เว็บบอร์ด

กระทู้ ถามตอบโหราศาสตร์ พยากรณ์ศาสตร์

ปิดปรับปรุงชั่วคราว

คุยกันสบายๆ..........ตามประสาโหราศาสตร์ไทย ( 26)

(..เนื่องจากกระทู้ ที่ 25 เดิมมีความยาวมากเรียกได้ช้า จึงขอเปิดเป็นกระทู้ที่ 26 ครับ)

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อต้องการใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ในแวดวงวิชาโหราศาสตร์ไทย สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ และปรารภปัญหาที่มีอยู่ จะได้ช่วยกันอธิบายแก้ไข เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อวิชาโหราศาสตร์
วรกุล - 1 มิถุนายน พ.ศ.2552 00:00น. (IP: 203.107.203.231)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 3
เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

อาจารย์คะ แล้วดาวที่เป็น มหาจักร มีกำลังดาว กำลังธาตุเป็นอย่างไรคะ หรือว่ามีกำลังดาว กำลังธาตุเฉยๆ เพียงแต่ความหมายของคำว่ามหาจักรคือความโลดโผนเท่านั้นเอง ขอบพระคุณค่ะ


กิ่งอุบล - 11 เมษายน พ.ศ.2550 07:54น. (IP: 210.246.80.72)

ความคิดเห็นที่ 4
ตอบคุณ โกวเล้ง (ความเห็นที่ 43 จากกระทู้ที่ 25 ) ............ข้อสงสัยที่คุณถาม 1 / เรื่องดาว ๑ ๒ ๕ มาขยายความอยู่ในความเห็นที่ 1 ข้างบนนี้แล้วนะครับ ดาวสำคัญทั้งสามนี้ ที่โบราณมักเรียก “จันทร์ ครุ สุริยา” ไม่ได้มีพลังงานสูงและต่อเนื่องแบบเดียวกับลัคนา แต่มีธรรมชาติส่วนตัวของมันที่ควรกล่าวถึงคือ อาทิตย์ ให้พลังงานเร็วและแรง ช่วงสั้นๆ แล้วแต่ความเข้มแข็งของมันเอง พฤหัส ให้พลังงานได้ยาวนาน ทีละน้อยแต่เรื่อยๆ ส่วนจันทร์ นั้นพิเศษอยู่ที่ตำแหน่งดิถีของจันทร์ ทำให้พลังงานแปรผันได้ เช่นเมื่อจันทร์เพ็ญตั้งแต่ราวขึ้น 7 – 8 ค่ำไปแล้ว หรือ แรมไปจน 7 – 8 ค่ำ จันทร์จะมีกำลังให้พลังงาน เร็ว ทีละน้อย ส่วนเวลาที่เหลือจันทร์จะเริ่มเป็นข้างมืด จนมืดสนิท กำลังที่ให้แก่ดาวอื่นก็จะลดลงเกือบเหมือนดาวธรรมดา ดาวแต่ละดวงเมื่อมีความเข้มแข็ง หรือตัวมันเองมีธาตุมาก เช่นเป็นอุจ ก็จะส่งพลังงานได้มากกว่า เหมือนกับคนรวยมีเงินมากก็มีโอกาสจะบริจาคเงินได้มากกว่า แต่ก็ต้องดูว่าตัวมันเองมีกำลังดาวมากหรือน้อยด้วย หากเป็นนิจทั่วไปกำลังมีน้อยก็จะส่งพลังงานต่อได้น้อยลง

2 / เรื่องตำแหน่งเป็น 4 และ 10 ก็ได้รับพลังงานธาตุหมุนเวียนไงล่ะครับ ดาวและราศีในดวงชะตาจะได้จากการส่งพลังงานธาตุ 2 วิธี คือ หนึ่ง-ทางตรง เป็น 1 3 5 7 9 11 จากแหล่งพลังงาน สอง- โดยกระแสธาตุหมุนเวียน ในดวงชะตา ดังนั้น ทุกปัจจัยในดวงชะตาก็จะได้รับพลังงานไม่ว่าอยู่ตรงไหน ต่างกันแต่ว่า การได้พลังงานทางตรง จะช่วยเรื่องปฏิกิริยาและคุณสมบัติที่รวดเร็วกว่า เหมือนเรากินยา กับฉีดยาเข้าเส้นเลือด การฉีดยานั้นเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วกว่ากินยา อะไรแบบนั้น แต่ผลเรื่องอื่นๆก็ยังมีอีกมากโดยเฉพาะดาวจร ยังอธิบายตอนนี้ไม่ได้ การอยู่เป็นเกณฑ์ที่ต่างกันนั้น ทำให้เกิดคุณสมบัติของราศีที่ได้รับ หรือไม่ได้รับพลังงานทางตรงนั่นเอง

โดยทั่วไปการส่งพลังงานธาตุไม่ซับซ้อนอะไรมาก เหตุที่แตกต่างจากธาตุอื่น เช่น ธาตุดาวและเกษตรธาตุ ก็เพราะเป็นคุณสมบัติของธาตุคนละชนิดที่แตกต่างกันนั่นเอง เกณฑ์ที่ส่งพลังงานธาตุทางตรงนี้ ยังนับว่าง่าย จึงยกมาบอกก่อน หากเอาเกณฑ์สารพัดเกณฑ์ของธาตุมาบอกด้วย คุณจะมึนงงมากกว่านี้ ตอนนี้ลองให้คุ้นชินเสียก่อน บอกได้แต่เพียงว่า เส้นตรงที่เราขีดในอวกาศของสุริยจักรวาล หรือมุมที่โหราศาสตร์สากลทั่วไปใช้กัน พอเข้ามาในจักรราศีแบบไทยและดวงชะตา มันจะไม่เป็นเส้นตรงและมุมเดิมอีกต่อไป อย่างเช่นพลังงานธาตุนั้น ที่มันเดินทาง เป็น 1 3 5 7 9 11 หรือราศีเว้นราศีนั่นแหละเป็นเส้นตรงของมันแล้ว พวกธาตุอื่นก็เดินทางต่างกัน เช่น ศุกร์ เดินทางต่างกับเสาร์ และในสถานะภูมิที่แตกต่างกัน แต่ละธาตุมันก็ยังเดินไม่เหมือนกันด้วย ก็เหมือนกับปูที่เดินตะแคง แต่มันว่ามันเดินตรงตามธรรมชาติของมัน ถ้าเราเอาเส้นตรงที่เราเดิน ไปวัดทางเดินของปู ปูมันจะบอกว่าเรานั่นแหละเดินไม่ตรง

สมัยก่อนที่สอนกัน เขาเรียกเรื่องการเดินของธาตุบางอย่างในราศีว่า “เกษตรเดิน” ยังเห็นมีเขียนบางส่วนนิดหน่อยในบางตำราของอาจารย์บางท่าน ต่อๆมาคนที่ลอกตำราตัดทิ้งเสียหมด เพราะไม่เข้าใจว่าเกษตรเดินคืออะไร ทำไมดาวเดินอะไรไม่เหมือนกัน ไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งใครไม่ได้เรียนแต่ต้นก็จะเป็นอย่างนี้ แต่เกษตรเดินที่สอนกันก็เป็นส่วนหนึ่งนิดหน่อย ส่วนใหญ่เขาเอามาใช้ทางวัยเท่านั้น

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ กิ่งอุบล (ความเห็นที่ 3 ) ............สังเกตไหมครับว่า ผมไม่ได้เอ่ยถึงดาวมหาจักรและราชาโชค ในแง่ละเอียดเลยมานานเป็นปีแล้ว มีแต่บอกคุณสมบัติบ้างเท่านั้น ดาวมหาจักรและราชาโชคมี “ที่มา” ซึ่งไม่เหมือนกับดาวมาตรฐานอื่นๆ นับเป็นเรื่องพิเศษในโหราศาสตร์ไทยโดยเฉพาะ ทั้งคู่เป็นตำแหน่งดาวในจักรราศีของโลก หากถามเรื่องกำลังธาตุและกำลังดาว ถ้าตอบอย่างทั่วๆไป ก็ถือว่ามีกำลังดีทั้งสองอย่าง พอๆกับมหาอุจ ราชาโชคนุ่มนวลกว่า ส่วนมหาจักรจะโลดโผน ฝ่าอุปสรรค ดาวทั้งสองตำแหน่งมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือจะมีกำลังแปรผันจากแรงที่สุด คือราวๆมหาอุจที่ดี ลงไปจนถึงเป็นดาวธรรมดา (ซึ่งอาจจะดีหรือเสียก็ได้ตามกฎเกณฑ์อื่น) กำลังดาวที่แปรผันนี้ จะเกิดจากความสัมพันธ์กับดาวอื่นและเจ้าเรือนเกษตรที่มันอยู่ ซึ่งหากถูกตัดทอนกำลังลงไป กำลังธาตุจะลดลงเป็นเหมือนดาวธรรมดาๆไม่ดีเด่นอะไร พูดง่ายๆก็คือมันไม่ได้เป็นราชาโชค หรือ มหาจักรแน่นอนในดวงชะตาหนึ่งๆ แต่ขึ้นอยู่กับอย่างอื่นด้วย เงื่อนไขนี้แหละครับคือ “ที่มา” ของ มหาจักรและราชาโชค ที่เขาไม่บอกกันทั่วไป ที่มีหนังสือข้อสังเกตของบางท่านเรื่องราชาโชคเผยแพร่อยู่บ้างนั้น ยังไม่ถูก


วรกุล - 12 เมษายน พ.ศ.2550 04:51น. (IP: 203.107.205.100)

ความคิดเห็นที่ 5
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ สำหรับคำอธิบาย คิดว่าตัวเองเข้าใจดีขึ้นในเรื่องนี้และจะไปหาซื้อหนังสือที่เขียนเรื่องมหาจักรมาอ่านเองอีก

ต้องการจะรบกวนเรียนถามอาจารย์อีกเรื่องเดียวคือ เรื่องดาวที่เป็นอุจ ดาวที่เป็นอุจล้วนแต่ไปได้ตำแหน่งอุจที่เรือนของดาวคู่ศัตรูทั้งนั้น และจากที่อ่านที่อาจารย์เขียนในกระทู้นี้ ดาวที่เป็นอุจคือดาวที่มีกำลังดาวมาก อาจารย์คะ ทำไมดาวถึงไปเป็นอุจ(มีกำลังมาก)ในเรือนคู่ศัตรูล่ะคะ และในเมื่อดาวไปอยู่เรือนคู่ศัตรูแล้วเป็นอุจ แล้วจะให้ผลการเป็นอุจ (สูงส่ง) ได้อย่างไรคะ ดิฉันคิดเอาเองว่า ดาวนั้นคงต้องต่อสู้ฟาดฟันอย่างมากถึงจะให้คุณตามอุจ(สูงส่ง)ใช่ไหมคะ ดิฉันเข้าใจถูกไหมคะ ขอรบกวนอาจารย์อธิบายตรงนี้อีกสักนิดได้ไหมคะ ยกตัวอย่างดวงเมืองบางกอกดวงเดิมก็ได้คะ เช่น อาทิตย์(๑)ของดวงเมืองเป็นอุจที่ราศีเมษ(ลัคนา) อาทิตย์(๑)มาจากเรือนปุตตะ แล้วมาเป็นอุจ จะเป็นอย่างไร...ไม่กล้ายกตัวอย่างสมมติขึ้นเอง เกรงอาจารย์จะรำคาญค่ะ

ดิฉันศึกษาโหราศาสตร์แบบอ่านจากตำราเอาเองค่ะ เพิ่งเริ่มหัดเรียนค่ะ ซึ่งอาจารย์บอกหลายครั้งแล้วว่า เรียนเองมักมะงุมมะงาหรา แต่ดิฉันวาสนาน้อยค่ะ ไปเรียนเป็นกิจจะลักษณะไม่ได้ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ


กิ่งอุบล - 12 เมษายน พ.ศ.2550 08:52น. (IP: 210.246.80.67)

ความคิดเห็นที่ 6
กราบสวัสดีปีใหม่ค่ะ

หนูขอกราบอธิฐานขอพรคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในสากลโลก อำนวยพรให้อาจารย์และครอบครัวมีความสุขปราศจากโรคภัยนะคะ

ด้วยความรักและเคารพ


bewitched - 12 เมษายน พ.ศ.2550 09:47น. (IP: 58.9.145.214)

ความคิดเห็นที่ 7
กราบสวัสดีสงกรานต์ ปีใหม่ไทย 2550 ครับ...

