เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

คุยกันสบายๆ..........ตามประสาโหราศาสตร์ไทย ( 7 )

(..เนื่องจากกระทู้ ที่ 6 เดิมมีความยาวมาก เรียกได้ช้า จึงขอเปิดเป็นกระทู้ที่ 7 ครับ)

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อต้องการใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ในแวดวงวิชาโหราศาสตร์ไทย สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ และปรารภปัญหาที่มีอยู่ จะได้ช่วยกันอธิบายแก้ไข เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อวิชาโหราศาสตร์


วรกุล - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3
ตอบ 55 คุณศึกษาตัวเองก่อน............ในกระทู้ชุดนี้ 1 - 6 มีคนเพิ่งเรียนเข้ามาถามอยู่ทุกกระทู้ และก็ตอบไปแล้วทุกกระทู้อธิบายวิธีเรียน วิธีอ่านดาว อย่างกระทู้ที่ 6 ที่เพิ่งผ่านไป ก็มีคนถาม 3 ท่าน ดังนั้น ขอความกรุณาย้อนกลับไปอ่านคำถามคำตอบที่ผ่านมาแล้วด้วยนะครับ วิธีอ่านดวงที่คุณบอกมานั้น แม้จะมีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ถูกต้อง เพราะอ่านดาวลอยในเรือน และ ราศี การอ่านแบบนี้ เขามักสอนกันอยู่ทั่วไป เพราะไม่ต้องการให้ใครเรียนเป็น หากเรียนแบบนี้ก็จะได้เท่าที่เราอ่านสั้นๆ แบบท่องจำ ต่อไปก็จะพบทางตันและเป็นปัญหามากมายตามมา ในที่สุดคุณก็ต้องไปซื้อตำราไม่หยุด และไม่ก้าวหน้า

เวลาเราอ่านดวงชะตา แบบโหราศาสตร์ไทย 1 / ต้องอ่านเจ้าเรือน และสัมพันธ์เรือนก่อน แล้ว 2 / จึงไปอ่านระบบดาว คล้ายกับแบบที่คุณอ่าน เป็นลำดับถัดไป 1 / การอ่านสัมพันธ์เรือน ห้ามเอ่ยชื่อดาว ให้อ่าน 2 จังหวะก่อน เช่นที่คุณให้ความหมายมาจากดวงคุณ เจ้าเรือนตนุ ไปอยู่กดุมภะ – ตนจะเกี่ยวข้องกับเงินทอง กดุมภะ ไปอยู่ตนุ – ของตนเอง รวมอ่านว่า ตนจะเกี่ยวข้องกับเงินทอง ของตนเอง อ่านแบบนี้ไปทุกเรือน จะเห็นได้ว่าไม่ได้อ่านดาวว่าเป็นดาวอะไรเลย เมื่ออ่านเรือนทุกเรือนแล้ว จึงอ่านสัมพันธ์ถึงเจ้าเรือนอื่นมาขยายความ เช่น มีปัตนิมากุมตนุในกดุมภะ ก็เพิ่มว่า เพศตรงข้ามมาเกี่ยวข้องเรื่องเงินทองนี้ด้วย ดังนี้เป็นต้น นี่เป็นการอ่านระบบเรือน

2 / แล้วจึงค่อยไปอ่านระบบดาว ในเรือน เช่น อาทิตย์ ราหู ในกดุมภะ เป็นคู่ขัดแย้ง แสดงว่า การที่ตนมาดูแลการเงินอยู่ และก็มี เพศตรงข้ามมายุ่งเกี่ยวด้วยนั้น เป็นความขัดแย้ง ต้องโต้แย้ง เสียหาย มี เกตุมาร่วมด้วย แสดงว่า อาจเป็นของเก่า หรือ เพศตรงข้ามต่างชาติอย่างที่คุณว่า จะเห็นว่า ในขั้นอ่านดาวนี้ จะช่วยขยายความต่อไปให้รู้ว่าเรื่องดีเลวต่อไป เสร็จแล้ว เอาความข้อ 1 + 2 ผสมเรื่องกัน ก็จะจบในการอ่านขั้นแรก

ตัวอย่างที่ยกมาให้ดู อยากให้เห็น ขั้นตอนในการอ่าน ส่วนข้อความที่อ่านนั้นจะถูกจะผิดจะเชยอย่างไรก็ช่างหัวมันก่อน เป็นแค่ตุ้กตาสำหรับฝึกเท่านั้น เราต้องแม่นในขั้นตอน 2 ขั้นนี้ให้ได้ อ่านให้ได้ทุกเรือน ทุกดวงชะตา อ่านมากๆ ชนิดที่ว่าพอชี้ตรงไหน ต้องไหลออกมาได้เป็นพรืดเดียว จึงจะถือว่าอ่านดวงเป็น ส่วนเรือง ดาวเป็นมหาจักร เป็นมาตรฐาน กาลี หรือความหมายอะไร โยนทิ้งเอาไว้ทีหลังทั้งหมด เราหวนกลับไปปรับปรุงข้อความภายหลังได้ หนังสือตำรามีบอกไว้ดาษดื่น แทบจะล้มทับตาย ไม่ต้องไปรีบอ่านก็ได้ ให้ปิดตำราหนังสือ แล้วอ่านอย่างผมบอกไว้ให้ได้ ขอแค่นี้เอง แล้วคุณก็จะเก่ง

บอกแบบนี้มา 5 – 6 กระทู้แล้ว มีคนเชื่อน้อย 100 คน มีคนเชื่อ ไม่ถึง 10 คน เพราะสิ่งแวดล้อมข้างนอกมีคนชี้ไปทางผิดมีมากกว่า ชี้ถูก ถ้าคุณไม่อ่านแบบนี้ เวลาเรียนขึ้นไประดับสูงๆ คุณจะเผชิญปัญหามากมาย ต่อให้ใครมาตะโกนบอกเคล็ดลับเท่าไร คุณก็จะไม่ได้ยิน ข้อความที่คุณอ่านในคำถามนั้นปะปนกันไปหมด ระหว่างอ่านดาว อ่านเรือน อ่านธาตุราศี อ่านคู่มิตรคู่ศัตรู ต้องจับเอาทีละเรื่อง อย่าใจร้อนตะลุมบอน ไปพร้อมกันหมด ดวงคุณขี้เกรงใจคน แต่ปัญญาดี จะถามอีกก็ได้ แต่ควรหวนไปอ่านกระทู้เดิมที่มีคนถามไว้ก่อน เผื่อว่าจะรู้เรื่องดีขึ้น


วรกุล - 25 กรกฎาคม พ.ศ.2548 10:03น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 4
สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องสงสัยใคร่รู้ อยากจะถามอาจารย์วรกุลว่า การดูเนื้อคู่หรือคู่สมพงค์นั้น คนเรามีได้กี่คู่ค่ะ เพราะหนูเคยได้ยินมาจากผู้ใหญ่ว่า คนเรานั้นมีหลายคู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่แท้ คู่สร้างคู่สม คู่เวรคู่กรรม เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงคู่เช่นที่กล่าวมาอย่างกับคู่ประเภท คู่เวรคู่กรรมได้ไหมค่ะ หรือว่าทุกอย่างนั้นเกิด จากกรรม (การกระทำ) ที่มีมาแต่หนหลัง ขอท้าวความนะค่ะ ในกระทู้ที่ 76 หนูเคยถาม อาจารย์ ศุภกรว่าหนูเกิด ศุกร์ที่ 23 กรกฏาคม 2525 ปีจอ กทม เวลา 05.45 เลยเที่ยงคืนวันพฤหัสมา มีปัญหากับ คน วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2515 ปีชวด เวลา ประมาณ 7 โมง จะดีกันได้ไหม ชึ่งอาจารย์ศุภกร ใด้ให้คำตอบว่า ดวงเป็นคู่กันได้ และโอกาสกลับมาคืนดีกันก็มีมาก ชึ่งหนูอยากจะถามอาจารย์ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมีเนื้อคู่คนเดียวใช่ไหมค่ะ และการที่ดวงเป็นคู่กันได้ตามที่หนูได้กล่าวมานั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเนื้อคู่ที่จะต้องได้แต่งงานกันใช่ไหมค่ะ ในทางหลักโหรราศาสตร์นั้นหนูอยากจะทราบว่าการดูเนื้อคู่นั้นสามารถบ่งบอกเนื้อคู่ได้อย่างชัดแจ้งไหมค่ะ ว่าชีวิตนั้นมีดวงแต่งงาน ดวงเมียน้อย หรือดวงจะต้องเป็นพ่อหม้ายหรือแม่หม้าย ในอนาคต เพราะหนูเคยเห็นการพยากรณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มาบ้างไม่ทราบว่าสามารถทำนายได้จริงไหมค่ะหนูอาจจะถามอาจารย์แบบ งง สักนิดหน่อยนะค่ะ เนื่องจากหนูไม่ทราบว่าจะเรียบเรียงคำถามที่คาใจเช่นไรดี และไม่มีความถนัดในด้านโหราศาตร์เท่าที่ควรแต่ก็อาศัยว่าชอบอ่าน ชอบสนใจในเรื่องของอนาคต อยากรู้ว่าทำไมเราต้องเลือกเดินเส้นทางนี้ หรือต้องเจอคนที่เราถูกใจคนนี้ ก็เลยคิดว่าดวงชะตาก็มีส่วนในการกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเราส่วนหนึ่งเช่นกัน


วรรณ - 25 กรกฎาคม พ.ศ.2548 11:42น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 5
เรียนสอบถามอาจารย์วรกุล รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหรือกรุณาชี้แนะยกตัวอย่างอธิบาย เรื่อง โหรา “กาล” “เวลา” เรื่อง “ธาตุ” ที่อาจารย์ได้กรุณาเขียนไว้ก่อนหน้านี้ครับ ผมขออนุญาตหยิบยกข้อความของอาจารย์ที่ได้เขียนไว้ก่อนหน้าขึ้นมาเพื่อสอบถาม โดยผมจะใส่วงเล็บในส่วนที่เป็นคำถาม รบกวนขอความกรุณาให้อาจารย์ช่วยอธิบาย ชี้แนะเป็นแนวทางครับ…....จาก ”ดวงชะตาวงกลมแบบไทยเกิดจากวงกลมซ้อนกันอยู่กี่ชั้น” “ในขณะที่ดวงดาวปรากฎในสุริยจักรวาล จะถูกดึงดูดพลังงานและธาตุลงสู่ดวงชะตาบนโลกอย่างต่อเนื่อง เมื่ออาทิตย์โคจรรอบโลกเพียววันเดียวธาตุบางส่วนจะเข้าสู่ดวงชะตาจนครบทุกเรือน แต่ธาตุจากสุริยจักรวาล ยังคงเข้าสู่ดวงชะตาอย่างต่อไปจนเต็มภายในระยะเวลา60ปีโดยประมาณ “ ( เลขจำนวน 60 มาจากใหน และมีเกณฑ์การนับอย่างไร หากเป็นการนับอายุทางธาตุนับอย่างไรครับ.) “ธาตุที่กล่าวถึงนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างจะแยกชั้นของดวงชะตาทั้ง..ชั้นดังนี้..” “ ชั้นที่..ชั้นล่างสุด คือจักรราศี พร้อมดวงดาวขณะเราเกิด มีดวงอาทิตย์พร้อมพลังงานอยู่จนเต็ม ซึ่งจะเป็นส่วนที่บรรจุ พร้อมธาตุลงสู่ดวงชะตาในระยะเวลา60ปี ( progress statusการบรรจุ แต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างไรครับ เหมือนเติมน้ำเข้าขวดหรือไม่ครับ เติมแล้วน้ำจะไม่ลดพร่องไปไหน เต็มแล้วเต็มแลย) ดังนั้นในอายุหนึ่งโครงสร้างดาวบางดวงจะยังลงมาไม่ถึงดวงชะตา ( หากมาถึงแล้วจะรู้ได้อย่างไร ดูอย่างไรว่ามาถึงดวงชะตาแล้ว พิจารณานับหรือดูอย่างไร ใช้เกณฑ์อะไรครับ ) สมมุติเล่นๆว่าเราดูดวงจรเด็กหญิงอายุสักห้าขวบดาวจรมาทับปัตนิเดิมเป็นอุจ ไปทายว่ากำลังจะได้สามียศศักดิ์สูงนี่ผิดความจริง แม้เป็นผู่ใหญ่ก็ต้องดูว่าอุจเขาปรากฎในดวงชะตาแล้วหรือยัง ( ดูอย่างไรว่าอุจปรากฎในดวงชะตาแล้วครับ ) ไม่รีบทายเพราะบางคนเขายังแย่อยู่แต่จะดังเมื่อดาวให้ผล (ดาวให้ผลพิจารณาจากเกณฑ์อะไร ระยะเวลาดาวให้ผลนานแค่ใหน พิจารณาจากดาวเจ้าวัยหรือเปล่าครับ) ก็มีดวงดาราหลายคนเป็นอย่างนี้ แต่เมื่ออุจในดวงชะตาเขาชัดแล้ว( ดูอย่างไรพอยกตัวอย่างได้หรือไม่ครับ ) ทายต่อไปได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น. “

จากคุยกันสบายๆฉันมิตร 1 ความคิดเห็นที่52 …. .” หลักวิชาประเภทที่มีเงื่อนไขอย่างเช่นพวกที่เป็นเกณฑ์ อุดมเกณฑ์ พินทุบาทว์อะไรต่างๆ ดาวพวกนี้แสดงวาสนาบารมีดีขึ้นหรือเลวลงเมื่อถึงเวลาเท่านั้น ”

“ บางเรื่องที่เป็นเรื่องก่อนหลังก็เกือบคล้ายกันคือเขาจะเกิดเรื่องเมื่อถึงเวลา บางคนดาวแสดงความลำบากก็เพราะตอนเป็นเด็กเขายากจนอยู่ ต่อมาชะตาเขาดีเป็นเศรษฐีแล้วไม่มีหวนกลับไปทุกข์ยากอีก “ (พิจารณาอย่างไร ขอความกรุณาช่วยชี้แนะยกตัวอย่างดาวประกอบข้อความข้างต้นด้วยครับ )

จากคุยกันสบายๆฉันมิตร 4 ความเห็นที่1 เรื่องโหรา”กาล” หรือ “เวลา”

“เนื้อหาของเวลาคือเวลาจริงที่ธาตุดำรงอยู่ ระบบธาตุทางโหราศาสตร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาการโคจรของดาวบนท้องฟ้า” “ คุณอาจแปลกใจที่บอกว่าอายุทางธาตุของพวกเราจริงๆไม่เท่ากัน ที่ใครบอกว่ามีอายุมากกว่าอาจเป็นได้ว่าอายุอ่อนกว่า หรือบางคนที่เสียชีวิตเมื่ออายุยังน้อยอาจจะบอกได้ว่าอายุทางธาตุหรือเนื้อเวลาจริงๆของเขาสิ้นสุดลงแล้ว “ ( แปลกใจมากมากเลยและไม่เคยรู้เคยได้ยินสิ่งเหล่านี้มาก่อนเลยครับ สนใจเรื่องนี้อยากให้อาจารย์เขียนเรื่องนี้ให้มากๆครับ…… )

“นักปฎิบัติธรรมบางคนอายุยืนมากเพราะเวลาทางธาตุสามารถหยุดหดยืดหรือขยายได้” ( อยากให้อาจารย์เขียนเรื่องเวลาทางธาตุต่อครับ )


ศ fa200 - 25 กรกฎาคม พ.ศ.2548 19:21น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 6
ตอบ 4 คุณ วรรณ..............เคยเขียนเรื่องคู่ไว้ในกระทู้ที่ 5 ความเห็นที่ 10 ลองเปิดไปดูด้วยนะครับ คู่ของคนเรา ทางโหราศาสตร์จำแนกไว้ 3 ประเภท คือ หนึ่ง คู่แท้ ( หรือบางท่านเรียกว่า คู่กรรม คู่ธาตุ) เป็นคู่ที่เกิดจากกรรมในดวงชะตา อาจจะทำบุญร่วมกัน หรือ จองเวรกันมาก่อนก็ได้ ที่เรียกว่า คู่เวรคู่กรรม นั่นแหละ คู่ชนิดนี้เป็นคู่แท้จริงทางดวงชะตา แต่อาจจะไม่ได้อยู่กินแต่งงานกัน หรือถูกบังคับให้แต่งงาน และหากแต่งงานกัน อาจจะมีความทุกข์ หรือ ความสุขก็ได้ คนเราทุกคนมีคู่ชนิดนี้ เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา เมื่อธรรมชาติสร้างตัวเราขึ้นมานั้น จะมีบุคคลที่เป็นคู่แท้ของเราถือกำเนิดมาด้วยเสมอ แม้จะเกิดมาไม่พร้อมกัน แต่ก็จะมารู้จักกันอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต คู่ชนิดนี้ดูยากที่สุด เป็นที่ดวงบางคน อาจจะแสดงชัดทั้งสองฝ่ายมีเพียงราว 1 ใน 50 คน ที่เห็นชัดเจน รูปดวงชะตาสวยงามบอกได้ทันที หากพบคู่แท้ และดวงชะตามีการแต่งงานได้ ก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น หรือต้องทำใจตัดให้ขาด เช่น พระบางรูป ท่านไปนั่งภาวนาเสีย ก็ตัดออกได้

สอง คู่ครอง หรือ คู่ปัตนิ (หรือบางทีเรียกว่า คู่เทียม คู่ไม่แท้ คู่เหมือน คู่เงื่อนไข ) เกิดจากโอกาสทางดวงชะตาที่มีคู่ได้หลายคน ดวงชะตาจะเปิดให้คนที่มีคุณสมบัติไม่ครบตามคู่แท้เข้ามาเป็นคู่ได้เช่นกัน คู่ชนิดนี้มีเพียงบางคน บางคนมีมาก อย่างมีภรรยา ตั้ง 10 – 20 คน บางคนไม่มีเลย คู่ชนิดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กินด้วยกัน หลีกเลี่ยงได้ และอาจจะเกิดจากมีกรรมสัมพันธ์กันมาแต่ชาติก่อนๆ หากไม่แต่งงานกันก็มีคนใหม่ที่เป็นคู่ปัตนิ เข้ามาใหม่ได้ ในคุณสมบัติอันใดอันหนึ่ง อาจมีบุตรได้ หากดวงชะตาเปิดให้ บางคนอาจจะไม่มีคู่ปัตนิเลย แต่อย่างน้อยต้องมีคู่แท้ อยู่ที่หนึ่งที่ใดในโลกนี้

สาม คู่เสน่หา หรือ คู่สัมพันธ์ ( บางทีเรียกว่า คู่เพื่อน คู่ดาว คู่อารมณ์ ) เกิดจากอิทธิพลของดวงดาวทั้งดาวเดิม หรือ ดาวจร หรือ ทั้งสองอย่าง ให้มาร่วมสัมพันธ์กัน เกิดความรัก ความใคร่ เมื่อหมดอิทธิพลของดวงดาว ก็มักเบื่อ หรือ เหมือนไม่รู้จักกัน หรือ คู่ตาย กลับไปนั่งหัวเราะ คู่ชนิดนี้ อาจแต่งงานกันได้ แต่เมื่อหมดอิทธิพลของดวงดาว โหราศาสตร์จะแปลความความหมายเพียงเป็นผู้ที่มาอยู่ร่วมด้วยกัน ทำนองเพื่อนคนหนึ่ง และมักจะไม่มีบุตรด้วยกัน

จากดวงคุณ ดูผู้ชายคนนั้น เขาไม่ใช่คู่แท้เลย เขาเป็นเพียงคู่ปัตนิของคุณ แต่จากดวงเขาดูมาที่คุณ คุณกลับเป็นคู่แท้ของเขา แสดงว่าคุณเป็นคู่ปัตนิของเขาที่มีคุณสมบัติเหมือนคู่แท้เท่านั้นเอง หากทั้งสองจะแต่งงานกันก็ได้ กลไกในการสร้างกรรมใหม่ จะเอาคุณสมบัติของคู่แท้มาใช้ แต่เรื่องจริงจะเป็นอย่างไรอยู่ที่กรรมลิขิต เราไม่อาจจะบอกได้นอกจากจะมีญาณหยั่งรู้ โหราศาสตร์ทำได้แค่นี้ ส่วนเรื่องที่ดวงบอกว่า จะเป็นเมียน้อย หรือ คู่เป็นพ่อหม้าย แม่หม้ายนั้นไม่จำเป็นเลย อันนั้นเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เป็นไปได้มาก อย่างเช่น มีลูกบอลสีแดง (พ่อหม้าย) อยู่ 80 ลูก ร่วมในลูกบอลสีอื่นๆ 100 ลูก เราก็มีโอกาสหยิบ ลูกบอลสีแดง ได้มากกว่า สีส้ม สีเขียว สีขาว สีฟ้า เท่านั้น ส่วนใหญ่ในชีวิตจริงเราไม่มีโอกาสได้เลือกมาก ดังนั้น จึงมักจะมี พ่อหม้าย (สีแดง) เดินมาจีบเอา จีบเอา อยู่ 4 – 5 คน ก็จำเป็นต้องเลือก


วรกุล - 26 กรกฎาคม พ.ศ.2548 06:24น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 7
คือผมสงสัยเกี่ยวกับการนำโหราศาสตร์ ไปใช้ในการรบทัพจับศึกในสมัยก่อนนั้น ทั้งการตัดไม้ข่มนาม คัดแม่ทัพ นายกอง ชัยภูมิ ฤกษ์ มีการใช้อย่างไร


รู้น้อย - 26 กรกฎาคม พ.ศ.2548 15:27น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 8
ขอขอบคุณอาจารบ์ วรกุล มากค่ะที่เข้ามาให้ความกระจ่างกับหนู แต่หนูยังมีข้อสงสัยอีกนิดนะค่ะ ขอรบกวนหน่อยค่ะ ตามที่อารย์บอกให้หนูไปเปิด กระทู้ที่ 5 ความเห็นที่ 10 ดู อาจารย์บอกว่าทุกคนต้องมีคู่แท้ เหมือนกับใบไม้ที่ฉีกออกจากกันจะมีใบไม้ที่รหัสเดียวกันคือใบเดียวกันที่ถูกฉีกที่สามารถมาประกอบติดกันได้เท่านั้น หนูจึงสงสัยตามประสาผู้รู้น้อยต่อไปว่าที่อาจารย์บอกหนูว่าเขาเป็นเพียงคู่ปัตนิของหนูแต่ดวงเขาหนูกลับเป็นคู่แท้ของเขา ดังนั้นหนูจึงสงสัยเป็นอันมากว่า คนเรามีคู่แท้ได้ 1 คน จะต้องมีดวงทั้ง 2 ฝ่ายเป็นคู่แท้ด้วยกันทั้ง 2 ดวงใช่ไหมค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกับคนที่เป็นคู่แท้เสมอไปใช่ไหมค่ะ เพราะเป็นไปตามกฏแห่งกรรมไม่ทราบว่าหนูเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าค่ะ ดังนั้นคู่ปัตนิที่มีคุณสมบัติเหมือนคู่แท้ตามที่อาจารย์กล่าวมาข้างต้นก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ใช่ไหมค่ะ


