เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

คุยกันสบายๆ..........ตามประสาโหราศาสตร์ไทย ( 6 )

(..เนื่องจากกระทู้ ที่ 5 เดิมมีความยาวมาก เรียกได้ช้า จึงขอเปิดเป็นกระทู้ที่ 6 ครับ)

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อต้องการใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ในแวดวงวิชาโหราศาสตร์ไทย สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ และปรารภปัญหาที่มีอยู่ จะได้ช่วยกันอธิบายแก้ไข เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อวิชาโหราศาสตร์


วรกุล - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 2
เรียน อ.วรกุล

ที่ว่า " ดวงชะตาเมืองไทยที่แท้จริง ไม่ใช่ดวงเมืองกรุงเทพฯ นั้นมีอยู่ "

อยากทราบว่า ลัคนาของดวงชะตาเมืองไทย อยู่ที่ราศีสิงห์ องศาระหว่าง ๓ องศา ๒๑ ลิปดา ถึง ๖ องศา ๔๐ ลิปดา หรือไม่ครับ

ผมลองหาจากยามที่ตั้งเมืองกรุงเทพฯ ก็มั่วๆ ดู เลยอยากรู้ว่าผมมั่วเข้าขั้นหรือปล่าว?

นับถือ


อ่อนหัด - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 08:53น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 3
ขอโทษครับ

ดูนวางค์ผิดไปนิดนึง ขอเปลี่ยนเป็น ๖ องศา ๔๑ ลิปดา ถึง ๑๐ องศา ครับ


อ่อนหัด - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 09:02น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 4
อาจารย์ครับ ถ้าอย่างนั้นเราสามารถเอาดวงเมืองที่มีอยู่ตอนนี้(ลัคนาราศีเมษ)มาทำนายเหตุการณ์ทางภาคใต้ได้หรือไม่ครับ ว่ามันจะสงบลงเมื่อใดหรือว่าประเทศไทยเสียเลือดเนื้อเสียดินแดนไปอีกครั้ง

แล้วดวงเมืองอีกดวงที่อาจารย์กล่าวไว้ว่าอยู่ในการดูแลรักษาของเจ้าทางเหนือนั้น หากสิ้นท่านผู้นั้นไปก็ไม่มีใครรู้และหมดผู้สืบทอดต่อไปสิครับ น่าเสียดายเป็นอย่างมาก แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการโหร เช่นโหรหลวงในรั้วในวังท่านไม่ทราบไม่ได้เก็บรักษาไว้เลยหรือครับ

ที่ถามนี่เพราะความเสียดายเท่านั้นเองครับ


เอนก สุวรรณ - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 12:01น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 5
เรียนถามท่านอาจารย์วรกุล

ดิฉันอยากทราบว่าการใช้ตนุเศษตั้งขึ้นเป็นลัคนาอีกตัวหนึ่ง แล้ววางตำแหน่งเรือนใหม่ตามตนุเศษ เพื่อทำนายดวงชะตา ดิฉันไม่ทราบว่าเราจะอ่านเรือนต่าง ๆ ของตนุเศษให้สัมพันธ์กับเรือนต่าง ๆ ของลัคนาเดิมอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยค่ะ


เอวิตรา - 7 กรกฎาคม พ.ศ.2548 13:57น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 6
ตอบ 2 คุณอ่อนหัด...........ไม่ได้อ่อนหัดเลยครับ คุณเพียงแต่ทราบมา มีคนทราบเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว จึงบอกว่าลัคนาอยู่ในราศีสิงห์ และหาเหตุผลมาอธิบาย ทั้งทางโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ หลายสิบปีมาแล้ว แต่ผมไม่แน่ใจว่าวางดาวอย่างไร ดวงนั้นไม่ใช่ดวงชะตาต้นฉบับ ดวงชะตาต้นฉบับดังกล่าว เกิดจากการขับดวงชะตา ลัคนาอยู่ในราศีธนู ดังนั้นจึงมีผู้คำนวณย้อนกลับ จึงกลายมาเป็นดวงชะตาที่คาดกันอยู่ ว่าลัคนาอยู่ในราศีสิงห์ และมีผู้คำนวณย้อนวันเวลาว่าดวงชะตาเกิดขึ้นเมื่อไร วางดาวในเรือนชะตา หาองศา ลิปดา ลัคนา และยามกำเนิดได้ ซึ่งไม่แน่นอน เพราะดาวที่เกิดจากการขับดวงชะตานั้น มีเกณฑ์ในการคำนวณ หากไม่รู้เกณฑ์ หรือใช้เกณฑ์ผิด จะเป็นปัญหาในการคำนวณ

เรื่องนี้ โหราจารย์รุ่นก่อนๆ ทดลองใช้เกณฑ์แบบต่างๆทดลองดูมากแล้ว และใช้ความรู้นอกเหนือจากที่เรารู้ ยังสรุปไม่ได้ว่า ดวงชะตาได้มาจากวันเวลากำเนิดใด แต่อธิบายได้ระดับหนึ่งว่า ดาวในเรือนชะตาเป็นนามธรรม เหมือนดวงเมืองทั่วไป ไม่ใช่ตัวบุคคล เรารู้กันทั่วไปแล้วว่า ในดวงชะตาที่ขับมา จะไม่เหมือนดวงชะตาธรรมดา คือ ศุกร์ และพุธ จะไม่จำเป็นต้องเดินอยู่ในราศีใกล้เคียง อาทิตย์ คืออาจจะไปอยู่ในราศีใดก็ได้ และจะไม่มีองศา หรือ ยามเวลา แต่ใช้พยากรณ์ได้ โดยวิธีดูดวงขับชนิดนี้

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 4 คุณอเนก สุวรรณ..........ต้องแก้ที่คุณเขียนว่า ดวงชะตาอยู่ในความดูแลของเจ้าทางเหนือนั้น ผมไม่ได้บอก ผมหมายถึง trakul หรือ ตระgul ท่านผู้หนึ่ง (แต่เขียนอักษรไทยแล้ว เครื่องของเว็บจะตัดทิ้งใส่เป็นดอกจันทร์) ดวงชะตานี้เป็นโบราณวัตถุ ที่คนสมัยก่อนท่านจารึกเอาไว้ในแผ่นทองคำไว้บูชา กลายเป็นของเก่าแก่ ตกทอดมานานจากสมัยกรุงเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ น่าจะเป็นของสำนักโหรสมัยก่อนๆ สร้างทำกันขึ้นมา นับถือเป็นดวงครูอย่างหนึ่ง แต่องค์อื่นๆของสำนักอื่นไม่ทราบไปอยู่ในมือใครแล้ว เท่าที่รู้ องค์นี้มีพระคาถาภาษาบาลีกำกับอยู่ด้วย ใครๆที่รู้ดวงชะตาก็สร้างเองได้ เหมือนสร้างพระพุทธรูปใหม่ ดาวแค่เจ็ดดวง ลอกเอาไว้ได้ ไม่หายสาบสูญหรอกครับ คนอื่นๆในกรุงเทพที่รู้ก็มี

เรื่องการทำนายเหตุการณ์ทางใต้ ด้วยดวงเมืองกรุงเทพฯ ผมขอไม่พูด

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 5 คุณเอวิตรา.........การอ่านดวงชะตาจากตนุเศษ เป็นเรื่องของคนที่เรียนชั้นสูงขึ้นมาแล้ว คุณบอกว่าเพิ่งเรียน ก็อย่าเพิ่งไปใช้เลย อ่านลัคนาเดียวให้ได้ก่อนดีกว่า ตนุเศษนั้น โดยทั่วไปใช้ในการดูทางจิตใจ นิสัยใจคอ มีวิธีพลิกแพลงอยู่มากมาย แต่ไม่ใช่ใช้ได้ในทุกกรณี บางคนไปอ่านตามเขา ก็ไม่ได้ผล เพราะมันมีทริ้ก หรือความรู้บางอย่างที่ต้องตรวจสอบในการอ่าน ดังนั้น จึงยังไม่อยากยกตัวอย่างมาบอกให้คุณสับสนเล่น ตอบแล้วคุณไม่เข้าใจ ก็จะถามมาไม่รู้จบ แต่หากจะคิดว่าอยากจะรู้เบื้องต้น ลองหาหนังสืออ่านดูก็ได้ หลายตำราก็มีหลายวิธี มีวิธีหนึ่ง ที่สมัยก่อน โหรไทยรุ่นคุณปู่ เขาสอนให้นักเรียนโหรใช้ คือให้ดูดาวลอยในเรือนใด ว่าเป็นเจ้าเรือนใดมาอยู่ เช่น กดุมภะมาอยู่ในเรือนสหัชชะ หากเรือนใดไม่มีดาวลอยมาอยู่ ก็ให้ไปดูเจ้าเรือนจากตนุเศษแทน เช่น เรือนสหัชชะว่าง ก็ไปดูเจ้าเรือนสหัชชะเกษตร จากตนุเศษมาแทน ให้อ่านแค่นั้น เพื่อ ฝึกฝน แต่สมัยหลัง เราจะอ่านตามเจ้าเรือนแบบผู้ใหญ่ เลยไม่มีใครใช้วิธีนี้ นอกจากหมอดูรุ่นเก่าๆ


วรกุล - 8 กรกฎาคม พ.ศ.2548 02:48น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 7
เรียนท่านอาจารย์วรกุล

กราบขอบพระคุณในความกรุณาที่ถ่ายทอดความรู้ให้อีกครั้งค่ะ

ตอนนี้ดิฉันก็ตั้งใจศึกษาหาความรู้จากการอ่านจากตำราบ้าง อ่านจากเวปไซต์ต่าง ๆ ที่ท่านผู้มีความรู้ทางโหราศาสตร์ทั้งหลายได้กรุณาถ่ายทอดไว้เป็นวิทยาทานบ้าง โดยเฉพาะกระทู้ของท่าน ดิฉันติดตามอ่านทุกวันได้สาระความรู้ที่ไม่เคยทราบมาก่อน บางเรื่องก็เหมาะแก่ปัญญาที่มีในขณะนี้ แต่บางเรื่องก็ยังยากที่จะความเข้าใจได้ในขณะนี้ ก็จะตั้งใจศึกษาต่อไปเรื่อย ๆ คงต้องกราบขอความกรุณาเรียนถามปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่เข้าใจด้วยค่ะ


เอวิตรา - 8 กรกฎาคม พ.ศ.2548 07:55น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 8
เรียนถาม อ.วรกุล

ไม่ทราบว่า ดวงชะตาเมือง ตามที่อาจารย์ได้อธิบายไว้ในความเห็นที่ 1 นั้น เป็นดวงชะตาแบบเดียวกับที่อยู่ในพวกคัมภีร์เผด็จรามเ***ยฬ โสฬสมหานคร หรือราชมตัญ หรือไม่ครับ เพราะเคยผ่านตามาบ้าง


แบเบาะ - 8 กรกฎาคม พ.ศ.2548 08:15น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 9
ขอบคุณครับ อ.วรกุล ที่ช่วยอธิบาย

เรื่องการวางลัคนาราศีสิงห์ เป็นการทดลองย้อนหาจากดวงเมืองกรุงเทพฯ จากยาม ณ เวลานั้น แล้วจึงได้รับคำยืนยันจากเพื่อนๆ ในภายหลังว่า มีการอ่านชะตาเมืองโดยดูที่ราศีสิงห์ ด้วย ยังคงเป็นเด็ก อ่อนหัด สำหรับเรื่องนี้อยู่จริงๆ

ส่วนที่ อ.วรกุล บอกว่าดวงชะตาต้นฉบับดังกล่าว เกิดจากการขับดวงชะตา ลัคนาอยู่ในราศีธนู นั้น ผมเคยเห็นรูปดวงแบบนี้อยู่ มีดาว ๕ กุมลัคน์ ที่ราศีธนู แต่ไม่คิดว่าเป็นดวงประเทศไทย เพราะเป็นการขับดาวเข้าดวงชะตา ณ เวลาที่ตั้งหลักเมืองกรุงเทพฯ

สำหรับรูปดวงที่ขับดาวเข้าดวงชะตาแบบนี้ เคยลองขับดวง ณ เวลาที่สมเด็จพระนเรศวรเจ้า ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแกลง สามารถพยากรณ์การเสียกรุงครั้งที่สองได้ด้วย เห็นว่าแปลกดีครับ เลยมาเล่าให้ฟังบ้าง


อ่อนหัด - 8 กรกฎาคม พ.ศ.2548 08:43น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 10
ตอบ 8 คุณแบเบาะ...........ดวงชะตาในคัมภีร์ต่างๆที่คุณว่า ผมจำไม่ได้แล้วครับ และไม่ได้เก็บไว้ จึงตอบคุณไม่ได้ สมัยก่อนยังรุ่นหนุ่มอยู่ เคยลอกเก็บดวงชะตาสำคัญๆ เอาไว้เยอะ เช่นดวงเมือง ดวงบุคคลสำคัญ มาภายหลังพบว่ามี สองดวง สามดวง ไม่เหมือนกัน ของฝรั่งก็มีปลอม บางอันก็เพิ่งแต่งกันขึ้นใหม่เหมือนสร้างพระเครื่องปลอมก็มี เลยทิ้งไปหมด คนสมัยก่อนก็ชอบสร้างดวงหลอกเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะดวงพระมหากษัตริย์ หรือคนสำคัญระดับพระยา หรือเจ้าพระยา มีการสร้างหลอกเอาไว้มาก เพราะเกรงเขารู้วันเกิดจริงเอาไปทำไสยศาสตร์ ชิงดีชิงเด่นเรื่อง ยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่พอครั้นดวงหลอกตกทอดมาถึงมือเรา ก็เลยไม่มีใครรู้ พระยาบางท่านนั้น ทายาทของท่านยังไม่รู้เลย.......ยุคนี้ ก็มีปลอมครับ แต่ปลอมเพราะกลัวหมอดูชื่อดังเอามาวิจารณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์นั่นเอง000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 9 คุณ (ไม่)อ่อนหัด.........ดวงชะตาต้นฉบับ มี ลัคนาราศีธนู แต่มีดวงที่ทดลองวางและขับใหม่อยู่มาก รวมทั้งดวงที่คำนวณปรับเวลาใหม่ตามสากลด้วย อย่างที่คุณอาจจะเคยเห็นตามที่ต่างๆ และบางทีก็สับสนกับดวงเมืองกรุงเทพครับ

ที่คุณเล่าเรื่องดวงเวลาที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพ พยากรณ์การเสียกรุงได้แม่นนั้นน่าสนใจ เพราะหากเป็นเหตุการณ์ที่ชะตากรรมของประเทศ (หรือคน )แล้ว เราจะอ่านเหตุการณ์จรจากดวงหนึ่ง ไปยังอีกเหตุการณ์หนึ่งได้แม่นยำเสมอ เช่น อ่านดวงเสียกรุงครั้งที่ หนึ่ง ก็จะรู้เหตุการณ์เสียกรุงครั้งที่สอง หรือกลับกัน หรือเช่นอ่านดวงเวลาที่สมเด็จพระเจ้าตากทรงตีเมืองจันท์ หรือที่ สมเด็จพระนเรศวรทรงชนช้างชนะ ก็จะรู้ถึงประวัติไปถึงเหตุการณ์สำคัญ ในสมัยอยุธยา และอู่ทองได้ ราวกับว่าประวัติศาสตร์ชาติของเรามีจารึกล่วงหน้าเป็นเล่มสมุดไว้แล้ว เราจะเริ่มเปิดจากหน้าใดไปอ่านหน้าใด ไม่ว่าจะเปิดไปข้างหน้า หรือเปิดย้อนหลัง ก็จะอ่านได้ความเท่ากัน แต่อาจจะแคบ ไม่เท่าดวงต้นฉบับ ที่ (สมมุติ) เป็นดวงกำเนิดปประเทศ เป็นคนละเรื่องกับดวงฤกษ์ที่จงใจคำนวณเลือกขึ้นมา เช่นดวงเมืองกรุงเทพ

นี่ก็เป็นความรู้เรื่องการวางฤกษ์ด้วย เพราะการวางฤกษ์โดยฝืนชะตากรรม ก็ไม่เป็นผลดีอะไร แต่อาจกลายเป็นผลเสียด้วยซ้ำ มิฉะนั้นเราก็สามารถวางฤกษ์ให้ประเทศเอธิโอเปีย เจริญทางวัตถุ เท่ากับสหรัฐอเมริกาได้ เหมือนที่โหรดังเขาคิดจะวางดวงเมืองกรุงเทพใหม่นั่นแหละครับ รวมทั้ง ที่มีคนออกมาดูถูกดูหมิ่นครูบาอาจารย์โหราศาสตร์ไทยว่าสร้างความอัปยศ เช่น วางฤกษ์ดวงกรุงเทพฯอย่างไร ทำให้ไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และตำหนิว่า เพราะไม่มีความรู้ทางโหราศาสตร์แบบฝรั่งที่เป็นบิดา(วิชา)ของเขา


วรกุล - 9 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:11น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 11
ผมกำลังศึกษาเกี่ยวกับการจับยาม หรือกาลชะตา แล้วอ่านย้อนอดีต ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งนี้พออ่านเหตุการณ์ได้บ้างแต่ยังล๊อคเวลาที่เกิดเหตุการณ์ได้ไม่ค่อยได้

รบกวนขอคำแนะนำว่า จะหาวิธีหาเวลาที่เกิดเหตุในอดีตได้จากตำราเล่มไหน หรือใช้วิชาอะไรดูได้ครับ เพราะเห็นบางคนโม้ว่าดูอดีตชาติได้ แต่พวกนั้นไม่มีข้อพิสูจน์ จึงอยากทดสอบจากการจับยามแล้วทายอดีตในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เพราะสามารถพิสูจน์ได้ ไม่ใช่โม้ให้ผู้อื่นดูถูกวิชาโหราศาสตร์ว่า มั่ว

ขอบคุณครับ


อ่อนหัด - 9 กรกฎาคม พ.ศ.2548 09:02น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 12
ตอบ 11 คุณอ่อนหัด.........อดีตกับอดีตชาติไม่เหมือนกันนะครับ โหราศาสตร์ทั่วไปก็ดูอดีตได้ และ เทคนิคบางอย่างของโหราศาสตร์ก็ดูกรรมเก่าได้ แต่เรื่องอดีตชาติไม่มีใครรู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน ดังนั้นจึงมีคนเอามาอำกัน จะเล่าเรื่องอะไรก็ได้ แล้วว่าเป็นอดีตชาติ ใครจะไปรู้ว่าเขาดูได้จริงหรือไม่จริง

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า ยามกาลชะตา หรือ ดวงกาลชะตาก็ตาม เป็นดวงชะตาจรนั่นเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นดวงดาวเสมอไป อาจจะเกิดจากวงรอบธรรมชาติย่อยๆ เหตุการณ์ใดๆ เมื่อบังเกิดขึ้นแล้วย่อมมีผลที่ส่งต่อไปเป็นต้นเรื่องของเหตุการณ์อื่น ดังที่เราดูจากดวงชะตาจรสัมผัสชะตาเดิมทางโหราศาสตร์ แต่ว่าธรรมชาติข้างเคียงที่ถูกผลกระทบด้วย ย่อมส่งผลต่อเนื่องเป็นเหตุการณ์ย่อยออกมาได้อีกจำนวนมาก เป็นช่วงสั้นๆ เหมือนกับคลื่นน้ำในสระที่ทยอยมากระทบฝั่ง คลื่นจะแยกกระจายออกเป็นคลื่นเล็กน้อยๆต่อเนื่องกันไป

กาลชะตาก็คือเหตุการณ์ธรรมชาติย่อยที่เกิดขึ้น หากเราไม่ทราบดวงชะตาเหตุการณ์ที่ชัดเจน เราอาจจะอ่านได้จากดวงชะตาจรย่อยๆชนิดนี้ได้ โดยมีปมเรื่องบางอย่าง เป็นเหตุสำคํญ อย่างเช่น มีคนมาถามเราในฉับพลัน ว่า ของหายจะหาเจอหรือเปล่า จะเดินทางไปทำอะไรแล้วจะสำเร็จหรือไม่ ดวงกาลชะตาที่ผูกขึ้นทันทีในเวลานั้น เพื่ออ่านเรื่องที่ถาม เราย่อมหาคำตอบได้เท่ากับในดวงชะตาจรหลัก

แต่จะเห็นได้ว่า กาลชะตาใด แม้ให้คำทำนายได้ก็ไม่ดีกว่าดวงชะตาหลัก และจะได้เพียงประเด็นเดียว หรือไม่กี่ประเด็นที่เฉพาะเจาะจงมาก แต่กาลชะตาใดๆก็ไม่ใช่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่บริสุทธิ์ เป็นเอกเทศ ดังนั้น กาลชะตาที่ได้ผลนั้น จะต้องเป็นเรื่องที่ผู้ถามเกี่ยวข้องด้วยจริงๆเท่านั้น เช่น เป็นของที่หายของเขาจริงๆ ไม่ใช่มาถามเล่นแทนเพื่อน หรือไม่ได้หายจริง เพื่อบีบกาลชะตานั้นให้แคบเข้า ให้สาวถึงปมที่แท้จริงของเหตุการณ์ การตั้งดวงกาลชะตาจึงมีหลายแบบ ที่เขาเผยแพร่กันทั่วไปนั้น ยังไม่เห็นมีใครออกมาเปิดเผยวิธีเดินยาม หรือ เวลาที่แท้จริงให้เห็น ทำให้การอ่านกาลชะตาไม่ชัดเจนทีเดียว

ที่ว่านำกาลชะตามาใช้อ่านอดีต นั้น จึงอาจไม่ได้ผล เพราะอย่างแรกคือ เราไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องกับอดีตโดยตรง หากเป็นผู้ศึกษาเรื่องราวในอดีตเท่านั้น กาลชะตาอาจไม่สะท้อนอะไรเลย และไม่เหมาะจะมาใช้ตั้งคำถามเพื่อค้นคว้าปมปัญหาที่เราสงสัย เพราะกาลชะตาจะใช้ในเวลาช่วงสั้นๆ ดังนั้น กาลชะตาจึงน่าจะใช้อ่านเหตุการณ์ปัจจุบัน หรืออดีตใกล้ๆ มากกว่าอดีตที่ไกลโพ้นเป็นประวัติศาสตร์ หรือ อดีตชาติ แต่ละตำรามักให้ใช้ได้ภายในรอบเวลาสั้นๆ ภายใน 24 ชั่วโมง 7 วัน หนึ่งเดือน หรือ ยาวสุดก็ไม่เกิน 1 ปี เช่น หากของหาย หรือออกเดินทาง ภายในไม่เกิน 7 วัน ก็พอทำนายได้ ทั้งนี้เพราะพลังงานของเหตุการณ์นั้นจะจางหายไปในช่วงสั้นๆ แต่ถึงอย่างไรการใช้กาลชะตา ก็ไม่ดีไปกว่าการใช้ดวงชะตาราศีจักรและดาวจรทั่วไป เราจึงใช้กาลชะตา เมื่อไม่สามารถดูจากดวงชะตาตามปกติได้เท่านั้น

