
กระทู้ข้อที่แปด -- ประเดิมกระทู้ ใหม่ (3)
ชายผู้หนึ่งไปรับการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ หมอดูตรวจดวงชะตาแล้วเห็นว่า จะเกิดปัญหากับตัวเขาในปีนี้ จึงแนะนำให้ทำอะไรอย่างหนึ่ง ปัญหานั้นก็อาจเบาบางหรือหมดไปได้ ถามว่าคำแนะนำข้อใดต่อไปนี้ ข้อใด เป็นไปตามหลักวิธีโหราศาสตร์
(เลือกกี่ข้อก็ได้ ให้เหตุผลสั้นๆด้วย)
1).....ปล่อยนก ปลา เต่า หอยขม ไถ่ชีวิตสัตว์ 2).....อดอาหาร ออกกำลังกายทุกวัน 3)....บวชพระ ถือศีล 4).....ย้ายที่นอน ที่อยู่
5).....เดินทางท่องเที่ยวไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ 6).....เปลี่ยนชื่อ นามสกุล เติมแก้เลขทะเบียนรถ และ เลขที่บ้าน
7).....ไปจดทะเบียนหย่ากับภรรยา และจดทะเบียนยกลูกให้ผู้อื่น เป็นเคล็ด 8)......ผ่าตัด เสริมแต่ง แก้ไขใบหน้า
9).....สะเดาะห์เคราะห์เสียเงิน 9,999 บาท (ค่ายกครู 99 บาท + ค่ายกหมอดู 9,900 บาท) ไหว้ของดำ 8 สิ่ง ของหวาน 36 สิ่ง ไข่ต้ม 108 ฟอง
ความคิดเห็นที่ 2โดย คุณ จีระนันท์
9 dec 2004 23:07#747659ลบ
เลือกข้อ 1 ข้อเดียวครับ
ความคิดเห็นที่ 3โดย คุณ แวว
10 dec 2004 05:48#747771ลบ
ไปเที่ยวมา คราวก่อนจะตอบหมอดูชีพจรอยู่แล้ว ไม่ทัน คราวนี้อาจารย์ใบ้หวยแน่นอน
ข้อ 1 ปล่อยปลา + ข้อ 3 บวชพระ เรื่องศาสนา ข้อ 2 ออกกำลัง เรื่องหมอ ข้อ 4 ย้ายบ้าน หนีเจ้าหนี้
ข้อ 6 เปลี่ยนชื่อ โหลยโท่ย ข้อ 7 หย่า******ตาย หัวแบ่ะ ข้อ 8 ผ่าตัด ผิดแหงๆ ข้อ 9 สะเดาะเคราะห์ มั่วนิ่ม
คำตอบคือ ข้อ 5 เดินทางท่องเที่ยวเจ้าค่ะ หวยออกเลข 5 ถูกแหงๆ อิ อิ
ความคิดเห็นที่ 4โดย คุณ กุ่ย
10 dec 2004 18:54#748159ลบ
ตอบข้อ 3 ถูกครับ บวชพระ ถือศีลจึงจะได้บุญพอแก้กรรมเก่าได้ อย่างอื่นไม่ได้ ปล่อยนกแล้วนกตายก็มี
( ข้อ 4 ย้ายบ้านหนีแม่ยาย ไม่ได้หนีเจ้าหนี้)
ความคิดเห็นที่ 5โดย คุณ กระต่ายน้อย
10 dec 2004 21:36#748256ลบ
ความจริงศาสตร์ทุกศาสตร์ล้วนมีรากฐานที่ไม่ต่างกันแต่กรอบของความคิดและหลักวิธีนั้นกลับต่างกัน
ความจริงอยากจะเลือกข้อ 1 กับข้อ 3 แต่ทั้ง2ข้อนั้นก็ต้องดูเจตนาการกระทำอีก..เจตนาต้องบริสุทธิ์ อีกทั้งเป็นกรอบของพุทธศาสตร์แม้จะดีที่สุดและเป็นวิธีที่น่าจะถูกต้องที่สุดในเรื่องของการปรับธาตุปราณและจักรราศี
สรุปแล้วขอเลือกข้อ 4 . ย้ายที่นอน..ที่อยู่...น่าจะอยู่ในกรอบของโหราศาสตร์มากที่สุดในเรื่องของตำแหน่งและเวลา.....ถึงแม้จะยังไม่ดีที่สุด
....แวะมามั่วอีกแล้วครับอาจารย์สส ..งานนี้ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มแหงๆๆๆ...ฮือๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็นที่ 6โดย คุณ แม่ยายใครหว่า
11 dec 2004 04:12#748383ลบ
ข้อ 4 ย้ายที่นอนที่อยู่ ถูกแล้วตามหลักฮวงจุ้ย
ความคิดเห็นที่ 7โดย คุณ สว่างนภา
11 dec 2004 11:16#748501ลบ
เรียน อาจารย์สส.
ตอบข้อ 3 บวชพระ ถือศีลค่ะ คือทำใจให้สบายอย่าคิดฟุ้งซ่าน หมกหมุ่นกับสิ่งต่างๆ
ความคิดเห็นที่ 8โดย คุณ กระต่ายน้อย
11 dec 2004 12:41#748535ลบ
เรียนท่านอาจารย์สส.
แวะมาขอบคุณอาจารย์ครับที่ได้ให้ความรู้ต่างๆมากมายมาโดยตลอด...ขอให้ท่านอาจารย์สุขภาพแข็งแรงตลอดไปน๊ะครับ...ด้วยความเคารพครับ...
ความคิดเห็นที่ 9โดย คุณ สส.
12 dec 2004 08:31#749109ลบ
ขอบคุณคุณกระต่ายน้อยที่มาอวยพร และยังไปแวะให้กำลังใจใครต่อใครอยู่หลายกระทู้ แวะเข้ามาดู เห็นคำตอบทุกคนแล้วนะครับ แสดงว่าคิดกันได้เหตุผลคนละมุมสองมุม ช่วงนี้ คนเข้าเว็บน้อยเพราะไปต่างจังหวัดกันมาก บางเว็บก็ปิดพัก บางท่านใช้เครื่องคอมพ์ที่ทำงานมาเข้าเน็ท ก็เลยหายไปด้วย พวกเราที่ยังมาอ่านกันตอนนี้มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็มีความรู้โหราศาสตร์ระดับกลางๆ หลายท่านรู้ทางพุทธศาสนาดีด้วย ถ้าเรียนรู้วิทยาการอื่นๆ เช่น ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และอื่นๆ แม้แต่ไสยศาสตร์ด้วย ก็จะช่วยให้มองเห็นโหราศาสตร์ที่แท้จริงดีขึ้น นี่เป็นเหตุให้ผมเอาอะไรต่ออะไรมาทาย เพราะหากเรายังสับสนอยู่ก็จะทำให้ไม่ก้าวหน้าทางโหราศาสตร์ไปด้วย
.....อย่างที่คุณ “แม่ยายใครหว่า” พูดถึงเรื่อง ฮวงจุ้ยนั้น แท้จริงแล้ว ฮวงจุ้ยเป็นไสยศาสตร์ แต่โหรจีนในอดีตและปัจจุบัน ที่เรามักเรียกว่า ซินแส (อาจารย์) มักจะมีความรู้หลายด้านผสมกัน ทั้งโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ วิชาพยากรณ์ ลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า พุทธธรรมและวิชาแพทย์ เวลาแนะนำอะไร หรือเรียนอะไรก็ปะปนกันไป จนโหราศาสตร์ถูกปรุงแต่งกลืนหายไปไปในศาสตร์ต่างๆ นี่เองทำให้โหราศาสตร์แท้ๆ ในประเทศจีน เกือบจะไม่มีการพัฒนาต่อมาอีกเลย เหลืออยู่แต่วิชาเดิมๆ ที่บรรพบุรุษให้มาเท่านั้น นักศึกษาวิชาโหราศาสตร์แท้ๆในจีนก็มี และแต่ละคนระดับอัจฉริยะทั้งนั้น แต่ก็ต้องทอดถอนใจเพราะไม่มีกำลังพอจะฝืนกระแสวัฒนธรรมได้แล้ว ดูอย่างวิชาฮวงจุ้ยที่มานิยมกันมากในช่วงไม่กี่สิบปีหลังๆนี้ ใครๆ แม้แต่อาจารย์ฮวงจุ้ยเองก็เห็นว่าเป็นโหราศาสตร์
.....ความจริงไสยศาสตร์ไม่ใช่วิชาน่ารังเกียจอะไรเลย ผมเห็นว่าน่าศึกษากว่าอะไรทั้งหมด ถ้าเรารู้ทฤษฎี ปรัชญา และการปฏิบัติ ของไสยศาสตร์ เราจะพบว่าศาสตร์นี้ก็คือธรรมชาติอีกด้านหนึ่งที่ถูกซ่อนไว้จากสายตาผู้คน ถ้าแหงนหน้าดูดวงจันทร์ ดวงจันทร์ที่เราเห็นจะหันหน้าด้านที่เปิดเผยมาทางเราโดยตลอด ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเราไม่ได้เห็นมัน ไสยศาสตร์ก็เช่นกัน การที่เรามีทัศนคติไม่ดีต่อไสยศาสตร์ ก็เพราะมีผู้นำไปใช้ในทางที่ผิด จากความรู้เพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
.....โหรไทยโบราณของเราก็มีความรู้แท้จริงทางไสยศาสตร์มาก แต่ท่านจะรู้ว่าอะไรคือโหราศาสตร์ อะไรคือไสยศาสตร์ ดังนั้น เวลานำไปใช้ก็จะถูกต้องทั้งสองศาสตร์ พวกเราที่เรียนวิชาโหราศาสตร์อยู่ ก็ต้องรู้จักแยกแยะด้วย เพราะเมื่อเราสืบค้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นทางโบราณคดี หรือประวัติศาสตร์ จะทำให้เราทราบสถานการณ์ความคิดของคนในยุคนั้นดีขึ้น ผมอ่านหนังสือตำราบางเล่ม กล่าวถึงหลักฐานวัตถุโบราณบางอย่าง ว่าเป็นเรื่องโหราศาสตร์ ผมดูแล้วก็รู้ว่านั่นคือไสยศาสตร์ และถ้าเราขุดค้นจากตรงนั้นไปในทิศอีกทิศหนึ่ง เราจะพบวัตถุทางไสยศาสตร์อีกหลายชิ้นฝังอยู่ และจะมีคุณค่ามากทางประวัติศาสตร์ แต่สังคมโหราศาสตร์ของไทยกำลังกลายเป็นเหมือนสังคมจีนเข้าไปทุกที โหราศาสตร์ที่แท้ของเรากำลังถูกกลบเกลื่อนให้เลือนหายไปทั้งโดยบุคคลที่เป็นโหรเอง และผู้คนรอบด้าน และตอนนี้ผมก็เห็นว่าไม่มีทางฝืนกระแสวัฒนธรรมได้อีกแล้ว เพราะไม่มีกำลังพอ คิดดูเถิด เพราะกว่าเราจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ต้องใช้เวลาร่วมกึ่งศตวรรษทีเดียว จะไปอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไร โดยไม่ต้องขัดแย้ง หรือไปต่อยตีกับคนอื่น
ความคิดเห็นที่ 10โดย คุณ กระต่ายน้อย
13 dec 2004 00:10#749713ลบ
เรียนท่านอาจารย์สส
อาจารย์ครับ จริงน๊ะครับ ไม่รู้อีกหน่อยโหราศาสตร์ของไทยเราจะกลายเป็นอะไรต่อไปในวันข้างหน้า ผมเองไม่ได้อยู่ในวงการนี้ไม่เคยไปเรียนกับสมาคมที่ไหนเลย เคยเข้าไปเวปโหราศาสตร์หลายเวป เห็นทะเลาะต่อยตีกันอุตตลุด..มานะทิฏฐิอัตตาสูงมาก
แต่พอเข้ามาที่นี่ครั้งแรกก็ชอบเพราะเห็นสุภาพกันดี..มีน้ำใจดีตอบคำถามดี..ไม่ค่อยมีกระทู้กวนๆ..เข้ามาแล้วก็ชอบน๊ะครับ..สงบดี..อยากให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ..ขอขอบคุณสมาคมโหรฯ..และ webmaster..ที่ทำให้ผมมีที่มากระโดดวิ่งเล่นอยู่แถวนี้......ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 11โดย คุณ สว่างนภา
14 dec 2004 14:40#751433ลบ
เรียน อาจารย์สส. และอาจารย์การเวกที่เคารพ
ดิฉันสงสัยเกี่ยวกับดาวจรเข้ากระทบดาวเดิม ที่เป็นดาวดวงเดียวกัน ตัวอย่างเช่นดาว 5 กระทบดาว 5 (เดิม) ในภพกดุมภะ จะให้คุณหรือโทษอย่างไร
ขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 12โดย คุณ สส.
15 dec 2004 03:53#752017ลบ
คำตอบกระทู้ข้อที่แปด - ข้อนี้ตอบง่าย หัวข้อ 1) 2) 3) 4) 5) เป็นวิธีทางโหราศาสตร์ ส่วน 6) 7) 8) 9) นั้นไม่ใช่
.....ปัจจุบัน มีความเชื่อแพร่หลายในสังคมเรื่องวิธีแก้ ลดทอน สะเดาะเคราะห์กรรมหรือโชคร้าย รวมถึงความเชื่อในเรื่องบุญ และบาป ทางศาสนาแล้วเข้าใจว่าเป็นโหราศาสตร์ หรือชาวบ้านก็เข้าใจเช่นนั้น จนถึงกับว่าหมอดูคนไหนไม่รู้จักแนะนำเช่นนั้น แสดงว่าไม่เก่งจริง อันที่จริง หลายเรื่องเป็นเรื่องทาง ศาสนา ไสยศาสตร์ หรือความเชื่อที่เรียกว่า “มงคลตื่นข่าว” ไม่มีมูลความจริง.....โหราศาสตร์นั้นใช้วิธีแก้ไขโดยความหมายสัญลักษณ์ที่ธรรมชาติแสดงออกมาเอง ไม่ใช่โดยวิธีเสริมแต่งบิดเบือน โดยที่ผู้กระทำก็รู้อยู่แก่ใจ ทำนองเดียวกับคนที่ไปบนบานว่า ถ้าสำเร็จจะมาแก้ผ้ารำแก้บน หรือ จะถวายข้าวสาร 100 กระสอบ ครั้นถึงเวลาที่ต้องแก้บนจริงๆ ก็เอาผ้าผูกแขน แล้วแก้ออก รำเหยิบๆ สองทีเป็นอันจบ หรือ เอาข้าวสารมาใส่ถุงผ้าเล็กๆ 100 ถุง สมมุติเอาว่าเป็นข้าว 100 กระสอบ การทำโดยบิดเบือนเช่นนี้ไม่ได้มีผลทางโหราศาสตร์ ดังนั้น การไปจดทะเบียนหย่ากัน หรือยกลูกให้คนอื่นอย่างหลอกๆ จึงเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ ส่วนการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงใบหน้า อาจจะมีผลทางจิตวิทยา และสังคม แต่ไม่เป็นผลทางโหราศาสตร์ เนื่องจาก ร่างกายคน เป็น “ผล” จากดวงชะตาแสดงออกมา ไม่ใช่เป็น “เหตุ” ไปลิขิตดวงชะตา
......ในกระทู้นี้ การเปลี่ยนชื่อ และนามสกุล ที่นิยมทำกันอยู่ อาจจะมีผลทางจิตวิทยาและความสบายใจ แต่ไม่ใช่หลักทางโหราศาสตร์ โดยเฉพาะการใช้ตัวอักษรวรรคต่างๆที่เชื่อว่า เดช ศรี มนตรี ดี แต่กาลกิณีไม่ดี เป็นเรื่องเข้าใจผิดซับซ้อนกันมานานมากแล้ว ดาวเดช ศรี มนตรี ในบางดวงให้โทษมาก กาลกิณีให้คุณมากมีถมไป นักโทษที่ถูกประหารมากมาย มี มนตรี+เดช+ศรี (แปลว่า ผู้พิพากษาศาลฎีกา) ให้โทษ ในหมวดหมู่ตัวอักษรที่แบ่งไว้นั้น เป็นการแบ่งตามฐานที่เกิดของเสียงอักขระ วรรณยุกต์และ ไวยากรณ์ตามหลักภาษาไทย ทางสงฆ์จึงนำมาใช้ตั้งหมวดหมู่ฉายาพระ ด้วยอักษรตั้งต้นในช่องนั้นตามวันเกิดเสมอกันทุกคน เพื่อลดละความยึดมั่นถือมั่นในยศศักดิ์ของผู้บวช ไม่ได้มีความหมายใดตามทักษา ต่อมาชาวบ้านจึงตั้งชื่อเอาตามอย่างบ้าง จนกลายเป็นเชื่อมงคลตื่นข่าว เปลี่ยนชื่อกันวุ่นวายอย่างทุกวันนี้ เป็นความไม่เข้าใจทักษา สมัยโบราณโหรก็ไม่ได้ตั้งชื่อเด็กด้วยวิธีนี้ บางคนใช้อักษรวรรคกาลกิณีตั้งชื่อลูกหลานของตนเองด้วยซ้ำไป บุคคลสำคัญและมีความรู้โหราศาสตร์อย่างดีในประวัติศาสตร์ ก็ใช้อักษรตั้งชื่อในวรรคบริวารบ้าง วรรคอื่นๆบ้าง เพราะไม่ได้มีความสำคัญ แต่ความหมายของ “ชื่อ และเสียงเรียกขาน” จริงๆต่างหากที่มีความหมายทางโหราศาสตร์
.....ส่วนการแต่งเติมเสริมแก้เลขทะเบียนรถบ้าง เลขที่บ้านบ้าง บัตรประชาชนบ้าง ใบขับขี่บ้าง จนถึงเลขทุกอย่าง เช่นบนบัตรเครดิต เบอร์โทรศัพท์ ล้วนแต่มีผลเพียงเพิ่มรายได้ให้แก่หมอดู เอามาใช้หากินโดยขาดความรู้ หรือจงใจ ที่จริงแล้ว ตัวเลขนั้นมีความเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ลึกซึ้งกว่านี้มาก เนื่องจาก ตัวเลขนั้น ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็น “ผล” จากดวงชะตาแสดงออกมา ไม่ใช่เป็น “เหตุ” ที่ไปลิขิตดวงชะตา เราไม่อาจแก้จากผลไปบันดาลเหตุได้ ดังนั้นการสะเดาะเคราะห์ด้วยวัตถุสิ่งของ ด้วยตัวเลขจำนวนเท่านั้นเท่านี้ก็ไม่เป็นผลทางโหราศาสตร์ด้วย
.....การที่ปฏิเสธว่าอะไรไม่ใช่โหราศาสตร์นั้น เพื่อประโยชน์ในการศึกษาทางโหราศาสตร์เอง เพราะจะทำให้เราเข้าถึงหลักการจริงๆมากขึ้น แต่ไม่ได้ไปตัดสินว่าการกระทำต่างๆเป็นสิ่งที่ผิด เนื่องจากบางครั้งเราก็ต้องการความสบายใจเพื่อเป็นกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป เช่น การเปลี่ยนชื่อ ไปผ่าตัดเปลี่ยนแปลงใบหน้า หรือ แม้แต่การสะเดาะเคราะห์ที่มีผลเพียงทำดี เพราะการที่คนมาทักเราว่าอะไรไม่ดีมากๆเข้า ก็ทำให้เราใจเสียได้
.....โหราศาสตร์นั้นอิงกับข้อเท็จจริงในธรรมชาติ ธรรมชาติมีความตรงไปตรงมา การแก้ไขเหตุการณ์ใดๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้นจึงต้องใช้วิธีแก้ไขโดยความหมายสัญลักษณ์ที่ธรรมชาติแสดงออกมาเองเท่านั้น อย่างเช่น การปล่อยนก ปล่อยปลา ฯลฯ “อาทิตย์” เป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ปีก เช่น นก และ ไก่ ส่วน “เสาร์” เป็นสัญลักษณ์ของ ปลา ปลาไหล งู และสัตว์เลื้อยคลาน แต่ความหมายสำคัญที่ซ้อนทับกันมา คือ อาทิตย์ หมายถึง ชีวิต และความรุ่มร้อน เสาร์ คือ ทุกข์ทรมาน และอุปสรรค ดังนั้น เมื่อ อาทิตย์ หรือเสาร์ เป็นพิษอยู่ในดวงชะตา การปลดปล่อยออกไป จึงเป็นสิ่งที่ถูกตามกระบวนการตีความหมายทางโหราศาสตร์ สัตว์อื่นๆก็เช่นกัน