ขอรับคำอวยพรจาก อ.วรกุล ในกระทู้ที่ 25 คคห.ที่ 44 ครับ

และกราบอวยพร อ.วรกุล ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้ อ.วรกุลและครอบครัวมีความร่มเย็น เป็นสุข สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัย

และ ขออวยพรสวัสดีปีใหม่ไทย กับทุกๆ ท่าน ผู้ อาวุโสกว่า พี่ๆ เพื่อนๆ และผู้อ่อนเยาว์กว่าที่มาร่วมสังสรรค์ในกระทู้นี้ ให้มีความร่มเย็นในชีวิต และลุล่วงในสิ่งใดๆ ด้วยศีลธรรมอันดี


หนูน้อย - 12 เมษายน พ.ศ.2550 10:43น. (IP: 161.200.255.162)

ความคิดเห็นที่ 8
สงกราน(ต์)กราบ ขอพรพระประทานให้ อาจารย์ท่านปราศทุกข์ สุขสราญทุกวันคืน ให้อายุยืนชื่นสุขกำลังบ่ร้างโรย ให้เงินทองแก้วกองโกยอย่ารู้ขาด ทรงสิริวิลาศเลื่องชื่อลือเกียรติยศปรากฏไกล

กราบเท้าอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

(ป.ล. หนูยังติดตามอ่านข้อเขียนที่อาจารย์สอนอยู่ตลอดค่ะแต่เวลาและโอกาสที่จะเข้ามากราบเรียนถามมีน้อยค่ะ เพราะภาระการงานมากขึ้นค่ะ ทั้งงานประจำและงานที่ถูกขอตัวไปช่วยเฉพาะกิจ ตรงตามคำที่อาจารย์ศุภกรท่านเคยทำนายไว้เลยค่ะ ตอนนี้ก็ได้พึ่งพาคำถามของท่านอื่นๆ ที่เขียนมาถามอาจารย์ไปพลางๆ ก่อนค่ะ)


สุธาวาส - 12 เมษายน พ.ศ.2550 16:51น. (IP: 203.146.116.101)

ความคิดเห็นที่ 9
ตอบคุณ กิ่งอุบล (ความเห็นที่ 6 ) ............เรื่องดาวที่เป็นอุจ ดาวที่เป็นอุจล้วนแต่ไปได้ตำแหน่งอุจที่เรือนของดาวคู่ศัตรูทั้งนั้น ไม่จริงนี่ครับ คุณไปจำที่ไหนมา ดาว ๖ ๒ ๓ ๔ ๘ ไม่ใช่ ดาวที่เหลือก็ไม่ใช่ ไม่มีดาวดวงไหนเป็นอุจในเรือนของใครเพราะไม่มี “เรือน” ของใครในที่ซึ่งมีอุจอยู่ มีแต่ “ราศี”

คุณคงเพิ่งมาอ่านกระทู้นี้ คุณต้องลองกลับไปอ่านทำความเข้าใจกระทู้ที่ 21กลับมาใหม่ แล้วหากว่างก็กลับไปอ่านตั้งแต่กระทู้แรกมาเลยนะครับ จะได้เข้าใจกรอบธรรมชาติที่โหราศาสตร์ไทยใช้อยู่ ที่ความเห็นที่ 1 กระทู้นี้ก็บอกเอาไว้ ดาวที่เป็นอุจนั้นเป็นตำแหน่งในสุริยจักรวาล ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับ “เรือน” และไม่มีเกษตรคู่ศัตรู เหมือนอุจอยู่ในท้องฟ้าอวกาศ ส่วนเรือนที่เป็นเกษตรนั้นอยู่ในกรอบของจักรราศีของโลกที่หมุนรับเอาธาตุเข้ามา เป็นคนละเรื่องกันครับ เหมือนกับอุจเป็นนกอินทรีบินอยู่ในอากาศบนท้องฟ้าเหนือเจ้าเรือนเกษตรคือปลาฉลามที่ว่ายน้ำอยู่ในทะเล แล้วคุณกำลังถามว่าทำไมนกอินทรีบินอยู่ที่เดียวกับปลาฉลามที่เป็นเจ้าถิ่นในทะเล แล้วนกอินทรีไม่ถูกปลาฉลามกัดหรือ

สำหรับดวงเมือง ผมเขียนไว้หลายแห่งว่าไม่ได้ดูแบบเดียวกับดวงคน และการอ่านดาวในราศีที่คุณว่าไปฟาดฟันอะไรก็ยังผิดอยู่ อยากให้ไปอ่านทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นมา ผมพยายามปรับความเห็นผู้ที่มาอ่านให้ราวสองปีมาแล้ว หากกลับไปอ่านบ้าง จะเห็นคำถามของหลายคนคล้ายกับที่คุณเข้าใจ ได้อธิบายไปแล้วหลายครั้ง ลองอ่านคำตอบดู แม้เราไม่ได้ถามเอง ก็อาจจะได้คำตอบเองโดยไม่ต้องถาม00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ขอขอบคุณคุณbewitched คุณหนูน้อย และคุณสุธาวาส ที่อวยพรในวันขึ้นปีใหม่ไทย ขอให้คุณ และท่านผู้อ่านทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดปีนี้ไป อย่าได้มีความเจ็บไข้ มีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไป


วรกุล - 13 เมษายน พ.ศ.2550 04:40น. (IP: 203.107.205.236)

ความคิดเห็นที่ 10
กราบขอบพระคุณค่ะอาจารย์ คิดว่าเข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันงงไปเอง เพราะอาจารย์เพิ่งบอกไปว่าไม่เกี่ยวกับเรือน กระทู้แรกๆของอาจารย์ดิฉันอ่านหมดแล้วค่ะ เซฟไว้ตลอดเวลาค่ะ แต่เรียนเองก็เป็นอย่างนี้ คือมันงงค่ะแล้วก็ไม่ค่อยมีพรสวรรค์เลยไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรง่ายๆค่ะ สงสัยต้องนั่งอ่านไปเงียบๆอีกสวัสดีปีใหม่ไทยค่ะอาจารย์ ดิฉันจะอ่านเงียบๆอีกคนนะคะ ไม่รบกวนแล้วค่ะ


กิ่งอุบล - 13 เมษายน พ.ศ.2550 06:23น. (IP: 210.246.80.81)

ความคิดเห็นที่ 11
เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ ขอกราบขอบพระคุณอ.วรกุล ที่ได้กรุณาถ่ายทอดความรู้ที่หาผู้เผยแพร่ได้ยากขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้ อ.วรกุลสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและได้บรรลุตามปรารถนาทุกประการเทอญ

ปล.ระยะหลังนี้อาจารย์เขียนแต่เรื่องหนักๆ หากอาจารย์จะเล่าเรื่องเบาๆบ้าง ผมขอเรื่องกบฏโหราศาสตร์ที่อาจารย์เคยกล่าวถึงครับ ขอบพระคุณครับ


นพ - 13 เมษายน พ.ศ.2550 08:41น. (IP: 203.146.63.183)

ความคิดเห็นที่ 12
ขอให้ อจ วรกุล รวมถึงทุกๆคน มีความสุขวันสงกรานต์คับ ขับรถไปต่างจังหวัดระวังอุบัติเหตุกันด้วยน่ะครับ รถเยอะมั่ก


แบงค์ - 13 เมษายน พ.ศ.2550 12:18น. (IP: 124.121.8.224)

ความคิดเห็นที่ 13
สวัสดีปีใหม่วันสงกรานต์ค่ะอาจารย์วรกุล

ขอให้คุณพระรัตนตรัยคุ้มครองและให้พรให้อาจารย์วรกุล มีแต่ความสุข ทำงานสิ่งใดสำเร็จทุกประการดังใจปารถนา สวัสดีค่ะ


โอม - 13 เมษายน พ.ศ.2550 19:50น. (IP: 61.19.86.234)

ความคิดเห็นที่ 14
ขอขอบคุณคุณนพ คุณแบงค์และคุณโอม ที่อวยพรให้ในวันสงกรานต์ครับ ขออำนาจคุณเทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนวยพรให้คุณทั้งหมดประสบความสุขความเจริญตลอดไป

เรื่องกบฏโหราศาสตร์เป็นเรื่องหนักครับ เขียนแล้วหลีกเลี่ยงไปกระทบผู้อื่นไม่ได้ จริงๆแล้วพวกเราในรุ่นหลังนี้ไม่ค่อยจะทราบเรื่องประวัติความเป็นมาของโหราศาสตร์ไทยในประเทศของเรา เพราะเดี๋ยวนี้ไม่มีสำนักโหรแล้ว แต่ก่อนเวลาเรียนในสำนักโหร ครูท่านจะเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟังบ่อยๆ หลายเรื่องเป็นเรื่องลับๆ ที่กระทบกับชนชั้นสถาบันสำคัญด้วย ตั้งแต่สมัยก่อนใครพูดก็คอขาด มาจนถึงสมัยนี้ก็ต้องปิดเว็บนั่นแหละครับ

เรื่องกบฏโหราศาสตร์เป็นเรื่องของการปฏิวัติของบัณฑิตผู้คงแก่เรียนหัวก้าวหน้า ซึ่งเป็นนักศึกษาโหราศาสตร์ไทยเรานี่เอง ค้นคว้าวางหลักโหราศาสตร์สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มาจนกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ต่อมาได้พยากรณ์จุดจบของกรุงศรีอยุธยาซึ่งคำทำนายนั้นเป็นจริงภายหลัง แต่ขัดกับฝ่ายที่มีอำนาจอยู่ในราชสำนักเวลานั้น ครูโหรได้ชื่อว่าเป็น “กบฏ” จึงถูกประหารกันไปหลายคนก่อนเสียกรุง หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองแล้ว บรรดาฤกษ์ยามศึกสงครามที่เราใช้ในช่วงที่รบกู้ชาติอยู่นั้นตั้งแต่ตีฝ่าออกมาก่อนกรุงแตกมาจากฝีมือฝ่ายกบฏนี่นะครับ ไม่ได้มาจากพราหมณ์ หลังตั้งกรุงธนบุรีแล้วโหรเหล่านี้จึงได้เข้ารับราชการ เชื่อว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินน่าจะได้รับการพยากรณ์อนาคตกรุงธนบุรีตลอดจนพระราชชาตาด้วย ประเพณีไทยทั้งในและนอกราชสำนัก รวมทั้งโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ ผูกพันอยู่กับลัทธิพราหมณ์ซึ่งมีอำนาจลับๆมานานแล้ว แต่ยังแก้ไขอะไรไม่ทัน มีเรื่องหลายเรื่องเป็นข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ที่เขียนไม่ได้ตรงนี้ครับ ปัจจุบันนี้โหราศาสตร์สายกบฎนี้ก็ยังตกทอดมาในวงแคบ บางสำนักก็จึงกลายไปเป็นวิชาประจำตระกูลไป และมีข้อห้ามไม่ให้ลูกหลานเข้ารับราชการเป็นโหรอีกเลย ก็คงเขียนได้เท่านี้แหละครับ


