เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

คุยกันสบายๆ..........ตามประสาโหราศาสตร์ไทย ( 5 )

(..เนื่องจากกระทู้ ที่ 4 เดิมมีความยาวมาก ทำให้โหลดได้ช้า จึงขอเปิดเป็นกระทู้ที่ 5 ครับ)

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อต้องการใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ในแวดวงวิชาโหราศาสตร์ไทย สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ และปรารภปัญหาที่มีอยู่ จะได้ช่วยกันอธิบายแก้ไข เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อวิชาโหราศาสตร์


วรกุล - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 2
ตอบ 28 คุณหมูอ้วน.........ดวงอาทิตย์ กับ อาทิตย์ เป็นคนละอย่างกัน ในโหราศาสตร์ไทยครับ ดาวเคราะห์ทุกดวงได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ นั้นเป็นสภาพในจักรวาลท้องฟ้า เมื่อมาอยู่ในดวงชะตาแล้วก็จะเป็น ธาตุดาว (ลองอ่านความเห็นในกระทู้ก่อนๆ) คือ ธาตุดาวอาทิตย์ อาทิตย์ที่เป็นอุจ เกษตร มหาจักร ราชาโชคนั้น เป็นคุณสมบัติของธาตุดาวอาทิตย์ ซึ่งเป็นธาตุดาวเสมอกันกับธาตุดาวอื่นๆ เช่น ธาตุดาวพุธ ธาตุดาวอังคาร ฯลฯ ธาตุดาวอาทิตย์จึงไม่เกี่ยวกับแสง เพราะไม่ใช่ดวงอาทิตย์ การที่ธาตุดาวจะอยู่ในราศีใด มีคุณสมบัติเช่นไร ต้องไปว่ากันในรายละเอียดต่างหาก

การเป็นมิตรธาตุ ปรปักษ์ธาตุ นั้น เป็นของดาวกับดาว เพื่อให้รู้ว่าดาวเป็นธาตุพวกเดียวกัน หรือต่างพวกกัน ธาตุดาว ที่เราบอกว่า อาทิตย์ ธาตุไฟ อังคารธาตุลม ศุกร์ธาตุน้ำ อะไรแบบนั้น เป็นธาตุในธรณี (หรือ ธาตุทางมหาทักษา) ไม่ใช่ธาตุทางราศีจักร แต่ธาตุดาวในราศี (จักรวาล) ใช้เลขตัวเดียวกันกับธาตุในธรณี การนำมาใช้จึงต้องแยกให้ออกว่าพูดเรื่องอะไรอยู่ ดังนั้น สภาวะธาตุในราศี แม้จะเป็นน้ำ ไฟ ดิน ลม เป็น มิตรธาตุ หรือปรปักษ์กับสภาวะธาตุดาวในธรณี ก็เพียงการคงอยู่ของสภาวะธาตุเท่านั้น ลองกลับไปอ่านย้อนความเห็นที่ 16 กระทู้ที่ 4 ที่เคยบอกแล้ว อีกทีครับ ดาวอาทิตย์ ธาตุไฟ อยู่ในราศีธาตุน้ำ หรือราศีธาตุอะไรก็อยู่ได้เหมือนๆกัน จึงไม่ได้บั่นทอนกำลังกัน เพียงแต่จะถุก สภาวะธาตุของราศี หลอมให้สภาวะธาตุของดาวกลายเป็นสภาวะธาตุของราศีเท่านั้นเอง เมื่อถูกหลอมแล้วธาตุดาวก็จะเปลี่ยนแต่เฉพาะสภาวะธาตุไป เช่น อาทิตย์อยู่ในราศีมีนธาตุน้ำ อาทิตย์จะกลายเป็นอาทิตย์ธาตุน้ำ โดยที่ธาตุดาวจะยังอยู่คงเดิม 100% ไม่ได้สูญไปไหน พวกเราส่วนมากไม่เข้าใจตรงนี้ เพราะไม่มีใครสอน อาทิตย์จึงเป็นได้ทั้งธาตุ ดิน ลม น้ำ ไฟ ในราศีจักรได้หมด ดาวอื่นๆก็เหมือนกัน

อาทิตย์กรกฎเป็นมหาจักร กับ อาทิตย์อยู่ราศีธาตุน้ำ เป็นคนละตำแหน่งดาวคนละเรื่องกัน อย่าเอามารวมกันครับ ถ้าหากจะรวมกันแล้วก็ต้องบอกว่า เป็นอาทิตย์ธาตุน้ำคุณสมบัติคือมหาจักรน่ะซี คุณ “หมูอ้วน” ต้องพยายาม “แยก” ตำแหน่งดาวครับ ไม่ใช่ “รวม” กัน มหาจักร กับ ราศีธาตุอย่าเอามารวมกัน แยกครับแยก ตำแหน่งดาวเป็น นิจ ประ เกษตร อุจ ราชาโชค ต่างๆก็เช่นเดียวกัน เป็นคุณสมบัติของดาวในราศี แต่ ราศีธาตุเป็นคุณสมบัติของราศี คนละเรื่องครับ เหมือนกับรองเท้า กับหมวก เวลาดาวอยู่ในราศีก็พิจารณาเพียงธาตุต่อธาตุ คือสภาวะธาตุ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ของดาวกับราศี และ ธาตุดาว ต่อ เกษตรธาตุ ทีละคู่ที่เป็นเรื่องเดียวกันเท่านั้น

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 29 คุณเอวิตรา.........การพยากรณ์มีหลายศาสตร์ครับ ไม่ใช่โหราศาสตร์เสมอไป ที่เขาทำนายบ้านช่องได้ถูก เข้าใจว่าอาจจะเป็นการใช้วิชาไสยศาสตร์ ต้องฟังดูว่าทายว่าอย่างไร โหราศาสตร์จะทายได้ในลักษณะของสิ่งของบ้านช่อง แต่ไสยศาสตร์จะบอกวัตถุตัวตน แม้จะใช้ดวงชะตาเหมือนกัน การที่เขาบอกว่ามีไฝหรือขี้แมลงวันอยู่ที่ลับ แล้วเพื่อนคุณว่ามีจริงหรือเปล่าล่ะ บางคนยังไม่เคยสำรวจตัวเองเลย

การทำนายเช่นนี้ ทำนายได้ครับ ผมรู้ว่าทำนายมาได้อย่างไร จึงรู้ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องคู่ครอง หรือ การครองคู่ แต่จะเป็นการดีเสียอีก เป็นภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งทางโหราศาสตร์ คนที่ไม่ดีที่มาเป็นคู่ครอง หากไม่จริงใจ คบชู้นอกใจ จะวิบัติไป ที่ล่ำลือกันว่าเป็น “คนกินผัว” เป็นเรื่องที่ชาวบ้านให้ร้ายนินทากันเท่านั้น คนเขาลืมกันไปหมดแล้ว ทางโหราศาสตร์เอง ต้องดูดวงชะตาจึงจะรู้ว่าดีหรือไม่ดี เพราะไฝปาน แม้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ไฝปานในที่ลับตรงนั้น หรือ ตรงแก้มก้น เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ มากกว่าเรื่องอื่น

เรื่องไสยศาสตร์ เราอย่าไปยุ่งเกี่ยวเลยครับ หาที่ดีๆไม่ได้ ยิ่งวิธีใช้ไข่ไก่อย่างที่คุณบอก เป็นวิชาชั้นต่ำ แก้อะไรไม่ได้ และเสียเงินเสียเวลาเปล่าๆ และอาจถูกเขากระทำทางไสยศาสตร์ ทำให้กลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต แก้ไขได้ยากละทีนี้ ผมก็เรียนไสยศาสตร์มามากเหมือนโหราศาสตร์ แต่เรียนเพราะเป็นวิชาช่วยคน เรียนแต่ทฤษฎี ไม่ปฏิบัติ ใครทำอะไรก็จะอ่านออก อธิบายได้ และพอแก้ได้บ้าง แต่ไม่อยากจะทำเลย กรรมของคนเรานั้นเป็นเรื่องของเรา ทำกรรมอะไรไว้แล้วก็มีผลกรรมต้องรับเอง เว้นแต่ “อโหสิกรรม” เท่านั้น ดวงชะตาก็ตาม ไฝปานก็ตาม เป็นผลแห่งกรรม ไม่ได้เป็นเหตุ เราไม่อาจแก้ผลเพื่อไปบันดาลเหตุได้ เหมือนกับคนคนหนึ่งเกิดมา มีกรรม ทำให้เขา ตาบอด และแขนขาด ถ้าเราไปรักษาตาไม่ให้หายบอด แล้วแขนขาเขาจะงอกออกมาได้หรืออย่างไร เพราะมันเป็นผลจากกรรมทั้งคู่ ไม่ได้เป็นเหตุแก่กัน

ไฝปาน ก็เป็นเรื่องหนึ่ง การครองคู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นผลของกรรมในอดีต ไฝปานไม่ได้เป็นเหตุของการครองคู่ แต่เป็นเครื่องแสดงว่าธาตุในร่างกายเป็นอย่างไร จะเกี่ยวกับร่างกาย นิสัยและสุขภาพเป็นหลักใหญ่เท่านั้น เรื่องราวในชีวิต ยังต้องดูจากดวงชะตาในเรื่องอื่นๆอีกมาก


วรกุล - 17 มิถุนายน พ.ศ.2548 04:57น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 3


ขอบคุณอาจารย์มากๆคะ เข้าขึ้นดีกว่าเดิมอีกนิดนึง ขอบคุณมากคะ


หมูอ้วน - 17 มิถุนายน พ.ศ.2548 07:19น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 4
เรียน คุณวรกุล

ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับความกรุณาที่ช่วยแนะนำและขจัดซึ่งข้อสงสัย ดิฉันจะนำไปให้เพื่อนได้อ่าน เพื่อเขาจะได้เข้าใจมากขึ้น โดยส่วนตัวดิฉันเองรู้สึกเห็นด้วยกับคำอธิบายของท่านอาจารย์ เพราะว่ารู้สึกไม่ไว้ใจเกี่ยวกับวิธีทางไสยศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ เพราะเชื่อว่าบางท่านก็นำไปใช้ในทางที่ดี และดิฉันก็เชื่อเรื่องของกฎแห่งกรรม ไม่มีผู้ใดที่จะขจัดวิบากกรรมของใครได้ ผู้กระทำต้องได้รับผลที่ตนเองก่อทั้งนั้นและไฝ ปานคงไม่ใช่เหตุหลักที่ทำให้ครองคู่อยู่กับใครไม่ได้ น่าจะมาจากผลของกรรมที่เราได้กระทำไปมากกว่า

ขอบพระคุณในความกรุณาสำหรับความรู้ที่ถ่ายทอดให้แก่ดิฉันค่ะ และขอขอบพระคุณแทนเพื่อนสำหรับคำแนะนำของท่านค่ะ


เอวิตรา - 17 มิถุนายน พ.ศ.2548 08:09น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 5
เรียนถามอาจารย์วรกุลครับว่า ดาวเจ้าเรือนที่เป็นดาวประเภทโคจรไวเช่นจันทร์ กับดาวเจ้าเรือนที่เป็นดาวโคจรช้าเช่นเสาร์ ในการทายเหตุการณ์จร เพื่อทายช่วงระยะเวลาการเกิดเหตุการณ์ ทายแตกต่างกันหรือไม่ ผมมีปัญหาว่าหากจันทร์เป็นดาวเจ้าเรือนภพอะไรสักอย่าง เวลาทายเหตุการณ์ดาวจันทร์โคจรไปภพต่างๆ จะทายเหตุการณ์ไม่ออกเหมือนดาวโคจรช้า เช่นหากดาวเสาร์เป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิ หากเมื่อดาวเสาร์จรถึงลัคน์ เสาร์ก็จะนำความหมายเดิมคือปัตนิมาถึงลัคน์ด้วยประกอบกับโครงสร้างดาวอื่นๆดี เราพอจะทายได้ว่าในปีนั้นๆหรือในช่วงนั้นๆจะมีเหตุการณ์ที่มีความเกี่ยวพันหรือสอดคล้องกับภพปัตนิในทางที่ดีได้ หากแต่ดาวจันทร์ หากเป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิการตอบwhenก็ดูเหมือนจะยากขึ้นดูเหมือนเป็นข้อจำกัด เราจะให้ดาวเจ้าเรือนซึ่งเป็นดาวจันทร์จรไปทาย"เมื่อไหร่"ได้อย่างไร หรือเราต้องใช้ดาวอื่นแทนดาวจันทร์หรือเปล่าครับ ขอรบกวนอาจารย์ช่วยไขอธิบายเรื่องการตอบ"เมื่อไหร่"กับเหตุการณ์จรโดยใช้ดาวที่โคจรไวด้วยครับ


ศิษย์ fa 200 - 17 มิถุนายน พ.ศ.2548 17:22น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 7
ด้วยเหตุที่ผมเห็นหลายๆท่านที่ผมรู้จัก.... ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่มองไม่เห็นจากการใช้วิชาโหราศาสตร์และวิชาอื่น(ไม่ใช่ไสยศาสตร์) ที่หาข้อพิสูจน์ให้ทราบกันไม่ได้ แม้ท่านเหล่านั้นจะใช้ด้วยความปรารถนาดีต่อเพื่อมนุษย์ แถมบางท่านใช้โดยไม่มีอามิสสินจ้างด้วยซ้ำ แต่ก็หนีกรรมที่รับช่วงมาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าบุญบารมีเรายังไม่แก่กล้าพอที่ทานต่อกรรมที่ต้องรับช่วงมาจากการใช้วิชาโหราศาสตร์ช่วยผู้อื่น น่าจะพักๆเรื่องโหราศาสตร์ไว้สักหน่อยก็ดี ผมจึงไม่ได้เข้าเวบโหราศาสตร์ซะนาน ไม่ว่าจะเวบที่เคยเข้าไปอ่านประจำไม่ว่าจะเป็น พยากรณ์.คอม, โหราเวสม์.คอม, โหราไทย.คอม หรือเวบอื่นๆ เกือบทำให้เสียโอกาสดีๆในการเรียนรู้จากผู้รู้

ท่านอาจารย์วรกุล แม้จะไม่รู้จักกันแต่เท่าที่ได้อ่านบทความที่ท่านได้เสียสละทั้ง กำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์และกำลังสติปัญญา ในการเผยแพร่สิ่งที่น้อยคนนักยินดีกระทำ นับได้ว่าท่านเป็นผู้ประเสริฐอย่างยิ่ง ควรค่าแก่ความเป็น "ครู" ที่ควรเคารพและเจริญรอยตามครับ ขออนุโมทนาบุญในสิ่งประเสริฐที่ท่านอาจารย์วรกุลได้กระทำมาตั้งแต่ต้นครับ ขอพรจากพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงอำนวยผลให้ท่านอาจารย์จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละด้วยเทอญ.

ด้วยความเคารพ.


