วันนักขัตฤกษ์ จนสายแดดกล้าร่วม 10.00 น. ร้านกาแฟเจ้าโกมีลูกค้าคับคั่ง ทุกโต๊ะเต็มร้านเพราะเป็นวันหยุดราชการด้วยนายห้างเจ้าโกเดินเก็บเงินหน้าตายิ้มแย้มเบิกบานเป็นพิเศษ โต๊ะติดหน้าร้าน ใกล้ริมถนน สมาชิกเต็มโต๊ะเป็นครูเก่าหนึ่ง ครูใหม่หนึ่ง และข้าราชการอำเภอ คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ ข้าวสารขึ้นราคาและการเดินขบวนและข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ เสียงพูดคุยทางโต๊ะในร้านกาแฟชะงักหยุดเงียบลงทันควันเหมือนนัดกันหยุดพร้อมกันเพราะเสียงเอะอะสลับกับเสียงไชโยโห่ฮิ้วของคนจำนวนมากดังมาจากทางแยกที่จะเลี้ยวมาทางร้านกาแฟ ทุกคนในร้านกาแฟลุกออกมามุงแน่นอยู่หน้าร้านด้วยความสนใจครูเก่าและครูใหม่ที่นั่งโต๊ะหน้าร้าน พยายามแทรกคนมุงออกมาหน้าเพื่อน เพื่อจะดูเหตุการณ์ให้ถนัด พอหัวขบวนโผล่จากทางแยกเป็นวัวผู้สีน้ำตาลพ่วงพีล่ำสันเดินอย่างองอาจผ่าเผยมากลางถนนและที่องอาจยิ่งไปอีกก็คือคนที่นั่งหลัววัวไขว่ห้างทำโก้อย่างกับนั่งรถยนต์เก๋งชั้นดี ข้างหลังเป็นขบวนเด็กวัยสิบ ทั้งโห่ร้องป้องปากล้อวัว บ้างตีปีกปึงปังหวังจะให้วัวตื้นเพื่อจะได้ดูคนขี่วัวผจญภัย ทั้งครูก้อนและครูสมศักดิ์จำได้ก็อุทานเต็มเสียงพร้อมกัน “เฮ้ย…หมอเถา” เสียงสองครูดังจนได้ยินถึงหูหมอเถาที่นั่งอยู่บนหลัววัว ถึงกับเหลียวหน้ามาดูดีใจที่พบเพื่อนคู่หูจึงเหนี่ยวสายสนตะพรายให้วัวเลี้ยวตรงมาทางครูก้อนและครุสมศักดิ์พอวัวเข้าใกล้กลุ่มคนเด็กๆที่มุงอยู่ด้านหน้าก็แตกฮือวิ่งหนีอลหม่าน ให้ผู้ใหญ่พลอยหลบพัลวันเพราะไม่ไว้ใจเส้าสัตว์มีเขา กลุ่มเด็กที่ยกขบวนตาโห่ฮืวมาก็เข้าล้อมหน้าลอ้มหลังล้อเลียนร้อนจถึงครูสมศักดดิ์ต้องจัดการไล่เพราะล้วนแต่เด็กนักเรียนโรงเรียนครูสมศักดิ์ทั้งสิ้น จึงเชื่อฟังและแยกย้ายไปโดยดี “นี่มันเกิดอะไรขึ้นหมดเถา ถึงได้ขี่วัวเป็นพระอินทร์ยังงี้” ครูก้อนถามปนเสียหัวเราะเพราะขำท่าทางของเพื่อน หมอเถายังนั่งไขว่ห้างอยู่บนหลังวัวท่าทางภูมิใจในพาหนะของตน “บ๊ะ…ขี่วัวมันแปลกยังไง’’ ผู้คนถึงแตกตื่นนักครูก้อนก็ยังพลอยแปลกกะเขามั่ง” “โธ่เอ๋ยหมอเถาดูสารรูปตัวเองเถอะมันน่าขำเพียงไหน” “ช๊ะๆฉันว่าสารรูปฉันมันเป็นพระเอกน๊ะครู