อีกอย่างหนึ่งคือ กาลชะตา เพียงใช้ดูเหตุการณ์ ไม่ใช่เพื่อหา วันเวลา เพราะกาลชะตาเป็นเพียงปลายเรื่อง ไม่ใช่ต้นเรื่องของเหตุการณ์ การนับเวลาเนื่องจากกาลชะตา ก็เป็นเวลาในกาลชะตา ไม่ใช่เวลาในเหตุการณ์หลัก เมื่อนำมาใช้คำนวณตามเวลาปกติ ก็อาจผิดพลาดได้มาก ดังนั้น การพิจารณาหาเวลาวิธีนี้ จึงไม่ถูกตามหลักการที่ควรจะเป็น การย้อนหาเวลาอดีตจากเหตุการณ์ในกาลชะตา หากจะเชื่อถือ ก็ควรพิจารณาว่ามีทฤษฎีรองรับอธิบายมาด้วยหรือไม่

ที่ให้ความเห็นมานี้ เกี่ยวกับเรื่องอดีตเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องอดีตชาติ เพราะพูดไปทำไปก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ ทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ


วรกุล - 10 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:25น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 13
บีค่ะ อ เมื่อกี้ไปที่หน้า5แต่ไม่ทันได้ดูว่า อ ย้ายมาที่หน้า6เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกค่ะ พอ พิมพ์เสร้จถึงรู้ว่า อ มานี่เลยตามค่ะ บีเกิด16มกรา10เวลา17-30ราศรีกรกฎค่ะ เค้าเกิด10สิงหา20 เวลา12-30ราศรีตุลย์บีไม่อยากรบกวน อ ซ้ำๆค่ะ ที่ถามทั้งหมดอยู่หน้า5 ค่ะ รบกวน อ ช่วยหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ


บี - 10 กรกฎาคม พ.ศ.2548 19:09น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 14
อ่านคำตอบของอาจารย์แล้วยังมีข้อสงสัยอีกนิดนึงครับว่าหาก ดวงชะตาของคนเราเปลี่ยนไม่ได้จริงๆแล้ว แล้วทำไมเมื่อเวลาดูดวงแล้วพบว่าดวงไม่ดีหรือมีเคราะห์ โหราจารย์บางท่านจึงแนะนำให้ไปถือศีลปฎิบัตืธรรมหรือบวขเพื่อแก้กรรมเก่าล่ะครับ

ขอบพระคุณครับ


เอนก สุวรรณ - 11 กรกฎาคม พ.ศ.2548 02:49น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 15
เรียนถามท่านอาจารย์วรกุลที่เคารพ

ดิฉันอยากทราบว่าควรจะแปลความหมายของการอ่านเรือนต่าง ๆ สัมพันธ์กันอย่างไรค่ะ

"มรณะ-พันธุ-กดุมภะ"

"ศุภะ-พันธุ-กดุมภะ" ดาวเจ้าเรือนมรณะคือ 4 กุมกับ 2 เจ้าเรือนศุภะลอยอยู่ในเรือนพันธุ เจ้าเรือนพันธุคือ 8 ไปอยู่เรือนกดุมภะกุมกับ 3

เราจะแปลความหมายออกมาได้อย่างไรค่ะ แล้วต้องพิจารณาจากดาวอื่น ๆ ประกอบด้วยหรือไม่

ขอบพระคุณค่ะ


เอวิตรา - 11 กรกฎาคม พ.ศ.2548 14:55น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 17
อาจารย์วรกุลครับ ขอความกรุณาจากอาจารย์ช่วยดูดวงชะตาให้ผมด้วยได้ไหมครับ

ตอนนี้ชีวิตผมกำลังแย่มาก ตกงาน หมดเงิน ต้องมาอาศัยเขาอยู่ อาศัยเขากิน

เป็นหนี้เป็นสิน ไปไหนไม่ได้เลย หาทางออกไม่ได้เลย ทุกวันนี้เหมือนติดคุก เครียดมาก

อยากฆ่าตัวตายวันละร้อยหน ผมอยู่ในสภาพแบบนี้มาสามปีแล้วครับ อยากขอรบกวน

อาจารย์เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นครับคือเรื่องการงาน การเงิน ว่าเมื่อไหร่ชีวิตจะดีขึ้นเสียที

เมื่อไหร่จะพ้นไปจากสภาพแบบนี้เสียที เมื่อไหร่จึงจะลืมตาอ้าปากได้เสียที

ขอความกรุณาจากอาจารย์วรกุลโปรดช่วยสงเคราะห์

แก่ผู้มีทุกข์ด้วยเถิดครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

เกิด 21 กันยายน 2509 เวลา 15.30 น. จ.เชียงราย

ปล.รบกวนอาจารย์อีกเรื่องได้ไหมครับ ผมมีความไฝ่ฝันว่าอยากสร้างมหากุศล สืบทอดพระศาสนาและบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ทราบว่าชีวิตนี้จะสมปรารถนาหรือไม่ครับ


ทินกร - 12 กรกฎาคม พ.ศ.2548 02:36น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 18
ตอบ 15 คุณ เอวิตรา.........ถ้า ๘ พันธุไปกุม ๓ ในกดุมภะ แสดงว่าลัคนาราศีพิจิก ๔ มรณะ + ๒ ศุภะ มาอยู่พันธุ เรือน ๘ คุณถามเป็น 2 คำถาม อ่านตรงๆ มรณะ – พันธุ – กดุมภะ ก็คือ ของเก่าเดิม (มรณะ) + พันธุ (บ้าน) + สมบัติ (กดุมภะ) รวมเป็น สมบัติที่เป็นของเก่าเดิม ศุภะ - พันธุ – กดุมภะ ก็คือ ที่อยู่ (ศุภะ) + พันธุ (บ้าน) + สมบัติ (กดุมภะ) รวมเป็น สมบัติที่เป็นบ้านที่อยู่ รวมสองอัน ก็คือ เจ้าชะตา( ๓ ตนุ - > กดุมภะ) จะมี หรือ จะได้ สมบัติเป็นบ้านซึ่งอยู่มาแต่เดิม ถ้าเราจำกัดเรื่องที่ดูก็ดูแค่นี้ หากเพิ่มเรือนที่มาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่านี้ เราก็เติมเรื่องราวเอามาประกอบลงไปเพิ่มอีก


วรกุล - 12 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:11น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 19
พวกเราที่เรียนโหราศาสตร์อยู่ ทุกคนต่างก็คงคิดอยากจะเรียนรู้ และจดจำให้มากเข้าไว้ เพราะหวังว่าจะพยากรณ์ให้แม่น หรืออ่านดวงชะตาตนเองให้เข้าใจชีวิตได้มากกว่าที่เป็นอยู่ แต่พวกเราก็จะเหมือนคนที่อยู่ในอาชีพอื่นทั่วไป คือคนที่เรียนมาเยอะ เรียนมามาก บางครั้งกลับทำไม่ได้ดี เหมือนคนที่เรียนมาน้อย

หมอดูนั้น ยิ่งเป็นกลุ่มคนที่แปลกมากกว่าคนกลุ่มอื่น เพราะดวงชะตาของพวกเราเมื่อมาทำนายทางโหราศาสตร์ เราจะถูกดึงเข้าไปสู่ความแปลกลึกลับ อันเป็นคุณสมบัติหนึ่งของโหราศาสตร์ เหมือนเป็นมิติอีกมิติหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก เมื่อเราเป็นผู้ทำนาย ดวงชะตาของเราจะเริ่มทำงานด้วย พร้อมกับการพิจารณาโชคชะตาของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการดูดวง ดูลายมือ หรือการดูไพ่อะไรก็ตาม ดังนั้น เมื่อดวงชะตาของเราซึ่งเป็นเหมือนตัววัดมาตรฐาน หากตัววัดมีความแปรปรวนไป สิ่งที่เราวัดได้จากดวงชะตาผู้อื่นก็จะไม่ตรง ผลการพยากรณ์จึงไม่ตรงกับความจริง ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ทายผิดเพราะดวงหมอดูไม่ดี หมอดูที่ดวงดี บางทีจึงทำนายอะไรก็แม่นเหลือเชื่อ ผูกดวงผิดวัน ผิดเดือน ผิดปี วางดาวผิด ก็ยังทายถูกได้ หมอดูรุ่นเก่าส่วนมากจะมีประสบการณ์เรื่องนี้

นี่เป็นสิ่งที่ หมอดูรุ่นเก่าส่วนมากรู้กันมานานแล้ว ดังนั้น เวลาดวงไม่ดี หมอดูเองก็จะงดทำนายทายทักไปในช่วงนั้น เพราะถือว่าพูดอะไรผิดๆไปจะกลายเป็นบาปเป็นกรรมไปเปล่าๆ บางคนก็จะงดทำนายในระหว่างเข้าพรรษา เพราะไม่อยากทำวจีกรรมที่ไม่ดีจากการทำนายในระหว่างถือศีล ดวงชะตาหมอดูเองนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการศึกษาโหราศาสตร์ด้วย เราส่วนมากมักถามกันว่า มีดาวอะไรจึงจะเรียนโหราศาสตร์ได้ คำตอบนั้นไม่ยาก คนส่วนใหญ่มักจะมี ดาวพฤหัส พุธ เกตุ มฤตยู ถึงลัคนา หรือตนุลัคน์ แต่ก็ต้องเป็นโครงสร้างของดาวที่ดี พฤหัส และพุธ นั้นเข้าใจง่าย เพราะเป็นองค์ความรู้ เกตุและมฤตยูนั้น เป็นตัวสำคัญที่นำเราไปสู่ความลึกลับ แต่จะต้องป้องกันตัวเราให้พ้นจากอาถรรพ์ในแดนสนธยาได้ด้วย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

เมื่อดวงชะตาเราถูกดึงเข้าสู่อิทธิพลของโหราศาสตร์ที่มีความแปลกลึกลับ จะเหมือนเรากำลังล่องแก่งน้ำเชี่ยวด้วยเรือเล็กไปท่ามกลางโขดหินลัดเลาะไปตามธารน้ำที่เชี่ยวกราก การควบคุมตัวเราเอง และการรักษาความมั่นคงของตัวเราไว้ได้ จึงจะทำให้เราตามไปในกระแสน้ำนั้นโดยไม่ล้มคว่ำจมหาย เมื่อเรารู้โหราศาสตร์ถึงระดับที่สัมผัสธรรมชาติที่แท้จริงได้แล้ว โหรจะรู้สึกว่าดวงชะตาที่กำลังพิจารณาอยู่สัมผัสกับตัวเองโดยตรง ราวกับว่าเราเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ทั้งในอดีต และอนาคตของดวงชะตานั้นด้วย บางครั้ง ครูสมัยก่อนท่านจึงห้ามหมอดูคนที่ดวงไม่ดี มีเคราะห์ ให้งดทำนายเสียชั่วคราว อาจารย์ท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียง ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ครั้งหนึ่ง มีหมอดูระดับชำนาญท่านหนึ่ง กำลังทำนายดวงชะตาให้แขกที่มาหา แกเอ่ยปากทำนายว่า ช่วงนี้คุณดวงไม่ดี ให้ระวังรถยนต์จะถูกชน สักครู่หนึ่งก็มีเสียงดังโครม ทุกคนรีบวิ่งออกไปดูนอกห้อง พบว่ามีรถเบรกแตกวิ่งมาชนรถยนต์ที่จอดอยู่ แต่รถที่ถูกชนกลับกลายเป็นของหมอดูคนนั้น นั่นเอง เพื่อนหมอดูคนอื่นเห็นแล้วก็งง พอนึกขึ้นได้ ก็เลยไปดูดวงหมอดูคนนั้น พบว่าเขามีเคราะห์ แต่ไม่เกี่ยวกับรถยนต์ รถที่ถูกชนนั้นนั้นเป็นเรื่องในดวงชะตาของแขกที่มาหาต่างหาก นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่ง(อาจารย์)ท่านพบเห็นกับตัวเองมานานแล้ว พวกเราบางคนก็อาจจะเคยมีประสบการณ์นี้

เกตุ และ มฤตยู นอกจากเป็นองคประกอบความลึกลับทางโหราศาสตร์แล้ว ต้องส่งเสริมแก่ดวงชะตาของเราด้วย จึงจะทำให้ดวงชะตามีความมั่นคง คนที่เรียนทางไสยศาสตร์ก็เช่นกัน และรุนแรงมากกว่า หาก ดาวสองดวงนี้ แสดงผลทางไม่ดี จึงทำให้กลายเป็นคนสติไม่ดี บ้าๆบอๆอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ ดวงชะตาคนที่เป็นหมอดูบางคนที่ดาวพุธ หรือ พฤหัส มีกำลังถึงลัคนาอ่อนไป แต่เกตุ และมฤตยูกลับแรงขึ้น เขาอาจมีชื่อเสียงทางการทำนายโดยไม่รู้หลักโหราศาสตร์จริงๆสักเท่าไร แต่ทำนายโดยเป็นไปเหมือนรู้ด้วยลางสังหรณ์ บางรายก็กลายเป็นคนทรง หรือเข้าทรงโดยไม่แสดงอาการ หมอดูที่มีชื่อดังในบ้านเราหลายคน เป็นเช่นนี้ คือทำนายโดยเพียงอ้างโหราศาสตร์เท่านั้น แต่อาจไม่ได้ใช้วิชาโหราศาสตร์เลย

หมอดูบางคน เป็นที่รู้กันว่าทำนายโดยไม่ค่อยมีหลักการ แต่เรียกว่า มี “องค์ใน” หรือที่กล่าวขานกันว่ามี “เทพ” อยู่ในตัว ซึ่งเป็นเรื่องอุปาทาน เข้าใจผิด แต่จะยังไม่เล่าเรื่องลึกในตอนนี้ คนพวกนี้มักจะทำนายแม่นเองโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ถ้าเราเข้าใจการทำงานของธรรมชาติแล้วก็จะไม่แปลกใจเลย เพราะนี่ก็เป็นการแสดงออกของต้นเหตุที่นำดวงชะตาของเขาและตัวเขาเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ อดีต และ อนาคต ของชะตาชีวิต ผู้ที่มารับคำทำนาย เขาเพียงแต่ “รู้” แต่ไม่ทราบว่า “ร้” มาได้อย่างไร หากเราไปถามหลักโหราศาสตร์ เขาจะตอบไม่ได้ หรือ บางทีก็ตอบอะไรที่ง่ายเสียจนไม่น่าเชื่อ เช่น เอาวัน เดือน ปี บวกกัน แล้วหารสาม อะไรแบบนั้น ความจริงแล้ว เขาไม่ได้โกหก ความรู้โหราศาสตร์เป็นเพียงทางเข้าสู่ประตูทางลับนั้น แต่เรื่องที่เขา “รู้” นั้น อยู่ถัดจากประตูเข้าไปต่างหาก โหราศาสตร์ที่เราใช้อยู่เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเรา แต่ไม่ใช่สำหรับเขา ดังนั้น เราจะพบว่า เมื่อระยะผ่านไปหลายๆปี เมื่อคุณสมบัตินี้ของเขาหมดไป เขาจะทายอะไรไม่ถูกเลย เหลืออยู่เพียงคนที่ไม่รู้เรื่อง ยังคงหลงเชื่อนับถืออยู่


วรกุล - 12 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:12น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 20
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์

ขอบพระคุณค่ะ ตอนแรกดิฉันไม่ทราบว่าควรจะอ่านสัมพันธ์กันเช่นไร มีทั้งความหมายที่ดีและไม่ดีปนกัน ได้คำชี้แนะของอาจารย์แล้วจะนำกลับไปอ่าน หากมีข้อสงสัยจะต้องกราบขออนุญาตเรียนถามนะคะ


เอวิตรา - 12 กรกฎาคม พ.ศ.2548 13:57น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 21
ตอบ 17 คุณ ทินกร.........ชะตาคุณนั้นความเป็นจริงก็นับว่าดี เพียงแต่จะมีตกต่ำอย่างน้อย 2 – 3 ครั้งในชีวิต อาจจะเพราะการหลงเดินทางผิด เช่น เชื่อมั่นตัวเองมากไป ใช้จ่ายสิ้นเปลืองไปกับเพื่อนฝูงและสังคม ทำให้ลำบากยากแค้น แต่คุณก็ยังได้เงินชดเชย และเงินเก็บที่ออกจากงานมา ปีนี้ ปีหน้า ดูเหมือนจะเริ่มมีโชคมีรายได้มาบ้าง หากคิดจะทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทต่อ ก็จะได้งานที่หนักเหนื่อยสักหน่อย แต่รายได้ยังไม่ดีนัก โอกาสที่จะหารายได้ดีๆ ภายใน 4- 5 ปีนี้ไปยังไม่ดี ถ้าคุณยังอาจเพ่งเล็งเลือกงานดีๆอยู่ ก็หาโอกาสยากขึ้น เพราะงานบริษัทใหญ่ๆดีๆนั้นหายาก และดวงยังตกต่ำเช่นนี้ จะไม่ประสบความสำเร็จ หากยอมหวานอมขมกลืน ลืมสถานะ และอดีตที่เคยมีเงิน ใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบาย กลับมา ยอมทำงานที่ไม่มีตำแหน่ง ในกิจการเล็กๆ เพื่อประทังไปก่อน อีกสองปีชะตาคุณจะเริ่มดีขึ้น แต่หากจะนั่งคอยเฉยๆ จะไม่ได้ประโยชน์อะไร

คุณก็พอมีความรู้ดีอยู่ ทั้งด้านคอมพิวเตอร์ ความรู้ทางการค้า ทางช่าง และยังมีภาษาอังกฤษ หากจะยอมมองงานที่ต่ำกว่าปริญญาที่คุณมีอยู่ ก็น่าจะทำได้ อย่าไปคิดอะไรมากเลย ชีวิตคนเราก็เท่านี้ ล้มได้ก็ลุกได้ หากทนไม่ได้ก็ไปหางานทำที่ต่างจังหวัดไกลจากผู้คน ผมทราบจากคนที่มาดูหมอกับผมหลายคนว่า บริษัทหรือ โรงงานต่างจังหวัดกลับขาดคนไปทำ ที่ไปทำก็มักเป็นคนที่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ แม้ความเป็นอยู่จะขาดแคลนไม่เรียบร้อย แต่สภาพเช่นนั้นก็จะถูกกับดวงชะตาของคุณตอนนี้ หากคุณย้ายถิ่นฐานไปไกล ก็จะได้ตำแหน่งงานดีด้วย อีกเพียงไม่กี่ปีก็จะพ้นจากความทุกข์กังวลที่ว่ามาแล้ว


วรกุล - 12 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:40น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 22
กราบสวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์วรกุล

ตอนนี้กลายเป็นแฟนประจำกระทู้ของอาจารย์ ต้องเปิดอ่านทุกวันแล้วก็พิมพ์ไปอ่านที่บ้านด้วยค่ะ วันนี้มีคำถามมารบกวนท่านอีกแล้วค่ะแต่ยังเป็นเนื้อหาเช่นเดิม คือเรื่องการอ่านความสัมพันธ์ของเรือน ตั้งใจว่าให้อ่านคล่อง ตีความหมายเป็นและถูกต้องในเรื่องเรือนก่อน แล้วค่อยขยายต่อไปสู่การอ่านดาว

ดิฉันเริ่มด้วยการนำดวงชะตาของตัวเองมาศึกษาก่อน เพราะสามารถตรวจคำตอบดูได้ว่าเข้าหลักเข้าเกณฑ์ดีหรือไม่ ก่อนที่จะไปทำนายชะตาชีวิตของผู้อื่น เราควรดูดวงชะตาของเราเองได้ก่อนใช่ไหมค่ะ ดิฉันลองผูกดวงด้วยตนเองและใช้เวปไซต์ของพยากรณ์ ได้รูปดวงชะตาดังนี้ค่ะ

ลัคนาราศีพิจิก, 3-8 อยู่เรือนกดุมภะ, 1-5-6 อยู่เรือนสหัชชะ, 2-4 อยู่เรือนพันธุ, 7 อยู่เรือนปัตนิ, 9-0 อยู่เรือนลาภะ(ขอความกรุณาช่วยตรวจคำตอบด้วยค่ะว่าผูกดวงถูกต้องไหม ตามสูติบัตร ดิฉันเกิดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2516 เวลา 1.44 น. เป็นคืนวันจันทร์ค่ะ)

อ่านความสัมพันธ์ของเรือนได้ตามนี้ค่ะ

* ตุน-กดุมภะ-สหัชชะ-ปัตนิ-สหัชชะ อ่านได้ว่า เจ้าชะตาได้ทรัพย์สินจากงานด้านติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ

* กดุมภะ-สหัชชะ-ปัตนิ-สหัชชะ อ่านได้ว่า ทรัพย์สินจะเกิดจากงานด้านติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ

* สหัชชะ-ปัตนิ-สหัชชะ หรือ ปัตนิ-สหัชชะ-ปัตนิ (2ข้อนี้น่าจะได้ความหมายเดียวกัน) อ่านได้ว่า จะได้เพื่อนหรือคนรู้จัก เป็นคู่ครอง

* พันธุ-กดุมภะ-สหัชชะ-ปัตนิ-สหัชชะ อ่านได้ว่า การเงินที่ได้มาจากการติดต่อทางด้านธุรกิจจะนำมาใช้จ่ายในเรื่องเกี่ยวกับบ้าน, พ่อแม่พี่น้อง

* อริ-กดุมภะ-สหัชชะ-ปัตนิ อ่านได้ว่า มีการใช้จ่ายเงินทองจากทรัพย์ที่หาได้จากการติดต่อสื่อสาร

* ปุตตะ-กดุมภะ-สหัชชะ-ปัตนิ,กัมมะ-สหัชชะ-ปัตนิ, * ลาภะ-พันธุ-กดุมภะ-สหัชชะ-ปัตนิ, * วินาศน์-สหัชชะ-ปัตนิข้อนี้ต้องคำชี้แนะค่ะ ยังตีความหมายไม่ได้ ส่วน มรณะ-พันธุ-กดุมภะ และ ศุภะ-พันธุ-กดุมภะ ท่านอาจารย์ได้กรุณาสอนแล้ว แต่ถ้าเราเพิ่มเรือน สหัชชะ-ปัตนิ ต่อท้ายจะแปลออกมาได้อย่างไรค่ะ

กราบขอคำสอนสั่งและเพิ่มเติมในบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ด้วยค่ะ คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนผู้เริ่มเรียนอีกหลาย ๆ ท่าน