ณภัทร - 20 มิถุนายน พ.ศ.2548 10:07น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 8
เรียน...ท่านอาจารย์วรกุล

หยุดอยู่ แปรปรวน และเปลี่ยนไป ตามปรัชญาโหราศาสตร์และ เมื่อชีวิตดำเนินไปสิ่งที่ทำให้เปลี่ยนแปลงก็คือ โหรา และ พลังงานธาตุ

ด้วยหลักสองอย่าง คือ เวลาทางธาตุ และ พลังงานธาตุ นี่เอง ทำให้เกิดวิชาโหราศาสตร์เกิดขึ้นได้หลายระบบ และมีการปรับอัตราเวลาธาตุ ที่สัมพันธ์กับการแปรเปลี่ยนของพลังงานธาตุ วิชาโหราศาสตร์ที่เราเรียนกันจำนวนมาก เป็นผลลัพธ์จากการพัฒนาเช่นนี้ เทคนิคสามัญที่เราใช้กันอยู่ เช่น มุมดาว ตรีโกณ จตุโกณ การอ่านเรือน และราศี เป็นต้นนั้น ไม่ใช่มุมที่แสงตกกระทบส่องถึงกัน อย่างที่หลายคนคิด ด้วยเหตุนี้ โหราศาสตร์ไทยจึงไม่ได้วางมุมดาว เหมือนอย่างที่สายวิชาโหรหลายระบบนำไปคิดใหม่ เพราะมีพื้นฐานมาจากการคำนวณทางธาตุแบบเดิมนั่นเอง

ดิฉันอ่านย้ำตรงนี้ไปแล้วหลายครั้ง อ่านแล้วเหมือนกับคำสอนธรรมะ ในพุทธศาสนา คล้ายๆจะเข้าใจ แต่ก็ไปได้ผิวๆ หากเราจะไม่รอวาสนา เราสามารถทำความเข้าใจเพิ่มได้จากสิ่งใดค่ะ


คุณยายกลิ่นโสม - 21 มิถุนายน พ.ศ.2548 05:46น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 9
ตอบ 7 คุณณภัทร........ขอบคุณมากครับที่ให้พร ผมไม่ได้เสียสละอะไรมากมายอย่างที่คุณคิดหรอกครับ ใครที่อ่านมาตั้งแต่ต้นๆ คงจะจำได้ว่าผมตกกะไดพลอยโจนมาเขียนแทนเพื่อน (อาจารย์ สส.) โดยที่ผมเองเป็นฝ่ายแอนตี้ไม่อยากเขียน เพราะดูแล้วเขียนลำบาก มาคิดได้ว่า สมัยก่อน ตอนผมเรียนโหราศาสตร์แล้วไม่ค่อยมีใครอธิบายอะไรให้ฟัง เที่ยววิ่งไปหาครูอาจารย์ ในเวลานั้น ผมกลับพบคำตอบที่แตกต่างกันไป บางท่านมีเมตตามาก ก็อธิบายให้ทราบนับเป็นชั่วโมงๆ และยังเลี้ยงข้าวอีกทั้งๆที่เพิ่งเห็นหน้ากันครั้งแรก บางท่านก็บอกว่า อยากรู้ก็มาเรียนซี คิดค่าบอกเทอมละ 500 บาท (เท่ากับเดี๋ยวนี้ราวร่วมหมื่นบาท) เรียน 4 เทอม แบบนี้ผมถอย มาได้เรียนจริงๆจากครูโหร ซึ่งท่านก็เสียสละสอนให้หลายปี โดยไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว ตอนนั้นผมก็เป็นอาจารย์สอนโหราศาสตร์ แต่เลิกสอนเพราะมีคนถามว่าเรื่องที่สอนๆอยู่นั้นมาจากไหน ผมตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้

ตอนนี้ ทั้งผม และ อจ.สส. มาอ่านกระทู้ต่างๆที่พวกเราถามๆกันมาตามเว็บต่างๆ แล้วก็เห็นใจคนที่ถาม เพราะเหมือนตัวเราเมื่อ 30 – 40 ปีก่อน คนตอบบางคนก็ตอบดี บางคนก็ตอบผิด เห็นชัดๆ คนถามยังตอบกลับมาด้วยว่าเข้าใจขึ้นดีแล้ว นี่ยิ่งกลายเป็นผลักคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ลงเหวความไม่รู้ลึกลงไปอีก แล้วก็ส่งผลให้ไปทำบาปต่อ แก่คนที่มาดูหมอ ทำนายเขาให้กลายเป็นทุกข์ก่อบาปเวรกรรมต่อไป

ปัญหาก็คือ พวกเราแต่ละคนเรียนมาโดยไม่เคยคิดว่า วิชาที่เราเรียนมีเหตุผลมาจากไหน ไม่รู้คำอธิบาย ครูอาจารย์ส่วนมากก็อธิบายไม่ได้ อย่าง มีใครรู้ไหมว่าทำไมเราต้องวางลัคนา ทำไมโหรไทยต้องมีเกษตรสองเรือน แล้วทำไมระบบอื่นไม่ต้องใช้ ทำไมต้องตนุ กดุมภะ สหัชชะ พันธุ......ด้วย จะเป็น อริ ตนุ ปัตนิ กัมมะ.......ไม่ได้หรือ ดาวอยู่เรือนนั้นภพนี้ ทายอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะอะไร มาจากไหน คำถามมีตั้งหลายพันคำถาม แต่ไม่มีใครตอบ หรือรู้คำตอบ ดังนั้น โหราศาสตร์เลยกลายเป็นวิชาท่องจำไป ใครจำได้มากกว่าก็เรียกว่าเก่ง ทายถูกหรือทายผิดก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่เพราะพวกเราไม่มีใครบอก ไม่ใช่ไม่มีใครรู้

บัดนี้ ผมเลิกสงสัยแล้ว ไม่ใช่รู้เรื่องหมด แต่พอรู้ว่าคิดมาได้อย่างไร แต่พอดูตัวเราแล้วก็รู้ว่ามาตกอยู่ในที่เดียวดาย เหมือนครูโหรท่านอื่นนั่นเอง คืออธิบายได้ยาก ต้องมีคนที่รู้จักคิด พร้อมที่จะคิด และมีเวลาคิด ที่จะมารับฟัง ผมเองไม่มีเวลาที่จะสละได้มากกว่านี้ อินเตอร์เน็ทนี่ก็สะดวกดี แต่ก็เขียนอะไรลึกมากก็มีปัญหามาก แต่ก่อนตอนเด็กๆคิดว่า วันหลังเรารู้เคล็ดลับอะไรมา เราจะพิมพ์แจกมันให้ทั่วบ้านทั่วเมืองเลย ให้สาสมกับที่ต้องลำบากตรากตรำแสวงหามานาน พอมาถึงวันนี้ จึงรู้ว่าครูโหรท่านหวงแหนวิชาเอาไว้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะขาดเมตตา แต่เพราะหากเปิดออกมา วิชาทั้งหลายที่ตกทอดมานานหลายร้อยปีจะอันตรธานหายไปเพียงไม่กี่ปี จากฝีมือของพวกชอบต่อเติม และตั้งตัวเป็นอาจารย์ทั้งหลาย ทีนี้จะไม่มีใครรู้วิชาที่แท้จริงอีกเลย

จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังอธิบายตามใจไม่ได้ ยังรู้ไม่หมดสิ้น ยังต้องศึกษาต่อไปไม่สิ้นสุด มีอะไรพอบอกกันได้ก็จึงเอามาเล่า จึงทำได้แค่นี้แหละ


วรกุล - 21 มิถุนายน พ.ศ.2548 07:30น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 10
มีเรื่องที่ไม่ค่อยสำคัญ แต่ผู้คนมักจะให้ความสำคัญอยู่เรื่องหนึ่งคือ ความรัก คู่ครอง และการแต่งงาน ส่วนมาก หลายคนอยากจะรู้ว่า ตนเองจะมีคู่อย่างไร หน้าตาเป็นอย่างไร มีคู่แท้หรือไม่ จะพบเมื่อไร แต่งงานเมื่อไร อะไรแบบนี้ คนที่มีแฟนแล้วก็อยากรู้ว่าแฟนคนนี้ใช่ไหม เป็นคู่สมพงศ์กันหรือเปล่า หมอดูคนไหนตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ ก็หมดทางหากินไปครึ่งหนึ่งแล้ว

อันที่จริงหลักทางโหราศาสตร์ในเรื่องนี้มีทั้งยาก และไม่ยาก การดูคู่ครองและความรักนั้นแยกเป็นวิชาเฉพาะอีกอย่างออกมาเลย เนื่องจากมีผู้ถามมาก จึงทำให้มีการพัฒนามากเกินกว่าเรื่องทางโหราศาสตร์ทั่วไป พอๆกับเรื่องการงานอาชีพ ที่จะถูกถามพอๆกัน ดังนั้น เราจึงอาจเคยพบเห็นว่า มีวิชาเฉพาะเรื่องคู่ครองอยู่ในหลายชนชาติแถบนี้ จึงมีหมอดูบางคน ทำมาหากินเฉพาะเรื่องเดียว และเราก็ต้องระวังไว้ เพราะหากเขาทายแม่น ก็จะแม่นเฉพาะเรื่องความรักคู่ครอง เท่านั้น หากให้ทายเรื่องอื่น แม้ทายได้ก็ไม่แม่น เชื่อถือไม่ได้เลยก็มี

นักโหราศาสตร์เองที่เรียนเต็มภูมิ จะทายเรื่องคู่ครองได้ไม่ยาก แต่การเจาะลึกเฉพาะเรื่องนั้น เป็นความรู้ที่ซ่อนอยู่ในความรู้ระดับสูง เพราะความเป็นเรื่องพิเศษของคู่ครองนั้นเอง ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า คนเราทุกคนนั้น มีคู่ครองอยู่ในดวงชะตา เพราะธรรมดาธรรมชาติจะมีธาตุที่สมดุลย์อยู่ในจักรวาล เมื่อถูกแยกออก เหมือนผลไม้ผลหนึ่งถูกผ่าออกไปเป็นสองซีก กลายเป็นสิ่งตรงข้ามที่เป็นบวกและลบ เป็นคู่อยู่เสมอ ความเป็นคู่นี้ จะมีสัญชาติญาณความรับรู้เพื่อรวมกันกลับสู่สภาพสมบูรณ์เต็มใบเป็นหนึ่งเดียวเหมือนเดิม นี่เองจึงเป็นแรงดึงดูดให้คนที่เป็นคู่กันนั้น เข้ามาหากันได้ แต่หนทางที่มา ก็คือกลไกทางเรือนชะตา และโครงสร้างดาว ซึ่งนักโหราศาสตร์ ทั่วไปจะหาเส้นทางนี้ได้ไม่ยากนัก

การจับคู่กลับคืนสู่สภาพสมดุลย์นั้น ขึ้นอยู่กับรหัสของคู่ตรงข้าม สมมุติเราลองเอาใบไม้มาใบหนึ่ง แล้วฉีกมันออกเป็นสองส่วน ใบไม้ที่ขาดเป็นรอยไม่สม่ำเสมอนั้น เอามาต่อกันได้สนิท ก็เมื่อเป็นใบไม้ใบเดียวกันมาก่อน รอยขาดของใบไม้ที่ฉีกแยกจากกัน และ ขนาดของใบไม้ใบเดิม คือรหัสพิเศษที่ว่านี้ ดังนั้น จึงมีเพียงใบไม้ที่ถูกแยกออกเพียงคู่หนึ่งเท่านั้น ที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ปิดกั้น หากจะมีครึ่งของใบไม้ใบอื่นที่มีรหัสคล้ายกันเข้ามาต่อด้วยได้ ขึ้นอยู่กับรหัสที่อยู่บนใบไม้ของเรานั้น ง่าย หรือยาก ดังนั้น ใบไม้บางซีกอาจจับกับซีกอื่นที่ไม่ใช่คู่แท้ได้หลายอัน คนบางคนจึงมีคู่ได้หลายคน แต่คู่ที่แท้จริงจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น

คู่ครองจึงมีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเกิดจาก โครงสร้างดาวและเรือนเดิม หรือเรียกง่ายๆว่า เกิดจากกรรม อีกอย่างเกิดจากดาวจร คู่ครองที่เกิดจากดวงเดิมนั้นเป็นคู่แท้ อย่างน้อยก็แท้สำหรับดวงชะตาแต่ละคน เพราะเป็นคู่ที่สมดุลย์ตามธรรมชาติ แต่คู่ครองที่เกิดจากดาวจรนั้น อาจจะมีได้หลายคนตามที่เจ้าชะตากระทำ การแต่งงานนั้นเป็นเพียงพิธีการ และการมีสัมพันธ์ทางเพศก็เป็นเพียงอิทธิพลของดาวและธาตุที่ อาจโน้มเอียงให้เป็นไปตามอารมณ์ หากอ่านดวงชะตาตรงนี้แล้วแยกแยะได้ ก็จะรู้ว่าอะไรแท้อะไรไม่แท้

ที่เรียกกันว่า คู่สมพงศ์ นั้น ปัจจุบันความหมายไม่ชัดเจนแล้ว ต่างเข้าใจกันไปคนละอย่าง สองอย่าง เดิมโบราณคิดถึงความสอดคล้องต้องกันของดวงชะตา ซึ่งเรื่องความสอดคล้องกันของดวงชะตานี้ดูไม่ยาก ตำราพรหมชาติก็มีแนะนำไว้อย่างหยาบๆ เช่น สมพงศ์ปีเกิด เดือนเกิด หรือวันเกิด โดยอาศัยการไม่ขัดกัน และสอดคล้องกันของธรรมชาติ ทางดวงชะตาที่นักเรียนหัดใหม่มักเรียน ก็คือ พยายามดูดาว ต่างๆ ไม่ให้เป็นทุสถานะต่อกัน เมื่อเทียบดวงชะตาระหว่างคนสองคน จะเป็นคู่กัน หรือ เพื่อนที่คบหาสนิทกันก็ได้ โดยเฉพาะดาวสำคัญๆที่เป็นจุดเจ้าชะตา ควรจะเป็นโยคเกณฑ์ที่ดีต่อกัน การทำดังนี้ วางอยู่บนหลักความคิดที่ว่า เมื่อดาวต่างๆทำมุมที่ดีต่อกัน จะได้มีความชอบ ความเห็น และรสนิยมไปในทางเดียวกัน เพราะเมื่อดาวจรมาแสดงผลดีเลว ก็ควรจะเป็นผลต่อดวงชะตาทั้งสองฝ่ายพร้อมกัน มีทุกข์ มีสุข ร่วมกัน แต่ความคิดเช่นนี้ แม้จะดีกว่าใช้ตำราพรหมชาติขึ้นมาบ้าง แต่ทางดวงชะตาแล้วจะเห็นว่าไม่เป็นผลดีเสมอไป เช่น เมื่อขี้เกียจ ก็รวมหัวกันขี้เกียจทั้งผัวทั้งเมีย แล้วจะเอาที่ไหนมากินเข้าไป

บางตำรา จึงมีความเห็นแยกไปอีกอย่างหนึ่ง คือให้พิจารณาปิดจุดอ่อนของกันและกัน เช่น หากดวงหญิงเสียทางด้านสมบัติ ฝ่ายชายก็ควรมีวาสนารักษาสมบัติไว้ได้ ฝ่ายชายมีลูกน้อย แต่ฝ่ายหญิงมีลูกดก ก็ควรได้ลูกสืบสกุลและเลี้ยงดูตอนแก่ชราได้บ้าง ดังนั้นจึงดูดวงแล้วคลุมถุงชน เรื่องความสุข ความทุกข์ไม่ค่อยสนใจ เพราะมีความทุกข์อยู่ทั่วทุกตัวคนจนชินชาอยู่แล้ว

แต่นั่นเป็นโหราศาสตร์ระดับสามัญ ทางทฤษฎีโหราศาสตร์แล้ว การมีคู่แท้ของแต่ละคนเกิดจากโครงสร้างดาวและเรือนในดวงชะตา หรือเกิดจาก กรรม ส่วนการมีคู่จากดาวจร ถ้าจะมีมากหรือน้อยก็เพราะดวงชะตาวางรหัสเงื่อนไขเอาไว้ ยาก หรือ ง่าย ตามดวงชะตาของแต่ละคน เราอาจจะหลีกเลี่ยงไม่มีคู่ครองได้ทั้งสองแบบ แต่ส่วนใหญ่เมื่อถึงเวลาแล้ว ก็มักเป็นไปตามกรรม การดูว่าเป็นคู่ครองของเราหรือไม่ โหรทั่วไปมีเทคนิคที่ไม่ลับอยู่ 2 ประการ คือ หนึ่ง ดูคุณสมบัติ เช่นอ่านดวงหญิงว่า คู่จะเป็นชายรูปหล่อ ผมดก เมื่อดวงชาย หรือตัวจริงมีลักษณะต่างๆที่อ่านได้ ตรงกับคู่ของกัน ก็เชื่อได้ สอง อ่านดาวจรเรื่องราวที่ตรงกัน โดยเฉพาะการพบรู้จักกันและการแต่งงาน ต้องตรงเดือน และปีกันทั้งสองฝ่าย หรืออ่านได้ว่าเจ้าชะตาจะได้คู่ที่อยู่ในอาชีพอะไร เพราะเหตุการณ์นี้จะต้องตรงกัน จึงเชื่อได้ว่าเป็นคู่กัน นี่เป็นคู่ที่เกิดจากกรรมทางดวงชะตาทั้งสองดวงนั่นเอง