วรรณ - 26 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:36น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 9
ตอบ 5 คุณ ศ fa200.............1 / เกณฑ์ เลข 60 เป็นเกณฑ์ร่วม ใช้ในโหราศาสตร์หลายระบบ เหมือนจุดอ้างอิง เช่น โหราศาสตร์ที่ใช้พฤหัส อย่าง พฤหัสจักร หรือ นักษัตร จะมีวงรอบธาตุจากดาวฤกษ์ 60 ปี จากพฤหัสจร 5 รอบจักรราศี รอบละ 12 ราศี ครบ 60 ปี เป็นหนึ่งรอบใหญ่ หรือ ยุคพฤหัส โหราศาสตร์ทางธาตุ จะใช้รอบธาตุจากสุริยจักรวาล อาทิตย์เป็นแหล่งธาตุในจักรวาล เดินครบรอบ 60 ปี เพื่อเติมพลังงานธาตุให้พฤหัส จนครบทุกรอบ โหราศาสตร์ทางดวงดาว ถือเอาดาวโคจร ปกติดาว 7 ดวง เสาร์ โคจรช้าสุด ราศีละ 2.5 ปี 12 ราศี ก็ 30 ปี เป็นอนุกรมของ 60 และยังมีโหราศาสตร์ระบบอื่นๆอีก โดยเฉลี่ยแล้ว เลข 60 จึงเป็นเกณฑ์เทียบวงรอบระหว่างระบบเท่านั้น รายละเอียดค่อยไปว่ากันทีละระบบ

2 / การเติมธาตุลงมาในดวงชะตาในวันแรกที่เกิด ธาตุจะมีภพภูมิตั้งต้น ตามตำแหน่งธาตุดาวในดวงชะตา แล้วจะเปลี่ยนภพภูมิไปทุกระยะ ตามแต่เหตุการณ์ ดาวจรที่โคจรไปทุกวัน จะเติมธาตุเข้ามา (พร้อมพลังงานธาตุ) จนครบตามคุณสมบัติที่เป็นโครงสร้างของดาวและเรือนในดวงเดิม ในรอบ 60 ปี จาก ข้อ 1 / โดยหลักแล้ว อาศัย อาทิตย์ และ พฤหัส เป็น เกณฑ์เทียบวัด เหมือนเติมน้ำเข้าขวดถูกแล้ว แต่ธาตุแต่ละตัวมีภูมิตั้งต้นไม่เท่ากัน หรือ มีน้ำไม่เท่ากันมาก่อน ต้องเติมให้ครบตามที่มันมีแผนไว้ในแต่ละธาตุในดวงชะตา เป็นโครงสร้างสัมพันธ์กัน แต่เหตุการณ์ใหญ่ๆ และกรรมที่กระทำจะเปลี่ยนแปลงแบบเราพลิกนาฬิกาทรายที่ยังไม่ครบเวลากลางคัน ทรายไม่ได้ใช้ไป แต่มันเปลี่ยนไปเฉยๆ เช่นสมมุติ เหมือนคนที่สะสมเงินทองมามาก พอไฟไหม้ที ก็กลับไปเริ่มใหม่ ด้วยเงินทองเท่าที่เหลืออยู่ การเติมของธาตุเข้ามาจะเป็น สองแบบ คือ เติมที่ธาตุดาว กับ เติมที่โครงสร้างเหตุการณ์ซึ่งสอดคล้องกันกับกรรมเดิม

3 / การพิจารณาเกณฑ์อายุที่คุณว่า ดูดาววัยนั้น เป็นคำตอบที่ถูกอย่างหนึ่ง โหราศาสตร์ทุกระบบแต่ละวิชาจะมีวิธีตรวจตรงนี้ โหราศาสตร์บางระบบตรวจจากการเคลื่อนไปของจุดเจ้าชะตา เช่น โค้งสุริยาตร และวงรอบการเคลื่อนของธาตุในกลุ่มดาวฤกษ์ ก็เป็น วัย ลักษณะหนึ่งเหมือนกัน ส่วนมากการตรวจให้ละเอียดลงไป จะมีตรวจซับซ้อนกว่าเพิ่มเติมจากวัย เช่น ตรวจจากเหตุการณ์หรือ เงื่อนไขในชะตา หรือ ตรวจโดยคำนวณภพภูมิของธาตุ หรือ อัตราการโคจรของดาว ตรวจวงรอบของอายุ สถานะปัจจุบัน เหตุการณ์จร เป็นต้น แล้วคำนวณระยะเวลาที่จะเกิด เช่น เจ้าชะตาบอกว่า เพิ่งโดน รถเฉี่ยวชนมา จะบอกได้ว่า อีก 3 เดือนโดยประมาณ เขาจะถูกลอตเตอรี่ เป็นต้น

การตรวจความเป็นอุจ นิจ มหาจักร หรือ เหตุการณ์ในดวง ก็ตรวจจากโครงสร้างเรือนและดาวในดวงชะตานั่นเอง อย่างสมมุติง่ายๆ ลัคนาราศีมิถุน ศุกร์ เป็นอุจอยู่ราศีมีน พฤหัส เจ้าเรือนเป็นอุจได้อาทิตย์ จันทร์ เกษตรคุ่มิตร คู่ธาตุ อยู่ราศีกรกฏ กดุมภะ หากคนคนนี้ มีใครชวนไปถ่ายแบบปกหนังสือนิตยสารสักฉบับ คุณอาจทำนายว่าเขาจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ เพราะเขาเริ่มขยับตัวออกเดินทางในสายบันเทิงแล้ว หากยังไม่มีเงื่อนไขตามโครงสร้างเรือนและดาว ความเป็นอุจ ก็ยังเฉยๆอยู่ แต่ไปแสดงออกในเรื่องอื่น แต่อย่าลืมว่า เงื่อนไขดวงชะตาไม่ได้มีเงื่อนไขอย่างเดียวแบบที่สมมุตินี้

4 / ดาวองคเกณฑ์ และอุดมเกณฑ์ ยิ่งมีเงื่อนไขมากกว่า พวกอุจเสียอีก เพราะดาวพวกเกณฑ์ต่างๆ เป็นเกณฑ์เพราะมีจุดเทียบ คือตัวมันจะดี ก็ต่อเมื่อ คนที่มันเทียบด้วยนั้นดีด้วย คล้ายกับคนขับรถของเรา เมื่อเราเป็นคนธรรมดา เขาก็ธรรมดา เมื่อเราได้เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี คนเขาตะเบ๊ะ(รถที่) เรา (นั่ง) เขาก็(มีกำลังทำงาน) โก้เก๋ไปด้วย เช่น อำพุเกณฑ์ นั้นอ้างอิงกับลัคนาอำพุ หากลัคนายังไม่ถึงเวลาแสดงคุณความดี ดาวเกณฑ์นั้นก็ยังไม่เกิดผลตามไปด้วย ในทางปฏิบัติก็ต้องดูพวกดาววัยเหมือนกัน หากดาวที่มันเทียบ หรือ ดาวที่เป็นองคเกณฑ์เอง ยังไม่ทำงานตามวัย เขาก็เป็นดาวธรรมดา เดินดินกินข้าวแกง ที่ว่าคนที่เคยทุกข์ยาก หากเป็นเศรษฐีเพราะองคเกณฑ์แล้ว จะไม่หวนไปทุกข์ยากอีก เพราะองคเกณฑ์ อุดมเกณฑ์ นั้น ก่อนเปลี่ยน จะเป็นดาวธรรมดา เมื่อเป็นองคเกณฑ์แล้วจะคงอยู่ เปลี่ยนยาก เหมือน รับปริญญาแล้วไม่มีใครทวงคืน แต่ถ้าตัดสินติดคุกตลอดชีวิต ก็ติดจนแก่ตายเหมือนกัน ไม่ได้แสดงว่า ดี หรือ ไม่ดีเสมอไป ต่างกับพวก อุจ นิจ อาจรวยๆจนๆ ขึ้นๆลงๆ อยู่ได้หลายครั้ง ในชีวิต

5 / เรื่องกาล อธิบายสั้นๆ ไม่ได้ครับ จะมีปัญหาถามต่อมากมาย คนไม่มีพื้นฐานการใช้ความคิดก็จะนึกไม่ออก เพราะกาลไม่ใช่ทั้งรูปธรรม และ ไม่ใช่นามธรรมทั่วไปด้วย อาจจะเรียกว่าเป็นอุปาทาน หรือ อวิชชา บางคนว่า เวลา และกาลเป็นสิ่งลวง (โลก) ด้วยซ้ำไป เผลอๆเดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปากให้คนเขาแย้ง เพราะเขียนอธิบายอย่างไรก็แสดงให้ทุกคนเข้าใจเหมือนกันไม่ได้ พอๆกับให้พิสูจน์ว่า ผี มีจริง ต่อให้เราเห็นด้วยตา จะไปบอกเล่าให้ใครเชื่อได้ยาก คงทำได้เพียงเขียนแทรก เมื่อต้องพิจารณากาลร่วมกับอย่างอื่น ที่พอเข้าใจได้

00000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 7 คุณรู้น้อย............คงไม่ได้ถามเอารายละเอียดนะครับ การทำพิธีในกองทัพสมัยโบราณประกอบไปด้วยวิชา หรือ ศาสตร์หลายอย่าง เพียงแต่ผู้ที่ประกอบพิธีนั้นเป็นโหร จึงดูเหมือนเป็นโหราศาสตร์ไปหมด พิธีส่วนใหญ่เป็นไสยศาสตร์ มีโหราศาสตร์ วิชาชัยภูมิ และธาตุ เป็นองคประกอบ สิ่งเหล่านี้ เรียกได้ว่ารวมอยู่ใน ตำราพิชัยสงคราม ของโบราณ ซึ่งหวังทั้งผลทางจิตวิทยา และ ยุทธศาสตร์ทางการรบ โหราศาสตร์ เป็นส่วนสำคัญที่กำหนด เวลา หรือ ฤกษ์ การสร้างเหตุการณ์ตามฤกษ์ เพื่อให้ดวงฤกษ์มีผลทางธาตุท้องถิ่น ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้แก่ธาตุที่ใช้ทางไสยศาสตร์ เคลื่อนย้ายได้คล่อง การตัดไม้ข่มนาม เป็นพิธีไสยศาสตร์ เพื่อทำลาย แม่ทัพนายกองฝ่ายตรงข้าม ทั้งมุ่งให้หลงผิด งุนงง หรือ อ่อนกำลัง จนถึงหมายเอาชีวิต และยังหวังผลทางจิตวิทยาด้วย การนำชื่อ และดวงชะตาของ แม่ทัพ นายกองฝ่ายตรงข้ามมาใช้ทำมนตร์พิธีแบบนี้ เป็นไสยศาสตร์ล้วนๆ นอกจากนั้น ก็มีพิธีสงฆ์ หรือศาสนา ร่วมด้วย เพื่อให้เกิดกำลังใจ

การใช้แม่ทัพนายกองก็เป็นไปตามไสยศาสตร์เหมือนกัน เพราะพิจารณาธาตุบุคคล ไม่ว่าจะเป็น นาม หรือ ลักษณะ ให้สอดคล้องกับชัยภูมิ เดินทัพ ตั้งทัพ ไม่ให้ขัดแย้งกัน เช่น ครุฑนาม นาคนาม เพื่อให้เกิดความ เหมาะสม และมีกำลัง รวมทั้ง มีศักยภาพ เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม อย่างสมมุติ ปลาฉลาม ก็ไม่ให้ไปว่ายบนบก เป็นนกอินทรี ไม่ให้ไปอยู่ในน้ำ อะไรทำนองนี้ นอกจากนั้น ก็ดูประวัติ เช่น แม่ทัพนายกองที่ไม่เคยรบแพ้ทางทิศนี้ หรือ ชนชาติศัตรูเลย แสดงว่ามีบารมีทางนี้ เช่น ปราบพวกฮ่อ มาได้ทุกครั้ง คราวนี้ก็ไปปราบอีก ก็ปิดประตูแพ้ เหมือนฟุตบอลทีมไทย ไม่เคยแพ้ทีมเอสกิโมเลย แข่งทีไรไม่ชนะก็เสมอ (แต่ส่วนใหญ่จะเสมอ)


วรกุล - 27 กรกฎาคม พ.ศ.2548 04:32น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 10
ตอบ 8 คุณวรรณ.........ถูกต้องตามที่คุณสรุปมาทุกอย่างครับ ไม่จำเป็นที่คนเราต้องอยู่ร่วมกับคู่แท้ ทั้งนี้ ก็คือเป็นไปตามกรรม แม้คู่ประเภทไหน หากเราต้องการหลีกเลี่ยงก็ทำได้หมด เว้นกรรมแรงที่บังคับจนไม่อาจหนีได้เท่านั้น ไปอ่านปัญหาของคุณมาแล้ว ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน ทำไมคุณไม่ตัดสินใจทำงานตามพื้นฐานเหตุผลการงานล่ะครับ เลือกที่เห็นว่าการงานจะก้าวหน้าดีที่สุด หากดวงเรามีคู่แล้ว คู่ของคุณเขาก็จะมาเอง การที่เราดูดวงนั้นก็เพราะอยากรู้เท่านั้น ไม่ใช่ใช้เพื่อตัดสินใจ หากหมอดูดูผิด เรามิต้องเสียใจไปตลอดชีวิตหรือ หากเป็นผมจะปล่อยไปตามสบาย คู่แท้ คู่ไม่แท้ ถึงเวลาก็มาเอง ไม่พอใจ ไม่ชอบ ก็ไม่แต่ง อยู่ที่ตัวเราลิขิตชีวิตตัวเราเท่านั้น ดวงชะตาก็จะเปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่งได้


วรกุล - 27 กรกฎาคม พ.ศ.2548 16:37น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 11
ขอขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ ที่รบกวนตอบคำถามเด็กช่างสงสัยอย่างหนูถึง 2 ครั้งสองคราว หนูจะจำคำแนะนำของอาจารย์ไปใช้ค่ะ


วรรณ - 27 กรกฎาคม พ.ศ.2548 19:42น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 12
เรียนท่านอาจารย์ วรกุล

ผมได้อ่านกระทู้ทั้งหมดของท่านอาจารย์แล้วครับ เข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้างเป็นส่วนมาก แต่สกิดใจอยู่ที่ว่าท่านอาจารย์สอนว่าถ้าจะถามคำตอบคำมันไปได้ช้า แต่ถ้าจะให้ครูเข้าใจว่าศิษย์อยู่ตรงไหนของเนื้อหาวิชาการ ต้องพยากรณ์ให้ครูดูเพื่อจะได้ติติงและแก้ไขในสิ่งที่คลาดเคลื่อนไป และแนะแนวทางที่ถูกต้องผมจึงคิดว่าจะขอโอกาศท่านอาจารย์ คือผมมีดวงอยู่สองดวงแต่มีบางประการที่ไม่แน่ใจจึงอยากจะเรียนรบกวนท่านอาจารย์ชี้แนะด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

ดวงชะตา หญิง 2 คน คนแรก เกิด 27 เมษายน 2490 เวลา ย่ำรุ่ง เชียงใหม่ คนที่สอง เกิด 21 กรกฏาคม 2493 เวลา ราว 2 ทุ่ม เชียงใหม่ คนแรกผูกดวงได้ว่า ลั14อยู่เมษ8 อยู่พฤษภ 02อยู่เมถุน 79 อยู่กรกฏ 5 อยู่พิจิก 63อยู่มีน 2ยกเวลา 06.49 น.

คนที่สอง ลั อยู่ธนูถ้าเกิดก่อน 2ทุ่มครึ่งตัดเวลาท้องถิ่นแล้ว หรือมังกรถ้าหลังจาก 2ทุ่มครึ่ง 5อยู่กุมภ์ 8อยู่มีน 06อยู่เมถุน 14อยู่กรกฏ 7อยู่สิงห์ 23อยู่กันย์ 9อยู่พิจิก

ทั้ง 2 คนรับราชการครูประชาบาลแต่เอิร์ลี่รีไทร์ เมื่อราว 3 ปีก่อน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันไม่มีคู่ครองและมีนิสัยคล้าย ๆ เลสเบี้ยน อยู่ด้วยกันมา 30 กว่าปี โดยที่คนที่ 2 ออกจะเป็นทอมบอย มาอาศัยอยู่บ้านคนแรกมาโดยตลอดแต่ก็ช่วยค่าใช้จ่ายรายเดือนมาตลอด 30 ปี แม้จะมีบ้านเป็นของส่วนตัวของตัวเองแต่ก็กลับไปเพียงบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านของคนแรกเป็นส่วนมาก แต่ทั้งคู่นับว่าเป็นคนดีเป็นครูที่ลูกศิษย์รักและนับถือมากที่สุด และมีนิสัยเผื่อแผ่เห็นใจผู้อื่นเสมอ แต่น่าสังเกตุว่าดวงแรกนั้นมีโชคทางการพนันอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่ผมรู้จักมา และถามจากคนรู้จัก คน ๆ นี้เล่นไพ่ 10 ครั้งจะได้ 9 ครั้ง เสียเพียงครั้งเดียว และเป็นอย่างนี้มาตลอด แม้แต่คนที่เคยไปเล่นถึงปอยเปตมามาเล่นกับคนแรกก็เรียบร้อยไปทุกราย บางรายถึงกับต้องเอาของมีค่านับแสนมาขายให้เพื่อเอาเงินมาเล่นพนันด้วย แต่ก็เสียให้กับเจ้าชะตาหมดทุกราย

คนแรกนั้นมีปัญหาที่ 2 เจ้าเรือนพันธุคือถ้าเกิดก่อน 6.49 น. 2จะอยู่เมถุน แต่ถ้าเกิดหลัง 6.49น. 2จะอยู่กรกฏ ซึ่ตามจริงเจ้าชะตามีที่ดินของมารดาเป็นมรดกตกเป็นกรรมสิทธิ์หลายผืน และได้ผลประโยชน์จาการเก็บค่าเช่ามาโดยตลอดเพราะเป็นลูกคนโตและมีหน้าที่ดูแลแม่ และพี่น้องคนอื่น ๆ ก็ล้วนมีอาชีพมั่นคงและมีครอบครัวทุกคนแต่ทุคนรักและเกรงใจเจ้าชะตามากทุกคนเพราะเจ้าชะตามีใจเมตตาเป็นหลักผมจึงพิจจารณาว่า น่าจะเกิดหลัง 6.30น.ตามเวลามาตรฐานประเทศไทย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่คิดสงสัยครับ

ดวงที่สองผมคิดว่าจะวาง ลั ไว้ธนู แม้จะมีคู่แลบุตรยากเช่นกัน แต่ดูจากอุปนิสัยและการไม่พึงใจที่จะอยู่ถิ่นฐานบ้านช่องของตัวเองแล้ว ลั น่าจะอยู่ธนู มากกว่ามังกร ซึ่งทั้งสองดวงยังไม่ได้สอบด้วยดวงจรครับ

ผิดถูกอย่างไรจึงอยากของความกรุณาท่านอาจารย์ ติติงและแนะแนวทางด้วยครับจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ


ขอคารวะ - 28 กรกฎาคม พ.ศ.2548 22:42น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 14
ตอบ 12 คุณ ขอคารวะ.........ดีจริงครับ ที่ถามโดยให้ความเห็นและเล่าเรื่องมาด้วย ให้เห็นด้วยว่าเข้าใจว่าอย่างไร การนำดวงชะตาผู้อื่นมาดู อันที่จริงไม่เป็นมารยาทที่ดีสำหรับโหรทั่วไป เว้นในกรณีศึกษา โดยไม่มีใครรู้ว่า เจ้าของดวงชะตาเป็นใคร และวิจารณ์เพียงแง่มุมทางโหราศาสตร์ โดยไม่ไปทำนายอะไรเขา ไม่ว่าทางดีหรือร้าย และควรเป็นดวงชะตาผู้ที่มีอายุมาก หรือ เป็นคนในอดีตไปแล้ว เพราะเรื่องราวในดวงชะตาได้แสดงออกผลลัพธ์สุดท้าย จะได้เห็นเป็นบทเรียนได้

ดวงชะตาคนแรกนั้น การวางดาวที่บอกมาถูกหมดแล้ว มีเพียงปัญหาว่าจะวางจันทร์ อยู่ในมิถุน หรือ กุมภ์ และลัคนาวางอยู่ราศีเมษถูกหรือไม่......... เมื่อวางจันทร์อยู่มิถุน ๗ กัมมะ ร่วม ๙ ราศีกรกฏ มี ๕ ศุภะตรีโกณถึงกัมมะ – อาชีพรับราชการเป็นครูอาจารย์.......๗ – ๒ – ๔๑ - ๕ กัมมะ – พันธุ – สหัชชะ ปุตตะ -ตนุ - ศุภะ การงานนั้นเกี่ยวกับ การสอนเด็กๆ ตรงกับที่ว่าเป็นครูประชาบาล........๗ กัมมะนั้นเป็นประ อยู่ราศีกรกฏ งานหนักเหนื่อยใจ รับผิดชอบมาก หาก จันทร์อยู่กรกฏ เป็นเกษตร กุมเสาร์ กัมมะ จะไม่เกี่ยวกับอาชีพสอนเด็ก.......๔ – ๑ อุจ – ๕ มหาจักร สหัชชะ – ตนุ – ปุตตะ – ศุภะ เจ้าชะตามีคุณธรรม ปราณีเด็ก รวมทั้งพี่น้องมีฐานะ และการงานมั่นคงไปด้วยกัน