กราบขอบพระคุณค่ะ


เอวิตรา - 13 กรกฎาคม พ.ศ.2548 08:15น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 23
ตอบ 22 คุณ เอวิตรา.........ผมติดตามดูคุณเอวิตรามานานพอสมควร เพราะถามมาหลายครั้ง ดีที่เคยบอกมาว่าเพิ่งเริ่มเรียนจึงได้รู้ว่าคุณอยู่ตรงไหนของ road map ของโหราศาสตร์ พยายามจะลุ้นให้คุณเรียนเข้ามาถูกทาง แต่พออ่านคำถามนี้เข้าก็รู้ว่าผิดทาง คุณเองก็มีความพยายามดี แต่เพราะเหตุที่ยังไม่รู้จักโหราศาสตร์ดีพอ เหมือนกับอีกหลายๆคน จึงคิดเอาว่า จะเรียนด้วยตนเองได้ด้วยวิธีนี้

การเรียนโหราศาสตร์ด้วยตนเองล้วนๆนั้น ทำแทบไม่ได้เลย คนที่ทำได้จริงๆ เกิดจากการค้นคว้าอ่านตำรามากๆเข้า แล้วสามารถจับวิธีการได้ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องลองผิดลองถูกและเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ วิธีเรียนโหราศาสตร์ขั้นต้น จึงมีเพียง 2 วิธี คือ 1 / เรียนโดยมีครูต่อหน้า 2 / เรียนจากตำรา การเรียนโดยมีครูสอนนั้นดีที่สุด เพราะตำรา ตัวหนังสือนั้น ไม่มีใครเขียนได้ละเอียดสุด จนทุกคนอ่านแล้วสามารถทำตามได้ และยังดัดแปลงไปทำอย่างอื่นที่ไม่ได้บอกไว้ได้อีกด้วย การมีครู เราจึงสามารถถามสิ่งที่เราสงสัยเฉพาะตัวของเรา และเมื่อเดินไปตามเส้นทางในขั้นตอนที่ไม่เหมือนคนอื่นก็จะมีผู้อธิบายให้ แต่หากไม่มีครูสอน เพราะเราไม่ว่างหรือไม่สะดวกก็ตาม ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียนเอง โดยวิธีที่ 2 คือเรียนจากตำรา

การเรียนจากตำรา ต้องเป็นคนแข็งพอดู อย่าเอาปริญญาโท ปริญญาเอก มาวัดไม่ได้ว่าจะเก่ง เพราะต้องมีไหวพริบเป็นครูของตัวเองให้ได้ วิธีการที่ใช้ได้ผลคือ จะต้องมีตำราโหราศาสตร์มากๆ แล้วเลือกตำราที่สอนชนิดเบสิก แบบเรียนด้วยตนเอง มาเป็นหลักก่อน ตำราอื่นๆเอาไว้เป็นรอง พยายามจับหลักการวิธีในการอ่านดาว อ่านเรือน และความรู้เป็นแก่น แล้วเปรียบเทียบแนวทางกับตำราเล่มอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจ แล้วจึงฝึกฝนตามตำราด้วยตนเอง เมื่อติดปัญหาสงสงสัยจึงไต่ถามผู้รู้ หรือ ถามทางกระทู้ต่างๆ วิธีนี้คนที่เรียนจะต้องแข็ง สอนตัวเองได้

การเรียนตามเว็บและกระทู้นั้น ทำไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่า ในเว็บจะเขียนเป็นบทเรียนทั้งหมดให้ ซึ่ง จะต้องประกอบด้วยตัวอย่างจำนวนมาก เพื่อให้สามารถอ่านแล้วถ่ายทอดความคิด ความรู้ไปสู่ผู้อ่านได้สมบูรณ์เสียก่อน เมื่อสงสัยสิ่งใดแล้วจึงถาม นี่เป็นหลักการสอนโหราศาสตร์ คือ ครูเป็นนำ และศิษย์ เป็นผู้ตาม แต่ในกระทู้ต่างๆเวลานี้ ไม่มีใครมีวัตถุประสงค์ที่จะสอนโหราศาสตร์ เพียงแต่จะตอบปัญหาข้อข้องใจเท่านั้น ทั้งนี้ ย่อมหมายความว่า ผู้ถามกำลังติดปัญหาใดอยู่ แล้วผู้ตอบช่วยอธิบายปัญหานั้นให้ แล้วจึงกลับไปศึกษาต่อตามแนวทางที่ถูกต้อง ก็จะช่วยได้มาก หากคิดจะเรียนโหราศาสตร์โดยการถาม ก็จะกลับกลายเป็น ศิษย์เป็นผู้นำ ครูเป็นผู้ตาม เพราะถามมาก็ตอบไป ศิษย์ที่ไม่รู้ทางก็จะนำพากันไปลงข้างทางเสียทั้งคู่ การอ่านแล้วปะติดปะต่อเอาเองจากคำถามที่คุณเรียงลำดับเอาเอง ไม่มีอาจที่จะไปถูกทางได้ ไม่ว่าจะตอบไปยาวแค่ไหน

คำถามของคุณเอวิตราผิด ผิดตรงไหนหรือ ผิดหลักการขั้นแรกที่สอนว่า การอ่านเรือน ให้อ่านตามเจ้าเรือน ไปสองจังหวะ คือ อ่านเรือน แล้วตามเจ้าเรือนไปอยู่ที่ใด ก็อ่านเกษตรเรือนนั้นต่อไปอีกชั้น เดียว นี่เป็นแกนหลักเบื้องต้นในการอ่านเรือน แต่คุณไม่ได้ปฏิบัติตามนั้น โดยการอ่านเรือนต่างๆมาสัมพันธ์กันโดยไม่มีแกน หรือ แก่น การอ่านเรือนสัมพันธ์ต่อจากนั้นจึงจะเป็นการขยายเรื่องราวจากแกนออกมา แต่คุณตั้งแกนเรื่องไม่เป็น จึงทำให้สับสน และยังไม่รู้ความหมายเรือนมากพอ เดาเอาว่าคุณคงไม่มีหนังสือตำราอยู่ในมือเลย ซึ่งหากคุณไม่ถามหรือพูดออกมา ก็จะไม่มีใครรู้เลยว่าคุณคิดอย่างไร และเมื่อคุณเดินไปคนเดียวคุณก็จะเดินผิดทาง เพียงใช้โทรศัพท์มือถือโทรมาถามปัญหาไปเรื่อยๆ ทั้งที่คุณกำลังเดินไปปัตตานี แต่ ผู้ตอบอาจจะคิดว่าคุณกำลังเดินไปเชียงใหม่ก็ได้

นอกจากนั้น เคยบอกแล้วว่า ให้พยายามเลือกความหมายในการอ่านด้วยตนเอง และต้องรู้ความหมายหลักของแต่ละเรือนเสียก่อน เพราะต่อไปคุณจะต้องทำเช่นนั้นไปตลอดการศึกษาโหราศาสตร์ หากทำแล้วขัดข้อง ก็ต้องบอกเล่าปัญหาที่ขัดข้องนั้นอยู่ตรงไหน ลองบอกมาว่าตนเองอ่านออกมาด้วยตนเองจริงๆอย่างไร คิดอย่างไร ไม่ใช่รวบรวมมาตามอย่างที่มีผู้อ่านให้ดูในการทำนายดวงชะตา เพราะถ้อยคำที่คุณยกตัวอย่างมานั้น ข้ามขั้นไปจากคนที่บอกว่าเพิ่งเริ่มเรียนมาก เป็นถ้อยคำของคนที่เรียนมามากพอสมควรแล้ว คนที่เรียนขั้นกลางๆขึ้นไป พิศดูก็รู้ได้ไม่ยาก การไม่เข้าสู่ความหมายหลักของเรือนต่างๆก่อน จะทำให้จับความสำคัญไม่ได้ การฝึกอ่านดวงชะตา ถ้าอยากจะเรียนจริงๆ ต้องสมมุติฝึกไล่เลียงเรือนทุกเรือนตามเจ้าเรือนไป ฝึกทุกเรือนสัมพันธ์ สลับกันไปมา เหมือนไล่บันไดเสียงดนตรีจนชำนาญก่อน เป็นร้อยๆความสัมพันธ์ โดยยังไม่จำเป็นต้องดูดวงชะตาจริง จนกว่าจะรู้สึกว่าแม่นยำความหมายพื้นฐานดี แล้วจึงลองจับดวงชะตา การดูดวงชะตาของตนเองเป็นขั้นต่อไป เพราะเรารู้ประวัติของตนเองเป็นอย่างดี ก็จะเลือกความหมายได้ง่ายขึ้น หากให้ผู้อื่นมาอ่านความหมายให้ ก็คือ การทำนายดวงชะตา ไม่ใช่การเรียนโหราศาสตร์ แต่ถึงอย่างไร การทำต่อไปด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่การเรียนที่ถูกต้อง และผมก็ต้องอธิบายยาวมากทุกครั้งเท่ากับสอนโหราศาสตร์ เพราะคุณไม่มีพื้นฐานเพียงพอ และไม่ได้เดินตามเสต็ปที่ควรจะเป็น ต่างกับการสอนโหราศาสตร์ทั่วไปที่ผู้เรียนจะต้องตามคำสอนของครูไปทีละขั้น ครูก็จะรู้ว่าได้นำความคิดผู้เรียนไปถึงตรงไหนแล้ว

จริงๆแล้วผมเห็นใจทุกคนที่กำลังพยายามศึกษาด้วยตนเองอยู่ และมีความจริงใจที่อยากให้ทุกคนรู้โหราศาสตร์ที่ถูกต้อง คำตอบที่ตอบวันนี้จึงคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นผู้ที่เริ่มเรียน ตามที่คุณเอวิตราบอกไว้ในตอนท้าย การที่ไม่ตอบคำถามตามที่คุณถามมาโดยตรงเพราะเห็นแก่ตัวคุณเอง ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหากไม่ได้สอน ไม่ได้อธิบาย นอกจากจะมุ่งหมายดูดวงชะตาตนเองแค่นั้น หากคิดจะเรียนจริง ก็ควรจะเรียนให้ถูกทางตามที่แนะไว้ให้ข้างต้นแล้ว อย่างน้อยช่วงสั้นๆพอจับทางที่ถูกได้ หากไม่สะดวกพอ ก็เรียนทางไปรษณีย์ยังดีกว่า มีผู้แนะนำไว้หลายแห่ง หรือจะตั้งเป็นกระทู้ถามแหล่งที่เรียนก็ได้


วรกุล - 14 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:30น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 24
กราบเรียนท่านอาจารย์วรกุลที่เคารพ

กราบขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะที่มีให้ค่ะ จะนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ตัวเองเดินไปถูกทาง

ดิฉันต้องขอกราบเรียนโดยตรงว่า ตัวเองก็พยายามหาสถานที่สอนโหราศาสตร์ อยากจะเรียนโดยมีครูบาอาจารย์เป็นผู้นำทาง ชี้แนะขั้นตอนให้ แต่ทำได้ค่อนข้างยาก บางท่านก็สอนข้ามขั้นไปแล้ว หรือไม่ก็ติดปัญหาเรื่องสถานที่เรียนค่อนข้างไกล หรือบางที่ก็นักศึกษาเยอะมากเสียจนเข้าไม่ถึงครูอาจารย์ท่าน บางท่านก็เก็บค่าเรียนเสียแพงจนไม่สามารถเรียนได้ ดิฉันรักวิชาโหราศาสตร์ ไม่ใช่เพียงเพื่อนำมาดูดวงชะตาของตัวเองอย่างเดียว แต่มีความฝันว่าสักวันจะใช้วิชาของตัวเองเพื่อช่วยผู้อื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย(แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นเมื่อไร เพราะจากคำตอบของท่านก็ ดูเหมือนดิฉันคงต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่) ดิฉันเองเพิ่งเริ่มศึกษาโหราศาสตร์ก็แค่ 2 เดือน โดยการอ่านจากหนังสือบ้าง อ่านจากเวปไซด์ที่อาจารย์บางท่านได้กรุณาถ่ายทอดไว้บ้าง เริ่มศึกษาตั้งแต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มนับเรือนตนุที่ไหนจนพอจะเป็นบ้าง ทราบความหมายของดาวบ้างตามประสาของผู้เรียนด้วยตนเอง

ดิฉันเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าทุกตัวหนังสือที่ท่านกรุณาพิมพ์เพื่อชี้แนะให้แก่ดิฉันรวมถึงเพื่อน ๆ ที่อ่านกระทู้นี้ เป็นเสมือนหนึ่งคำชี้แนะของอาจารย์ที่มีให้แก่ศิษย์ด้วยความหวังดีและจริงใจ ดิฉันขอขอบพระคุณท่านด้วยใจเคารพค่ะ และจะไม่ท้อแท้ที่จะพยายามศึกษาหาความรู้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะพบกับครูบาอาจารย์ที่ท่านจะนำทางเราไปได้ แต่หากไม่สามารถพบกับท่านผู้นั้นก็คงจะต้องโทษวาสนาตัวเอง

กราบขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ


เอวิตรา - 14 กรกฎาคม พ.ศ.2548 09:10น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 25
อาจารย์วรกุลครับ ตอนนี้ภาคใต้เกิดมิคสัญญีอีกแล้ว มีการวางระเบิดที่ยะลาทั่วเมือง มีคนตายคนเจ็บหลายคน ในทางโหราศาสตร์อาจารย์ช่วยดูหน่อยได้ไหมครับ ว่าภาคใต้ของไทยจะสงบลงเมื่อใด แล้วเราต้องเสียดินแดนไปหรือเปล่า

ขอบพระคุณครับ


เป็นห่วงประเทศชาติ - 15 กรกฎาคม พ.ศ.2548 13:26น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 26
เรียน อาจารย์วรกุลฯ

ผมมาพบเว็บนี้โดยบังเอิญเพราะเข้าไปหาคำตอบเกี่ยวกับกับการวางลัคคนาใน payakorn.com แล้วมีผู้ link มาให้ ก็พยายามอ่านย้อนหลังไปหลายกระทู้ ยังเข้าใจไม่ชัดแจ้ง ผมเองทำความเข้าใจเกี่ยวกับโหราศาสตร์มาไม่มากนักใหม่ๆก็อ่านจากหนังสือ แต่ตอนหลังเลิกอ่านไปเพราะหาคำตอบเรื่องปฏิทินไม่ได้ว่าจะใช้ปฏิทินอะไรดี จะใช้สุริยยาตร์ตามโหราจารย์ที่มีชื่อทั้งหลายก็ไม่มั่นใจ เพราะติดที่เรียนทางวิทยาศาสตร์มาอยากใช้ปฏิทินดาราศาสตร์ที่เป็นองศาจริงในโลก ตรวจวัดจับต้องได้คำนวณจากของจริง แต่พอจะใช้เข้าจริงก็ไปติดยึดความมีชื่อเสียงและความแม่นยำของเหล่าโหราจารย์ในอดีตที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่นาฬิกาที่ให้ความถูกต้องเช่นปัจจุบัน เวลาก็คำนวญจากดาวบนฟ้า หรือแสงอาทิตย์ หรือใช้เพียงยาม ก็สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำถูกต้อง จนปัจจุบันก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะใช้ปฏิทินใดดีแต่ก็เอนไปทางดาราศาตร์ที่ใช้องศาจริงบนท้องฟ้ามากกว่า พอไปใช้ปฏิทินดังกล่าวก็มีปัญหาเรื่องการวางลัคนาอีก ไม่เข้าใจว่าจะใช้อะไรจึงจะสอดคล้องดี แค่จะใช้สุริยยาตรย์ก็คิดไม่ถูกแล้วว่าจะใช้อันโตนาทีท้องถิ่นสัมผัสอาทิตย์อุทัย หรืออันโตนาทีสามัญ อาทิตย์อุทัย 6.00 น.ตัดเวลาท้องถิ่น หรือจะใช้นักษัตริย์แบบอาจารย์เทพฯ ซึ่งทำให้การวางลัคนาไม่ตรงกัน อย่างมากๆ ยิ่งปัจจุบันมีผูกดวงตามเว็บไชด์มากมายผมทดสอบหลายแห่งไม่ค่อยจะตรงกัน ก็เลยสับสน ผมเองเข้ามาสนใจเรื่องโหราศาตร์เพราะครั้งหนึ่งชีวิตประสพปัญหาอย่างหนักหาที่พึ่งไม่ได้ก็อาศัยการดูดวงว่ารอดได้กลับมาสู้ต่อ ทุกวันนี้ก็ไว้เตือนตัวเองไม่ให้ประมาทได้ แต่ด้วยความไม่มั่นใจปฏิทินกับลัคนาทำให้ความเข้าใจไม่ไปไหน บางครั้งตัดสินใจผิดพลาดเพราะไปเชื่อว่าจะดีเพราะฤกษ์ผานาทีดี หรือดาวน่าจะดี ช่วงที่ผ่านมาก็สับสนมากเพราะตัวเองลัคนาตุลย์มีดาว 7 ทับลัค ดาว 7 ปฏิทินไม่ตรงกันจะเข้าเรือนกัมมะ ย้อนหลังไปดูรอบที่แล้วก็นานปีเกินไปอายุยังน้อยอยู่ใช้เป็นเกณฑ์อะไรไม่ได้ ดาว 7มากลัวงานจะวุ่นวายบางปฏิทินมาตั้งนานแล้ว แต่บางปฏิทินพึ่งจะมาทำให้วิตกกังวลไปล่วงหน้าเสียเป็นเดือนพอไม่มั่นใจในปฏิทินการพิจารณาการลังเล ช่วงดาวอังคารซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนการเงินเคลื่อนตัวอยู่ที่ราศีกุมร่วมดาวมฤตยู เป็น 5 กับลัคนา และเคลื่อนไปราศีมีน ร่วมกับราหู เป็นอริกับลัคนา ผมคิดแล้วว่ามีปัญหาเรื่องเงินแน่นอน แต่ไปไม่เชื่อความรู้สึกตัวเองโดนเข้าไปเต็มเปา ดวงผมเองผูก 2 ปฏิทินไม่เหมือนกันถ้าเป็น สุริยยาตร์ จะอยู่พฤจิเป็นปรเกษตร ถ้าเป็นสากลศุกร์เป็นเกษตร ร่วมลัคนา เสาร์และพุธ ในราศีตุลย์ ตนุลัคหรือตัวตนผมเองยังแน่ใจไม่ได้เลยว่าอยู่เรือนไหนครับ ผมเลยต้องกราบรบกวนขอความกระจ่างในเรื่องปฏิทินกับการวางลัคนาอีกสักครั้ง เพราะอย่างไรผมยังมั่นใจลึกๆว่าถ้าผมเชื่อมั่นในโหราศาสตร์ได้มากกว่านี้ ผมจะใช้เป็นเครื่องมือในการครองตนได้มากกว่านี้ ดวงผมเป็นดวงครึ่งซีก โดยมี 5,9,0 อยู่กรกฏ 2 อยู่สิงห์ 7,4 ทับลัคนาที่ตุลย์ 1 ตกน้ำอยู่พฤจิ 8 โยกหน้าอยู่ ธนู 3 เป็นอุจจ์อยู่มังกร ส่วน 6 เดินถ่อยหลังอยู่ พฤจิ ปฏิทินนึง อยู่ตุลย์ปฏิทินนึง ดวงพระจันทร์ครึ่งซีกเคบอ่ายตำราบอกว่าเวลาดีก็ใจหาย ร้ายก็หักกลางไปเลย จริงหรือเปล่าไม่รู้แต่ก็เกือบวิบัติมาหลายครั้ง ทุกวันนี้ยึดถือความดีเป็นหลักชีวิต ปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นกรรมเก่า จะพยายามไม่ให้ปัญหาเกิดจากกรรมใหม่ในภพปัจจุบัน ผมเกิดแรม 7 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย จ.ศ.1316 เวลา 04.10 น.โรงพยาบาลศิริราชผมศัทธาในความเพียรของท่านที่ช่วยประสิทธ์ประสาทความรู้ความเข้าใจในโหราศาตร์ให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ และจะติดตามความรู้ ความเข้าใจจากท่านต่อไป

ขอขอบคุณด้วยครับ


ปุญชรัสมิ์ - 15 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:38น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 27
ตอบ 25 คุณเป็นห่วงประเทศชาติ..............พวกเราทุกคนเป็นห่วงประเทศชาติแน่นอนละ แต่เราอยู่ในเรือลำนี้ที่มีกัปตัน ต้นหน และ ศูนย์รวมจิตใจอยู่ด้วยเหมือนกัน หากเรายังช่วยอะไรไม่ได้ ก็ต้องช่วยกันสงบปากสงบคำ ผมไม่เห็นด้วยที่ใครจะมาวิจารณ์บ้านเมืองโดยใช้โหราศาสตร์ ในตอนนี้เลย นอกจากทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องเสียกำลังใจแล้ว จะทำให้จิตวิทยามวลชนถูกทำลายด้วย เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะเสด็จออกรบครั้งเมื่อกระทำยุทธหัตถีนั้น ไม่มีแม่ทัพนายกองคนใดอยากออกรบ จิตใจไม่มั่นคง คิดแต่ว่าจะแพ้ เพราะขณะนั้น ดวงบ้านเมืองกำลังเสีย เพราะตกอยู่ในยุคทางธาตุที่อ่อนแอ สมัยนั้น เพียงเอ่ยชื่อพม่าออกมา คนไทยก็กลัวจนฉี่ราด อึราดทันที เหมือนเราจับหมาไปใกล้กรงเสือโคร่ง สมเด็จพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น ต้องทรงบังคับแม่ทัพนายกองทุกคนให้ เดินทัพไปข้างหน้า ใครถอยหลัง ทรงบั่นศีรษะทันที ประวัติศาสตร์จึงจารึกไว้ว่า “.....ทุกคนกลัวพระองค์ยิ่งกว่าความตาย.....” หลังจากเสร็จศึกยุทธหัตถีแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกเหมือนฝันไป และเริ่มต้นสะสมกำลังใจกันใหม่

ทหารตำรวจที่อยู่ทาง 3 จังหวัดภาคใต้ขณะนี้ ไม่มีใครประเมินความรู้สึกของเขาเลย เรามองข้ามความสำคัญของเขาเกินไป การวิจารณ์ใดๆด้วยปากที่หมอดูกระทำต่อการทำนายบ้านเมืองและผู้นำ และสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่นั้น ไม่ได้เป็นคุณต่อสภาพจิตใจของผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่เลย ตรงกันข้าม กลับเป็นแนวร่วมให้แก่ผู้ก่อการ ประชาชนขาดกำลังใจ ก่อให้ความรู้สึกหวั่นไหว ไม่มั่นใจในเสถียรภาพ และประสิทธิภาพของผู้นำ ซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อฝ่ายตรงข้าม เมื่อใด ที่ขุนศึกขาดความไว้วางใจแม่ทัพเสียแล้ว ชัยชนะก็ไม่อาจคาดหวังได้ แม้ดวงชะตาบ้านเมืองจะดีเพียงใด ชะตาที่เกิดจากการก่อกรรมแวดล้อมนั้นสำคัญกว่า ข้อเท็จจริงเวลานี้ ชะตาบ้านเมืองยังมีความเข้มแข็งดี พระสยามเทวาธิราชซึ่งมีอยู่จริง ทรงปกปักรักษาแผ่นดินนี้มานานนับแต่โบราณกาลแล้ว หากเราเพียงแต่จะวางใจให้สงบ อธิษฐานขออำนาจคุณพระรัตนตรัยให้ปกปักรักษาพวกเราทุกคน ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือได้ดีที่สุดแล้ว