วรกุล - 14 เมษายน พ.ศ.2550 04:58น. (IP: 203.107.203.244)

ความคิดเห็นที่ 15
กราบขอบพระคุณครับ เดิมทีผมเข้าใจว่า "กบฎโหราศาสตร์" จะเป็นเรื่องประมาณ "ท่าครู" ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังในกระทู้เรื่องราหู เนื่องจาก"กบฎ"น่าจะมีทุกยุคทุกสมัย พอดีเห็นเป็นช่วงวันขึ้นปีใหม่ไทย เลยอยากฟังเรื่องเล่าเก่าๆในวงการโหราศาสตร์ที่หาผู้ถ่ายทอดได้ยาก แต่ถ้าจะถึงขั้นปิดเว็บก็ไม่อยากแล้วครับ


นพ - 14 เมษายน พ.ศ.2550 08:34น. (IP: 203.146.63.184)

ความคิดเห็นที่ 41
ตอบคุณ ศ.fa200 (ความเห็นที่ 41) ............ลำดับของธาตุในธรณีที่เข้ามามีอิทธิพลต่อธาตุในดวงชะตา เราสามารถตรวจสอบได้จาก “มหาทักษา” แต่ลำดับของธาตุในจักรวาลที่เข้ามามีอิทธิพลต่อธาตุในดวงชะตาเราจะสามารถตรวจสอบได้จากอะไรครับ

บังเอิญคุณใช้คำว่า “สามารถตรวจสอบได้จาก” ซึ่งนับว่าถูกต้อง เกรงจะเข้าใจไปว่าลำดับธาตุในดวงชะตาจะต้องเป็นไปตามลำดับในมหาทักษาทุกอย่าง เพราะมหาทักษาเป็นลำดับของธาตุสิ่งแวดล้อมที่หมุนเวียนอยู่ในธรณี เมื่อใดธาตุที่แวดล้อมอยู่นี้เข้ามาเป็นส่วนประกอบของชีวิตเรา มันก็จะกลายเป็นธาตุในดวงชะตา ธาตุในจักรวาลก็เช่นกัน ลำดับธาตุในจักรวาล ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อธาตุในดวงชะตาก็จะเป็นระยะทางที่ดาวอยู่ใกล้ไกลจากดวงอาทิตย์ เริ่มจาก ๑ ๔ ๖ ๒ ๘ ๓ ๕ ๗ นั่นเอง แต่นั่นเป็นลำดับจากต้นทางของธาตุในจักรวาล เมื่อเข้าสู่ธาตุในระบบธาตุของดวงชะตาแล้ว ไม่ว่าลำดับจากแหล่งใดก็จะถูกจัดใหม่ เพราะสภาวะธาตุบ้าง เรือนชะตาบ้าง โลกหมุนบ้าง เกษตรบ้าง กลายเป็นลำดับอย่างอื่นไปได้ เป็นวงรอบอีกหลายชนิด

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ นพ (ความเห็นที่ 42) ............ถ้าคุณพูดว่า “เทวดาเสวยอายุ” ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครับ ต้องเข้าใจว่าวัฏจักรของมหาทักษานั้นเป็นของกลางๆ คือ เป็นลำดับของธาตุสิ่งแวดล้อมที่หมุนเวียนอยู่ในธรณี เมื่อใดธาตุที่แวดล้อมอยู่นี้เข้ามาเป็นส่วนประกอบของชีวิตเรา มันก็จะกลายเป็นธาตุในดวงชะตา หากเรานับธาตุที่มาเป็นชีวิตของเราเป็นจุดตั้งต้น (เช่น ธาตุวันเกิด) แล้ววนไปตามลำดับในมหาทักษา ก็เรียกว่า “เทวดาเสวยอายุ” เทวดาเสวยอายุอันนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเรา ส่วนธาตุที่หมุนวนในธรณีตามมหาทักษาที่มีผลต่อไป ก็ยังคงเป็นสิ่งทั่วไปอยู่ และก็เอามาดูได้ในฐานะสิ่งแวดล้อมของชีวิต

คำว่า “สิ่งแวดล้อม” นั้นมีหลายอย่างนะครับ อย่าสับสน สิ่งแวดล้อมอย่างแรกคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราเอง เช่น สมบัติ บ้าน พ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมีย อีกอย่างหนึ่ง คือธรรมชาติที่แวดล้อมหุ้มห่อโดยรอบอีกที อาจจะพูดกว้างถึงถิ่นที่อยู่ อาชีพ สังคม นายจ้าง ฯลฯ ซึ่งอย่างหลังนี้เราไม่ค่อยเอามาดู ยกเว้นที่มักมีตำราเอามากล่าวถึง เช่น ความเห็นที่ 38 ข้างบนนี้ กล่าวถึงจำแนกวัยมนุษย์ตามประเภทราศี หรือ บางตำราก็เอาวัยจากมนุษย์ทั่วไป ตั้งแต่เกิดมา จนแก่ เจ็บตาย แบบนี้มันกว้างไป

เวลากล่าวถึงเทวดาเสวยอายุ ก็อาจจะเรียกว่า “ชีวิต” ได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ ตนุลัคน์ หรือลัคนา ซึ่งเป็นตัวตนของเรามากกว่า คือชีวิตที่มีลมหายใจ เราก็เรียกเทวดาเสวยอายุว่าเป็น “สิ่งแวดล้อม” คือส่วนหนึ่งของชีวิต


วรกุล - 25 เมษายน พ.ศ.2550 04:45น. (IP: 203.107.203.195)

ความคิดเห็นที่ 42
เรียนอาจารย์วรกุลที่เคารพ

ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะที่กรุณาช่วยตอบคำถาม


จีน - 27 เมษายน พ.ศ.2550 02:32น. (IP: 125.24.222.108)

ความคิดเห็นที่ 43
พวกเราที่ศึกษาดวงชะตามักจะทำไม่เป็นอยู่อย่างหนึ่งคือ มักเก็บสะสมดวงชะตาไปเรื่อยๆ พร้อมเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เจ้าของดวงชะตาเป็นอยู่ บางคนก็ขยันหน่อย ทำเป็นหมวดหมู่คุณสมบัติเอาไว้เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบ อันที่จริงการทำเช่นนี้แม้จะดี แต่สิ้นเปลืองเวลามากกว่าจะได้ประวัติที่ครบถ้วนของใครสักคนหนึ่ง และมีจำนวนมากพอที่จะใช้ยืนยันทางสถิติได้ และกว่าจะรวบรวมเป็นหลักการให้ใช้เองได้ก็จะแทบหมดไปแล้วทั้งชีวิต นอกจากนั้น หากมีความรู้ทางสถิติจริงๆก็จะช่วยได้มาก ทว่าส่วนใหญ่ที่บางคนอ้างสถิติ นักสถิติเองก็ฟังแล้วรำคาญอยู่เหมือนกัน เพราะการที่ไปเก็บอะไรซ้ำๆ จากเรื่องเดียว โดยที่คิดว่าเป็นสถิตินั้น หากข้อเท็จจริงเรื่องนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ (factors) เมื่อนำมาสรุปก็อาจจะเชื่อถือไม่ได้ อย่างเช่น คนรวยอาจจะมีดาวตั้ง 5 - 6 ดวง ที่ส่งผลให้รวยได้ แต่เราไปเก็บสถิติเอาดาวเดียว อยู่เรือนอะไรสักอย่างแล้วนำมาสรุป ก็ไม่ได้เรื่องอะไร ดังนั้น จึงอยากแนะนำเครื่องช่วยอย่างหนึ่ง คือ ควรทราบว่า โหราศาสตร์นั้นมีลักษณะเฉพาะของเรื่อง หากไม่รู้โครงสร้างแล้วจะไม่มีทางตั้งโจทย์ได้ถูก หากจะศึกษาก็น่าจะแยกแยะตาม

1 / คุณสมบัติของเรือนและดาว เพราะเป็นต้นเหตุ ดีกว่าไปแยกแยะเรื่องราวที่ปลายเหตุ เช่น เก็บดวงคนที่เป็น ทหาร หมอ ครู อะไรแบบนั้น ซึ่งมีรูปดาวไม่แน่นอน มาจากหลายสาเหตุ เช่น ครูมีตั้งหลายประเภท ครูดนตรีก็มี ครูสอนทำอาหารก็มี ดาวมันแสดงลักษณะเป็นครูแทบไม่ซ้ำกันเลย

2 / เรือนและดาวที่นำมาศึกษาควรจะเป็นเหตุการณ์แรงๆไปสุดโต่ง อย่างเช่น คนที่ได้แชมป์โอลิมปิค 5 สมัย เป็นแชมป์มวยโลก 4 รุ่น คนที่ได้รางวัลโนเบลซ้ำ 2 หน มหาโจรฆ่าคนหมื่นศพ นักรบสิบสมรภูมิ ชายมีคู่นอนมาครบ 500 คน อะไรทำนองนี้ เพราะจะได้เห็นการทำงานของดาวและเรือนที่เด่นชัดว่าแรงจริง จะได้เรียนรู้ว่าแรงอย่างไร แทนที่จะไปเปรียบเทียบกับดวงคนที่ได้เหรียญทองแดงกีฬานักเรียนมาเหรียญเดียว หรือ กำลังอกหักมาหนเดียว หญิงมีสามี 2 คน เพราะเหตุเช่นนั้นอาจจะเป็นแค่ผลจากดาวจรที่ไม่ชัด common เกินไป ถึงเก็บสถิติไปก็ไม่ได้ชี้อะไรชัดเจน

3 / เรือนและดาวที่ผิดปกติ นี่เป็นวิธีเก่า พวกเราคงจะสงสัยกันว่าทำไมโบราณจึงรู้ความหมายของปัจจัยต่างๆได้มาก ทั้งนี้ก็เพราะเขาเพ่งเล็งดาวและเรือนที่ผิดปกตินั่นเอง อย่างเช่น ในดวงชะตามีจันทร์ ๒ ที่ผิดปกติหรือเสียอย่างรุนแรง ตามข้อเท็จจริงเจ้าชะตาตาบอดมาแต่กำเนิด อย่างอื่นครบถ้วนสมบูรณ์ดี ก็พอเข้าใจได้ว่า จันทร์ นั่นเองน่าจะหมายถึงดวงตา หากจับอย่างนี้ไม่กี่ครั้งก็พอจะได้กฎเฉพาะเรื่องได้ และจะแม่นยำดีด้วย หากรู้อย่างหนึ่งแล้ว ก็พอจะเอาสิ่งที่รู้แล้วมาแยกแยะออกจากสิ่งที่ไม่รู้ได้ เรือนและดาวที่ผิดปกติ มักมีในคนพิการ หรือคนนิสัยแปลกๆ ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป หรือ รูปร่างหน้าตาผิดปกติ เช่น เตี้ยสั้นมาก สูงใหญ่มาก จะแสดงออกให้เห็นง่าย หากจำโครงสร้างรูปดาวได้ พอเห็นในดวงคนทั่วไปเราจะรุ้เลยว่า เขามีแนวโน้มที่จะมีปัญหาหรือแสดงออกเรื่องใด หมอดูบางคนจะใช้ความรู้นี้ดูในทางกลับกัน เช่น ดูรูปร่างหน้าตา หรือลายมือ ก็จะรู้ว่าดาวในดวงชะตานั้นเสียหรือดีได้ เอาไว้ตรวจสอบดาวที่ก้ำกึ่งไม่แน่ใจในดวงชะตา