แต่การเป็นคู่แท้นั้น ไม่ได้แปลว่า ชีวิตที่ครองคู่จะมีความสุขเสมอไป ไม่ว่าคู่ประเภทไหน อาจจะมีทุกข์ก็ได้ สุขก็ได้ เป็นคู่เวรคู่กรรม เป็นศัตรูกันมาก่อนก็มี ดังนั้นเวลามีคนถามว่า “คนนี้ เป็นคู่แท้ของผม หรือ ดิฉันหรือไม่” คนถามมักนึกว่า เป็นคู่แท้แล้วจะดี มีความสุข หากไม่ใช่คู่แท้แล้ว ไม่มีความสุข จึงน่าลำบากใจที่จะตอบ แต่ถึงจะตอบหรือไม่ตอบ ก็มักเป็นไปตามกรรมเกือบทุกคน จะห้าม เขาก็ไม่เชื่อ จะเชียร์ เขาก็ไม่ฟัง ถึงเวลาดาวคู่ทำงานแล้วจะมีกำลังมาก ใครก็ห้ามได้ยาก เพราะมีอำนาจลึกลับดึงดูดตามธรรมชาติให้เข้ามาหากัน


วรกุล - 21 มิถุนายน พ.ศ.2548 07:31น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 11
เรียนอาจารย์วรกุล...ขอบคุณอาจารย์มากครับที่กรุณาไขปัญหาและช่วยปรับแนวทางการเรียนโหราศาสตร์ ผมจะพยายามอ่านและทบทวนทุกข้อคิดเห็นของอาจารย์และจะนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด สมกับเจตนาของอาจารย์ครับ

ความคิดเห็นลำดับใหม่ๆของอาจารย์ผมจะพยายามอ่านและทำความเข้าใจไปเรื่อยๆครับ..ผมยังมีความสงสัยเรื่องที่มาที่ไปของมาตรฐานดาวครับ เกษตร , ประ , อุจจ์ , นิจ มาจากใหน มีหลักมีเกณฑ์ในการกำหนดอย่างไร ใครเป็นคนกำหนดขึ้นมาเช่นหากดาวพฤหัสอยู่ราศีกรกฎ ยกย่องให้มาตรฐานเป็นอุจจ์ ,พฤหัสอยู่ราศีมังกร เป็น นิจเป็นต้น แล้วนำมาใช้พยากรณ์ หากดาวพฤหัสเป็นดาวเจ้าเรือนกรรมะได้มาตรฐานอุจจ์(พฤหัสอยู่ราศีกรกฎ)ก็ทายว่าการงานตำแหน่งสูง/มีเกียรติ เป็นต้น ในทัศนคติ(ปัจจุบัน)ของผมแล้ว หากจะพิจารณามาตรฐานดาวน่าจะพิจารณาถึงความสัมพันธ์สอดคล้องกับคุณสมบัติของราศี เช่น ราศีมังกร มีคุณสมบัติเป็นราศีธาตุดิน ตัวพฤหัสเองก็ถือเป็นธาตุดิน เมื่อดาวพฤหัสอยู่ราศีมังกร ซึ่งมีลักษณะธาตุที่สอดคล้องกัน ดังนั้นพฤหัสในราศีมังกรควรจะมีมาตรฐานสูง เป็น อุจจ์ หรือเกษตรหรือไม่อย่างน้อยที่สุดพฤหัสในราศีมังกรก็ไม่น่าจะเป็น "นิจ" แต่ทำไมจึงเป็นนิจ แล้วดาวพฤหัสในราศีกันย์ด้วยก็น่าถือว่ามีมาตรฐานสูง ก็ไม่น่าจะเป็น"ประ"เช่นกัน เรื่องนี้เลยเกิดเป็นคำถามข้างต้นมาตรฐานเกษตร, ประ, อุจจ์, นิจ เป็นมาอย่างไร เกิดจากกฏเกณฑ์อะไร และนำมาใช้อย่างไร (จริงๆแล้วเรื่องการนำมาตรฐานดาวมาใช้ อาจารย์ได้เขียนไว้ในกระทู้เก่าๆบ้างแล้ว หากอาจารย์จะเขียนอธิบายเพิ่มเติมก็จะถือเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนโหรไม่น้อยครับ)


ศ.fa 200 - 21 มิถุนายน พ.ศ.2548 17:41น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 12
ตอบ 8 คุณคุณยายกลิ่นโสม.........คำถามนี้ตอบยาก เนื่องจากเนื้อหาของวิชาธาตุและปรัชญาโหราศาสตร์ เป็นเรื่องเข้าใจยาก การศึกษาเรื่องเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจโดยมีผู้ถ่ายทอด ไม่มีทางคิดได้ด้วยตนเองหมดในระยะเวลาสั้นๆในชั่วชีวิตของเราได้ ตำราต่างๆก็ไม่มีใครพิมพ์ไว้ครับ ไม่ทราบจะทำอย่างไร


วรกุล - 22 มิถุนายน พ.ศ.2548 04:52น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 13
เรียนถามท่านอาจารย์วรกุลค่ะ

ดิฉันมีความสงสัยเกี่ยวกับการแลกเรือนเกษตร เช่น ศุกร์และอังคาร (คู่มิตร) แลกเรือนกัน หรือศุกร์กับเสาร์ (คู่ศัตรู) แลกเรือนกัน เป็นต้น ขอความกรุณาช่วยอธิบายถึงผลต่าง ๆ ที่จะบังเกิดต่อดวงชะตา หากมีการแลกเรือนเกษตรกัน

ขอบพระคุณค่ะ


เอวิตรา - 22 มิถุนายน พ.ศ.2548 13:07น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 15
ตอบ 11 คุณ ศ.fa 200..........ที่ผมเขียนมา ผมพยายามเลือกเรื่องที่เป็นพื้นฐานก่อน พอจะจบได้ในตอนเดียว แต่เรื่อง เกษตร ประ อุจ นิจ เป็นเรื่องยาวที่หากเริ่มต้นแล้ว จะมีส่วนเกี่ยวพันความสงสัยต่อไปเรื่อยๆ ดาวเป็นเกษตรนั้น เป็นดาวที่มีธาตุเดียวกับเกษตรธาตุของตัวเอง เมื่ออยู่ในราศี จึงมี เสถียรภาพ คงสถานะธาตุดาวอยู่ได้ ในเกษตรราศีได้นาน โบราณจึงเรียกราศีของมันว่า เกษตร (ถิ่น ดินแดน) และ เพราะความที่มันอยู่ในเกษตรราศีที่เป็นเนื้อเดียวกับธาตุของมัน เหมือนคนอยู่ในถิ่นบ้านของตัวเอง เขาจึงเรียกมันว่า เจ้าเรือนเกษตร ทั้งๆที่จริงแล้วไม่มีดาวอะไรเป็นเจ้าเรือนอะไร ธาตุดาวพฤหัส จึงเป็นเกษตรเจ้าเรือนราศีธนู และ ธาตุดาวจึงผูกพันอยู่กับเรือนเกษตรในฐานะเจ้าเรือน เมื่อดาวอยู่ราศีตรงข้ามกับเรือนเกษตร มีความโน้มเอียงผลักดันที่จะกลับสู่เสถียรภาพ หรือเรือนที่มีธาตุชนิดเดียวกับตน ธาตุดาวจะแตกออก เป็นส่วนเล็กๆ กระจายออกไปทั่วราศี เพื่อจะไหลวนกลับไปสู่เกษตร โบราณจึงเรียกว่า เป็น ประ (กระจาย) หรือ ปรเกษตร (ตรงข้ามเรือนเกษตร)

ส่วนอุจ นิจ นั้น เป็น สถานะทางตำแหน่งดาว เมื่อดาวเป็นอุจในราศีนั้น ดวงดาวจะมีตำแหน่งใกล้โลก ในตำแหน่งดาวเป็นนิจ ดาวจะมีตำแหน่งไกลโลก (ทางดาราศาสตร์แล้ว จะผิดเพี้ยนไปบ้าง.....จะยังไม่พูดถึง) ตำแหน่งสัมพัทธ์ที่ใกล้ หรือไกลโลกนี้ เรียกว่า ความเป็นอุจนีของดาว อุจนีของดาว มีผลทำให้ธาตุดาวมีพลังงานสูง หรือ ต่ำได้ แต่ไม่ได้สูญเสียธาตุดาว ลองคิดดูคร่าวๆ เหมือนดวงจันทร์ เมื่อ อยู่ใกล้โลก จะดึงดูดน้ำทะเลให้โป่งยกระดับสูงขึ้น ที่เราเรียกว่าน้ำขึ้น แต่ดวงจันทร์เมื่ออยู่ไกลโลก แรงดึงดูดจะอ่อนลง ทำให้น้ำทะเลลงต่ำ ที่เรียกว่าน้ำลง เหมือนกันเป๊ะเลย แต่เป็นคนละเหตุผล

เมื่อดาวอยู่ใกล้โลกนั้น สามารถส่งธาตุเข้าสู่ดวงชะตา ได้แรงขึ้น เพราะธาตุไม่เสียพลังงานมาก ดังนั้น เมื่อดาวพฤหัสอยู่ในราศีกรกฎ จะอยู่ใกล้โลกที่สุด ธาตุดาวจะถูกพลังงานดันให้สูง เหมือนน้ำขึ้น ความสูงนี้ จะสูงกว่าธาตุดาวทั่วไปที่อาจมาอยู่ราศีเดียวกัน หรือราศีอื่นๆ เหมือนคนสูงๆมาอยู่กับคนเตี้ยเมื่อเปรียบเทียบกัน ความสูงจึงทำให้เด่น เห็นง่าย เป็นจุดเด่นดัง นี่คือความหมายของอุจ หรือ มหาอุจ ในราศีตรงข้าม คือ มังกร ดาวพฤหัสในปีนั้นจะอยู่ห่างโลกมากที่สุด ระดับพลังงานธาตุของดาวจะต่ำลง ทำให้การส่งผ่านธาตุเข้าสู่ดวงชะตาอ่อนลง ดังนั้น ธาตุดาวจึงมีระดับต่ำ เหมือนน้ำลง ทำให้ไม่เด่น ดูเตี้ยเล็ก ต่ำต้อย ไม่ใหญ่โตอะไร นี่คือความหมายของนิจ ดังนั้น ตำแหน่งอุจและนิจนั้น จึงไม่จำกัดด้วยขอบเขตของราศี เหมือนเกษตรประ แต่จะเป็นแนวเข้มช่วงหนึ่งในราศี เหมือนสันเขาหรือก้นเหว ที่เคลื่อนย้ายตำแหน่งได้ ไม่ตรึงอยู่กับที่อย่างที่เข้าใจกัน แต่เราไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้เมื่อพยากรณ์ในระดับนี้ เพียงแต่รู้ไว้เท่านั้น

อุจ นิจ แสดงลักษณะทางรูปธรรม และนามธรรมบางอย่าง แต่ไม่มีผลต่อคุณภาพ หรือ เรื่องดี ไม่ดี เช่น ดาวพฤหัส สมมุติเป็นพระ พระที่ร่างสูงใหญ่หรือเตี้ยเล็ก ก็บรรลุธรรมได้ เป็นพระอรหันต์ได้เช่นเดียวกัน ไม่ต่างกัน และความเป็นอุจ นิจ ยังเป็นพร้อมกัน ทั้งธาตุดาว และเกษตรราศี เพราะได้รับพลังงานธาตุมาถี่ห่างเท่ากันด้วย ดังนั้น เวลาทำนายดาวเป็น อุจ นิจ ต้องทำนาย เรือนของมันเป็นอุจ นิจด้วย จึงจะถูกต้อง เกษตร ประ ก็ทำนายเรือนเช่นกัน

ส่วน เรื่องดาวพฤหัสธาตุดิน อยู่ในราศีมังกรธาตุดินนั้น เป็นเรื่องของสภาวะธาตุ ดูที่ความเห็นที่ 2 ข้างบนด้วยตรับ พฤหัสที่ว่าธาตุดินนั้นเป็นสภาวะธาตุในธรณี แต่ ราศีมังกรธาตุดินนั้นเป็นสภาวะธาตุในราศีของจักรวาล ราศีธาตุดินมีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงไหวตัวง่าย พฤหัสอยู่ราศีมังกร หลอมตัวเป็นธาตุดิน จึงเชื่ออะไรมั่นคง ไม่คลอนแคลน อะไรประมาณนั้น ลักษณะเช่นนี้จึงดี หรือ ไม่ดีก็ได้ พฤหัสอยู่ราศีมังกรทั้งปี คนเกิดปีฉลูจึงไม่จำเป็นต้องดี หรือ ไม่ดี เหมือนกันหมด

ตำแหน่งดาวมาตรฐานแต่ละอย่าง อาจไม่ได้เกิดจากเรื่องเดียวกัน ดังนั้น การที่เราพูดว่ามันควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จึงเป็นการเอาเรื่องคนละเรื่องมารวมกัน เหมือนอย่างที่ คนสูงนั้นไม่จำเป็นต้องฉลาด หล่อ หรือ รวย ด้วย คนเตี้ยก็ไม่จำเป็นต้องโง่ ขี้เหร่ หรือ จน ด้วย เป็นคนละเรื่องกันของ คุณสมบัติดาว ลักษณะดาว และคุณสมบัติในการอยู่ในราศี บางอย่างอาจจะดี หรือ ด้อย ก็เป็นเฉพาะเรื่องนั้นๆ

00000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 11 คุณเอวิตรา.........ความจริงโหรสมัยก่อนก็ไม่ค่อยเพ่งเล็งพวกเจ้าเรือนเกษตรที่แลกเรือนกันนัก เพราะการที่เจ้าเรือนเกษตรไปอยู่เรือนใด ก็คือการอ่านสัมพันธ์เรือนตามปกติ แต่เป็นเพราะเมื่อสัมพันธ์เรือนแล้วกลับไปยังเรือนเดิมที่มา จึงทำให้เรื่องกลับไปสู่เรื่องเดิมอีก ถ้ามองในแง่เรื่องราวแล้ว ก็แสดงว่าเรื่องเดิมมันยังไม่จบ และอาจแสดงความยืดเยื้อ อยู่นาน เหมือนดาวเป็นเกษตรที่อยู่ประจำ เหมือนคนมาเช่าบ้าน ไปๆกลับๆ คนเขาก็นึกว่าอยู่ประจำเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน แต่ในเมื่อดาวไม่ได้เป็นเกษตรจริง ดาวแต่ละดวงที่ไปอยู่มันยังมีปฏิกิริยาระหว่างธาตุดาวที่ไปอยู่เสริมแทรกเข้าไปอีก ทำให้เรื่องราวแปลกแยกออกไป

ยกตัวอย่างสมมุติ ลัคนาอยู่ราศีเมษ ดาวกดุมภะคือศุกร์เป็นเกษตร ก็หมายถึง สถานะความเป็นไปของสมบัติเงินทอง จะตั้งมั่น เป็นหลักเป็นฐาน เพราะธาตุดาวอยู่ในเรือนเกษตรตนย่อมมีเสถียรภาพ ดาวอังคารเป็นเกษตรราศีพิจิก เป็นมรณะ หมายถึง การเปลี่ยนแปลง แปรรูปจากเดิมไป อย่างมีเสถียรภาพเช่นกัน (เช่น ความตาย ก็คือการจากไปอย่างไม่กลับ) หากดาวอังคารแลกเรือนเกษตรกับศุกร์อย่างที่คุณว่า ก็ต้องอ่านเป็น กดุมภะ – มรณะ – กดุมภะ – มรณะ แสดงว่า สมบัติเงินทองที่จากไป จ่ายไป สูญไปนั้น กลับกลายเป็นเหตุที่ตอบแทนกลับ มาเป็นสมบัติได้อีก สมบัตินี้ย่อมเจือเอามรณะมาด้วย จึงอาจจะเป็นมรดก หรือ เงินประกันชีวิตประกันภัยก็ได้ เมื่อเป็นคู่มิตร หมายถึงการเอื้อเฟื้อสนับสนุนกัน จึงเป็นลักษณาการความราบรื่นที่เป็นมา ได้มา แต่ความมีเสถียรภาพของดาวแลกเรือนนี้ ไม่เหมือนดาวเป็นเกษตร เพราะ เมื่อมีดาวโคจรเข้าร่วม ไม่ว่าดาวจรหรือดาวเดิมก็ตาม อาจจะทำให้ผลได้ที่ส่งกลับเรือน ถูกแบ่งปันลด เพิ่ม หรือเปลี่ยนเรื่องไปได้ เช่นสมมุติ มีดาวพุธ – อริ เข้าร่วม อังคาร หรือ ศุกร์ก็ตาม เมื่อตามเรื่องดาวศุกร์ และ อังคารไป ก็จะมีพุธอริ ติดไปในวงจรด้วย ทำให้เกิดการแบ่งปัน แย่งยื้อ ถกเถียง โต้แย้ง ขึ้นได้ ต่างกับกรณีดาวเป็นเกษตรทั้งคู่แล้ว แม้พุธจะเข้าร่วม ก็ไม่ทำให้เสถียรภาพของดาวในเรือนเสียไป แต่จะเพียงเสริมเรื่องราวเท่านั้น

