พินทุบาทว์

เช้าวันอาทิตย์ราชการก็หยุดและโรงเรียนก็ไม่ต้องสอนจตึงเป็นอาสวันว่างของครูสมศักดิ์จึงตื่นแต่เช้าชวนครูก้อนซึ่งบ้านอยุ่ห่านกันเพียง 3 หลังคาเรือน ออกไปกินกาแฟเช้าที่ร้านเจ้าโกด้วยกัน พอแดดจัดก้ชวนกันเดินกลับเลียบเรื่อยมาตามทางที่ร่มรื่นด้วยสาขาไม้ใหญ่สองข้างทาง พอพ้นทางแยกถึงเขตเวนคืนเพื่อนสร้างตัวอำเภอใหม่ ซึ่งเป็นสุมทุมพุ่มไม้รกเพราะยังมิได้ก่อสร้าง ครูสมศักดิ์เป็นคนตาไว สะกิดครูก้อนให้ดุตามมือชี้ไปที่คูใหญ่ข้างทาง ภาพที่ครูก้อนเห็นก็คือ ชายหนึ่งรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์กำลังก้มๆเงยๆอยู่ริมคูน้ำ แม้เห็นข้างหลังก็จำได้ถนัดว่าเป็นเพื่อนเกลอ หมอเถานั่นเอง จึงเกิดอารมณ์สนุก จูงมือครูสมศักดิ์ค่อยๆแอบย่องเข้าไปข้างหลังไม่ให้หมอเถารู้ตัวพอชิดตัวครูก้อนก็แกล้งตะเบ็งเสียงตวาด “ขโมย”
หมอเถากำลังเพลินอารมณ์ไม่รู้หนเหนือหนใต้ อารามตกใจผวาจะโดหนีลงน้ำเคราะห์ดีครูสมศักดิ์เหนี่ยวแขนไว้ทันควันจึงรอดเปียกไป พอเหลียวเห็นหน้าคนร้องขโมยเต็มตา หมอเถาฉุนกึกเพราะรู้ว่าถูกแกล้ง“ผ่าเถอะครูก้อนเล่นพิเรนพรรณนี้เดี๋ยวพ่อด่าเจ็บๆ เสียหรอก”
ครูก้อนหัวเราะยิงฟันขาวชอบใจยังขำท่าทางหมอเถาตกใจจะโดดน้ำหนีลงคู
“ทำอะไรอยู่ว่ะ หมอเถา”
หมอเถาถูกถามนึกขึ้นได้ก็เอามือทั้งสองไพล่หลังบังตัวไว้ ทำหน้าพิรุธยิ่งถูกครูสมศักดิ์ถามซ้ำเข้าอีกก็พูดแก้ตัวเก้อๆ
“ยืนดูน้ำในคูเล่น”
“ช๊ะ ๆ หมอเถาชมวิว” ครูก้อนพูดปนเสียงหัวเราะ
ครูสมศักดิ์ถึงแม้จะไม่คุ้นเคยแต่ก็อดสัพยอกไม่ได้ “หมอเถามีอะไรดี ๆ รึ ถึงต้องซ่อนไว้ข้างหลัง ขอดูหน่อยเถอะ”
ทีท่าหมอเถาเก้อ ๆ อายๆ แต่ก็ต้องจำใจเอามือที่ไพล่หลังชูให้ดูเป็นยอดผักบุ้งน่ากินกำใหญ่
ครูก้อนรู้ท่าอยู่แล้วจึงได้แต่หัวเราะเฉยๆ แต่ครูสมศักดิ์อยากรู้อยากเห็นยังวักต่อไปอีก
“กะอีเก็บผักบุ้งก็ต้องปิดบังด้วย หมอเถาจะเอาไปเลี้ยงกระต่ายรึ”
“เปล่า…” หมอเถาปฏิเสธแล้วก็อึกอัก ครั้นจะตอบตรง ๆ ว่า เอาไปกินเองก็นึกอาย
ครูก้อนเลยเปิดโปง “ดูหน้าหมอเถาซิ เขียวขึ้น ๆ จนจะเป็นพระอินทร์อยู่แล้ว เพราะกินผักบุ้งทั้งเช้าทั้งเย็นทุกวันนี่แหละ”
หมอเถาฝันทำหน้าหัวเราะเป็นเรื่องสนุก แต่นัยน์ตาที่มองครูก้อนเขียวปัด เลยดูไม่ออกว่าหมอเถาหัวเราะหรือแยกเขี้ยวโกรธ
ครูสมศักดิ์หัวเราะไม่ออก เพราะนึกเวทนาความยากจนของหมอเถา ที่ต้องหาทางประหยัดเอาตัวรอด จัดแจงคว้าข้อมือดึงขึ้นมาบนตลิ่ง