พระเอกลูกทุ่งของไม้เมืองเดิมยังไงล่ะ” หมอเถาลอยหน้าเถียงอย่างภาคภูมิ ทั้งครูก้อนและครูสมศักดิ์หัวร่องอหายจนหมอเถานึกกระดากทำทาเก้อเขินเสพูดเรื่องธุระ “วันนี้วันหยุดตั้งใจจะมาชวนไปกุฏิหลวงตาคงจะมีแขกมาแยะคงมีดวงแปลกๆบ้าง” “หมอยังไม่ตอบเลยว่าทำไมถึงมาเป็นพระเอกขี่วัว” ครูสมศักดิ์ถามอีกเพราะอยากรู้ “เถอะน่ะ…” หมอเถาตัดบท “เรื่องมันยาวไว้ไปเล่าที่กุฏิหลวงตาดีกว่า” “ไปก็ไป หมอเถามีรถยนต์ตราวัวขี่ล่วงหน้าไปก่อนเถอะ” ครูก้อนว่า “ไปพร้อมๆกันก็ได้เ”หมอเถาเขยิบที่นั่งบนหลังวัวให้ “ขี่มันไปพร้อมๆกันทั้งสามคนนี่เหละ” “ไม่ขอเดินไปเองดีกว่า” ครูก้อนปฏิเสธ หันไปชวนครูสมศักดิ์ออกเดินไปก่อน หมอเถาก็กระตุ้นวัวเดินตามหลังไปติดๆ พอลับร้านกาแฟ หมอเถาเทียบวัวข้าไปใกล้ชวนอีก “ขึ้นมาเถอะน่าครูมันนั่งสบายไม่หยอก หลังมันนุ่มยังกะเบาะยัดนุ่น” ครูก้อนหยุดเหลียวหน้าเหลียวหลังเห็นลับตาคนก็ชักเปลี่ยนใจนึกสนุก เดินวนไปท้ายวัวแล้วก็ตัดสินใจปีนขึ้นไปนั่งและฉุดมือครูสมศักดิ์ขึ้นไปเป็นสาม หมอเถาสงสัยถาม “เมื่อกี้ครูก้อนเดินไปตรวจท้ายวัวทำไมรึครู” ครูก้อนตอบหน้าตาเฉย “ดูว่ามันตัวผู้หรือตัวเมีย ถ้าเป็นตัวเมียมันจั๊กจี้หัวใจไม่กล้าขี่” ต่างหัวเราะกันครื้นแครงปล่อยให้วัวเดินไปตามสบายจนกระทั่งเลี้ยวเข้าสู่เขตวัด บนกุฏิหลวงตาชื้นขวักไขว่ด้วยผู้คนแขกเหรื่อตั้งแต่เวลาฉันเช้ามาแล้ว กระทั่งเหลือชุดสุดท้ายเป็นข้าราชการที่ย้ายมาใหม่ยังอ้อยอิ่งซักไซร้ไล่เลียงหลวงตาว่าจะเป็นใหย่ไปภายหน้าหรือไม่ จะร่ำรวยเห็นเศรษฐีหรือไม่ จะไม่ถามอยู่ก็เรื่องเดียว เรื่องว่าจะมีเมียน้อยหรือไม่เพราะคุณนายนั่งท้าวแขนฟังอยู่ด้วยห่างออกไปทางหอฉัน แขกประจำกุฏิคือศิษย์ทั้งสามเลี่ยงไปนั่งจับกลุ่มคุยกันคอยให้แขกว่าง ครูก้อนยังติดใจเรื่องวัวจึงถามต่ออีก “หมอเถาว่าจะเล่าเรื่องวัวมันยังไงกัน” หมอเถาสีหน้าหนักใจ “เรื่องมันยังงี้ฉันทำสวนครัวไว้หล้งบ้านพอทุ่นค่ากับข้าวได้เก็บกินมาทุกวัน มาเมื่อเช้าวานซืนตื่นขึ้นก็พบเจ้าสองเขานี่เข้าไปอยู่กลางสวนเถาฟักแฟงแตงร้าน ที่อุตส่าห์รดน้ำทุกวันจนงอกงามมันกินเรียบไม่เหลือเลยสักต้นเดียว หมดคลังเสบียงก็คือฉันหมดตัวแหละ มันวัวใครก็ไม่รู้ฉันก็เลยยึดตัวมันไว้เป็นจำเลยเพื่อจะได้คิดค่าเสียหายกับเจ้าของมัน