4 / สิ่งที่สังเกตเห็นได้ง่าย ไม่ใช่สิ่งที่ได้จากคำบอกเล่าหรือสังเกตยาก เช่น เคยพบบางคนไปตั้งประเด็นศึกษาว่า “ดาวจันทร์อยุ่ราศีใดจะเป็นคนใจบุญบ้าง” แล้วก็เที่ยวได้ไปถามเจ้าตัว หรือคนรู้จักว่าเจ้าชะตาเขาเป็นคนใจบุญจริงหรือเปล่า เป็นการตั้งประเด็นที่ไม่ฉลาดเลย เพราะคำตอบส่วนมากเป็นเพียงความเห็นความรุ้สึก เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่า “แค่ไหน” จึงจะเรียกว่า “ใจบุญ” มีองคประกอบเบี่ยงเบนในเรื่องเหล่านี้เยอะแยะไป ดังนั้น คนที่ชอบมาสรุป เช่นว่า “อังคารเป็นกาลกิณีอยุ่ราศีกุมภ์มีแผลเป็นหรือใฝปานที่ขาทุกคน เห็นมามากแล้ว” ลองถามว่าที่ว่าเห็นมามากนั้นมีสถิติกี่คน เขาบอกว่าเห็นมา 2 – 3 คน แบบนี้ก็มี(จริงๆ) ความเห็นเช่นนี้เชื่อถืออะไรไม่ได้

จะยกตัวอย่างวิธีบางอย่างที่คนรุ่นเก่าใช้อยู่จริง และสอบลัคนาได้ด้วย คือการสังเกตดาวพุธ ในดวงชะตา เนื่องจากดาวพุธมีคุณสมบัติเดินเร็ว ทำให้คุณสมบัติเปลี่ยนแปลงเร็วด้วย และที่สำคัญดาวพุธนั้นเกี่ยวข้องกับการพูดการสื่อสาร ดังนั้น ดวงคนเราทั่วไป เมื่อสังเกตการพูดจาจะนับว่าง่ายกว่าอย่างอื่น ไม่เหมือนดาวอื่นเช่น ดาวศุกร์ ที่แสดงความรัก อารมณ์ศิลปะ หรือดาวจันทร์ แสดงจริตนิสัยอารมณ์ อะไรแบบนั้น ซึ่งสังเกตจริงๆได้ยาก ที่น่าขำคือบางอาจารย์สอนให้ดูร่างกายบางส่วน เดี๋ยวนี้ศัลยกรรมตกแต่งเยอะแยะไป ดูแล้วก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะถูกด่าเอาเปล่าๆ

ในที่นี้จะสมมุติดวงชะตา ที่มีพุธแรงๆหน่อย อย่างแรกคือ ตำแหน่งดาวทางจักรราศี แสดงคุณสมบัติ ของดาว พุธเป็นนิจประราศีมีน การเป็นนิจ แสดงว่าธาตุพุธมีน้อย โดยทั่วไปจะมีกำลังธาตุน้อย แสดงว่า ดวงชะตานี้การพูดการสื่อสารทำได้ไม่คงทน ไม่ใช่พูดไม่ดี พูดไม่ได้ ทำให้ไม่ค่อยอยากจะพูดจา พูดเท่าที่จำเป็น หรือพูดตรงๆสั้นๆ มักจะคิดมากกว่า เพราะพุธนิจทำงานได้เหมือนดาวธรรมดา แต่ธาตุน้อยกว่า ถ่านหมดเร็วเท่านั้นเอง แต่เพราะความเป็นประด้วย ทำให้ธาตุพุธภายในแตกเป็นชิ้นๆกระจายรวมกันไม่ติด ทำให้กำลังธาตุแสดงออกมาได้ไม่ดี จึงขาดห้วนๆ เกิดจากความไม่ต่อเนื่องในการแสดงออก ดังนั้น เมื่อพูดมักจะให้ต่อเนื่องยาวๆไม่ได้ (ประ) พูดได้จืดๆ เพราะธาตุพุธไม่มีกำลังนัก ไม่ทน เทียบกับพวกพุธเกษตรกำลังธาตุดีพูดเป็นชั่วโมงก็ยังสบายๆอยู่ ดังนั้น พวกพูธราศีกันย์ เป็นอุจและเกษตร จะพูดทน พูดยาว พูดพลิกแพลงได้ดี พุธยังหมายถึงการเรียนรู้และการคิดด้วย ดังนั้น พุธนิจ จึงเรียนหรือคิดได้สั้นๆต้องพักสมอง ไม่เกี่ยวกับไม่ฉลาด หรือไม่มีความรู้ แต่ก็พลอยทำให้ไม่ชอบคิดคณิตศาสตร์หรือเล่นเกมส์ที่ใช้ความคิดไปด้วย นักปราชญ์จำนวนหนึ่งมี พุธเป็นนิจ ประ อาจจะมีพรสวรรค์ พุธอยู่เรือนพฤหัสหากพฤหัสดีด้วย มีพลังงานป้อนให้พุธตลอดเวลา ก็จะทำให้พุธนั้นแสดงคุณสมบัติอยู่ได้นานนั่นเอง อาจดีกว่าพุธเป็นอุจเกษตรที่ไม่มีพลังงาน

ลองเปรียบเทียบพุธที่เป็นกาลกิณี (หรือกุมกาลกิณี) ตำแหน่งทางทักษาคือ คุณภาพดีเลว ของเรื่องราว เช่นพูดแล้วคำพูดเสีย กระด้างหู พูดไม่คล่อง หรือ ถ้าเสียมากอาจจะพูดแต่เรื่องไม่ดี หยาบคาย หรือโกหกได้อะไรประมาณนั้นหากพูดไม่ได้ หรือเป็นใบ้อาจจะเกี่ยวกับสุขภาพและสมอง เพราะธาตุในธรณีมักแสดงออกเป็นคุณภาพในดวงชะตา เราจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าพุธจะเป็นอุจเกษตรนิจประอย่างใดที่แสดงสมรรถภาพ ปริมาณหรือคุณสมบัติก็ตาม ไม่ได้มาแก้หรือเสริมกาลกิณีเลย เช่น คนที่พูดเก่งก็โกหกได้ คนพูดไม่เก่งก็โกหกได้ แต่ก็อย่าอุปทานในเรื่องกาลกิณีมากเกินไป บางครั้งกาลกิณีที่เป็นดาวดีๆ เช่นเป็นมหาอุจมหาจักร อาจจะพูดไม่เป็น (ไม่รู้วิธีพูด-ไม่ใช่เป็นใบ้) หรือ รู้แล้วพูดกับใครไม่ได้เรื่องราว ต่างจากพุธเป็นศรี มนตรี (หรือกุมศรี มนตรี)มักพูดทางดี สุภาพ เสียงไพเราะ พูดคล่อง แม้เป็นนิจประ ก็คือสอนน้อย เท่านั้น ไม่ใช่กาลกิณีเป็นนิจแล้วจะกลับกัน พวกที่ชอบเล่นแบบลบ กับลบเป็น บวก อะไรแบบนั้น ควรเลิกทำได้แล้ว

ตำแหน่งต่อมาลองดูตำแหน่งทางเรือนบ้าง เช่น พุธเป็นอริ เรารู้มาแล้วว่าเรือนอริเป็นเรือนที่ธาตุไหลไม่สะดวก เกิดจากเป็นมุมอับ ดังนั้น ธาตุพุธที่ไหลมาแสดงผลในเรือนอริ จึงมักติดขัด หรือสร้างความติดขัด พุธเรือนอริ จึงมักพูดหรือคิดแบบต่อต้าน ไม่ลงรอยความเห็นกับใคร และผลของการพูดการคิดนั้นก็จึงกลายเป็นความเดือดร้อน เนื่องจากคำพูดความคิดที่ออกมานั้น มีเนื้อธาตุของพุธแสดงออกมาได้น้อย เมื่อธาตพุธมีนามธรรมเป็น “การส่งผ่าน” การพูดเพื่อส่งผ่านความเห็นและข่าวสาร จึงไม่ค่อยได้ผลถึงหูคนฟัง คือขัดหูหรือเข้าใจยาก เมื่อพุธแสดงความหมายของอริตามตรง คือต่อสู้โต้เถียง จะกลับแสดงออกได้ดี จึงเป็นการโต้ตอบ หรือสอบสวน หรือสู้คดีก็ได้ มักระวังคำพูดหรือพูดเป็นหลักการแบบคนหัวหมอ หากเกี่ยวกับอาชีพจึงเป็นพวกทนาย นักกฎหมายจะถูกกับนิสัยเจริญดี

ลองเปรียบเทียบ พุธเป็นวินาสน์ เรือนวินาสน์นี้ธาตุจะแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ท่อนๆ คล้ายกับประ แต่กำลังธาตุไม่อ่อนเหมือนพวกประทั่วไป เนื่องจากเรือนวินาสน์ของดวงชะตา การกระจายของธาตุเกิดจากลักษณะทางกายภาพ ไม่เหมือนประ ซึ่งเกิดจากโครงสร้างธาตุในจักรราศี พูดง่ายๆ ดาวในเรือนวินาสน์ปกติก็อาจจะมีกำลังธาตุดีอยู่ แต่เพราะมาเป็นวินาสน์ จึงถูกเรือนนี้ทำให้ธาตุกระจาย (ธาตุอาจดี แต่กระจาย) ต่างจากประ ซึ่งกำลังธาตุไม่ดี และกระจายด้วย เรือนวินาสน์จึงเป็นเรือนไม่คงทนถาวร และขาดเป็นชิ้น เจ้าชะตาจึงมีคำพูดที่ขาดๆ พูดไม่มีหัวมีหาง พูดและคิดลับๆ คือ รู้อยู่เองแต่ไม่ได้พูดออกมา แม้ไม่ได้จงใจจะปกปิด แต่กายภาพของเรือนทำให้เป็นเช่นนั้นเอง ลักษณะการพูดจะเหมือนคนที่ว่ายน้ำอยู่ใต้น้ำ(พูดในใจ) แล้วโผล่ขึ้นมาเป็นครั้งคราว คำพูดจึงเหมือนขาดๆหายๆ เข้าใจยาก บางคนก็พูดชุ่ยๆ ไม่ค่อยมีความหมายหรือไม่มีอะไรจริงจังตามความหมายวินาสน์ หากใครมีพุธอยู่ใกล้บริเวณใกล้ลัคนา ก็พอพิสูจน์ตำแหน่งลัคนาได้จากการพูด ว่าพุธเป็นวินาสน์ค่อนข้างจะแน่นอน

หลักทางธรรมชาติพื้นฐาน ตำแหน่งดาว และตำแหน่งทางเรือนทางดวงชะตามักแสดงลักษณะธาตุเป็นเชิงปริมาณและกายภาพ ส่วนทางทักษาจะเป็นเชิงคุณภาพและจิตใจความรู้สึก ยกเว้นทำงานแสดงออกตามหลักอื่น