“ไปบ้านผมด้วยกันก่อนเถอะ หมอเถา เช้าวันนี้แม่บ้านผมทำขนมจีนน้ำยาและห่อหมกขอเลี้ยงข้าวเช้าหมอเถาสักวัน ทั้งครูก้อนด้วยอย่าปฏิเสธนะ เสร็จแล้วสายๆจะได้ไปเยี่ยมหลวงตาพร้อมๆกัน”
หมอเถายังลังเล ครั้นจะรับปากง่ายๆ ก็เกรงว่าเขาจะว่าตะกละและครูก้อนสนับสนุน
“ไปน่ะหมอเถา ไปรับสังฆทานครูสมศักดิ์เขาหน่อย”
ครูสมศักดิ์ออกเดินนำหน้า ครูก้อนก็รุนหลังหมอเถาบอก
“ผักบุ้งน่ะทิ้งเสียทีซีหมอเถา ถือเอาไปประจานตัวเองอีกทำไมนะ”
หมอเถาหันรีหันขวาง ใจแม้ยังเสียดายแต่ก็ต้องจำใจแอบเข้าไปข้างทาง บรรจงวางผักบุ้งไว้เรียบร้อยอย่างทนุถนอม
ครูก้อนเร่ง “โธ่ โยนทิ้งลงคูไปก็สิ้นเรื่อง จะต้องร่ำลาอาลัยอาวรณ์กันอีก”
หมอเถาเถียงว่า “โธ่ ผักบุ้งนี่คือผู้มีพระคุณนะ”
ครูสมศักดิ์ออกเดินนำ ได้แต่ยิ้มๆ ไม่กล้าสัพยอก เพราะเกรงจะกระเทือนน้ำใจเพื่อนผู้มีฐานะยากจนกว่า
กุฏิหลวงตาชื้น วันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการมักจะมีแขกมาไม่ขาด ตั้งแต่เช้าสายเรื่อยไปจนบ่ายเย็นตลอดวัน
วันนี้เช่นกัน พอสามเกลอหมอเถา ครูก้อน และครูสมศักดิ์ย่างขึ้นกุฏิ ก็สวนทางกับแขกกลุ่มหนึ่งกำลังจะกลับสวนทางลงกุฏิไป
ทั้งสามคนเข้าไปกราบเคารพและทำหน้าที่ศิษย์วัด ช่วยกันจัดแจงเก็บข้าวของที่แขกถวายแอบข้างฝาไว้ ถาดหนึ่งเป็นนมกระป๋องและโกโก้โอวัลติน หลวงตาห้ามไว้ไม่ต้องยกไปเก็บ และเลื่อนส่งมาตรงหน้าคนทั้งส่าม
“เอาไปแบ่งกันกินเถอะ ของเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์แก่อาตมาเลย”
“ทำไมเล่าคะรับหลวงตา” หมอเถามองของคิดเสียดาย
หลวงตาชื้นตอบว่า “อาตมาชราแล้วสังขารมันไม่รับอาหารบำรุงพวกนี้หรอกปล่อยให้มันร่วงโรยหล่นไปตามอายุขัยแห่งสังขารของมันเถิดไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ฝืนความแก่ความตายไว้อีกหรอก”
ครูสมศักดิ์ขยับจะค้านก็ถูกหลวงตาโบกมือห้ามไว้และท่านพูดต่อ
“ที่สำคัญอาหารพวกนี้เปิดขึ้นก็ฉันวันเดียวไม่หมดเสียของเปล่าๆ เพราะเก็บไว้ฉันวันอื่นๆก็ผิดพระวินัย เพราะเป็นยาวกาลิกอันต้องห้ามแก่สงฆ์”
ครูสมศักดิ์เพิ่งจะรู้จักหลวงตา จึงแปลกใจทั้งศรัทธาในวัตร์และปฏิปทาที่ท่านปฏิบัติ
หมอเถาเก็บกวาดของอื่นๆ แล้วก็มาถึงกระดานโหรที่ยังวางอยู่ข้างหน้าหลวงตารอยดินสอท่านเขียนดวงชะตาของแขกที่มายังปรากฏอยู่ จึงก้มดูดวงพินิจพิเคราะห์ตามนิสัย ทั้งครูก้อนและครูสมศักดิ์ก็กระเถิบเข้าไปใกล้รุมดูด้วยกันทั้งสามคน