หาก เสาร์ และศุกร์ แลกเรือนกันบ้าง ลักษณาการความเป็นไปก็เป็นแบบคู่ศัตรู คือต้องต่อสู้ ฟันฝ่า หรือ มีภาระ กว่าจะได้มา คุณคิดเอาเองก็ได้ ถ้าเราอ่านระบบเรือนแล้ว เกิดงงเรื่องความเป็นคู่ศัตรูของดาว ก็ยังไม่ต้องดูเรื่องดาว ถึงอย่างไร แก่นเรื่องของนิทานก็จะยังเป็นเหมือนเดิม

00000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 14 คุณคุณยายกลิ่นโสม ........วาสนาที่จะได้อาจารย์สอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับทำบุญร่วมกันครับ ทำบุญทำบาปร่วมกันเป็นเพียงแต่จะได้พบกันบ่อยในสังสารวัฏเท่านั้นเอง เมื่อพบแล้ว วาสนาที่คุณจะได้เรียนขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง กฏแห่งกรรมและกฎของดวงชะตานั้นเหมือนกัน ก็คือ “เมื่อให้สิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้น” เมื่อเราไม่มีอาจารย์ก็อย่าไปหวังเลย ตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการเรียนรู้ชีวิต โหราศาสตร์ก็เป็นเพียงแค่นิยายเล่มหนึ่ง ยังมีนิยายดีๆที่วางอยู่รอบตัวเราอีกหลายเล่มถมเถไป ก่อนอื่น ต้องถามตัวเราเองว่าเราจะเรียนโหราศาสตร์ไปเพื่อตัวเรา หรือ เพื่อผู้อื่น คิดประเด็นนี้ให้มาก แล้วก็จะรู้คำตอบของทุกสิ่งที่อยากรู้


วรกุล - 23 มิถุนายน พ.ศ.2548 16:39น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 28
ขอบคุณอาจารย์วรกุลนะคะ ที่ตอบให้ทราบ และแนะนำวิธีเรียน ดิฉันจะลองหาที่เรียนดูค่ะ

แต่ก็อยากทราบอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าดาวเจ้าเรือนอริ มาอยู่ตนุภพในราศีกรกฏได้มาตรฐานมหาอุจน์ พร้อมกับมีศุกร์กุมได้มาตรฐานราชาโชค และดาวพุธเป็นเกษตรที่เรือนวินาศน์ แบบนี้จะหมายความว่าอย่างไรคะ

1. มีอุปสรรคสูงมาก หรือ เสียหายอย่างแน่นอน

2. ให้ทายในด้านดีไม่มีเสีย


พิมพ์ธนา - 29 มิถุนายน พ.ศ.2548 15:53น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 29
ขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยไขข้อข้องใจครับ

และขออนุญาติกราบเรียนถามอีกข้อว่าหากดาวเจ้าเรือนตนุลัคน์จรไปตามราศีที่ได้ตำแหน่งเป็นอุจจ์ หรือเกษตร หรือปีใดโคจรไปตกราศีที่ได้ตำแหน่งนิจหรือประ การให้ผลต่อดวงชะตาก็จะแตกต่างกันด้วยใช่หรือไม่ครับ (เรื่องการพยากรณ์จร)

สมมุติว่าดวงชะตาหนึ่งมีดาว 5 เป็นเจ้าเรือนตนุลัคน์ ซึ่งปีนี้ดาว 5 จรมาสถิตย์อยู่ที่ราศีกันย์ซึ่งตามตำแหน่งดาวแล้วเป็นนิจ ก็แสดงว่าอิธิพลของดาว 5 ซึ่งเป็นเจ้าเรือนตนุลัคน์นั้นก็จะย่อหย่อนลงไป และจะให้ผลเป็น นิจต่อดวงชะตาในเรื่องนั้นๆที่เจ้าเรือนตนุลัคน์เข้าไปเกี่ยวข้องตามดวงชะตาของแต่ละคน ทำนายอย่างนี้ถูกไหมครับ

ปล.เพิ่งเรียนโหราศาสตร์ได้อาทิตย์เดียวเองครับเลยถามอะไรโง่ๆไปหน่อย ได้โปรดอย่าถือโทษผุ้ไม่รู้เลยนะครับ ขอบพระคุณครับ


เอกชัย - 30 มิถุนายน พ.ศ.2548 12:16น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 30
ตอบ 28 คุณพิมพ์ธนา..........ที่จริงคำตอบที่คุณคาด หรือจะตอบให้ผ่านๆไปนั้นตอบไม่ยากหรอก แต่คุณจะเข้าใจผิด คำตอบที่ง่ายๆตามที่บางคนเขาตอบกันนั้น ฟังดูแล้วสบายใจสบายหูดี เพราะทำให้อ่านดาวง่ายๆมองดูแล้วโหราศาสตร์มันง่ายเสียจริง แต่แล้วสักวันหนึ่งคุณก็จะพบว่าคุณไปติดอยู่ในกับดักไม่มีทางหลุดมาสู่แสงสว่างได้

ผมเคยบอกแล้วว่า ไม่ว่าดาวจะอยู่ที่เรือนใด เรือนนั้นจะว่างหรือไม่ว่าง เราก็ต้องดูเจ้าเรือนทุกครั้งว่าเจ้าเรือนเป็นอย่างใด เพราะเจ้าเรือนนั้นจะดี จะเลว จะมีความสุข จะมีความทุกข์อย่างใด ก็จะทำให้เรือนของมันทุกข์สุขเป็นเช่นนั้นด้วย เจ้าเรือนกับเรือนในโหราศาสตร์ไทยมีความเกี่ยวพันมาก ดาวลอยที่มาอยู่เรือน แม้จะมีมาตรฐานเพียงใด ก็เป็นเพียงแค่เงื่อนไขอันหนึ่งเท่านั้น เช่น สมมุติหากมี นายกรัฐมนตรี มาเยี่ยมบ้านชาวสลัม ชาวสลัมคนจนเหล่านั้น จะมีเงินสี่ห้าหมื่นล้านเหมือนท่านนายกด้วยหรือไม่ ตัวเจ้าเรือนต่างหากที่สำคัญต่อเรือนเขา เพราะการกำหนดเรือนทางโหราศาสตร์ไทยนั้นขึ้นอยู่กับ “ธาตุ” เรือนใดๆจึงมีความหมายยิ่งกว่าคำว่าบ้าน เพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าเรือนเป็นอย่างมากเหมือนคนกับเงา

คำถามที่คุณตั้งมาว่า ลัคน์กรกฎ (พฤหัส)อริ เป็นมหาอุจ มากุมลัคน์ร่วมกับศุกร์เป็นราชาโชค โดยที่ไม่พิจารณาเจ้าเรือนเลยจึงไม่มีความหมายอะไร ในกรณีนี้ คุณต้องถามตัวเองว่าคุณกำลังดูอะไร ถ้าคุณดูลัคนา หรือตนุ คุณก็ต้องดูจันทร์เจ้าเรือนตนุราศีกรกฏด้วย แต่ถ้าคุณกำลังดู พฤหัส มหาอุจ คุณต้องดูที่เรือน อริ และศุภะ หากจะดูศุกร์ราชาโชค ก็ต้องดูที่เรือนพันธุและลาภะ นี่ดูในฐานะเป็นเจ้าเรือน หากในฐานะที่เป็นดาว ยังต้องดูมากกว่านั้นอีก คุณเพิ่งเรียนอาจจะยังไม่เข้าใจ โดยเฉพาะที่ถามว่า พุธเป็นเกษตร เรือนวินาสน์เป็นอย่างไร ไว้มีหนังสือแล้วไปเปิดดูเองก็ได้ แต่ในเมื่อไม่ได้ดูดาวดวงอื่นๆด้วย ก็ฟังได้แค่เรื่องทั่วๆไป อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เวลาดูดวงชะตาเราต้องดูพร้อมกัน ทั้ง 10 ดาว 12 เรือน 12 ราศี เวลาจะไปถามใครที่เขารู้จริงเขาก็จะตอบได้ เพราะต้องดูองคประกอบพร้อมกันทั้งดวงชะตา

เวลาดูดาวในราศีหนึ่งๆเราต้องตั้งคำถามอย่างน้อยสองคำถาม คือ ดีอย่างไร และเป็นคุณแก่ดวงชะตาหรือไม่ ดีอย่างไร อย่างเช่น พฤหัส คือ คุณธรรมเป็นมหาอุจ ศุกร์ คือศิลปและความงามเป็นราชาโชค เมื่อกุมลัคน์เรือนตนุ พอจะทายได้ว่า “เจ้าชะตามีคุณธรรมสูงดี และมีนิสัยความรู้ทางศิลปะ” เป็นคุณแก่ดวงชะตาหรือไม่ อันนี้แหละเรื่องเยอะที่ต้องไปดูเจ้าเรือน และความสัมพันธ์กับดาวดวงอื่น เรือนอื่น เพราะ การที่มีดาวดูว่ามีตำแหน่งดี อาจเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ดวงชะตาก็ได้ เช่นเมื่อหลายปีก่อน มีเด็กสาวคนหนึ่ง เป็นดาวเด่นของโรงเรียนหน้าตาสวยมาก แต่ถูกนักเรียนหนุ่มอีกโรงเรียนหนึ่งยิงตาย เพียงเพราะพยายามเข้ามาจีบแล้วเธอไม่สนใจ เพราะมุ่งแต่การเรียนเท่านั้น และในทางกลับกัน ดาวที่มีตำแหน่งมาตรฐานเสีย หรือดูไม่ดี ก็อาจจะให้คุณต่อชะตาก็ได้ เช่น นักมวยที่เจ็บตัวจึงจะได้ หลายร้อยล้าน หากคิดจะเป็นนักโหราศาสตร์ ก็ต้องหัดคิดให้เป็นเหตุเป็นผลให้มากเข้าไว้


วรกุล - 30 มิถุนายน พ.ศ.2548 16:51น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 31
ตอบ 29 คุณเอกชัย..........อยากให้คุณเอกชัยช่วยดู ความเห็นที่ 6 (133140) ข้างบนหน่อยนะครับ ผมตอบเอาไว้แล้ว เวลาดาวโคจรไปจะเป็นดาวธรรมดาๆ ไม่ได้ทำงานเป็นตนุลัคน์ หรือ เจ้าเรือนอะไร จนกว่าดวงชะตาจะพร้อมให้มันทำหน้าที่ ดังนั้น แม้มันจะเป็นอุจ เป็นนิจ เป็นประอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับดวงชะตา มันอาจมาแล้วก็ไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ แต่เมื่อมันทำหน้าที่ของมัน ความเป็นอุจนิจประเกษตรต่างๆ จึงมีผลต่อดวงชะตา แต่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะขึ้นอยู่กับพื้นดวงชะตาเดิมสำคัญกว่ามาก อย่างที่ยกมาผิด พฤหัสนั้นเป็นอุจในกรกฏ เป็นประในกันย์และมิถุนนะครับ กำลังที่ทำหน้าที่เป็นตนุลัคน์นั้น หมายถึงกำลังการทำหน้าที่ได้เต็มที่ หรือไม่เต็มที่ ไม่ได้หมายความว่า ตัวเจ้าชะตาจะกลับเป็นอุจ หรือกลายเป็น ประ นิจ เหมือนที่เราอ่านในดวงเดิม หากเรียนโหราศาสตร์อาทิตย์เดียวก็อย่าเพิ่งจับดาวจรเลยครับ ต้องเรียนสัก 6 เดือนขึ้นไปก่อน หรือพ้นขั้นกลางไปแล้ว จะช่วยให้เข้าใจดีขึ้น


วรกุล - 1 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:53น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 32
สมัยก่อนตอนเรียนประวัติศาสตร์ถึงตอนสงครามโลก ผมมักจะข้องใจเรื่อง “ยุทธศาสตร์” ทางทหารทุกที ยังจำได้ว่าติดใจช่องแคบ ยิบรอลต้า ที่หนังสงครามชอบเอามาสร้างอยู่หลายหน เป็นช่องแคบที่เข้าสู่ ทะเลปิด ภายใน ดังนั้น ฝ่ายหนึ่งจะขนปืนใหญ่มาตั้งเป็นป้อมปืนคุมช่องแคบไว้ คอยดักยิง เรือรบฝ่ายตรงข้ามที่จะผ่านเข้ามา ช่องแคบนี้จึงกลายเป็นตำนานการรบใหญ่ที่ดุเดือดอยู่หลายสิบครั้ง แบบนี้แหละที่เรียกว่าจุดยุทธศาสตร์ คือเป็นจุดที่กุมชะตาชีวิต สงครามที่สามารถพลิกผลแพ้ชนะกันได้

พอนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ก็นึกถึงลัคนา ลัคนานั้นสำคัญที่สุดในดวงชะตา พวกเราไม่เห็นความสำคัญเพราะหาลัคนาง่าย หมุนแผ่นหมุนเดี๋ยวเดียวก็รู้ บางทีก็ทำนายทั้งๆยังไม่วางลัคนาเลยก็มี เหตุเพราะเราไม่เข้าใจลัคนานั่นเอง มีข้อมูลเพียงแต่ว่า ลัคนาเป็นปัจจัยคล้ายดาวดวงหนึ่ง แต่อยากเพิ่มเติมว่า ลัคนาเป็นจุดสำคัญที่กุมชะตาชีวิต และชะตากรรมส่วนใหญ่ของเจ้าชะตา เหมือนจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่บอกมาตอนต้น

ดวงชะตาของเราที่เห็นนั้น หลายคนเข้าใจว่า เวลาดาวโคจรมาบนท้องฟ้าแล้ว จะมาส่งผลอิทธิพลต่อดาวบนดวงชะตาโดยตรง เหมือนเวลาเราเขียนเลขดาวจรลงบนขอบนอกของราศี จะเห็นดาวจรทับดาวเดิม จึงเอาไปทายได้ทันที นี่เป็นความเข้าใจผิด เพราะไม่รู้โครงสร้างจริงๆของดวงชะตา โครงสร้างจักรราศีของโหราศาสตร์ไทยนั้น มีลักษณะเชิงเส้น เหมือนเส้นเชือกที่พันรอบอ่างวงกลม เมื่อใช้ราศีแทนเรือนชะตาหรือซ้อนทับกับเรือน เรือนชะตาจึงเป็นเชิงเส้นไปด้วย เริ่มต้นนับจากเรือนที่ 1 ไปจนถึงเรือนที่ 12 จุดเริ่มของเรือนชะตาอยู่ที่ลัคนา ธาตุทั้งหลายที่จะเข้าสู่ดวงชะตา ทุกอย่างต้องผ่านเข้าทางลัคนาก่อน แล้วจึงหมุนวนมาสถิตที่เรือนและราศี ดังนั้น ลัคนาจึงเป็นทางผ่านของธาตุและความดีร้ายทั้งสิ้นทั้งปวงที่จะเข้าสู่ดวงชะตา

ราศีของโหราศาสตร์ไทยเราเรียกว่า “จักรราศี” คำว่า จักร หมายถึงการหมุนวนเป็นวงกลม ต่างกับยาตรา ที่หมายถึงการเคลื่อนที่ไป ที่มีคนเอาคำว่าจักร ไปใช้เป็น ตรียางคจักร หรือ นวางคจักร จึงไม่ค่อยถูกต้อง สมัยก่อนเขาเรียกเพียงว่าเป็น ดวงนวางค์ ดวงตรียางค์เท่านั้น เพราะคำว่า จักร มีความหมายพิเศษอย่างหนึ่งในดวงชะตา จักรราศี หรือ ราศีจักร หมายถึงการหมุนวนไปตามราศี หรือ ราศีที่หมุนวนรอบ

พวกเราเคยเห็นห่วงยางเล่นน้ำของเด็กไหม ที่เป็นพลาสติกลายสวยๆกลมๆ รูปร่างเหมือนโดนัท มีจุกเล็กๆเป็นลิ้นสำหรับเป่าลมอยู่ที่หนึ่ง เมื่อเราเป่าลมเข้าทางจุกนี้ ลมจะเข้าไปอยู่ในห่วงยางทำให้พองขึ้นทั้งวง ดวงชะตาของเราก็คล้ายกับห่วงยางนี้ ลัคนาก็เหมือนจุกที่เป่าลม ต่างกันตรงที่ว่า เมื่อเราเป่าลม คือธาตุต่างๆที่เกิดจากจักรวาลเข้าไปทางลัคนา ธาตุมันจะเคลื่อนหมุนวนทวนเข็มนาฬิกาจากเรือนที่ 1 ไปจนถึงเรือนที่ 12 ทุกครั้ง ธาตุจะไม่มีทางอื่นเข้าสู่ดวงชะตา หากไม่ผ่านเข้าทางลัคนา เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะไปหยุดสถิตอยู่ในราศีต่างๆ เหมือนถูกโปรแกรมไว้ก่อน ผู้ที่ทำหน้าที่บ่งชี้ให้ว่าธาตุใดไปสถิตที่ใด มีคุณสมบัติอย่างใดก็คือลัคนา ลัคนาจึงไม่เพียงเป็นปัจจัยสำคัญคล้ายดาว แต่มันยังเป็นผู้ควบคุมดูแลระบบของดวงชะตาทั้งดวงด้วย

ดังนั้น ลัคนาจึงเหมือนผู้ที่คุมอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นผู้ดูและกลั่นกรองสิ่งที่จะเข้าสู่ดวงชะตา หากมีดาวมากุมลัคนา ดาวกุมลัคนาจึงเป็นดาวสำคัญไปด้วย เพราะมาอยู่ตรงจุดยุทธศาสตร์พอดี เมื่อมีธาตุผ่านลัคนา ก็จะผ่านดาวที่กุมลัคนาด้วยเสมอ ดาวกุมลัคนาจึงมีบทบาทสำคัญ และมีอิทธิพลต่อธาตุทั้งหลายที่วิ่งผ่านลัคนาไปด้วย เหตุที่ดาวกุมลัคนา มีผลต่อเรื่องราวมาก เพราะเป็นดาวที่มากุมจุดเจ้าชะตาที่สำคัญ เวลาเราอ่านเรือน อ่านดาว เมื่ออ่านถึงตนุ อันเป็นตำแหน่งของลัคนา ถ้ามีดาวบอก “ดี” หรือ “ไม่ดี” ก็จะเติมไปในเรื่องราวด้วย ดังนั้น หากดาวที่กุมลัคนาเป็นดาวร้ายๆ ก็จะทำให้ดวงชะตาที่แสดงผลดีไม่อาจแสดงผลดีได้เต็มที่ หรือหากดาวที่กุมลัคนาเป็นดาวที่ดีๆให้คุณ แม้ดวงชะตาจะร้าย ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ ทั้งในจังหวะดาวเดิม และดาวจร แต่ถ้าไม่มีดาวกุมลัคนาเลย จึงจะดูลัคนา ไปตามธาตุเจ้าเรือนเกษตรเดิม ดังนั้น การที่บางคนดูดาวเพียงบางเรือนบางราศี ทำนายได้ว่าเจ้าชะตาจะดี หรือ ร้าย โดยไม่หันไปมองที่ลัคนาเลย ก็เหมือนไม่รู้หลักการทำนายดวงชะตา โหรทุกคนจึงต้องหันไปมองลัคนาอยู่เสมอ ไม่ว่าดูดวงเดิมหรือดวงจร พอไม่มีลัคนาบางทีจะอึดอัด เพราะดูอะไรลำบาก

ในบรรดาดวงชะตาทั้งหลาย เราจะเห็นว่าบางทีดาวอยู่ในเรือนและราศีเหมือนๆกัน หรือลัคนาก็อยู่ราศีเดียวกันอีกด้วย แต่ชะตาชีวิตแตกต่างจากกันอย่างมากมาย โหรมักจะเพ่งเล็งที่ดาวกุมลัคนา เพราะดาวเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญ ชิงทำงานก่อน หรือชิงกำหนดเหตุการณ์ก่อน จึงบางทีทำให้ทำนายผิดได้ ลักษณะนี้เป็นได้ทั้งดาวเดิมและดาวจร ขอให้พึงตั้งข้อสังเกตและระวังเอาไว้


วรกุล - 1 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:54น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 33
ขอบคุณมากค่ะ ในคำตอบ ทำให้รู้ว่าหนังสือที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่ละเอียดเลย

คงจะต้องหาวิถีทางใหม่ ถ้ารักศาสตร์นี้จริง ๆ อย่างไรก็ตามชอบวิธีตอบของคุณวรกุลมากค่ะ จะติดตามเสมอ แม้จะไม่มีคำถามก็ตามค่ะ


พิมพ์ธนา - 1 กรกฎาคม พ.ศ.2548 14:28น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 34
ขอเรียนถามอาจารย์วรกุลเรื่องดวงนวางค์ครับ

ดวงนวางค์นั้นมีความสำคัญอย่างไรและจะใช้มันในแง่ไหนครับ สมมุติว่าดาวราหูในดวงราศีจักรอยู่เมษได้ตำแหน่งเทวีโชค แต่ในดวงนวางค์กลับอยู่ที่ราศีพิจิกได้ตำแหน่งอุจจ์ หากเราจะทำนายคุณภาพของดาวราหูควรใช้ตำแหน่งในราศีจักรหรือว่าตำแหน่งในนวางค์ดีครับ หรอว่าต้องยึดเอาตำแหน่งในดวงนวางค์เป็นสำคัญ คุณภาพของดาวในดวงราศีจักรจะเป็นอย่างไรไม่ต้องไปสนใจ ดวงนวางค์ได้คุณภาพเช่นไรก็เอาตามนั้น อย่างนี้ถูกไหมครับ


เอกชัย - 2 กรกฎาคม พ.ศ.2548 01:11น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 35
ตอบ 34 คุณเอกชัย.........ดวงนวางค์นั้นตอบหลายครั้งแล้วว่ามีความสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้เป็น หากใช้ไม่เป็นก็จะไม่ได้อะไร การที่ใช้ดวงนวางค์เป็นนั้นก็ต้องมีคนบอกให้ ที่สอนๆกันอยู่เป็นเพียงเบื้องต้นพื้นๆเท่านั้น ดาวที่มีตำแหน่งในราศีจักรเป็นอย่างหนึ่ง และในดวงนวางค์เป็นอีกอย่างหนึ่ง ก็ต้องยึดในราศีเป็นหลักไว้ก่อน เปรียบเหมือนดาวในราศีเป็นผ้าสีเขียว แต่ในนวางค์เป็นเหมือนจุดสีแดง ก็คือจุดแดงบนผ้าสีเขียว ไม่ได้ทำให้ผ้านั้นกลายเป็นสีแดงไปหมดทั้งผืน หรือกลายเป็นเขียวอมแดง สังเกตุคุณเอกชัยถามคำถามมาหลายครั้งโดยไม่ได้อ่านกระทู้ที่ผ่านๆมาเลย ลองเสียเวลาอ่านคำถามที่ผู้อื่นเคยถามไว้ให้หมดก่อนจะได้ความรู้มากขึ้นนะครับ คำถามที่คุณถามทั้งหมด บางอันผมตอบมาหลายเที่ยวแล้วครับ


วรกุล - 3 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:37น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 36
ขอเรียนถามอาจารย์วรกุลค่ะเรื่องเรือนปัตนิว่ามีดาวสามดวงจะต้องแต่งงานบ่อยหรือไม่

คือเวลาไปดูดวงท่าน ๆ ต่าง ๆ จะบอกว่าให้เลือกให้ดี เรือนปัตนิ ของดิฉันอยู่ ราศี มังกร มี ดวงดาว 1+ 3 4 อยู่ ลัคนาราศีกรกฎ มี ดาว 5 9 กุมลัค ดาว 7(8) ราศีสิงห์ ดาว2 ราศีกันย์ (เป็นตนุลัคน์) ดาว 0 ราศีตุลย์ ดาว 6 ราศีพฤศจิกเกิดวันเสาร์คือ มิได้จะมีเจตนาจะให้ ท่าน อ. ดูดวง ให้นะค่ะ (ต้องขอแสดงเจตนาว่าดิฉันกำลังศึกษา เรือนนี้อยู่ จึงเกิด ความ สงสัย) ตามคำถามด้านบนจริง ไหมค่ะ และ ดาว 3 ดวงในเรือน ปัตนิดาวไหนให้คุณมากหรือน้อยต่างกันอย่างไรค่ะ (เกิด 20 ม.ค. 2522 เวลา 16.18 น. กทม. )

ดิฉันได้ถามหลาย ๆ ท่านนะค่ะ ท่านหนึ่งแนะนำว่าคำถามนี้ให้มาสอบถามขอความรู้จาก ท่านอาจารย์วรกุล ค่ะ


บัวขาว - 3 กรกฎาคม พ.ศ.2548 12:21น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 37
ตอบ 36 คุณบัวขาว.........ดอกบัวสีขาวนี่บังเอิญเป็นดอกไม้ประจำใจผมเลย ดูแล้วสงบเป็นสมาธิดี ถามปัญหาดวงชะตาไม่เป็นไรครับ เหตุที่ไม่ใคร่อยากจะพยากรณ์ เพราะ กระทู้ท่านอาจารย์ศุภกรก็ทำนายดีอยู่แล้ว และยังติดตามถามปัญหาฟรีได้อีกไม่รู้จบตลอดกาล หาที่ไหนไม่มีในโลกนี้ หากถามเป็นปัญหาโหราศาสตร์ในกระทู้นี้ ท่านอื่นที่เลือกอ่านกระทู้จะได้ประโยชน์ด้วย ไม่ใช่เป็นประโยชน์แต่เฉพาะตัว แต่คนใหม่ๆมาอาจจะฟังขัดหูหน่อย เพราะผมไม่ชอบตอบเหมือนคนอื่น ตอบแล้วอยากให้รู้ ไม่อยากให้อ่านแล้วยังโง่อยู่

เราต้องเข้าใจเสียใหม่ว่า การที่มีดาวหลายดวงในเรือนใดเรือนหนึ่งไม่ได้เกี่ยวกับจำนวนเลย ดังนั้น แม้คุณจะมีดาว 3 ดวง หรือ 10 ดวง ในเรือนปัตนิ ก็ไม่ใช่แต่งงานบ่อย หรือมีคู่เยอะ นั่นแหละทำให้คนที่เรียน เรียนแล้วไม่รู้เรื่อง เมื่อหลายปีก่อน มีดาวชุมนุมอยู่ราศีพฤษภตั้ง 7 – 8 ดวง ถ้างั้น คนที่ลัคนาราศีพิจิกตอนนั้น ก็มีคู่ตั้ง 7- 8 คนงั้นหรือ ดาวที่อยู่ในเรือนต่างๆก็เหมือนหลอดสีที่เด็กๆใช้เรียนวาดเขียน ดาวหนึ่งก็สีหนึ่ง เวลามันอยู่ในราศี มันก็บีบสีออกมาเรื่อยๆ ถ้าอยู่ตัวคนเดียว สีมันก็ละลายเข้าไปกับราศี แต่ถ้าอยู่หลายดวง สีมันก็ละลายเข้ากับราศีเหมือนๆกัน และเข้าผสมกับสีอื่นๆที่อยู่ด้วยกัน สีที่ผสมแล้ว จะเป็นสีเน่า หรือ สีสวยงามก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง บางครั้งอาจจะเป็นลวดลายสีรุ้งสวยงาม 7- 8 สีก็ได้ ดังนั้น คุณก็จะเหมือนกับคนที่มีดาวดวงเดียว หรือไม่มีดาว เขาอาจจะได้ผ้าพื้นสีเดียวผืนเดียว แต่คุณได้ผ้าลายดอกไม้หลายสีผืนเดียวเหมือนกัน ไม่มีใครดีเลวกว่าใคร หรือใครมีมากกว่าใคร เพียงแต่หากสีที่มารวมด้วยกัน ถ้าเป็นสีที่ขัดกัน ลายดอกก็ออกมาไม่เป็นศิลปะที่ดี เหมือนเด็กวาดรูปไม่เป็นเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นผ้าผืนเดียวอยู่นั่นเอง

การที่ดาวใด ให้คุณมากน้อยแค่ไหน ขอให้ขึ้นไปอ่านความเห็นที่ 30 (145054) ด้วย ดาวแต่ละดาวยังทำหน้าที่อยู่หลายอย่าง เหมือนเราทำหน้าที่ลูก ของพ่อแม่ เป็นนักศึกษา เป็นนักกีฬา ไม่เหมือนกัน เมื่อเราเล่นเทนนิสไม่ดี ไม่เก่ง แต่เราอาจเป็นลูกที่ดี เรียนหนังสือเก่งก็ได้ ไม่ใช่ว่าอะไรเลวหรือดี ก็จะเลวหรือดีเหมือนกันไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นที่ถามว่า ดาวอะไรให้คุณมากน้อยต่างกันอย่างไร จึงเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม เพราะดาวทุกดวงที่เราเห็นๆนั้น มีคุณและโทษทุกดวงไป สุดแต่ว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ เราต้องไปอ่านดวงอ่านดาวเสียก่อนว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร และอ่านจากแง่มุมใด อย่างเช่น ดาว ๑ ๓ ๔ ในเรือนปัตนิของคุณ เมื่อมองในภาพรวมของผ้าทั้งผืน อาจจะแสดงว่า คู่ของคุณเป็นคนชอบสะสมของเก่าใช้แล้ว (จาก ๑ มี ๗๘ ใน กดุมภะ ราศีสิงห์) ชอบเก็บตัว ไม่ชอบสังคม ( จาก๒ ตนุ -- >๔ สหัชชะ – วินาสน์) และก็ชอบทำงานสร้างสรรค์ (จาก ๓ กัมมะ – ปุตตะ) นี่เป็นคุณสมบัติในตัวคนคนเดียว ไม่ใช่คน 3 คน

การที่คุณมี ดาวหลายดวงในเรือนปัตนิ เมื่อมองในแง่มุมเอกเทศ ก็หมายความว่ามีคนมาเยี่ยมประตูเรือนปัตนิเยอะ หัวกะไดไม่แห้ง มีคนมาสนใจคุณบ่อยๆ เพราะคุณมีเสน่ห์ แต่ไม่จำเป็นว่าคุณต้องไปแต่งงานกับแขกที่มาเยี่ยมทุกคนไปใช่ไหม ตรงกันข้าม คุณจะเลือกใคร เสป็คจะกลับเยอะกว่าคนอื่นเขา เป็นเหตุให้เลือกไม่ค่อยได้ บางคนอาจจะโดนไล่ กลับไปด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เคยด่าใคร (โดยไม่จำเป็น) นะ ปกติคุณจะพูดเพราะๆ แต่กระชับดี ตรงเป้าหมาย ทั้งหมดนี้อ่านจากดวงชะตาในหลายแง่มุมดาว จะอ่านได้ไม่รู้จบ