มฤตยู อยู่มิถุน สหัชชะเรือนพุธ ๔ สหัชชะ มากุมลัคนาอยู่ เพื่อนจึงมาอยู่ร่วมด้วยอย่างยาวนานตามความหมายของมฤตยู.......๘ ราหู อยู่กดุมภะ เจ้าเรือน คือ ๖ เป็นอุจเรือนวินาสน์ กุม ๓ คู่มิตร เจ้าชะตามีโชคทางการพนัน หรือ เสี่ยงโชค....... ๕ มหาจักรตรีโกณ เข้าหา ๖ อุจกดุมภะ ที่เป็นคู่มิตร ๓ มรณะที่ เป็นคู่สมพลนั้นด้วย ได้มรดกและมีรายได้มาไม่ขาด.........ส่วนเรื่องคู่ครองนั้น ๖ ปัตนิอยู่วินาสน์ ๕ ไปมรณะ แลกเรือน ๓ ถึง ๖ ร่วมด้วย ๓ คู่มิตร เจ้าชะตามีคนรัก แต่แยกจากกันไป จึงไม่แต่งงานอยู่ตลอดไป

ดวงชะตาคนที่สอง ลัคนาราศีธนู ๕ ตนุ – ๗ สหัชชะ – ศุภะ บอกชัดว่าไปพักอาศัยอยู่บ้านเพื่อน ๔ กัมมะ ร่วม ๑ ศุภะ – ๒ มรณะ กุมร่วม ๓ ปุตตะในกัมมะแลกเรือนกับ ๔ และ มี ๙ เรือนอังคาร ราศี พิจิก – อาชีพรับราชการเป็นครูถูกแล้ว หาก ลัคนาราศีมังกร ๖ กัมมะ - อริ กุม มฤตยู จะไม่เกี่ยวกับอาชีพครู.......ที่คุณว่าท่าทางเหมือนทอม นั้น ไม่ใช่ทอมจริง เพราะ ๖๐ เรือนปัตนิ และ ๔ ปัตนิ + ๑ ศุภะ เรือน มรณะ เจ้าชะตามีความรักผิดหวัง ตัดขาดกันไป ไม่แต่งงาน มฤตยู จตุโกณเข้าหา ๓ ปุตตะกุม ๒ มรณะด้วย ทำให้มีบุตรยาก

ที่จริงผม ดูดวงลึกลงไปอีก แต่ชี้เท่าที่พอเข้าใจย่อๆ เพื่อหาคำตอบปัญหาลัคนา และการวางดาวเท่านั้น เขียนไว้สั้นๆรวบรัดหน่อยให้เห็นจุดที่ทำนาย คุณลองอ่านใหม่ตามหลัก ก็จะเห็นได้ไม่ยาก


วรกุล - 30 กรกฎาคม พ.ศ.2548 05:30น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 15
เรียน ท่านอาจารย์ วรกุล

ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาผมหลายต่อหลายครั้ง ดวงแรกนั้นขอบพระคุณท่านท่านอาจารย์เตือนผมเรื่อง การอ่านสภาพของดาวเจ้าเรือน สหัสชะต่อไปอีก เป็นการสอนย้ำว่าจะดูภพใดไม่ใช่ดูดาวลอยในภพนั้นเพียงเท่านั้น แต่ต้องอานเรือนสัมพันธ์เรือน และสภาวความสัมพันธ์ของดาว เป็นการชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของผู้ศึกษาเป็นอย่างดี แต่ท่านอาจารย์ไม่ว่าตรง ๆ ก็นับว่าเป็นความเมตตาถนอมน้ำใจมากแล้วครับ

และเริ่มเข้าใจที่ท่านอาจารย์สอนบ่อย ๆว่า ดวงหนึ่ง ๆ ถ้าจะทายต้องอ่านเรือนทั้ง 12 ดาวทั้ง 10 ก่อนทายหรือตัดสินใจอะไร เพราะผมไปอ่านที่สหัสชะ-พันธุไปสัมพันธ์เรือนอื่น แต่ไม่อ่านเรือนอื่นมาสัมพันธ์สหัสชะ ผมนี่มันอ่อนหัดจริงๆ ครับ ขอบพระคุณมากครับที่ท่านอาจารย์ชี้ให้เห็น ผมจะทบทวนดวงอื่นบ่อย ๆ และจะไม่ลืมอีกครับ

แต่อย่างไรอยากจะลองทายอีกนิดเรื่องดวงแรก คือว่าถ้า 2 อยู่กรกฏเจ้าชะตา จะมีรายได้จากที่ดินที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ใช่หรือไม่ไม่ทราบครับ อายครูบ่รู้วิชา ท่านอาจารย์กระณาด้วยครับ

ส่วนดวงที่ 2 นั้นเจ้าชะตาไม่ใช่คนเชียงใหม่เสียทีเดียวแต่เป็นคนที่อยู่อำเภอใกล้เขตเชียงใหม่ในอีกจังหวัดหนึ่ง การมาทำงานจึงมีส่วนให้เจ้าชะตาต้องจากถิ่นเกิดมาทำงาน เจ้าชะตาเป็นครูสอนพละศึกษาครับ

ที่ท่านอาจารย์กรุณาบอกเป็นนัยว่า ท่านอาจารย์ดูลึกลงไปอีกคล้าย ๆ เปิดทางให้ถาม (ถ้าผมไม่เข้าใจผิด) ตรงส่วนนี้ถ้าท่านอาจารย์จะชี้แนะบ้างแม้เพียงบางส่วนก็จะเป็นประโยชน์มากครับส่วนเรื่องเอาดวงคนอื่นมาวิจารณย์ เรื่องนี้ผมน้อมรับคำสอนครับ และผมก็ระมัดระวังเรื่องนี้มาตลอดครับ เพราะศึกษาด้วยใจรักอยากเรียนและมีอุดมคติ ไม่ได้เรียนเพราะเอาสนุกหรือเรียนเพราะเห็นเขาเรียนกันแล้วเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จึงมีจุดยืนของตัวเองที่แน่ะนอนและปักหลักแน่นครับ ขอบพระคุณที่ท่านอาจารย์กรุณาอีกครั้งครับ

ด้วยความเครพอย่างสูง


ขอคารวะ - 30 กรกฎาคม พ.ศ.2548 12:11น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 16
เรียนท่านอาจารย์วรกุลครับ

ผมอยากเรียนถามท่านอาจารย์อีกข้อครับ คือมุมตรีโกณฑ์คือเรือนที่มีธาตุเดียวกันสัมพันธ์กัน นอกจากจะดูว่าดาวจากเรือนใดมาตรีโกณฑ์ และเราต้องดูดาวเจ้าเรือนเรือนที่ดาวที่อยู่เรือนตรีโกณฑืต่อไปอีกด้วยว่าเป็นอย่างไรและมา-ไปเรือนใดด้วย ไม่ทราบว่า ใช่หรือไม่ครับ

และเรือนตรีโกณฑืนั้เป็นเรือนธาตุเดียวกัน แต่ถ้าดาที่เข้ามาอยู่เป็นดาวจากภพที่ดี แต่คนละธาตุกับเรือนตรีโกณฑ์เราจะทายไปว่าอย่างไรครับ ขอความกรุณษท่านอาจารย์อีกสักเล็กน้อยครับ

ด้วยความเครพอย่างสูง


ขอคารวะ - 30 กรกฎาคม พ.ศ.2548 12:21น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 17
ตอบ 13 คุณ scorpion.............ตอนนี้เมื่อคุณสามารถอ่านภาษาไทยจากอินเตอร์เน็ทได้ หากมีความสะดวกอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปหาเครื่องพิมพ์ที่ภาษาไทยก็ได้นี่ครับ ผมเข้าใจว่าเครื่องที่มีคีย์บอร์ดไทยร่วมด้วย และคงต้องลงไดรเว่อร์ของฟอนต์เพิ่มเติม ซึ่งหากไม่ใช่เครื่องคอมพ์ของคุณเอง อาจจะไม่สะดวกเท่าการใช้เครื่องคอมพ์ทั่วไป มีวิธีที่เราจะคุยผ่านทางนี้ โดยคุณพิมพ์ภาษาอังกฤษนี่แหละ ไม่ต้องกังวลความถูกต้องของภาษา แต่ให้ได้ใจความเพียงพอเข้าใจได้ ส่วนพวกศัพท์ทางโหราศาสตร์ลองกำหนดใช้แบบนี้ครับ

เรือนตนุ กดุมภะ สหัชชะ...........ถึงวินาสน์ 12 เรือน ให้ใช้ h1 h2 h3 ........ถึง h12 ส่วนเจ้าเรือนจะใช้ p หรือ o ก็ได้ เพียงแต่หลบตัว o ซึ่งเข้าใจผิดเป็นเลขศูนย์ได้ง่าย ตกลงใช้ hp1 hp2 hp 3......ถึง hp12 แบบนี้ ใช้บ่อยเข้าก็คงจะชิน สำหรับราศี จะใช้ r0 r1 r2 r3........แทน เมษ พฤษภ มิถุน กรกฏ.......ก็ได้ (ระวัง ราศี เริ่มที่เลข 0 เพื่อให้ตรงกับปฏิทินไทย)

ดาวต่างๆก็ใช้ตัวเลข 1 2 5 3 7.........ไปเรื่อยๆ แทน อาทิตย์ จันทร์ พฤหัส อังคาร เสาร์ เป็นต้น ส่วนคำศัพท์ภาษาไทยก็ใช้คำอ่านออกเสียงจะดีกว่า เช่น rasi คือ ราศี tanurak คือ ตนุลัคน์ rakkana คือ ลัคนา reon คือ เรือน thaksa คือ ทักษา อะไรแบบนี้ ดีกว่าไปหาคำแปลภาษาอังกฤษ ซึ่งบางทีความหมายจะไม่ตรงกับโหราศาสตร์ไทย ถึงตรงนี้ ที่คุณบอกว่าเคยเรียนโหราศาสตร์มาบ้าง อยากถามว่าเรียนโหราศาสตร์อะไร เพราะการที่ถามโดยใช้โหราศาสตร์ต่างระบบเช่น พวกสากล จะทำให้ราศีและตำแหน่งดาวแตกต่างกันไปจนเข้าใจผิดได้

ที่ถามมาว่า อะไรตามดวงชะตาทำให้ต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิด ไปอยู่ต่างประเทศ นั้น ส่วนใหญ่การที่เราโยกย้ายที่อยู่อย่างยาวนาน จะขึ้นอยู่ที่เรือนพันธุ (หรือ เรือนที่ 4 )เป็นหลักใหญ่ เพราะหมายถึงถิ่นฐานบ้านเกิดโดยตรง ไปสัมพันธ์ถึง เรือน อริ มรณะ วินาสน์ หรือ ดาวเจ้าเรือน อริ มรณะ วินาสน์ ไปสัมพันธ์ถึงพันธุก็ได้ ทางหนึ่ง และอีกทางหนึ่งมักจะมีดาวใหญ่ๆ เช่น มฤตยู หรือ เสาร์ ราหู มาสถิตในเรือน หรือ กุมอยู่กับเจ้าเรือนพันธุ หมายถึงการโยกย้ายจากบ้านเกิด นี่เป็นเพียงเรื่องหลักเท่านั้น เราจะสังเกตจากชีวิตจริงได้ว่า แต่ละคนที่ไปอยู่ต่างประเทศ อาจจะมีเหตุผลแตกต่างกันไป เช่น เหตุส่วนตัว ไปดูแลลูก ไปทำมาหากิน ไปติดคุก ไปเพราะหลงใหลภูมิอากาศที่อยู่ใหม่ ไปเพราะหนีกฎหมาย ฯลฯ ดังนั้น ความสัมพันธ์กับเรือนอื่นๆ เช่น ตนุ กัมมะ อริ มรณะ วินาสน์ แม้แต่ ปุตตะ ศุภะ สหัชชะ ต่างก็เป็นต้นเหตุของเรื่องราวได้ และการไปอยู่เช่นนั้น อาจมีสุข หรือมี ทุกข์ ความห่วงใย ไม่เหมือนกันทุกกรณี ดังนั้น หากจะกำหนดหลักความสัมพันธ์เรือนและดาวตายตัวลงไปจึงทำได้ยาก นอกจากอ่านเรื่องราว และพิจารณาเป็นกรณีๆไป

00000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 15 16 คุณ ขอคารวะ.........การอ่านสัมพันธ์เรือน ต้องอ่านทุกทางทั้งมาสู่เรือน และไปจากเรือนโดยเจ้าเรือน แต่ดาวลอยนั้นเป็นดาวอาศัย จึงต้องถือการอ่านเจ้าเรือนเป็นหลักไว้ก่อน ดวงแรก จันทร์ ไม่ใช่ที่ดิน แต่ที่ดินเป็นเรื่องของเสาร์ การที่ผมบอกว่าดูลึกลงไปอีก เป็นการบอกว่า มีรายละเอียดเหตุผลในการดูมากกว่านี้แต่จะเอามาอธิบายให้เข้าใจทำไม่ได้เพราะต้องมีความรู้อีกหลายอย่าง การดูตรีโกณ หรือมุมดาว ใช้ความสัมพันธ์ชั้นเดียวพอ ไม่ต้องไปดูเจ้าเรือนที่ดาวอยู่มาร่วมตรีโกณด้วย คุณยังไม่ได้ไปเรียนเบื้องต้นเลย ลองดูตามตำราที่มีอยู่ก็พอเห็นหลักง่ายๆ การดูซับซ้อนเกินไป เราจะงงเสียเปล่าๆ


วรกุล - 30 กรกฎาคม พ.ศ.2548 19:36น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 19
ตอบ 18 คุณ scorpion...........ปกติเสาร์ – อาทิตย์ ผมจะเข้าอินเตอร์เน็ท ตอนเย็น วันธรรมดาเข้าตอนเช้า เวลาใน กรุงเทพฯ และจะมีงานในเว็บอื่นอีกด้วยหลายอย่าง ดังนั้น คำถามของคุณบางทีอาจตอบข้ามไปหนึ่งวันนะครับ เพราะผมมีเวลาน้อย

คุณเรียนโหราศาสตร์ไม่มากนัก แม้จะอ่านมามาก ดังนั้น การอธิบายดวงชะตาถ้าจะลงรายละเอียดก็คงเข้าใจได้ยาก ผมจะอธิบายตามหลักใหญ่ๆก็แล้วกัน ดวงชะตาของคุณที่บอกตำแหน่งดาวและลัคนามานั้น ถูกหมดแล้ว หากคุณจะติดตามดาวโคจรด้วยก็จะช่วยในพิจารณาเรื่องที่จะเกิดจากดวงชะตาเดิมได้ดียิ่งขึ้น เพราะเรื่องราวในชะตาเดิมจะแสดงผลออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเรือน ระหว่างบุคคล หรือ กรรมเดิมที่อ่านได้จากดวงชะตา ก็เมื่อ มีดาวโคจรเข้า ทำปฏิกิริยาให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น และ พอจะบอกได้ว่าจะสิ้นสุดลงได้เมื่อใด ธรรมดาเรามักจะดูดาวใหญ่ๆ เช่น มฤตยู เสาร์ พฤหัส ราหู เพราะเป็นดาวเดินช้า เพื่อกำหนดกรอบเวลาของเหตุการณ์ ระยะเป็นปี ส่วนดาวเล็กเดินเร็ว ใช้ดูละเอียดลงไป เป็นเดือน - วัน เหมือนดูเข็ม สั้น - เข็มยาวของนาฬิกา เฉพาะมฤตยู ขณะนี้จรอยู่ในราศีกุมภ์ จะยกเข้าราศีมีน ราวเดือนมีนา 2552 อยู่ราศีละ 7 ปี โดยประมาณ ส่วน เสาร์ ยกย้ายจากราศีมิถุน เข้ากรกฏ เมื่อปลายเดือน มิถุนายน ปีนี้ จะยกออกจาก กรกฏ เข้า สิงห์ ราว สิงหาคม 2550 ส่วนดาวอื่นๆ ต้องตรวจจากปฏิทินนะครับ ผมให้ข้อมูลเฉพาะดาว 2 ดวงนี้ เพื่อจะอธิบายดวงของคุณ

ดวงของคุณนั้น ลัคนาราศีพิจิก ดาวอังคารตนุลัคน์ไปกุม มฤตยูอยู่ในเรือนมรณะ นั้นหมายความว่า ตนเองจะต้องจากไกล (มรณะ) หรือ ไปอยู่ ต่างถิ่น นี่เป็นจุดแรกที่แสดงกรรมในชะตา.........อาทิตย์ (กัมมะ) กุมพุธ (มรณะ – ลาภะ) มีพฤหัส (ปุตตะ) เล็ง แสดงว่า อาชีพเป็นครู.........ศุกร์ (ปัตนิ – วินาสน์) กุมเสาร์ (สหัชชะ) คู่ศัตรู ในเรือน กัมมะ ชีวิตแต่งงานนั้น ไม่ค่อยได้มีความสุข คู่ครองที่มีก็จะจากไปบ่อย เพื่อการงานอาชีพ.........ราหู (พันธุ) ในเรือน ปุตตะ เล็งจันทร์ (ศุภะ) ในลาภะ บุตรจะจากพรากไปไกลจากถิ่นเกิด เพื่อความสำเร็จในครรลองชีวิต ดังนั้น ในดวงชะตาคุณก็มีสิ่งบ่งบอกเรื่องราวอยู่ก่อนแล้ว เมื่อถึงเวลาก็จะมีเหตุแวดล้อมผลักดันให้เป็นไปตามกรรม จะเห็นได้ว่า ดาว ๓๐ ในมรณะนั้น สัมพันธ์ทางเรือนและดาวถึง ๘ เป็นลูกโซ่ยาว คือ ๓๐ – ๑๔ – ๒ - ๖๗ – ๙ – ๕ – ๘ ลองดูซิครับเห็นไหม ครบทั้ง สิบดวงเลย ถึงกันหมดทั้งดวง

มฤตยู โคจร เข้าราศี ธนู กุมภ์ มีน จะแสดงเหตุให้ ๘ ราหูพันธุ เกิดความเปลี่ยนแปลง มฤตยูอยู่ราศีกุมภ์ เรือนพันธุ แสดงความจำเป็นต้องโยกย้ายจากถิ่นฐานบ้านเกิด เพราะบุตร ที่ผ่านมา เสาร์ โคจรเข้าทับ ๓๐ ในมรณะ ส่งผลให้คุณต้องจากไกลไปจากถิ่นเกิดซ้ำเข้าไป และตอนนี้ เสาร์ โคจร ออกจากมิถุน มาแล้ว เข้ากรกฏ ดังนั้น คุณ จึงกลับมาเมืองไทย แม้มฤตยูยังอยู่ในราศีกุมภ์ เรือนพันธุ แต่ลูกสาวคุณยังไม่กลับ เพราะ ยังมีอำนาจดาวจร มฤตยูอยู่ แม้มฤตยู จะจรเข้าราศีมีน ก็ยังคงทับ ๘ ราหู พันธุ ในปุตตะ อยู่นั่นเอง รอจน มฤตยุ เดินออกจาก ราศีมีน เข้าราศีเมษ ก็อาจจะกลับมาตอนนั้น ซึ่งยังกินเวลา ร่วม 11 ปี

ระยะเวลาดังกล่าว เป็นระยะเวลา ประมาณการคร่าวๆ หากจะดูปีที่กลับโดยแน่ชัด คงต้องพิจารณาดาวดวงอื่นประกอบไปอีก เพราะดาวหลายดวงจะทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวก็เพียงดูจากดวงชะตาของคุณ หากจะดูดวงลูกสาวคุณก็จะเห็นชัดมากกว่า อาจจะเป็นการไปๆ กลับๆ ก็ได้ ส่วนตัวคุณเองนั้น ก็ต้องพิจารณาส่วนตัวคุณ เท่าที่ตรวจโดยทางอื่น ก็พบว่า แม้ลูกสาวของคุณจะกลับมา ก็คงไม่ได้มาอยู่ร่วมกับคุณนัก เพราะดวงชะตาคุณแสดงโดยนัยว่า จะต้องพรากจากทั้งสามีและบุตร คือ แยกกันไปอยู่คนละที่ หากมาอยู่ร่วมกัน กรรมในชะตาจะผลักดันให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่สงบสุข นี่คือลิขิตที่ปรากฏในดวงชะตาขณะเราเกิด

มีข้อพิจารณาอยู่อย่างหนึ่ง คือ เมื่อ มฤตยู โคจรเข้าราศีเมษเรือนอริ ในดวงชะตาปรากฏว่า อังคารเจ้าเรือนอรินั้น กุมมฤตยูอยู่ในเรือนมรณะ คุณอาจจะมีการเจ็บป่วยได้ เมื่อดาวจรอื่นสัมพันธ์ถึงตำแหน่งนี้ อาจจะมีการผิดปกติ ในลำคอ กล่องเสียง หน้าอก ที่คุณเคยมีปัญหาสมัยยังเป็นครูอยู่ และอาจมีซีส บริเวณมดลูกได้ แต่ไม่ร้ายแรงอะไร ในช่วงเวลานั้น คุณจะบวช หรือ หันเข้าหาธรรมมะเพื่อสงบใจ มีการถือ ศีล 8 เห็นอยู่ในดวงชะตา ถึงเวลานั้น ก็อายุ 70 ปีเศษแล้ว


วรกุล - 31 กรกฎาคม พ.ศ.2548 18:10น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 21
กราบเรียนถามท่านอาจารย์วรกุลค่ะ

อ่านคำตอบของอาจารย์ที่ความเห็นที่ 17 แล้วอยากทราบว่า การที่เจ้าเรือนมรณะไปกุมกับเจ้าเรือนศุภะที่ภพพันธุนี้ จะหมายถึงต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิดเหมือนกันหรือไม่คะ

ดิฉันเคยอ่านการตอบคำถามของอาจารย์ที่พยากรณ์ดวงชะตาในเวปไซต์ต่าง ๆ หลาย ๆ ดวง ที่พยากรณ์ออกมาว่ามีคู่เป็นต่างชาติต่างภาษา มีหลักเกณฑ์ดูเช่นไรค่ะ ตามที่เคยอ่านในตำรามา จะบอกว่ามีเกตุหรือราหูเล็ง, ทำมุมร่วมธาตุ หรือกุมกับดาวเจ้าเรือนปัตนิ หรือแม้แต่การใช้ดาวพฤหัส ซึ่งเป็นศุภะของลัคนาโลก ว่าสัมพันธ์กับดาวเจ้าเรือนปัตนิอย่างไร เหล่านี้จัดเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาหรือไม่ค่ะ