.....คำแนะนำให้อดอาหารและ ออกกำลังกายนั้น เป็นความหมายซ้อนทับของ “อริ” และ “มรณะ” เป็นอริ และมรณะที่ส่งผลดีตามลำดับ เพื่อไม่ให้อริและมรณะที่ส่งผลร้ายมาแสดงก่อน ขอให้สังเกตข้อเท็จจริงของธรรมชาติว่า เมื่อกินอาหารน้อย (อดอาหาร) และออกกำลังกายบ่อยๆ ( ป่วยโดยการกระทำ) ก็จะเจ็บป่วยไข้น้อยลง (เพราะแข็งแรงขึ้น) เราจะสังเกตได้ว่าหลังจากเล่นกีฬามาใหม่ๆ ร่างกายจะหอบเหนื่อยเมื่อยล้า หัวใจเต้นแรง คล้ายกับเจ็บป่วย แต่เราไม่ตกใจ.....การเดินทางท่องเที่ยว เป็นความหมายของ “สหัชชะ” และ “ศุภะ” ......และการย้ายที่นอน ที่อยู่ เป็นความหมายของ “มรณะ” และ “พันธุ”......ส่วน การบวชพระ ถือศีล บังคับตนให้อดงดเว้น เป็นความหมายของ “อริ” “มรณะ” และ “วินาสน์” นั่นเอง เมื่อใด ดวงชะตาบ่งบอกจะเกิดเหตุการณ์ความเสียหายตามความหมายเรือนหรือดาว จึงแนะนำให้เลือกทำความหมายที่ไม่ส่งผลร้ายก่อน เมื่อได้บังเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว โอกาสที่จะเกิดเหตุตามความหมายที่ร้ายกว่าจะลดลงไป แต่ต้องทำจริงๆ ไม่ใช่หลอกธรรมชาติ และตัวเอง
.....อย่างไรก็ตาม การทำตามข้อแนะนำดังกล่าวจะมีผลในแต่ละคน และแต่ละดวงชะตาไม่เท่ากัน แล้วแต่กำลังความแรงของเหตุการณ์ด้วย พึงคิดเสมอว่า ธรรมชาติมีทางเลือกมากหลายอย่างในการแสดงออก เมื่อแก้ทางหนึ่ง ก็อาจไปออกทางอื่น ท่านเปรียบเทียบว่า เหมือนทางน้ำเล็กๆ ลำพังดินกำมือเดียว ก็อุดกั้นอยู่ แต่ถ้าเป็นกระแสน้ำใหญ่ไหลเชี่ยวกราก แม้ถมดินทั้งเมืองลงไปขวาง น้ำนั้น ก็ย่อมหาทางเล็ดลอดออกไปจนได้ ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง
000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000
# 11 ตอบคุณสว่างนภา ดาวจรทับดาวเดิม เป็นดาวเดียวกัน ถ้าดูดวงเดียวก็ดูตามเรื่องของดาวเดิมครับ นี่ตอบตามหลักการ แต่จริงๆการเกิดเรื่องใดต้องดูดาวอื่นมาผสมโรงด้วย รออาจารย์การเวกมาให้ความเห็นนะครับ
ผมจำเป็นต้องกลับไปอยู่ต่างประเทศแล้วครับ ไปอยู่คนละซีกโลก ไปๆมาๆ ปีละครั้ง สองครั้ง ผมจะหายไปจากตรงนี้นับจากวันนี้ครับ ขอให้ทุกคนโชคดี
ความคิดเห็นที่ 13โดย คุณ คนคุ้นเคย
15 dec 2004 10:58#752314ลบ
ตอบคุณกระต่ายน้อยครับ เวปนี้เป็นเวปที่ดี มีความสงบ อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่หวือหวา ผมก็ชอบครับ แต่เป็น เวป ของ "มูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์" คุณกระต่ายต้อยต้องเดิม มูลนิธิ ด้วยนะครับ
ความคิดเห็นที่ 14โดย คุณ กระต่ายน้อย
15 dec 2004 11:44#752373ลบ
ท่านอาจารย์ สส ครับ อาจารย์ครับอย่าเพิ่งหายไปเลยครับ ความรู้ที่อาจารย์สั่งสอนไว้ล้วนมีค่าเหลือเกิน กระผมเองตาสว่างเพราะบทความของอาจารย์ที่อธิบายไว้เป็นอันมาก ขอให้อาจารย์เดินทางโดยสวัสดิภาพ มีสุขภาพแข็งแรงน๊ะครับ อยากฟังอาจารย์สอนสั่งอีกขอให้อาจารย์กลับมาสอนอีกเถอะครับอย่าหายไปนานเลยครับ....ด้วยความเคารพอย่างสูง....
ความคิดเห็นที่ 15โดย คุณ กระต่ายน้อย
15 dec 2004 11:59#752387ลบ
ตอบคุณคนคุ้นเคย
ขอบคุณครับ ดูเหมือนจะตกคำว่ามูลนิธิไปจริงๆแหล่ะครับ เอาไว้ไม่พิมพ์ตกๆหายๆแล้วครับ ขอบคุณน๊ะครับ...ยังชอบเหมือนเดิมครับ...สงบดี
ความคิดเห็นที่ 16โดย คุณ สส.
15 dec 2004 14:13#752548ลบ
# 114 ตอบคุณกระต่ายน้อย ผมมีเวลาก่อนเครื่องจะออกเกินสัปดาห์หลังปีใหม่ แต่ธุระจะเพิ่มมากขึ้นจนไม่มีเวลาจะทำอีก จึงเป็นเหตุผลที่ต้องอำลา (ชั่วคราว) คิดถึงพวกเราเหมือนกันนะครับ ทั้งท่านที่เคยโพสต์เข้ามา และที่อ่านอยู่เฉยๆ บางท่านอาจไม่เห็นด้วยกับผมก็ได้แต่ไม่ได้แสดงออก ตอนแรกที่เข้ามาคิดว่ามีอะไรจะบอกมากมาย แต่ติดปัญหาว่าผู้ที่อ่านอยู่ไม่อาจรับได้ เพราะผมพบว่าพวกเรา(ที่ตอบกลับมา)มีพื้นฐานไม่พอรับ และยังมีปัญหาที่หลายเรื่องไม่อาจเขียนได้ในอินเตอร์เน็ท แม้ว่าสังเกตจากคำตอบแล้ว หลายท่านมีพื้นนิสัยเพียงพอที่จะก้าวหน้าในโหราศาสตร์ไทย......ที่ครูโหรท่าน หวงวิชาไว้ เพราะวิชานี้มีคุณค่ามาก การจะมอบให้ใครไป ไม่เพียงแต่ต้องรักษาไว้ให้ศิษย์รุ่นหลังได้ โดยไม่เพี้ยนไป ไม่ใช่การท่องจำ แต่จะต้องคิดตลอดเวลา และจะต้องฉลาดและเข้มแข็งพอที่จะต่อยอดได้ด้วยตนเอง หาคนเรียนได้ยากมาก และยังต้องเลี้ยงชีพอยู่ได้ด้วยโดยไม่ใช้วิชาไปหากิน นอกจากช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่นที่เดือดร้อน
.......วิชาโหราศาสตร์ที่ผมเรียนมา ยาวนานหลายสิบปี ประสบการณ์ทำให้รู้ว่าอะไรเท็จ อะไรจริง เพียงแค่นี้ก็พูดไม่ได้แล้ว หากพูดไป แล้วไม่ได้อธิบาย คนอ่านจะยิ่งสับสนกันใหญ่ ผมดีใจที่สิ่งที่นำมาเปิดเผยในที่นี้ไม่ถึง หนึ่ง เปอร์เซ็นต์ ยังมีผู้อ่าน แม้แต่คนเดียวก็ยังดี ข้อความผมโพสต์ไว้อาจจะสะกิดเตือนผู้ที่เข้ามาอ่านให้ได้คิดในภายหลัง ช่วงวันหยุดที่ผมพอว่าง ผมได้ทำคำถาม และคำตอบกระทู้ไว้ รวมทั้งเรื่องธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องที่หายไปจากโหราศาสตร์ไทยเกือบหมดแล้ว ไหนๆ ส่งท้าย เพื่อคุณกระต่ายน้อยโดยเฉพาะ อุตส่าห์มาอวยพรให้ผมสองครั้ง ขอให้พรนั้นคืนกลับไปยังคุณ และเผื่อแผ่ไปยังทุกท่านด้วย ผมจะโพสต์ข้อความที่ทำไว้ หวังว่าอาจจะมีผู้เข้าใจได้ เรื่องธาตุนั้นไม่มีมีทางที่จะสอนกันในที่นี้ได้ ถึงแม้จะไม่ปกปิดไว้ แต่การสอนให้เข้าใจยอมรับว่ายากมากจริงๆ โบราณท่านซ่อนความรู้มาถึงรุ่นเรา ผ่านทางวิชาต่างๆจนได้ ผมทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านี้ ถือว่าได้กระทำกตัญญูแก่ครูอาจารย์ แล้วส่วนหนึ่ง
.......อัจฉริยะนั้นมีมาเกิดอยู่ทุกยุคทุกสมัย เราผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์ไทยมีหน้าที่เพียงส่งต่อให้ท่าน ผมทำหน้าที่ของผมเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 17โดย คุณ สส.