“เป็นดวงผู้หญิงที่เขามาดูเมื่อกี้นี้ มาดูเรื่องเนื้อคู่” หลวงตาบอกศิษย์ให้ฟังและปลงสังเวชตามอารมณ์สมณะ “หญิงก็ใฝ่แต่จะมีผัว ชายก็ใฝ่จะมีเมีย เออหนอคนเรามันดิ้นรนตะเกียกตะกายวิ่งแข่งกันลงนรกแท้ๆ ไม่กลัวเกรงกันเลย”
ครูสมศักดิ์แม้จะไม่เห็นด้วยกับทัศนะของหลวงตาชื้นแต่ก็ไม่กล้าคัดค้าน นิ่งมองดูดวงชะตาในกระดาน และอดออกความเห็นตามวิสัยนักโหราศาสตร์มิได้
“ดวงนี้เห็นทีจะผิดหวังเรื่องเนื้อคู่นะขอรับ เพราะดวงนี้เสาร์เล็งลัคน์ เป็นพินทุบาทว์เข้าตำราทีเดียว”
ครูก้อนแอบสะกิดเพื่อนทั้งขยิบตาห้ามหลวงตาไม่ทันเห็น เพราะมัวหันไปพยักหน้ากับหมอเถา “หมอเถาล่ะ จะว่ากระไร”
หมอเถาอ้ำอึ้งเพราะเรื่องพินธุบาทว์นี้ ตนเคยถูกตอกหน้ามาหลายครั้งหลายคราวจึงตอบเลี่ยงๆ พอเอาตัวรอดไว้ก่อน
“ผมขอตรวจดูก่อนคะรับ ยังไม่ใคร่มั่นใจ”
หลวงตาหันไปทางครูก้อน “โคลงพินทุบาทว์เขาว่าอย่างไร ครูก้อนลองท่องให้ฟังดูทีรึ”
ครูก้อนท่องโคลงทั้ง 2 บท ฉาดฉานไม่ติดขัด

เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้ว อสุรา
ภุมเมศอัษฎา ว่าไว้
จันทร์สิบเอ็ดแก่รา- หูเล่า
อาภัพอัปภาคย์ให้ โทษแท้ประเหินเห็น
ระวิภุมมะ ทั้งโสรา
ปัญจะแก่ลัคนา พุธเก้า
จันทร์กับชีวา เป็นแปด
ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้า ว่าร้อนนิรันทร์
“เออสมเป็นครู จำแม่นและอ่านทำนองเสนาะเสียด้วย” หลวงตาชื้นชมแล้วก็หันไปทางครูสมศักดิ์ “พิทุบาทว์นี้พวกโหรทางกรุงเทพฯเขาเล่นกันอย่างไรครูสมศักดิ์”
ครูสมศักดิ์ซึ่งถูกครูก้อนสะกิดไว้เมื่อครู่จึงตอบระมัดระวังขึ้นเพราะยังอ่านใจหลวงตาไม่ออกว่าจะไปทางไหน “พูดยากขอรับ บางอาจารย์ท่านก็ถือเคร่งครัดตามโคลงของเก่า ท่านถือเป็นดวงแตกทายเรือนปัตนิเสีย เป็นโทษแน่นอนไม่มีข้อยกเว้น บางอาจารย์ท่านก็ไม่ถืออ้างว่าดวงคุณหญิงคณนายหรือที่มีศักดิ์สูงๆมีพินทุบาทว์เล็งลัคน์ก็ไม่เห็นเป็นโทษอะไร ดูขัดแย้งกันอยู่มีข้อทุ่มเถียงกันบ่อยๆผมเองก็ตัดสินใจไม่ถูก เพราะบางทีก็เห็นมันร้าย บางทีมันก็ไม่ร้าย”
หมอเถาเลยรวบรัดเอาง่ายๆ “ผมอยากให้หลวงตาอธิบายเพราะผมเองก็ยังงงๆเรื่องนี้และถูกหลวงตาดุบ่อยๆ”
ครูสมศักดิ์ได้ทีพนมมือแต้ “ผมขอทานวิชาตอนนี้สักครั้งเถอะขอรับ หลวงตากรุณาอธิบายเอาบุญกับผมทั้งสามด้วย”