อยากกราบเรียนอาจารย์ว่า ตอนนี้ดิฉันได้ที่เรียนโหราศาสตร์ไทยแล้วค่ะ แต่เรียนกันไปหลายขั้นแล้ว ก็ต้องพยายามตามเพื่อน ๆ ให้ทัน โดยการอ่านตำราบ้าง ถามอาจารย์บ้าง แต่ขอความกรุณาจากท่านกรุณาอธิบายให้ความกระจ่างในคำถามนี้ด้วยนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ


เอวิตรา - 1 สิงหาคม พ.ศ.2548 14:36น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 22
เรียนท่านอาจารย์วรกุล

ขอบพระคุณมารกครับที่กรุณาแนะนำในเรื่องต่าง ๆ มาโดยตลอด จะจำไว้เพื่อศึกษาในชั้นต่อ ๆ ไป แต่ท่านอาจารย์กรุณาสอนว่าที่ดินเป็นเรื่องของเสาร์ หมายความว่าอ่านตามความหมายของดาวไม่ใช่ความหมายของภพใช่หรือไม่ ไม่ทราบครับ

ด้วยความเครพอย่างสูง


ขอคารวะ - 1 สิงหาคม พ.ศ.2548 20:59น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 23
เรียนท่านอาจารย์วรกุล

หลังจากตอบ ความเห็นที่ 22 ผมกลับไปทบทวนดวงชะตาแรกใหม่ หรือจะหมายความว่า 7 กัมมะ-พันธุร่วม 2 เป็นเกษตร เมื่ออ่านเรือนและดาวแล้ว จึงออกมาเป็นเรื่องของที่ดินครับ อย่างไรขอท่านอาจารย์กรุณาด้วยครับ


ขอคารวะ - 2 สิงหาคม พ.ศ.2548 00:01น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 24
ตอบ 20 คุณ scorpion..........อ่านมาตั้งแต่ต้นแล้วก็น่าเห็นใจในความทุกข์ของคุณ แต่อยากจะให้เข้าใจว่า ผมมาเขียนตรงนี้ เพื่อแนะนำพูดคุยเรื่องทางโหราศาสตร์เท่านั้นครับ ที่ตอบปัญหาของคุณมานั้นก็ถือเป็นปัญหาทางโหราศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตจริง หากมีการทำนายดวงชะตา ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะมีผู้หลงผิดกระทู้บ้าง แฝงเจตนาดูดวงบ้าง ผมทราบทุกคำถาม แต่ก็พยายามดูให้ด้วยไม่อยากให้เสียน้ำใจ จึงขออภัยด้วยที่ขอจำกัดเวลาให้ได้เพียงแค่เขียนตอบในกระทู้เพียงเท่านี้ และผมก็ยังมีภาระในทางอื่นอีก ในเวลาที่แบ่งได้จำกัดอย่างยิ่ง จึงไม่ขอรับติดต่อส่วนตัวครับ

คุณเน้นถามว่า จะต้องไปเยี่ยมลูกสาวคุณไปจนกว่าจะตายหรือ อย่างไร ตอบตรงๆ ก็ว่า ไม่จำเป็นหรอกครับ หากคุณจะทำใจได้ ลูกสาวคุณมีปัญหาที่จำเป็นต้องอยู่ต่างประเทศ อีกเป็นเวลานาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเอง รวมทั้ง ความจำเป็นนั้น อาจจะนานถึง 10 ปี คนเราทุกคน จะต้องถึงวันที่ต้องละสังขารไปในวันใดวันหนึ่ง ซึ่งไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ ดังนั้น สิ่งใดที่เป็นไปตามกรรมของแต่ละคน รวมทั้งลูกสาวของคุณ ก็คงจะต้องปล่อยวางให้เป็นไปตามวิถีทางที่กรรมแสดงผล ความห่วงใยของผู้เป็นแม่นั้นนั้นเป็นธรรมดา แต่หากคุณไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว เขาก็ต้องเป็นไปตามวิถีทางนั้นเช่นเดิม เราไม่มีความสามารถจะไปเบี่ยงเบนแก้ไขได้ ดังนั้น คำตอบที่คุณให้ผมตอบนั้น จึงขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงชะตาที่เป็นกรรมเดิมเท่านั้น

0000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 21 คุณ เอวิตรา.........ดีใจจริงครับที่ได้ทราบว่ามีที่เรียนแล้ว คุณเป็นคนที่สนใจและช่างสังเกตดี ต่อไปคงจะเก่งได้...........การที่เจ้าเรือนมรณะไปกุมกับเจ้าเรือนศุภะ ในพันธุมีส่วนทำให้จากถิ่นฐานบ้านเกิดไปได้ แต่จะเป็นระยะสั้นยาวเพียงใด ต้องไปดูรอบด้าน บางครั้งอาจจะไปเพียงชั่วคราว แค่ไม่กี่สัปดาห์หรือ หลายปีก็ได้ และการจากถิ่นฐานก็ไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศ เพียงไปต่างจังหวัดย้ายถิ่นก็ใช้ได้แล้ว.........ที่บอกมาว่าคู่เป็นคนต่างชาติ ตามที่บอกมาก็เป็นหลักถูกต้องหมด และเพิ่ม มฤตยูอีกดวง ยกเว้น พฤหัสนั้นไม่จำเป็นต้องดูสัมพันธ์กับปัตนิ นั่นเป็นความเห็นที่ จำไปให้เปลืองสมองเปล่าๆ นอกจากนี้ บางทีจะมี ดาวมรณะ วินาสน์ สัมพันธ์ถึงปัตนิก็ได้ เพราะดาวอย่างนี้หมายถึง การโยกย้าย ถิ่นที่อยู่ ก็เป็นคนต่างถิ่น ต่างแดนได้เหมือนกัน


วรกุล - 2 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:21น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 25
มีความเข้าใจผิดในหมู่คนที่มาดูหมอ หรือ แม้แต่นักศึกษาโหราศาสตร์อยู่หลายอย่างที่จำเป็นต้องสะกิดเตือนกัน เรื่องบางเรื่องก็เคยบอกกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะไม่ได้เน้นประเด็นให้ชัดเจน จึงพบว่ามีคนตั้งคำถามโดยเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการวางความคิด เพื่อความเข้าใจโหราศาสตร์

เรื่องแรก คือ เรามักเข้าใจว่า ดวงชะตากำเนิดเป็นเช่นใด แล้ว ชีวิตจะเป็นเช่นนั้น โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การเชื่อเช่นนี้ รวมทั้งเข้าใจว่าหมอดูทุกคน เชื่อเช่นนี้ จึงกลายเป็นเรื่องงมงาย พลอยให้คนดูถูกโหราศาสตร์ไปด้วย ผมเคยบอกหลายหนแล้วว่า ดวงชะตากำเนิด แม้จะผูกดวงได้ตรงเผงแม่นยำอย่างไรก็ดี ก็เป็นดวงของเหตุการณ์สำคัญอันหนึ่งเท่านั้น คือ เป็นผลของกรรมที่ส่งให้ชีวิตมาเกิด ไม่ใช่เป็นเหตุของชีวิต ดังนั้น เราจึงสามารถเปลี่ยนแปลงหรือ ทำอะไรที่อยู่นอกเหนือจากดวงชะตาบ่งบอกเรื่องราว (ไม่ใช่กำหนด) ได้แทบทุกอย่าง มีเพียงสองสามอย่างที่ เราเบี่ยงเบนธรรมชาติได้ยาก หรือไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเบี่ยงเบนธรรมชาติเท่านั้น ที่เรามักจะฝืนไม่ได้ เช่น คู่ครอง บิดา มารดา พี่น้อง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่กำหนดมาพร้อมตัวเรา ส่วน รูปธรรม นามธรรมอื่นๆ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากกัน แม้จะเกิดในเวลาและสถานที่เดียวกัน ดวงชะตากำเนิด เหมือนกัน แต่วิถีชีวิตก็จะแตกต่างกันไปได้ ผู้เป็นนักศึกษาโหราศาสตร์ต้องเข้าใจธรรมชาติเช่นนี้ให้จงดี ก่อนที่จะศึกษาดวงชะตาต่อไป

เรื่องที่สอง ก็คือ เรามักเข้าใจว่า มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวในการทำนาย จนถึงกับว่าบางคน วิเคราะห์โครงสร้างการทำนายออกไว้เป็นสูตรสำเร็จรูป ใช้คอมพิวเตอร์ให้คำตอบได้ หรือ จด คำทำนายของผู้รู้ไว้ในดวงชะตา แล้วใช้วิธีการเลียนแบบให้เหมือน การทำเช่นนี้ แสดงว่ายังไม่เข้าถึงรากฐานของโหราศาสตร์ที่เป็นการศึกษาธรรมชาติ ธรรมดา กระแสธรรมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยปรุงแต่ง กฎธรรมชาติ มีว่า “ผลนั้นเกิดจากเหตุ” เมื่อ เราพิจารณาผล และ “เหตุย่อมเกิดผล” เมื่อ เราพิจารณาเหตุ ผลอย่างเดียวกันอาจจะมาจาก หลายเหตุที่ต่างกัน และเหตุอย่างเดียวกัน อาจบังเกิดผลได้หลายทาง ดังนั้น การตั้งความเห็นไว้ผิดจะทำให้การศึกษาไม่ก้าวหน้า ความเข้าใจผิดเช่นนี้ ทำให้คนที่มาดูหมอหลายคน ไม่ยอมให้ข้อมูลแก่หมอดูเลย เพราะคิดว่าหากหมอดูเก่งจริง ก็ดูรู้เองได้ แม้กระทั่งลองให้ข้อมูลไม่ตรงกับความจริง เพื่อพิสูจน์ว่าหมอดูเก่งจริงหรือไม่

หลายปีมาแล้ว บังเอิญได้ฟังรายการสดตอบปัญหาดวงชะตา และคุยเรื่องโหราศาสตร์ ทางวิทยุ รายการหนึ่ง (เลิกไปแล้ว) เชิญโหรดังๆมาคุยเรื่องโหราศาสตร์ ตอนหนึ่งคุยว่าได้พิจารณาดวงชะตาบุคคลระดับประเทศ ดวงของเขามีดาวเสาร์กำลังเด่นดี คาดว่าคงได้รับเลือกตั้งคราวนี้และจะได้ยศศักดิ์สูง เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน ปรากฏว่า มีผู้โทรศัพท์มาด่าโหรคนนี้หลายคน จนต้องตัดสายโทรศัพท์ออนแอร์ ที่ด่านั้นหากเป็นเรื่องการเมืองก็พอเข้าใจได้ แต่ฟังแล้วตกใจ เพราะกลายเป็นประเด็นโหราศาสตร์ เช่นมีผู้ว่า “ตำราว่า ทายโทษทายทุกข์ ให้ทายเสาร์” “ทายยศทายศักดิ์ ทายอาทิตย์” ดาวเสาร์เป็นบาปเคราะห์ แสดงว่าจะตกต่ำมีทุกข์เพราะทำบาปไว้มาก การที่โหรมาพูดเช่นนี้ เป็นการบ่อนทำลาย โหราศาสตร์ เพราะไม่รู้เรื่องหลักวิชา นี่ถ้าหากเป็นการโพสต์ลงเว็บบอร์ด คงได้ด่าคำหยาบมากกว่านี้แน่ และที่น่าแปลกใจคือมีคนโทรมาว่ามากมายหลายคน โดยไม่มีแม้แต่คนเดียวที่โทรมาสนับสนุน โหรผู้นี้ก็คงจะเซ็ง จึงไม่อธิบาย และก็ไม่ยอมมาออกรายการอีกเลย

พวกเราจำนวนมาก ถึงกับจำเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นกฏ แทบจะเหมือนหลักศิลาจารึกที่แก้ไขไม่ได้ แสดงให้เห็นว่า การศึกษาโหราศาสตร์ในบ้านเรา โดยเฉพาะโหราศาสตร์ไทยอ่อนแอมากเพียงใด อย่างเรื่องนี้ ธรรมดา การทำนายยศศักดิ์นั้น ทายจากดาวดวงใดก็ได้ ดาวทั้งสิบดวง ล้วนทำนายยศศักดิ์ได้ทั้งสิ้น ที่เราท่องกันเหมือน อาขยานของเด็กอนุบาลนั้น ก็ใช้เพียงขั้นอนุบาล จะเอามาใช้ในขั้นประถมก็ผิดแล้ว ทั้งนี้ เพราะมีความสำคัญผิดในความหมายของธรรมชาติ ที่ถูกแปลเป็นภาษาสามัญ ที่ผมเขียนไว้แล้ว ในความเห็นที่ 1 ของกระทู้นี้

มีท่านอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ได้เคยแกล้งสบประมาทพวกโหร แบบทีเล่นทีจริงไว้หลายครั้ง ทั้งๆที่ท่านก็มีเพื่อนและศิษย์เป็นโหรเก่งๆอยู่หลายคน ท่านว่า เวลาพวกโหรทำนายว่าดวงท่านไม่ดี ดวงชะตาตก ทีไร ท่านมักจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีทุกครั้ง แต่พอพวกโหรทำนายท่านว่าท่านจะดวงดี มีโชคลาภวาสนา ท่านก็มักแพ้เลือกตั้ง ไปนอนอยู่กับบ้าน ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนคอลัมน์ทางหนังสือพิมพ์ มิฉะนั้นก็จะไม่มีกิน พวกโหรน่าจะลาออกจากอาชีพโหรไปขายอะไรได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีโหรดังๆหลายคน จัดการเลื่อนลัคนาของท่าน ไปเป็นราศีอื่น โดยอ้างการได้ตำแหน่งนายก และเหตุการณ์จริงนี่เอง

นี่ก็เกิดจากความเข้าใจผิดในการแปลภาษาธรรมชาติอีกเหมือนกัน เวลาคนได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภาระหน้าที่ย่อมหนักเหนื่อย เต็มไปด้วยภาระ ความเครียดที่ต้องตัดสินใจ ทั้งเรื่องที่เปิดเผยได้ และเปิดเผยไม่ได้ รวมทั้งต้องตกเป็นขี้ปากให้คนเขาด่าทั่วบ้านทั่วเมือง บ้างก็ลบหลู่ดูหมิ่นเกียรติด่าว่าเหมือนเป็นวัวเป็นกระบือ โหรเองที่มีความรู้ ต้องพิจารณาว่าชะตาชีวิตของเขาในช่วงนี้จะเป็นอย่างไร การที่เกียรติเขาจะตกต่ำลง เป็นเกียรติยศในส่วนไหน เพราะมีดาวอยู่หลายดวง การที่พิจารณาว่าเขาจะไม่มีเกียรติ แล้วฟันธงว่าไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงแสดงว่าโหรเองไม่มีภูมิความรู้ ตรงกันข้าม หาก นายกเองแพ้เลือกตั้ง ได้นอนอยู่บ้าน ไม่มีใครมาด่า ไม่ต้องตรากตรำ ไม่มีความเครียด ทำแต่งานเบาๆ โหรกลับเห็นว่าดวงเขาดี จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงผิด เพราะไม่พิจารณาตามความเป็นจริง การที่นำท่านอดีตนายกมาเป็นตัวอย่าง เพราะท่านเปิดเผยให้วิจารณ์กันทั่วไปในสมัยนั้น เราลองมาเทียบ กับ โหรที่วิจารณ์ดวงชะตาผู้นำในปัจจุบันดูบ้างก็ได้


วรกุล - 2 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:22น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 27
กราบเรียนท่านอาจารย์วรกุล ที่เคารพ

ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับความรู้ที่ท่านได้กรุณาถ่ายทอดให้

ตอนนี้ก็ยังเหมือนคว้าน้ำ คว้าลมอยู่เลยค่ะ ยังจับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ อาศัยแต่ใจรักและไม่ได้รีบร้อนอะไร สงสัยเรื่องไหนก็ขอความกรุณาขอความรู้จากท่านผู้รู้ทั้งหลาย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีอยู่อย่างที่มักจะได้รับความกรุณาจากท่านอาจารย์หลาย ๆ ท่าน ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ


เอวิตรา - 2 สิงหาคม พ.ศ.2548 08:59น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 28
ตอบ 23 คุณขอคารวะ...........จริงอยู่ครับที่จันทร์อยู่ราศีกรกฏ ร่วมเสาร์ก็หมายถึงที่ดินได้ หากคุณลองยกเอาจันทร์ออกไปก่อน เสาร์ ก็ยังคงมีความหมายถึงที่ดินได้ เพราะเจ้าเรือนเกษตรเป็นธาตุจันทร์อยู่แล้ว จันทร์จึงไม่จำเป็นต้องมาอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่คุณดูเรื่องเดียว ไม่ได้ดูเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับจันทร์และพันธุ เช่นเรื่องเพื่อนที่มาอยู่ร่วมด้วยกับเจ้าชะตา จันทร์ไปอยู่มิถุน เรือนพุธ พุธไปกุมลัคน์ พันธุ – สหัชชะ- ตนุ สอดคล้องตามเรื่องจริงอยู่แล้ว แต่ จันทร์ก็มีสิทธิ์อยู่ราศีกรกฏได้เหมือนกัน หากเรามีข้อมูลอื่นมายืนยัน เพราะ การอ่านดวงอ่านได้หลายมุม กรณีนี้เราเพียงอ่านดาวในดวงเดิม หากพิจารณาดาวจร ที่มาเกี่ยวข้อง ในทุกกรณีที่ดวงชะตาใดมีปัญหาก้ำกึ่งในการวางดาว หรือ ลัคนา ซึ่งมักจะมีบ่อยมาก ก็จะชัดขึ้นอีก

00000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 26 คุณ scorpion..........อยากจะแนะนำคุณว่า อาจารย์ศุภกรที่กระทู้พยากรณ์ดวงชะตาชีวิต โดยวิชา สุริยโชติรัตน์ ก็เข้ามาอ่านความเห็นที่กระทู้นี้บ่อย หากคุณต้องการถามปัญหาดวงชะตาอย่างเดียว ก็ลองถามที่นั่นก็ได้ เพราะท่านใช้วิชาธาตุในการพยากรณ์มีประสบการณ์มานาน ต้องเรียนโหราศาสตร์ระดับสูงมาแล้วจึงผ่านการคัดเลือกให้เข้ารับการถ่ายทอดวิชาได้ คุณใช้วิธีที่ถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างในกระทู้นี้ได้ หรือจะถามผมต่อก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ผมจะอธิบายทางโหราศาสตร์ บ้างเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ทราบด้วย


วรกุล - 3 สิงหาคม พ.ศ.2548 03:56น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 29
เรียนท่านอาจารย์วรกุล

ขออนุญาตเข้ามาขอบคุณท่านอาจารย์อีกครั้งด้วยภาษาไทยที่สามารถพิมพ์สื่อความหมายได้อย่างใจนึก ที่บ้านของลูกสาวคนที่ 2 มีคอมที่ใช้ภาษาไทยได้

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ในคำตอบที่ขีดเส้นใต้ใน24

ความเป็นจริงแล้วลูกทั้ง 2 คนไม่มีปัญหาจำเป็นที่ต้องอยู่ต่างประเทศเพียงแต่เขาเลือกกลับบ้านเขาก็ทำได้ แต่เมื่อเขาสำเร็จการศึกษาปริญญาโทแล้ว คงเป็นชะตากรรมและโอกาสของชีวิตทำให้เขาได้งานทำทันที และเป็นงานที่ดีมาก(ทั้ง 2 คน) ขณะที่เพื่อนๆต้องกลับบ้าน และเป็นวิถึชีวิตที่เขาชอบ เขาชอบระบบการทำงานที่นี่มาก เขาเลือกเอาความสะดวกสบายในต่างประเทศ ในความรู้สึกของเขา(เขาบอก)เมื่อนึกถึงเมืองไทยเขาคิดถึงแต่เพียงว่ามีพ่อและแม่อยู่เท่านั้น เขาคงทิ้งถิ่นฐานไปแล้วและสร้างหลักฐานในต่างแดนขึ้นใหม่(เขาอยู่ในฐานะพลเมืองของประเทศนี้แล้ว)

ดิฉันขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งค่ะ ในข้อความที่อาจารย์ขีดเส้นใต้ นี่แหละเป็นยาที่คลายทุกข์ชะงัดเลย เมื่อกลับมาเมืองไทยดิฉันจะเลิกร้องไห้เพราะคิดถึง

ด้วยความเคารพ


scorpion - 3 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:51น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 30
เรียน ท่านอาจารย์วรกุล

ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาอีกครั้ง ผมไปเว็ปอื่นมาเจอบทความของท่าน อาจารย์ส.แสงตะวันมีเรื่องที่ไม่เข้าใจหลายอย่าง ที่จริงอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากที่ท่านอาจารย์จะตอบ อาจจะต้องตอบยาวไปหรือตอบแล้วผมจะเข้าใจได้หรือไม่แล้วจะได้อะไรขึ้นมา และอาจทำให้กระทู้นี้ยาวขึ้นมาโดยไม่จำเป็นก็ได้ แต่ผมก็อยากทราบจริง ๆ และไม่เห็นใครที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ ผมเองก็เป็นคนที่ถ้าเรียนอะไรแล้วไม่เข้าใจแล้วจะวางไม่ลงจะครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องนั้น ๆ และเรื่องนี้ก็ติดใจผมมานานแล้วตั้งแต่ได้อ่านครั้งแรก คือเมื่อราว 3 ปีก่อน จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจครับ เนื้อหาบทความมีว่า

ดวงตัวอย่างที่น่าศึกษา

ส. แสงตะวัน

เมื่อไม่นานมานี้ มีนักศึกษารุ่นใหม่หอบตำราไปหาผู้เขียนที่บ้าน ถามข้อข้องใจและสงสัยบางอย่างกับผู้เขียนจากตำราหลายเล่ม และหลายอาจารย์ที่นักศึกษาให้ช่วยแนะนำ และส่วนมากผู้เขียนมักจะแนะนำให้เขาติดต่อกับเจ้าของตำราเดิม เพราะอาจจะผิดความประสงค์ของผู้แต่งก็ได้ แต่มีตำราอยู่เล่มหนึ่งชื่อ หลักการพยากรณ์ดวงชาตา รวบรวมโดย ร.ต.อ. เปี่ยม บุณยะโชติ มีเนื้อหาสาระที่น่าศึกษาสำหรับคนรุ่นใหม่อยู่มากและท่านผู้นี้เป็นผู้หนึ่งในวงการโหรที่พยายามรวบรวมทั้งของเก่าและของใหม่ เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติอันมีคุณค่าแก่ลูกหลานในอนาคต นับว่าสมควรแก่การสรรเสริญสำหรับนักโหราศาสตร์ในยุคปัจจุบัน