วรกุล - 15 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:42น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 28
ตอบ 26 คุณปุญชรัสมิ์..............ดีครับ ที่ถามและเล่าความคิด กับปัญหาของตัวเองมาด้วย คุณเขียนว่า “ขอความกระจ่างในเรื่องปฏิทินและการวางลัคนา” เพราะคุณคิดว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้คุณลังเลในการดูดวงชะตา และผูกดวงไม่ถูก แต่คุณไม่ยักสงสัยวิธีทำนายว่าคุณทำนายผิดตรงไหน คุณพูดผ่านๆไป แต่ผมอ่านแล้วผมกลับเห็นว่าปัญหาเรื่องปฎิทิน และการวางลัคนาเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่ผู้คนทั่วไปไม่รู้ และเป็นเรื่องใหญ่กว่าก็คือการทำนายนั่นแหละครับ

โหราศาสตร์ที่เราใช้ในแต่ละระบบไม่เหมือนกัน แต่พวกเราทั่วไปเข้าใจว่าโหราศาสตร์ทุกชนิดเหมือนกันหมด เวลาเราเรียก “แมว” เราทุกคนพอจะรู้ว่า แมว หน้าตาเป็นอย่างไร แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า โหราศาสตร์แต่ละระบบ ถือกำเนิดมาจากทฤษฎีอะไร แต่ละระบบกำหนดวิธีและเงื่อนไขในการทำนายอย่างไร และศัพท์บัญญัติเป็นอย่างไร ผมจะบอกให้ว่า คำว่า “ดาว” “ราศี” “เรือน” “ภพ” “อาทิตย์” “จันทร์” “อังคาร” “พุธ”....... “ดิน น้ำ ลม ไฟ” “ธาตุ” ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนแตกต่างกันในโหราศาสตร์แต่ละระบบ โหราศาสตร์ที่เรียกว่า “ไทย” เอง ยังเต็มไปด้วยลูกผสมพันทางมากมาย คนที่ใช้โหราศาสตร์ไทยจริงๆ จึงกลายเป็นคนส่วนน้อยมาก และเป็นผลทำให้ตำราโหราศาสตร์ที่คุณศึกษาอยู่นั้นกลายเป็นลูกผสมพันทางไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วิธีวางลัคนาก็ดี ปฏิทินก็ดี จึงเป็นปัญหาไปหมด เพราะนักศึกษาโหราศาสตร์ไม่รู้ว่า อะไรใช้กับอะไร ทำไม เมื่อไร เมื่อใช้ไม่ถูก ทำนายก็ไม่ถูก เอาวิธีทำนายจากโหราศาสตร์ทุกระบบมาทำนายร่วมกัน ผลก็คือความสับสนที่ทุกคนเห็นนั่นเอง

มีคำตอบง่ายๆอยู่คำตอบหนึ่งที่พยายามให้เป็นข้อยุติในความขัดแย้ง ก็คือ “โหราศาสตร์ระบบใด ก็ใช้ แบบนั้น ปฏิทินระบบนั้น” คำตอบเช่นนี้แม้จะถูกอย่างยิ่ง แต่ทุกคนเคยถามตัวเองไหมว่า “แล้วโหราศาสตร์ที่ผม หรือดิฉัน ใช้อยู่ คือระบบใดกันแน่ล่ะ” ในเมื่อวิธีการที่ใช้อยู่ ไม่เคยมีใครมาชี้แจงแยกแยะเลยว่า เป็นโหราศาสตร์ระบบไหนเพราะอะไร คำตอบสำหรับคำถามนี้ยากอย่างยิ่ง เพราะหากจะให้คุณรู้ว่าระบบใดเป็นระบบใด คุณก็ต้องเข้าใจวิธีการสร้างโหราศาสตร์แต่ละระบบ ซึ่งจะอธิบายอย่างง่ายๆไม่ได้เลย เหมือนพยายามเอามหากาพย์มหาภารตยุทธ มาย่อให้เหลือบันทัดเดียว ที่แย่อย่างยิ่งในเวลานี้ก็คือโหราศาสตร์ไทยถูกนำไปใช้อย่างสากล และบางอย่างก็เป็นของระบบอื่นๆ ใครอ่านเห็นอะไรดีก็เอามาใช้ และสอนเผยแพร่กันต่อไปโดยไม่มีความรู้ติดไปด้วยเลย แต่การที่ความสับสนปนเปกันเช่นนี้ยังเป็นอยู่ได้ และมากขึ้น ก็เพราะ การทำนายในโหราศาสตร์ทุกระบบ มีความไม่แม่นยำอยู่ เพราะเกิดจากระบบบ้าง วิธีการบ้าง ผู้ทำนายบ้าง ดังนั้น เราจึงแยกได้ยาก และไม่รู้สึกว่า การที่ทำนายผิดนั้นเกิดจากระบบหรือไม่ จึงไม่คิดจะสงสัยเพื่อแก้ไข ดังนั้น เรื่องจักรราศี ปฏิทิน การวางลัคนา และวิธีทำนายจึงยังเป็นปัญหาตลอดไป

โหราศาสตร์ตะวันตกใช้ระบบดาวจริงในจักรวาลเป็นส่วนมาก และอาศัยมุมระหว่างดาว กับการโคจรในราศีเป็นหลักในการสร้างระบบ ดังนั้นจึงต้องเคร่งครัด เรื่ององศาดาว และราศี ในขณะที่โหราศาสตร์ตะวันออกนั้น ส่วนมากด้อยพัฒนาทางดาราศาสตร์อย่างที่คุณรู้อยู่ แม้แต่นาฬิกาที่เที่ยงตรงก็ยังไม่มีนี่เป็นจุดอ่อนอย่างยิ่งที่โหราจารย์โบราณเองก็รู้ แต่ปรัชญาโหราศาสตร์เองเปิดทางให้กว้างอยู่แล้ว เพราะเราสามารถนำเอาธรรมชาติอื่นมาใช้ทำนายได้เช่นกัน เช่น วงรอบธรรมชาติ วันเดือน ปี และฤดูกาล ล้วนเป็นวงรอบที่มีการเกิดและดับ และตรวจวัดด้วยเครื่องมือหยาบได้ง่ายกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า นอกจากนั้น การศึกษา “ชีวิต” เองเพื่อพยากรณ์ “ชีวิต” ก็นำมาใช้เป็นเครื่องมือทำนายได้ ดังนั้น การที่ขาดข้อมูลความรู้ทางดาราศาสตร์จึงกลับกลายเป็นพัฒนาได้จุดแข็งที่ทำให้โหราศาสตร์ตะวันออกไม่ต้องพึ่งพิงดาราศาสตร์เลยก็ได้ และยังแม่นยำกว่าด้วย เพราะเป็นการตรวจสอบชีวิตโดยตรง โดยไม่ต้องแปลความหมายจากดาราศาสตร์

โหราศาสตร์ตะวันออกในยุคแรกๆจึงพัฒนาโหราศาสตร์ระบบธาตุขึ้นมา เพราะ ธาตุเป็นเนื้อแท้ของชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นบนโลก และได้ตกทอดต่อมา เมื่ออารยธรรมตะวันตกเผยแพร่มาพร้อมกับดาราศาสตร์สมัยใหม่ วิชาทางตะวันออกจึงถูกกลืน พวกที่ไม่ยอมให้กลืนนั้น บางส่วนถอยร่นมาทางแหลมสุวรรณภูมิแห่งนี้ เป็นต้นตอของโหราศาสตร์ไทยเดิม และประเทศจีนซึ่งยังคงอนุรักษ์วิชาธาตุไว้ได้ แต่วิชาธาตุของจีนนั้น พัฒนามาคนละทาง โหราศาสตร์จีนใช้ระบบธาตุในจักรวาล และดาวฤกษ์เป็นจุดเด่น ในขณะที่โหราศาสตร์ทางธาตุแบบไทยใช้ระบบธาตุจากดวงอาทิตย์และสริยจักรวาลประสานกับระบบธาตุบนโลกเป็นจุดเด่น การพัฒนาระบบธาตุให้เข้ากับความรู้ทางตะวันตกนั้น เป็นฝีมือของโหราจารย์ที่เชี่ยวชาญ ไม่ใช่การจับแพะชนแกะอย่างที่ปัจจุบันพวกเราทำกันอยู่ แต่ระบบธาตุมีความยากในการทำความเข้าใจ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องถ่ายทอดโดยเข้มงวด ซึ่งเป็นวิธีที่ทางตะวันออกจะใช้ถ่ายทอดวิชาสำคัญๆอยู่แล้ว เพราะต้องถ่ายทอดด้วยวาจา หรือมุขปาฐะ ในปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาธาตุในไทย จึงต้องมีความรู้ระดับสูงมาก่อนทั้งสิ้น และเมื่อรับการถ่ายทอด จะต้องเริ่มเรียนโหราศาสตร์ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน กฎนี้มีมานานจนไม่ทราบว่าผู้ใดตั้งขึ้น แต่ก็ใช้ได้ผล จึงไม่มีผู้ใดคิดเปลี่ยนแปลง ผู้ที่เรียนโหราศาสตร์ทางธาตุจึงต้องเรียนรู้ความเป็นไปในจักรวาลทั้งหมด เพื่อให้รู้ว่าอะไรอยู่ส่วนไหนด้วย

โหราศาสตร์ไทยเดิมใช้การทำนายโดยผ่านทางเรือน เจ้าเรือน ความสัมพันธ์เรือน และมุมดาว ประสานกับวงรอบธรรมชาติ และโลกหมุน ดวงชะตาแบบไทย ที่เราเห็นกันทุกวันนี้นั้น ไม่มีในชาติอื่นนั้น ตัวเลขต่างๆในดวงชะตาไม่ใช่ดาว แต่ได้มาจากดาว ผมเขียนมามากแล้วในกระทู้ ส่วนใหญ่เราใช้ตัวเลขไทย เพื่อให้รู้ว่าเป็น ธาตุดาว ในขณะที่ใช้ตัวเลขอารบิก เพื่อให้รู้ว่าเป็นดาวจริง ดาวในโหราศาสตร์ไทยแท้ๆนั้น ไม่เคยทำงานอย่างโดดเดี่ยวดวงเดียวเลย แต่ทำงานเป็นทีม ดังนั้นการที่จะดาวโคจรเข้าราศีใด และ ทำงานได้ ต้องผ่านกลไกทางธาตุเท่านั้น เพื่อเชื่อมโยงธาตุดาว และเป็นระบบธาตุของชีวิต เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่ดาวจะมีองศาเท่าใดจึงไม่เป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ใช้องศาดาวเป็น และมีประสิทธิภาพ เพราะปฏิกิริยาโดยองศาของดาวที่โหราศาสตร์ตะวันตกใช้นั้น หากไม่ผ่านระบบธาตุชีวิต จะมีผลต่อความเป็นไปของบุคคลน้อย แต่จะไปมีผลส่วนใหญ่ต่อส่วนรวมกว้างๆ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น โหราศาสตร์ไทย และจีน จึงมีจุดเด่นในเรื่องการทำนายดวงชะตาบุคคล ได้ลึกซึ้งมากกว่าทางตะวันตก

หากจะใช้โหราศาสตร์ไทยเดิม เราจึงควรใช้ปฏิทินสุริยาตร์ แม้ปฏิทินนี้จะไม่ถูกต้องไปทุกส่วน คนส่วนใหญ่มักจะตำหนิว่า ปฏิทินนี้ตำแหน่งดาวไม่ตรงกับตำแหน่งดาวจริงบนท้องฟ้าทำให้คำทำนายผิดพลาดและดูดาวจริงไม่ได้ คำกล่าวนี้เป็นความผิดพลาดในความคิด เราต้องถามตัวเองใหม่ว่า ปฏิทินมีไว้ใช้ทำอะไร โหราศาสตร์อื่นใช้ปฏิทินเพื่อการดูดาว แล้วโหราศาสตร์ไทยจะใช้ปฏิทินเพื่อการอื่นได้หรือไม่ และให้ใครใช้......หากมีใครมาบอกว่ากะปิไทยใช้ไม่ได้เพราะทำแซนวิสไม่อร่อย ควรจะออกกฎหมายห้ามทำกะปิ หันมาบังคับให้ทำแยมแอ้ปเปิ้ลเท่านั้น คุณเห็นด้วยหรือไม่ สมัยก่อนพวกเราเรียก ตารางดาวว่า ปูมดาว หรือภาษาเก่าจริงๆว่าเรียกว่า แก่นธาตุ ไม่ใช่คำว่าปฏิทิน คนที่มาเรียกว่าปฏิทิน ก็เพราะเห็นว่าเป็นตารางที่เกี่ยวกับการโคจรของดาว เป็นดาราศาสตร์เหมือนกัน และคำนี้ก็ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ที่ใครมาใช้ชื่อเข้าแล้ว จะต้องใช้เหมือนกันหมด หากใช้ไม่เหมือนข้าพเจ้า เป็นอันว่าใช้ไม่ได้ต้องยกเลิก เพราะข้าพเจ้าได้ทดสอบนำเอากะปิของท่านมามาทำพิซซ่าแล้ว รสชาติไม่ถูกปากฝรั่งอะไรแบบนั้น

ดังนั้น คุณต้องกลับไปทบทวนใหม่ ว่าคุณกำลังใช้วิชาดูดาวแบบใดอยู่ หากคุณยังใช้วิธีดูดาวแบบโหราศาสตร์ไทยลูกผสมพันทาง ก็ต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง เพราะโหราศาสตร์ไทยเดิม ก็ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่นำปฏิทินจากดาราศาสตร์มาใช้ และหากใช้ปฏิทินดาราศาสตร์ ก็ควรใช้แบบโหราศาสตร์ตะวันตก จะมีความแม่นยำดีมาก เพราะเป็นหลักการของระบบที่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติ โดยส่วนตัวผมเองใช้ได้ทุกระบบ เหมือนคนเราที่พูดได้หลายภาษา แต่ละภาษาก็เขียนวรรณกรรมได้ซาบซึ้งเหมือนกัน ไม่ใช่เอาไวยากรณ์อังกฤษมาเขียนไทย เอาภาษาแบบไทยๆไปคุยกับฝรั่ง ผมมีเพื่อนเป็นโหรฝรั่งที่เชี่ยวชาญโหราศาสตร์สากลหลายคน และปัจจุบันเขาก็ยังมาขอความรู้เรื่องธาตุจากผมอยู่ คนตะวันตกเสียเองเขากลับไม่ได้ดูถูกโหราศาสตร์ไทย มีแต่ไทยเราดูถูกกันเองทะเลาะกันเอง อยู่ทุกวันนี้ ทั้งๆที่เอาเข้าจริงแล้ว คนที่ว่า “รู้”โหราศาสตร์ตะวันตก หรือโหราศาสตร์ไทยก็ตามนั้น ยังไม่ทราบว่ารู้จริงหรือเปล่า

เรื่องอันโตนาทีนั้น เคยเขียนไปมากแล้ว โหราศาสตร์ไทยใช้อันโตนาทีสามัญเป็นหลัก ไม่ใช่ “เป็นถูก” และใช้เวลา 6 นาฬิกาเช้าเป็นค่าเฉลี่ย ตัดเวลาเป็นเวลาท้องถิ่น เพราะเราใช้นาฬิกาเวลาเกิดตามสากล เพื่อคำนวณตำแหน่งคร่าวๆของลัคนา โหรไทยหาลัคนาโดยการสอบลัคนา ไม่ใช่โดยการคำนวณ ดังนั้น แม้จะหาลัคนามาโดยใช้อันโตนาทีแบบใด หรือ ใช้เวลานักษัตรก็ตาม ก็ต้องสอบลัคนา การสอบลัคนานั้นดูยุ่งยากสำหรับผู้เรียนที่หัดใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับโหรไทย เพราะพัฒนาวิธีสอบลัคนาได้รวดเร็ว เหมือนคนที่อยู่ใกล้คลอง ก็ว่ายน้ำเก่งกว่าคนบนภูเขา โหรจีนใช้ยามเกิดยาวถึงสองชั่วโมง เพื่อหาลัคนา ก็ไม่เป็นปัญหาใดๆเลย สามารถทำนายได้แม่นยำเหมือนจับวาง เพราะใช้วิธีในระบบธาตุจักรวาล ไม่ได้ใช้มุมดาวโดยองศา ลัคนานั้น แม้จะมีคำจำกัดความเหมือนกัน แต่ ลัคนาในโหราศาสตร์ไทย และจีน เป็นลัคนาโหราศาสตร์ ไม่ใช่ ลัคนาดาราศาสตร์ ดังนั้น การที่ผู้นำลัคนามาใช้ผิดฝาผิดตัว ก็ต้องสางปัญหาเอาเอง สงสารเพียงผู้ที่ยังกำลังศึกษาอยู่เท่านั้น ที่สับสนรวนเรไปหมด ดังนั้น จึงเห็นใจคุณที่พยายามนำโหราศาสตร์มาช่วยทำความเข้าใจชีวิต แต่ประสบปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ การที่คุณดูดาวดวงเดียว เช่นดาวเสาร์จรเข้าราศี แล้วมาจับดูจากเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวเอง จึงเป็นวิธีที่ไม่ถูก หากใช้โหราศาสตร์ไทยแล้ว ดวงดาวจะทำงานกันเป็นทีมประสานกับเรือนและธาตุดาวเดิม ดังนั้น แม้เสาร์จะจรเข้าราศีใดซ้ำรอบ แต่ทีมดาวไม่เหมือนกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะไม่เหมือนกันในแต่ละรอบ


วรกุล - 17 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:28น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 29
ชอบจริงๆ กับคำกล่าวของท่านอ.วรกุลที่บอกว่า

คนตะวันตกเสียเองเขากลับไม่ได้ดูถูกโหราศาสตร์ไทย มีแต่ไทยเราดูถูกกันเองทะเลาะกันเองอยู่ทุกวันนี้

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง


แบเบาะ - 17 กรกฎาคม พ.ศ.2548 19:59น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 30
ท่านอาจารย์วรกุลครับ ผมมีความสงสัยเรื่อง พระรูป พระสมครับ ว่าคืออะไร และใช้อย่างไรในการพยารณ์ดวง คือเห็นในเว็ปอื่น ๆ เขาพูดกันแต่คงหวง เลยไม่มีใครอธิบายครับ แต่ถ้าท่านอาจารย์จะกรุณา ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ


อ่อนหัด - 17 กรกฎาคม พ.ศ.2548 22:25น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 31
ท่านอาจารย์ วรกุล ครับผมทราบว่า ท่านอาจารย์มีอายุแล้วจึงไม่อยากรบกวนมาก แค่ได้ตาดูท่านอาจารย์ ตอบกระทู้ต่าง ๆ ได้ความรู้นี่ก็เป็นพระคุณที่สุดแล้วครับ แต่ผมเองพึ่งหัดดูดวงมายังไม่ชำนาญอะไร แต่ก็มีใจรักวิชานี้ และได้เห็นว่าท่านอาจารย์ตอบกระทู้ที่ 19 จึงสงสัยดวงตัวเอง ว่าจะเป็นหมอดูได้หรือไม่ เพราะเรียนมาหลายปีแล้วยัง งู ๆ ปลา ๆ อยู่เลยครับ จึงอยากรบกวนท่านอาจารย์สักเล็น้อยให้พิจจารณาดวงผมเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาวิชาหมอดู ว่าจะพอไปรอดหรือไม่ครับ และในปีหน้านี้ผมตั้งใจจะออกตามหาครูบาอาจารย์เพื่อเรียนวิชานี้อย่างจริงจัง ตามสมาคมต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ควรหาครูบาอาจารย์ที่มีลักษณะใดครับ ถ้าดวงบอกได้ก็อยากให้ท่านอาจารย์ วรกุล แนะนำจะเป็นพระคุณอย่าสูงครับ ผมเกิด 8 กรกฏาคม 2519 13.39 น. จันทบุรีครับ


ขอคารวะ - 17 กรกฎาคม พ.ศ.2548 22:54น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 32
อยากเรียนบอกประวัติย่อ ๆ ของผมเพื่อเป็นปรโยชน์ในการสอบดวงชะตาครับ ผมต้องไปอยู่กับปู่ตั้งแต่เล็กที่กรุงเทพ ได้มาอยู่กับพ่อแม่เมื่ออายุ 16 ปี 2537 ปี 2539 คุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคไต ตั้งแต่อายุ 17 เป็นต้นมาเปลี่ยนที่เรียนมา 6 ที่ เพราะคุณปู่เสียชีวิตและตามพ่อไปรักษาตัว จนคุณพ่อเสียก็เปลี่ยนที่เรียนอีก ต่อมาไปอยู่ดูแลคุณย่าก็เปลี่ยนที่เรียนอีก พอคุณย่าเสียก็เปลี่ยนที่เรียนเพราะย้ายที่อยู่อีก ทั้ง ๆที่ ผมเป็นคนที่เรียนดีมาตลอด โดยเฉพาะวิชาที่ตัวเองชอบคือวิทยาศาสตร์ ศาสนา สังคม และกิจกรรมต่าง ๆ ทุกประเภท วิชาที่สนใจจะสอบได้เคะแนนเต็มเกือบทุกวิชาไม่ว่าจะออกข้อสอบยากขนาดไหน แต่สุดท้ายเมื่อมาเรียนรามคำแหง ก็ทำงานไปด้วยและเป็นงานที่ต้องเดินทางบ่อยจนเลิกเรียนไปในที่สุด แต่ก็มีวิชาชีพที่พ่อและคุณย่าสอนและถ่ายทอดไว้ให้คือการทำอาหารครับ วิชาที่ชอบที่สุดและไม่เคยทิ้งก็คือ ทำอาหาร และโหราศาสตร์ครับและอยากเรียนท่านอาจารย์อีกเล็กน้อยว่า ผมลองดูดวงตัวเองไม่ทราบว่าจะผิดหลักที่ถูกต้องหรือไม่ครับ อย่างไรขอความกรุณาท่านอาจารย์ชี้ทางสว่างให้ด้วยจะเป็ฯพระคุณอย่างที่สุดครับ ลัคนาอยู่พิจิก จันทร์-เกตุกุมลัคน์ มีเสาร์ อยู่กรกฏ เป็นคนชอบเก็บตัวแม้คบใครก็คบได้แต่คบให้สนิทยาก เพราะไม่ค่อยไว้ใจใครและขี้ระแวง พฤหัส เล็งลัคน์ ชอบเรื่องการศาสนาแต่เป็นคนรวนเรเปลี่ยนใจง่าย แต่ถ้าปักใจเชื่ออะไรแล้วจะไม่เปลี่ยนใจ และไม่ค่อยผูกพันอะไรกับใคร พฤหัส เป็นตนุเศษ อยู่พฤศภ ศุกร์อยู่เมถุน ร่วมอาทิตย์ พุธ ชอบศึกษาเรื่องที่ลึกลับเรื่องทีต้องค้นคว้าจริงจังและต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ชอบคบกับผู้มีความรู้ความสามารถ อังคารตรีโกณฑ์ ราหู มฤตยูตรีโกณฑ์อังคาร ทำอะไรทำจริงและเปิดเผยแต่ลุ่มหลงอะไรแล้วก็สุดโต่ง อังคารเป็นตนุลัคน์ อันนี้ไม่ทราบวิธีทายครับ ถ้าท่านอาจารย์จะกรุณษแนะนำจะเป็นพรคุณอย่างสูงครับ ผมมาถูกทางหรือหลงทางอย่างไรถ้าท่านอาจารย์ วรกุล จะเมตตาแนะนำสักเล็กน้อยก็จะเป็นพระคุณที่ไม่มีวันลืมครับ