วรกุล - 4 กรกฎาคม พ.ศ.2548 08:35น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 38
เรียนถามท่านอาจารย์วรกุลครับ การที่ครูบาอาจารย์บางท่านบอกไว้ว่า ดาวใดก็ตามในราศีจักรหากใด้ตำแหน่งเทวีโชคและจุลโชค มักจะไม่ให้คุณกับดวงชะตานั้นๆ กลับเป็นโทษต่อดวงชะตาเสียอีก ตรงนี้อาจารย์วรกุลมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ และทำไมจึงเป็นเช่นนั้น


x-men - 4 กรกฎาคม พ.ศ.2548 14:36น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 40
สวัสดีค่ะอ.หนูอ่านในเว็บpayakornเห็นมีคนแนะนำให้เข้ามาปรึกษาอ.หนูขอรบกวนอ.ช่วยดูว่าดวงหนูถ้าไปเรียนเป็นเชฟจะมีโอกาสรุ่งมั๊ยค่ะ หนูกำลังค้นหาตัวเองอยู่เพราะหนูเรียนหลายอย่างมาก แต่ละอย่างก้อคิดว่าเราชอบแต่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง หนูเกิด 29 มกราคม 2511 เวลา06.00น.เช้า กทม. อยากรู้เรื่องคู่ด้วยเมื่อไรจะเจอค่ะที่คบมามีแต่รุ่นน้องทั้งนั้นไม่เวิ์รค


chef - 4 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:47น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 39
สวัสดีค่ะอ.หนูอ่านในเว็บpayakornเห็นมีคนแนะนำให้เข้ามาปรึกษาอ.หนูขอรบกวนอ.ช่วยดูว่าดวงหนูถ้าไปเรียนเป็นเชฟจะมีโอกาสรุ่งมั๊ยค่ะ หนูกำลังค้นหาตัวเองอยู่เพราะหนูเรียนหลายอย่างมาก แต่ละอย่างก้อคิดว่าเราชอบแต่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง หนูเกิด 29 มกราคม 2511 เวลา06.00น.เช้า กทม. อยากรู้เรื่องคู่ด้วยเมื่อไรจะเจอค่ะที่คบมามีแต่รุ่นน้องทั้งนั้นไม่เวิ์รค


chef - 4 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:47น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 41
ตอบ 39 คุณ x-men...........ถ้าอ่านกระทู้มาตลอดจะรู้ว่าผมไม่สนับสนุนให้ใครยึดเอาตำแหน่งดาวที่เรียกว่า “ดวงมาตรฐาน” เลย เหตุผลก็เพราะบางเรื่องเป็นความเท็จ ที่พยายามจะอ้างว่าเป็นของเก่าโบราณแล้วตั้งชื่อให้ดูแล้วเป็นของเก่า บางเรื่องก็เป็นข้อสังเกตุ มติ ของคนทั่วไปที่คิดเอาว่า ดาวเช่นนั้น เช่นนี้ น่าจะมีความสำคัญแปลกใหม่ขึ้นมา คนที่รู้ต้นตอมองทีเดียวก็ออกว่าผิดตรงไหน เหตุเพราะผู้ที่แต่งขึ้นนั้นไม่เข้าใจเหตุผลแท้จริงที่เป็นโครงสร้างของดวงชะตา และจักรราศี ครูโหรท่านจึงต้องสงวนไว้เป็นความลับ เพราะหากขาดความรู้เช่นนั้นแล้ว วิชาทั้งหลายก็จะถูกแต่งแก้ให้เพี้ยนไปด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้ ที่มีอยู่มากทุกยุคทุกสมัย แล้วต่อไปโหราศาสตร์ไทยก็จะสูญ โดยไม่มีผู้ใดรู้ความจริงอีก

ดาวที่มีมาตรฐานในจักราศรีจริง มีเพียง อุจ เกษตร นิจ ประ เท่านั้น มหาจักร เป็นมาตรฐานที่เกิดจากการคำนวณปัจจัยสำคัญบางอย่าง ราชาโชค เป็นมาตรฐานที่เกิดจากโลกหมุน องคเกณฑ์ และ พินทุบาทว์เกิดจากดาว และราศี และมีพินทุบาทว์อย่างเดียว ไม่ใช่มีหลายแบบตามที่แต่งกันขึ้นมา และดาวราศีตรงข้ามมหาจักร ก็ไม่ได้มีความหมายเหมือนประ นิจ ที่ตรงข้ามเกษตร อุจ เพราะที่มาของมหาจักรไม่ได้เกิดจากดาวสถิตในราศี ดาวเกณฑ์หลายอย่างเกิดจาก เงื่อนไขของดาวอื่นด้วย ไม่ใช่ดาวดวงเดียว หากไม่มีดาวเช่นนั้นก็ไม่เข้าเกณฑ์ คล้ายกับคุณเป็น ผู้ใหญ่บ้าน เมื่ออยู่ในหมู่บ้าน ไม่ใช่อยู่ในโรงเรียน หรือ เป็นศุนย์หน้าฟุตบอลเมื่ออยู่ในทีมฟุตบอล ไม่ใช่อยู่ในภัตตาคาร พ้นจากนี้แล้วตำแหน่งดาวที่สถิตในราศี ต้องพิจารณา จาก องคประกอบ และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อมันเท่านั้น

ดาวที่เรียกว่ามาตรฐานหลายอย่างเป็นของมาร เหมือนดอกไม้สวย มีกลิ่นหอม มาหลอกล่อไว้ ไม่ให้เราเดินไปสู่จุดหมายปลายทางในทางโหราศาสตร์ ใครสลัดทิ้งได้ จะเรียนก้าวหน้าได้ดียิ่งขึ้น


วรกุล - 5 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:45น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 42
เรียนถาม อ.วรกุล ค่ะ

อยากทราบว่า ถ้าดาวอาทิตย์ และ ดาวจันทร์ อยู่ร่วมกันในเรือนครู (คือเรือนพฤหัส) จะทำให้แต่งงานไม่ได้ เนื่องจากมักจะร้าย คำกล่าวนี้จริงหรือไม่คะ และพอจะแก้ไขได้หรือไม่คะ


นะคะ - 5 กรกฎาคม พ.ศ.2548 09:17น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 43
ท่านอาจารย์วรกุลคิดอย่างไรกับเรื่องที่มีโหรดังท่านนึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์การวางดวงเมืองของโหรยุคโบราณว่าวางดวงเมืองไม่รอบคอบ ไม่ปราณีตเรียบร้อย เพราะหากเป็นเขาเขาจะวางให้ดวงเมืองอยู่ราศีอื่นที่ไม่ใช่ราศีเมษ และจะทำให้ชะตาบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมากกว่าที่เป็นอยู่นี้หลายเท่า

อยากทราบความเห็นเท่านั้นครับ ไม่ได้มีเจตนาสร้างความร้าวฉานกับใครใดใดทั้งสิ้น เพราะเท่าที่ทราบมาโหรราจารย์ที่ทำการวางดวงเมืองนั้นต้องรอฤกษ์ถึง 3-4 ปีกว่าจะวางได้ไม่ใช่หรือครับ


เอนก สุวรรณ - 5 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:01น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 44
ตอบ 40 คุณ chef........ที่เขาแนะนำมาคงจะให้ไปถามทางอาจารย์ศุภกรมั้งครับ กระทู้นั้นจึงรับพยากรณ์ดวงชะตา กระทู้นี้เอาไว้คุยปัญหาโหราศาสตร์ แต่ผูกดวงคุณดูแล้วรู้สึกถูกชะตา เพราะเป็นคนซื่อๆ ดื้อๆ บางทีก็โกงแบบเด็กๆ อุตส่าห์บอกว่าชอบไม่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรสักอย่าง ยังมาเรียนเป็นเชฟ น่าประทับใจมากจริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ ดวงคุณหาอะไรเหมาะๆเป็นอาชีพได้ยากเหมือนกัน ที่ทำได้ดีก็คือการค้าขาย ซื้อของมาขายต่อนั่นเอง ที่เรียนเป็นเชฟนั้น แม้ไม่ตรงทีเดียว แต่ก็เข้ากับดวงชะตาได้ แต่อาจจะไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร ทำเองขายเองก็ไปได้ เห็นด้วย หากทำอาหาร ทำขนม รู้จักใช้ศิลปะ ทำประดิษฐ์ประดอยตกแต่งเข้าไป ก็จะมีคนนิยมดี มีชื่อเสียง ดูเหมือนว่าทำขายส่ง ไป ฝากขาย ด้วยน่าจะดีกว่าปักหลักอยู่เฉยๆ อย่างเดียว อยากให้อดทนนิดหน่อย อีกสองปีคุณจะมือขึ้น อาจจะเปลี่ยนจากขาย อาหาร และขนม ไปขายอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง เมื่อได้แล้วอย่าขยายใหญ่มากเกินไปจะไปไม่รอด ดวงนี้มีกรรมตรงต้องเหนื่อยลำบากอยู่ตลอด และก็เบื่อง่าย ทำอะไรสองสามพักก็เบื่อแล้ว ถ้าพอไปได้แล้ว ลองจ้างลูกจ้างมาทำเบื่อแทนเรา แล้วเราดูแลจะดีกว่า ปีนี้ ปีหน้าเริ่มลุยอาชีพได้

นอกจากนั้นก็พยายามหักห้ามใจ อย่าหน้าใหญ่ใจโตช่วยใครเขามากไป คนอื่นมาหลอกบ่อย ตัวเองจะย่ำแย่ ส่วนเรื่องคู่ครอง ความรัก อย่าไปสนใจนักจะผิดหวัง ให้คิดว่าเนื้อคู่แท้มีเหมือนกันแต่เขาคงไปเกิดใหม่แล้ว หามาก็เป็นเวรเป็นกรรมเปล่าๆ รุ่นน้อง รุ่นเด็กอ่อนกว่ามากอย่าไปสนใจเลย ปลายปีนี้ หรือ ปีหน้าถ้ามีรุ่นเดียวกันใกล้เคียงกัน มาใกล้ตัว คอยช่วยเหลือบ้าง ดูเป็นคนมีเหตุมีผลหน่อย ถ้าเขาสนใจเรา ก็คนนั้นแหละ ใช้ได้เลย จะได้ช่วยกันทำมาหากิน เขาจะมาเองไม่ต้องมองหา ถ้าไม่ได้ตอนนี้ อายุ 42 จะเจออีกที ไม่รู้จะคอยไหวไหม หากไม่สำเร็จก็ช่างมันเถอะ หกสิบกว่าแล้วจะมีเงินทองสมบัติเพียงพอ ไปถือศีลปฏิบัติธรรม ไม่อดอยากแน่นอน ขออนุโมทนาล่วงหน้าด้วย


วรกุล - 5 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:32น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 45
ขอบคุณค่ะอ.ที่กรุณาช่วยผูกดวงให้ ที่อ.บอกเกี่ยวกับนิสัยหนูเป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ หนูเป็นคนตรงออกจะขวานผ่าซากแต่ปัจจุบันปรับตัวเองแล้วค่ะเพราะรู้ว่าบางครั้งคนอื่นก็รับความที่เราตรงเกินไปไม่ได้ ปรับตัวเองหลายอย่างค่ะไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยบุคลิก เมื่อก่อนจะเชิดๆ เริดๆและหยิ่งๆหลังจากปรับเปลี่ยนแล้วรู้สึกดีขึ้นสบายใจขึ้น(อาจจะเป็นเพราะเป็นลูกสาวคนเล็กด้วยมังคะ) จริงๆแล้วเรื่องเป็นเชฟหนูเคยไปดูดวงมากับอ.ท่านหนึ่งเมื่อ9ปีที่แล้วแนะนำให้หนูไปเรียนจะเป็นเชฟที่เก่งมากจนเมื่อปีที่แล้วหนูไปให้ดูก็ยังยืนยันเหมือนเดิมนอกจากนี้ยังบอกว่าหนูทำโรงเรียนกวดวิชาก็ได้ ถ้าถามใจหนูนะหนูจะเรียนเชฟนี่หนูก้ออยากเปิดสอนด้วย อีกอย่างหนูเรียนคอม.เพิ่มเติมทั้งทำเว็บไซต์หนูยังคิดว่าจะเอาไฮเทคโนโลยีนี้มาทำประโยชน์กับอาชีพเชฟเพราะหนูคบหากับหนุ่มรุ่นน้องที่กิ๊กกันอยู่นี่เค้าก็อยู่ในแวดวงไอที ไม่ทราบว่าถ้าไม่คบอย่างคนรู้ใจแต่คบเป็นเพื่อนกันเค้าจะเกื้อหนุนให้ความช่วยเหลือหนูได้รึป่าวคะ ตอนนี้หนูก็พึ่งพาอาศัยเค้าทางด้านความรู้ไอทีที่หนูไม่รู้เค้าก็ให้คำแนะนำหนูดี เรื่องปฏิบัติธรรมหนูชอบมากคิดอยู่ตลอดเลยว่าจะไปปฏิบัติที่วัดแต่แม่ชีบอกว่าถ้าคิดจะทำอยู่บ้านก็ทำได้หนูจึงถือศีล8ทุกวันพระและใส่บาตรทุกวันครูแต่กำลังหาวันเหมาะจะไปอยู่วัดซัก1สัปดาห์คิดว่าคงมีโอกาส อ.ค่ะดวงคนเราสามารถอ่านออกมาได้ขนาดนี้เลยรึค่ะอัศจรรย์จริงๆ รบกวนอ.อีกข้อค่ะถ้าหนูเรียนเป็นเชฟดวงหนูมีโอกาสจะไปทำงานต่างประเทศมั๊ยค่ะหนูอยากไปหาประสบการ์ณสัก1-2ปีหนูไปอบรมที่กรมส่งเสริมเห็นว่าอาชีพนี้เงินดีกะจะเก็บเงินไว้เป็นทุนกลับมาทำกิจการที่บ้านเรา เรื่องคู่หนูถามเพราะแม่หนูห่วงหนูอยากให้หนูออกเรือนแต่ใจหนูคิดว่าอยู่คนเดียวก็ได้ไม่แคร์อยู่แล้ว


chef - 5 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:11น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 46
เพิ่มเติมค่ะ ช่วงนี้ดาวเสาร์ย้ายใช่มั๊ยค่ะแล้วจะมีผลอะไรกับหนูมั๊ย เวลาดาวย้ายนี่จะมีผลต่อดวงชะตาของบุคคลทั่วไปทุกคนมั๊ยคะ


chef - 5 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:15น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 47
ตอบ 43 คุณนะคะ........เพิ่งบอกไปแหม่บๆในความเห็นที่ 42 ว่า ดาวที่อยู่ราศีใดต้องดูปัจจัย และองคประกอบที่มีอิทธิพลต่อมันครับ ที่คุณฟังเขาว่ามา เกิดจากนิทานชาติเวร ซึ่งคนมักแปลความกันไม่ถูก นิทานเขาบอกความสัมพันธ์ระหว่างดาวว่าจะเป็นเรื่องราวใดเท่านั้น นิทานนี้สร้างขึ้นจากบทหนึ่งในตำราโหรเก่า ว่าด้วยเรื่องความเกี่ยวพันธ์ระหว่างดาวประกอบ สำหรับคนที่เรียนดาวดวงเดียวมาก่อนแล้ว ให้รู้ว่า เมื่อดาวดวงหนึ่ง แล้วมีดวงอื่นอยู่ด้วย มันจะเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไร เหมือนกับคนเราเข้าไปอยู่ในทีม แต่คุณสมบัติอื่นๆของมันเป็นส่วนตัวจะไม่เปลี่ยนแปลง อาทิตย์ จันทร์ พฤหัส จะเป็นองคประกอบของเรื่องคู่ผัวตัวเมีย การแต่งงาน เท่านั้น ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดี เหมือนกับตำราตำน้ำพริก บอกเพียงว่าต้องมีกะปิ น้ำปลา หอม กระเทียม อะไรแบบนั้น ส่วนจะปรุงแล้วอร่อย หรือไม่อร่อย เป็นคนละเรื่อง แต่นี่ก็เพียงใช้ในตำราน้ำพริกกะปิเท่านั้น หากไปอยู่ในกลุ่มอื่น หรือมีดาว มีอย่างอื่นมาถึงด้วย อาจเปลี่ยนเรื่องเป็นแกงส้ม แกงคั่ว ได้หลายแบบ เช่นมีคนอยู่ 2 คนอาจเล่น เทนนิส แต่มีคนเพิ่ม เป็น 5 ก็เล่นบาสเก็ตบอล คนเพิ่มเป็น 11 ก็เล่นฟุตบอล ดังนั้น การไปล้อคความหมายใดไว้ล่วงหน้าจึงไม่ถูกต้อง ยิ่งดี หรือไม่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

นิทานชาติเวรอ่านสนุกดี สำหรับคนสมัยก่อนที่ไม่ใคร่จะมีอะไรให้อ่าน พระท่านยังเอาไปเทศน์กันบ่อยๆ จนทุกวันนี้ ทำให้คนนึกว่าเป็นชาติเวรชาดกก็มี ภายหลังคนเอามาลอกกันต่อๆ เลยมีนักเรียนโหรนึกว่าเป็นคัมภีร์ ทำให้เข้าใจผิดจนคุณต้องมาถามอยู่นี่ ที่จริงเป็นเพียงนิทานเปรียบเทียบช่วยจำเท่านั้นเอง นิทานสำหรับนักเรียนโหรอีกเล่ม ที่น่าสนใจกว่า คือ นิทานพาราณสี ว่าด้วยระบบดาวและธาตุในจักรวาลซึ่งยากกว่า เลยไม่มีใครลอกเอามา บัดนี้หายสาบสูญไปแล้วมั้ง นึกขึ้นได้ตรงนี้ ใครมีหนังสือเก่าของคุณปู่เก็บไว้ กรุณาช่วยค้นดูทีครับ หากมีนิทานชุดนี้ ช่วยโพสต์บอกผมหน่อย ผมขอซื้อสำเนา จะลอกเอามาโพสต์ต่ออธิบายให้ในเว็บนี้ จะได้ไม่สูญไป