คอยแล้วคอยอีกก๋ไม่มีเจ้าของมาติดตามผูกมันไว้กับระเบียลงบ้านไปเที่ยวติดตามหาเจ้าของ ช๊ะ…พอกลับมาพบระเบียงบ้านพังไปอีกแถบหนึ่งเพราะมันดิ้น ที่หายไป 2-3 วันน่ะหยุดซ่อมบ้าน” ครูสมศักดิ์แนะอย่างผู้รู้ “ก็ไปแจ้งอำเภอเขาซี” “แจ้งแล้ว หมอเถาว่า “ไปแจ้งตำรวจกองเมืองเขาก็รับแจ้งแต่เขาไม่มีห้องขังจำเลยวัว ตำรวจเขาให้มาเลี้ยงไว้รอเจ้าของไปไหนก็ต้องเอาไปด้วย ขืนผูกไว้บ้านก็คงพังทั้งหลัง” ครูก้อนออกความเห็นมั่ง “ก็มันกินของเรา เราก็มีสิทธิกินเนื้อมันเสียก็สิ้นเรื่อง” “โธ่ครูก้อนคิดเป็นยักษ์เป็นมารใครจะทำลง” หมอเถาส่ายหน้าและจุ๊ปากรำพันคิด “ถ้าเป็นวัวตัวเมียละก็ไม่ว่าเลย ยังจะพออาศัยประโยชน์ได้มั่ง” “เฮ้ย…หมอเถา” ครูก้อนร้องอึกเสียงลั่น จนแขกของหลวงตาหันมามอง ครูก้อนจึงลดเสียงลงพอได้ยินกันสามคน “แกจะคิดพิเรนเอาวัวทำปัตนิเรอะ อย่านา…ติดคุกเป็นปีทีเดียว” “ครูก้อนพูดลามก” หมอเถาปฏิเสธทันควัน ฉันหมายนถึงว่าถ้าเป็นวัวตัวเมียยังจะพอรีดนมขายหาลำไพ่แทนค่าเสียหายได้บ้าง” “เออพ้นเคราะห์ปี” ครูสมศักดิ์ถอนหายใจหายห่วง “นึกว่าหมอเถาจะมีลัคนาราศีพิจิกเรือนปัตนิเป็นราศีพฤษภ วัว” หมอเถาหัวเราะยิงฟันขาวเพราะถูกสัพยอกแล้วก็ระบายความทุ่กข์ในอกที่หนักใจอยู่ “ถ้าไม่พบเจ้าของอีกพักเดียวฉันเจ๊งแน่ ทุกเช้าก็ต้องพาไปกินหญ้า ไปไหนก็ต้องหอบหิ้วไปด้วยนานเข้าเห็นจะต้องนิรโทษกรรมเจ้าวัวตัวนี้ เอามันไปปล่อยเสียให้พ้นๆหมดเวรกันเสียที” แขกของหลวงตาได้เวลาลากลับ ต่างคนต่างกราบหลวงตาหน้าตายิ้มย่องผ่องใสเพราะคำพยากรณ์ต่างยกขบวนถอยจากชานระเบียงพากันลงจากกุฏิไป หมอเถาและครูก้อนและผู้ที่กำลังสมัครเป็นศิษย์ใหม่คือครูสมศักดิ์ก็ลุกจากหอฉันเข้ามากราบหลวงตา “เออครบชุดดีจริง” หลวงตาชื้นวิสาสะยิ้มแย้มอารมณ์ดี “มากันแต่เช้ามีธุระอะไรด้วยหรือเปล่าล่ะ” “ไม่มีธุระคะรับ” หมอเถาตอบแทนเพื่อน “วันหยุดก็เลยมากราบเท้าหลวงตาคอยรับใช้ครับ” หลวงตายิ้มถูกใจทั่งๆที่รู้ว่าถูกประจบ “ปากหมอถามันประจบหวานยังงี้ไม่น่าอยู่เป็นโสดมาจนแก่เลย” ครูสมศักดิ์เรียนถามหลวงตาถึงแขกที่เพิ่งจะกลับเมื่อครู่นี้ “ดูเหมือนจะเป็นข้าราชการอำเภอเพิ่งย้ายมาใหม่กระมัง ขอรับ” “ใช่…ครู ย้ายมาจากภาคกลางเป็นแผนกที่ดิน เวลาเกิดเขาไม่แน่ผูกดวงมาหลายแห่งไม่ค่อยยุติกัน