ขอคารวะ - 17 กรกฎาคม พ.ศ.2548 23:46น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 33
สวัสดีครับ อ. วรกุลวันนี้มีคำถามมาขอคำชี้แนะอีกแล้วครับ...คือวันก่อนมีโอกาสสนทนากับรุ่นพี่คนหนึ่ง แกกำลังจะคลอดด้วยวิธีผ่าท้องครับ เลยพูดเปรยๆขึ้นมาว่า น่าจะไปดูดวงหน่อยนะ จะได้เลือกวันผ่าดีๆผมก็ นึกถึงที่ อ. เคยเขียนเลยครับ มีสองประเด็นครับว่าโดยปกติเราเลือกเอาเวลาที่เด็กลืมตาดูโลกเป็นเหตุการณ์สำคัญอันหนึ่ง ซึ่งจะเอามาใช้เป็นหลักในการทำนายได้ประเด็นที่สองก็คือ โหราศาสตร์ไทย เราเอา "ธรรมชาติ" มาใช้เป็นหลักในการทำนาย "ธรรมชาติ" ของมนุษย์ทีนี้ การที่เรา "เลือก" เวลาให้เด็กลืมตาดูโลกเอง จะถือว่าเป็นการ "ฝืน" ธรรมาชาติของช่วงเวลาที่เด็กควรจะเกิดหรือไม่ครับ ซึ่งจะทำให้การทำนายต่อๆไปคลาดเคลื่อนได้มั้ย ถ้าใช่ เราจะมีวิธีแก้อย่างไรครับอีกประเด็นนึงก็คือ ถ้าเราจัดว่าการทำแบบนี้ "ฝืน" ธรรมขาติแล้ว เราจะเอาวิชา โหราศาสตร์มาใช้ทำนายได้อีกหรือไม่ครับ และถ้าได้ เราควรจะทำยังไงขอบคุณมากครับ


โกวเล้ง - 18 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:02น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 34
เรียน อ.วรกุล

ดิฉันชอบวิธีตอบคำถามของ อ. มากค่ะ เพราะเข้าใจได้ดีกว่าอ่านหนังสือบางเล่มอีกค่ะ ดิฉันขอความรู้จากอ.หน่อยนะคะ ว่า

1.ถ้าเกษตรของเจ้าเรือนทุสถาน ได้มาตรฐานที่ดีเช่น เป็นอุจ เป็น ราชาโชค มหาจักร และเกษตร นั้น จะมีความหมายว่าอย่างไร และต้องใช้ธาตุของดาว และธาตุของราศึ หรือมุมสัมพันธ์ของดาวประกอบด้วยหรือไม่

2. ดาวที่กุมลัคนา กับดาวเจ้าเรือนลัคนา สิ่งไหนสำคัญกว่ากันคะ

3. ดาวมฤตยูอยู่ในเรือนกดุมพะ ราศีสิงห์ เกษตรเจ้าเรือนไปอยู่ราศีพฤษภ มีความหมายว่าอย่างไรคะ และในการอ่านต้องตามไปอ่านเกษตรของเรือนลาภะของราศีพฤษภด้วยหรือไม่คะ เพราะดาวศุกร์เจ้าเรือนลาภะได้มาตรฐานราชาโชคกุมลัคนาอยู่ค่ะ

4. ดาวที่เบียนลัคนา หมายความว่าอย่างไรคะ

5. ในการอ่านเรือนชะตาแต่ละเรือนนั้น นอกจากความหมายของเรือนแล้ว ธาตุของดาว และมุมสัมพันธ์ของดาวประกอบกับประเภทของดาวคือบาปเคราะห์ ศุภเคราะห์และธาตุราศึที่เรือนชะตาและดาวอาศัยอยู่ ประกอบกับมาตรฐานต่าง ๆ ของดาวนั้น ๆ ต้องใช้พิจารณาประกอบกันด้วย ดิฉันเข้าใจถูกต้องหรือไม่คะ

6. ดิฉันขอรบกวนให้ อ.อ่านดวงชะตาของดิฉัน สัก 1 เรือนเพื่อเป็นการยกตัวอย่างและเป็นแนวทางที่จะเข้าใจได้มากขึ้น

ดวงที่ถามเป็นดวงของดิฉันเองค่ะ เกิด 1 มิ.ย. 2510 เวลา 08.20 น. เกิดรพ.วชิระค่ะ ดิฉันศึกษาจากหลายตำราประกอบกัน แต่ยังไม่มีเวลาหาที่เรียนอย่างที่ อ. เคยแนะนำ ก็เลยอยากถามพื้นความรู้ง่าย ๆ ไปก่อน หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวน อ. มากเกินไปนะคะ ขอขอบคุณค่ะ


พิมพ์ธนา - 18 กรกฎาคม พ.ศ.2548 15:34น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 35
ตอบ 30 คุณ อ่อนหัด..........เรื่อง พระรูป พระสม ผมจำไม่ได้แล้วครับ ว่าเป็นเรื่องอะไร มาจากตำราไหน ดูเหมือนมาจากโลกธาตุใช่ไหม นานเกือบ 40 ปีได้แล้วที่ได้ยินคำนี้ ศัพท์บางคำก็เป็นคำเรียกเฉพาะยุค และคนบางกลุ่ม เหมือนบางภาคเรียกสัปปะรดว่า ยานัด ถ้าเอาเรื่องชื่อออกไป รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ช่วยอธิบายได้ครับ ตอนนี้ดูเหมือนจำได้ว่า คำเต็มคือ สมเคราะห์ และ รูปเคราะห์ ใช่หรือเปล่า

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 31 คุณ ขอคารวะ........ดูกระทู้อาจารย์ศุภกรมา คุณมีปัญหาเวลาเกิดหรือ เคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนว่าเกิดเวลาอะไรครับ หากไม่รู้แน่ ไม่เห็นตัวคุณ คงหาลัคนาได้ยากหน่อย

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 33 คุณ โกวเล้ง..........อ่านที่คุณเขียนแล้วไม่รู้ว่าคราวก่อนผมเขียนได้ชัดเจนพอหรือเปล่าครับ จะลองดูใหม่เอาย่อๆ ชิวิตมนุษย์เริ่มเกิดในครรภ์มารดา เมื่อชีวิตเกิด หากเราผูกดวงชะตาได้ ก็จะสะท้อนให้เห็นกรรมเก่าที่พาเรามาเกิด แต่เรายังไม่มีแขนมีขามีตัว เมื่อครบ 9 เดือน โดยประมาณ ทารกแข็งแรงพอเท่าที่ธรรมชาติกำหนด หรือไม่แข็งแรงก็ตาม ดวงเดิมจะบังคับให้เราเกิด นั่นคือเวลาตกฟาก ที่เรียกว่า ทารกเกิด ใช่ไหม ดวงชะตากำเนิดทารกนี้ เป็นผลของกรรม ไม่ใช่เป็นเหตุของกรรม ดังนั้น การที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงผลจากเหตุใดเหตุหนึ่ง โดยวิธีอะไรก็แล้วแต่ ไม่อาจย้อนไปแก้ไขเหตุได้

เอ้า สมมุติว่า กรรมเดิมเด็กคนนี้จะเกิดมายากจนเพราะทำบาปมา ก็แล้วกัน เดิมจะต้องเกิดวันจันทร์หน้า หากผูกดวงที่วันจันทร์หน้า อนาคตเด็กคนนี้ต้องเป็นขอทานแน่นอน ทีนี้ หากเราวางดวงชะตาผ่าตัดวันจันทร์นี้ เพราะดาวต่างๆกำลังเดินดี กำหนดผ่าตัดให้ลัคนาอยู่ที่ดีๆ ดวงชะตาบอกว่าจะได้เป็นเศรษฐีมีเงินหมื่นล้าน แน่นอน แต่เมื่อเด็กเติบโตขึ้นแล้ว เขาก็ยังคงเป็นขอทานอยู่ เพราะการที่เป็นขอทานนั้น เป็นผลมาจากกรรม ไม่ได้เป็นผลมาจากเวลาเกิด นี่เป็นหลักสำคัญมากที่เราต้องทำความเข้าใจให้แจ่มชัด ไม่หลงผิดไปตามหมอดูขี้ยุยงทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่อง ดังนั้น การที่คนเรามีเวลาเกิดเท่าใด หากปล่อยไปตามเวรตามกรรมเดิม ก็จะ เป็นดวงชะตาที่แท้จริง ดวงชะตานี้จึงจะเป็นตัวสะท้อนเรื่องในชีวิตของเรา แต่หากเราไปขัดขวาง ไม่ยอมให้มีการเกิดตามกำหนด ทีนี้ละ เราก็จะไม่รู้เวลาเกิดที่กรรมกำหนดมา เราจะผูกดวงชะตากำเนิดที่แท้จริงได้ยาก

เมื่อเราไปบันทึกเวลาเกิดที่จงใจผ่าตัดมา ดวงชะตาขณะนั้นก็เป็นเหตุการณ์สำคัญอันหนึ่ง แต่ว่าเราจะเอาไปดูดวงชะตาว่าเป็นเศรษฐีตามที่ใฝ่ฝันไว้ไม่แม่น เพราะไม่รู้ดวงชะตาที่แท้จริงที่ธรรมชาติกำหนดมา และเราไม่ได้ใช้ ดังนั้น แม้เอาดวงชะตาที่ผ่าตัดออกมาตามวินาทีนั้นแน่นอน ก็จะทำนายไม่ถูก หรือถูกบ้างนิดๆหน่อยๆ เช่น ดาวสถิตในราศี โหราศาสตร์ยังคงแม่นยำอยู่ใช้ได้ เพียงแต่ดวงชะตาของเขาผิด ก็ทายไม่ถูก เหมือนคนที่ไม่มีดวงชะตานั่นเอง

แต่ประเด็นของคุณหมายถึง การคลอดด้วยการผ่าตัด ซึ่งเป็นความจำเป็นคลอดเองไม่ได้ หรือ จำเป็นเพราะไม่อยากคลอดเอง หรือเพราะอะไรก็ตาม การตัดสินใจที่จะผ่าออกนั้นมักจะเป็นไปตามดวงชะตา คือ กรรมเดิมจะเป็นตัวผลักดันให้เราไปผ่าตัดทำคลอดเอง เหมือนเป็นลางสังหรณ์ หรือจิตใต้สำนึกบอกหมอ หรือบังคับให้หมอบอกเรา ดังนั้น ดวงชะตาก็จึงยังคงเป็นดวงชะตาที่แท้จริงเหมือนกัน แต่ถ้าเราฉวยโอกาสบอกหมอ ให้ผ่าตัดตอนนั้นตอนนี้ ซึ่งอาจจะช้าเร็วแค่ 1 – 2 ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ได้ลัคนาที่ดีๆ แบบนี้ ก็จะเป็นไปกลายเป็นดวงชะตาผิดเหมือนเดิมข้างต้น (หรืออาจจะกลับกลายเป็นถูก เพราะชะตามาบันดาลให้ตัดสินใจกลายเป็นตามกรรมเดิมก็ตาม) เวลาเกิดที่ได้มานั้น จะเป็นเพียงเวลาทางดาราศาสตร์ ลัคนาก็จะเป็นลัคนาดาราศาสตร์ แต่เวลาเกิดที่แท้จริงตามกรรมเดิมของเรา ลัคนาอาจอยู่ที่อื่น เรียกว่า ลัคนาโหราศาสตร์ เป็นลัคนาที่แท้จริง การทำนายดวงชะตาตามโหราศาสตร์ไทยและจีนจะต้องใช้ ลัคนาโหราศาสตร์ เพราะเกี่ยวด้วยระบบธาตุของชีวิต

แม้คนที่คลอดตามปกติ ลัคนาดาราศาสตร์ กับ ลัคนาโหราศาสตร์ ก็อาจจะไม่ตรงกัน เพราะอาจจะมีความล่าช้า หรืออะไรที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมขณะเกิด เพียงแต่ว่า หากเราคลอดตามธรรมชาติผลักดันแล้ว ลัคนาทั้งสองอาจใกล้เคียงซ้อนทับ ใช้แทนกันได้เลย แต่ถ้าเราไปแก้ไขผลักดันเปลี่ยนเวลาคลอดผิดจากธรรมชาติ เมื่อลัคนาที่ทำเองนั้นเลื่อนไปจากของจริง จะกลายเป็นว่า ลัคนาดาราศาสตร์ อยู่ห่างจากลัคนาโหราศาสตร์มาก จึงต้องทดสอบดูให้รู้ลัคนาที่แท้จริง เรียกว่า สอบลัคนา ดังนั้นโหรไทยจึงไม่ค่อยแคร์ เรื่องอันโตนาที องศาลัคนา หรือ เวลาเกิดเท่าใดนัก สมัยโบราณแค่บอกว่า เกิดเวลาควายเข้าคอก ก็ผูกดวงทายได้แม่นยำแล้ว


วรกุล - 18 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:32น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 36
เรียนท่านอาจารย์ วรกุล ครับ ผมเกิด 8 กรกฏาคม 2519 15.39 น ครับ แต่13.39 น เป็นเวลาเกิดของน้องชายผม ที่เกิดวันเดียวกันเดือนเดียวกันแต่ห่างกัน 2 ปีครับ จำผิดอยู่เสมอครับ หวังว่าคงไม่เป็การรบกวนท่านอาจารย์จนเกินไปครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ


คารวะ - 18 กรกฎาคม พ.ศ.2548 20:38น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 37
และผมเมื่อวัยรุ่นลักษณะสันทัด สูง170 ซ.ม. หนัก 65 กก. แต่พอเข้าอายุได้ 25 ไม่ได้ออกกำลังกายเหมือนเคยเลยเริ่มอ้วนขึ้นมาก จนน้ำหนัก ถึง 110 ก.ก. แต่ตอนนี้ผมกลับมาออกกำลังและควบคุมอาหาร น้ำหนักกลับลดลงมาอยู่ที่ 70 ก.ก. ครับ หน้าผม หน้าผากกว้าง หน้าเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า คางแหลมปากรูปกระจับครับ มีแผลเป็นที่หน้าผากเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่แหลมสิงห์ ตั้งแต่อายุ 6-7ขวบ ช่วงปีใหม่ปีใดปีหนึ่งจำไม่ได้ครับ ไม่ทราบพอจะช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ครับ ที่ผมคิดคือเท่าที่ทราบท่านอาจารย์คงวางลัคณาผมที่ตุลย์ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นข้อสงสัยอีกประการหนึ่งของผม คือไม่ทราบว่าจะใช้วิธีใดในการวางลัคณาถึงถูกต้องกันแน่ แต่เท่าที่อ่าน คำอธิบายของท่านอาจารย์มาหลายกระทู้ ทราบว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ การหาจุดวางลัคณาที่ถูกต้อง ด้วยวิธีการสอบลัคณาครับ และถ้าลัคณาผมอยู่ตุลย์ ควรจะทายไปในแนวทางว่าอย่างไรครับ อย่างไรถ้าท่านอาจารย์จะกรุณาอธิบายเรื่องที่ผม(ไม่)เข้าใจนี้สักเล็กน้อยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ


ขอคารวะ - 18 กรกฎาคม พ.ศ.2548 21:30น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 38
เที่ยวนี้ เหมือนเขียนขยายความในบางจุดจากครั้งที่แล้วครับทำให้ผมเข้าใจมากกว่าเดิมมากครับ ขอบคุณมากครับ


โกวเล้ง - 19 กรกฎาคม พ.ศ.2548 00:33น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 39
เรียน อาจารย์วรกุลฯ ผมขอขอบคุณมากสำหรับความกระจ่าง ผมพอเข้าใจเพิ่มขึ้นแล้วครับ และจะศึกษาเพิ่มเติมต่อไป โดยจะใช้ทั้งสองระบบ แต่จะแยกพิจารณาแต่ละตำราออกจากกัน ส่วนที่อาจารย์ชี้แจงมานี้ทำให้ผมต่อยอดความคิดได้จากที่ได้อ่านคำตอบจากส่วนๆต่างๆมาจนถึงกระทู้ที่ 6 โดยจะให้ความสำคัญกับคัมภีร์สุริยาตร์ก่อน จนเมื่อเข้าใจหลักเกณฑ์ต่างๆแล้วจึงจะหันไปพิจารณาแบบดาราศาสตร์ ก็ขอกราบขอบพระคุณมาอีกครั้ง ผมจะอ่านคำตอบของอาจารย์ต่อไปและหากมีข้อสงสัยใดจะกราบรบกวนอีกครับ ขอบคุณ


ปุญชรัสมิ์ - 19 กรกฎาคม พ.ศ.2548 00:59น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 40
เรียน อาจารย์วรกุล

ผมอยากจะขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องตำราการขับพระเคราะห์เข้าอุจจ์กับอาจารย์สักเล็กน้อย คือว่า ผมมีข้อสังเกตอยู่สองข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้

๑. ดวงพระชะตาขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ในตำราขับพระเคราะห์เข้าอุจจ์ เป็นดวงที่ขับอีกทีหนึ่งใช่หรือไม่ครับ? เพราะเคยเห็นดวงพระชะตา(ดวงพระพิชัยสงคราม)ที่คำนวณจากคัมภีร์สุริยยาตร์ สมัยรัชกาลที่ ๔ นั้นดาวบางดวงอยู่คนละราศีกัน

๒. เลขเกณฑ์ที่ใช้ขับดาว จำเป็นต้องยึดตามตำราที่มีอยู่ในหนังสือหรือไม่(มีเลขเกณฑ์อยู่ชุดเดียว)? เพราะผมมองดูแล้วรู้สึกว่า แต่ละคนก็น่าจะคำนวณเลขเกณฑ์ต่างกันไป ถ้าดวงพระชะตาในตำราเป็นดวงที่ได้จากการขับพระเคราะห์ขึ้นมา ไม่ได้เป็นการหาจากการคำนวณตามคัมภีร์สุริยยาตร์ เลขเกณฑ์ก็น่าจะแตกต่างกัน

สิ่งนี้เป็นเพียงความคิดของผมเท่านั้น ถามมากกว่านี้เกรงผู้อื่นจะหาว่า นอกครู นอกตำรา

ขอแสดงความนับถือ


อ่อนหัด - 19 กรกฎาคม พ.ศ.2548 10:07น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 41
สวัสดีท่านอาจารย์วรกุลที่นับถือ และเพื่อนๆ

เนื่องด้วยมูลนิธิฯ ได้กำหนดจัดงาน "วันไหว้ครู" ในวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2548 ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป จึงขอเรียนเชิญท่านอาจารย์วรกุล และเพื่อนๆ หากไม่ติดภาระกิจใดขอเชิญไปร่วมงานด้วย

ในงานนี้ได้จัดให้มีการสวดนพเคราะห์ควบไปกับพิธีไหว้ครูโหรไปพร้อมกัน จึงเรียนเชิญทุกท่านไปร่วมงาน.....สวัสดี


ศิษย์ 2000 - 19 กรกฎาคม พ.ศ.2548 11:02น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 42
ตอบ 34 คุณ พิมพ์ธนา..........1 / โดยทั่วไป เรือนทุสถานะ ได้แก่ อริ มรณะ วินาสน์ จะแสดงผล ซึ่งทำให้ เรื่องราวทั้งหลายที่ควรเป็นไปตามทางของมัน สะดุด หยุด หรือยกเลิก เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมองในแง่นี้ก็เป็นอุปสรรคที่ไม่ดี ดังนั้น เมื่อดาวเหล่านี้มีกำลัง ก็จะมีผลมากขึ้น ก็ควรจะไม่ดีมากขึ้น แต่อย่างที่เคยบอกว่า หากอุปสรรคเหล่านี้ ไปขัดขวางความไม่ดีที่กำลังเกิดขึ้น เช่นรถยนต์กำลังไหลไปกำลังจะตกเหว เมื่อสะดุดหยุดลง กลับกลายเป็นผลดี ไม่ตาย การดูดาวดวงใดในดวงชะตา ต้องดูทั้งในระบบเรือนและดาว ซึ่งในระบบเรือน ก็ดูความสันพันธ์เรือน และเจ้าเรือน ในระบบดาว ก็ต้องดูธาตุดาว ธาตุราศี และความสัมพันธ์ทางมุม (ไม่ใช่องศา) ถูกแล้ว

2 / ตอบตามหลักก็ต้องว่าเจ้าเรือนลัคนาสำคัญกว่า เพราะเป็นเจ้าเรือนที่จะนำความดี ร้ายใดๆ เข้าสู่ลัคนา คำว่า “สำคัญกว่า” ไม่ได้แปลว่า “ดีกว่า” หรือ “แข็งแรงกว่า” เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบอีกหลายอย่าง เช่นดาวอื่นที่มาสัมพันธ์ ทั้งทางเรือนและทางดาว เปรียบเหมือน ลัคนาเป็นบ้านเช่า เจ้าของบ้านคือเจ้าเรือนลัคน์ ย่อมมีสิทธิในการจัดการ บ้านนั้น ดาวที่มากุมลัคนา เป็นผู้มาเช่าอยู่อาศัยเท่านั้น เจ้าของบ้านย่อมสำคัญกว่าทั้งทางกฎหมายและอิทธิพลต่อบ้าน แต่ผู้เช่าบ้านอาจมาป้องกันรักษา หรือเผลอทำไฟไหม้บ้านก็ได้