“อาตมาเป็นพระบ้านนอก เล่าเรียนวิชาโหราศาสตร์กับครูบาอาจารย์ในวงแคบๆอธิบายได้แต่คำครูบาอาจารย์ที่สอนมาให้ฟังได้เท่านั้น ที่จะวิจารณ์ว่าใครผิดใครถูกอย่างไรนั้นปัญญาไม่ถึงแน่ เอาแต่เพียงฟังไว้ประดับสติปัญญาเพื่อค้นคว้าต่อไปละก็ได้ อย่าเอาไปหักล้างคนอื่นเขาเลย”
ครูสมศักดิ์พนมมือไหว้อีกรับคำ นึกดีใจเพราะเล่นโหราศาสตร์มาหลายปี แสวงหาคำอธิบายมาไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ใด
หลวงตานั่งตัวตรงตั้งใจอธิบาย
“อันโคลงของเก่าตำราเก่าเขาคงไม่ผิดดอก อาจารย์เก่าท่านคงไม่ใจร้ายเขียนไว้หลอกคนเล่น แต่ท่านเขียนไว้แต่ตัวโคลงสั้นๆเราคนรุ่นหลังไม่เข้าใจเจตนาของท่านเหมือนตำรายาเขียนไว้ ถ้าไม่บอกน้ำกระสายสรรพคุณก็ไม่ขลัง”
หมอเถาเป็นหมอยาถูกใจ “จริงแท้คะรับหลวงตา ตำรายาเก่าๆเขียนไว้ในสมุดข่อยมากมาย แต่ซ่อนตัวน้ำกระสายไว้ไม่บอกเอามาใช้ไม่ได้ผลมากต่อมาก”
หลวงตาหัวร่อชอบใจที่ศิษย์คอสองสนับสนุน
“กฎเกณฑ์พินทุบาทว์นี้ จะเล่นดาวโดดๆดวงเดียวแสดงโทษไม่ได้ จะต้องใช้ร่วมกับหลักเกณฑ์โหราศาสตร์ คือ อำนาจดาวอำนาจของเจ้าเรือนเดิมเขาเสียก้อน จึงค่อยพิจารณาถึงจุดพินทุบาทว์ เพื่อรู้ว่าโทษนั้นๆจะเกิดสถานใดหนักเบาเพียงใด”
ครูสมศักดิ์ตั้งอกตั้งใจฟังแทบจะลืมหายใจ เห็นหลวงตาหยุดก็รีบซักต่อถึงความข้องใจของตนอีก “คำว่าพินทุบาทว์เป็นจุดชั่วจริงไม๊ขอรับ”
“จริงแล้ว” หลวงตารับคำ “ชื่อมันก็บอกอยู่ตรงตัวพินทุ แปลว่า จุดหรือตำหนิหรือมลทินบวกคำว่า อุบาทว์ เข้าก็แปลว่า จุดชั่ว นั่นเอง แต่ไม่ใช่เป็นพินทุบาทว์แล้วจะชั่วร้ายเสียหายหมดก็หาไม่ มันเป็นจุดอันตรายที่พึงระมัดระวัง เหมือนจุดเปราะจุดร้าวฉานอยู่มีอะไรไปกระทบกระทั่งเข้า ผลร้ายมันก็จะเกิดโดยง่ายกว่าเรือนอื่นๆบางท่านพยากรณ์เป็นจุดเสียหายมาก ถึงกับมีผัวมีเมียไม่ได้หรือมีได้ก็เลวทรามต่ำช้าหมด อาจเป็นเพราะเข้าใจคำว่า “พินทุบาทว์” เป็น “ภินทุบาทว์” คำว่า “ภินทุ” แปลว่า “แตกพังทำลาย”
หลวงตาหยุดรับถ้วยน้ำชา ที่หมอเถารินประเคนให้ดื่มอึกใหญ่จนหมดถ้วย หยิบกล่องบุหรี่มาจุดสูบให้อารมณ์ปลอดโปร่งแล้วท่านก็เลื่อนกระดานโหรมาตรงหน้า
“อย่างเช่นดวงนี้ต้องเกณฑ์พินทุบาทว์เพราะเสาร์เล็งลัคน์ก็มีโทษอยู่ แต่มิได้ร้ายแรงอย่างที่เข้าใจกัน ครูสมศักดิ์ลองอ่านดูตามทางเรือนเขา เสาร์เป็นเจ้าเรือนกดุมภะไปเล็งลัคน์ดาวเสาร์มีความหมายว่าเตระหนี่ถี่ถ้วยพิถีพิถันจู้จี้ เมื่อไปเป็นพินทุบาทว์ในเรือนปัตนิก็ได้เป็นไปตามชีวิตของเธอแล้ว