15 dec 2004 14:14#752552ลบ
กระทู้ข้อที่เก้า – สุภาพสตรีผู้หนึ่งไปรับการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ โหรตรวจดวงชะตาแล้วเห็นว่า ในดวงชะตาของเธอนั้น “สีขาว” เป็นสีที่ให้คุณมาก จึงแนะนำให้ใช้สีขาว ขาวอ่อน หรือขาวใสๆก็ได้ ถามว่า คำแนะนำข้อใดต่อไปนี้ ข้อใดเป็นไปตามหลักวิธีโหราศาสตร์ (เลือกกี่ข้อก็ได้ ให้เหตุผลสั้นๆด้วย)
1)..ใส่เสื้อผ้า สีขาวบ่อยๆ 2)..ใส่อัญมณีธรรมชาติสีขาว หรือขาวใส ติดตัวไว้ 3)..ประดับโต๊ะทำงานด้วยดอกไม้ สีขาว 4)..เลือกรถยนต์สีขาว
5).....ตกแต่งทาสีผนังห้องนอน เป็นสีขาว 6).....เอาขนมสีขาวใส่บาตรพระตอนเช้า 7)......เลี้ยงสัตว์เลี้ยงสีขาว 8).....ไม่มีข้อใดถูก
000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000
คำตอบกระทู้ข้อที่เก้า - โจทย์ข้อนี้เกี่ยวกับเรื่องสี ตอบได้ว่า ข้อ 1) ผ้าสีขาว ข้อ 2) อัญมณีสีขาวและข้อ 3) ดอกไม้สีขาว ตรงตามหลักโหราศาสตร์
.....อันที่จริง คำตอบทุกข้อที่ให้เลือก ล้วนมีการใช้สีขาวหมด ถ้าใครจับประเด็นได้จากกระทู้ข้อที่แล้วๆมา จะเห็นว่า โหราศาสตร์มีเกี่ยวข้องกับธรรมชาติตลอดเวลา สิ่งใดที่มีผลทางธรรมชาติ จึงจะมีความหมายทางโหราศาสตร์ นี่เป็นความสำคัญอันดับแรก แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีผลเช่นนี้
....ข้อ 4) 5) 6) รถยนต์สีขาว ห้องนอนสีขาว ขนมสีขาว เป็นเพียงการรับรู้สีขาวของเรา แต่สีขาวเหล่านี้เป็นสีที่ประดิษฐ์ทำขึ้น ธรรมชาติไม่ได้รับรู้เรื่องสีด้วย ยกเว้น เพียงอย่างเดียวคือ สีขาวของแป้งทำขนม ที่ไม่มีการปรุงแต่งสี ด้วยเหตุนี้ ขนมที่ใช้ในพิธีกรรมมักจะใช้สีของแป้งโดยธรรมชาติ สีที่ประดิษฐ์ขึ้น กับ “สิ่งไม่มีชีวิตที่มนุษย์ทำขึ้น”นี้ ธรรมชาติจะให้ความหมายทางโหราศาสตร์เมื่อเราไปให้ความหมายรู้ผูกพันมันก่อน อย่างเช่นรถยนต์คือ อังคาร ห้องนอนคือ พฤหัส ขนมคือจันทร์ แต่ถ้ามันอยู่เฉยๆ ขาดชีวิตที่เป็นเจ้าของ มันจะมีความหมายน้อย และสีของมันจะมีความหมายน้อยมาก ไม่ว่าในกรณีใด
....ข้อ 7) สัตว์เลี้ยงสีขาว ถ้าไม่ได้ย้อมมา ก็เป็นธรรมชาติ แต่ความเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ธรรมชาติจะให้ความหมายของ “สัตว์” มีความเด่นกว่า เช่น การเลี้ยงงูเหลือมสีขาวเผือก งูนั้นหมายถึง “เสาร์” แต่สีธาตุของเสาร์ คือสี “ดำ” ดังนั้นสีขาวในตัวงู จึงขาดความหมายทางสี แต่จะไปแสดงออกทางอื่น
....ข้อ 2) และ 3) อัญมณีและหินสีที่เกิดโดยธรรมชาติ แม้เป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่ธรรมชาติสร้างมาเอง จึงตรงตามหลักโหราศาสตร์
....ข้อ 1) นั้น เป็นข้อพิเศษ คือผ้าสีขาว เป็นเรื่องน่าแปลก ที่ผ้าขาวเกิดจากการฟอกย้อมจำนวนมาก มีทั้งขาวโดยธรรมชาติ และที่ประดิษฐ์ขึ้น แต่ผ้าใช้ได้ผลทางโหราศาสตร์ เหตุผลก็เพราะ “ผ้า” นั้นคือ “พฤหัส” พฤหัสนั้น มีสีธาตุเป็นสีเหลืองเข้ม และสีธรรมชาติ( ขาวตุ่นๆ)ด้วย ดังนั้นเมื่อธรรมชาติให้ความหมายของพฤหัสออกมา ก็จะให้ความหมายสีขาวโดยปริยาย ไม่ว่าผ้านั้นจะมีสีขาวหรือไม่ การที่โบราณมักใช้ผ้าขาวในพิธีกรรม เพราะมีความหมายเป็น พฤหัส แทนที่จะใช้สีเหลืองแบบจีวรพระ ซึ่งจะดูขัดตาในพิธีส่วนใหญ่ ผ้าขาวมีความสำคัญคือความเป็นพฤหัส ไม่ใช่ความเป็นสีขาว แต่ถ้าได้ผ้าขาวธรรมชาติ(ไม่ได้ย้อม)ก็จะได้ทั้งสองทาง ชี นั้นบวชด้วยผ้าขาว เท่ากับบวชด้วยผ้าเหลือง เพราะคือพฤหัส เหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ 18โดย คุณ สส.
15 dec 2004 14:15#752553ลบ
กระทู้ข้อที่สิบ – นิทานอเล็กซานเดรีย....ยักษ์ฮิวโก้เล่าว่า กาลครั้งหนึ่ง ยังมีชายคนหนึ่งชื่อ คาร์ปูซีส เป็นชาวเคอร์ธีท เกิดวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ เวลาเช้า ก่อน คริสตศักราช 762 ปี ลัคนาอยู่ราศีพิจิก เมื่อเติบใหญ่ ได้เข้าเป็นทหารในกองทัพ มีฝีมือยอดเยี่ยมทั้งฟันดาบและยิงธนู จนได้เลื่อนขึ้นเป็นนายทหารควบคุมทหารม้า ในกองทัพหน้า ในเวลาปกติ คาร์ปูซีส จะออกตามเสด็จพระราชาออกล่าสัตว์พร้อมนายทหารอื่นๆเสมอ และ คาร์ปูซีส มักจะเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล จากการที่สามารถยิงธนู เข้าเป้า ได้มากครั้งที่สุด แต่ละครั้ง ที่เห็นนก หรือสัตว์ที่ต้องการล่าปรากฏขึ้น นายทหารทุกคนจะยิงธนูออกไปเป็นห่าฝน เพื่อช่วงชิงรางวัล แต่คาร์ปูซีสจะปล่อยธนูออกไปเข้าสู่ นัยน์ตา หรือหัวใจสัตว์เหล่านั้น ด้วยธนูเพียงดอกเดียว หรือสองดอก โดยไม่พลาดเป้า
....ครั้งหนึ่ง ดาวหางขึ้นบนฟ้า ในราศีพิจิก พวกยูคา คนป่าที่ชอบใช้เวทมนตร์คาถา ยกกองทัพมาจากทิศเหนือ 3 แสนคน กองทัพเคอร์ธีทมีกำลังพลเพียง หนึ่ง แสนคนออกต่อต้าน กองธนูสังหาร ทัพหน้าของพวกยูคารุกเข้าประชิด กองทัพเคอร์ธีทได้ก่อน นักแม่นธนูห้าพันนายของพวกยูคา จึงยิงธนูเวทมนตร์ของพ่อมด เข้าใส่แถวนายทหารของเคอร์ธีทเป็นห่าฝน นายทหารเหล่านั้นทุกคน ต่างก็ใช้โล่ห์และดาบ ปิดป้องธนูไว้ได้หมด แต่มีเพียงธนูสังหารเพียง 2 ดอก ที่สามารถเล็ดลอด พุ่งเข้าปักนัยน์ตา และ หัวใจ ของคาร์ปูซีส ร่วงหล่นลงจากหลังม้าลงมาตาย แต่เพียงผู้เดียว
ปัญหาถามว่า ในเมื่อท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร
0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000
คำตอบกระทู้ข้อที่สิบ – คำตอบกระทู้นี้ ถ้าตอบตามความเชื่อเรื่องกรรมทางศาสนาก็ไม่ยากอะไร เพราะเป็นกรณีที่ทำกรรมอะไรไว้ กรรมนั้นก็กลับมา สนอง ไม่ในชาตินี้ก็ชาติหน้า แต่ถ้าตอบตามโหราศาสตร์ก็ต้องตอบด้วย “โครงสร้างของปัจจัย” หรือ ทางไทยแปลกันว่า “โครงสร้างของกรรม” แต่ที่จริงเป็นการมองกรรมในแง่โหราศาสตร์ โดยมีทฤษฎีรองรับด้วย
....เราพึงเข้าใจก่อนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างดาวนั้นมีได้หลายรูปแบบ สมมุติเรามีดาว 4 ดวง อยู่ด้วยกัน หรือเป็นกลุ่มที่สัมพันธ์ถึงกัน เราสามารถแปลความหมายดาวกลุ่มนี้ได้มากมาย นับสิบความหมาย เป็นได้ทั้งในทางดี และ เลว ทั้งในทางให้คุณ และให้โทษ และเมื่อสัมพันธ์กับเรือนและเจ้าเรือนด้วยแล้ว ความหมายยิ่งมากเข้าไปอีก กลายเป็นรูปแบบ หรือ เรียกว่า “โครงสร้างของปัจจัย” ได้จำนวนมาก พวกเราที่เรียนโหราศาสตร์กันอยู่ อาจจะเคยรู้สึกงง หรือหงุดหงิดที่พบว่า เวลาอ่านดวงชะตาแล้ว อาจารย์บ้าง เพื่อนฝูงบ้าง อ่านเรือนอ่านดาวไม่ตรงกับเรา บางครั้งก็เป็นไปคนละเรื่อง ทำให้คิดว่าเราน่าจะอ่านผิดคนที่ไม่เข้าใจก็ พยายาม หาวิธีอ่านให้เหมือนผู้อื่นบ้าง จนสับสน จับหลักอะไรไม่ได้ เหมือนนิทานเกาหลีเรื่อง “คนบ้าเวลา”.......นิทานเล่าว่า มีชายคนหนึ่ง ซื้อนาฬิกาข้อมือมาจากตลาด ชอบใจมาก เดินไปก็ดูเวลาไป พอผ่านร้านค้าก็เหลือบดูนาฬิกาที่แขวนไว้ ตั้งเวลาตามเขาไป พอมีคนเดินสวนมา ก็ขอดูนาฬิกาข้อมือของเขาอีก เห็นว่าไม่ตรงกัน ก็ตั้งเวลาใหม่อีก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงบ้าน ดูนาฬิกาข้อมือที่ซื้อ พบว่าเวลาไม่ตรงกับนาฬิกาที่แขวนบนผนังบ้าน จึงถอดมาทุบทิ้งด้วยความเจ็บใจ ที่เสียเงินซื้อนาฬิกา นิทานก็จบลง.....นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้ารักจะเรียนโหราศาสตร์แล้วอย่าเป็นคนบ้าเวลา หลงเครื่องคิดเลข เมาทศนิยม อย่า “ยึดหลักที่ปักบนเลน”