3 / และ 6 / ก็ต้องอ่านเรือนก่อน เป็นสองจังหวะ ๑ เจ้าเรือนกดุมภะ ไปลาภะ ๖ เจ้าเรือนลาภะมากุมลัคน์ กดุมภะ – ลาภะ – ตนุ คือ การเงิน + สำเร็จ + ตน การเงินจะใช้ไปเพื่อความสำเร็จของเจ้าชะตา มฤตยูเป็นดาวอาศัย เรือน กดุมภะ มฤตยู หมายถึง ไม่ปกติ พิเศษ จึงควรแปลว่า การเงินจะไม่ปกติ เนื่องจากถูกใช้ไปเพื่อความสำเร็จของเจ้าชะตา หรือเจ้าชะตาได้รายได้พิเศษมาจากการทำอะไรสำเร็จด้วยตนเอง และยังมีความหมายอื่นได้อีกก็ได้ เหมือนเราตั้งกระทู้แต่งนิทานให้เด็ก ว่า “หมวก ขาว เมฆ” เด็กอาจแต่งว่า “หนูใส่หมวกสีขาวเหมือนปุยเมฆ” ก็ถูกตามกระทู้ใช้ได้ ศุกร์ที่เป็นลาภะราชาโชคกุมลัคน์ ก็คือ ลาภผลความสำเร็จงดงาม (ในกรณีนี้) แล้วเราก็มาอ่านดาวในเรือน พฤหัส ศุกร์ ในเรือนตนุ นิสัยเป็นคนละเอียดรอบคอบดี มีวิจารณญาณสูง มีศีลธรรมประจำใจ จันทร์ ตนุไปอยู่เรือนราหูธาตุลม มีมฤตยูเล็ง ทำให้ชีวิตมีความเปลี่ยนแปลง ผันผวน อยู่เสมอ ราหูโยคหน้าจันทร์ ทำให้ วาสนาชะตาตกอยู่เป็นพักๆ ราหูเล็งเกตุ จตุโกณเข้าหาลัคนา มีอุปสรรคขัดข้องไม่มั่นคงในการงานอาชีพและหลักฐานครอบครัว อ่านไปได้เรื่อยๆ ทุกมุม แต่ถ้าเริ่มหัดใหม่อาจจะงงเสียก่อน เดี๋ยวจะท้อ ค่อยๆอ่านดวงตัวเรา เปิดหนังสือค้นความหมายไปเรื่อย หัดคิดเอง อย่าท่องจำ จะได้ก้าวหน้า

4 / ดาวเบียนลัคนา มีสองแบบ คือ หนึ่ง เบียนด้วยตำแหน่งจากลัคนา เช่น อยู่เรือน อริ มรณะ วินาสน์ ทำให้ลัคนาเกิดอุปสรรค ตามข้อ 1 / สอง เบียนด้วยการส่งความไม่ดีสู่ลัคนา เช่น ดาวที่มาเป็นคู่ศัตรุ หรือขัดแย้งทางธาตุดาว หรือทางราศีธาตุ แม้จะไม่ได้อยู่ทุสถานะต่อลัคนา แต่ทำให้ลัคนาอ่อนกำลัง หรือเกิดเรื่องไม่ดี เช่น สมมุติลัคนา คือบ้านเรา หากมีดาวคู่ศัตรู สองคนมาตีกัน หรือทะเลาะกันในบ้าน ก็ย่อมทำให้เจ้าของบ้านไม่สงบสุข หนวกหู นอนไม่หลับ หรือป่วยเพราะเหตูนี้ได้บ่อยๆ

5 / ถูกต้องทุกอย่าง ยกเว้น คำว่า “มาตรฐานของดาว” นั้น ยังไม่ต้องพิจารณาเลย เอาไว้ทีหลังสุด เพราะคุณอาจเข้าใจผิดคิดว่าดาวดี หรือร้าย เพราะมาตรฐานดาว เรื่องนี้เขียนไปมากแล้ว และคำว่า “บาปเคราะห์ ศุภเคราะห์” ก็เช่นกัน ไม่ได้หมายถึงดี หรือ ร้าย แต่หมายถึง ลักษณาการที่ แข็ง หรือ อ่อน เท่านั้น

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 31 32 36 37 คุณ ขอคารวะ..........ดวงชะตาไทย ลัคนาคุณอยู่ราศีตุลย์ ๘๐ ตุลย์ ๒๙ พิจิก ๕ พฤษภ ๑๔๖ มิถุน ๗ กรกฎ ๓ สิงห์ ดวงชะตาเรียนโหราศาสตร์ได้ เพียงแต่ไม่ลึกซึ้งมากพอเท่านั้น ปีหน้าอยากเรียนก็เรียนได้และสำเร็จดี ที่เล่าความเห็นวิธีดูดวงชะตามานั้น คุณใช้วิธีดูดาวเป็นหลัก ลอยอยู่ในราศี เหมือนการดูแบบสากลทั่วไป แม้การทำมุมกันก็เป็นมุมของดาวเองเท่านั้น ไม่ได้ดูปฏิกิริยาภายในลงไปในราศี รวมทั้งเรือน และเจ้าเรือนที่มันไปอยู่ ลองดูที่ผมตอบคำถามที่ 34 และ ที่บรรยายเรื่องระบบโหราศาสตร์กับ ปฏิทิน คำตอบที่ 28 อีกทีครับ

การดูนิสัยใจคอของเราจากดาว เป็นแนวความรู้กว้างๆเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้นเอง การดูจากตนุเศษ ก็เป็นนิสัยใจคอ สภาพจิตใจที่ลึกลงไปหน่อย เช่น จันทร์ เป็นตนุเศษ ก็หมายถึงจิตใจรวนเรเปลี่ยนแปลงง่าย ราหู มฤตยู กุมลัคน์ โดยความมุ่งหมายไฝ่ฝันลึกซึ้ง ลัคนาคุณอยู่ตุลย์ เรือนศุกร์ ศุกร์ไปอยู่ศุภะเรือนพุธ พุธเป็นเกษตร ตนเองก็จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สวัสดิภาพราบรื่นในการครองชีวิต อ่านแบบนี้ การที่เราอ่านเรื่องจากดวงชะตาไม่ใช่เรื่องเดียว ดวงชุดหนึ่งมี 10 ดวง 12 ราศี 12 เรือน เราอาจพลิกแพลงอ่านเรื่องราวได้มากมาย ไหนๆ ก็จะไปเรียนโหราศาสตร์แล้ว ต่อไปครูผู้สอนคงจะบอกให้เอง

หากยังเรียนเริ่มต้นอยู่ ผมคงสอนให้ในที่นี้ไม่ได้ อยากให้ใช้เวลาอ่านทบทวนความหมายเรือนต่างๆให้มากก่อน ส่วนเรื่องดาวใดนิสัยเป็นอย่างไร แบบที่คุณอ่าน เป็นเรื่องไม่สำคัญนัก เหมือนคุณไปหาหมอดู อยากถามว่า ผมอยากทำงานอาชีพส่วนตัว จะทำอะไรดี แต่ หมอดูกลับมาบอกว่า คุณราหูกุมลัคน์นะ คุณเป็นคนมัวเมา พุธ อยู่มิถุน ชอบค้นคว้า อะไรแบบนั้น แม้จะมีส่วนถูก แต่ไม่ค่อยได้ประโยชน์ต่อข้อสงสัย เว้นแต่เราอยากรู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร เคยได้ยินหมอดูทายคนมาให้ดู ถามว่าจะไปสอบเอ็นทรานส์ปีนี้ จะสำเร็จไหม หมอดูเขาว่า ดวง พฤหัสกุมลัคน์ ตำราว่าเหมือนยายชี อังคาร กุมจันทร์ ขี้อิจฉาทะเลาะกับเพื่อนบ่อย แบบนี้ไม่ได้ประโยชน์อะไร การที่นิสัยเป็นยายชี หรือ ขี้อิจฉา อาชีพอะไรก็มีคนแบบนี้ได้ทั้งนั้น ตอบแบบนี้แล้วจะรู้ไหมว่า สอบเอ็นทรานส์ได้หรือไม่ล่ะ ชะตาชีวิตคนเราเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่นิสัยหลายอย่างเราเปลี่ยนได้ เช่น หนุ่มข้างบ้านผม เคยขี่มอเตอร์ไซด์ซิ่ง ล้มคว่ำมา 2 – 3 หน โดนรถชนทีเดียว เดี๋ยวนี้แกขับเรียบร้อยอย่างผ้าพับไว้

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 40 คุณ อ่อนหัด..........ดวงที่เขาว่าเป็นดวงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมไม่เชื่อครับ และไม่เชื่อวิธีขับพระเคราะห์เข้าอุจที่เขาเขียนไว้ด้วย ส่วนใหญ่ ดวงที่มีการขับพระเคราะห์นั้น มีวัตถุประสงค์หลายอย่างแล้วแต่จะต้องการ เช่น ขับเพื่อเทียบอายุกำลังธาตุที่มีในดาวขณะเกิด คล้ายกับคุณมีรถแข่งไขลานเด็กเล่น อยู่หลายคัน ไขลานเอาไว้ เต็มบ้างไม่เต็มบ้าง จึงเอามาปล่อยดูพร้อมกัน ว่าคันไหนไปไกลกว่า ก็วัดได้ว่า คันนั้น มีลานมาก อะไรแบบนั้น

แต่สำหรับดาวแล้ว มีเกณฑ์ขับมากมายหลายเรื่อง ดังนั้น จึงแล้วแต่จะใช้เรื่องใด ใช้เกณฑ์ใด ที่เราเรียน กาลจักร ลัคน์จร ก็นับว่าเป็นเกณฑ์ขับชนิดหนึ่ง บางเกณฑ์ ใช้ขับเปรียบเทียบดาวเพื่อดูอิทธิพลในราศีที่มันส่งไป แม้แต่ การซ่อนวิชาบางอย่างก็ใช้เกณฑ์ขับ เพื่อไม่ให้รู้ความลับ เช่น อย่างดวงชะตาเมือง กลัวเขารู้จะไปทำไสยศาสตร์ เราก็กำหนดเกณฑ์ขับ เพื่อสร้างดวงขับขึ้นมาใหม่ ใช้ทำนายได้ แต่เอาไปทำไสยศาสตร์ไม่ได้ เพราะไม่รู้เวลาที่แท้จริง ดังนั้น การดูดวงขับ จึงต้องรู้เกณฑ์ เพื่อถอดรหัส แต่ก็ไม่ใช่กำหนดเกณฑ์แบบไม่มีหลักเกณฑ์เลย มีเกณฑ์มาตรฐานที่โหราจารย์ใช้อยู่เป็นหลักวิชา นอกจากดวงมาตรฐานบางอย่างที่แกล้งวางดาวในราศีให้เพี้ยน รู้กันเองในหมู่พวกเดียวกัน อย่างนั้น ไม่ใช่ดวงขับ แต่พวกเราบางคนลอกเอามาโดยไม่รู้ต้นตอก็มี และหลงเชื่อว่าเป็นดวงมาตรฐานจริง มีเยอะมาก ขี้เกียจดู


วรกุล - 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:46น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 43
นานๆไปอ่านกระทู้ผู้มาถามปัญหาดวงชะตาจากท่านอาจารย์ศุภกร สักที ก็ได้ความรู้จากท่าน มีเรื่องที่สำคัญและใกล้ตัวพวกเรายิ่งกว่าเรื่องใดๆ คือเรื่องพินทุบาทว์ พินทุบาทว์ หมายถึง จุดอ่อน จุดเสีย ดังนั้น เมื่อพูดให้เต็มๆ จึงต้องพูดว่า “ดวงชะตามีพินทุบาทว์” ตำราหมอดูแทบทุกเล่ม จะมีเรื่องพินทุบาทว์ บางเล่มก็จะเขียนเพียงคำโคลงไว้ที่พวกเราท่องกันจนคล่องปาก บางตำราก็จะอธิบายพินธุบาทว์ เพิ่มเติมอีกหลายชนิด แต่เป็นการเอาเรื่องอื่นมาพ่วงรวมกัน ราวกับว่าพินทุบาทว์ เหมือนกับโรคประเภทหนึ่งของดวงชะตา มีอะไรเสียๆ หรือคิดว่าอะไรที่แย่ๆ ก็จึงเทมารวมกันที่พินทุบาทว์จนหมด ดังนั้น หากไปเปิดหนังสือบางเล่ม อาจารย์บางคนถึงกับรวมเอาดาวที่ คิดว่าเสียหลายๆอย่าง เช่น เป็นนิจ ประ กาลกิณี เป็นดาวอริ มรณะ วินาสน์ เป็นต้นนั้น รวมเรียกว่าพินทุบาทว์ก็มี

คำว่า “พินทุบาทว์” จึงกลายเป็นเครื่องมือหากินของหมอดูบางคนที่คิดอกุศล หลอกปล้นเอาเงินคนอื่นที่ทุกข์ร้อน ในทุกวันนี้ เหมือนหมอดูโจรสมัยก่อนรุ่นคุณปู่เขาขู่กันด้วยคำว่า “ชะตาขาด” นานมาแล้วจนถึงปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด ที่ประชาชนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรถูกหลอกให้ทำสะเดาะเคราะห์บ้าง ทำบุญผ่านหมอดูบ้าง ด้วยข้ออ้างว่า ดวงแตก ดวงร้าว เพราะเป็นพินทุบาทว์ ไม่เฉพาะดวงชะตาเดิมอย่างเดียว แม้ปัจจุบัน เพียงแค่ดาวจร เสาร์ ราหู โคจร ร่วมเล็งลัคนา ก็ว่าดวงแตกดวงร้าวแล้ว จะต้องรีบเอาเงินให้หมอดูไปเสดาะเคราะห์ หรือ ไปไหว้ราหูกันเป็นกองทัพให้รถติด ใครที่ไม่รู้เรื่องก็ตกอกตกใจกันขนานใหญ่ ราวกับถูกศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต หรือ หมอตรวจดูรู้แล้วว่าเป็นโรคเอดส์ หรือ มะเร็งระยะสุดท้าย เกิดวิตกจริตกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่ดวงเมืองก็ไม่ละไม่เว้น ครั้นหันไปถามหมอดูคนอื่นๆ กลับได้รับคำยืนยันว่า “ดวงแตกจริง” แต่ไม่รู้ว่า แตกอย่างไร จริงอย่างไร ที่ว่าจริง ก็เพราะมีอยู่ในตำราที่ซื้อมาจากร้านเดียวกันจริงเท่านั้นเอง หากไม่ตอบเช่นนี้ ก็เกรงเขาหาว่าไม่มีความรู้

พินทุบาทว์สำหรับดาวอื่นๆดูเป็นเรื่องปลีกย่อยไม่ใคร่จะใส่ใจกันนัก แต่สำหรับเสาร์ และราหู ที่มาเล็งลัคนานั้น กลัวกันมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรือนปัตนิ หมายถึง เพศตรงข้าม คู่ครองและครอบครัว ผู้หญิงราว 95% และชาย ราว 75% เป็นห่วงกังวลเรื่อง คู่ครองครอบครัว โดยเฉพาะผู้หญิงส่วนมากที่รู้ว่าคู่ครองตนเองจะไม่ดีนั้น เหมือนถูกพิพากษาให้ชีวิตอับเฉา และจะกลายเป็นจุดปมด้อยในใจไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต ดังนั้น จึงเกิดความระแวง ไม่แต่งงานจนเมื่ออายุมากแล้วจึงเสียโอกาสแต่งงานไป หรือ ผู้ที่แต่งงานแล้ว ก็จะระแวงคู่ของตนว่าเป็นคนไม่ดี เป็นความไม่เข้าใจผิดที่แก้ไม่ได้ เพราะฝังจิตฝังใจอยู่กับคำทำนาย เช่นนั้น จนทำให้ครอบครัวแตกแยกสมจริงดังคำทำนาย หมอดูที่ทำนายชุ่ยๆ จึงได้ก่อวจีกรรมที่เป็นบาป เพราะได้ทำให้ครอบครัวเขาเกิดอาเภทแตกแยกแม้โดยทางอ้อม

ธรรมดา แล้วเมื่อมีดาวอยู่เรือนใดเรือนหนึ่ง ไม่มีดาวใดให้ผลเสียโดยตัวมันเอง การที่ดาวจะดีหรือเสีย เราต้องดูองคประกอบและปัจจัย ของดาวนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำนายอะไรออกไป ปกติเสาร์ เป็นดาวเนิ่นช้า ราหูเป็นดาวเจ้าอารมณ์ เดี๋ยวสงบ เดี๋ยวตื่น เมื่อดาวสองดวงนี้ดวงใดดวงหนึ่งมาร่วมหรือเล็งลัคนา จึงมีผลต่ออารมณ์โดยตรง ทำให้อารมณ์หน่วงช้าอยู่ หรือพลุ่งพล่าน จิตไหวตัวสลัดทิ้งไม่ได้ ต้องเสวยอารมณ์อยู่ เรียกว่า ทุกข์ ในคนทั่วไปจึงรู้สึกไม่สบายใจ จิตที่ไม่ได้ฝึกก็จะสร้างภพชาติต่อไปได้อีกมาก ในบุคคลธรรมดา จิตที่ไม่รู้เท่าทันพิจารณาอารมณ์จึงเกิดเป็นทุกข์ หากจิตที่ฝึกแล้ว ดาวสองดวงนี้กลับให้คุณมาก ทั้งในระหว่างฝึก และเมื่อฝึกได้แล้ว เพราะผู้ฝึกจิตนั้นสามารถเรียนรู้จิตได้จากความไหวตัวของอารมณ์ อารมณ์หน่วงที่เกิดจากเสาร์และราหูจึงทำให้เห็น “จิต” ที่เราไม่เห็นตัวนั้นได้ชัดเจนดีขึ้น และยังฝึกละวางเพราะจิตหวงอารมณ์ ได้เด็ดขาดดีกว่าอารมณ์อื่น ดังจะเห็นได้ว่านักปฏิบัติธรรมได้ดีๆหลายท่าน มีเสาร์ หรือ ราหู กุม หรือเล็งลัคนา ในผู้ปฏิบัติธรรม จึงถือว่าดวงพินทุบาทว์จากเสาร์ ราหูนี้เป็นบารมีธรรม ไม่ใช่เพราะไม่มีคู่จึงเป็นเรื่องดี อย่างที่บางคนคิด หากมีดาวอื่นเสริมด้วย เช่น พฤหัส เป็น 8 แก่ลัคนา เป็นพินทุบาทว์ซ้ำ จะมีความก้าวหน้าในทางธรรมอย่างยิ่ง

ตำแหน่งเรือนที่เล็งนั้น เป็นเรือนปัตนิ หมายถึง เพศตรงข้าม รวมๆกันไป แต่เป็นเพศตรงข้ามทั่วไป ไม่ได้หมายถึงคู่ตรงข้าม หรือ คู่ครอง คู่แท้ของเราในทุกกรณี อย่างที่เคยเขียนบทความเล่าเรื่องคู่ครองไว้แล้วในกระทู้ที่ 5 ความเห็นที่ 10 หากเราจะดูคู่ครองของเราเอง ยังจะต้องพิจารณาอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิ และองคประกอบอื่นๆร่วมด้วย ดังนั้น หากมีผลเสียจากเสาร์ ราหู ในเรือนปัตนิจริง อาจจะหมายถึงเพศตรงข้ามเท่านั้น อย่างที่เคยประสบมา มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ชายผู้หนึ่ง ดวงชะตาของเขามีเสาร์ กาลกิณีเล็งลัคนา ชีวิตแต่งงานและครอบครัว และภรรยาของเขา เรียบร้อยสมบูรณ์ดีทุกอย่าง แต่มีคดีความถูกใส่ร้ายจากผู้ร่วมงานที่เป็นเพศตรงข้าม เหตุเพราะแข่งขันกันในหน้าที่ ยศตำแหน่งงาน และก็เกิดเหตุเสื่อมเสียจากเพศตรงข้ามเช่นนี้มาหลายหนแล้วในชีวิตโดยที่ไม่เคยไปทำอะไรเขาเลย พินทุบาทว์จึงหมายถึงจุดเสียในเรื่องเพศตรงข้าม ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องคู่ครองครอบครัวเสมอไป ในดวงหญิง ก็ต้องเตือนให้ระวังจากการถูกข่มเหงรังแกทางเพศจากเพศตรงข้ามด้วย มักพบบ่อยๆ

นั่นเป็นกรณีที่เจ้าชะตาถูกเพศตรงข้าม กระทำให้เสีย ไม่ใช่ดวงชะตาของเขาเสีย เน่าเหม็น วาสนาชะตาอับ อะไรอย่างที่หมอดูหลายคนชอบทาย ดวงคนที่มีจุดเสียที่ใดก็ต้องระวังที่จุดนั้น ก็จะไม่มีปัญหา และระวังตัวเมื่อมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น นี่คือจุดอ่อนที่เป็นเรื่องปกติของพวกเราทุกคนจะต้องมีกันคนละอย่างสองอย่าง เหมือนกับที่เราเป็นหวัดง่าย ก็ต้องระวังไม่ตากฝน ทำร่างกายให้อบอุ่น ปัญหาก็จะลดลงไป ในบางกรณี เจ้าชะตาที่ดวงเป็นพินทุบาทว์ อาจจะเป็นผู้กระทำเสียเอง พบมาหลายหนแล้ว หญิงผู้หนึ่งมีดวงพินทุบาทว์ คบผู้ชายอยู่หลายคน เห็นเป็นเรื่องสนุก ไม่จริงใจ ทั้งๆที่ฝ่ายชายจริงใจ ก็แกล้งสนุกหลอกฝ่ายชายให้ผิดหวังจนถึงกับยิงตัวตาย จนต่อมาไม่มีใครยอมแต่งงานด้วย ดวงชะตาชายอีกคนหนึ่งเป็นพินทุบาทว์เหมือนกัน หลอกพร่าหญิงไม่เลือกหน้า ไม่มีศีลธรรม เขาแต่งงานได้กับหญิงดีมีสกุลสูง มีบุตรสาวดี มีครอบครัวดีทุกอย่าง แต่ต่อมา หญิงที่เขาพร่าทำลายหลายคนตามมาล้างผลาญเอาเรื่องเขาโดยวิ่งเต้นกับผู้ใหญ่ จนชีวิตเขาต้องตกต่ำออกจากงานและแร้นแค้นอย่างที่สุด โทษของพินธุบาทว์นั้นเกิดจากกรรมที่เจ้าชะตาทำไป นี่ก็เป็นฤทธิ์ของพินทุบาทว์ หากตัวเขาไม่กระทำผิดศีลธรรมแล้ว พินทุบาทว์ในเรือนปัตนิก็จะไม่เกิดโทษ ดังนั้น คำเตือนขั้นแรกที่เห็นดวงพินทุบาทว์ คือให้ระวังไม่ไปทำอะไร ผิดศีลธรรมกับเพศตรงข้าม ไม่ได้เกี่ยวกับวาสนาชะตาอะไรของเขาเลย หากเขาไม่ได้เป็นผู้กำหนดเอง คำโบราณเปรียบเทียบว่า พินทุบาทว์เป็นเหมือนดาบคมที่อยู่ในฝัก อยู่ที่เราจะชักมันออกมาเชือดคอตนเอง หรือ ใช้ช่วยผู้อื่น(และตนเอง)หรือเก็บไว้เฉยๆเท่านั้น เรามักพบว่า ในบรรดาผู้ที่อุทิศตนทั้งหลายจำนวนมากนั้น มีดวงเป็นพินทุบาทว์