ลองเปรียบเทียบอีกที คือพุธที่ถูกดาวร้าย ดาวดี ร่วมกุม หรืออยู่ในเกษตรราศี เกิดผลทางลีลาหรือเนื้อหาของคำพูด เช่นสมมุติ พุธในเรือนศุกร์ (สอดคล้องกลมกลืน) มักจะพูดได้ประนีประนอมสมานฉันท์ พุธเรือนอาทิตย์ (เด่นชัด) มักพูดอะไรให้ชัดเจน มีหลักการ พุธเรือนพฤหัส (ขยายออก) มักชอบพูดเป็นธรรม สอนคน แม้ไม่มีใครฟังก็จะสอน ชอบบอกต่อ พุธเรือนอังคาร (ดีดกลับ) พูดจาโต้เถียง ด่าว่าเก่ง เผ็ดร้อน ย้อนยอก ดีดดิ้น เพราะอังคารสะสมพลังงานแล้วดีดกลับ พุธเรือนเสาร์ (ลึกล้ำ) มักชอบพูดดัดแปลง หรือประชดประชัน มีความหมายลึกๆ พุธเรือนราหู พูดพลิกแพลง และแผลงๆ อะไรทำนองนี้ พุธกุมดาวอื่น เช่นกรณีที่ว่ามา เช่น พุธกุมศุกร์ พุธกุมอาทิตย์ พุธกุมพฤหัส พุธกุมอังคาร ฯลฯ ผลจะคล้ายกับอยู่ในราศี เพราะเกษตรธาตุราศีกับธาตุดาวนั้นเป็นธาตุเดียวกัน จะมีข้อต่างกันอยู่ในทางทฤษฎี จะอธิบายทีหลัง แต่จะต่างกันอยู่ที่เห็นได้จากดาวกุม คือการเกิดผล ของคำพูดต่อเนื่องไปอีก หากเป็นดาวที่เป็นคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล ก็จะเกิดเป็นผลดีของคำพูด ตรงกันข้ามพวกคู่ศัตรู ปรปักษ์ธาตุ พูดดีเท่าไรก็มีปัญหาหรือกลายเป็นผลเสีย ไม่ใช่พูดไม่ออกแบบนิจประ หรือพูดไม่ดีแบบกาลกิณี

ดาวพักร มนท์ เสริด เกิดจากการโคจรของดาว เมื่อเทียบกับโลก ไม่ใช่พลังงานของธาตุดาวเอง เหมือนมีแรงที่สามมาจับธาตุดาวให้เดินเร็วหรือช้า ไม่ใช่กำลังของธาตุดาวเอง พูธเสริด จึงมักกำลังธาตุต่ำ กำลังดาวต่ำ ใช้ธาตุน้อยแรงน้อยมาถูกบังคับให้ทำงานเร็ว จึงมักพูดเร็วแต่อาจจะไม่ได้ความคือฟังไม่ทัน ไม่ครบคำพูด หากเป็นเรือนดาวช้าอย่างเรือนเสาร์ หรือกุมเสาร์ พูดเร็วแล้วจะผิดบ่อยเหมือนคนไม่มีแรงเมื่อเดินเร็วจะไถล หากพูดช้าก็ไม่ค่อยได้เรื่อง หรือมักตัดบท บางทีก็คิดเร็วกว่าพูดหรือพูดเร็วกว่าคิด อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะกำลังธาตุต่ำลง ไม่ทันกับการเคลื่อนที่ พุธพักร กำลังธาตุต่ำ แต่กำลังดาวดี แต่ก็พูดได้ช้าลง หรือพูดบรรจงกว่าจะครบไวยากรณ์ เพราะคิดมากเกรงจะผิด มักเขียนเอามากกว่า พุธมนท์ กำลังเหมือนพักร แต่มักพูดเน้น บางทีก็ซ้ำประเด็น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกษตรราศีและดาวที่มาเกี่ยวข้องทั้งคู่ดาว (คู่มิตร คู่ศัตรู ฯลฯ) จะทำให้คุณสมบัติแสดงออกเปลี่ยนไปได้มาก เราควรสังเกตดูว่า พื้นฐานของดาวในจักรราศีและเรือนเป็นอย่างไร และดาวอื่นมาทำให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้น ที่จริงนี่ก็เป็นหลักเดียวกับการวิจัยสมัยใหม่ หากเราตั้งประเด็นคำถามที่จะเก็บสถิติได้ถูกต้อง ก็จะทำให้เห็นคุณสมบัติของปัจจัยชัดขึ้น นี่เป็นตัวอย่างการศึกษาดวงชะตาจากพุธเท่านั้น เราจะสังเกตเองได้ง่ายหน่อย เพราะเรื่องนิสัยพูดนั้นปกปิดดัดแปลงไม่ค่อยได้

ลองลับสมองดูเล่นๆบ้างก็ได้ สมมุติดวงชะตามีลัคนาราศีเมษ เกิดวันเสาร์ พุธอยุ่ราศีมีนเป็นนิจประกาลกิณี เรือนวินาสน์ ร่วมศุกร์ มหาอุจเป็นศรี นิสัยการพูดของเจ้าชะตาควรจะเป็นอย่างไร


วรกุล - 27 เมษายน พ.ศ.2550 04:45น. (IP: 203.107.203.178)

ความคิดเห็นที่ 44
ขอบพระคุณอาจารย์ในคำตอบเรื่องเทวดาเสวยอายุครับ

ขอลองลับสมองดูครับ น่าจะผสมได้ว่า ชอบสอน(เรือนพฤหัส) พูดทางดี(กุมศรี) พูดกระด้างหู(กาลกิณี) มีแรงพูดได้น้อย(นิจ,ประ) คำพูดไม่ต่อเนื่องเข้าใจยาก(วินาส)พูดแล้วมักได้ผลดี(กุมคู่ธาตุ)


นพ - 27 เมษายน พ.ศ.2550 09:05น. (IP: 203.147.36.35)

ความคิดเห็นที่ 45
พูดจาอะไรเป็นพักๆ พูดน้อย ฟังเข้าใจยาก ใช้คำพูดรุนแรงแต่มีเหตุผล เมื่อพูดๆไปแล้วมักจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าพูดเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง หรือเพศตรงข้าม จะพูดเพราะขึ้น และมักทำให้เกิดผลดี


อ้วน - 27 เมษายน พ.ศ.2550 09:50น. (IP: 203.113.67.71)

ความคิดเห็นที่ 46
เรียนอาจารย์วรกุล ที่เคารพ

ขอหัดอ่านบ้างคะ

ขอทายว่าเจ้าชะตาไม่น่าจะพูดแล้วดี เพราะ ๔ กาลี เป็นเจ้าเรือนสหัชชะ-อริ เวลาพูดน่าจะกายเป็นชอบพูดติเตียนสั่งสอนผู้อื่น (เรือนพฤหัส) โดยที่ไม่มีใครขอความเห็น ศุกร์(๖)เป็นศรีมาจากเรือนกดุมภะ-ปัตนิ พูดแล้วเกิดศัตรู แต่ศรีกุมกาลี และกาลีเป็นนิจ กาลีน่าจะไม่สำแดงผลมาก ถ้าจะสื่อสารให้ดี เจ้าชะตาน่าจะสื่อสารทางการเขียน การประพันธ์ได้ดี (๔๖ คู่ธาตุ) อยู่เรือนธาตุน้ำ(มีน)หนูขอหัดทายว่าเจ้าชะตาน่าจะเขียนหรือประพันธ์เก่งลื่นไหลค่ะ ไม่น่าพูดดีพูดเก่ง


หนู - 27 เมษายน พ.ศ.2550 10:11น. (IP: 210.246.80.3)

ความคิดเห็นที่ 47
64 กุมกันในเรือนธาตุน้ำได้ อสีติธาตุ ... 4 กาลีเป็นนิจเป็นประ ทำให้ กาลีไม่มีแรง 6 ศรีม.อุจน์ ..เจ้าเรือนกดุมภะ,ปัตนิ ....ขอทายว่าพูดจาดีปราศจากอุปสรรคในการพูด พูดแล้วคนจะชอบ แต่ไม่พร่ำเพรื่อ....เพราะตกวินาศ.. อย่างไรต้องดู ดาว 5 ประกอบอีกครั้ง ถ้าได้ตำแหน่งดีก็ให้คุณ .............. หากผิดพลาดขออาจารย์ ชี้แนะด้วยค่ะ


nouk - 27 เมษายน พ.ศ.2550 19:25น. (IP: 124.121.37.243)

ความคิดเห็นที่ 48
ตอบคุณ นพ คุณอ้วน คุณหนู คุณ nouk ............ขอบคุณทุกท่านที่ลองตอบมานะครับ คำตอบของแต่ละท่านดีที่แสดงมุมมองและความคิดแต่ละท่านออกมา ผมไม่ได้ดูว่าทำนายถูกหรือผิดอะไร แต่สิ่งที่ผมจับสังเกตก็คือ ระเบียบของการคิด เนื่องจากการคิดในกรอบหรือระเบียบอันใดอันหนึ่ง จะช่วยเราได้มากในการวิเคราะห์ดวงชะตาต่อไป มิฉะนั้น หากคิดโดยไม่มีหลัก หรือกฎเกณฑ์ เวลามีดาวเพิ่มมากขึ้นและมีปัจจัยสาเหตุอะไรที่มากขึ้นไปอีก เราจะตั้งรับไม่ถูก จะกลายเป็นสับสนถูกน็อคได้

เช่นสมมุติมีดาวปัตนิเป็นกาลกิณี นิจ ประ เป็นวินาสน์ เรือนมนตรี กุมดาวอุจซึ่งเป็นศรี ถูกเสาร์เล็งลัคนาในเรือนปัตนิ พฤหัสตรีโกณเจ้าเรือนปัตนิ ดาวปัตนิอยู่ในวรโคตรรนวางค์ เป็นคู่อสีติธาตุ เล็งคู่ศัตรู เกิดในราชาฤกษ์ เป็นดาวพักร ฯลฯ ถามว่า คู่เป็นคนดีหรือคนเลว หล่อหรือขี้เหร่ คู่รวยหรือยากจน แต่งงานแล้วราบรื่นไหม จะได้แต่งหรือเป็นโสด แต่งแล้วจะรวยหรือจนลง จะมีคู่กี่คน ได้แต่งเร็วหรือช้า แต่งมีพิธีไหม พบคู่แล้วหรือยัง คู่ทำงานอะไร ตระกูลต่ำหรือสูง ฯลฯ คำตอบของคำถามเหล่านี้ เราต้องรู้ว่าจะเอาอะไรมาดู ไม่ใช่ตอบแค่ “ดี / ไม่ดี” แค่นั้น

จะเห็นว่า ข้อเขียนพยายามชี้ให้เห็นธรรมชาติของพุธที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากตำแหน่งของดาวพุธในราศีและเรือน ซึ่งจะมีผลทางปริมาณและกายภาพของธาตุพุธ ส่วนทักษาจะมีผลทางคุณภาพและจิตใจ ที่เกิดจากธาตุพุธ ในตอนนี้ แม้เราจะใช้เรือน ก็ยังเป็นเรือนที่ทำให้เกิดผลทางกายภาพของธาตุ นี่เป็นโครงสร้างเบื้องต้นของระบบดาว เรายังไม่ได้กล่าวถึงระบบเรือนที่จะบอกเรื่องราวของชีวิต ความเป็นไป คุณและโทษ เหตุผลที่มาของการพูด ซึ่งจะเป็นเรื่องอีกมากมาย

คุณนพ ครบประเด็นแต่ยังเป็นส่วนๆแยกกันอยู่ ขั้นต่อไปต้องเอามารวมให้กลมกลืน เพราะผู้ที่พูดนั้นเป็นคนคนเดียวกัน ไม่ได้พูดหลายแบบแยกกันตามที่เราวิเคราะห์