เขาเองก็สงสัยอยู่ตลอดมา” ถ้าเช่นนั้นก็คงมาสอบลัคนา” ครูก้อนแอบมองดูดวงที่ยังเขียนอยู่บนกระดาน “ก็คงจะทำนองนั้นแหละ” หลวงตาพยักหน้าและชี้ดวงบนกระดาน “ดูเอาซี”ครูสมศักดิ์ ครูก้อน และหมอเถาสุมหัวเข้าดูกระดานโหรพร้อมกันทั้งสามคน หลวงตาอธิบาย “เขาจำผู้ใหญ่บอกแต่เพียงว่าเกิดเวลาบ่ายโมงเศษๆไม่รู้ว่ามันเศษเท่าใด ถ้าเศษน้อยลัคนามันก็อยู่ราศีมิถุน ถ้าเศษมันถึงครึ่ง ลัคนาก็สถิตราศีกรกฏ” ครูสมศักดิ์เป็นคนคิดอะไรก็บไว้ในใจไม่อยุ่ก็ออกความเห็นตามที่ตนได้เรียนมรู้มาเดิม “ผมว่าคงจะพอสันนิษฐานได้ไม่ยากนักรู้เวลาเกิดวางลัคนาคาบเกี่ยวเพียง 2 ราศีเท่านั้น” หมอเถาและครูก้อนไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อนจึงไม่กล้าออกความเห็นได้แต่ยิ่งคอยฟัง หลวงตาชื้นนั้นพลอยพยักหน้าและซัก “ครูสมศักดิ์จะสันนิษฐานยังไง ไหนลองอธิบายดูทีรึ” ครูสมศักดิ์พูดออกไปแล้วจึงคิดว่าไม่ควรแสดงความรู้ต่อหน้าหลวงตาผู้แตกฉานจึงพนมมือไหว้”ผมขออภัยที่พูดเพราะเห็นเขาเล่นๆกันอยู่อย่างแพร่หลายขอรับ” “เออ…พูดไปเถอะครูสมศักดิ์” หลวงตาตกปากอนุญาติ “อย่างแผนกที่ดินนั้น น่าจะวางลัคนาเกิดไว้ราศีมิถุน คงจะเกิดไม่ถึงเวลาบ่างโมงครึ่งแน่” หมอเถากับครูก้อนนั่งอ้าปากฟังนึกนิยมครูสมศักดิ์ว่ารวอบรู้วิชาโหราศาสตร์พอตัวทีเดียวจึงหลอยซักถามบ้าง “ครูสมศักดิ์ เอาเกณฑ์อะไรเป็นเครื่องพิสูจน์หรือ ดูรวดเร็วดี” “ก็เจ้าเรือนของเขานั่นแหละ” ครูสมศักดิ์ภูมิใจที่มีความรู้เหนือเพื่อน “ท่านแผนกที่ดินรูปร่างท่านอ้วนท้วนสมบูรณ์และเตี้ยรูปร่างดาวพุธเจ้าเรือนราสีมิถุนชัดอยู่ ถ้าเกิดถึงบ่างโมงครึ่งก็ต้องราศีกรกฎรูปร่างน่าจะบอบบองแช่มช้อยเหมือนสตรีตามลักษณะของจันทร์อันเป็นเกษตรเจ้าเรือน” ทั้งครูก้อนและหมอเถาฟังเหตุผลเข้าเค้าดีนึกเชื่อถือเป็นจริงแต่ยังไม่แน่ใจตรงที่ยังมิได้ฟังหลวงตาอธิบายเหตุผล ใจหนึ่งก็ยังมั่นใจว่าหลวงตามักมีของดึกว่าเสมอ แต่หลวงตามิได้คัดค้าน กลับถามเรื่อยๆ “เป็นไปทุกราศีซีน๊ะครูสมศักดิ์” “ขอรับ เขาเล่นกันเช่นนี้” ครูสมศักดืรับคำแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่แน่ใจความรู้ของหลวงตาชื้นอยู่เช่นกัน“ผมก็เลยเล่นตามๆเขาเรื่อยๆมา” “แล้วถ้ามันมีดาวลอยจากราศีอื่นมารวมกันอยู่ด้วยล่ะ เอาละสมมุตกันว่า ถ้าลัคนามาอยู่เรือนพุธมันอ้วนเจ้าเนื้อและถ้าเสาร์เข้ากุมมักรูปร่างผอมเกร็ง เราจะกำหนดเอาว่าอ้วนหรือผอมล่ะครูสมศักดิ์” ครูสมศักดิ์ชักเงอะที่ถูกซักเพราะตนมิได้ใช้จนช่ำชองนัก นอกจากจดจำเขามาแต่ต้นๆเหตุนั่นซีขอรับ ผมยังงงๆอยู่จึงอยากกราบเท้าหลวงตาขอราบเหตุผล” “เออ พอมันจนมุมเข้าก็โดดเกราะเอวหลวงตาเอาตัวรอดไปทุกที” หลวงตาหัวเราะชอบใจแล้วหันไปทางหมอเถา ลองปัญญา “หมอเถาล่ะคิดเห็นอย่างไง” หมอเถาไตร่ครองมองหน้าเพื่อนตอบไม่แน่ใจนัก” เสาร์รูปผอมเกร็ง พุธรูปอ้วนท้วน ผสมกันมันคงเป็นรูปกลางๆไม่อ้วนไม่ผอมสมส่วนกระมังคะรับ” หลวงตาชื้นยิ้มชอบใจความคิดเหตุผลทื่อๆของหมอเถาและหันมาซักครุสมศักดิ์ต่อไปอีก “อันรูปร่างทรวดทรงของคนนั้นมันเปลี่ยนได้ตามวัยและอาย เช่นบางคนเมื่อหนุ่มๆรูปทรงอ้อนแอ้นเอวเล็กเอวบาง พออายุมากเข้าก็อ้วนท้วนก็มีมาก ยิ่งผู้หญิงด้วยแล้วรูปร่างเปลี่ยนแปลงได้ง่าย พอมีลูกมีผัวแก่ตัวสบายอกสบายใจบ้างมีบุญมีวาสนามักเจ้าเนื้อทุกราย ครูสมศักดิ์เคยเห็นมาบ้างหรือเปล่าล่ะ” ครูสมศักดิ์ชักไม่สบายใจ “เคยเห็นขอรับ มีมากเสียด้วย” “ก็นั่นน่ะซี” หลวงตาว่า “ถ้าเปลี่ยนรูปทีมิต้องเปลี่ยนลัคนาให้มันตรงกับลักษณะของดาวตามราศีไปหรือครูสมศักดิ์ เอ๋ย” ครูสมศักดิ์ ครูก้อน หมอเถา มองหน้ากันเองหาคำตอบ เพราะตัวเองมิได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น ทั้งเป็นเหตุผลที่ค้านไม่ได้เสียด้วยทางที่ดีที่สุดคือนิ่งเฉยเสีย หลวงตาชื้นยังอธิบายในเชิงยกตัวอย่างต่อไปอีก “อย่างเช่นเด็กเกิดมารูปร่างเล็กบอบบางหรือสูงใหญ่ ผิวดำ หรือผิวขาวก็สุดแต่พ่อแม่กรรมพันธุ์แห่งเขา ลูกแขก ลูกเจ๊ก ลูกไทยมนเหมือนกันยาก ครั้นเมื่อวางลัคนาตามเวลาเกิดเขาแล้ว รูปร่างเขาเกิดขัดกับรูปร่างตามลักาณะดาวประจำราศีจะว่าอย่างไรจะเปลี่ยนเขาตามรูปร่าง เวลาเกิดเขาแน่นอนก็ยันอยู่ ครั้นถ้าไม่เปลี่ยนก็ดูมันจะผิดตำราไป ครูสมศักดิ์จะทำอย่างไร” ความคิดครูสมศักดิ์ขณะนี้เหมือนยอดไม้ต้องลม มันดอนเอนจนไม่รู้ทิศทาง นึกเสียใจว่าไม่ควรออกความเห็น ความคิดของหลวงตาคิดข้ามหัวไปทุกที “ผมมิได้คิดค้นเหตุผลลึกซึ้งขอรับ ใช้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปคราวหนึ่งๆเท่านั้น” หลวงตาท่านก็เทศนาชักเรื่องมาให้ฟังอีก “เรื่องรูปร่างเหมือนลักษณะดาวประจำราศีนี่น่ะ ผัวเมียทะเลาะกันถึงขนาดเลิกกันก็มีหลายรายเพราะหมอดูเอาลักษณะดาวเจ้าเรือนปัตนิของเขามาทายรูปร่างของเนื้อคู่แท้ให้เขา อ้ายที่หนุ่มสาวยังไม่มีผัวเมียก็พอทำเนา ที่เขาได้เสียอยู่กินกัน แล้วรูปไม่สมตามคำหมอดูชักเกิดระแวงพอเมีเรื่องระหองระแหงมันพาลจะคิดเลิกกันทุกทีเพราะนึกอยุ่เสมอว่ามิใช่เนื้อคู่แท้ๆ” ครูสมศักดิ์เคยคบหานักโหราศาสตร์มามากกก็ออกความเห็นอีกเพื่อลองหยั่งฟังเหตุผลของหลวงตาชื้น“ผมเคยได้ยินมาว่าบางอาจารย์ท่านใช้วิธีวินิจฉัยลัคนาด้วยวิธีให้เจ้าชะตาเดินให้ดู คือถ้าเดินเหมือนแพะก็อยู่ราศีเมษตามสัญลักษณ์ของราศี ถ้าเดินเหมือนวัวก็ราศีพฤษภ ถ้าเดินเหมือนมนุษย์ก็ราศีมิถุน” หมอเถาเกิดเรืองปัญญาคิดเหตุผลซักมั่ง “อ้ายราศีเหล่านั้นพอจะเป็นไปได้หรอกครูสมศักดิ์ แต่ราศีกรกฏมิต้องเดินให้เหมือนปูเร๊อะ คนเรามันจะเดินยังไง เดินเขาข้างๆไป” “ก็นั่นน่ะซี” ครูก้อนชักมองเห็นขึ้นมาบ้าง “พอถึงราศีตุลย์กับราศีกุมภ์ยิ่งยุ่งใหญ่เดินให้เหมือนตาชั่งหรือหม้อน้ำ มันจะเดินกันอีรูปไหน ผมมองไม่เห็นเลย” ครูสมศักดิ์เสียแต้มจนหน้าแดงรีบออกตัว “ผมก็ไม่เห็นด้วยแต่ไม่ทันคิดเหตุผลถี่ถ้วน” หมอเถาหันไปหาหลวงตาพนมมือตามนิสัย “คนเก่าๆมักเกิดจำเวลากันไม่แม่นยำเพราะมิได้จดกันเป็นโมงเป็นนาทีเหมือนคนสมัยนี้มักจะประมาณๆกันเอาตามเวลาที่สังเกตได้ นาฬิกาก็มักไม่มีทุกบ้านหรือถึงจะมีก็มักไม่ใคร่เที่ยงตรงคงเส้นวากันนัก จะวินิจฉัยอย่างไรคะรับ ถ้าเวลามันคาบเกี่ยวราศีกันหลวงตากรุณาให้ความรู้พวกกระผมด้วย วันหน้าไปดูเขาผิดๆถูกๆจะเสื่อมเสียถึงครูบาอาจารย์” “ช๊ะๆหมอเถา พูดเป็นวัวพันหลักมาขู่ข้าได้” หลวงตาชอบอกชอบใจคารมหมอเถา “คนโบราณเขาบอกเวลาเกิดกัน ก่อนเพลบ้าง เวลาควายกลับคอกบ้าง พระบิณฑบาตบ้าง ไม่ใคร่รู้โมงยามกันหรอก” ถ้าเขาไม่มีทางพิสูจน์เขาก็ทำนายทายทักกันไม่ได้ เขามีวิธีของเขา” ถึงตอนสำคัญหลวงตากับหยุดนิ่งเสียหันไปรินน้ำชาดื่มและจุดบุหรี่ใบตองในกล่องสูบ หมอเถา ครูก้อน ครูสมศักดิ์คอยจ้องฟังตอนสำคัญ จะเตือนก็ไม่กล้า นิ่งกันไปพักใหญ่เหมือนลองใจศิษย์ หลวงตาจึงเอ่ยขึ้นเป็นปริศนาลายแทง” “มันต้องกำหนดเอาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยากเป็นเครื่องกำหนดราศีแห่งลัคนาเขา แม้จะมีอายุขัยเท่าใดก็ตาม” ท้งสามศิษย์มองหน้ากันเองใช้ความคิดตามคำของหลวงตาก็คิดไม่ออกเช่นเดิม หมอเถารำพึงอ่อยๆ “ขึ้นชื่อมนุษย์ อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอคะรับ” “สันดาน ซีว๊ะมันเปลี่ยนยาก สันดานคนบางคนตั้งแต่หนุ่มจนแก่ไม่เปลี่ยนเลยก็มี” หลวงตาไม่ทันใจความฉลาดของลูกศิษย์จึงบอกตรงๆไม่อ้อมค้อมอีก “ตัวตนุเศษนั่นและคือความคิดนิสัยจิตใจที่แสดงออกให้เรารู้ได้ชัดกว่าอย่างอื่น ม่ายเช่นนั้นโบราณท่านจะวางตนุเศษไว้ทำไม เรามันไม่ใคร่ใช้กันปล่อยละเลยเสียมาก บางคนไม่เห็นประโยชน์เลยไม่หาเสียเลยก็มี” ครูสมศักดิ์รีบซัก “อย่างเช่นดวงของท่านแผนกที่ดินล่ะขอรับหลวงตา ลัคนาอยู่ราศีไหนขอรับ” หลวงตาชี้ตำแหน่ง ลัคนาบนกระดาน “ถ้าลัคนาอยู่ราศีมิถุน ตนุเศษก็จะเป็นพุธ อุปนิสัยแห่งพุธก็คือ เชาว์ไว อารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่ายรวดเร็วประทับใจ ฝังใจครู่เดียวก็ลืม ชอบสังคมคบหาเพื่อนฝูง มีความคิดความอ่านคล้อยตามคนอื่นๆได้ง่าย ชอบเล่าเรียนศึกษาเป็นคนใช้การเจรจาตกลงประนีประนอมมากกว่าหักหาญรุนแรง นี่เป็นนิสัยตามลักษณะดาวพุธ” ถ้าลัคนาอยู่ราศีกรกฎตนุเศษก็จะเป็นอาทิตย์” หมอเถานับราศีหาตนุเศษแทน หลวงตาชื้นก็อธิบายต่อ “ถ้าตนุเศษเป็นอาทิตย์ลักษณะนิสัยแห่งอาทิตย์ก็คือตำหนิหรือสั่งสอนแนะนำสิ่งใดตรงไปตรงมาไม่เกรงใจใคร ใจกว้าง มักมีอุดมคติถือคำมั่นสัญญา ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง เออมันแยะนักรู้แต่ย่อๆเถอะ” ครูสมศักดิ์ยิ้มหน้าบานมองเห็นตลอด “จริงอย่างหลวงตาแนะนำขอรับ เป็นพระเดชพระคุณที่สุด” “แล้วครุสมศักดิ์ว่าท่านที่ดินจะมีลัคนาอยู่ราศีไหนล่ะดูเอาเอง” หลวงตาโยนกลองไปให้ “ผมว่าอยู่ราศีกรกฏขอรับ เพราะเคยทราบนิสัยอยู่บ้าง” ครูสมศักดิ์กำหนดอย่างมั่นใจ แต่ก็อดถามหลวงตาไม่ได้ “หลวงตาวางลัคนาเขาไว้ราศีไหนขอรับ” “เออ…ก็ราศีกรกฏนั่นแหละถูกแล้ว” หลวงตาบอกแล้วหัวร่อชอบใจ “เจ้าสามคนนี่แหละไปยกอาหารมาใกล้เพลแล้ว ฉันแล้วจะไปเยี่ยมท่านเจ้าอาวาสสักหน่อย ท่านอาพาธไม่มีเวลาคุยด้วยเสียแล้ว”