......อันที่จริงถ้าเราเข้าใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างดาว และ เรือนเป็นไปได้หลายแบบ แต่แบบใดเล่า คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง ในดวงชะตา นี่คือปัญหาในการพยากรณ์....โหราศาสตร์เชื่อว่า แบบโครงสร้างของปัจจัยที่ถูกเน้นด้วยการกระทำโดยเจ้าชะตา เป็นโครงสร้างที่ถูกเลือก เช่นสมมุติ โครงสร้างนั้นสามารถแปลได้สิบความหมาย แต่เจ้าชะตาเลือกที่จะกระทำ “ผู้หนึ่ง ฆ่า ผู้หนึ่ง” โครงสร้างนี้จะกลายเป็นโครงสร้างที่ถูกเลือกให้มีความหมายรุนแรงกว่าความหมายอื่น และจะมีสิ่งที่เรียกว่า “พลังงาน” หน่วงเหตุการณ์อยู่ได้นาน เมื่อเจ้าชะตาทำสิ่งตามโครงสร้างนี้ซ้ำๆอีก โครงสร้างนี้จะมีกำลังแรงขึ้น และสามารถหันเหชีวิตให้ไปในทางเลือกของดวงชะตาได้ โหราศาสตร์แทบทุกระบบ จะมองหาโครงสร้างเช่นนี้ก่อน โดยเพ่งเล็งดูจากโครงสร้างที่สัมพันธ์กับปัจจัยที่เป็นตัวแทนของเจ้าชะตา เช่น ลัคนา หรือ ตนุลัคน์ ก็เพราะการกระทำนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าชะตาเป็นอันดับแรก จึงจะเกิดกำลังแรงขึ้นมาได้ ผู้ที่เชี่ยวชาญจะตัดสินใจได้ว่า โครงสร้างใด น่าจะเป็นโครงสร้างที่ถูกเลือก เพราะแรงผลักดันทางจิตวิทยา
.....ราวกับการเล่นตามบทภาพยนตร์ เมื่อมีบท “ผู้หนึ่ง ฆ่า ผู้หนึ่ง” หากเจ้าชะตารับบทเป็นผู้กระทำ เจ้าชะตาก็ฆ่าเขา แต่เมื่อวันใดเจ้าชะตามารับบทเป็น ผู้ถูกกระทำ เจ้าชะตาก็ถูกฆ่า เมื่อดาวจรส่งผลให้โครงสร้างดาวนั้นทำงาน โดยที่บทดังกล่าวนี้ เจ้าชะตาเป็นผู้เลือกเอง
เรื่องธาตุในโหราศาสตร์ไทยนั้น ถ้าจะบรรยายในที่นี้คงทำได้ยาก เพราะเรื่องธาตุมีความยาวมาก เนื่องจากเป็นรากฐานสำคัญอย่าง หนึ่งของวิชาโหราศาสตร์ มานับพันปี แต่ในตำราที่เรานำมาใช้กันอยู่มีไม่ถึง 5 % บางตำราที่นำเอามากล่าวถึงอย่างจริงจังหน่อย ก็มีแค่ไม่เกิน 10% และยังซ่อนเอาไว้ เป็นท่อนๆ ต่อได้ยาก บางทีก็แกล้งทำให้เพี้ยนไปเพราะเป็นเคล็ดลับของวิชา ตำราเกี่ยวกับธาตุแท้ๆนั้นคงจะหายสาบสูญไปนานแล้ว เหลืออยู่เท่าที่ปรากฏในวิชาต่างๆ หากเอามารวมกันคงไม่เกิน 50% และมีความแตกต่างกัน เพราะถูกพัฒนามาคนละทาง สิ่งที่ผมจะอธิบายในที่นี้เป็นเค้าโครงที่มีประโยชน์มากที่สุดต่อความเข้าใจเรื่องธาตุ เพื่อนำมาใช้กับโหราศาสตร์ที่เราเรียนกันอยู่ แม้จะอธิบายได้ยาก เข้าใจยาก และอาจจะผิดแผกไปจากที่บางท่านรู้มาจากครูอาจารย์ บ้าง ก็เพราะเหตุผลข้างต้น
ความคิดเห็นที่ 19โดย คุณ สส.
15 dec 2004 14:16#752556ลบ
....พวกเรานักเรียนโหรส่วนใหญ่คงไม่เคยรู้ว่า คำว่า “ธาตุ” ในโหราศาสตร์ไทยที่เราเรียนกันนั้น แท้ที่จริงไม่ใช่คำเดียวกันทั้งหมด เมื่อโบราณเอ่ยถึง “ธาตุ” คำเดียว อาจมีความหมายได้ถึง 8 อย่าง คือ
หนึ่ง....พลังงานธาตุ เริ่มต้นจากดวงอาทิตย์ ส่งเป็นแสงและความร้อน 80 %ให้แก่ดาวในจักรราศี (อีก 20% ส่งตรงให้โลก) ดาว กระจายพลังงานธาตุต่อไปอีก ถือเป็น ธาตุหยาบ คำว่าหยาบนี้ไม่ได้หมายถึง อณูหยาบ แต่หมายถึง เป็นธาตุที่ขาดการกลั่นกรองจากดวงดาว ดวงดาวจะใช้พลังงานธาตุก่อให้เกิดธาตุ อีก 2 อย่าง คือ เกษตรธาตุ และ ธาตุดาว
สอง....เกษตรธาตุ เป็นธาตุละเอียด เกิดจากพลังงานของธาตุหยาบ ถูกกลั่นกรองด้วยดาวในจักรราศี และถูกธรรมชาติเรียงเข้าสู่สมดุลย์ เป็นเกษตรในราศีต่างๆ
สาม....ธาตุดาว ถือเป็นเกษตรธาตุชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการกลั่นกรองพลังงานธาตุของดาว เป็นธาตุละเอียดที่จับตัวหนาแน่นกว่าเกษตรธาตุในราศี แต่ละธาตุดาว จะเหมือนเกษตรธาตุ ทำให้เราเรียกโดยรวบรัดว่า เป็น “เจ้าเรือน” แท้ที่จริงเป็นการสัมพันธ์ระหว่างธาตุที่เหมือนกันโดยกลไกเฉพาะของมัน ถ้าสมมุติเกษตรธาตุ เป็นแก้วใส่น้ำหวาน ธาตุดาวก็เหมือนก้อนน้ำตาลที่กลั่นตัวเป็นก้อนนุ่ม หรือ แข็ง และขอให้เข้าใจง่ายๆไว้ก่อนว่า เจ้าเรือน ไม่ได้สัมพันธ์ถึงเรือนเกษตรในทันที แต่ต้องใช้เวลาและเงื่อนไขในการเข้าถึงเรือน ธาตุดาวเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผ่านเข้าดวงชะตาทางลัคนา
สี่....สภาวะธาตุ ไม่ใช่ตัวธาตุ แต่เป็นสภาพคุณสมบัติของธาตุ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าใช้สภาวะธาตุนี้ กับธาตุหยาบก็จะได้ชื่อว่า สภาวะธาตุหยาบ ได้แก่จักรราศี ในท้องฟ้า กับธาตุละเอียด ก็ได้ชื่อว่าสภาวะธาตุละเอียด บนโลก
สี่.....วัตถุธาตุ หมายถึง สสารวัตถุต่างๆโดยตรง เช่น ก้อนหิน น้ำ เหล็ก เมฆ อากาศ ฯลฯ
หก....ธาตุดาวในดวงชะตา เป็นธาตุดาวละเอียด พร้อม เกษตรธาตุ ที่ ส่งผ่านมาเข้าดวงชะตามาทางลัคนา มีอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ เหมือนดาวในจักรวาล แต่ธาตุดาวในดวงชะตา ไม่ได้มาจากธาตุดาวในจักรวาลทั้งหมด ส่วนที่เหลือมาจากพลังงานธาตุของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์โดยตรง
เจ็ด....ชีวะธาตุ คือ ชีวิต ที่นำเข้าสู่ดวงชะตาทางลัคนา อย่างที่เล่าไว้ในกระทู้ข้อที่ หก เป็นเรื่องยาวอีกมาก
แปด...วิญญาณธาตุ เป็นเรื่องยาวอีกเรื่องหนึ่ง อธิบายตรงนี้ยาก
...ที่จริง ทุกหัวข้อ ก็เป็นเรื่องยาวทั้งนั้น ต้องปะติดปะต่อ เอาจากคัมภีร์วิชาต่างๆ ส่วนใหญ่ในตำราโหราศาสตร์ทั่วไป จะใช้คำว่า “ธาตุ” เหมือนกันไปหมด เกิดจากความจงใจที่จะดึงคำที่ประกอบคำว่าธาตุออกไป ผู้ที่ลอกตามมาข้างหลังมักไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ถ้าเราสังเกตุบ้าง จะพบว่าความหมายไม่เหมือนกัน และวิธีใช้ก็แตกต่างกันด้วย ถ้าเราทราบว่า คำว่าธาตุ คำใดหมายถึงอะไร ก็จะทราบคุณสมบัติของมัน และใช้ได้ถูกต้อง และ เราจะทราบด้วยว่า มีตำราใด แกล้งเขียนดัดแปลงให้เพี้ยนไป เพราะอยากเก็บความลับไว้เฉพาะตน
ความคิดเห็นที่ 20โดย คุณ moon
15 dec 2004 22:21#752982ลบ
เพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ ดอยอ่างขาง อาจารย์สส ก็ไปต่างประเทศ เลยไม่ได้ตอบกระทู้ ที่ตอบไม่ค่อยจะถูก อิอิ ขอให้อาจารย์โชคดี กับการเดินทางนะคะ รักษาสุขภาพด้วย คะ
ความคิดเห็นที่ 21โดย คุณ กัน
15 dec 2004 22:56#753003ลบ
เรียน อาจารย์สส.