ตอบ 44 คุณ อเนก สุวรรณ.........ผมฟังๆบ้างไม่ฟังบ้าง เลยไม่รู้ว่าใครพูด พูดว่าอย่างไร เรื่องดวงเมืองผมเคยเขียนมาบ้างแล้วครับ อยู่ที่ กระทู้ “คุยกันสบายๆ......(2)” ความเห็นที่ 1 อันแรกเลย ขอความกรุณาอ่านดูอีกทีครับ หากคุณอยู่ใกล้ๆโหรดังท่านนั้น พอเขาพูดจบ คุณช่วยสะกิดถามเขาหน่อยว่า “เพ่ เพ่ รู้ป่าวว่า ดวงเมืองเขาวางไว้ทำไม” ถามคำถามเดียวแค่นั้นก็พอแล้ว

ถ้าวางดวงเมืองแล้วบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ผมว่ารัฐบาลไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ ไปเปิดมหาวิทยาลัยโหราศาสตร์อย่างเดียว อย่างอื่นเลิกเรียนให้หมด วางกันแต่ดวงเมืองไปทุกจังหวัด ไม่ต้องทำมาหากินอะไร หมอดูสมัยนี้เขาคิดกันอย่างนี้ บางคน เรียนได้ เดือนเดียว ตั้งตัวเป็นอาจารย์ วางฤกษ์ผ่าตัดคลอดลูกให้ใครต่อใครเขาทั่วไปหมด จะไปยากอะไร แค่วิ่งไปซื้อหนังสือบอกฤกษ์มา วันไหนดี ก็เอามีดอีโต้ผ่าเลย ไว้เมียตัวเองท้องมั่งค่อยไปทำเหอะ เดี๋ยวนี้ หมอดูฤกษ์ รับวางฤกษ์ ตั้งศาลพระภูมิ กับ หมอดูฮวงจุ้ยจึงเฟื่องมาก เพราะดูฮวงจุ้ยแล้ว แก้โน่นนิด แก้นี่หน่อยก็จะรวย ชีวิตจะรุ่งเรือง ทำบาปเวรกรรมอะไรก็ทำไปเถอะ เดี๋ยววางฤกษ์ วางฮวยจุ้ยเอาใหม่ บาปกรรมก็หาเจ้าของไม่เจอแล้วละซี

เรื่องดวงเมืองนั้น ถ้าพูดกันเต็มๆ ถือเป็นวิชาชั้นสูงอย่างหนึ่ง เพราะประกอบด้วยวิชาฤกษ์ ธาตุ ชัยภูมิ กาลจักร จักรวาล ธรณี 6 วิชานี้มารวมกัน เฉพาะแต่ละวิชา ครูอาจารย์โหรโบราณส่วนมากยังเรียนไม่ครบเลย เหตุเพราะต้องรู้ พุทธศาสตร์ โหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ อย่างเชี่ยวชาญก่อน หากจะมาอธิบายให้ฟังหมด ก็หาคนฟังแล้วเข้าใจได้น้อยมาก

ดวงเมืองนั้นไม่ได้ดูอย่างดวงคน และเขาก็ไม่ได้วางให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ซึ่งทำไม่ได้ แต่วางโครงสร้างธาตุให้สอดคล้องกับทำเลที่ตั้ง เปิดทางให้ธาตุในกระแสภูมิไหลเวียนได้ถูกต้อง เข้าช่องนั้นให้ออกช่องนี้ไม่ติดขัด เหมือนสถาปนิกออกแบบบ้านให้ลมโกรก แดดเข้าหน้าต่าง อยู่สบาย เป็นความสบายเท่าที่ยุคสมัยของท่านที่วางดวงเมืองจะสามารถเลือกได้จำกัด เนื่องจากเวลาที่คอยให้ระบบธาตุสอดคล้องกันตามความคิดนั้น ทำได้ยาก ดังนั้น เทคนิคการวางดวงเมือง จึงต้องเสริมธาตุ และกักธาตุ เพื่อที่จะให้เป็นไปตามที่คิดไว้ เหมือนก่อนจะสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ ก็ต้องปรับพื้น อุดรูรั่วในภูเขา ถมดิน บดทับ กว่าจะสำเร็จได้ก็ร่วม 7 – 10 ปี แต่ดวงเมืองกรุงเทพฯ นั้นกระชั้น เพราะการสร้างกรุงเทพฯ ในจังหวะนั้น ดวงเมืองจำเป็นต้องสอดคล้องกับพระราชชะตา และพระราชวงศ์ด้วย โจทย์เยอะมาก และ ฤกษ์วางดวงเมือง ยกศาลหลักเมืองนั้น ต้องคำนวณล่วงหน้าเพื่อเตรียมการ ราว 5 – 7 ปี ทำได้เช่นที่เห็น โดยไม่ผิดพลาดในหลักสำคัญ ก็นับว่าเป็นยอดโหรแล้ว ใครที่คิดจะวางดวงเมืองใหม่ หรือ คิดว่าตัวเองเก่ง ลองมาให้ผมถามดูสักสองสามคำถามก็ได้ ถ้าตอบคำถามโหรหางแถวปลายโต่งอย่างผมได้ ค่อยคิดไปวางดวงเมือง

ที่น่ารู้คือดวงเมือง เป็นเทคนิคการวางแบบเขาวงกต เอาไว้ด้วย ใครเดินทางผิด หรือมาทำอะไรซี้ซั้ว จะวิบัติทุกราย ทาง โหราศาสตร์ไสยศาสตร์ ถือดวงเมืองเป็นของปลุกเสกศักดิ์สิทธิ์ เหมือนพระพุทธรูป หรือ รูปเคารพ มีพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไม่ใช่ดวงชะตาปกติคนธรรมดา ที่เอามาวิจารณ์ได้เล่นๆ ปากจะเน่ารักษาไม่หาย การดูดาวในดวงเมืองก็ต้องรู้วิธีดู ไม่ใช่ดูแบบดวงคนธรรมดา หรือดาวธรรมดา แต่ดูแบบมีเงื่อนไข อ่านอย่างเล่นๆ พุธ นิจประ ในราศีมีน เป็นวินาสน์แก่ลัคนาราศีเมษนั้น โหรวางไว้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะ ชะตาเมืองไทย เมื่อต้นรัชสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น จะเกิดศึกสงครามใหญ่ เช่น สงครามเก้าทัพ ที่เกิดจริง จากเหนือจรดใต้ พุธ - อริ เมื่ออยู่เรือนพฤหัส – ตะวันตก คือศัตรูที่มาจากทางทิศตะวันตก หมายถึง พม่า ศุกร์คือ เหนือ พุธ คือใต้ หมายถึงทิศตะวันตกจากเหนือจรดใต้ เป็นแนวป้องกันยาวเหยียด เมื่อมาเป็นอริ ก็จะวินาสน์ ลองดูพม่า หลังจากมาตีเมืองไทยครั้งสุดท้ายต่อจากนั้น แล้วบ้านเมืองประเทศชาติเป็นอย่างไร เขาวางให้กำลังของศัตรูสลายลง แล้วสะท้อนกำลังนั้นเอาความไม่ดีกลับไป แต่หากไม่มาเป็นศัตรู ก็ไม่มีอะไร การวางดาวเช่นนี้เป็นฝีมือระดับครู วางได้โดยพุธ และพฤหัสยังให้คุณได้ ต่อเงื่อนไขจำกัดอีกหลายอย่าง นับว่ามาเหนือเมฆแล้ว

ดวงเมืองแต่ละดวงมีโจทย์ไม่เหมือนกัน คนที่จะวางดวงเมืองรู้โจทย์ที่จะวางแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่ออกมาพูดง่ายๆ ก็มองภูมิความรู้ออก ไม่ต้องไปสนใจหรอก

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 40 คุณ chef.......ดวงชะตาไปต่างประเทศครับ อีกหกเจ็ดปี กิจการจะดีมากแล้ว ตอนนั้นจึงไปบ่อยๆ

หากจะไปเพื่อหาประสบการณ์ และเงินทุนตอนนี้ก็พอทำได้ แต่จะทำให้คุณทุกข์กายทุกข์ใจมาก เสาร์ที่ย้ายมากรกฏนั้น จะทำให้คุณเครียด ลำบาก ทุกข์ยาก ถ้าเข้าใจตรงนี้ การอยู่เมืองนอกตอนนี้จะแก้ดวงชะตาได้ดีเหมือนกัน มีโอกาสดีก็ลองดูครับ แต่เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วย


วรกุล - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 07:48น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 48
เรียน ท่านอาจารย์วรกุลที่นับถือ

ดิฉันได้อ่านกระทู้ถามของคุณบัวขาวเกี่ยวกับเรื่องปัตนิ และคำตอบที่ท่านได้กรุณาอธิบายไว้ ก็พอจะมองเห็นภาพตามที่ท่านได้บรรยายไว้ค่ะ แต่ด้วยความที่ยังเป็นมือใหม่หัดขับจึงอยากขอความกรุณาจากท่านเพิ่มเติมค่ะ คือท่านเคยกล่าวว่าให้เราดูเจ้าเรือนด้วยว่าเจ้าเรือนเป็นอย่างไร ซึ่งจากดวงดาวที่คุณบัวขาวบอกไว้ จะเห็นว่าดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนปัตนิ ไปลอยอยู่ในภพกดุมภะกุมกับราหู (คู่มิตร) จากคำอธิบายของท่านทำให้สามารถดูลักษณะของคู่ครองได้จากดาวลอยที่อยู่ในภพปัตนิ แล้วตามความเข้าใจของดิฉัน เราต้องดูเจ้าเรือนด้วยใช่ไหมค่ะว่าเป็นเช่นไร ไปอยู่ในภพไหน ในที่นี้อยู่ในภพกดุมภะ ก็จะอ่านได้ว่า ปัตนิ-กดุมภะ-ปัตนิ(เสาร์อยู่เรือนอาทิตย์, ภพกดุมภะ ส่วนอาทิตย์อยู่เรือนเสาร์, ภพปัตนิ แลกเรือนกัน)ก็น่าจะตีความว่าเจ้าชะตาสามารถพึ่งพาคู่ครองทางด้านการเงินได้ (ดิฉันยังอ่อนหัดเรื่องตีความหมาย หากผิดพลาดต้องขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะสั่งสอนค่ะ) ส่วนการที่เจ้าเรือนปัตนิ 7 กุม 8 (8 มาจากภพมรณะ) เช่นนี้จะตีความหมายเช่นไร

กรุณาแนะนำด้วยค่ะ


เอวิตรา - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 08:52น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 49
ขออภัยค่ะ ดิฉันขอท่านอาจารย์ช่วยแนะนำเพิ่มเติมค่ะ

ในความเข้าใจของดิฉัน ในเรื่องการอ่านเรือนสัมพันธ์กับเรือน เช่นเรื่องปัตนิ ดูดาวเจ้าเรือนปัตนิไปอยู่ที่เรือนไหน และดาวเจ้าเรือนที่ดาวปัตนิไปอยู่นั้น อยู่ที่ไหน จากนั้นก็เอาเรือนเหล่านั้นมาอ่านสัมพันธ์กัน อันนี้ดิฉันเข้าใจถูกต้องไหมค่ะ ส่วนในเรื่องการอ่านดาวก็ต้องดูเจ้าเรือนปัตนิไปลอยอยู่ในภพไหน หากมีดาวอื่นมากุมอยู่ด้วย ก็ต้องอ่านดาวนั้น ๆ สัมพันธ์กันถูกต้องไหมค่ะ แต่ทั้งนี้เราจะต้องดูเจ้าเรือนปัตนิเป็นหลัก ไม่ใช่ดาวลอยที่อยู่ในภพปัตนิ ดาวลอยเหล่านั้นเป็นแค่คุณลักษณะประกอบของคู่ครองใช่ไหมค่ะ


เอวิตรา - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 09:26น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 50
สวัสดีค่ะ

หนูมีข้อสงสัยเกี่ยวคำให้การทายดวงชะตาค่ะ หนูให้คุณศุภกรตรวจดวงชะตา(หนูเกิด 10 มีนาคม เวลา 00.48 ของวันอังคาร) ท่านว่า

พื้นดวงนับว่าเปราะ หากอยู่กับที่ถิ่นเกิด ต้องย้ายบ้าน ย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย อาจจะต้องไปถึงต่างประเทศ

คุณวรกุลอาจสงสัยว่าทำไมหนูไม่ถามกับคุณศุภกร เพราะหนูเห็นว่าคุณศุภกรมีคิวยาวดูดวงชะตายาวเหยียด ไม่อยากไปขัดจังหวะคนอื่นๆค่ะจึงต้องมารบกวนถามคุณวรกุลค่ะ

หนูเข้าใจว่า ถ้าหนูทำมาหากินอยู่ถิ่นเกิด อาจไม่ดี ต้องไปทำมาหากินอยู่ถิ่นอื่นถึงจะดี ดวงจะไม่เปราะประมาณนี้หรือเปล่าค่ะ คือถ้าไม่อยู่กับที่ดวงก็ไม่เปราะหรือเปล่า

ต้องย้ายไปเรื่อยๆ อยู่ตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย ก็เป็นจริงนะค่ะคือ หนูเกิดกรุงเทพไปเรียนอนุบาล+ประถม ที่ภาคใต้ มัธยมกลับมาเรียนกรุงเทพ มหาลัยไปเรียนที่เชียงใหม่มีความสุขมากๆ

ตอนนี้ทำงานอยู่ระยองใจไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรเเต่กลับบ้านที่กรุงเทพทุกอาทิตย์

ที่นี้นานๆเข้าถ้าหนูคิดอยากลงหลักปลักฐานไม่คิดอยากย้ายไปไหนอีก(ใจคิดอยากไปอยู่เชียงใหม่มากชะตาหนูสมพงษ์ไหมค่ะกับภาคเหนือเนี่ย)ก็ไม่ดีซิค่ะ หนูยังเคยคิดเล่นๆว่า เออหนอเหลือภาคอีสานอีกภาคก็ครบพอดี.

รบกวนคุณวรกุลหน่อยนะค่ะ


สมิต - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 11:13น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 51
สวีสดีค่ะ

ตอนนี้กลุ้มใจหลายเรื่อง หลายปัญหารุมเร้าค่ะ

ดิฉันเกิดวันอังคารที่ 4 กันยายน 2516 เวลา 17.15 น. ที่กรุงเทพฯ ค่ะ

รบกวนตรวจดูดวงชะตา เมตตาด้วยเถิดค่ะ ควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร ช่วยแนะทางออกด้วยค่ะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะท่านอาจารย์


เอฟ - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 13:49น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 52
สวัสดีค่ะ อาจารย์ศุภกร

ได้รับคำแนะนำมาจากพี่สาวให้เข้ามาในเวปนี้ เพื่อขอให้ท่านช่วยตรวจดูดวงชะตาค่ะ

ดิฉันเกิดวันที่ 3 กันยายน 2519 เวลา 10.40 น. ที่เขตบางรัก กรุงเทพฯ ตอนนี้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ แต่มีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง ไม่ทราบว่าดวงชะตาของดิฉันเหมาะกับอาชีพอะไรค่ะ หรือควรจะทำงานเป็นพนักงานแบบนี้ต่อไป อยากทราบว่าจะตั้งตัว มีหลักฐานของตัวเองได้เมื่อไหร่ ด้านความรักก็เรื่อย ๆ ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงานเมื่อไหร่ค่ะ คบกันมานานหลายปีแล้ว เลยทำให้ไม่รู้ว่าจะใช่คน ๆ นี้หรือเปล่า อยากขอท่านช่วยตรวจดูดวงชะตาให้ด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ


บี - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 15:50น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 53


ขออภัยค่ะ หนูส่งผิดกระทู้


บี - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 15:53น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 54
เรียน ท่านอาจารย์ศุภกร

ผมมีความสนใจในวิชาโหราศาสตร์มาตั้งแต่อายุ 16 และศึกษาจากตำราเอาเองมาโดยตลอด อยากกราบครูบาอาจารย์ฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนวิชาแต่เพราะอยู่ต่างจังหวัด จึงไม่มีทางไปที่ไหน แต่จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังศึกษาทบทวนอยู่ไม่ได้ทอดทิ้ง เพราะถือว่าถึงเราไม่ได้เรียนเป็นเรื่องเป็นราวแต่ก็รู้ไว้เผื่อมีประโยชน์ และด้วยใจรักในวิชาแขนงนี้จึงไม่เคยท้อใจเลย แม้เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง คิดออกบ้างไม่ออกบ้างตามเรื่องตามราว จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่าดวงผมถ้าจะยึดอาชีพหมอดูจะได้หรือไม่ และจะเริ่มได้เรียนอย่างจริงจังเมื่อใดควรหาอาจารย์ที่มีลักษณะใด จึงจะถูกโฉลกกันครับ ผมเกิด วันที่ 8 กรกฏาคม 2519 15.39 น. จันทบุรี ครับ ปัจจุบัญมีบ้านให้เช่าอยู่ต่างจังหวัด และครอบครัวประกอบอาชีพค้าขายอาหารครับ

ขอบพระคุณในความกรุณาของท่านอาจารย์ล่วงหน้าครับ


พรหมพร - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 21:53น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 55
ขอประทานอภัยอย่างสูงครับท่านอาจารย์วรกุล ผมเปิดหลายกระทู้เห็นกระทู้ข้างบน นึกว่ากระทู้ดูดวงของท่านอาจารย์ศุภกรครับ รับทราบว่าท่านอาจารย์วรกุลเน้นทางด้านวิชาการจึง เกรใจมากครับแต่ถ้าท่านอาจารย์วรกุล จะกรุณาดูดวงผมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนถามก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

ขอบพระคุณในความกรุณาของ ท่านอาจารย์วรกุล ล่วงหน้าเช่นกันครับ


พรหมพร - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2548 23:20น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 56
ขอบพระคุณอาจรย์วรกุลที่กรุณาตอบคำถามไขข้อขอ้งใจครับ ผมมีข้อสงสัยอีกประการจะเรียนถามคือ..