เหตุที่พวกเราไปเพ่งเล็งดวงพินทุบาทว์มากเกินไป เพราะคนที่มาปรึกษามักจะมีปัญหาอยู่แล้ว จึงทำให้ดูเหมือนสอดคล้องกัน อันที่จริง มีคนจำนวนมากที่มีดวงพินทุบาทว์ โดยที่ไม่มีปัญหา เรื่องครอบครัวคู่ครองเลย และบางคนก็ไม่มีปัญหาเรื่องอื่นๆด้วย เพราะดวงชะตาของเขาถูกกับเสาร์ และราหู ยิ่งมาร่วม มาเล็ง มาทับ เขายิ่งรวย มียศฐาบรรดาศักดิ์ สูงเด่น เป็นจิตรกรมือหนึ่งก็มี ฝีมือเขาเด่นดี เพราะเสาร์ ราหูเล็งลัคนานี่เอง ทำให้เขียนรูปได้ละเอียดมาก จะยกตัวอย่างคนมีชื่อเสียงหลายๆคนที่พวกเรารู้จัก ก็จะเสียมารยาท แต่รับรองได้ว่าจริง โหรบางท่าน จึงขี้เกียจดูว่าอะไรเป็นพินทุบาทว์เสียด้วยซ้ำ เพราะมีความหมายน้อยมากต่อการดูดวงชะตาตามปกติ เพราะดาวใดที่ให้โทษ หรือให้คุณอย่างไร ก็ต้องดูหมดทั้งดวงชะตา ดาวบางดวงให้โทษร้ายแรงมากโดยไม่เป็นพินธุบาทว์ แต่เป็นองคเกณฑ์ก็มี


วรกุล - 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:47น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 44
สวัสดีครับ อ.วรกุล

ผม "หนูน้อย" แรกทีเดียวพิมพ์ข้อสงสัยมารบกวน อ.วรกุล ยืดยาว แต่พิมพ์ไปพิมพ์มา รู้สึกเฉยๆ เพราะรู้สึกวุ่นวาย(ในตัวเอง) อยู่เฉยๆ จิตสงบกว่า เลยยุติ อย่างไรก็ดีพรุ่งนี้ก็วันอาสาฬหบูชาและก็วันเข้าพรรษา อีกทั้งอาทิตย์หน้าก็จะมีพิธีไหว้ครู ผมได้แต่งโคลงไว้ก็มอบให้ อ.วรกุล เสมือนหนึ่งแทนการไหว้ครูนะครับ

อ. ...าจารย์ผู้โอบอ้อม.....อารี

ว.....ลีคำเจิดศรี.............สวัสดิ์

ร.....หัสแห่งวารปี..........ปรากฏ

กุล...จิตแจ่มชัด.............ชะโลม ฤทัย


หนูน้อย - 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 10:31น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 45
เรียน อ. วรกุล

ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้ความสว่าง ทางความรู้ จะพยายามศึกษาต่อไปค่ะ แต่ไม่เข้าใจว่า

1. มาตรฐานดาว ต้องพิจารณาหลังสุดเพราะอะไรคะ เพราะเคยอ่านพบว่า มหาอุจน์ เกษตร มหาจักร เหล่านี้เป็นการส่งเสริมและให้คุณกับดวงชะตา ถ้าเป็นความสำคัญอันดับสุดท้าย หมายความว่า เกือบจะไม่มีผลอะไร ใช่ไหมคะ หรือว่าต่อเมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนาได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงจะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก และถือว่าให้คุณ ดิฉันเข้าใจถูกต้องหรือไม่คะ

2.ในดวงดิฉันมีจันทร์ เป็นแปดกับลัคนา และเป็น 11 แก่ ราหู อยู่ในเกณฑ์ พินทุบาทว์ หรือไม่คะ เพราะเคยอ่านจากตำราต่าง ๆ ไม่ค่อยจะตรงกันนัก

3. คำว่าดาวเสาร์เล็งลัคน์ (ลัคน์กรกฏ) ถ้า ราศีมังกร เป็นเรือนว่าง แต่ดาวเสาร์ไปอยู่เรือนอื่น แบบนี้เข้าหลักเกณฑ์ที่ว่า เสาร์เล็งลัคน์ ซึ่งถือเป็นดวงพินทุบาทว์หรือไม่คะ

4. ดาวคู่ครองของดิฉันเป็นดาวเสาร์ แต่ไปอาศัยเรือนของพฤหัสราศีมีน ในการอ่านรูปร่าง ลักษณะ ต้องอ่านเรือนจริง หรือเรือนอาศัยคะ เคยอ่านพบว่า ภพศุภะ เป็นภพรูปธรรมที่ว่างเปล่า หมายความว่าอย่างไรคะ

5. ดาวทุสถาน ครองทั้งภพที่ดี และไม่ดี จะต้องพิจารณาจากอะไร จึงตัดสินได้ว่าภพไหนจะมีผลแรงกว่ากัน ให้คุณหรือโทษกับลัคนามากกว่ากัน

วันนี้ขอรบกวน อ. เท่านี้นะคะ และดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ความสว่างทางปัญญา จาก อ. เพิ่มมากขึ้นค่ะ

ขอขอบพระคุณ


พิมพ์ธนา - 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:14น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 46
ขอบพระคุณมากครับท่านอาจารย์วรกุล ที่ชี้แนะผมอ่านแล้วครับจะลองใหม่ครับอยากให้ท่านอาจารย์แนะนำวิธีอ่านพื้นดวงก่อนครับ พื้นดวงท่านอาจารย์กรุณาชี้แนะด้วยครับ ลั อยู่ตุลย์ธาตุลม 8 0 กุม ลั ดาวธาตุลมปลายธาตุมาสถิตย์ ธาตุลมต้นธาตุ ทรหดอดทนติดนิสัยนักเลงมีความคิดว่องไวและฉับพลันคิดจะทำอะไรทำทันทีและทำให้สำเร็จ ชอบคบคนหลากหลาย ร่วมงานกับคนได้ทุกประเภทแต่ไม่สนิท (ลํ ตุลย์ปัตนิโลก-สหัสชะ2สหัสชะโลก)6 ตนุ ลั ธาตุลม อยู่เมถุนธาตุลม มี 5 ธาตุน้ำอยู่พฤศภธาตุดิน ธาตุดิน ร่วม 4 จากกันย์ธาตุน้ำ เป็นเกษตร ทำให้มีบางขณะมีความยั้งคิด และตรึกตรองยับยั้ง ร่วมอาทิตย์ธาตุไฟ สิงห์มี3จากพิจิกธาตุน้ำ ทำให้มีนิสัยไม่อาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งต่าง ๆ ทำอะไรแล้วจะทำอย่างรวดเร็วไม่รีรอ(3ลาภะ)(146ศุภะ)แต่รักเกริตย์และมักชอบในเชิงวิชาการ และชอบคิดค้นหาความรู้และมีจิตที่พิจจารณาใคร่ควญ(5มรณะ)

2ตนุเศษร่วม9พิจิกธาตุน้ำ ภพมรณะโลก 7 ธาตุดินมาอยู่กรกฏธาตุน้ำ ทำให้มีลักษณะจิตที่ขี้ระแวง ช่างสงสัย คิดเล็กคิดน้อย ขี้หงุดหงิดและอารมณ์ไม่แน่นอนรวมแล้วคือเป็นคนที่คิดจะทำอะไรแล้วทำให้สำเร็จ (ตนุ-ศุภะ)แต่มักมีอุปสรรคให้ต้องเริ่มต้นหรือเปลี่ยนทางเดินใหม่เสมอ ๆ (ดาววินาส-มรณะร่วมศุภะ) ทำการงานหวังลาภผลอะไรทำแล้วมักต้องทำให้สำเร็จด้วยตนเอง(กฏุมภะ-ลาภะ)-(146+7) มักต้องเดิทางไปจากถิ่นที่อยู่เสมอทั้งจากเหตุการพาไป (7-29)-(5อริ ตรีโกณฑ์ 7)และตัวเองตัดสินใจไปเอง(80จตุโกณฑ์7 -3ตรีโกณฑ์7) งานที่เหมาะสมคือ งานเกี่ยวกับ การขนส่ง อาหาร สุรา หนังสือ หรืองานซ่อมแซม งานที่ต้องใช้อาวุธเช่นเครื่องครัวแต่ควรทำในลักษณะ ค้าส่งหรือทำงานส่งแต่ไม่ใช่ยี่ห้อตนเองหรือ ทำงานออกหน้าออกตา (ตนุ-ศุภะสัมพันธ์มรณะวินาส+กัมมะ-กฏุภะ)บิดามาดานั้นมักเป็นผู้ที่ต้องย้ายที่อยู่เสมอ เพื่อไปตั้งตัว(146-29)แต่มารดานั้นไปที่ไหนก็ตามแต่จะต้องกลับมาถิ่นเกิดในที่สุด (29-7) คู่ครองทายไม่ออก...ครับ

ท่านอาจารย์ครับอยากเรียนถามท่านอาจารย์เรื่องการใช้ตนุ ลั ทายครับ (3 สิงห์) และที่ท่านอาจารย์ว่าเรียนได้แต่ไม่ลึกซึ้งนี่ หมายถึงว่าผมจะต้องเรียนเอาเองเพราะ ถ้าเอาดวงให้อาจารญืผู้สอนดูท่านจะว่า ไม่รู้คุณครูบาอาจารย์ใช่หรือไม่ครับ ท่านจึงปิดบังวิชา ขอกราบขอบคุณในความกรุณษของท่านอาจารย์มากครับผมจะจำพระคุณนี้ไว้เสมอครับ


ขอคารวะ - 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:32น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 47
ท่านอาจารย์วรกุล ครับที่ท่านอาจารย์กรุณาอธิบายใน ความเห็นที่ 43 เรื่อง 8กุม ลัทำให้ผมเข้าใจดาวดวงนี้มากขึ้น เป็นเรื่องจริงครับเกี่ยวกับการภาวนา ผมหัดภาวนามาตั้งแต่เล็ก ๆ คุณย่าเป็นคนสอน และเมื่อ อายุ 21 ได้มีวาสนาบวชอยู่กับท่านหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ที่เมืองปทุม ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อตอนบวชผมไม่เข้าใจที่ท่านสอน ให้พิจจารณากาย และบริกรรมพุทโธ จนสึกก็ยังไม่เข้าใจ จนกลับมาที่เชียงใหม่ เพื่อเรียนหนังสือ(ปวส.บัญชี) แต่ก็ไม่ละทิ้งการภาวนาแต่ก็มีข้อสงสัยในจิตจนได้ คือสงสัยในกุศลจิตและอกุศลจิต เมื่อเราใฝ่ดีแต่ทำไมจิตฝ่ายอกุศลยังเกิดขึ้น จนได้มีโอกาสกราบเรียนถามข้อสงสัยกับท่านพระอาจารย์ ประสิทธิ์ (จำฉายาไม่ได้)วัดป่าหมู่ใหม่ ชลประทานแม่แตง เรื่องนี้

ท่านก็ถามว่าศึกษากับใครมา ผมก็เรียนท่านว่าศึกษาจากหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโทครับ ท่านก็ว่ารู้จักกันเคยจำพรรษาร่วมกันที่เมืองตาก ท่านถามว่าหลวงปู่ฯท่านสอนอย่างไร ก็เรียนท่านว่า พิจจารณากาย กับบริกรรมพุทโธถี่ ๆ ท่านก็ปรารพว่า"เอออย่างนั้นแหละนักภาวนาสมัยนี้ใจร้อน จะเอาให้สำเร็จเร็ว ไม่เดินตามรอยครูบาอาจารย์ที่ท่านภาวนามาเนิ่นนานแทบล้มแทบตายจึงได้ดี" พอดีท่านติดนิมนต์ไปงานครบรอบวันมรณภาพ ท่านอาจารย์ จวน กุลเชษโฐ ที่หนองคาย อีกสามวันจะกลับ แล้วท่านก็ไล่ให้ไปภาวนาท้ายวัด อยู่ไปสองวันก็ภาวนาแต่ไม่เข้าใจอยู่ดี

จนวันที่สามที่ท่านจะกลับผมไปเดินจงกลมเกิด สติสมาธิปัญญามันลงตัวกันพอดี อะไรเป็นอะไรมันเข้าใจหมด จิตคืออย่างหนึ่ง อารมณ์คืออย่างหนึ่ง ขันธ์5 ก็อย่างหนึ่ง กุศลก็เป็นสมมุติอย่างหนึ่ง อกุศลก็เป็นสมุติอย่างหนึ่ง รูป นาม ผัสสะ ก็เป็ฯอย่างหนึ่ง แต่ทำงานด้วยกันเกือบจะพร้อมกัน พอเราย้อนรอยกุศลหรืออกุศลเข้าไป ก็สาวถึงต้นเหตุของเรื่องเหล่านี้ได้ แก้ปัญหาเป็นเรื่อง ๆไป พอสักครู่ท่านอาจารย์ประสิทธิ์ ท่านกลับมา ก็ได้ไปกราบเรียนท่านเรื่องนี้ ท่านก็ว่า "ถูกต้องแล้วมาถูกทางแล้ว นี่เป็นทางที่ครูบาอาจารย์ทุกองค์เดินมา" แล้วท่านก็กล่าวชมว่า " เออ ท่านอาจารย์ เจี๊ยะ ท่านมีปัญญามาก อยู่กับท่านท่านไม่อยู่เฉยทำงานตลอด ภาวนาตลอดมีปัญญามาก" ผมก็ได้แต่ภูมิใจในพระอาจารย์(หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)ของเราแต่ ท่านไม่เห็นชมอะไรผมนะครับ และต่อ ๆ มาไปกราบท่านอาจารย์ประสิทธิ์ ท่านก็จะถามเสมอว่า ยังพิจจารณษอยู่หรือเปล่าทุกครั้ง ทุกวันนี้ ก็ยังพิจจารณาอยู่ครับ แต่การภาวนานี้ไม่ใช่หมายถึงนั่งเคร่งพิจจารณา แต่เมื่อมีอารมณ์บางอารมณ์เมื่อเกิดขึ้น ก็จะยกมาพิจจารณาเสมอ ๆ เป็นความเคยชินของจิตไปแล้วครับ

ที่ท่านอาจารย์อธิบายมาผมจึงเข้าใจราหูกุม ลั มากขึ้นครับ แต่อยากกราบเรียนถามท่านอาจารย์สักเล็กน้อยว่า ทำไม 5 เป็น 8 แก่ ลั จึงให้ผลดีทางการปฏิบัติครับ และเรื่องที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า "ดาวบางดวงให้โทษร้ายแรงมากโดยไม่เป็นพินธุบาทว์ แต่เป็นองคเกณฑ์ก็มี" หมายความว่าอย่างไรครับ องค์เกณฑ์ ตำราต่าง ๆว่าดีให้คุณ และบางตำราก็จำกัดดาวที่เป็ฯองค์เกณฑ์ อย่างดวงผม ลั อยู่นระ 8 กุม ลั 8 เป็นองค์เกณฑ์ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าท่านอาจารย์จะกรุณาอธิบายก็จะเป็ฯพระคุณมากครับ


ขอคารวะ - 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 20:37น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 48
ตอบ 45 คุณ หนูน้อย..........ขอบคุณอย่างสูงครับ ที่อุตส่าห์แต่งโคลงกระทู้ชื่อผมมาให้อย่างไพเราะ มีหลายท่านที่ชื่อหายไปจากกระทู้นานแล้ว เช่น คุณกระต่ายน้อย คุณเด็กน้อย คุณสว่างนภา (ลาออก) คุณกัน (ลาออก) คุณโจโรฤกษ์ คุณlad คุณ moon คุณ แวว และอีกหลายท่าน คิดถึงอยู่เหมือนกัน

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 46 คุณ พิมพ์ธนา..........เรื่องหลายเรื่องที่ถามมานี้ ตอบไปแล้ว และยังตอบผู้อื่นไปด้วย มีทุกกระทู้ เราดูได้ ก็ดูให้หมดนะครับ เพราะใครถามก็เหมือนกับเราถามเอง เข้าใจว่าคุณอาจจะใช้คอมพ์ผู้อื่นอยู่ หากกลับไป พริ้นต์มาดูตั้งแต่กระทู้แรก ก็จะประหยัดเวลาถามไปมาก จะตอบอีกที ช่วยจดไว้ด้วยครับ

1 / มาตรฐานดาวพิจารณาหลังสุดเพราะคุณอาจเข้าใจผิดคิดว่าดาวดี หรือร้าย เพราะมาตรฐานดาว เรื่องนี้เขียนไปมากแล้วว่ามาตรฐานดาวนั้นไม่แน่นอน ต้องดูปัจจัย และองคประกอบแวดล้อมดาวนั้นก่อน จึงจะรู้ว่ามาตรฐานดาวเป็นอย่างไร แต่ถ้าคุณรู้ก่อนว่าดาวมีมาตรฐานดี เลว แสดงว่าคุณไม่ต้องดูอะไรอีกใช่ไหม

เมื่อดูแล้วก็ดูซ้ำอีกรอบ หรือ สองรอบ ก็จะกลายเป็นไม่มีอะไรก่อนหลัง แต่ดูร่วมกันไป

2 / เรื่องพินทุบาทว์ก็เพิ่งเขียนเมื่อ ความเห็นที่ 43 ข้างบนนี้เอง ขอความกรุณาอ่านด้วยครับ ที่ถามมาจะให้ทำนายดวงชะตา หรือ จะถามหลักวิชากันแน่ เอาให้เคลียร์ ดวงคนทั่วไป จันทร์เป็น 11 แก่ราหู จะเป็นหรือไม่เป็นพินทุบาทว์ก็ได้ แต่ ดวงคุณนั้น ไม่ไคร่ดี คือวาสนาชะตาตกเป็นพักๆ ถือเป็นพินทุบาทว์ ดูความเห็นที่ 42 อยู่ในข้อความที่ตอบคุณไว้

3 / เสาร์ไม่ได้เล็งลัคน์คุณ ไม่เกี่ยวกับพินทุบาทว์ งั้นใครลัคนาราศีกรกฏก็เป็นทุกคนนะซี ช่วยอ่าน ความเห็นที่ 43 อีกหน่อยครับ

4 / ผมไม่รู้เรื่องว่าเขาคิดอย่างไร แล้วเขาว่าอย่างไรหรือครับ ใครเป็นคนว่า ตอบไม่ได้ทุกเรื่อง

5 / ไม่เข้าใจคำถามครับ ในคำถามมีที่ผิดคือ เรือน (ไม่เรียก ภพ) ไหนๆ ก็ไม่มีใครแรงกว่ากัน ให้คุณให้โทษแก่ลัคนา แรงกว่ากัน ด้านไหนล่ะ เพราะแต่ละเรือน เป็นเรื่องคนละเรื่อง เอามาเทียบกันอย่างไร เหมือนเอาโทรทัศน์ไป เทียบกับรถยนต์ จะเทียบอะไรละครับ จะเอาน้ำหนัก หรือ เอาราคา หรือ เอาสนุก ต้องถามตัวเองก่อนให้รู้เรื่อง


วรกุล - 21 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:25น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 49
ตอบ 47 48 คุณ ขอคารวะ..........ตอบไว้ในความเห็น 42 แล้วครับ ว่าการดูดาวลอยสถิตในราศี เป็นนิสัยใจคอกว้างๆเท่านั้นเอง และการดูดาวที่ร่วมถึงกันที่คุณใช้เช่นนั้น ก็พอใช้ได้ แต่ยังคงมีความสำคัญเป็นอันดับสองรองลงมาจากการดูเรือน และเจ้าเรือน ที่เรียกว่า ระบบเรือนนั่นแหละ เรื่องนี้พูดไปหลายครั้งแล้วในกระทู้ เพราะโหราศาสตร์ไทยมาจากการวางระบบธาตุ เรือนและเจ้าเรือนเป็นผลอันแรกของระบบธาตุชีวิต เราต้องอ่านเรือนสัมพันธ์กันก่อน เพราะเป็นนิทานชีวิตของแต่ละคน “เรือนเป็นเรื่องราว ดาวเป็นเรื่องขยาย” ถ้าเราไม่มีเรืองราวเป็นแกนอ่านชีวิต เราจะเอาดาวไปขยายอะไรได้ เหมือนกับคนเราที่ใส่เสื้อแต่งตัว ตัวเราก็คือเรือน เสื้อผ้าก็คือดาว หากอ่านแต่ดาวอย่างเดียวก็เหมือนติชมเสื้อที่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อเท่านั้น อยากให้คุณลองย้อนไปอ่านข้อความถามตอบ ในกระทู้ชุดนี้ รวมทั้ง ความเห็นที่ 23 ด้วย ซึ่งได้แนะนำวิธีเรียนมาหลายครั้งแล้ว

คูณอ่านดาว สนธิกับเรือนนั้นใช้พอได้ แต่ต้องทำเป็นอันดับสอง ส่วนการอ่านตนุเศษ ยังไม่อยากแนะนำให้อ่านเลย หากจะอ่าน จะต้องทำหลังจากเรียนขั้นต้นไปแล้ว จำไว้ว่า การอ่านสิ่งใดก็ตาม ต้องไม่ขัดกับความหมายเรือน และดาวจากลัคนา ซึ่งจะต้องวางเป็นหลักไว้ให้มั่นคง ดังนั้นจึงต้องอ่านลัคนาเป็นหลักให้รู้เรื่องก่อนไปอ่านอย่างอื่น ส่วนการใช้ตนุลัคน์นั้น ก็ต้องหลังจากอ่านลัคนาแล้ว ในเมื่อคุณเตรียมตัวจะไปเรียนอย่างเป็นหลักเป็นฐาน ก็อย่าเพิ่งอ่านไปทางลึกมากไป ดวงคุณไม่ได้เกี่ยวกับไม่รู้คุณครูบาอาจารย์ แต่เวลาครูสอนแล้วคุณคอยจะคิดเกินหรือขาดอยู่เสมอ เช่น ครูสอนให้แกงหม้อหนึ่ง เอาทัพพีจับตรงด้ามคนน้ำแกง แต่คุณจับปลายทัพพี แล้วเอาด้ามลงไปคนแทน เพราะคนได้เร็วกว่า ผมจึงว่าคุณเรียนโหราศาสตร์ได้ แต่จะไม่ลึกซึ้งมากพอ