ความรู้ แง่คิดต่าง ๆ ที่อาจารย์มอบให้แก่ผู้ศึกษาฯ ณ.ที่แห่งนี้คงเกิดประโยชน์กับคนอีกหลาย ๆ คน ที่อาจจะเป็นแค่ผู้อ่าน เพราะไม่มีความรู้ทางโหรฯ หรือมีเพียงน้อยนิด(เลยไม่กล้าแสดงความคิดเห็นค่ะ) เกิดแรงจูงใจที่จะศึกษาเพิ่มเติม
สำหรับดิฉันถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าและโชคดีมาก กับการเข้ามาที่เวบมูลนิธิสมาคมโหรฯ เป็นครั้งแรกและได้รับคำแนะนำดี ดี จากอาจารย์ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตทีเดียวค่ะ "เกิดความสว่างขึ้น" ขอให้สิ่งดีดีที่ดิฉันกำลังทำและตั้งใจจะทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อตนเอง ผู้มีพระคุณและคนรอบข้าง ส่งผลให้อาจารย์มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ และขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 22โดย คุณ กระต่ายน้อย
16 dec 2004 00:53#753071ลบ
เรียนท่านอาจารย์สส ที่เคารพ
ขอบพระคุณในความรู้ที่อาจารย์ได้มอบไว้ให้ก่อนออกเดินทาง จะพยายามศึกษาจากสิ่งที่อาจารย์ให้ไว้ให้มากที่สุดเพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบเจอ นับเป็นวาสนาของผมที่ได้พบอาจารย์แม้จะเป็นทางอินเทอเน็ต ก็จะไม่ลืมพระคุณของอาจารย์ในครั้งนี้เลย
อยากเรียนกับอาจารย์ด้วยใจจริงครับ แต่ความรู้ผมเองมีน้อยมากเหลือเกินคงจะศึกษาได้ตามวาสนาที่ไม่เกินตัว ตอนนี้กำลังศึกษาพระอภิธรรมอยู่ครับแต่พอศึกษาแล้วบางสิ่งกลับเป็นอุปการะเกื้อหนุนหลักความคิดทางโหราศาสตร์เป็นอย่างมาก ทำให้เวลาศึกษาแล้วความคิดจะหวนกลับไปเทียบกับหลักการทางโหราศาสตร์เสียทุกทีไปน่ะครับ ผมเองเคยศึกษากับคุณพ่อและท่านก็สั่งกำชับไม่ให้ใช้วิชานี้หากินไม่ว่ากรณีใดใด ปัจจุบันก็ไม่เคยนำมาใช้หาเลี้ยงชีพ ที่ยังคงพยายามศึกษาอยู่ เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่มีค่าเหลือเกินและก็หาที่เล่าเรียนได้ยากเหลือเกิน ความรู้ผมยังน้อยอยู่ขอท่านอาจารย์สั่งสอนชี้แนะให้มากด้วยเถิดครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ความคิดเห็นที่ 23โดย คุณ การเวก (กรวิก)
16 dec 2004 08:27#753204ลบ
เรียน ท่านอาจารย์ลุง สส.
ช่วงนี้ผมเองไม่ค่อยได้เข้ามาในกระทู้นี้เท่าใด เนื่องจากท่านอาจารย์ลุงได้สั่งสอนวิชาความรู้ต่าง ๆ ทางด้านโหราศาสตร์ให้แด่ผู้อยากรู้ทุกท่านได้ทราบ นับเป็นบุญกุศลแด่นักศึกษาทางด้านวิชาโหราศาสตร์ทุกท่านที่เข้ามาในเวปนี้ ส่วนตัวผมเองก็ได้แง่คิดจากการ
สั่งสอนของอาจารย์ลุงมาก และได้นำมาปฏิบัติอยู่เสมอ เมื่อทราบว่าอาจารย์ลุงจะเดิมทางไปต่างประเทศ ประการแรกก็ขออวยพรให้อาจารย์ลุงมีสุขภาพและพลานามัยสมบูรณ์ ประสบแต่ความสุข ความเจริญในทุกสิ่งที่คิดหวัง ประการที่สองผมเองคิดว่า ถึงแม้อาจารย์ลุงจะอยู่ต่างประเทศ แต่เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีได้ทันสมัยขึ้น ผมคิดว่าอาจารย์คงจะสามารถท่องเข้ามาในเวปเพื่อสั่งสอนแด่น้อง ๆ ที่เข้ามาท่องในเวปนี้
สำหรับประเด็นสุดท้ายนี้ หากท่านอาจารย์ลุงมีเรื่องเรียกใช้ผมให้ดำเนินการในเรื่องหลักวิชามานำเสนอในเวปนี้ กรุณาส่งเอกสารไปที่ 194/8 หมู่ที่ 4 หมู่บ้านเศรษฐกิจ บางแคเหนือ บางแค กรุงเทพฯ10160
ในนาม นายกรวิก กี่สุขพันธ์ หรือ โทร.06-7609380 ผมยินดีรับใช้เสมอ
อนึ่งผมมิเคยเปิดเผยชื่อจริง และเบอร์โทร.มือถือแก่ผู้ใดในเวปนี้มาก่อน มีเพียงอาจารย์ลุงที่ผมนับถือเท่านั้น สวัสดีครับ
ความคิดเห็นที่ 24โดย คุณ การเวก (กรวิก)
16 dec 2004 08:30#753212ลบ
เรียน ท่านอาจารย์ลุง สส.
เลขที่บ้านที่ผมพิมพ์ไปนั้นไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวจะไปไม่ถึง ที่ถูกมีดังนี้
บ้านเลขที่ 194/8 หมู่ที่ 4 ซอยเศรษฐกิจ 22-19 หมู่บ้านเศรษฐกิจ บางแคเหนือ บางแค กรุงเทพฯ 10160
ความคิดเห็นที่ 25โดย คุณ เคารพ อ.สส.
16 dec 2004 19:05#753895ลบ
เรื่องธาตุที่อ.สส.กล่าวถึง.....
..........ก่อน4600ล้านปียังไม่มีดาวเคราะห์เกิดขึ้นมีเพียงกลุ่มก๊าซไฮโรเจน.....แต่การที่อะตอมมีแรงดึงดูดทำให้เกิดการจับกลุ่มรวมตัวกันและมีมวลหนาแน่นวิวัฒนาการนี้มีระยะเวลานานแค่ไหนไม่ทราบแต่ระบบสุริยะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณแบบเมื่อ4600ล้านปีที่ผ่านมาและมนุษย์เกิดขึ้นเมื่อ200,00ปีที่ผ่านมา
ความคิดเห็นที่ 26โดย คุณ สว่างนภา
16 dec 2004 22:15#754120ลบ
เรียน อาจารย์สส.ที่เคารพ
อาจารย์จะไปต่างประเทศแล้วหรือค่ะ ขอให้อาจารย์เดินทางโดยสวัสดิภาพนะค่ะ นึกแล้วใจหายคะ อาจารย์ให้ความรู้มากมายซึ่งดิฉันไม่เคยได้รับมาก่อน ดิฉันเพิ่งเริ่มจะศึกษาโหราศาสตร์เมื่อไม่นานอีกเอง ขอบคุณที่ให้แนวคิดในทุกๆ เรื่อง
สุดท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยต่างๆ นะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 27โดย คุณ สส.