บังเอิญ ผู้เขียนเปิดไปพบดวงตัวอย่างเข้าดวงหนึ่ง หน้า ๒๗๔ ผู้เขียนตำราบอกเป็นเชิงใบให้ศึกษาค้นหากันเอาเองว่าเป็นดวงสดวกสบายตลอดชาติ ทำให้ผู้เขียนอ่านแล้วต้องสุดหยุดอยู่ตรงนี้ ประจวบกับพอดีที่นักศึกษาท่านผู้นี้ก็สนใจอยู่ด้วย ผู้เขียนได้พิจารณา และวิเคราะห์ดูทุกจุดตามตำหรับของผู้เขียน เห็นว่าเป็นความจริงดังที่เจ้าของตำราบอกไว้ แต่ก็เป็นเพียงกล่าวไว้โดยผิวเผินแบบลอย ๆ เท่านั้น ผู้เขียนเห็นว่าเป็นดวงตัวอย่างที่สมควรแก่การค้นคว้าสำหรับคนรุ่นใหม่อยู่มาก จึงขออนุญาตลอกแบบนำมาขยายความตามหลักวิชาในโหราเวสม์อีกครั้งหนึ่ง หวังว่า ร.ต.อ. เปี่ยม บุณยะโชติ คงไม่ขัดข้อง และคิดเสียว่าตระ***ลทั้งสองก็อยู่จังหวัดเดียวกัน

วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๔๙๘ เวลา ๐๓.๐๐ น. วันศุกร์ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม

จากดวงตัวอย่างในตำราเล่มนี้ ท่านผู้รวบรวมได้เขียนดวงดาวไว้เพียง ๘ ดวง แบบโหรโบราณจริง ๆ คือเริ่มต้นจากดาวอาทิตย์เรียงไปถึงพระราหู ส่วนพระเกตุ และดาวมฤตยูท่านมิได้ใส่ไว้ด้วย แต่ก็ไม่ผิดกติกา ด้วย ดาว ๘ ดวงนี้ โหรสมัยโบราณท่านก็เล่นได้ชั้นยอดจริง ๆ ส่วนพระเกตุกับมฤตยูได้เริ่มมีขึ้นในตอนหลัง ผู้เขียนได้พยายามค้นคว้าขยายข้อมูลไว้มากพอสมควร แต่ต้องงดเขียนไปโดยปริยาย เนื่องจากมีผู้นำไปเปลี่ยนรูปแบบจนออกนอกลู่ทางไป มิหนำซื้อยังถูกกล่าวหาว่าผู้เขียนไปลอกแบบของเขามาอีกด้วย

นักศึกษาจงดูดวงตัวอย่างที่ผู้เขียนได้ลอกแบบมา แต่ไม่ทราบว่าเป็นดวงหญิงหรือชาย ผู้เขียนคิดว่าเป็นชายมากกว่า แต่อาจจะผิดก็ได้ หวังเพียงเพื่อเป็นหลักวิชาเพื่อการค้นคว้าเท่านั้น ลัคนาของเจ้าชาตาสถิตย์อยู่ราศีมิถุน มีดาวจันทร์กับพระราหูประกบคู่สมพลอยู่ราศีพิจิก จากดาวพฤหัสบดีนำหน้าลัคนามีดาวเรียงรายติดต่อไปถึงราศีพิจิก อันเป็นราศีสุดท้ายรูป ลักษณะดวงนี้ท่านผู้รวบรวมเรียกว่าดวงพระจันทร์ครึ่งซีก หรือมาลัยโยค ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าถูกทั้งสองอย่าง แต่ผู้เขียนศึกษาในทางผสมธาตุโดยตรง จึงต้องอ่านรูปดวงไปอีกแบบหนึ่งคือ ดวงลัคนาขับพล คำว่าลัคนาขับพลหมายถึง ลัคนาอยู่หลังสุดแต่มีดวงดาวรายเรียงติดต่อทุกราศีอยู่ด้านหน้า ที่กล่าวมานี้มิได้หวังจะขัดใจกับผู้เป็นเจ้าของตำรา เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาอุปมาอุปไมย ย่อมจะมีทางเปรียบเทียบได้หลายรูปแบบ ซึ่งแล้วแต่บรมครูรุ่นเก่าจะตั้งชื่อเอาไว้

จากดวงตัวอย่างที่เรากำลังสนใจอยู่นี้ นักศึกษาจะเห็นลัคนาสถิตย์ราศีมิถุนลมแล้ง มีดาวพฤหัสบดีสถิตย์ราศีกรกฎนำหน้าลัคนา มีอาทิตย์ อังคาร ศุกร์ จับกลุ่มอยู่ราศีสิงห์ มีดาวพุธ ครองเรือนเกษตรอยู่ราศีกันย์ มีพระเสาร์ครองตำแหน่งอุจจ์ อยู่ราศีตุล และมีดาวจันทร์กับพระราหูคู่สมพลอยู่ราศีพิจิก ดาวจันทร์และพระราหูคู่สุดท้ายนี้เอง จะเป็นจุดสำคัญในการอ่านดวงชาตานี้ แม้ว่าเราจะเห็นกันว่าอยู่เรือน อริ แก่ลัคนา อย่าเพิ่งยึดถือว่าเสียควรปล่อยให้เป็นดาวคู่ลอย ๆ ไว้ก่อน เนื่องจากดาวดวงหนึ่งย่อมจะขับให้ดาวอีกดวงเป็นอะไรหรือมีฐานะอย่างไรก็ได้ เรียกว่าขับดวงชาตา เนื่องจากการเล่นระบบธาตุนั้นอุปมาเหมือนเครื่องพิมพ์ดีด ใช้นิ้วกดตัวอักษรที่แป้นแคร่ตัวหนังสือจะไปปรากฎที่กระดาษพิมพ์ดังนี้ เป็นต้น

ดาวจันทร์กับพระราหูคู่สมพล อยู่ในตำแหน่งเรือนนี้จะกระตุ้นเข้าเสริมดาวพระเสาร์ในราศีตุล เข้าครองในตำแหน่งอุจจ์ และดาวพระศุกร์กับอาทิตย์คู่สมพลในราศีสิงห์ ช่วยส่งพลังธาตุเข้าเสริมพระเสาร์ในราศีตุลให้เป็นอุจจ์ อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า มหาอุจจ์คือพระเสาร์ได้เพิ่มกำลังอุจจ์ถึงสองชั้นดังนี้ ดาวอังคารกับพระศุกร์คู่มิตรในราศีสิงห์ได้ขยายกำลังธาตุไฟให้กับดาวพฤหัสบดีในราศีกรกฏ ครองตำแหน่งอุจจ์แท้ และดาวพระเสาร์ราศีตุลช่วยขยายและขับธาตุของตน เสริมให้ดาวพฤหัสบดีเพิ่มกำลังเป็นอุจจ์อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่ามหาอุจจ์ คือเป็นอุจจ์ถึงสองชั้น เช่นเดียวกับพระเสาร์ ส่วนดาวพุธในราศีกันย์ ไม่มีใครขับให้เป็นอุจจ์ จึงไม่เป็นอุจจ์ เป็นเพียงดาวธรรมดาเช่นดาวอื่น

อีกจังหวะหนึ่ง ดาวจันทร์กับพระราหูอยู่ราศีพิจิก ธาตุน้ำบาดาลอยู่ในตำแหน่งอริ แก่ลัคนา แต่กลับส่งผลให้ดาวอังคารมีพลังแรงในราศีธาตุไฟ เรื่องกำลังธาตุของดาวอังคาร นักศึกษา ควรจะย้อนกลับไปอ่านบทความของผู้เขียนฉบับประจำเดือนตุลาคม กับธันวาคมของโหราเวสม์ดูอีกครั้งหนึ่ง ก็จะทราบดีว่ามีการส่งเสริมพลังกันอย่างไร สำหรับส่วนเสื่อมเสียของดาวจันทร์กับพระราหู่คู่นี้ก็มีอยู่ ซึ่งจะสรุปในตอนท้าย ๆ ต่อไป

นักศึกษา คงจะเห็นแล้วว่า ดวงนี้มีมหาอุจจ์ที่แท้จริง ถึงสองดวง คือดาวพฤหัสบดี กับ ดาวพระเสาร์ และครองตำแหน่งมหาอุจจ์ถึงสองชั้น นับว่าเป็นดาวที่หาได้ไม่บ่อยนัก อาจเป็นอุจจ์ถึงสามหรือสี่ชั้นก็ได้ ถ้าเข้าในกฎเกณฑ์ของหลักวิชาโหร บรมครูโหรรุ่นเก่าเคยเขียนตำราวิธีขับดาวอุจจ์ ตามแบบของท่านก็มีอยู่เหมือนกัน แต่เป็นคนละแบบกับของผู้เขียน คือถ้าไม่แตกฉานในเรื่องธาตุก็ขับไม่ได้ และไม่รู้เรื่องราวการเล่นด้วย

ต่อจากนี้เราก็จับเอาลัคนามาพิจารณา ซึ่งเป็นหลักสำคัญ นึกศึกษาคงจะเห็นแล้วว่าเจ้าชาตามีจุดลัคนาอยู่ราศีมิถุน ธาตุลมแล้ง หมายถึงความแห้ง ความไม่เบิกบานในอารมณ์ ดาวพฤหัสบดีเป็นมหาอุจจ์แท้นำหน้าลัคนา ดาวพฤหัสบดีมาจากราศีธนู เรือนปัตนิ แสดงว่าเจ้าชาตาได้คู่ครองเป็นผู้ดีมีสกุลสูง หรือคู่ครองมีฐานะดี อยู่ในขั้นเศรษฐีทีเดียว ดาวอังคารราศีสิงห์ร่วมเรือนเกษตร กับ อาทิตย์ อังคารดวงนี้ได้กำลังเสริมจากพระราหูในราศีพิจิก แสดงถึงการมีตำแหน่งหน้าที่การงานดี คงจะรับราชการทหาร หรือทำงานประเภทเครื่องยนต์ประกอบด้วยไฟฟ้า ดาวพระศุกร์ร่วมเรือนกับอังคารในราศีสิงห์ ดาวพระศุกร์ดวงนี้เจ้าชาตาเกิดตอนตี ๐๓.๐๐ น. โดยประมาณใกล้รุ่ง ชื่อว่า ดาวประกายพรึก กำลังเริ่มทอรัศมีอันช่วงโชติ อันความรักจึงน่าจะสดชื่นแจ่มใส ตามสายตาของคนภายนอก เมื่อเราพิจารณาดูในส่วนลึกของดาวพระศุกร์แล้ว ดาวพระศุกร์หาได้สดใสเป็นเอกเทศไม่ แม้ว่าจะมีดาวอังคารเป็นคู่มิตรเสริมอยู่ แต่ดาวอังคารมาอยู่กับพระศุกร์ในฐานะตัวแทนของพระราหูกับจันทร์ จึงให้พระศุกร์บังเกิดใฝฝ้ามัวหมอง ตามหลักวิเคราะห์ของท่านบรมครูโหร ท่านว่าดวงนี้มีคู่ดีแต่ความรักไม่ราบรื่น ดาวพุธเป็นดาวตนุลัคนา ธาตุดินอันเกิดจากความแห้งแล้วดังที่กล่าวมาแล้วในราศีมิถุน

ดาวพระเสาร์เป็นมหาอุจจ์แท้อยู่ราศีตุล อยู่ในตำแหน่ง ปุตตะหมายถึงบุตรและญาติพี่น้อง จึงนับว่าเจ้าชาตามีบุตรดีเป็นอภิชาติ สามารถเชิดชูวงศ์ตระ***ลให้สูงเด่นได้ในอนาคต ดาวจันทร์กับพระราหูคู่สมพลอยู่ในตำแหน่ง อริ และเป็นคู่สำคัญของชีวิตการครองเรือน ดาวคู่นี้มีผลสะท้อนสะเทือนไปถึงดาวพระศุกร์อย่างรุนแรง กล่าวคือก่อนจะพบคู่ครองที่แท้จริง เจ้าชาตาเคยผิดหวังเรื่องความรักมาก่อนทั้งสองฝ่าย เนื่องจากมิใช่บุพเพสันนิวาสมาแต่อดีตชาติจึงให้คลาดแคล้วกันไป ตามภาษาโหรท่านกล่าวว่าจะประสบความล้มเหลวในความรักครั้งแรก เพราะเพื่อนเข้ามาเป็นคู่แข่ง แต่จะได้แต่งงานกันหลัง เป็นบุตรผู้ดีมีสกุล แต่ความรักไม่ราบรื่นนัก

จากผลสรุปเป็นการแสดงว่าชีวิตแห่งการครองเรือนในด้านความรัก ได้ตกอยู่ในสภาพที่น่าชื่นอกตรมเสมือนต้องคำพิพากษา ติดตะรางดวงใจตลอดชีพ ดาวพระเสาร์จะแสดงพลังมหาอุจจ์เต็มที่เมื่ออายุย่างเข้า ๔๐ ปี เป็นต้นไป พฤหัสบดี จะแสดงพลังมหาอุจจ์เต็มที่เมื่ออายุย่างเข้า ๕๑ ปี เป็นต้นไป และดาวทั้งหมดจะเปลี่ยนทิศทางโยคหน้า เรียกว่า ลัคนาขับพล อย่างสมบูรณ์ตามแบบฉบับของโหรไทยเดิม

การวิจารณ์ดวงนี้ผู้เขียนเล่นแบบโบราณล้วน ๆ ซึ่งมาดาวในเรือนชาตาอยู่ ๘ ดวงขาดไป ๒ ดวงคือ พระเกตุกับดาวมฤตยู และดาว ๒ ดวงนี้เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยหลัง ถ้าได้เพิ่มดาวทั้งสองดวงนี้เข้าไปด้วย จะขยายความออกไปได้อย่างกว้างขวาง พระเกตุจะอยู่ราศีกุมภ์ และดาวมฤตยูราศีกรกฏคู่กับดาวพฤหัสบดี พอจะมองเห็นได้ว่า ดวงนี้อายุสั้น จะเสียชีวิตด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน ขอให้นักศึกษาแกะรอยดูบ่อย ๆ คงจะเห็นช่องทางเก็บไปค้นคว้าได้บ้าง ตามความสารถของตน สวัสดี.

ส.แสงตะวัน

ที่ผมสงสัยซึ่งที่จริงมีหลายข้อแต่ที่สงสัยและไม่เข้าใจเลยคือ

1.ดาวจันทร์กับพระราหูคู่สมพล อยู่ในตำแหน่งเรือนนี้จะกระตุ้นเข้าเสริมดาวพระเสาร์ในราศีตุล เข้าครองในตำแหน่งอุจจ์ และดาวพระศุกร์กับอาทิตย์คู่สมพลในราศีสิงห์ ช่วยส่งพลังธาตุเข้าเสริมพระเสาร์ในราศีตุลให้เป็นอุจจ์ อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า มหาอุจจ์ดาวอังคารกับพระศุกร์คู่มิตรในราศีสิงห์ได้ขยายกำลังธาตุไฟให้กับดาวพฤหัสบดีในราศีกรกฏ ครองตำแหน่งอุจจ์แท้ และดาวพระเสาร์ราศีตุลช่วยขยายและขับธาตุของตน เสริมให้ดาวพฤหัสบดีเพิ่มกำลังเป็นอุจจ์อีกชั้นหนึ่ง --- เพราะเหตุใด ๒๘ ถึงส่งกำลังถึงและส่งเสริม ๗ ได้ครับ และทำไม ๖๑ ถึงส่งเสริม ๗ แล้วทำไม ๓ ไม่เป็นปัจจัยส่งเสริมครับ ----และ ๓๖ ทำไมถึงสัมพันธ์ถึง ๕ ครับ แล้วทำไมไม่กล่าวถึง ๑

2.อีกจังหวะหนึ่ง ดาวจันทร์กับพระราหูอยู่ราศีพิจิก ธาตุน้ำบาดาลอยู่ในตำแหน่งอริ แก่ลัคนา แต่กลับส่งผลให้ดาวอังคารมีพลังแรงในราศีธาตุไฟ ----แต่ทำไม ๒๘ ถึงกลับเป็นฝ่ายส่งเสริม ๓ ทั้ง ๆ ที่ ๑๖ ส่งเสริม ๗

3.ดาวพระเสาร์จะแสดงพลังมหาอุจจ์เต็มที่เมื่ออายุย่างเข้า ๔๐ ปี เป็นต้นไป พฤหัสบดี จะแสดงพลังมหาอุจจ์เต็มที่เมื่ออายุย่างเข้า ๕๑ ปี เป็นต้นไป และดาวทั้งหมดจะเปลี่ยนทิศทางโยคหน้า เรียกว่า ลัคนาขับพล อย่างสมบูรณ์ตามแบบฉบับของโหรไทยเดิม ----ท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน ท่านใช้การนับรอบอายุให้คุณ-โทษระบบใดหรือครับ ไม่เข้าใจเลยสักนิด

ที่ผมยอมเสี่ยงต่อการโดยตำหนิ เพราะ ผมชอบการทำนายแบบท่านอาจารย์ ส. แสงตะวัน มากกว่าท่านใดเพราะได้อ่านบทความของท่านแล้วถึงจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ใจรู้สึกชอบเหตุผลคือ...ชอบ...ครับ เข้าใจครับว่าไม่มีใครที่จะทายทุกอย่างถูกไปหมดจึงไม่ได้ไปเรียนเพราะท่านทายแม่นอย่างเดียว และที่ตั้งใจจะไปเรียนโหราศาตร์ที่กรุงเทพฯ ก็ตั้งใจจะไปค้นหา ลูกศิษย์ท่านอาจารย์ ส. แสงตะวัน นี่แหละครับ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเจอหรือไม่ เจอแล้วจะได้ดังตั้งใจหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ว่าจะไปลองสอบถาม ที่คุณยายเจียมจิต ตัณฑะนุช ภรรยาของท่านดูว่า ท่านอาจารย์ ส.แสงตะวัน พอมีลูกศิษย์ที่สืบทอดวิชาอยู่หรือไม่ และที่สำคัญท่านใดพอจะกรุณารับสอนบ้างครับ

อย่างไรถ้าท่านอาจารย์ จะกรุณาบ้างก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ อย่างไรเสียเผื่อท่านอื่น ๆ ที่ท่านมีความรู้มากกว่าผมแต่อาจจจะไม่เข้าใจบทความนี้ จะได้รับประโยชน์ด้วยก็เป็นได้ แต่ถ้าท่านอาจารย์ไม่สะดวกก็ไม่กล้ารบกวนครับ

ด้วยความเครพ


ขอคารวะ - 3 สิงหาคม พ.ศ.2548 14:24น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 31
กราบสวัสดีครับ ท่านอาจารย์ วรกุล

เห็นมีข้อความผ่านๆมาทักว่า หายหน้าหายตากันไปเยอะ ผมยังตามอ่านอยู่นะครับ ยังไม่ได้หายไปไหนแต่ไม่ค่อยถามอะไร เพราะภูมิความรู้ยังน้อยอยู่ นี่ถ้าผมมีความรู้มากกว่านี้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่านี้ครับ

ผมค่อนข้างจะสนใจโหราศาสตร์ไทยเป็นพิเศษ แต่ผมค่อนข้างมีปัญหาเรื่องเรียนทั้งการเรียนทางวิชาการทั่งไป ก็เกือบจะไม่จบ จบแบบทุลักทุเลทุกระดับ (ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสติปัญญาเลยครับ)พอมาเรียนโหราศาสตร์ก็เรียนได้แห่งละนิดละหน่อยก็มีเหตุให้เรียนไม่จบสักที่ ทั้งที่ก็ตั้งใจจะเรียนก็ได้อาศัยอ่านจากหนังสือซะส่วนมากและก็สอบถามท่านต่างๆบ้างตามแต่ท่านจะกรุณา ผมอ่านหนังสือบทเรียนทางไปรษณีย์ของท่าน อ.อรุณ ลำเพ็ญ อ.สถิตย์ สถิตย์ยืนยง โหรทายหนูของ อ.ประทีป อัคราทักษาเจ้าฟ้า และอีกหลายเล่ม(โดยได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ท่านหนึ่ง) ผมได้อ่านย้อนไปย้อนมาหลายรอบก็พอเข้าใจ ทายพื้นดวงได้บ้าง ทางจรก็ยังติดขัด

ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ หากสมมุติว่าท่านอาจารย์สอนผมอยู่ อาจารย์จะให้ผมทำอย่างไรต่อไป ขอคำแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ


นร. - 3 สิงหาคม พ.ศ.2548 16:30น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 32
ตอบ 29 คุณ scorpion..........ผมอ่านแล้วก็ดีใจที่ลูกสาวทั้งสองคนของคุณไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่อยากอยู่ที่ต่างประเทศเพราะโชคดีได้งาน หากกลับมาเมืองไทย นอกจากจะได้งานที่ไม่สมกับความรู้แล้ว หากจะยังไม่มีค่าตอบแทนที่ดีด้วย ยิ่งจะน่าเป็นทุกข์ไปกว่า และการสื่อสารสมัยนี้ก็สะดวกรวดเร็ว คุยกันเหมือนคุยอยู่ในกรุงเทพ อันที่จริงคุณตั้งจิตไว้ผิด แทนที่จะยินดีในความเจริญของลูก และเดินทางไปเยี่ยมด้วยจิตใจที่เบิกบาน เริ่มเบื่อก็กลับมา แทนที่จะมานั่งทุกข์ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