คุณอ้วน สรุปรวมได้กลมกลืน แต่ไม่ครบประเด็น จะถูกผิดไม่เป็นไร แต่การที่ไม่ได้บอกเหตุผลที่มาของการทำนาย อาจจะมาจากความคิดที่ไม่ชัดเจนได้ อย่างเช่น “เมื่อพูดๆไปแล้วมักจะมีปัญหาเกิดขึ้น” เป็นปัญหาของการพูด หรือปัญหาในเรื่องใด เช่นพูดแล้วเหนี่อย หรือพูดแล้วคนเกลียด หรือ พูดไร้สาระ เป็นปัญหาที่ไม่เหมือนกัน

คุณหนู สังเกตว่าไม่เคยชินในการดูระบบดาว แต่ก้าวข้ามไปดูระบบเรือน เช่น สหัชชะ- อริ กดุมภะ-ปัตนิ ความหมายคู่ดาว และสภาวะธาตุในราศีเลย จึงไม่ตรงกับกระทู้คำถาม แม้จะเอาตัวรอดมาได้ ระบบดาวกับระบบเรือนนั้นเป็นหลักใหญ่สองหลักที่ต้องวางกรอบความคิดให้มั่นคงก่อนในการแยกแยะความดีเลว เหมือนเส้นร่างโครงรูปที่บอกว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนรายละเอียด หรือส่วนขยายที่สำคัญ ที่เกิดจากคู่ดาว สภาวะธาตุ เกณฑ์ต่างๆ ฯลฯ จะมาช่วยเสริมให้เห็นชัดขึ้นทีหลัง คำว่า “กาลีเป็นนิจ กาลีน่าจะไม่สำแดงผลมาก” แสดงว่าเอากาลกิณี ไปปนกับนิจ ทั้งๆที่สองเรื่องนี้เป็นคนละเรื่อง

คุณ nuok ครบทุกข้อเลย 1 / ไม่ครบประเด็นตามคำถาม 2 / ไม่ได้ดูดาวพุธในระบบดาว ว่ามีคุณสมบัติเช่นนั้นเพราะอะไร 3 / เอาคนละเรื่องมารวมกัน เช่น กาลีเป็นนิจประ 4 / คิดไกลกว่ากรอบมาก เราต้องรู้ตัวก่อนว่าเราจะดูกำลังของธาตุ หรือกำลังของดาว หรือจะดูวาสนา คุณโทษ เรื่องอะไรกันแน่ในดวงชะตา ที่กล่าวว่า “กาลีเป็นนิจประ ทำให้กาลีไม่มีแรง” ถามว่า ไม่มีแรงอะไรหรือ เข้าใจว่ากาลีเป็นอย่างไร ถ้ามีแรงแล้วจะเป็นไง เป็นต้น

หากเราจะทำการทดลองอะไรอย่างหนึ่ง โจทย์เดิมมีว่า ดวงชะตามีลัคนาราศีเมษ เกิดวันเสาร์ พุธอยุ่ราศีมีนเป็นนิจประกาลกิณี เรือนวินาสน์ ร่วมศุกร์ มหาอุจเป็นศรี นิสัยการพูดของเจ้าชะตาควรจะเป็นอย่างไร ถ้าเราแก้โจทย์ โดยเลื่อนลัคนาไปอยู่ราศีพฤษภ ตอนนี้ พุธ + ศุกร์จะไปอยู่เป็น 11 แก่ลัคนา หรือลาภะ แทนที่จะเป็นวินาสน์ เราจะเห็นกำลังดาวของพุธนิจประสูงขึ้นเพราะได้พลังงานทางตรง(เป็น 11แก่ลัคน์) และ ธาตุพุธจะไม่แตกกระจายดังที่เคยเป็นวินาสน์ หากเราลองกลับมาดูคำทำนายครั้งก่อนของเรา เราจะเห็นว่าอะไรบ้างที่สาเหตุขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดาวจากลัคนา แล้วอะไรบ้างที่ไม่เปลี่ยนแปลง (เช่น นิจ ประ ทักษา ดาวคู่ที่กุม) ลองโยกลัคนาเลื่อนไปอยู่มิถุนอีกที แล้วดูอีกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ทีนี้เราจะได้รู้ว่าดาวในดวงชะตาเปลี่ยนไปในลักษณะใดขึ้นกับอะไรชัดเจนขึ้น


วรกุล - 28 เมษายน พ.ศ.2550 14:26น. (IP: 203.107.203.210)

ความคิดเห็นที่ 49
เรียน อาจารย์วรกุล

ติดตามอาจารย์ตลอด แต่ไม่เคยเขียนมาเลย ผมขอขอบพระคุณอาจารย์ที่อุตสาห์สละเวลามาให้ความรู้แก่ทุกๆคน ผมขอให้อาจารย์เขียนให้ความรู้ต่อไปอีกนานนะครับ เพราะคงหาผู้ที่มีความรู้และสละเวลาของตัวเองเพื่อคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว (ดวงที่อาจารย์ยกตัวอย่างเหมือนดวงผมด้วย)


นิวส์ - 29 เมษายน พ.ศ.2550 00:13น. (IP: 124.121.166.83)

ความคิดเห็นที่ 50
เรียนอาจารย์วรกุลที่เคารพ

เคยเรียนถามอาจารย์เรื่องดวงนวางค์ไปแล้วเข้าไจมากขี้นแล้วค่ะ ขอขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งค่ะ ที่จริงยังมีคำถามที่อยากจะเรียนถามอาจารย์อีกมากแต่คงต้องค่อยๆ ลำดับความไปก่อน วันนี้ขอถามเรื่องพุธก่อนนะคะ ต่อจากเกมส์ลับสมองของอาจารย์ พุธ(มนตรี)ในดวงนี้เป็นพุธ เก้าร้อนนิรันดร์อยู่ในราศีเมษร่วมอาทิตย์(ศรี)และเสาร์(กาลี)เมื่อมีดีมีเสียอยู่ร่วมกันแบบนี้จะอ่านยังไงถึงจะถูกคะ อาจจะดูเป็นคำถามที่โง่ ๆ แต่ปวดหัวจริงๆ ค่ะและพุธเก้าที่ว่าเป็นพินทุบาทว์ทำไมจึงจัดให้พุธเก้าเป็นพินทุบาทว์ล่ะคะนอกจากนี้ยังมีพฤหัสเล็งอยู่ที่ราศีตุลย์ส่วนอังคารเจ้าเรือนราศีเมษนั้นอยู่พฤษกร่วมศุกร์ จึงมีคำถามต่ออีกว่าทำไมอังคารที่อยู่พฤษกเป็นประและทำไมจึงได้ตำแหน่งราชาโชคด้วยคะอยากรบกวนอาจารย์ให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเรี่องที่มาของดวงมหาจักรและราชาโชคด้วยค่ะขอบคุณค่ะ


จีน - 29 เมษายน พ.ศ.2550 03:42น. (IP: 125.24.220.194)

ความคิดเห็นที่ 51
เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะที่กรุณาชี้ให้เห็นที่ข้อบกพร่องในการเรียนรู้หนูเห็นจุดบกพร่องของตัวเองชัดเจนเลยค่ะ และเห็นความชุ่ยของตัวเองด้วยค่ะ คืออาจารย์ก็สอนอยู่แล้วหยกๆ เช่น "แม้เป็นนิจประ ก็คือสอนน้อย เท่านั้น ไม่ใช่กาลกิณีเป็นนิจแล้วจะกลับกัน พวกที่ชอบเล่นแบบลบ กับลบเป็น บวก อะไรแบบนั้น ควรเลิกทำได้แล้ว" ฯลฯ จะจำไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ ขอบพระคุณค่ะอาจารย์


หนู - 29 เมษายน พ.ศ.2550 06:43น. (IP: 210.246.80.124)

ความคิดเห็นที่ 52
เรียน อจ วรกุลครับ ผมขอลับสมองด้วยอีกคนครับ "ลองลับสมองดูเล่นๆบ้างก็ได้ สมมุติดวงชะตามีลัคนาราศีเมษ เกิดวันเสาร์ พุธอยุ่ราศีมีนเป็นนิจประกาลกิณี เรือนวินาสน์ ร่วมศุกร์ มหาอุจเป็นศรี นิสัยการพูดของเจ้าชะตาควรจะเป็นอย่างไร"ขอตอบด้วยคนครับ พุธเป็น กาลกีณี คำพูดไม่ค่อยดี พูดแล้วก็อาจจะโกหก เป็นนิจประ ทำให้พูดเรียบเรียงต่อเนื่องเป็นประเด็นเดียวยาวๆไม่ได้ฟังแล้วคลุมเครือ อยู่เรือน วินาศน์ นานๆพูดที หรือ คิดจะพูดแต่ไม่ค่อยได้พูด กุมดาว ๖ มหาอุจน์เป็นศรี ความคิดที่คิดไว้นั้นก็คล่องดี คิดอะไรรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา พุธอยู่เรือน พฤหัส ทำให้นิสัยการพูด มักจะชอบพูดชอบสอน แต่ก็นานๆพูดสอนออกมาสักทีอีกเช่นกัน ... รบกวน อจ ช่วยชี้แนะอีกคนครับ ขอบพระคุณครับ


แบงค์ - 29 เมษายน พ.ศ.2550 12:59น. (IP: 125.25.4.8)

ความคิดเห็นที่ 53
ตอบคุณ นิวส์ (ความเห็นที่ 51) ............ขอบคุณนะครับที่มาอ่าน พอจะเป็นกำลังใจว่าเขียนแบบนี้แล้วจะมีคนอ่าน เขียนโหราศาสตร์เขียนยาก พูดเอาจะง่ายกว่า อยากให้ผู้สนใจเหตุผลมาอ่าน เพราะโหราศาสตร์ที่เรียนกันอยู่ไม่ค่อยบอกเหตุผลของสิ่งที่ให้เรียน.....ผมเกรงใจที่ต้องเขียนยาวๆทั้งๆที่ย่อแล้ว มัวแต่คิดว่าทำอย่างไรจะได้เขียนจนครบเรื่องที่ควรจะทราบ เนื่องจากแต่ละเรื่องมันจะพัวพันกับเรื่องอื่นๆที่ยังไม่ได้มาบอก เหมือนจะพยายามต่อจิ้กซอว์ให้ดูแต่ยังไม่เสร็จ จึงดูเป็นภาพที่ดูไม่รู้เรื่อง ไว้อ่านไปนานๆเข้าใจแล้ว ลองกลับมาดูบทเก่าๆสิครับ จะรู้ว่าแต่ละตอนที่ผ่านไปเขียนลำบากมาก

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ จีน (ความเห็นที่ 52) ............เรื่องการอ่านดาวก็กำลังเขียนอยู่ไงล่ะครับ ตอนที่เขียนไปนี้คือการอ่านดาวเดียวในขั้นต้นก่อนให้รู้ว่าจะมองมุมไหน พวกเราควรจะรู้วิธีอ่านดาวดวงเดียว ไปจนถึงดาวหลายดวง ซึ่งก็ควรจะเรียนการอ่านดาวอ่านเรือนมาก่อนกันทุกคนแล้ว จะได้มาอ่านต่อเรื่องทฤษฎีต่อไปได้ ที่ผมจำเป็นต้องเอามาเขียนนิดหน่อยเพราะตัวเองต้องอ้างเอาไปใช้ ไม่งั้นจะเขียนต่อไปยาก แม้จะเขียนคร่าวๆ แต่อย่างน้อยผมก็อ้างได้ว่าบอกหลักแล้วนี่