17 dec 2004 03:49#754230ลบ
เรียน คุณกรวิก ที่นับถือ ขอบคุณในคำอวยพรและปรารถนาดีครับ ตอนแรกที่ผมเข้ามาในเว็บนี้ เพราะ พักฟื้นสุขภาพอยู่ ทำให้มีเวลาพอ จึงคลิ้กดูหลายเว็บ อยากรู้ว่าโหราศาสตร์เมืองไทยไปถึงไหนแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ข่าวสารและมีเวลามากนัก อ่านหนังสือพิมพ์ ก็เห็นแต่พาดหัวข่าวโหรอะไรไม่รู้พยากรณ์บ้านเมือง ไม่รู้ใช้หลักอะไร แต่เท่าที่อ่านดู รู้สึกขัดใจจริงๆ ยังไม่อยากจะว่าใคร ผมมีธุรกิจที่ต้องทำ ไม่ร่ำรวยอะไร รวมทั้งมีงานอิสระที่ต้องทำอีก ทำให้ไม่ว่างเลย ต้องใช้ความคิดตลอด โดยเฉพาะสมองไม่ว่างที่จะคิดอะไรให้ ที่มาโพสต์ตรงนี้ก็เพราะไปอ่านบางเว็บ และบางท่านเขียนอะไรผิดๆ เลยเขียนบ้างเท่าที่มีเวลา แต่ถ้าจะทำต่อไปข้ามประเทศมา คงทำไม่ได้ อายุก็มากแล้ว ผมคงต้องเกษียณตัวเองเร็วๆนี้ ใช้สมองมากเกินไปไม่ดี ต้องประคองตัวไว้ มีเวลาก็ต้องพัก ผมมีปัญหาทางสุขภาพแล้ว
......ที่จริง ผู้ที่เข้ามาดูเว็บนี้ โดยเฉพาะกระทู้นี้ ส่วนใหญ่มีความรู้ไม่มากนัก หนทางยังอีกยาวไกล แม้จะเรียนตำราที่มีขายไปก่อน แล้วไปแก้ไขทีหลังก็พอทำได้ สังเกตว่ามีใครมาพูดความจริงกับเรา เราจะรู้ได้เลยว่าจริงหรือไม่จริง คนที่มาสนใจศาสตร์นี้จะมีสัญชาติญาณ “รู้” อยู่โดยธรรมชาติ แต่ผู้ที่ฉ้อฉล คิดแต่จะแสวงประโยชน์ไม่มีศีลธรรมสัญชาติญาณนี้จะหายไป และเมื่อถึงเวลาวิชาที่โบราณซ่อนไว้ก็จะเปิดให้แก่ผู้ที่เหมาะสมเอง ไม่ต้องห่วงเลย มีโอกาสก็ศึกษาให้มากไว้ก่อน เท่านั้น ที่ผมเอามาโพสต์ไว้ให้นี้ขอให้กลับไปดูใหม่ว่า ความจริงเป็นเรื่องดาดๆ พื้นๆ ไม่ได้เป็นเคล็ดลับอะไรเลย คนที่รู้เรื่องนี้มีอยู่ดาดดื่น อ่านไปก็หัวเราะไป แต่ที่พวกเราบางคนอาจไม่รู้ โดยเฉพาะเด็กใหม่ๆ ก็เพราะคนอื่นเขาไม่มีน้ำใจมาบอกกันเท่านั้น แต่บางคนอาจไม่มาเข้าอินเตอร์เน็ท หรือไม่มาเข้าเว็บนี้ก็เป็นได้ กลับไปดูใหม่สิครับ การรู้เรื่องพื้นๆแค่นี้ บางคนก็ตั้งตัวเป็นอาจารย์แล้ว........ขอให้โชคดีทุกคนนะครับ
......ขอบคุณคุณสว่างนภาที่อวยพรด้วย
ความคิดเห็นที่ 28โดย คุณ การเวก (กรวิก)
17 dec 2004 07:54#754272ลบ
เรียน อาจารย์ลุง สส.
สิ่งที่อาจารย์ลุงได้ให้ในกระทู้นี้นับว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามาก อันที่จริงที่ผมมาเปิดกระทู้ในเวปนี้ มีจุดประสงค์ที่จะแนะนำให้กับผู้ที่เริ่มเรียนวิชาโหราศาสตร์มิให้ไขว้เขวไปกับเรื่องลม ๆ แร้ง ๆ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง มิให้เป็นเหยื่อของอลัชชีทางวิชาโหราศาสตร์ วิชาโหราศาสตร์ที่ผมเรียนมาจะเป็นแนวทางของท่านอาจารย์หมอเถาวัลย์ ส่วนในเรื่องอื่น ๆ ที่ได้รู้เป็นดังเช่นท่านอาจารย์ลุงว่าไว้ คือได้รับรู้โดยสัญชาติญาณ อยากรู้เรื่องอะไรก็จะมีเพื่อนนำมาให้ อันตำราต่าง ๆ ที่มีอยู่ก็เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการรู้ เมื่อรู้แล้ววิชาใดที่มิได้รับปากใครไว้ก็จะนำมาเปิดเผยให้กับผู้สนใจได้รับรู้ ตัวผมเองคิดว่าหากเราให้วิทยาทานในวิชากับผู้อื่นไปมากเท่าใด เราก็จะได้รับกลับมามากเท่านั้นหรือมากกว่านั้น อันนี้เป็นสิ่งที่ผมเองได้ประสบกับตนเองมาตลอด
สำหรับบทความในกระทู้นี้ที่ท่านอาจารย์ลุงได้โพสต์เอาไว้นับว่าเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่ง ผมขอชม ณ ที่นี้จากใจจริง และด้วยความเอื้อเฟื้อของอาจารย์ลุง รวมทั้งผู้ที่ท่องเข้ามาในเวปนี้ที่มีความสุภาพมิได้เป็นเฉกเช่นในเวปอื่น ผมยินดีที่จะดำเนินการในกระทู้นี้ต่อไป และจะรอจนกว่าอาจารย์ลุงกลับมาขานไขให้แก่ผู้อยากรู้ต่อไป
ด้วยความนับถือ
ความคิดเห็นที่ 29โดย คุณ เด็กน้อย
17 dec 2004 08:09#754279ลบ
ถึง คุณลุงสส.
ได้อ่านบทความของคุณลุงแล้วรู้ซึ้งถึงธรรมชาติ+โหราศาสตร์ไทย มากยิ่งเหลือคณานับเลย ก็นับว่าเป็นวาสนาของเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกเรา บางทีไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ จริง ๆ เท็จ ๆ หรือเท็จ ๆ จริง ๆ ก็ได้แต่หวังว่า"ส้มหล่น" หนูหวังว่าคุณลุงใจดี คงยังแข็งแรงต่อ ๆ ไปนะคะ และให้ความรู้กับเด็ก ๆ อีกนะคะ ขอให้คุณลุงมีสุขภาพที่แข็งแรง บุญย่อมสะท้อนกลับแด่ผู้สร้างกุศล
ความคิดเห็นที่ 30โดย คุณ ผู้สนใจศึกษา
17 dec 2004 12:50#754489ลบ
เรียน ท่านอาจารย์ สส.
ดิฉันไปต่างจังหวัดและงานยุ่งอยู่หลายวัน ไม่ได้ตอบกระทู้เลย ทราบว่าอาจารย์จะไปต่างประเทศ ขอให้เดินทางปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงนะคะ อย่างไรเสีย กลับเข้ามาในกระทู้นี้บ้างเพื่อพูดคุยหรือถ่ายทอดความรู้ ก็คงเป็นพระคุณกับผู้ที่สนใจศาสตร์นี้นะคะ
ขอบพระคุณอาจารย์นะคะสำหรับความรู้ที่ให้ไว้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 31โดย คุณ สว่างนภา
17 dec 2004 13:10#754505ลบ
เรียน อาจารย์สส.ที่เคารพ
รบกวนอาจารย์อีกครั้งค่ะ ได้ทราบชื่อ-สกุลจริงอาจารย์การเวกแล้ว อยากทราบชื่อ-สกุลจริงอาจารย์บ้าง (ถ้าอาจารย์ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยไม่เป็นไรค่ะ) ดิฉันมิได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการนำชื่ออาจารย์ทั้งสองไปร่วมโมทนาบุญ ในงานปิดฝังลูกนิมิต ที่จะมีขึ้นระหว่าง 7-15 กพ.48 นี้ ละแวกวัดใกล้ๆ บ้านของตนเอง เพื่อรำลึกถึงพระคุณของอาจารย์ทั้งสองที่ให้ความรู้ในด้านวิชาโหราศาสตร์ด้วยความบริสุทธิใจ
ความคิดเห็นที่ 32โดย คุณ วรกุล
17 dec 2004 14:51#754606ลบ
ผมเป็นศิษย์ผู้น้องของท่าน สส. มาลาดตระเวนดูอยู่หลายวัน แล้ว ปกติไม่ได้มาเว็บนี้แต่พี่แกเรียกให้มาดู มีอะไรกันรึหลานๆทั้งหลาย โหราศาสตร์เป็นเรื่องจ้อย วิตกไปทำไม อาจารย์ สส.นั้นเป็น อักษรชื่อย่อ กับนามสกุล มาจาก ss ในภาษาอังกฤษ แต่ผมน่ะชื่อ สส. ของจริง เป็นเดช ศรี มนตรี อายุวรรณะสุขะพละอยู่ในชื่อเรียบร้อยแล้ว ที่จริงขี้เกียจเขียนทฤษฎีเพราะลืมหมดแล้ว แต่มาอ่านดูที่พี่เขาเขียนก็พอจะลุ้นได้ ไม่งั้นท่านครูไม่ปล่อยเข้าป่ามาหรอก สอบทีไรผมได้ที่สองทุกที เพราะมีกันอยู่สองคน ตอนนี้ก็แก่หงำเหงือกพอกัน แต่ผมหนุ่มมากกว่านิดๆ
ภาษาไทยนี่พิมพ์ดีดยากชะมัดเลยตัวยึกยือจำยากเวียนหัว ส่วนใหญ่พิมพ์แต่ภาษาอังกฤษ ทำวิชาการอยู่เว็บอื่น อีกราวหลังปีใหม่ถึงจะมาโพสต์ ใครมีปัญหาอะไรแก้ได้ทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องเงิน ไม่รู้ก็โทรไปถามครู สส.เก็บเงินปลายทางก็ได้ เรื่องเล็ก เตรียมคำถามไว้ก็แล้วกัน นี่เขาเตือนมาให้สุภาพถ่อมตัว ไม่งั้นวิกขาดแล้ว ขอบอก
ผมก็ไม่ค่อยมีเวลา ต้องทำมาหากิน คงเข้าอาทิตย์ละครั้งทำตอนวันหยุด ใครจะว่าอะไรรวบยอดไปตอบทีเดียว มีอะไรบอกได้ก็จะบอก น่าจะเปิดให้ดูดวงชะตาเป็นการศึกษาด้วยเพราะเรียนโหราศาสตร์ไม่ดูของจริงอธิบายลำบาก เหมือนเรียนหมอแหละ ต้องชำแหละให้ดูใส้พุงถึงจะรู้เรื่อง และได้กุศลด้วย วันนี้เอาแค่นี้ก่อน หลังปีใหม่เจอกัน เด็กๆอย่าโพสต์เรื่องด่วนๆ นะเพราะไม่ว่างมาดูเว็บ
ความคิดเห็นที่ 33โดย คุณ โจโรฤกษ์
18 dec 2004 07:27#755133ลบ
เรียนถาม อ. วรกุล (จองล่วงหน้า)
...ผมเป็นนักโหราศาสตร์สมัครเล่น อยากถามว่าดาวเสาร์(จร)กุมลัคนาจะเกิดแบบใด และในพื้นดวงเดิมดาวการงานอยู่ภพอริจะมีความหมายในลักษณะไหน....จะหมายถึงการชอบการพนันหรือขี้เกียจได้หรือไม่
ความคิดเห็นที่ 34โดย คุณ โจโรฤกษ์
18 dec 2004 07:34#755134ลบ
อีก2คำถามครับ..