คนเราด้วยวัยเช่นนี้และเป็นชีวิตหลังเกษียณแล้ว น่าจะศึกษาธรรม แต่ไม่ใช่ทางทฤษฎี เป็นการศึกษาธรรมะในชีวิตประจำวัน รู้อารมณ์ รู้ละอารมณ์ คุยกับผู้รู้ อ่านหนังสือดีมีประโยชน์ แล้วก็ทำประโยชน์ให้แก่สังคมบ้าง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ใจเราสงบลง มีปัญญามองเห็นความจริงของชีวิตดีขึ้น ลูกหลานจะได้มีที่ปรึกษาเป็นที่พึ่งได้ ไม่ใช่ลูกหลานได้ทุกข์จะมาหวังพึ่งเรา แล้วพบว่าเราอยู่ในสภาพที่อนาถา ช่วยตัวเองก็ยังไม่ได้ แม้เพียงแต่จะตั้งความเห็นให้ถูก มีทุกข์ยิ่งกว่าเขา เขาจะยิ่งเป็นห่วงเรามากกว่า ผมมีวัยเกษียณเหมือนคุณ จึงอยากเตือนด้วยความเข้าใจเช่นเพื่อนมากกว่า

0000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 30 คุณขอคารวะ...........ขอบคุณที่อุตส่าห์ถามอะไรมาแล้วลอกมาให้อ่านด้วย แต่คำตอบอาจจะไม่ทำให้คุณได้ความรู้ที่อยากได้ เพราะผมไม่อยากให้ความเห็นในบทความที่นำมาให้ดู พูดง่ายๆคือ “ไม่อยากตอบ” จบเพียงเท่านี้

บันทัดนี้อยากแนะนำคุณว่า เวลาไปอ่านเรื่องราวใดๆในบทความก็ดี เรื่องแต่งก็ดี ตำราก็ดี ไม่ว่าจะเป็นของผู้ใด เราเป็นนักเรียนโหรต้องมีวิจารณญาณในการค้นคว้า และหาเหตุผล เพราะผู้แต่ง หรือ ผู้เขียนจะเขียนด้วยเหตุผลใดเราไม่อาจทราบได้ บางท่านก็เขียนเพราะ มีผู้ขอร้องให้เขียน บางท่านก็เขียนเพียงเพื่ออ่านสนุกๆ หารายได้ หรือ บางท่านก็อธิบายเพียงชี้ประเด็น ให้เห็นง่ายๆ อย่างที่ผมทำ เมื่ออธิบายให้คุณในความเห็นก่อนๆ เพราะการมาอธิบายเรื่องราวที่ซับซ้อนมากกว่านั้น สำหรับผู้ที่ยังไม่มีพื้นฐานเพียงพอที่จะเข้าใจ โดยเฉพาะผู้มาอ่านที่มีภูมิความรู้ต่างกัน เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อย่างเช่น สมมุติ ผมบอกว่า ดวงชะตาผู้หนึ่ง ซวยมาก เพราะดาวพฤหัสเป็นมหาจักร ผมก็อาจถูกโต้ทันที โดยผู้ที่ไม่มีความรู้ ว่าพฤหัสมหาจักร มีโชคลาภมาก จะซวยได้อย่างไร เช่นนี้เป็นต้น ดังนั้น การที่คุณไปเก็บปมประเด็นที่ยังหาเหตุผลการเขียนไม่ได้ มายึดมั่นสงสัยเป็นตุ เป็นตะ ถึงกับติดใจโดยไม่วางเช่นนี้จึงไม่ถูกต้อง หากไปเจอบางข้อเขียนของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีบางท่าน เขียนเป็นความเท็จไว้ จะยิ่งไม่เป็นการทำลายความคิดพื้นฐานของเราไปหรือ

เวลาไปเจอข้อความอะไรน่าสนใจ ลองเอามือปิดชื่อ ผู้เขียนก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอคติลำเอียงเชื่อถือ ว่าผู้เขียนเป็นใคร แล้วไปหาหลักกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้มาอ่าน พิจารณาด้วยเหตุผล ก็จะทำให้เราเรียนได้ก้าวหน้าได้ดีกว่า

00000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 31 คุณ นร............ลำพังดูตำราที่บอกมานั้น ผมก็เห็นว่ามากพอเพียงแล้ว การที่เราจะเรียนอะไรต่อไปอีก ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความสนใจที่จะรู้ทางลึก หรือ ทางกว้าง หากเป็นทางกว้าง ก็เรียนให้มากกว่านี้ หรือไปจับโหราศาสตร์ระบบอื่นบ้างก็ได้ จะทำให้เราขยายความรู้ออกไปได้อีกมาก ไม่จมอยู่กับความเห็นเดิมๆ แต่ถ้าอยากให้รู้ลึกๆ ก็ต้องฝึกใช้ความรู้ที่มี ให้เกิดทักษะความชำนาญ และมีประสบการณ์ การฝึกแบบนี้ ที่ดีที่สุด หากทำได้ คือมีผู้รู้เป็นพี่เลี้ยงอยู่ด้วย เอาดวงจริงๆมาดู แล้วอธิบายให้ฟัง ว่าแต่ละกรณี ควรจะจับอะไร มองมุมใด เพราะมือใหม่ๆ มักจะจับไม่ถูก แต่หากไม่มีคนช่วย ก็ต้องหาดวงชะตามามากเข้าหน่อย เลือกเอาที่เรารู้เหตุการณ์ และประวัติจริง แล้วหาเหตุผลทำนายตามหลักวิชา จำไว้ว่า อย่าไปคิดหลักเอง อย่างบางคนที่เคยเจอ ไปเห็นดาว ก. เดินเข้าเรือนนี้. แล้วเกิดเหตุนี้ หลายๆคนเข้า ก็เลยทึกทักว่า ตนพบเคล็ดลับโดยบังเอิญ โดยไม่ได้ดูดาวดวงอื่นที่อาจจะเป็นสาเหตุจริงๆ ทำให้เสียหลัก ต่อไปก็ไม่แม่น แล้วก็มั่ว พาลทิ้งโหราศาสตร์ไปเลย

การหาดวงชะตาที่เป็นตัวอย่างดีๆมานั้น ทำยาก บางดวงก็ดูง่าย บางดวงก็ดูยาก และบางทีก็ให้ข้อมูลผิดๆ เช่น ที่ได้มาจากหนังสืองานศพ มักจะสรรเสริญเยินยอผู้ตายจนเกินความจริง ทำให้เราอาจหลงผิดได้ ส่วนการดูตามเว็บไซท์ต่างๆที่มาถาม ก็ไม่ค่อยให้ข้อมูลอะไร มีแต่ถาม แต่ไม่ค่อยบอกความจริง ตอบไปแล้วก็ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร แต่ หากจะไปรับพยากรณ์โดยให้มาหา ก็ไม่ค่อยคุ้ม แต่ดีตรงที่พูดคุยซักถามได้ หากจะทำทุกอย่างรวมๆกันก็จะพอมีความก้าวหน้าได้ ก็ทำได้แค่นี้แหละเหมือนกันทุกคน


วรกุล - 4 สิงหาคม พ.ศ.2548 06:46น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 33
เรียนท่านอาจารย์วรกุล

ขอบพระคุณเป็นครั้งที่ 3 ดิฉันตั้งจิตผิดจริงๆ ต้องทำจิตใจอย่างที่อาจารย์แนะนำ

นับว่าเป็นโชคดีที่ได้พบอาจารย์ ที่กรุณาให้สติหยุดยั้งจิตที่เห็นแก่ตัว คิดสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง

ดิฉันไม่ควรมีความทุกข์ในการคิดถึง(จริงๆคือความคิดที่เห็นแก่ตัวของคนเริ่มมีอายุที่หลงผิดที่อยากให้ลูกอยู่ใกล้ตัว)

ด้วยความเคารพ


scorpion - 4 สิงหาคม พ.ศ.2548 10:10น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 34
เรียนท่านอาจารย์วรกุล

ครับท่านอาจารย์สอนได้ถูกแล้วครับ ผมเองก็มองถึงแง่นี้เหมือนกัน ยิ่งท่านอาจารย์กรุณาแนะนำอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้ ผมยิ่งต้องซาบซึ้งในพระคุณครับ คนที่เขาพูดหวาน ๆ กับเราไม่ได้หมายความว่าจะหวังดีกับเรา คนที่ว่ากล่าวตักเตือนด้วยเหตุผลเราต้องตั้งใจฟังครับ

ด้วยความเครพอย่างสูง


ขอคารวะ - 4 สิงหาคม พ.ศ.2548 16:15น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 35
เรียนถามอาจารย์วรกุลครับ ผมมีความสงสัยอยากรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการพยากรณ์ความเป็นไปของชีวิตอย่างกว้างๆคร่าวๆว่า ช่วงใหนของชีวิตจะโดดเด่น มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จ ช่วงใหนจะตกต่ำลำบาก เพราะจากที่อ่านหนังสือมา มีเกณท์การพยากรณ์มากมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์วัย ที่แบ่งอายุเป็นช่วงๆ ช่วงละ8ปี4เดือน ซื่งมีการนับตั้งต้นแบ่งได้หลายแบบ บางแบบนับตั้งต้นจากลัตน์ บางแบบนับตั้งต้นจากตนุเศษ(ตั้งวัยจากตนุเศษ) , การพยากรณ์โดยใช้พระเคราะห์เสวยอายุ (ใช้กำลังดาวแทนจำนวนปี) ซื่งมีการตั้งต้นนับได้อีกหลายแบบ บางแบบตั้งต้นนับจากวันเกิด บางแบบตั้งต้นนับจากลัคน์ บางแบบตั้งต้นนับจากตนุลัคน์ ....และยังมีการแบ่งวัยเป็นแบบต่างๆอีกหลายวิธี ซื่งทำให้สับสน และที่สำคัญไม่รู้ที่มาที่ไปว่ากฏเกณท์เหล่านั้นนำมาทายได้อย่างไร เป็นเรื่องของวงรอบของธรรมชาติหรือเปล่า ? การทายว่าจะตั้งตัวได้เมื่อ... ชีวิตจะมั่นคงเมื่อ.. ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อ..จะประสบความสำเร็จเมื่อ..ชีวิตจะลำบากเมื่อ...ชีวิตสมัยเด็กลำบากแต่พอเมื่อแต่งงานแล้วชีวิตจะดีขึ้น สิ่งเหล่านี้พิจารณาได้จากวัยทั้งสิ้นหรือไม่ครับ โหราศาสตร์ไทยใช้หลักอะไรมาอธิบายตอบสิ่งต่างๆเหล่านี้ครับรบกวนขอความกรุณาอาจารย์ช่วยเขียน/ตอบ เรื่องการพยากรณ์ความเป็นไปของชีวิตอย่างคร่าวๆ ให้เป็นแนวทางเฝ้าติดตาม /พยากรณ์ ความเป็นไปของชีวิต ตามแนวทางโหราศาสตร์ไทยด้วยครับ


ศ.fa200 - 6 สิงหาคม พ.ศ.2548 19:04น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 36
ตอบ 35 คุณ ศ.fa200..........ดีครับ แสดงว่าพัฒนาความคิดมาแล้วจึงสงสัย ข้อเขียนข้างล่างนี้จึงขอตอบคำถามของคุณ

000000000000000000000000000000000000000000000000

ผมอยากเปรียบเทียบชีวิต กับรถยนต์ในบางแง่มุม ในรถยนต์นั้นมีอุปกรณ์หลายส่วนที่สำคัญ และสำคัญรองลงมา กับที่ไม่สำคัญเลย ใช้เพียงเพื่อความสวยงาม ถึงจะหายไปหรือเสียไป รถยนต์ก็ยังคงวิ่งแล่นอยู่ได้ ต่างกับ ส่วนที่สำคัญ เช่นเครื่องยนต์ หากเสีย รถยนต์ก็จะเสียอย่างถาวร คือตาย แต่บางชิ้นส่วนที่สำคัญรองลงมา เช่น เบรค เกียร์ คลัชท์ น้ำมันเครื่อง ที่ปัดน้ำฝน หัวเทียน หลอดไฟ เมื่อเสีย เราก็เปลี่ยนได้ รถยนต์นั้นจะมีคู่มือตรวจเช็คเป็นระยะๆ เช่น ระยะเป็นเดือน เป็นกิโลเมตร เป็นต้น นั่นเพราะเป็นอายุที่ต้องเปลี่ยนอะหลั่ย

ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนกันเลย แต่พวกเรานั้นไม่ใช่รถยนต์ใหม่ เราทุกคนเกิดมาเก่ากันแล้วทั้งนั้น นับอสงไขยหลายแสนชาติ หากเป็นรถยนต์ก็เปลี่ยนเครื่องยนต์กันมาไม่รู้กี่ชาติ ยิ่งพวกอุปกรณ์ต่างๆก็เปลี่ยนกันมาจนนับรอบแล้วไม่ถ้วน ดังนั้น องคประกอบในชีวิตทุกชิ้นของเราจึงไม่ใช่ของใหม่ และมีอายุมาแล้วไม่เท่ากัน กรรมที่ทำให้เรากำเนิดมา จึงทำให้เรามีองคาพยพ ที่มีอายุแตกต่างกันออกไป บางคนเพิ่งเกิดมาแท้ๆ แค่เดือนเดียวเครื่องยนต์ก็เสีย แล้วก็ตาย บางคนดวงไฟก็เสีย คือตาบอดมาแต่กำเนิด ดังนั้นการนับอายุว่าจะมีอะไรเสียต้องเปลี่ยน ต้องซ่อมแซมบ้าง จึงอยู่ที่ว่าเราจะเริ่มนับอะไรที่ตรงไหน

วงรอบธรรมชาติก็คือ วงรอบของอายุ และการพัฒนาไปขององคประกอบชีวิตนี่เอง โหราศาสตร์ทุกระบบ ต้องใช้วงรอบธรรมชาติ โดยขาดไม่ได้ ถึงไม่ใช่หัวใจ ก็เป็นปอด จนถึงกับ โหราศาสตร์บางระบบพัฒนาขึ้นมาโดยดูจากวงรอบธรรมชาติล้วนๆ อย่างเช่น พวกเลข 7 ตัว 12 ตัว เช่นรู้ว่าคุณเกิดวันเดือนปีใด เหมือนกับไปเปลี่ยน แบตตารี่มาเมื่อใด คำนวณก็บอกได้เลยว่า อีก 3 ปี รถคุณแบตหมดแน่ แต่การเอาวงรอบของแบตตารี่ไปใช้กับเครื่องยนต์นั้นไม่ได้ เพราะ เครื่องยนต์อาจจะต้องใช้เวลา 20 ปีเสีย แล้วยกเครื่องกันครั้งหนึ่ง นี่เป็นความรู้ที่อยากชี้ให้เห็นว่า การนับวัยในรูปแบบต่างๆกัน นั้นใช้กับองคประกอบแต่ละอย่าง ไม่ใช่ทุกอย่าง และไม่ใช่ใช้สลับชิ้นส่วนชีวิตกันด้วย แถมด้วยระบบโหราศาสตร์ ที่แตกต่างกัน เหมือนรถต่างยี่ห้อ ก็ใช้วงรอบธรรมชาติที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย การนำวงรอบธรรมชาติไปใช้ผิดที่ในรถผิดคัน ก็พอๆกับใช้ผิดชิ้นส่วนในรถคันเดียวกัน

วงรอบธรรมชาติที่มาใช้กับดวงชะตา จะซับซ้อนกว่าการใช้วิชาวงรอบธรรมชาติล้วนๆ เพราะวงรอบนั้นต้องเข้ากันได้กับดวงชะตา ผมจึงเขียนบอกมาตั้งแต่ตอนต้นๆกระทู้แรกๆโน่น ว่าการนับทักษา และการคิดใช้เอาอะไรมานับในทักษาตามกำลังดาวตามใจชอบ ที่บรรดา “ผู้รู้” ที่จริงๆแล้วคือ ผู้ไม่รู้เรื่อง ต่างคนต่างคิดขึ้นมาเป็นโกลาหลนั้น เป็นเรื่องเหลวไหล อย่างเช่น เอามาคิดอักษร ตั้งชื่อ เปลี่ยนชื่อกันวุ่นวาย เพราะการเอาอะไรมานับในทักษา ก็ต้องเป็นสิ่งที่มีวงรอบวัฏจักรเป็นทักษาด้วย ไม่ใช่อยากใช้อะไรก็ได้ ในวงรอบธรรมชาติที่เกิดจากดวงชะตามีการคำนวณอายุบนพื้นฐานที่ต่างกันจากทักษา แล้วแต่ต้องการคำนวณจุดอิทธิพลอะไรของเจ้าชะตา วงรอบชีวิตจะมีลัคนาเป็นจุดเริ่ม บางอย่างมองที่ตนุลัคน์เป็นจุดเริ่ม และบางอย่างก็เป็นวงรอบของชีวิตส่วนอื่น ที่มากไปกว่านั้น คือ ดวงดาวทุกดวงในชะตาก็มีวงรอบธรรมชาติของตัวมันเองอีกด้วย เช่นวิชา พวกกาลจักร-ลัคน์จร ก็เป็นวิชาที่ผสมผสานด้านวงรอบธรรมชาติ เข้าไปกับการเคลื่อนที่ไปของจุดอิทธิพลจากดวงดาวหลายดวง

โดยทั่วไปที่เราเรียนกัน เป็นวงรอบธรรมชาติที่ใช้กับจุดเริ่มต้นของชีวิตโดยตรง ดวงชะตาของคนเรานั้น เหมือนๆกับโลก คือนอกจากจะเคลื่อนไป เป็นวงรอบดวงอาทิตย์แล้ว มันยังหมุนรอบตัวเอง และยังมีดวงจันทร์โคจรอยู่รอบโลก ขณะเดียวกันก็ยังแกว่งส่ายรอบแนวแกนโลกเป็นวัฏจักร ระบบธาตุที่แตกตัวออกออกมาทั้งในดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ก็มีวัฏจักรธรรมชาติอีกจำนวนมากทั้งที่เป็นวัฏจักรพื้นฐาน และที่อิงอยู่กับวัฏจักรแม่ กลายเป็นวัฏจักรในวัฏจักร วัฏจักรในดวงชะตาชีวิตก็ซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้น ต้องเคลียร์ให้รู้ว่าระบบของเรา อิงอยู่กับวัฏจักรใด ไม่ใช่เอาวัฏจักรอื่นมาใช้ผิดที่ โหราศาสตร์ไทยเองก็มีหลายส่วน ส่วนที่เป็นพื้นฐาน คือโหราศาสตร์ระบบธาตุนั้น ใช้วัฏจักรทางอายุธาตุ ส่วนที่ตัดรายละเอียดระบบธาตุออกไป เพื่อให้ง่ายๆ เช่น โหราศาสตร์ไทยทั่วไปที่ใช้เกษตรสองเรือน จะใช้หลักเกณฑ์ชันษาจร หรือลัคนาจรก็ได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงวิธีหนึ่งในหลายวิธีที่ใช้ได้เท่านั้น

จะเห็นได้ว่า มีผู้ใช้ดาวเสวยอายุแบบต่างๆ อีกมากมาย ทั้งที่เป็นดวงราศีจักร มหาทักษา หรือ ทักษาแบบอื่นๆ (วงรอบธรรมชาติจำนวนหนึ่ง อาจเรียกว่า “ทักษา” ได้ แทนคำว่า “วัฏจักร” และ “วงรอบ”) เช่น ทักษา ปโตเลมี ทักษาจันทร์ ทักษามหายุค อังควิชาธาตุ พฤหัสจักร เป็นต้น แต่ละวงรอบอาจมีระยะเวลาไม่เท่ากัน เช่น 60 72 97 หรือ 108 ปี ก็มี ดังนั้น การนับอัตราเคลื่อนไปของชีวิตจึงไม่เท่ากัน และมักจะต้องมีปัจจัยอันใดอันหนึ่งเป็นตัวกำหนดอัตราเคลื่อน เช่น ใช้พฤหัสจร เป็นตัววัดอัตราในพฤหัสจักร มหาทักษาใช้จันทร์ เป็นตัววัดทางจันทรคติ พวกที่ใช้ดาวจรและลัคนาในราศีจักรมักใช้อัตราสุริยาตร หรือ สุริยคติ พวกกาลจักร – ลัคน์จร และดวงขับ จะกำหนดอัตราจากปัจจัยอื่นโดยเฉพาะ ส่วนพวกที่ได้จากการคำนวณจุดอิทธิพล เช่นทาง ตรีวัย หรือ การซ้อนวัฏจักรอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้วงรอบทางดวงชะตาอย่างเดียว เช่นสัมพันธ์กับ กาลโยค นักษัตร และมหาทักษา ก็แปลกแตกต่างออกไป เราจึงต้องระวังในการนำวงรอบธรรมชาติมาใช้ผิดที่ ก็จะกำหนดอายุและวิธีทำนายผิดไปด้วย

ในทางปฏิบัติ มักจะตรวจวัยจากวัฏจักร 3 ระดับ คือ หนึ่ง วัยที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมของชีวิต เพื่อให้รู้ว่าในวัยใด มีแนวโน้มกว้างๆขึ้นลงอย่างไร จึงต้องตรวจจากภูมิกำเนิดในวัฏจักรส่วนใหญ่ เช่น วันเกิดในทักษาเทวดาเสวยอายุ จากยามกำเนิดในวงรอบนักษัตร พวกที่ใช้ธาตุในธรณีจะนับจาก อาทิตย์ ในราศีจักร ส่วนพวกใช้ธาตุในจักรวาลมักนับจาก พฤหัส เป็นจุดตั้งต้น นี่คือ พื้นฐานของสิ่งแวดล้อมที่รองรับชีวิตอยู่ เหมือนชีวิตคือปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ เราต้องตรวจน้ำก่อนว่า ตอนไหนน้ำจะไหลช้า เร็ว ขุ่นใส มีออกซิเจน มากน้อย เป็นกรด เป็นด่าง เป็นต้น จะได้รู้ความเป็นอยู่ของปลาคือชีวิต