คุณผู้หญิงคนนี้เธอช่างเลือกพิถีพิถันในเรื่องคู่ครองนักหนา มีคนมาสู่ขอหลายรายไม่ชอบใจ จะเลือกเอาคนมีฐานะมีทรัพย์สินร่ำรวย เลยค้างเติ่งมาจนอายุ 30 เป็นสาวแก่ และเมื่อเสาร์มีความหมายว่า เก่า,แก่,นาน เมื่อมาอยู่ในเรือนปัตนิเห็นทีจะได้ผัวแก่แน่ เห็นไหมว่าเอาเจ้าเรือนและความหมายของดาวเข้าอ่านร่วมกฏพินทุบาทว์มันได้ความเหมือนอ่านหนังสือและอีกทางหนึ่ง ให้พึงดูเจ้าเรือนปัตนิของเขาว่าไปตกอยู่ในภพคุณ ภพโทษอย่างใดกับลัคนาซึ่งจะรู้ได้ว่าเมื่อมีเรือนมีคู่แล้วจะเกิดคุณโทษสถานใดเป็นผลสุดท้าย”
ครูสมศักดิ์ซึ่งมิได้เคยรับคำอรรถาธิบายอย่างแตกฉานเช่นนี้มาก่อน ปิติปลาบปลื้มดีใจเหลือหลาย รีบก้มลงกราบหลวงตาชื้นจนหน้าผากกระทบพื้นกระดานดังกึก
“เป็นพระคุณที่สุดขอรับ ผมจะจดจำไว้ไม่รู้ลืมเลย”
“ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ” หลวงตาชื้นเอ่ยขึ้นอีก “คำครุบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่าพินทุบาทว์ดาว 3 ดวง คือ เสาร์ ราหู และศุกร์นั้น ทุกข์โทษย่อมต่างกันตามสภาพแห่งดาว เช่น เสาร์ ย่อมทำให้เกิดโทษทุกข์ทางใจเกาะกินเนิ่นนานหมือนไฟสุมขอน ถ้าราหูเป็นพินทุบาทว์ท่านว่าจะเกิดโทษเพราะมัวเมาเห็นผิดเป็นชอบ ทำผิดทำนองคลองธรรมจึงเกิดโทษแท้ประเหินหีน ส่วนศุกร์เป็นพินทุบาทว์ ย่อมจะหลงระเริงความสนุกสนานด้วยกามกิเลศ จนเกิดโทษ ร้อนนิรันดร์ตามโคลงท่านว่าไว้”
ครูสมศักดิ์และครูก้นหน้าบานดีอกดีใจที่ได้ความรู้ แต่หมอเถากลับมีสีหน้าเศร้าเพราะคิดคำนึงถึงตัวเอง ต้องเป็นโสดมาจนจะแก่ตาย ไม่รู้ว่าดวงตัวเองจะมีพินทุบาทว์หรือไม่ เพราะพ่อแม่จำเวลาเกิดไม่ได้และนึกเอาเองว่าถ้ามีพินทุบาทว์ ก็คงเป็นดาวมฤตยูเป็นแน่แท้ มันจึงดับสูญเรื่องคู่ถึงเพียงนี้
เสียงกลองเพลดังตูมๆ และดังเป็นจังหวะถี่เข้าจนเงียบไป เป็นสัญญาณว่าการสนทนาจะต้องสิ้นสุดลง เพราะเป็นเวลาฉันเพลของหลวงตา
แต่กระนั้นหลวงตาชิ้นก็พูดสำนวนทิ้งท้ายเตือนใจครูสมศักดิ์ไว้ให้คิดว่า
“ที่อาตมาพูดให้ฟังนี้เขาเรียกว่า “ความรู้นอกคอก” คือถ้าเรียนรู้อยู่แต่ในคอกก็จะพบแต่หญ้าแห้งและฟางแห้งเป็นพื้น หญ้าสดหรือของดีๆมันอยู่นอกคอกทั้งนั้น แต่รับรองได้ว่าไม่ “นอกครู” เพราะมีครูบาอาจารย์สั่งสอนไว้ทั้งสิ้น.

Generate and convert tables for websites with DivTable.com! Try this free online HTML tool!



#บทความหมอเถา (วัลย์) #บทความโหราศาสตร์ #โหราศาสตร์ #ดาราศาสตร์