........เสาร์ราหูครองภพการงาน(ร่วมกัน)ในราศีพิจิก
.......และดาวเป้นอุจจ์เล็งกัน(๕-๓) ๓กุมลัคน์ดาวเป้นอุจจ์เล็งกันมีผลเหมือนเป็นนิจหรือเปล่าครับ
ความคิดเห็นที่ 35โดย คุณ นร.
19 dec 2004 20:00#756209ลบ
เรียนท่าน อาจารย์ สส.
ช่วยขยายความเรื่องธาตุให้ละเอียดมากกว่านี้ด้วยครับ ผมสนใจเรื่องนี้มาก
ความคิดเห็นที่ 36โดย คุณ วิกรม
20 dec 2004 05:12#756383ลบ
เรียน อาจารย์ สส. ผมเพิ่งมาดูเว้บนี้ ผมเรียนมา 20 ปีแล้วติดปัญหาหลายอย่าง มาอ่านที่ท่านเขียนก็หายสงสัยเลย แต่ท่านซ่อนไว้ลึกมาก ไม่มีทางที่คนเรียนใหม่ๆจะเข้าใจได้ ในป่านี้นกน้อยหัดบินก็มี อีเหยี่ยว อีกาใจดำก็มี /// โบราณว่า “ ตีงูให้แก่กา กากินแล้วก็บินหนี ”
เสียดายครับ อีกากินหมดไม่เหลือ เขียนแบบนี้ลำบากมากครับ ผมรู้ คิดหัวแทบแตกว่าจะให้นกน้อยกินบ้างได้อย่างไร ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ท่านแฝงให้มา ผมอ่านออกครับ แม้ไม่ทั้งหมด อยากบอกท่านว่าคนเช่นผมอ่านได้ สิ่งที่ท่านประสงค์นั้นคงไม่ยาก
ความคิดเห็นที่ 37โดย คุณ นภดล
20 dec 2004 08:32#756437ลบ
ธาตุดาวนี่ จะหมายถึงความหมายดาวเป็นเรื่องๆหรือเปล่าครับ
เช่นความหมายตามลักษณะดาว, ตามการเป็นตัวแทนภพซึ่งดาวบางดวงเป็นตัวแทน2ภพ, ตามการอยู่ในตำแหน่งที่ให้คุณให้โทษแก่ดวงชะตาฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 38โดย คุณ การเวก (กรวิก)
21 dec 2004 09:19#757402ลบ
สวัสดี เพื่อน ๆ น้อง ๆ ชาวโหราศาสตร์ทุกท่าน
เนื่องจากขณะนี้ใกล้วันขึ้นปีใหม่เข้ามาทุกขณะ บางท่านก็กำลังนับถอยหลังเพื่อรอวันขึ้นปีใหม่ ผมเองมีของขวัญปีใหม่มาฝากทุกท่าน (สำหรับท่านที่ไม่ทราบ) ส่วนท่านที่ทราบมาแล้วก็ถือเสียว่าเป็นการทบทวนไปในตัว เริ่มเลยน๊ะครับ
สูตรนี้เป็นสูตรหาวัน อธิบดี ธงชัย อุบาทย์ โลกาวินาศ
กล่าวคือ
-การหาวันอธิบดี เอาปี พ.ศ. หารด้วย 7 เหลือเศษ
เท่าใดเป็นวัน "อธิบดี"
-การหาวันธงชัย เอาเลขวันอธิบดี x 3 +2 หารด้วย 7
เหลือเศษเท่าใดเป็นวัน "ธงชัย"
-การหาวันอุบาทย์ เอาเลขวันอธิบดี x 3+1 หารด้วย 7
เหลือเศษเท่าใดเป็นวัน "อุบาทย์"
-การหาวันโลกาวินาศ เอาเลขวันอธิบดี+2 หารด้วย 7
เหลือเศษเท่าใดเป็นวัน "โลกาวินาศ"
หมายเหตุ ตัวเลขเศษที่หาได้ เศษ 1(วันอาทิตย์) ,
เศษ 2(วันจันทร์), เศษ3(วันอังคาร), เศษ4 (วันพุธ)
เศษ5 (วันพฤหัส), เศษ6 (วันศุกร์), เศษ7 (วันเสาร์)
ผมหวังว่าของขวัญปีใหม่ที่มอบให้นี้คงเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน ไม่มากก็น้อย สวัสดีครับ
ความคิดเห็นที่ 39โดย คุณ lad
21 dec 2004 09:50#757421ลบ
เข้ามาอ่านอีกที แล้วใจหายครับ หากเปรียบผมคงเหมือนนกน้อยที่ยังไม่ออกจากไข่เลยครับ ผมจะพยายามอ่านๆๆ ทำความเข้าใจ สร้างฐานความคิดให้ได้ดัง ท่านอาจาร์ยลุง สส. สั่งสอนไว้
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ อย่าลืมรักษาสุขภาพ และแวะเข้ามาทักทายนกน้อยๆอย่างผม บ้างนะครับ
ความคิดเห็นที่ 40โดย คุณ กระต่ายน้อย
21 dec 2004 10:21#757441ลบ
สวัสดีครับ อาจารย์การเวก ขอบคุณของขวัญที่เอามาแจกครับ ผมไม่มีอะไรมาแจกมั่งเลย...เดี๊ยวๆๆๆไปหาก่อนว่ามีอะไรบ้าง ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นอาจารย์การเวกเข้ามาเลยอาจารย์ตอบปัญหาดีน๊ะครับชอบอ่านครับแต่อ่านไม่หมดสักที เวลาผมเองมีน้อยนี่ก็เพิ่งว่างแหล่ะครับป่วยกันทั้งบ้าน ตอนนี้เลยมีโรงพยาบาลเป็นบ้านใหม่ เดี๊ยวไปหาของขวัญก่อนแล้วไปโรงพยาบาลต่อและครับ คุณ lad ยังไม่ออกจากไข่เหรอครับยังดีน๊ะครับผมเองว่าผมยังไม่เกิดเลยล่ะครับ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้อะไรบ้าง (ล้อเล่นน่ะครับ) คิดถึงอาจารย์สส ครับช่วงนี้อากาศเย็นๆอาจารย์รักษาสุขภาพด้วยน๊ะครับ อาจารย์วรกุลครับ มีเรื่องอยากถามมากมายเลยครับแต่เรียงลำดับไม่ถูกไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดีเลยครับเดี๊ยวขอเวลาไปเรียบเรียงคำถามก่อนน๊ะครับ คุณวิกรมเก่งน๊ะครับเข้าใจตั้งเยอะ แหมก็เรียนมาตั้ง 20 ปี ผมเองนั่งปลงตัวเองกีปีกีปีก็ไม่เห็นฉลาดกับเค้าสักที ไปแล้วครับเดี๊ยวมาใหม่ครับ..ไปหาของขวัญเสร็จแล้วคงต้องไปโรงพยาบาลต่อครับ..ถ้าครั้งหน้าผมเป็นเองคงหายยาวแน่แน่เลยครับ..ขอบคุณของขวัญปีใหม่ของอาจารย์การเวกอีกครั้งครับ..
ความคิดเห็นที่ 41โดย คุณ กระต่ายน้อย
21 dec 2004 14:24#757732ลบ
มาแล้วครับของขวัญปีใหม่...ไปเลือกอยู่ตั้งนาน อ้อไม่เกี่ยวกับโหราศาสตร์หรอกครับ หลวงพ่อชา ท่านสอนไว้
....................
หลวงพ่อบอกว่า คำสอนของพระนั้น ตรง ง่าย แต่ยากกับคนที่จะปฎิบัติเพราะรู้ไม่ถึง เหมือนกับรู คนตั้งร้อยพันโทษว่ารูมันลึก เพราะล้วงไปไม่ถึง ที่จะว่าแขนของตนสั้นนั้นไม่ค่อยมี......
.....................
หลวงพ่อบอกว่า เหมือนไฟมันลุกตรงไหนมันร้อนตรงไหนมันก็ดับที่ตรงนั้น มันร้อนที่ไหนก็ให้มันเย็นตรงนั้น ก็เหมือนกับนิพพานก็อยู่กับวัฏฏสงสาร วัฏฏสงสารก็อยู่กับนิพพาน
เหมือนกับความร้อนและความเย็น มันก็อยู่ที่เดียวกันนั่นเอง ความเย็นก็อยู่ที่มันร้อน เมื่อมันร้อนขึ้น มันก็หมดเย็น เมื่อมันหมดเย็น มันก็ร้อน.....
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้ามีความสุขกันมากมากน๊ะครับ..ไปและครับ
ความคิดเห็นที่ 42โดย คุณ หนูน้อย
21 dec 2004 18:06#757996ลบ
ก็ขอขอบพระคุณ อ.สส ครับ สำหรับทานความรู้ที่มอบให้ อวยพรปีไหม่ แบบเหมายันต์สงกรานต์ 2548(ตามกระทู้ อ.วิโรจน์ ครับ) ณ. ขณะเวลานี้
"ขอให้ อ.สส มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงนะครับ"
ข้อความปริศนาทั้งหลายของ อ.สส จะพยายามไปขบคิดบ่อยๆครับ
จะรออ่านข้อความศิษย์ผู้น้อง คุณวรกุล นะครับ
การเวก (กรวิก) - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)