คำถามของคุณ 1 / ๔ มนตรี จับการพูดก็พูดอย่างเป็นหลักเป็นฐาน (มนตรี) + ๑ ศรี แสดงคุณ + ๗ กาลกิณี แสดงโทษ พูดง่ายๆภาษาธรรมดา ก็ว่าเจ้าชะตามักเป็นคนที่พูดอย่างเป็นหลักเป็นฐาน ทั้งในด้านผลดีและผลเสีย ทุกด้านไม่ลำเอียง อะไรประมาณนั้นนะครับ นี่มองทางทักษาที่เป็นคุณภาพของดาว แต่พอมองทางดาวกุมคือ ลีลาเนื้อหาของการพูด พูดเผ็ดร้อนใช้สำนวนมีสาระดีเข้าใจไม่ยาก (เรือนอังคาร – เผ็ดร้อน ว่องไว ๔ + ๗ สำนวน ๔ + ๑ มีสาระ) ขออ่านแค่นี้ก่อนเพราะมุมอื่นยังไม่ได้บอกหลัก ซึ่งเป็นกรณีของการอ่านทางดาว ยังไม่ได้อ่านทางอื่น นี่ก็เพิ่งเขียนการอ่านดาวดวงเดียว เพราะเดี๋ยวจะสับสน คุณต้องหัดดูดาวดวงเดียวก่อน แล้วเพิ่มเป็น 2 ดวงทีละขั้นๆไป จึงจะเข้าใจวิธีอ่านดีขึ้น

2 / เรื่องพุธเก้าพินทุบาทว์ เคยอธิบายไปแล้ว ทั้งเรื่องมุมดาวที่เป็นมุมเสียของพุธ และตำแหน่งสัมพัทธ์กับลัคนา ประเด็นมันยาว ลองหาดูหน่อยครับ 3 / ประ ก็บอกที่มาแล้ว ราชาโชคกับมหาจักรบอกยังที่มาไม่ได้ จะไม่รู้เรื่อง บอกง่ายๆคือตำแหน่งที่เหมือนกำลังธาตุสูงเหมือนอุจ เพียงแต่อุจเกิดในจักรวาล ราชาโชค กับมหาจักรเกิดในจักรราศีของโลก แต่ที่มาของมันต้องรู้ทฤษฎีให้พอเพียงก่อนครับ

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ แบงค์ (ความเห็นที่ 52) ............ถูกดีทั้งหมดแล้วครับ แต่ตอบทีหลังผู้อื่นเลยหักคะแนน 50%...พูดเล่นน่ะครับ การวิเคราะห์ตามประเด็นแบบนี้ช่วยให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างกันในการทำนายเห็นไหมครับ ตอนนี้เรามองดาวอยู่ ที่ยังไม่ได้มอง คือทางเรือนและกำลัง และก็ยังเป็นของดาวดวงเดียว หากเริ่มมองทีละขั้น ก็จะไม่งง


วรกุล - 30 เมษายน พ.ศ.2550 04:45น. (IP: 203.107.205.184)

ความคิดเห็นที่ 54
เรียน อาจารย์วรกุล ที่เคารพ

หนูชอบข้อเขียนในสองกระทู้ที่แล้วกับกระทู้นี้ของอาจารย์จริงๆค่ะเพราะทำให้หนูหายสงสัยและแน่ใจในหลายๆเรื่องมากยิ่งขึ้น คำตอบของอาจารย์ใน คห.55 ให้คุณจีน เหมือนเป็นตัวอย่างประกอบบทเรียนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก

แต่หนูยังพลิกแพลงคำอ่านไม่เก่ง มีคำถามรบกวนเรียนถามเพิ่มเติมค่ะ ในตอนนี้อาจารย์ยกตัวอย่างการอ่านระบบดาว โดยใช้ดาวพุธ(๔) เมื่ออ่านพุธเป็นการพูด เข้ากับทักษา สิ่งที่หนูยังด้อยคือ ความหมายของทักษาภูมิที่ไม่ได้เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) แต่เป็นคำนาม เช่น บริวาร อายุ มูละ อุตสาหะ 4 ภูมินี้เราจะเอามาผนวกกับพุธ(๔) ว่าพูดเป็นอย่างไร หนูพยายามแปล พุธ+บริวาร จะเป็น พูดแบบ"บริวาร" จะเป็นพูดอย่างไรดี (เมื่อวานเดินไปเดินมา ก็คิดอยู่นั่นว่า พูดแบบบริวาณ จะแปลอย่างไร คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก) หรือ พุธ+มูละ จะพูดแบบไหน

ส่วน พุธ+เดช หนูคิดเอาเองว่า น่าจะเป็น "เป็นคนพูดมีอำนาจ คำพูดคำจามีอำนาจ" อย่างนี้ได้ไหมคะ ส่วนจะมีอำนาจดีหรือไม่ดี เราก็ดูโจทย์ว่า ดาวพุธนั้นมีตำแหน่งอย่างไร (นิจประ) ร่วมกับดาวอะไร หรือเรือนดาวอะไร อย่างนี้ใช่ไหมคะ

หนูลองนึกดูเอาเองว่า พุธ+บริวาร จะอ่านว่า "พูดแต่เรื่องลูกน้อง คนใกล้ตัว (บริวาร)" อย่างนี้จะถูกหรือเปล่า หรือพูดอ่อนน้อม บริวารจะแปลให้เป็นคำคุณศัพท์ว่า อ่อนน้อม จะได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ

ขอกราบเรียนถามขอความกรุณาแนะนำหนูด้วยค่ะ


หนู - 1 พฤษภาคม พ.ศ.2550 06:04น. (IP: 210.246.80.4)

ความคิดเห็นที่ 55
เรียนอาจารย์วรกุลที่เคารพ

ขอขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ


จีน - 1 พฤษภาคม พ.ศ.2550 11:02น. (IP: 125.24.221.171)

ความคิดเห็นที่ 56
อาจารย์คะถ้า พุธกุมกับจันทร์คู่มิตร อยู่ในเรือนวินาศน์มีเจ้าเรือนคือราหู อ่านแบบนี้ได้ไหมคะ

พุธเป็นศรีการพูดจานุ่มนวล น่าเชื่อถือ อยู่เรือนวินาศน์นานๆพูด หรือบางที่คิดแล้วได้พูดออกมา หรือสถานการณ์ที่ไม่ควรพูดก็ไม่พูด รวมกับดาวจันทร์ เป็นดาวอายุ น่าจะเป็นพูดเพราะรู้จักประดิดประดอยคำพูด แต่อยู่เรือนของราหูคือทั้งหลายทั้งมวลข้างต้น แฝงไปด้วยเลห์เหลี่ยมการเอาตัวรอด

ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยคะ


สงกะสัย - 1 พฤษภาคม พ.ศ.2550 13:20น. (IP: 203.118.98.99)

ความคิดเห็นที่ 57
อาจารย์ครับ

ถ้าพุธเป็นเดช กุมอาทิตย์เป็นประเป็นกาลกิณี อยู่เรือนราหู ภพตนุ ส่วนราหูเป็นประอยู่ราศรีสิงห์

ตีความว่า พูดมีอำนาจแต่ใช้อำนาจในทางที่ผิดและคำพูดดูเจ้าเล่ห์ ชอบหลอกลวง ใช่ไหมครับ แต่ราหูไปอยู่ราศรีสิงห์ ก็หมายถึงเจ้าเล่ห์น้อยลง คำพูดที่ชอบหลอกคนอื่นน้อยลงใช่ไหมครับ แล้วราหูเป็นอุสาหะแต่ไปได้ตำแหน่งประ หมายถึง ไม่อยขยัน ไม่มีความอดทนใช่ไหมครับ

อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

ขอบคุณครับ


วิน - 1 พฤษภาคม พ.ศ.2550 13:48น. (IP: 58.137.48.4)

ความคิดเห็นที่ 58
กราบเรียนอาจารย์วรกุลครับ

ผมเพิ่งสึกจากโครงการบวชถวายในหลวงครับ

ขออนุญาตเอาบุญมาฝากอาจารย์ด้วยความเคารพ

ด้วยบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำในขณะบวช

ขอบุญนั้นช่วยดลบันดาลให้อาจารย์เป็นผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร

ให้ความรู้แก่เหล่าศิษย์(ทางเน็ตทั้งหลาย)

เป็นกุศลทานไปนานๆครับ

กลับมาเที่ยวนี้

มีการบ้านให้ได้ทดลองอ่านทำทดสอบความเข้าใจด้วย

เสียดายที่มาหลังเฉลยแล้วครับ

ท่านอาจารย์วรกุลครับ

อย่างการสึกนี่นับเป็นฤกษ์หรือไม่ครับ

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะดูเวลาสึกไว้

แต่คิดอีกทีว่าน่าจะปล่อยตามวาระกรรมที่เป็นไป

แล้วจึงมาดูชะตาตามเวลาสึกจริงๆ

กลับมาพร้อมข้อสังเกตกับวันสึกที่เป็นคำถามสักสองสามข้อครับ

ผมไม่กล้าขอให้อาจารย์ดูให้

เพราะกระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้ดูดวง

แต่ถ้าลองผูกแล้วลองอ่านดู

ถูกหรือผิดก็คิดว่าอาจารย์น่าจะกรุณาไขข้อข้องใจให้

เหมือนกับหลายๆคนที่ได้ถามอาจารย์และอาจารย์กรุณาตอบครับ

๑. ผมเคยอ่านเจอคำว่าอาทิตย์เมสเส จันทร์กันเย

สงสัยว่ามีความหมายพิเศษอย่างไรครับ

ใช่อาทิตย์อยู่เมษ จันทร์อยู่กันย์หรือเปล่า

คืออาทิตย์เป็นอุจ จันทร์เป็นราชาโชค

อย่างนี้หรือเปล่าครับ

๒. ตนุเศษคืออังคาร ธาตุลม อยู่กับราหู ธาตุลม

คู่ธาตุ ในราศีกุมภ์ เป็นธาตุลม เป็นประกิณเกณฑ์

ย่อมมีกำลังแรงเป็นพิเศษ แต่ถ้าลัคนาอยู่กรกฏ

ราศีกุมภ์ย่อมเป็นเรือนมรณะ

เมื่อเป็นอสีติธาตุในเรือนมรณะ

ย่อมให้โทษแรงยิ่งขึ้นหรือเปล่าครับ

ผมสังเกตว่า ๓ อังคารนั้นน่าสนใจเป็นพิเศษ

คือ ทั้งรับแรงจากอาทิตย์ในเรือนอังคาร

รับแรงจากราหู ในตำแหน่งที่ดาวอยู่เป็นคู่อสีติธาตุลม ประกิณเกณฑ์

รับแรงจากพฤหัสมหาจักร(แต่พักรอยู่)

๓.ตำแหน่งลัคนาเดิมราศีธนู(๑๕ พย. ๒๕๑๒ เวลา ๙.๐๐ น.)

กับลัคนาสึก(๒๙ เมษ.๒๕๕๐ เวลา ๑๐.๕๐)

เป็นอริ มรณะแก่กัน ย่อมให้โทษใช่หรือไม่..