พฤหัส เป็น 8 แก่ลัคนา ไม่ได้ให้ผลดีทางการปฏิบัติธรรมทุกคนไป แต่การปฏิบัติธรรมขั้นต้นส่วนมากจะดี เพราะ ทำให้มุ่งทางสงบ เป็นไปได้ดีกว่า และที่ผมว่า ดาวที่ให้โทษร้ายแรงมากโดยไม่เป็นพินทุบาทว์ แต่เป็นองคเกณฑ์ก็มีนั้น ก็เพราะมันไม่เป็นพินทุบาทว์ แต่มันให้โทษ และมันเป็นองคเกณฑ์ด้วย จะให้โทษอยู่โดยตลอดจึงไม่ดี เช่น คนที่ติดคุกตลอดชีวิต หากให้โทษอย่างมั่นคง ก็คงตายในคุกนั่นแหละ


วรกุล - 22 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:39น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 50
บีค่ะ (ความเห็นที่16ค่ะ) ขอบคุณ อ มากค่ะที่ช่วยอ่านดวงให้ บีมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกะดวงน่ะค่ะ. บีมี 5 กุมลัคนา ราสีกรกฎ126 เล็ง 7เป็นมรณะดูตามดวงแล้วบีอยากรู้คือคนที่มีดาว 7 เล็งรึ กุมลัคนานี่ต้องผิดหวังเรื่องรักทุกคนมั้ยคะ ดาว 6 เป็นลาภะแต่ลอยมาอยู่ที่ปัตนิ อ่านว่าจะมีคู่รวยได้มั้ยคะ แล้วปัตะนิ 7 เป็นมรณะมันหมายถึงถิ่นใกลอ่านแบบนี้ถูกรึเปล่าบีมีแฟนมาแล้วมีลูกสาว2คนอยู่ด้วยกันเกือบ20ปี เพิ่งมาเลิกเมื่อ4ปีที่แล้ว ทุกวันนี้เป็นเพื่อนกัน เพราะลูกๆไม่อยากให้ลุกรู้สึกแย่มากไปกว่านี้ แต่เค้าก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ที่บี ถาม อ เรื่องดวงเพราะบีก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่เวลาอ่านดวงแล้วมันทายไม่ค่อยเป็น แล้วดวงอย่างบีนี้ค้าขายจะรุ่งมั้ย รึจะไปดูหมอเป็นอาชีพดี เพราบีมี 8 เป็นกรรมะในเรือน อังคาร ส่วนอังคารมาอยู่ที่สหัสชะ ต้องอ่านว่ายังไงคะ อ่านว่าค้าขายจำพวกเหล้าเบียร์ รึ ค้าขายอาหารแต่เป็นกะพวกต่างชาติแบบนั้นไดเปล่า แล้วดวงของบีนี่ จะมีโอกาสรวยมั้งมั้ยคะ แล้วรวยเพราะไรเพราะคู่รึเพราะตัวเอง ( ดวงของคนที่คบน่ะค่ะบอกเวลาผิดไปหน่อยค่ะเค้าเกิดเวลา14-30น ราศีพิจิก) เค้ามีปัตะนิเป็นมรณะเหมือนบี 6แต่ดาวลอยที่อยู่ 3ได้ตำแหน่งราชาโชค แบบนี้อ่านว่าได้คู่ดีและรวยรึเปล่าคะ แล้วดาว 5 เค้าเป็นมรณะ หมายถึงผู้ใหญ่คอยจับผิดแบบนั้นมั้ย (เค้าเรียน ป เอกปีหน้าจบค่ะคามเกนณ์นะคะ )เค้าจะเรียนจบมั้ยคะ แล้วเนื้อคู่เค้าจะแก่กว่ารึอายุเท่ากันคะ คนต่างชาติรึคนลาวด้วยกัน อ อย่าเพิ่งรำคาญบีนะ เพียงแต่บีอยากรู้น่ะ อาจจะถามซ้ำๆกันบ้างอ ก็อย่าว่าบีนะบียังเรียงดาวที่จะถามไม่ถูกนัก รบกวน อ ช่วยแนะนำวิธีอ่านดวงด้วยค่ะเอา ดวงบีและเค้านี่ล่ะเป็นตัวอย่าง เพราะมันเห็นชัดเจนดีว่าถูกรึผิด แล้วช่วงนี้ 7จรและ1มาทับ7และ1 เดิมในราศีกรกฏจะเกิดเหตุกราณ์ดีรึไม่ดีอย่างไรบ้างคะ ไม่รู้ บีถามถูกรึเปล่าอยากรุ้วิธีอ่านดวงก็อยากรู้อยากรู้ดวงเค้าก็อยากรู้ เลยถาม อ วกไปวนมา ยังไงก็ขออภัย อ ด้วยนะคะ ถ้าคำถามมันซ้ำๆกัน บียังไม่ค่อยเก่งเรื่องเรียงดวงที่จะถามค่ะ เพิ่งหัดเล่นขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ ด้วยความนับถือ บี


บี - 22 กรกฎาคม พ.ศ.2548 20:02น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 51
ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับที่กรุณาแนะนำเป็นพระคุณอย่างสูงครับ จะกลับไปอ่านทบทวนกระทู้ต่าง ๆ ของท่านอาจารย์ครับ และจะจำคำสอนนี้ไว้ครับ "เรือนเป็นเรื่องราว ดาวเป็นเรื่องขยาย" แต่ผมมีข้อสงสัยอีกประการคือ ที่ภพศุภะ 4 เป็นเกษตรและ เจ้าเรือน วินาศสะด้วย 6 เป็นเจ้าเรือนตนุ แต่ก็เป็นเจ้าเรือนมรณะด้วย เป็นคู่ธาตุบางตำราท่านว่าหมายความว่าแน่นอนเนิ่นนาน อย่างนี้จะทายไปทางใดดีครับท่านอาจารย์ จะทายว่าดีเนิ่นนาน หรือร้ายเนิ่นนานดีครับ

และที่ท่านอาจารย์กรุณาสอนว่า "ดวงคุณไม่ได้เกี่ยวกับไม่รู้คุณครูบาอาจารย์ แต่เวลาครูสอนแล้วคุณคอยจะคิดเกินหรือขาดอยู่เสมอ" อันนี้ก็จริงครับท่านอาจารย์อย่างคุณย่ากับพ่อผมสอนทำอาหารอะไรผมชอบเอามาดัดแปลง จนเกนสูตรตัดนั่นเพิ่มนี่อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างบางอย่างก็อร่อยมากกว่าเก่า แต่บางอย่างทำอย่างไรก็สู้ของเก่าไม่ได้ อร่อยกว่าก็ใช้ของใหม่ ไม่อร่อยก็ใช้ของเก่า แล้วแต่รสชาติที่ออกมาครับ รบกวนเรียนถามท่านอาจารย์เรื่องที่ว่าผมชอบคิดเกินสูตรว่าท่านอาจารย์ใช้ 0 ทายใช่หรือไม่ไม่ทราบครับ

รู้สึกว่าท่านอาจารย์ตื่นเช้ามากอาจจะพักผ่อนน้อย อย่างไรกรุณารักษาสุขภาพด้วยครับ ผมไม่ได้คิดประจบอะไรแต่ได้รับความกรุณาจากท่านอาจารย์หลายครั้ง จึงมีจิตคิเครพและปราถนาดีครับ


ขอคารวะ - 22 กรกฎาคม พ.ศ.2548 22:27น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 52
ตอบ 51 คุณ บี..........คุณถาม วกวนจริงด้วย และยังให้เวลาเกิดคนอื่นมาผิด ที่ถามและทำนายทั้งหมด รวมทั้งที่คุณให้อาจารย์ศุภกรไปก็ผิด รวมแล้วที่ทายไปทั้งหมด รวม 5 - 6 คำตอบ ทั้งสองกระทู้ รวมทั้งที่คุณถามในกระทู้อื่นก็ผิดไปตามกันหมด ก็แสดงว่าอาจต้องทำนายให้คุณใหม่หมด เรื่องเรียนโหราศาสตร์ แนะนำวิธีอ่านดวง บอกไปแล้วตั้งหลายคำตอบในกระทู้ชุดนี้ ลองไปอ่านดูนะครับ

ที่บอกมาคราวนี้ก็ผิดอีก คือ ๑๖๔ เล็งลัคน์ ไม่ใช่ 126 ดาว ๗ เล็งลัคน์ อ่านความเห็น 43 ๖ ลาภะ มาอยู่ปัตนิ คู่อาจจะเป็นคนทำมาหากิน ๗ ปัตนิ อาจไปถิ่นไกลใช่แล้ว ๓ กัมมะ อยู่สหัชชะ การงานอาชีพเกี่ยวกับสังคม ดวงไปค้าขายดีกว่า ดวงคุณเป็นนักโหราศาสตร์ไม่ได้ ยิ่งดูหมอเป็นอาชีพอย่างที่บอกมายิ่งไม่ดี เดี๋ยวเป็นบาปเป็นกรรมไปเปล่าๆ เอาเพียงบอกดวงให้คนอื่นเขาดู แล้วบอกข้อมูลให้ถูก คนอื่นเขาทำนายให้ก็พอแล้ว และเรื่องอื่นที่ถามมา และการดูดวงชะตา ก็มีกติกาว่าไม่ถามเรื่องที่ไม่มีปัญหา ไม่ถามอะไรเล่น เพราะดูผิดแล้วเป็นบาป ตกนรกเล่นๆได้หรือ คราวก่อนคุณบอกว่ามีปัญหากลุ้มใจจึงดูให้ และการที่เอาดวงคนอื่นมาให้ดู และวิจารณ์ก็ห้ามด้วย เพราะเสียมารยาท แต่ถ้าจะคุยเรื่องอื่นก็คุยกันได้ จะสนุกกว่า ที่คุยคุยถามถามดูดวงแบบหัดเล่นแบบนั้น ต้องไปหาเพื่อนคุยต่างหาก คุยตรงนี้ไม่ได้ เพราะคำถามของคุณถ้าอ่านแบบไม่เอาเรื่อง ก็สนุกดี แต่เพื่อนคนไหนคุยกับคุณแบบจะจับใจความ คงจะต้องกินยาหอม เสียสองขวด

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 52 คุณ ขอคารวะ..........โดยมุมดาวแล้ว ดาวได้คู่ธาตุ คู่สมพลก็ทายทางดีครับ ส่วนพวกเรือน มรณะบ้าง หรือ วินาสน์บ้าง ไม่ได้เกี่ยวกับ ดี ไม่ดี ดูความเห็น 42 ต้องพิจารณาเรื่องราวว่าเราอ่านอย่างไร อีกอย่างหนึ่งคือเราอย่าไปคิดว่า อะไรดีก็ดีหมด เสียก็เสียหมด ตำราใด ก็ไม่มีใครเขาแจกแจงได้หมด ทุกอย่างก็มีดีในเสีย หรือเสียในดีบ้าง ต้องคิดทีละเรื่อง เหมือนคุณบอกว่าวันนี้อาหารขายดี ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างขายดีใช่ไหม หากจะสอบสวนกัน ก็ต้องว่ากันทีละอย่าง การดูดาวก็เหมือนกัน ที่คุณว่าดูดาวมฤตยูใช่ไหม ตอบไม่ได้หรอกครับ เวลาดูดาวต้องดูเรือนและมุมดาวหลายดวง ไม่ใช่ดูดวงเดียว เหมือนคนตาสวยอย่างเดียว หาก หน้าเหมือนแก้วหน้าม้าจะเรียกว่าสวยได้ไหม ที่ผมตื่นเช้าเพราะนอนหัวค่ำครับ เช้าๆเงียบสงบดี เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม และมาพิมพ์ตอบกระทู้ ผมทำงานอยู่หลายเว็บ มีเพียงเว็บนี้ที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ นอกนั้นเป็น วิชาการ ตอบอีเมล ฯลฯ


วรกุล - 23 กรกฎาคม พ.ศ.2548 13:22น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 53
ขอบพระคุณมากครับท่านอาจารย์ ผมกำลังจะกลับไปอ่านกระทู้ท่านอาจารย์ ตั้งแต่กระทู้แรกใหม่อีกครั้งครับ แต่พอจับจุดได้ลาง ๆ จากกระทู้ที่ 42 ว่าเรือนใดก็ตาม ดาวเจ้าเรือน ย่อมส่งเสริมหรือตัดรอนเรือนนั้นมากกว่าดาวใดที่สัมพันธ์ถึง จึงต้องยึดสภาพของดาวเจ้าเรือนเป็นหลัก ส่วนเรือนอร มรณะ วินาศสะ คือ อุปสรรค เนิ่นนาน-หน่วงไว้ ขัดสน-ผิดจากที่ควรจะเป็น แต่จะเป็น อุปสรรค เนิ่นนาน-หน่วงไว้ ขัดสน-ผิดจากที่ควรจะเป็น ต่อเรื่องดีหรือระงับเรื่องร้ายต้องตามเจ้าเรือนเรือนนั้นไปดูอีกทอดว่ามีสภาพอย่างไร ไม่ทราบถูกหรือผิดประการใดครับ

ท่านอาจารย์ยกตัวอย่างได้ใกล้ตัวผมมากเลยครับเรื่องขายอาหาร เข้าใจในทันทีที่อ่านจบเสียดายถ้าผมมีครูบาอาจารย์ ที่เข้าใจในการสอนศิษย์แต่ละคนอย่างนี้แนะแนวทางคงเป็นบุญที่ได้เรียนในสิ่งที่ตนเองสนใจ และมีครูผู้รอบรู้ในศาสตร์และศิลป์ของวิชาชี้แนะ เหมือนเมื่อคราวได้เรียนกรรมฐานกับ ท่านหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ก็คงดี ตอนนี้ก็คงต้องคลำทางไปก่อน รอจนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์อย่างที่ท่านอาจารย์ว่า ว่าท่านกำลังวิ่งหนีมาและผมกำลังวิ่งไปหาครูบาอาจารย์และมาเจอกันพอดีโดยบุญเก่ากรรมเก่า คงต้องเป็นอย่างนั้นครับ อย่างไรก็รักษาสุภาพด้วยครับ

ด้วยความเครพอย่างสูง


ขอคารวะ - 23 กรกฎาคม พ.ศ.2548 22:56น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 54
สวัสดีอาจารย์วรกุลค่ะ พอดีแวะเข้ามาดูเว็บบอร์ดของอาจารย์ และอ่านมาหลายกระทู้แล้ว(อ่านยังไม่ละเอียดนัก)แต่ว่าอาจารย์ได้ให้ความรู้หลากหลายและเป็นประโยชน์ ดิฉันพยายามทำความเข้าใจและเรียนรู้จากดวงของตัวเองก่อน และเพิ่งเริ่มฝึกหัดอ่านดวงตัวเอง จากที่ได้อ่านมาบ้างบางความคิดเห็นในเว็บ ก็จะลองเอามาเป็นตัวอย่างดูด้วย อยากจะขอคำแนะนำอาจารย์และรบกวนด้วยค่ะ ตามดวงมี 47 กุมลัคน์สิงห์ =เป็นคู่สมพลใช่ไหมคะ เป็นคนพูดเก่งพูดดีแล้วแต่จังหวะ พูดดีก็ได้ดี พูดไม่ดีก็เสีย แต่คิดมาก เครียด(หน้าชื่นอกตรมอะไรทำนองนี้),ส่วน 189 อยู่กดุมภะ= ตัวเองจะต้องเกี่ยวข้องเรื่องเงินๆทองๆ เพราะเกษตร 1 มาอยู่กดุมภะ + 8 เจ้าเรือนปัตนิ คู่ครองหรือเพศตรงข้ามอาจจะแก่กว่าหรือชาวต่างชาติ(เกตุ9)มาเกี่ยวพันกับเรื่องเงินทองและทะเลาะหรือมีปัญหาเรื่องเงินกับคู่หรือเพศตรงข้ามเพราะ 8 มาอยู่เรือนศัตรูอาจจะพูดได้ว่าถ้ามีคู่ฐานะอาจดีขึ้น หรือคู่อาจจะลุ่มหลงมัวเมาทำแต่งานจนลืมเรา หรือชอบทำงานที่ผิดต่อกฎหมาย เล่นการพนัน เป็นไปได้ใช่ไหมคะ ส่วน 360 อยู่สหัชชะ= 3 เป็นประ พันธุ+ศุภะ อาภัพญาติ,6 เป็นเกษตร สหัชชะ+กัมมะ การงานจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง 3+6 เป็นคู่มิตร จะมีมิตรอุปถัมถ์ให้ความช่วยเหลือเรื่องการงาน แต่0 มฤตยู มาอยู่กับ 36(ส่วนนี้ดิฉันยังตีความได้ไม่ค่อยดีและสับสน ขอคำแนะนำอาจารย์ด้วยค่ะ),ส่วน2 เป็น9แก่ลัคน์เป็นมหาจักรแต่เป็นกาลีวันเกิด(เกิดวันอังคาร)อยู่ศุภะ , และ 5 จากปุตตะ+มรณะ มาอยู่วินาศ เป็น 12แก่ลัคน์ อ่านมาหลายเว็บเค้าว่าไม่ดี ขยันทำแต่สิ่งไม่ดี อันนี้ตามความเข้าใจเองนะคะ ถ้าตีความหมายผิดไป กราบขอโทษด้วยค่ะ ส่วนเรื่องบุตรไม่สมใจนึก เพราะปุตตะ+มรณะ เป็นวินาศ ปีนี้ 7 จรมาทับ 5 ภพวินาศ หมายถึงตัวเองจะสบายใจขึ้นกว่าแต่ก่อน หรือว่าจะมีเรื่องคิดมากมากกว่านี้อีกคะ ส่วน 5 ตอนนี้อยู่กดุมภะ มีปัญหากับคู่ เพศตรงข้ามเรื่องเงินทอง ผลประโยชน์รายได้อีกไม่นานนี้ 5 จะย้ายเข้าเรือนสหัชชะ แสดงว่าต้องระวังมีจะปัญหากับญาติ,มิตรหรือมิตรอาจจะนำความเดือดร้อนมาให้หรือเปล่า อาจารย์ท่านหนึ่งดูแบบสิบลัคน์ให้ บอกว่าปีนี้จะมีโชคได้คู่ ส่วนถ้ามีคู่แล้วอาจหมายความได้บุตรด้วยหรือไม่ และ 0 จรอยู่ปัตนิ เล็งลัคน์อยู่ หมายถึงต้องมีเรื่องสับสน ลึกลับซับซ้อน ไม่แน่ใจ ระแวงเรื่องเพศตรงข้ามทั้งหมดนี้ดิฉันอาจจะตีความผิดก็ได้ ขอความกรุณาอาจารย์พิจารณาว่าที่เขียนมาตามความเข้าใจของดิฉันถูกต้องหรือไม่ อาจารย์ไม่ต้องตอบทุกคำถามหรือยาวก็ได้ค่ะ แค่อาจารย์ให้ความกรุณาและแนะนำ ก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้วค่ะสำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มสนใจศึกษา

กราบขอบพระคุณอาจารย์วรกุลมาล่วงหน้าด้วยค่ะ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายปกป้องคุ้มครองรักษา มีความสุข โชคดีแก่อาจารย์วรกุล ซึ่งให้ความรู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาด้านนี้


ศึกษาตัวเองก่อน - 25 กรกฎาคม พ.ศ.2548 03:09น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 55
ตอบ 54 คุณ ขอคารวะ..........คุณสรุปได้ถูกแล้ว และขอให้คิดต่อไปอีกว่า ดาวเจ้าเรือนเมื่อไปอยู่เรือนอื่น ก็กลายสภาพเป็นดาวอาศัยอีกด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงต้องดูดาวเจ้าบ้านเพื่อตรวจเรื่องราวสัมพันธ์ต่อไปอีกที เหมือนกับชีวิตของคนเรา ก็มีดีบ้าง ร้ายบ้าง เรื่องราว ย่อมมีรสเผ็ดเค็มมันจืดเปรี้ยวหวานขมได้หลายอย่าง หากเรามองเห็นตรงนี้ได้ แล้วเลิกถามว่า “แบบนี้จะทายดี หรือทายเสียครับ / คะ” แค่ 2 ประตู เพราะไม่มีอะไรที่ดีหรือเสียไปตลอดทุกอย่าง ใครผ่านด่านตรงนี้ได้ ก็แสดงว่ามีแววที่จะเข้าใจโหราศาสตร์ทั้งหมดได้ไม่ยากแล้ว

00000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 54 คุณ ศึกษาตัวเองก่อน..........ขอยกคำถามคำตอบไปกระทู้ที่ 7 นะครับ


วรกุล - 25 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:19น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 56
.......กระทู้นี้ยาวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เรียกขึ้นได้ช้า จึงขอปิดเพื่อขึ้นกระทู้ที่ 7....ครับ.............


วรกุล - 25 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:21น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 57
ผมลัคนาราศี สิง มี ดาว 2 และ 5 อยู่ในราศี มังกร ภพ อริ มีดาว 1-4 อยู่ในราศี กรกฎ ภพ วินาศ อยากสอบถามดังนี้ครับ

1 .เป็น จันทร์ ครุ สริยา หรือไม่ ถ้าเป็นให้คุณให้โทษ อย่างไร

2.2-5 ราศีมังกร เป็น คู่อิสีติธาตุ แต่อยู่ในภพอริ จะให้คุณให้โทษอย่างไร

ขอรบกวน อ. เพียงเท่านี้ก่อนครับ


นายโชคดี - 29 สิงหาคม พ.ศ.2548 15:42น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 58
ท่านอาจารย์คะขอเรียนถามหน่อยนะคะ

หนูสนใจเรื่องดูดวงค่ะ และศึกษาบ้างโดยอ่านจากตำรา มีเรื่องสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1.ในกรณีที่คนทำงานค้าขาย สมมุติว่าถ้าช่วงนี้ทำมาค้าขายขึ้นลูกค้าเยอะหรือน้อยแบบนี้จะดูลูกค้าจากดาวตัวไหนในดวง หรือดูจากภพอะไรคะในดวงคะ

2.ในกรณีที่เรามีลูกหลายคนถ้าในดวงบอกว่าลูกจะมีชื่อเสียงจะดูได้หรือไม่ว่าเป็นลูกคนไหน เป็นหญิงหรือชายจะดูอย่างไร (ดูภพปุตตะใช่ไหมคะอาจารย์แล้วดูอย่างไรว่าเป็นคนไหน)


ผู้สนใจค่ะ - 29 กันยายน พ.ศ.2548 12:50น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 59
ใครมีเหตุการณ์สำคัญในสมัยอยุธยาบ้าง


harry - 26 กรกฎาคม พ.ศ.2550 19:17น. (IP: 222.123.247.254)