สอง คือ ชีวิต ซึ่งเริ่มจากลัคนา ดังนั้นต้องตรวจจากตนุลัคน์ ลัคนา หรือ ดาวที่มาเกี่ยวข้องกับลัคนา จึงมักดูจากลัคนาจร ชันษาจร ในดวงชะตาเป็นหลักใหญ่ คือให้ทำเหมือนลัคนาเลื่อนไปอยู่ในราศีอื่น แล้วอ่านเรื่องเหมือนอ่านดวงอีกดวงหนึ่งเฉพาะอายุนั้น จึงรู้ได้ว่าเมื่อไรจะรุ่งเรือง เมื่อใดจะตกต่ำ แต่บางท่านถือว่าวัยนั้นขึ้นอยู่กับความหมายเรือน และเจ้าเรือน เช่น ยังเป็นเด็กถึงวัยรุ่น ก็ใช้ปุตตะ เมื่อแต่งงานแล้วใช้ปัตนิ ทำงานแล้วใช้กัมมะ อายุมากจึงใช้ศุภะ และตนุ ดังนี้เป็นต้น ดังนั้นเราจึงรู้ได้ว่าเมื่อเด็กจะลำบาก แต่งงานแล้วจะร่ำรวยไม่กลับไปลำบาก (เหมือนตอนเป็นเด็กอีก) อะไรทำนองนั้น พวกที่ใช้ธาตุจะซับซ้อนกว่า เพราะพิจารณาแหล่งธาตุ โครงสร้างธาตุ และพลังงานธาตุที่ประจุให้แก่เกษตรและธาตุดาว ว่าจะแสดงผลในอายุเท่าไร หรือพวกดูดวงชะตาจากดวงดาว อาจจะใช้ ตรีวัย ซึ่งได้จากตำแหน่งตนุเศษ แต่การที่จะตรวจจากสิ่งใดต้องประกอบด้วยการใช้สิ่งนั้นถูกวิชาด้วย เหมือนฝาหม้อ ก็ต้องใช้กับหม้อให้ถูกใบของมัน ไม่ใช่เรารู้สิ่งใดมาก็เอามาใช้กับวิธีของเรา แล้วก็จะสับสนเพราะใช้ไม่ได้ผล

สาม คือ วัยที่เกิดจากกาลเวลาและดาวจร วัยชนิดนี้จับที่เหตุการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะดาวจร เพราะเหตุการณ์จากจุดอิทธิพลปัจจุบันมักจะเกิดบ่อยครั้งและ เห็นชัดกว่า การดูวัฏจักรที่ยุ่งยากในดวงเดิม อย่างเช่น ดาวตนุลัคน์กำลังโคจรอยู่ในราศีใด ก็ตั้งลัคนาใหม่ในราศีนั้น เพื่ออ่านเหตุการณ์จรจากดาวจร ที่สัมพันธ์กับดวงเดิม แต่หากตนุลัคน์เป็นดาวเดินเร็ว ก็ใช้ดาวจรช้า (เช่น เสาร์ ราหู พฤหัส) ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตนุลัคน์ในดวงเดิม เช่น เป็นเจ้าเรือน เกษตรที่ตนุลัคน์อยู่ ร่วมเล็งลัคนา ตนุลัคน์ เป็นต้นนั้น ดูแทน ดังนั้น วัยที่เกิดขึ้นก็อาจคำนวณหรือเปิดปฏิทินไปล่วงหน้าตามอัตราโคจรของดาวได้

วัฏจักรทั้ง 3 ระดับนี้ต้องใช้ร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่ของง่ายๆแต่ต้องใช้เวลามาก เหมือนกับดูดวงราว 4 – 5 ดวง ต่อเนื่องกัน ดังนั้น ส่วนใหญ่พวกโหรอาชีพ มือโปร (หมายถึงหาเงินจากการทำนาย ไม่ได้แปลว่าเก่ง) จะไม่ใคร่สนใจ ข้อหนึ่งเลย เพราะอิทธิพลทางสิ่งแวดล้อมนั้น ทายแล้วไม่ประทับใจ ส่วนข้อสอง บางทีก็ไม่อยากดูให้เพราะดูที จ่ายเงินที หากจะถามก็มาดูใหม่ จ่ายเงินใหม่ดีกว่า ไม่มีใครอยากดูให้ยาวๆ เพราะขาดทุนมากไป จึงมักใช้เพียงข้อสาม หรือ บางโหรก็ขี้เกียจ ไม่ดูเลย ใช้ดูดาวจรกระทบดาวเดิมล้วนๆ ทายถูกมั่งผิดมั่ง แม้จะดูเป็นก็ไม่อยากลงทุน ทายแค่ดาวจร สองสามจุด แค่พอให้รู้ว่าแม่น เขาพาลูกค้ามาให้ดูอีกก็หากินได้แล้ว


วรกุล - 8 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:19น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 37
กราบเรียน อ.วรกุล

ผมศึกษาเรื่องการดูดวงมาบ้างครับ เมือ่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ลองตรวจสอบดวงของตนยังสับสนอยู่ในเรื่องชีวิตการทำงานและฐานะในช่วงอายุต่อๆไป จะคล้ายๆกันในส่วนของคู่ครองที่ไม่ดีนัก แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า จะมีคู่หรือไม่

พอดีได้มีโอกาสเข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ก็เลยอยากขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยตรวจสอบดวงชะตาในเรื่องของการงานและฐานะพร้อมทั้งเรื่องคู่ให้ผมด้วยครับ โดยผมต้องการย้ายงานมากในช่วงนี้ ไม่ทราบว่ามีโอกาสได้ไหม และจะดีขึ้นไหมครับ รวมทั้งเรื่องการทำงานกับบ.ต่างชาติว่ามีข้อดี หรือเสีย เพราะผมเกิดวันศุกร์ ราศีสิงห์ ไม่ทราบมีข้อจำกัดเรื่อง การทำงานกับต่างชาติหรือเปล่าครับ

ขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ครับ

เกิดศุกร์ 20 มิย. 2512 เวลา 10.19 น. จ. โคราช


ตี๋โคราช - 8 สิงหาคม พ.ศ.2548 23:46น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 38
ตอบ 37 คุณตี๋ โคราช............กระทู้นี้ไม่ได้ดูดวงครับ เอาไว้ถามคุยปัญหาโหราศาสตร์เท่านั้น คุณเขียนแปลกๆ คือศึกษาดูดวงมา แต่เมื่อต้นปีตรวจดวงดูแล้วไม่ดีนัก หาข้อสรุปไม่ได้ แล้วก่อนหน้านี้ตรวจแล้วดวงดีหรือ เพราะหากคนที่ศึกษาการดูดวงจริง ไม่ต้องรอต้นปีปลายปีเขาก็ตรวจกันได้ทุกเวลา

ชีวิตของเราขึ้นอยู่กรรมที่เรากระทำ หากเราทำอะไรไม่เป็นไปตามธรรม ดวงชะตาเราก็จะมีคุณภาพไม่ดี ทำให้ส่งผลเสียต่อชีวิตในเรื่องอื่นๆด้วย นี่คือ ผลของกรรม ดวงชะตาคุณอ่อนหลายจุด ทำงานอะไรก็ลำบากยากใจอยู่เสมอ อยู่ไม่ทน หากทนอยู่ก็ไม่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นบริษัทต่างชาติ หรือไม่ต่างชาติก็เหมือนกัน ฐานะการเงินก็ไม่ดีด้วย แม้จะไปทำอาชีพส่วนตัวเอง ทำได้สักพักหนึ่งก็จะล้ม เพราะ จิตใจไม่อดทน ช่วงระยะนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้งานเข้ามา เรื่องคู่ครองก็เหมือนกันเลย ดวงคุณมีคู่ได้ แต่คบกับใคร เขาก็มักเลิก หากแต่งงานก็คงอยู่ไม่ทน เรื่องคู่ครองเพศตรงข้ามก็มีปัญหาอยู่ตลอด หาแฟนจริงๆยาก แม้แต่งงานไปก็ไม่ดี หากไม่แต่งงานเอาตัวรอดคนเดียวก็พอได้บ้าง


วรกุล - 9 สิงหาคม พ.ศ.2548 16:34น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 39
โอ๊ะ ขอโทษครับอาจารย์

พอดี ผมอ่านข้อความทั้งหมดไม่ละเอียด

แต่ก็ขอบพระคุณมากครับที่ ช่วยทำนายให้

ที่ว่าตรวจดวงคือช่วงปลายปี47 ได้ไปดูดวงมาที่หนึ่ง ซึ่งก็แม่นยำดีครับ

และที่ไปตรวจดูก็เพราะว่าปีที่ผ่านมาแย่มากๆ ซึ่งเดิมก็ไม่ดีนัก แต่ก็พอทนไปได้

แต่ปกติ เดิมผมสนใจในแบบศึกษาโหราศาสตร์ด้วยตนเอง ด้วยการซื้อหนังสือมาอ่าน

ไม่ค่อยได้ไปตรวจดวงชะตาที่ไหน เคยไปบ้างแต่น้อยครั้งครับ

พึ่งจะมาสนใจจริงจังในช่วงนี้แหล่ะครับ

แต่พอใช้วิชาดวงราศีจักร ตรวจสอบตัวเองเทียบกับแบบพาราณสีแล้ว

ดาวอาทิตย์เจ้าเรือนลัคนา ที่ได้ราชาโชคไปอยู่เรือนมรณะตนุเกษตรที่ราศีพิจิก ซึ่งผมมองไม่ออกว่าป็นจุดเสียมากๆ หรือเป็นลักษณะที่ผมทำงานเกี่ยวข้องกับการดูดวง หรือเป็นชีวิตสันโดษในกรณีของดวงจักรราศี ก็น่าจะทายในทางดีไว้มากกว่าไม่ได้

ซึ่งจุดนี้จะต่างจากจักรราศีที่น่าจะทายว่าดาว1 ให้ผลดี เพราะเป็นตำแหน่งให้คุณที่เรือนลาภะ

ครั้นพอผมดูดวงจรหลังวันเกิด20 มิย ที่ผ่านมาว่า ดาว 5 จะเริ่มให้คุณร่วมกับดาว3 แต่ขัดกับตนุเกษตรจรของพาราณสีที่ออกมาในแนวทางที่ไม่ดีนัก

พอดีได้โอกาสเข้ามาที่web นี้ ก็เลยถือโอกาสวันก่อน ได้เขียนสอบถามอาจารย์ไป

จะอย่างไร ก็ทั้งกราบขอโทษที่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย และก็ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่ช่วยทำนายให้ส่วนหนึ่งครับ


ตี๋โคราช - 9 สิงหาคม พ.ศ.2548 22:44น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 40
เรียนอาจารย์วรกุลทีี่เคารพผมได้ให้อาจารย์ศุภกรตรวจดวงชะตาให้ ดวงเกิดวันที่ 25ธ.ค 2514 8:00น สิงห์บุรี แต่ยังติดปัญหาทางทฤษฎีทียังไม่กระจ่าง อาจารย์ที่แนะนำให้มารบกวนถามต่อกับอาจารย์วรกุลทางกระทู้นี้ ผมเลยอยากจะรบกวนถามปัญหาท่านอาจารย์ดังนี้ครับ1.พฤหัสจรในเรือนที่เก้าทับมฤตยูเดิมสนิทเมื่อปลายก.คที่ผ่านมาซึ่งน่าจะส่งผลดีในเรื่องโชคทเี่กื่ยวกับการค้าต่างประเทศที่เคยทำอยู่แต่อยุ่ไปเกือบสองปีแต่ทำไมไม่ส่งผลดีีเลยครับอยากจะกลับไปทำใหม่แต่ยังไม่เห็นแนวโน้มที่ดีเลย1.1 ถ้าเหตุเพราะว่าพฤหัสจรเล็งราหูจรในราศีมีนอยู่จึงไม่ส่งผลดี ทำไมจึงไม่ส่งผลดีเช่นนั้นเพราะว่าตัวราหูจรูตรีโกณเสาร์จรคู่มิตรเก่าในราศีกรกฎอยู่ซึ่งน่าจะให้ผลในทางบวก1.2อาจารย์บอกว่ารอพฤหัสย้ายเข้าตุลจะดีกว่าแต่ผมดูว่าเมื่อพฤหัสย้ายตุลแล้วก็ยังเล็งเกตุเดิมราศีเมษอยู่ดี แล้วผลออกมาจะเป็นอย่างไรครับ2.ในดวงมีราหูศุกร์กุุมลักษ์ราศีมังกรเสาร์จรกรกฎมาเล็งราหูเดิมตรีโกณราหูจรราศีมีน ถ้าดูเรื่องเรือนๆสหัสชะมีอังคารแลกเรือนเกษตรกับพฤหัสเรือนลาภะอยู่ อย่างนี้ตีความผสมกันว่าอย่างไรครับที่ต้องรบกวนอาจารย์เพราะอึดอัดทนไม่ไหวกับรูปดาวที่อับโชคมาเกือบสองปีที่เสาร์จรอยู่เรือนอริกับพฤหัสจรเรือนมรณะที่แย่มากๆจนวันนี้ก็ยังไม่มีท่าว่าจะมีอะไรเปลื่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ที่ผ่านเกือบสองปีมีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ อดทนมานานจนตอนนนี้เรียกได้ว่าถึงที่สุดแล้วครับ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ห่วงภรรยากับลูกด้วยกลัวว่าจะพากันแย่ไปด้วยในใจก็เกรงใจอาจารย์นั่งนึกอยู่หลายวันว่าจะถามดีหรือเปล่า ถ้าอาจารย์พอมีเวลาว่างหลังจากตอบปัญหาท่านอื่นก็ขอรบกวนด้วยอีกคนครับขอบพระคุณมากครับ


โยฮัน - 10 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:04น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 41
หนูน้อย รู้สึกหงุดหงิดฟุ้งซ่านรำคาญใจ เพราะดับ รูป-นาม ไม่อยู่แล้ว

หนูน้อย อยากเรียนถาม อ.วรกุล (หรือระบายก็ได้)

๑.) การที่ อ.วรกุล ตอบปัญหาต่างๆ อ.วรกุล ตรวจ "เจตนา" ของผู้ตั้งกระทู้ด้วยใช่หรือเปล่าครับ เช่น มาลองดี, มาโอ้อวด, พยายามมายัดหลักวิชาที่ตัวเองยึด, มาถามเพื่อเตรียมถล่มกระทู้ของ อ.วรกุล ให้ล่ม โดยวางเหยื่อล่อหลอกเป็นคำถามทิ้งไว้ หรือ สะกัดจุดการสอนปรัชญาโหราศาสตร์ไม่ให้ต่อเนื่อง (แต่มองอีกทีคนเรียนหากไม่อดทน ล้มเลิกไปเองก็ช่วยไม่ได้ ไม่วิริยะเอง ...อ้าว หนูน้อยย้อนกลับมาว่าตัวเองด้วย)

หาก อ.วรกุล ตรวจเจตนาก่อน อ.วรกุลพอแย้มพรายได้ไหมครับว่าใช้ "ลักษณะแบบไหน" แต่ผมว่าบางที อ.วรกุล ตอบคำถามเกือบทุกวัน อาจจะมีหลุดหรือพลาดไปบ้าง ผมเคยสังเกตบางที อ.วรกุลตอบปัญหากับบางคนที่เขียนมาถาม ในลักษณะแทบจะต่อว่าเอาเลยทีเดียวครับและไม่ได้ให้กำลังใจเลย(เมื่อลองอ่านละเอียดให้ดี คือ เขียนเหมือนมีอารมณ์) คำถามข้อนี้ผม หนูน้อย ทั้งบ่นทั้งถาม ไม่ต้องการคำตอบครับ

๒.)ข้อแรกที่ผ่าน เป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องเขียน คคห. นี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมขอถามปัญหา โหราศาสตร์ หรือข้อขัดข้องบ้างครับ

ผมอ่านบทความ อ.วรกุล แล้ว ผมฟุ้งซ่านดังต่อไปนี้มาเป็นเดือนแล้วครับ

( รวมทั้งบทความของ อ.ศุภกร แต่ของ อ.ศุภกรตามไม่ไหว เพราะผมทำนายไม่เป็น และเยอะมาก บางที่ท่านกำหนดอายุเท่านั้นเท่านี้ ผมเลยนำมาฟุ้งซ่านต่อโดยอาศัย เสาร์ ดังนี้ครับ)

ผมมอง เอาดวงชะตาเดิมเริ่มต้นเป็นหลัก (ไม่มองดาวจร) สมมุติมอง เสาร์กำเนิด เป็นจุดเริ่ม แปลความเอาว่าเสาร์เป็นเรื่องราวของชีวิตทั้งหมด แล้วตั้งวงรอบของเสาร์ เอารอบหนึ่งในราศีจักร ราว ๓๐ ปี ( จุดหลักคือ ต้องการทราบแนวการดำเนินชีวิตของเจ้าชะตาทั้งหมดอย่างคร่าวๆ) ส่วนเรือนลัคนาเก็บไว้เสริมความต่างหากครับ

ผมยึดหลักเอาดวงเดิมเป็นเกณฑ์ เมื่อจะกำหนดระยะเวลาเกิดเหตุหลักอะไรในชีวิตก็นับเอาเสาร์แบ่งช่วงราศีละ ๒ ปีครึ่งโดยประมาณ ก็กำหนดช่วงอายุเอา ( อย่างไรก็ดีพอทำไปทำมามันก็คือ ดาวจรนั่นเอง)เมื่อเสาร์จรทับดาวอะไรในดวงเดิมก็จะเกิดเหตุ อย่างคร่าวๆ *** ทั้งนี้ ยังต้องดูวงรอบอื่น เช่น ของดาวพฤหัส ๑๒ ปี, ราหู ๑๘ ปี ประกอบถ้าต้องการละเอียด****

คำถามคือ เมื่อไร ความเป็นดาวเสาร์ ที่ "เด่น" หรือ "ด้อย" ในดวงจะเกิดขึ้นครับ แน่นอนตำแหน่งเสาร์จะทับเสาร์เดิมที่ ตอนเกิด อายุราว ๓๐, ๖๐, ๙๐ ปี แล้วเมื่อไร เสาร์จะแสดงผลครับเพราะรอบแรกก็น่าจะผ่านดาวทุกดวงในดวงชะตาเดิมไปหมดแล้ว

อันนี้เป็นข้อสันนิษฐาน ของผมเอง(ฟุ้งซ่าน)

หรือต้องพิจารณาดาวเสาร์ เป็นธาตุไฟ แล้วต้องผ่านโคจรทับดาวคู่ธาตุตัวเองในดวงชะตาเดิมก่อนจึงจะเกิดผล เช่น อาทิตย์อยู่เรือนที่ ๒ เมื่อมองจากดาวเสาร์เดิม เสาร์จรหรือการกำหนดรอบชีวิตของดวงชะตาจะทับ คู่ธาตุภายในเวลาไม่เกิน ๕ ปี เพราะฉะนั้นคนๆ นี้ ดาวเสาร์ก็จะแสดงผลหลังจาก ๕ ปีไปแล้ว แต่ต่างกับคนที่ อาทิตย์เดิมสถิตในภพ ๑๒ ก็ต้องรอจังหวะชีวิต กว่าเสาร์จะแสดงผลก็ต้องอย่างต่ำ ๓๐ ปี หรือหากว่า เสาร์กุมกับอาทิตย์ในดวงชะตาอยู่แล้ว โดยขณะเกิด วันนั้น ดาวเสาร์ขึ้นก่อนดวงอาทิตย์ วงรอบ ๓๐ ปีจะเอาไม่อยู่เพราะหากเรานับกระโดด ๑ ตา( อันนี้ผมบอกตรงๆ เลียนแบบการนับชันษาจร ) ต้องวนรอบที่ ๒ ชะตานี้กว่าดาวเสาร์จะแสดงตัวเองก็ใช้เวลา ๖๐ ปี เป็นต้น

ทั้งนี้ ดาวที่ทำให้ ดาวเสาร์ในชะตาจะแสดงผลอาจจะไม่ใช่ คู่ธาตุ แต่อาจจะเป็นคู่มิตร หรือคู่สมพลที่ส่งเสริมกัน

เข้าใจผิด-ถูกอย่างไร รบกวน อ.วรกุลครับ

(ภาษาที่ใช้อาจจะไม่เหมือนของที่ อ. เขียนแต่เอาใจความนะครับ)

และผมจำได้คร่าวๆ เรื่อง อักษรไทย หรือ เลขไทย มีที่มาอย่างไร รบกวนเล่าให้ฟังด้วยครับ


หนูน้อย - 10 สิงหาคม พ.ศ.2548 09:41น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 42
เห็นแสงราง ๆ อยู่ที่ปลายทางครับ

ขอบคุณครับ


.... - 10 สิงหาคม พ.ศ.2548 13:56น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 43
หลังพิมพ์ออกไปได้กลับมานั่งทวนคิด กระบวนการนี้ยังไม่น่าจะสอดคล้องตามที่ อ.วรกุล สอนปรัชญาโหราศาสตร์เท่าไร เพราะจุดหนึ่ง กระแสธาตุ(ถ้าจำไม่ผิด)จะต้องเข้าทางลัคนา

แสงสว่างที่เห็นสงสัย เป็นภาพลวงตานะครับ คุณ ....