คราวนี้ลองจับพุธในวันสึกมาทายตามโจทย์อาจารย์บ้าง

พุธ(ศรี)กุมอาทิตย์(บริวาร)อยู่ในเรือนอังคาร(เดช)

พุธในเรือนอังคาร

น่าจะพูดจาจัดจ้านยอกย้อนได้แสบสันต์เอาการอยู่

แต่เป็นสาระ เป็นเรื่องเป็นราวเพราะกุมอาทิตย์อุจน์

สำนวนภาษาจะน่าฟังเข้าหูสักหน่อย

แต่ก็ยังแรง และกระทบแรง

เพราะเป็นศรีอยู่ในเรือนเดช

ขณะเดียวกันก็อาจวุ่นพูดเกินความจำเป็น เพราะมี ๙ กุมอยู่ด้วยกับพุธและอาทิตย์

ผิดถูกประการใด น้อมรอคำสั่งสอนครับ

บุญรักษาครับ


มือใหม่ทักษา - 2 พฤษภาคม พ.ศ.2550 00:49น. (IP: 124.121.31.117)

ความคิดเห็นที่ 59
ตอบคุณ หนู (ความเห็นที่ 56) ............ที่จริงผมยกตัวอย่างทักษาเพื่อประกอบความเข้าใจการทำหน้าที่ของดาวและปัจจัยเท่านั้นเอง ไม่อยากให้ซีเรียสที่คำแปล อย่างที่บอกแล้วว่าต้องการให้ดูมุมที่เรามองในกรอบความคิดให้ถูก หากเรารู้จักควบคุมการมองให้มีหลักได้ ข้อเขียนต่อไปที่ผมเขียนจะยิ่งยาก และเข้าใจยากขึ้น เรื่องมหาทักษา ผมยังไม่ได้เขียนถึงจริงจังเลย เพราะจะเขียนทางดวงชะตาให้ไปมากพอก่อน จึงจะเอาทักษาเข้ามาก็จะเห็นได้ชัดขึ้น ตอนนี้ตอบชั่วคราวไปก่อนพอให้หายสงสัย ลองคิดเอาเองบ้างก็จะดี

พุธ บริวาร (แวดล้อม) ชอบพูดริเริ่ม หว่านล้อม วกวน รอบด้าน หลายประเด็น

พุธ อายุ (คงอยู่ อุดมสมบูรณ์) พูดครบเครื่อง ยืดเยื้อ ยืดยาว ยืดๆ หนักแน่น ประเด็นเดียว

พุธ เดช (แข็งแกร่ง) พูดแสดงอำนาจ เสียงแข็ง ยืนกราน พูดขวางๆ ก้าวร้าว บังคับ ออกคำสั่ง

พุธ ศรี (ละเอียด ดีงาม สำเร็จ) พูดสุภาพ หรือ อ่อนหวาน พูดสิ่งดี หรือ มีวาทศิลป์ พูดแหยๆ ยืดๆ

พุธ มูละ (เคลื่อนย้าย) ชอบเปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนประเด็น เรื่อยเปื่อย บิดพริ้วหลบเลี่ยง ต่อรอง

พุธ อุตสาหะ (เพียรพยายาม) ขยันอธิบาย ประดิษฐ์คำพูด เลียนแบบ ตามแบบ เอ้อๆอ้าๆ เน้นๆ ย้ำๆ

พุธ มนตรี (ช่วยเหลือ) พูดเป็นหลักฐานน่าเชื่อ รักษาคำพูด มีเหตุผล คล้อยตาม นอบน้อม ชเลียร์

พุธ กาลกิณี พูดหยาบ (ไม่ใช่คำหยาบ) ไม่ค่อยสนใจคำที่พูด พูดกระด้าง ห้วน พูดผิดพูดถูก ระคายหู ฯลฯ

เวลาเรามองทักษาเป็นคุณภาพของการพูด เราไม่ได้มองว่ามีผลเป็นเดชอำนาจ การมีอำนาจดีหรือไม่ดี ดูที่ดาวมีกำลังหรือเปล่า การอยู่ร่วมเรือน กุมดาวอะไร ก็มีส่วน เรื่องกำลังของดาวที่เกิดจากปฏิกริยา ยังไม่ได้เขียนครับ เอาไว้ใกล้ๆนี้แหละคงได้เขียน จะเขียนให้เข้าใจจึงเขียนยาก

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ สงกะสัย (ความเห็นที่ 58) ............ถูกแล้วครับ แต่ไม่ตรงกับทักษาทีเดียว 1 / พุธเป็นศรีการพูดจานุ่มนวล น่าเชื่อถือ อยู่เรือนวินาสน์นานๆพูด หรือบางทีคิดแล้วได้พูดออกมา หรือสถานการณ์ที่ไม่ควรพูดก็ไม่พูด ถูกเลย 2 / รวมกับดาวจันทร์ เป็นดาวอายุ น่าจะเป็นพูดเพราะรู้จักประดิดประดอยคำพูด จันทร์ประดิดประดอยถูกตามธรรมชาติดาว แต่ทางทักษาต้องหมายถึง พูดอ่อนโยน ยืนยาว (อายุ) เห็นอกเห็นใจ (คู่มิตร) ก็ได้ 3 / อย่ามองราหูทางร้ายก่อน ราหูมักพลิกแพลง อาจจะพูดให้รอดตัว หรือ เกลี้ยกล่อม โต้เหตุผลก็ได้ เพราะพุธเป็นศรีอยู่เรือนราหูมนตรี เป็นนักการทูตและเจรจาต่อรองได้ดี แต่ไปอยู่วินาสน์ทำให้พูดเท่าที่จำเป็น มักพูดแบบมีทางหนีทีไล่ หรือหาทางออก (วินาสน์ คือ ทางหนี ทางออกของธาตุ) ออกตัว

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

ตอบคุณ วิน (ความเห็นที่ 59) ............เราลองไล่ดูจากพุธเป็นพระเอกสิครับ พุธ เดช + ๑ กาลกิณี พูดแบบก้าวร้าว ไม่เห็นแก่หน้า หรือไม่ให้เกียรติ ( ๑ คือเกียรติยศหน้าตา เป็นประ)แก่คนอื่น (๘ ตนุเป็นประอยู่ปัตนิ) เป็นนิสัยส่วนตัว (ตนุ) มักพูดเน้นย้ำหรือตามแบบแผน ความคุ้นเคย ( พุธเรือนราหู อุตสาหะ)

ราหูเป็นประ ต้องดูว่าธาตุราหูอ่อนกำลัง ราหูปกติจะยึดควบคุมตัวเองได้ดี พอเป็นประธาตุกระจาย ต้องทำนายว่าควบคุมการใช้อารมณ์ไม่ค่อยได้ เป็นตนุ ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ กระตือรือร้น (เรือนอาทิตย์) แต่ไม่อดทนพอ ไม่ค่อยมีเล่ห์กลอุบายที่ดี มีอุบายที่ไม่ดีคือหลวมๆ ทื่อๆ ไม่คม (ประ กระจาย ไม่เป็นรูป) มักเลียนแบบเอา ราหูมักมีขีดจำกัดเหมือนลูกโป่ง เวลาทนเต็มที่จะระเบิด หากเป็นประจะมีขีดความอดทนต่ำกว่าพวกเกษตร


วรกุล - 2 พฤษภาคม พ.ศ.2550 04:48น. (IP: 203.107.203.197)

ความคิดเห็นที่ 60
กระจ่างคะ ชอบโจทย์แบบนี้จังได้ฝึกสมอง เหมือนเรียนสมการในวิชาคณิตศาสตร์


สงกะสัย - 2 พฤษภาคม พ.ศ.2550 08:22น. (IP: 203.118.97.76)

ความคิดเห็นที่ 61
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์


หนู - 2 พฤษภาคม พ.ศ.2550 13:50น. (IP: 210.246.80.18)

ความคิดเห็นที่ 62
ตอบคุณ มือใหม่ทักษา (ความเห็นที่ 60) ............ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่คุณได้บวชทำกิจอันเป็นกุศล ผลบุญนี้ถึงอย่างไรก็จะเป็นสิ่งที่สนองตอบในทางดีแก่เราได้ในวันหนึ่ง ทั้งยังเป็นนิสัยต่อไปภายหน้า 1 / ไม่ได้สนใจ จึงจำไม่ได้แล้วครับ คงจะใช่ 2 / ข้อแรกคือต้องเข้าใจว่าการบวชก็ตาม การสึกก็ตาม คือการกระทำกรรมประการหนึ่ง ไม่ใช่ดวงฤกษ์ กรรมย่อมเกิดผล การเกิดผลตามดวงชะตาต้องเป็นไปตามดวงชะตาเดิมครับ ส่วน ลัคนาเวลาที่เรากระทำนั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ เวลาอ่านพยากรณ์ตามดวงเหตุการณ์ก็เป็นเพียงลักษณะสถานการณ์ขณะนั้น หรือกาลชะตา ผลจากการสึกครั้งนี้ก็มีบ้างเหมือนเราเคาะระฆัง เสียงระฆังก็ยังดังอยู่ได้ระยะหนึ่ง มรณะเป็นการเปลี่ยนเพศจากภิกษุมาเป็นฆราวาส เมื่อเป็นคู่ธาตุก็เป็นความสำเร็จราบรื่นด้วยดี อาจจะมีโชคลาภได้รางวัลอะไรสักอย่างหนึ่ง หรือขายอะไรออกไปได้สำเร็จ 3 / ดวงสึกนี้เราไม่ได้ดูเรื่องพุธพูดจา แต่จะเอามาเป็นโจทย์ดูเรื่องพุธก็ได้ ที่คุณให้ความหมายมาก็ใช้ได้ แล้ว เว้นคำว่า “สำนวนภาษาจะน่าฟังเข้าหูสักหน่อย แต่ก็ยังแรง และกระทบแรงเพราะเป็นศรีอยู่ในเรือนเดช” นั้น อาจจะพูดใหม่เป็น พุธศรีอยู่เรือนอังคารเดช ก็พูดจาฉะฉาน ชัดเจนดี ๙ +๑๔ อาจจะหมายถึงคาถาบทสวดก็ได้ อะไรประมาณนี้ก็พอแล้วครับ


วรกุล - 3 พฤษภาคม พ.ศ.2550 04:48น. (IP: 203.107.205.94)

ความคิดเห็นที่ 63
กระทู้นี้ยาวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เรียกขึ้นได้ช้า จึงขอปิดเพื่อขึ้นกระทู้ที่ 27....ครับ..........


วรกุล - 3 พฤษภาคม พ.ศ.2550 04:49น. (IP: 203.107.205.94)

ความคิดเห็นที่ 64
ขอบพระคุณมากครับ


มือใหม่ทักษา - 3 พฤษภาคม พ.ศ.2550 12:31น. (IP: 124.121.37.37)

ความคิดเห็นที่ 65
จากคำถามของอาจารย์นะค่ะ

ดิฉันมีดวงคนใกล้ชิดอยู่คนค่ะ ลัคนาราศรีเมษ

มี3 อยู่กรกฏ

มี14 อยู่ภพวินาศ

นิสัยส่วนตัวของคนนี้ที่โดนเด่นมาก ๆ คือคุยเก่งมาก ๆๆๆ พูดไม่หยุด แต่พูดแต่เรื่องไร้สาระ หัวสมองเรียนไม่ค่อยเก่ง ขี้เกียจไม่ชอบเรียนหนังสือไม่ชอบอ่านหนังสือ และมีนิสัยโกหกจนติดตัวยากที่จะอบรมเรื่องการพูดจาโกหกเป็นนิสัยให้ดีขึ้นได้ และคำพูดของคน ๆ นี้จะเป็นคนพูดห้วน ๆ น้ำเสียงแข็งกระด้างค่ะ


อิอิ - 29 พฤษภาคม พ.ศ.2550 13:58น. (IP: 203.188.38.166)