ท่านอาจารย์วรกุลมีความเห็นอย่างไรกับคำพูดที่ว่า บุญกุศลที่คนเราทำนั้น สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคนได้ หรือสามารถทำให้ชีวิตคนเราอยู่เหนืออิทธิพลของดวงดาวได้ เช่นเมื่อใดที่ชะตาชีวิตตกต่ำ หากเจ้าตัวมุ่งมั่นสร้างบุญกุศล หมั่นปฎิบัติธรรมนั่งสมาธิวิปัสนา บุญกุศลเหล่านี้ก็จะสามารถส่งผลให้เจ้าตัวมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น นอกเหนือความคาดหมายของโหรผู้ทำนายได้

รบกวนขอคำชี้แนะจากอาจารย์ด้วยครับ


เอนก สุวรรณ - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 01:13น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 57
ฟังอ. วรกุล พูดถึงเรื่องดวงเมืองแล้วผมเลยคิดต่อครับถ้าแนวตะวันตกมีการป้องกันจริง ผมสงสัยว่าทำไมถึงไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยของพม่ากับชาติตะวันตกที่เข้ามารุกรานเราทางฝั่งนั้นเช่นกันครับ?หรือเป็นเพราะว่าเรายอมแพ้ครับ ศัตรูเลยไม่ได้รับแรงสะท้อนกลับไป...


โกวเล้ง - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:10น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 58
ตอบ 49 50 คุณเอวิตรา...........คุณจับทางถูกแล้วครับ เข้าใจถูกหมดแล้ว ที่อ่านมานั้นเป็นการสัมพันธ์ทางเรือน และเจ้าเรือน สังเกตุว่าเรายังไม่ได้อ่าน ว่า ดาวอาทิตย์ อังคาร พุธ เสาร์ ราหูเลย การอ่านอย่างหลังนี้ เรียกว่าอ่านดาว และสัมพันธ์ทางดาว เช่น ในเรือนปัตนิ ของคุณบัวขาว มีดาว ๑ ๓ ๔ เมื่ออ่านแบบเจ้าเรือนไปแล้ว ก็มาอ่านแบบดาวบ้าง เริ่มทีละดวงก่อน เช่น ๑ – ศักดิ์ศรี ๓ – ขยัน ๔ – ความรู้ จะทายว่า คู่ครองเป็นคนรักศักดิ์ศรี เป็นคนขยัน เป็นคนมีความรู้ ก็ได้ แล้วมาลองสัมพันธ์ดาว 2 ดวงดู เช่น ๑๔ ๑๓ ๔๓ จะทายว่า เขาเป็นคนมีเหตุผล เป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนกล้าพูด ก็ได้ แล้วมาสัมพันธ์ 3 ดาวอีกที เช่น ๑๓๔ เป็นคนที่มีความรู้ความคิดเฉียบคมดี อะไรแบบนี้ เสร็จแล้วก็มาดูดาวที่ร่วมเล็ง ตรีโกณ จตุโกณถึง ดาว 3 ดวงนี้ สัมพันธ์เพิ่มไปเรื่อย ในที่สุดก็จะสัมพันธ์ดาวครบสิบดวง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ความหมายมันจะหลากหลายออกไป อาจขัดกัน หรือ เหมือนกัน เราต้องกลั่นกรองเอาความหมายที่สอดคล้องกัน ทั้งทางเรือนและดาว มาสังเคราะห์เป็นคุณสมบัติที่เป็นไปได้ ก็จะจบ เพราะเรามองคนคนเดียว ไม่ได้มองหลายคน

ในทางปฏิบัติเราไม่ต้องอ่านสัมพันธ์เรือน และดาว หนักหนาอะไรมากขนาดนั้น แต่ให้ใช้น้ำหนักที่สอดคล้องกันเลยเวลาที่อ่าน อันใดเป็นความหมายที่เข้ากันไม่ได้ ก็ละวางเสีย หรืออ่านเบาๆบางๆ เหมือนคุณ เอวิตรา จะแต่งตัวไปงานเลี้ยง เปิดตู้เสื้อผ้าดู หากจะแต่งชุดสีชมพู ก็ควรเลือก เครื่องแต่งตัวที่เข้ากัน ไปด้วยกันได้ ทั้งเสื้อ กระโปรง รองเท้า เครื่องประดับ จะมีแซมสีแปลกๆหรืออะไรนิดหน่อย ไม่เป็นจุดสำคัญ ก็พอได้บ้าง อย่างเช่นที่ถามมาว่า ๘ มรณะ มากุม ๗ ปัตนิ นั้นอยู่ในเรือนกดุมภะ ถ้าเรากำลังนึกว่าเป็นสมบัติการเงิน มรณะจะแปลว่า มรดก ของที่ตายแล้ว ของเก่า หรือ ของใช้แล้วก็ได้ อาจทำนายว่า ได้มรดกจากทางคู่ครอง เขาชอบสะสมของเก่าเป็นงานอดิเรก (๗๘ – คู่มิตร) หรือถ้าดูที่ตัวคู่ครอง เขาอาจเป็นคนต่างถิ่น (มรณะ) ก็ได้

จำไว้ว่า ความหมายทั้งหลายที่เรา หรือ ผู้อื่นทำนาย อาจจะไม่เหมือนกัน ไม่ต้องวิตกในเรื่องนี้ อ่านให้ถูกหลักไปก่อนเป็นพอ เมื่อชำนาญมากขึ้นแล้ว เราก็จะสามารถอ่านได้แนบเนียนดี และแม่นยำขึ้น ต้องอย่าแคร์ใคร ให้คิดเชื่อมั่นว่า เมื่อเราอ่านถูกตามหลักแล้ว เรามีสิทธิ์จะอ่านอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องไปอ่านตามคนอื่น

ไม่ว่าจะเป็นใคร หากแต่ควรรับฟังและคิดตามแง่มุมที่ผู้อื่นอ่านให้มากๆไว้ เพื่อเก็บเป็นความรู้

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 51 คุณสมิต..........น่าจะถามอาจารย์ศุภกรต่อนะครับ รอคิวหน่อย คนอื่นก็ไม่ช้าอะไร การที่คุณย้ายวิกมาถามผมทำให้ผมต้องผูกดวงชะตาคุณใหม่ อ่านพื้นดวงชะตาคุณใหม่รอบด้านทั้งหมด เป็นงานเยอะและซ้ำโดยไม่จำเป็นเลย คำถามเช่นนี้ ถามอาจารย์ศุภกรก็ตอบได้แล้ว เพราะคำนวณวัย อายุ และเก็บข้อมูลส่วนตัวคุณไว้หมดแล้ว ดวงคุณชะตาต้องย้ายถิ่นฐานบ่อย คือย้ายเมื่อมีเหตุที่ต้องย้าย และมีโอกาส เพราะการอยู่ที่เดิมจะทำให้ร้อนที่อยู่ พาลเป็นเหตุป่วยไม่สบาย หรือ ชีวิตไม่ก้าวหน้า ไม่สบายใจ และยังมีผลไปอีกหลายอย่างจึงเรียกว่าดวงเปราะ การไปอยู่ถิ่นอื่น ก็ไม่ใช่ต้องจ้องย้ายกันทุกเดือน แต่จะมีเหตุผลที่ต้องย้ายมาผลักดันเอง เช่นสมัครงานที่ไกลๆมักจะได้ แต่สมัครใกล้บ้านเขามักจะไม่รับ ดวงมันเป็นเช่นนั้น หากเราเข้าใจ ย้ายตามไปก็ก้าวหน้าดี เพราะถูกกับดวง ก็ไม่เรียกว่าดวงเปราะ

000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 52 คุณเอฟ.........คุณได้ถามทางอาจารย์ศุภกรโดยใช้ชื่ออื่นแล้วนี่ครับ ให้อาจารย์ศุภกรดูให้ไม่ช้าหรอกครับ มี***ู่สักหน่อย ท่านจะได้เก็บข้อมูลไว้ให้คุณถามต่อ ท่านพยากรณ์ชำนาญกว่าผมหลายเท่า ผมจะได้ตอบปัญหาทางโหราศาสตร์ในกระทู้นี้ หากถามแล้วไม่เข้าใจอะไร ก็ถามซ้ำไปอีก หรือ ค่อยมาถามผมก็ได้ครับ การพยากรณ์โดยสุริยโชติรัตน์นั้น แต่ละดวงชะตาใช้เวลามากและเป็นงานเหนื่อยหนักไม่ใช่เล่น มากกว่าการดูด้วยวิธีการทั่วไป


วรกุล - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:51น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 59
.......กระทู้นี้ยาวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เรียกขึ้นได้ช้า ผมจะตอบปัญหาเพียงเท่าที่ค้างอยู่เท่านั้น ได้เปิดกระที่ 6 ไว้แล้ว ผู้ที่ต้องการตั้งคำถามใหม่ กรุณาไปที่กระทู้ที่ 6 ครับ...


วรกุล - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 05:01น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 60
ตอบ 57 58 คุณเอนก และคุณโกวเล้ง กรุณาดูคำตอบที่กระทู้ที่ 6 ครับ ขออภัยด้วย


วรกุล - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 07:30น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 61
สวัสดีค่ะ อ บีค่ะ เพิ่งเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก บีสนใจเรื่องดวงดาวมานานแล้วค่ะ พอดีช่วงนี้ตัวเองมีปัญหาด้วยค่ะ กลุ้มใจมากไม่รุ้จะปรึกษาใครดี อยากเรีนยถาม อ เกี่ยวกะดวงชะตาตัวเองน่ะค่ะและของคนที่บีคบอยู่ปัจจุบัน บีเกิด16มกรา10เวลา17-30ราศรีกรกฏค่ะมี5กุมลัคนา146เล็ง7มรณะ2ศุภะ8กรรมะ3สหัชชะ0กดุมภะของคนที่คบเค้าเกิด10สิงหา20เวลา12-30นลัคนาตุลย์มี0กุมลัค9เล็ง3มรณะ256ศุภะ14กรรมะ4ลาภะ8วินาสศ์ค่ะเค้าเกิดที่เวียงจันทร์ค่ะ เค้ากะลังเรียน ป เอกจบปีหน้า วิศวะ บีอยากรู้ว่าบีกะเค้าจะเป็นเนื้อคุ่กันมั้ยคะช่วงนี้เค้าเปลี่ยนไปมากเลย เดือนนึงประติเราถึงเจอกันหนรึสองหนค่ะแต่ตอนนี้เค้าอ้างงานตลอดเลย บอกงานเยอะมากเลยไม่มีเวลาให้บีๆกะลังสงสัยว่าเค้าจะมีคนอื่นรึเปล่า เค้าค่อนข้างเจ้าชู้นะคะ กลุ้มใจมากค่ะ อ ช่วยแนะทางสว่างให้บีหน่อยนะคะ ถ้าเค้าไม่ใช่เนื้อคู่บีๆจะได้ทำใจค่ะ ช่วงนี้บีเองค้าขายก็ไม่ดีเหมือนก่อนทุกอย่างมันมาประดังกันหมดเลย ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว กลุ้มใจค่ะบีคิดเรื่องฆ่าตัวตายด้วยค่ะ เพราะมันตันไปหมด แต่สงสารลูกๆค่ะ (แต่ไม่ใช่ลูกเค้านะคะ)ปีนี้บี39บีรู้สึกว่าตั้งแต่อายุย่าง39มานี่มีปัญหาตลอดเลย บีคบกะเค้ามา 1 ปีพอดีค่ะ (8กค48)ที่บีคบเค้าแบบลึ้กซึ้งมาบีอยากรู้ว่าเค้ากะบีมีโอกาสที่จะกลับมาหวานชื่นกันอีกมั้ยคะ ชีวิตของบีเกิดมาจนจะ40ปีนี่บีไม่เคยตกต่ำขนาดนี้เลยนะทุกวันนี้กลุ้มใจจนอยากฆ่าตัวตายทั้งเรื่องงานค้าขายที่หยุดชงักไปหมดมาเรื่องแฟนนี่ก็มีปัญหาพยายามแล้วนะที่จะไม่คิดมากแต่ พอเห็นสื่อที่ทุกอย่างที่เค้าชอบและเคยอยู่ด้วยกันแล้วมันอดคิดถึงเค้าไม่ได้เลย จริงๆไม่คิดที่จะมีแฟนอีกนะ แต่ยังมารักเค้าอีกจนได้ บีไม่รู้ว่าจะมีเนื้อคุ่จริงๆกะเค้ามั่งมั้ยคะ ถ้ามีจะมีคนที่ใหนคะ หมายถึงต่างชาติรึคนไทยฝรั่งรึเอเซีย แล้วบีจะมีโอกาสมีความสุขสมหวังเรื่องความรักบ้างรึเปล่า อ ช่วยด้วยเถอะค่ะ ก่อนที่บีจะฟุ้งซ่านจนไม่สติตอนนี้มี7มาทับลัคนาด้วยบีเลยกลัวชีวิตบีจะหนักกว่านี้อีก ถ้าบีจะไปต่างประเทศจะโชคดีมั้ยคะ เรื่องงานค่ะ เพราะบีอยากไปทำร้านอาหารที่อังกฤษกะน้องค่ะ กราบรบกวน อ งามๆซักครั้งนะคะช่วยบีหน่อย ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ ตอบทางเมลก็ได้นะคะ อ


บี - 10 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:25น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 62
..........กระทู้นี้ปิดแล้วครับ เชิญที่กระทู้ที่ 6


วรกุล - 11 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:44น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 63
อยากทราบว่า เกิดวันที่ 4 มกราคม 2504 ตรงกับวันอะไร ปีอะไร หรือ 4 มกราคม 2505 ตรงกับวันอะไร ปีอะไรค่ ขอบคุณมากค่ะ


laor - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 13:38น. (IP: 58.11.84.110)

ความคิดเห็นที่ 64
เกิดวันที่ 3 พ.ค.2516 เวลา 1305 เกิดที่ชุมพร ช่วงนี้ดูยุ่ง ๆ ทุกเรื่อง รบกวนช่วยพยากรณ์ให้หน่อยครับ ขอบคุณมาก


เพชร - 6 กรกฎาคม พ.ศ.2550 10:09น. (IP: 61.19.220.13)

ความคิดเห็นที่ 65
ช่วยดูดวงให้คนรูปหล่ออย่างกระผมด้วยครับผมเกิดวันพุธ ประมาณ3-4โมงเย็นที่ 26พฤษภาคม 2521ลำบากหรือเกินไม่รู้เมื่อไรจะได้พบหญิงหม้าย โง่ รวยมาก ๆมาอุปการะเสียทีถ้ามีผู้สนใจติดต่อ086-7697809ด่วนมากๆขอบพระคุณที่ให้ความสนใจและอุดหนุนกระผม


นายประเสริฐ หาสุข - 21 มีนาคม พ.ศ.2551 16:00น. (IP: 124.120.100.90)