สงสัยไปอ่าน พระอภิธรรม แก้ฟุ้งซ่านดีกว่า อย่างน้อยถึงไม่ดีกับใครก็ดีกับตัวเองครับ


หนูน้อย - 10 สิงหาคม พ.ศ.2548 17:12น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 44
ตอบ 40 คุณโยฮัน............คุณไปถามอาจารย์ศุภกรความเห็นที่เท่าไรบ้างก็ไม่ได้บอก ผมต้องไปsearch ออกมาดู เพราะไม่รู้ต้นเรื่อง ว่าคุยกันไปถึงตอนไหน 1) ที่ว่าพฤหัสทับมฤตยูสนิท นั้นไม่ได้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย เพราะไม่ได้ดูองศาดาวจรแบบนี้ การที่ดาวทับองศากันเป็นหลักทางสากล แล้วทางโหราศาสตร๋ไทยรุ่นใหม่ไปเอามาใช้ ใช้ได้เป็นบางกรณีเท่านั้น กรณีนี้ก็ไม่ได้ผล รอปลายๆปีหรือปีหน้า น่าจะเห็นวี่แววอะไรบ้าง สงสัยคุณไปเอาความเห็นผู้อื่นในเว็บอื่นมาปนกันแน่เลย

1.1 ) ที่ว่าราหูเล็งพฤหัส ตรีโกณเสาร์ นี่ก็ไม่ใช่หลักที่จะดูดาวจรว่าผลในทางบวกเรื่องงานของคุณนี่ เรื่องดาวจรไม่ได้ดูดาวจรโดดๆ แต่ต้องดูกระทบดาวในดวงเดิม 1.2) อ่านทวนคำตอบอาจารย์ศุภกรแล้ว ไม่เห็นบอกว่า พฤหัสเข้าราศีตุลย์จะดี เพียงแต่บอกว่าปลายปีไปแล้วจะดีขึ้น พฤหัสดวงเดียวแม้จรเข้าราศีตุลย์ เล็งเกตุ ก็ดีขึ้นครับ พฤหัสมีกำลังที่ทำให้เรือนกัมมะดีขึ้น 2 ) สหัชชะ แลกเรือนกับลาภะ ก็จะมีโชคจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหมุนเงินและค้าขายดีครับ ส่วนเสาร์จรมาเล็งราหูเดิม เจ้าเรือนกดุมภะ ก็จะทำให้การเงินจะดีขึ้น ตรีโกณราหูจรที่อยู่สหัชชะด้วยก็จะทำให้มีคนช่วยให้ลุล่วงผ่านไปได้ แต่เท่าที่อ่านคำถามของคุณย้อนหลังไปแล้ว คุณยังไม่ค่อยรู้เรื่องการดูดาวดวงเดิม แบบโหราศาสตร์ไทย แต่มาจับดาวจรซึ่งยากกว่า จะอธิบายก็ไม่ไหว เพราะแค่ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ไม่รู้จะเริ่มที่ไหน คนอื่นเขาเรียนมามากแล้วยังอธิบายยากเลย

สงสัยคำพูดของคุณว่า “ที่ต้องรบกวนอาจารย์เพราะอึดอัดทนไม่ไหวกับรูปดาวที่อับโชคมาเกือบสองปีที่เสาร์จรอยู่เรือนอริกับพฤหัสจรเรือนมรณะที่แย่มากๆจนวันนี้ก็ยังไม่มีท่าว่าจะมีอะไรเปลื่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ที่ผ่านเกือบสองปีมีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ อดทนมานานจนตอนนี้เรียกได้ว่าถึงที่สุดแล้วครับ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ห่วงภรรยากับลูกด้วยกลัวว่าจะพากันแย่ไปด้วย” เพราะไม่ทราบว่าระหว่างสองปีมานี้ทำอะไรไปบ้าง น่าห่วงจริงๆ เพราะหากคุณคิดว่า รอให้ดาวจรดี อย่างที่คุณคิดเอง หรือมีใครที่ดูดวงให้ บอกคุณ แล้วคุณจะดีขึ้นมาเองก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ เพราะ การที่ดวงจะเริมดีขึ้นนั้น เป็นเพียงสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เหมาะกับโอกาสที่จะเริ่มทำงานให้เหมาะกับเวลา ขออภัยด้วยที่อาจเข้าใจผิด เพราะเท่าที่ไปค้นอ่าน(เฉพาะกระทู้ของ อจ.ศุภกร) ยังไม่ทราบว่าคุณทำอะไรบ้าง หรือเริ่มไปทำอะไรแล้วไม่สำเร็จหรือเปล่า และที่อ่านมาคุณก็ยังมีความรู้โหราศาสตร์ไม่พอ ประกอบกับไปจำวิธีดูดาวแล้วเข้าใจอย่างที่ไม่ถูกมาด้วย ทำให้รอคอยดาวดวงนั้นทับดาวดวงนี้ ตามองศาลิปดา ผมจึงอยากแนะนำให้คุณเลิกดูดวงเสียชั่วคราว แล้วออกไปหาหนทางอาชีพ จะเป็นพนักงานเขาไปก่อนก็ได้ จะดีกว่ามาดูดวง ปีหน้าไปแล้วก็จะเริ่มดี ไม่ใช่พลิกกลับพรวดพราด เพราะว่าดาวทับกันหรอกครับ ดวงคุณพื้นฐานยังดีมากอยู่ ขอให้ทิ้งความเข้าใจโหราศาสตร์ไปก่อน วันหลังค่อยมาจับใหม่

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 41 คุณหนูน้อย........... 2 / อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าที่สมมุตินั้นมาจากวิชาใด เสาร์เดิมมันเคลื่อนไปได้อย่างไร และยังเคลื่อนราศีละ 2.5 ปีด้วยได้อย่างไร แปลความว่าเสาร์เป็นจุดเริ่มของชีวิตทั้งหมด คือ อะไร ทำไมเราไม่ใช้ตามวิชาที่เขาคิดดีแล้วไม่ดีกว่าหรือ วงรอบธรรมชาติมีองคประกอบอยู่ 3 อย่างที่ต้องอธิบายให้ได้ก่อนว่า หนึ่ง.....คือวงรอบของอะไร สอง.....เคลื่อนไปได้เพราะอะไร สาม.....อัตราเคลื่อนในวงรอบวัดจากอะไร วงรอบธรรมชาติ เป็นวิชาโหราศาสตร์แบบหนึ่ง ต้องเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ก่อน หากตั้งสมมุติฐานผิด ก็จะหาคำตอบไม่ได้ วิชาที่เกี่ยวกับวงรอบธรรมชาติจะวางหลักเกณฑ์ตรงนี้ไว้ทั้งนั้น และเป็นเกณฑ์ที่ใช้เฉพาะวิชา ที่เอาวิธีที่ดูแบบดาวจรมาใช้นั้น อาจไม่เหมือนกับวงรอบของธรรมชาติ แม้สมมุติว่าการนับจรอย่างที่คุณนับได้ถูกก็ตาม อย่าลืมว่าเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์มีดาวอื่นๆเข้าร่วมทำงานด้วยเสมอ ไม่ได้ทำงานดวงเดียว แต่ละรอบที่เสาร์เคลื่อนตามวงรอบ ดาวอื่นๆเคลื่อนด้วยไหม หรือจะใช้ดาวจร


วรกุล - 11 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:43น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 45
เรียน อ.วรกุล

ในส่วนตัวผมเองนั่งพิมพ์เพื่อที่จะตอบคำตอบของ อ.วรกุล เป็นครั้งที่ ๓ เนื่องจากสองครั้งแรกที่พิมพ์(ยังไม่ได้ส่ง คคห.) ลุกไปทำอย่างอื่น พอกลับมาอ่านทวน กลับย้อนคิดว่าใช้ไม่ได้ และยิ่งกลับมาอ่าน การตอบของ อ. วรกุล คคห. ที่ 36 แก่ คุณ ศ.fa200 ก็เห็นได้เลยว่า แนวคิดผมนั้นมีข้อบกพร่องอยู่ ที่เห็นง่ายๆ คือ หากเรากระโดด ๑ ช่อง วงรอบปี จะเหลื่อมล้ำไม่ตรงปีจริงแน่นอน และจากการอ่าน คคห. 36 นี้ ผมเข้าใจว่าเรื่องวงรอบธรรมชาติในดวงชะตาเหล่านี้มีปรัชญาสอดคล้องกับการศึกษา กาลจักร-ลัคน์จร ใช่หรือไม่ครับ ผมไม่เคยศึกษาหรือแย้มอ่านเรื่องนี้เลย ผมจะพยายามลองไปขวนขวายหาศึกษาดูครับ

รบกวน อ.วรกุล ชี้หัวใจ ภาพรวมของ กาลจักร-ลัคน์จร ครับ


หนูน้อย - 11 สิงหาคม พ.ศ.2548 14:29น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 46
เรียน อ.วรกุล

ผมได้อ่านกระทู้ที่ อ.ได้สอนไว้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับและผมขอเป็นกำลังใจให้ อ.มีกำลังที่จะทำประโยชน์ให้เหล่าคนที่สนใจต่อไปนะครับ ผมมีข้อสงสัยบางประการที่อยากให้ อ. แนะนำเป็นความรู้นะครับ

1.ในการที่เราจะดูในเรืองนิสัยใจคอว่าคนนี้มีความซื่อสัตย์หรือเป็นคนชอบคดโกงจะจับเอาหลักใดเป็นตัวตั้งได้บ้างครับ

2.การอ่านดาวที่ทำมุมต่อกันนั้นว่าดีหรือไม่นั้นให้กำหนดดูในเรื่องคู่มิตร คู่ศัตรู อย่างเดียวไม่นำเรื่องของเรือนมาเกี่ยวข้องด้วยใช่หรือไม่ครับ

3.ผมยังสงสัยในเรื่องเกษตรสองเรือนอยู่ครับ ว่าอย่างเช่น คนลัคนาราศีเมถุน ดาวศุกร์จะเป็นเจ้าเรือนปุตรและวินาศ จะต้องอ่านผสมกันไปเลยหรือเปล่าครับ ว่าบุตรจะนำความเสียหายมา ถ้าอยู่เรือน กัมมะก็เป็นเรื่องงาน ถ้าอยู่เรือนกรดุภะก็เสียหายเรื่องการเงิน ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ

4.ผมอยากให้ อ.วรกุล อธิบายเกี่ยวกับการดูดวงจรว่าดาวจรไม่ได้เป็นเจ้าเรือนนั้นตลอดแล้วถ้าเราจะกำหนดดู ในเรื่องเหตุการณ์ต่างๆจะกำหนดดูตรงไหนครับ

5.ผมเคยอ่านเจอเรื่องตนุจันทรจากที่หนึ่งนั้น แต่ไม่แน่ใจในการกำหนดใช้ว่าใช้พิจารณาอย่างไรครับ

ผมต้องขอขอบคุณท่าน อ.วรกุลไว้ ณที่นี้ด้วยนะครับหวังว่าท่านจะกรุณาให้ความกระจ่างครับ


ธีร - 11 สิงหาคม พ.ศ.2548 16:09น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 47
อ้างอิง

ความเห็นที่ 40 (189554)

ความเห็นที่ 44 (190838)

เรียนอาจารย์วรกุล

สงสัยผมจะเป็นเด็กใหม่องเวปนี้เลยไม่ค่อยทราบกติกาเลยไม่ได้อ้างอิงกลับไปความเห็นเก่าต้องขออภัยด้วยครับ

ทำธุรกิจส่วนตัวประเภทซื้อมาขายไปครับ ซื้อไก่จากเมืองจีนมาขายไปประเทศที่3 บางทีก็ขายไก่จากเมืองไทยด้วย ตอนนี้ทั้งไก่จีนไก่ไทยโดนหวัดนกพากันเดี้ยงไปหมดพาผมเป๋ไปด้วย เกือบสองปีมานี่ไม่ได้อยู่เฉยครับ นั่งคิดวันละสิบกว่าตลบมาห้าร้อยกว่าวันคูณกันแล้วได้กี่ตลบอาจารย์คิดดูครับ ลองไปซื้อขายอย่างอื่นสิบกว่าอย่างก็ไม่ได้เรื่องเดี๊ยวคนซื้อไม่พร้อมบ้างคนขายไม่พร้อมบ้างหาคนร่วมมือด้วยยังยาก ถึงได้ว่าเวลาคนดวงตกนี่ต่อให้พยายามให้ตายพยายามแค่ไหนก็แทบจะเหนื่อยฟรีครับที่ผ่านมาไม่ได้อยู่เฉยๆรอถูกหวยครับแต่ซื้อทุกงวด ถ้าดูตามดวงแล้วผมน่าจะเป็นคนที่สู้พอสมควรไม่ย่อท้ออุปสรรค คิดไปคิดมาคิดไม่ออกเลยหันมาพึ่งดูดวงมั่งเผื่อว่าจะได้คำแนะนำดีๆจากอาจารย์ท่านต่างๆบ้าง ได้ผ่อนคลายบ้างได้แลกเปลื่ยนความคิดจากท่านต่างๆที่สนใจเรื่องเดียวกัน เพราะส่วนตัวก็สนใจเรื่องพวกนี้มาหลายปีแล้วแต่ไม่มีเวลาไปเรียนจริงจังซะทีรอให้เรื่องที่ต้องรับผิดชอบนี่ดีขึ้นก่อนรับรองได้ไปเรียนที่สมาคมแน่ๆครับ แต่ยังตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียนโหราศาสตร์ไทยหรือว่ายูเรเนี่ยนสากลดีเรียนมากเดียวตีกันตาย

แต่ตอนนี้ขออนุญาติถามต่ออีกหน่อยครับอาจารย์คิดซะว่าติวintensiveนักศึกษาให้มีไฟก่อนไปเรียนจริงๆแล้วกัน ไม่ว่ากันนะครับ

1.2) อ่านทวนคำตอบอาจารย์ศุภกรแล้ว ไม่เห็นบอกว่า พฤหัสเข้าราศีตุลย์จะดี เพียงแต่บอกว่าปลายปีไปแล้วจะดีขึ้น พฤหัสดวงเดียวแม้จรเข้าราศีตุลย์ เล็งเกตุ ก็ดีขึ้นครับ พฤหัสมีกำลังที่ทำให้เรือนกัมมะดีขึ้น

อาจารย์ศุภกรไม่ได้บอกครับแต่ไปดูหมอกับอาจารย์ท่านอื่นมา อาจารย์ที่เวปเพื่อนบ้านโหราไทยนี่ล่ะครับอยู่ห้างแถวศรีนครินทร์

2 ) สหัชชะ แลกเรือนกับลาภะ ก็จะมีโชคจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหมุนเงินและค้าขายดีครับ ส่วนเสาร์จรมาเล็งราหูเดิม เจ้าเรือนกดุมภะ ก็จะทำให้การเงินจะดีขึ้น

เสาร์ย้ายมากรกฏได้ประมาณเดือนแล้วไม่เห็นฐานะการเงินดีขึ้นครับ ยิ่งคนช่วยให้พ้นไปได้นี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าอย่างที่อาจารย์บอกว่าดวงไทยไม่ได้ใจร้อนอยากดีเร็วๆครับแต่สงสัย....ว่าถ้าโหราศาสตร์ไทยเป็นโหราศาสตร์ระบบธาตุตามที่อาจารย์บอกไม่เกี่ยวกับองศาลิบดาดังนั้นเมื่อเสาร์ย้ายมาเล็งแล้วก็น่าจะส่งผลดีเลยเพราะข้ามราศีมาแล้วคงไม่ต้องรอให้องศาลิบดาเล็งตรงกับราหู....แต่ถ้าบอกว่าเสาร์เดินช้าและเพิ่งจะอยู่ต้นราศีกรกฏถ้าด้วยเหตุผลนี้แสดงว่าโหราศาสตร์ระบบธาตุแบบของไทยก็ยังต้องรอองศาอยู่ดี หรือว่าที่ผมพูดมานี่ไม่เกี่ยวเลยครับ แบบว่าหรือจะรอดาวอื่นมาส่งกำลัง...ส่งแสงอะไรทำนองนั้นถึงจะได้

ถ้าจะรอรูปดาวดวงอื่นทำปฎิกริยาอย่างนั้นดวงผมวันที่ 17 ส.ค นี่จะได้รับข่าวดีหรือร้ายอย่างไรครับเพราะวันนั้นประเทศที่3 คือประเทศลูกค้าจะตัดสินว่าจะแบนต่อหรือจะกลัยมายอมรับซื้อสินค้าสินค้าผมอีกครั้งทำให้ทุกอย่างผมดีขึ้น

ถามอย่างนี้สงสัยเดี๊ยวโดนด่าเหง ชักโลเลไม่กล้าไปสมัครเรียนแล้วสิ เรียนแล้วถามเซ้าซี้เดี๊ยวอาจารย์ที่สมาคมโวยไล่กลับบ้าน

อย่างไรก็ขอแสดงความนับถือและขอบพระคุณมากในทุกคำตอบครับ


โยฮัน - 12 สิงหาคม พ.ศ.2548 03:20น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 48
ตอบ 45 คุณหนูน้อย...........กาลจักร – ลัคน์จรเป็นวิชาอย่างหนึ่งแต่โบราณ วิชาเหล่านี้เกี่ยวกับวงรอบธรรมชาติในจักรราศี ลัคน์จรเป็นการเคลื่อนของลัคนาไปตามอายุ ส่วนกาลจักรเป็นการเคลื่อนของดาวต่างๆ ตามแต่ประเภทราศี เช่น นระ ปัสวะ กีฏะ อำพุ ใช้กับการทำนายจร ต้องไปเรียนรุ้เอาเองครับเพราะเรื่องยาวเป็นคัมภีร์ ไหนๆจะอ่านแล้วก็คงรู้เอง

00000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบ 46 คุณธีร........... 1 / นิสัยจิตใจคน เป็นเรื่องของดาวหลายดวง หากจะตอบเอาหลักความหมายของดาวอย่างเดียว ดาวพฤหัส ก็จะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ส่วนราหู จะทายว่ามีเล่ห์เหลี่ยมคดโกงได้ แต่การที่ดาวทั้งหลายสัมพันธ์ถึง ทำให้ความหมายแปรเปลี่ยนไป จนอาจไปสุดโต่งอีกข้างหนึ่ง คือ ราหูซื่อสัตย์สุจริต ส่วนพฤหัสคดโกง ศีลธรรมเสีย ก็มี เหมือนกับเราตั้งเสกลเป็นหลักเอาไว้ สองข้าง คนใดจะมีคุณสมบัติอยู่ตรงที่ใดระหว่างนี้ ก็แล้วแต่ดาวอื่นมาดึงมาผสมให้มันดีหรือเลว ทำให้คุณสมบัติเปลี่ยนไป

2 / ถูกแล้วครับ ปกติการอ่านดาวทำมุม ดูเรื่องคู่ดาวอย่างเดียว ไม่ต้องดูเรือนมาเกี่ยวข้อง

3 / คุณอย่าเพิ่งอ่านเรือนใดเรือนหนึ่งว่าดี หรือเสียหาย เกษตร 2 เรือน เพียงอ่านเรือนสัมพันธ์เป็นกลางๆก่อน อย่างวินาสน์ความหมายกลางๆแปลว่า สลาย แปรรูป ลับๆ ปกปิด หรือไม่คาดหมาย เมื่อสัมพันธ์เรือนอื่นก็จะติดความหมายเหล่านี้ เช่น ปุตตะ - การบังเกิดเรื่องที่ไม่คาดหมาย กัมมะ – การงานที่ปกปิดลับๆ กดุมภะ – รายได้ที่ไม่คาดมาก่อน เรายังไม่ใช้ความหมายที่เสียหายจนกว่าจะพิจารณารอบด้านแล้ว

4 / ดาวจร เมื่อไม่ได้เป็นในฐานะเจ้าเรือน ตัวมันเองก็เป็นดาวทั่วไป เป็น อุจ นิจ มหาจักรอะไรแล้วแต่ที่จรไปในราศี ก็ทำให้เรือน และดาวเดิมเกิดผล เช่น เป็นราหู จรเข้าเรือนกดุมภะ ก็ทำให้การเงินสมบัติเกิดความเปลี่ยนแปลง จ่ายมาก อะไรแบบนั้น ดาวอื่นๆก็เช่นกัน

5 / ตนุจันทร์ หมายถึงเจ้าเรือนเกษตรที่จันทร์เดิมอยู่ เช่น ดวงเรามี จันทร์ อยู่ราศีเมษ เวลาดูจันทร์ที่จรเร็วนั้นทำยาก ก็ถือ อังคาร แทนจันทร์จรได้ชั่วคราว เพราะเป็นเจ้าเรือนเกษตรที่เกี่ยวสัมพันธ์กัน เพียงแต่ใช้ได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะไม่ใช่จันทร์เอง บางอาจารย์แนะว่าเป็นการดูสิ่งที่ชอบด้วย เพราะจันทร์คือจิตใจ ตนุจันทร์อยู่ที่ไหน จึงเป็นสัมพันธ์ต่อโยงกัน แต่เนื่องจากมีดาวอื่นๆมาเกี่ยวข้องหลายอย่างทำให้ไม่แน่นอน เหมือนข้อ 1 /


วรกุล - 12 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:16น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 49
คำถาม ตามความเห็นที่ 47 ขอยกไปกระทู้ที่ 8 นะครับ

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000

.......กระทู้นี้ยาวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เรียกขึ้นได้ช้า จึงขอปิดเพื่อขึ้นกระทู้ที่ 8....ครับ.............


วรกุล - 12 สิงหาคม พ.ศ.2548 04:17น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 50
หนูน้อย ขอย้อนกลับมาขอบคุณในคำตอบ คคห. 48 ครับ


หนูน้อย - 15 สิงหาคม พ.ศ.2548 07:31น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 51
เรียนอาจารย์วรกุลที่นับถือ

รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายให้หน่อยซิค่ะ

-ลัคอยู่ราศีพิจิก เป็นดวงกีฏะ คนที่มีลัคอยู่ราศีนี้มีขอยกเว้นไม่มีวินาศ

รบกวนขอคำอธิบายจากอาจารย์ด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ -ขอเบอร์ติดต่อาจารย์ด้วยนะค่ะ


วีริศราพร - 11 กันยายน พ.ศ.2548 16:42น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 52


ตอบ 51 คุณวีริศราพร .........กระทู้นี้ปิดแล้ว จะลอกคำถามของคุณไปที่กระทู้ที่ 9 นะครับ แต่จะตอบวันหลัง


วรกุล - 11 กันยายน พ.ศ.2548 17:46น. (IP: 0.0.0.0)

ความคิดเห็นที่ 53
ลูกศิษย์ท่าน ส.แสงตะวัน มีแน่นอนครับ

แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดเผย

เพราะเดี๋ยวจะรบกวน

เนื่องจากพึ่งอายุ 15 ปีเอง

เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์


ศิษย์อาจารย์ส. - 18 ตุลาคม พ.ศ.2550 20:48น. (IP: 58.8.140.150)

ความคิดเห็นที่ 54
เรียนอาจารย์

เผอิญว่า แฟนจำเป็นต้องคลอดด้วยการผ่าตัดคลอด เนื่องจากเนื้องอกในมดลูก ทีนี้ คุณหมอให้กำหนดวันคลอดเอาว่า จะเอาวันไหน เริ่มตั้งแต่ 15-20 ธันวาคมนี้

พอต้องเลือกวันเกิดให้ลูก ก็เลยเลือกไม่ถูกครับ ไม่ทราบว่าควรจะทำยังไงดี เลือกวันที่เราสะดวกที่สุด หรือว่า จำเป็นต้องหาวันเวลาสำหรับผ่าคลอดครับ ผมเองเกิดวันพฤหัส ส่วนแฟนเกิดวันอังคาร ควรจะเลือกยังไงดีครับ


ศรัณย์ - 8 ธันวาคม พ.ศ.2550 18:11น. (IP: 58.8.51.191)

ความคิดเห็นที่ 55
ผมสงสัยเรื่องการทำนายของทักษามหายุคครับ ว่าฤกษ์อัฐคาร์คืออะไร เช่น วาสนา 1= ทลิโิท 3, วาสนา 2 = ทลิโท 6, วาสนา 3 = ทลิโท 2 ฯลฯ


peepee - 21 ธันวาคม พ.ศ.2550 08:56น. (IP: 58.9.120.105)